กามเทพปีกหัก
เขานำความสูญเสียและโชคร้ายสู่ชีวิตเธอทุกครั้งที่พบ
กามเทพควรจะอุ้มสมรัก..แต่เมื่อกามเทพปีกหักรักของเขาและเธอจึงกลับตาลปัตรกว่าจะลงเอย

Tags: กามเทพ

ตอน: ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

ภาพของชายวัยกลางคนที่ถูกฟาดด้วยไม้หน้าสามจนสลบแน่นิ่ง ตามด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหญิงวัยกลางคนที่ถูกปลิดชีวิตในไม่กี่นาทีต่อมา ถึงแม้เหตุการณ์ในความฝันนั้นจะพร่าเลือน แต่มันยังคงฝังแน่นอยู่ในจิตใต้สำนึกยากจะลืมเลือน ดูอย่างในค่ำคืนนี้แม้จะหลับสนิทดำดิ่งลึก ภาพและเสียงร้องโอดครวญนั้นก็ยังตามมาหลอกหลอน

ยิ่งพยายามผลักไสเท่าไรก็ดูเหมือนฝันร้ายนั้นยิ่งคุกคามหนักยิ่งกว่าเดิม นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น ไม่มีคืนไหนเลยที่รติกานต์จะนอนหลับสนิทได้อย่างมีความสุข

ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ ฝันร้ายนั้นดูไม่ต่างอะไรกับเรื่องจริง ดังนั้นถึงแม้เขาจะฝันถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังทำให้รู้สึกขวัญหายและรู้สึกผิดอยู่ทุกครา มันเป็นตราบาปในชีวิตที่เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

ลมหายใจของชายหนุ่มติดขัดเหมือนกับหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ หมอบอกเขาว่ามันเป็นอาการโฟเบีย หรืออาการกลัวอย่างรุนแรง อาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความช็อกและความกระทบกระเทือนทางจิตใจจากเหตุการณ์อุบัติเหตุในคืนนั้น

รติกานต์หน้าซีดเหมือนจะเป็นลม ก่อนที่สติสัมปะชัญญะของเขาจะดับวูบ รัชพลหรือบีบี้ ผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็เดินเข้ามาในห้องพักพอดี

“ชิน ตื่นหรือยัง วันนี้เรามีนัดเซ็นสัญญากันนะ” รัชพลร้องปลุกให้รติกานต์ลุกจากที่นอน แต่เมื่อเห็นสภาพของรติกานต์ รัชพลถึงกับร้องเสียงสูงอย่างตกใจพลางควานหายาดมและพัดที่เก็บไว้ที่โต๊ะข้างเตียงมาช่วยปฐมพยาบาลนายแบบหนุ่มเป็นพัลวัน

“หายใจลึกๆ ทำใจให้สบายๆ นี่ขนาดย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น อาการยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอเนี่ย”

“ขอบคุณครับพี่บีบี้ ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมจะรีบไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้แหละ” เมื่อรติกานต์เริ่มหายใจได้ตามปกติก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที โดยไม่ยอมฟังคำห้ามปรามของรัชพลที่ท้วงให้พักนิ่งๆ อีกสักครู่ก่อนลุกไปอาบน้ำ

รติกานต์ไม่อยากจมอยู่บนเตียงนานนัก บางทีการลุกไปอาบน้ำอาจจะช่วยบรรเทาความตึงเครียด ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเขาจะต้องไปพบลูกค้ารายใหญ่ และต้องไปเดินแบบต่อ เขาจึงต้องพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติเพื่อพร้อมสำหรับการทำงาน

“ชินโอเคจริงๆ นะ ถ้าไม่ไหว พี่จะโทร. ไปยกเลิกงานเดินแบบวันนี้” รัชพลอดเป็นห่วงไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้สีหน้าของเขาจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่รัชพลก็ยังจัดแจงหาชาร้อนๆ ให้เขาดื่มเพื่อคลายความกังวล

รติกานต์ซาบซึ้งในความเป็นห่วงเป็นใยที่รัชพล มีให้เสมอมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กกำพร้าไม่มีอะไรติดตัวรัชพลพบกับเขาครั้งแรกตอนที่เขาเปิดแผงขายเสื้อยืดแบกะดินเล็กๆ หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สัญชาตญาณการเป็นแมวมองของรัชพลทำงานทันทีเมื่อพบชายหนุ่ม รัชพลทาบทามให้เขาเป็นดาราในสังกัดเป็นคนแรกด้วยความเชื่อมั่นว่า ใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์แบบหนุ่มเอเชียและรูปร่างกำยำสูงใหญ่แบบชาวตะวันตกจะทำให้เขาประสบความสำเร็จในวงการนายแบบได้ไม่ยากนัก

เส้นทางสู่ดวงดาวที่รัชพลวาดให้กับรติกานต์ไม่ได้ง่ายดายโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด เขาและรัชพลต้องร่วมกรุยทางสู่ความฝัน ฝ่าฟันอุปสรรคล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน เคยผ่านทั้งช่วงเวลาที่อับจนแทบจะไม่มีอะไรกินมาแล้วด้วยซ้ำ แต่รัชพลก็ไม่เคยคิดเอาตัวรอดเพียงคนเดียว ดังนั้นสายสัมพันธ์ของเขากับรัชพลที่เริ่มจากธุรกิจจึงค่อยๆ บิดเกลียวผูกพันกลายเป็นสายใยความสัมพันธ์ฉันมิตรและพี่น้อง

ไม่มีใครในโลกใบนี้ที่รติกานต์จะรักและเชื่อใจเท่ากับรัชพลอีกแล้ว

แม้แต่เหตุการณ์ร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน รัชพลเองก็เป็นคนที่จัดการเคลียร์ปัญหาและตัดสินใจชวนเขาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นทันที เพื่อให้ลืมเรื่องร้ายๆ...เรื่องที่เขาเป็นต้นเหตุให้สามีภรรยาคู่หนึ่งที่มีน้ำใจช่วยเขาจากอุบัติเหตุรถยนต์ต้องตกเป็นเหยื่อของมนุษย์เดนสังคมโดยที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือคนทั้งสองได้เลย แต่ดูเหมือนการหนีปัญหาย้ายมาอยู่ที่ญี่ปุ่นนั้นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเพียงแค่ผิวเผิน เพราะอย่างไรเสียคนเราก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงได้

เมื่อรติกานต์แต่งตัวเสร็จและจิบชาร้อนเพื่อช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นแล้ว จึงเดินออกจากอพาร์ตเมนต์เพื่อขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง รัชพลนั่งเงียบดูตารางงานของเขาประจำอาทิตย์นี้ก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารงานใหม่ที่เพิ่งมีคนติดต่อเข้ามาขึ้นอ่านอย่างชั่งใจก่อนจะหันมาปรึกษานายแบบหนุ่มว่าอยากจะรับงานไหนบ้าง

“ตอนนี้มีงานเข้ามาเยอะ พี่ลองดูให้ชินแล้ว มีงานที่น่าสนใจคุ้มเหนื่อยอยู่สองสามงาน แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือค่ายละครของคุณลดา ติดต่อให้ชินเป็นพระเอกละครเรื่องใหม่ของเธอที่จะมาถ่ายทำที่ญี่ปุ่น พี่ว่าเป็นโอกาสดีที่ชินจะได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิง เพราะเรื่องนี้เป็นละครฟอร์มยักษ์แถมยังได้ประกบดาราดาวรุ่งอย่างปูเป้ ปาริณาด้วย พี่เชื่อว่าชินจะต้องดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่แน่ๆ งานนี้”

น้ำเสียงของรัชพลแสดงออกอย่างมั่นใจเต็มที่ว่าถ้ารับเล่นละครเรื่องนี้จะทำให้เขาประสบความสำเร็จ รติกานต์จะว่าอย่างไรได้ ในเมื่อตลอดมาการตัดสินใจรับงานใดๆ ของเขาล้วนแล้วแต่อยู่ในมือของรัชพลทั้งสิ้น และเขาก็เชื่อว่ารัชพลจะต้องมองการณ์ไกลและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เขาเสมอ

“ถ้าพี่บีบี้คิดว่าผมควรจะรับละครเรื่องนี้ ผมก็ตกลง แต่ผมไม่เคยแสดงละครมาก่อน จะเป็นตัวถ่วงให้กับทีมงานหรือเปล่าครับ” รติกานต์ถามด้วยน้ำเสียงกังวล เขารู้ดีว่าคณะผู้จัดของลดาเป็นกองถ่ายที่ทำงานอย่างจริงจังและมืออาชีพ บ่อยครั้งที่เขาเคยอ่านสัมภาษณ์ของดารามือใหม่ที่มักจะน้ำหูน้ำตาไหลเมื่อเอ่ยถึงการทำงานที่แสนเนี๊ยบและกดดันกับความคาดหวังในการแสดงที่มีมาตรฐานสูงกว่าผู้จัดละครรายอื่นๆ

“เธอจะกลัวอะไรล่ะจ๊ะ อย่าลืมสิว่าก่อนที่พี่จะมาเป็นแมวมอง พี่ก็เคยเป็นนางเอกมาก่อน เรื่องละคงละครพี่ถนัดนักละ ให้พี่สอนแอกติงให้นิดๆ หน่อยๆ ขี้คร้านจะแสดงได้เริ่ดไม่แพ้พวกนักแสดงหน้าเก่า” รัชพลคุยโวด้วยท่าทางจีบปากจีบคอประหนึ่งวิญญาณนางละครเข้าสิง

“นางเอกลิเกจักรๆ วงศ์ๆ น่ะเหรอครับ” รติกานต์ถามด้วยน้ำเสียงกระเซ้า

“นางเอกลิเกแล้วไงยะ ไม่อยากจะคุย เวลาพี่ขึ้นเวทีแสดงทีไรนะ ตีบทแตกตลอด แค่รางวัลตุ๊กตาทองยังไม่พอหรอกนะ” บีบี้ค้อนวงใหญ่อย่างเคืองๆ ที่ถูกรติกานต์ดักคอ

“แหม ผมล้อเล่นหน่อยเดียวเอง ใครจะเก่ง เริ่ด และแสนดีเท่าพี่บีบี้คงไม่มีอีกแล้ว ว่าแต่คณะผู้จัด เขาจะยกคณะมาถ่ายทำกันเมื่อไหร่ล่ะครับ” รติกานต์ยังไม่คลายกังวลอยู่ดี

“เห็นบอกว่าจะมาวันอังคารหน้านี้แล้วละ แต่อาทิตย์แรกคงจะยังไม่เริ่มถ่าย เพราะต้องหาโลเกชันกับเจ้าหน้าที่ประสานงานก่อน เพราะฉะนั้นชินก็จะมีเวลาศึกษาบทและเตรียมตัว ละครเรื่องนี้ไม่มีอะไรยาก พระเอกเป็นเจ้าของร้านเบเกอรีสุดหล่อที่ไม่ยอมรักใครเสียที เพราะเฝ้ารอคอยคู่รักที่สัญญากันไว้เมื่อชาติก่อน แต่ปัญหาคือหญิงสาวคนรักยังเป็นวิญญาณไม่ได้มาเกิด พระเอกก็ได้แต่รอ ร๊อ รอ แต่ไม่เจอเสียที วันหนึ่งพระเอกไปพักผ่อนที่รีสอร์ตบ่อน้ำพุร้อนก็เกิดพบรักใหม่ วิญญาณสาวคนรักก็เลยคอยตามรังควานแก้แค้นไม่ให้สมหวังอะไรประมาณนี้ละ” บีบี้อธิบายพลอตเรื่องสั้นๆ ให้รติกานต์ฟัง นายแบบหนุ่มได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยนๆ เหมือนอยากจะอ้วก

“เน่าสุดๆ แล้วนี่ผมจะต้องเล่นเป็นเจ้าของร้านเบเกอรีด้วยเหรอครับ เกิดมาผมเคยเข้าครัวที่ไหน ทอดไข่ยังไหม้เลย” รติกานต์เริ่มเครียด

“ชินจ๋า เดี๋ยวถึงเวลาก็ทำได้เองนั่นแหละ ทำไมถึงได้คิดมากขี้กังวลอย่างนี้ คิดให้มันน้อยๆ จิตใจจะได้โล่งโปร่งสบาย” บีบี้ถอนใจยาวเมื่อเห็นท่าทางวิตกของเขา

“ผมก็ไม่อยากคิดมากหรอกครับ แต่ผลจากการที่ผมไม่คิด ไม่ระวัง ไม่มีสติ มันได้สร้างตราบาปที่คอยหลอกหลอนผมมาจนถึงทุกวันนี้ไง” ดวงตาของชินอ่อนแสงลงและฉายแววปวดร้าว

“เอาอีกแล้ว พูดเรื่องนี้อีกแล้ว พี่บอกชินแล้วไงว่าให้ลืมเรื่องนี้ไปซะ เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เริ่มต้นสร้างปัจจุบันที่ดีได้ ที่ชินยังคงเป็นทุกข์และฝันร้ายอยู่แบบนี้ เพราะมัวแต่โทษตัวเอง การจมอยู่กับบาดแผลในอดีตไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ ต๊าย นี่เก้าโมงกว่าแล้ว จะไปทันเวลาไหมเนี่ย เร็วหน่อยสิคะคุณโชเฟอร์” บีบี้ทำท่าทางตกใจเมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา แล้วร้องเร่งให้คนขับเร่งความเร็วขึ้นอีก

รติกานต์อยากทำใจให้ได้อย่างที่รัชพลพูด แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ความทรงจำของมนุษย์ไม่ใช่เส้นดินสอจะได้ใช้ยางลบเพื่อลบเลือนได้ง่ายๆ แต่ถึงต่อให้เป็นดินสอที่ลบได้ง่ายก็เถอะ มันก็ยังเหลือร่องรอยจางๆปรากฏในความทรงจำอยู่ดี ยิ่งเราคิดจะลบมันเท่าไร มันก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้นจนเราไม่อาจลืมเลือนมันได้เลย

************

“เราพบกันอีกแล้วนะคะ ชิน” เสียงกระซิบแว่วหวานของนางแบบสาวหน้าสวยที่ยืนโพสท่าอยู่ข้างๆ ชินดังขึ้นท่ามเสียงดนตรีเร้าใจประกอบการเดินแบบบนแคตวอล์ก
หากชินได้ชื่อว่าเป็นนายแบบดาวรุ่งของเอเชีย นานะ นางแบบสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาเวลานี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นนางแบบดาวรุ่งฝ่ายหญิงที่มีตารางงานแน่นเอี้ยดไม่แพ้เขา

นิตยสารซุบซิบดาราต่างลงความเห็นว่าเขากับนานะเหมาะสมที่จะเป็นคู่รักกัน และเปรียบเปรยเสียเลิศลอยว่ายามที่เขาและนานะอยู่เคียงข้างกันนั้นแลดูเหมือนรูปปั้นของเทพบุตรและเทพธิดาโรมันกันเลยทีเดียว

รติกานต์ไม่เคยคิดว่าตัวเขาวิเศษขนาดนั้น แต่สำหรับนานะแล้วเขาก็รู้สึกว่าคำเปรียบเปรยว่าหล่อนเป็นเทพธิดานั้นดูเหมาะสมกับเจ้าหล่อนจริงๆ

นานะไม่ได้เพียงแต่มีใบหน้าหวานเก๋แต่รูปโฉมโนมพรรณที่ชวนตะลึงตะลานใจถึงขนาดสามารถเข้าประกวดเป็นมิสเจแปนได้สบายๆ นอกจากมีรูปเป็นทรัพย์แล้ว สิ่งที่เสริมโพรไฟล์ให้กับหญิงสาวคือชาติตระกูลที่มีเกียรติและร่ำรวย บรรพบุรุษของเธอสืบเชื้อสายมาจากโชกุนผู้หนึ่งที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ชาติญี่ปุ่นว่าได้สร้างคุโณปการให้แก่ประเทศ และสืบทอดมาถึงรุ่นพ่อของเธอที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญของญี่ปุ่นผู้มีอิทธิพลกว้างขวาง ชีวิตของนานะจึงเปรียบเสมือนกับเจ้าหญิงที่หากเพียงเอ่ยปากปรารถนาสิ่งใด ทุกอย่างก็จะลอยมาอยู่ตรงหน้าดังมีคฑาวิเศษเสกได้ดั่งใจนึก ดังนั้นในสายตาของรติกานต์ ถึงนานะจะเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมและน่าหมายปองเพียงใด รติกานต์ก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาต่ำต้อยกว่าเธอมากอยู่ดี พื้นเพชีวิตของเขาและเธอนั้นแตกต่างกันจนเกินไป

รติกานต์ไม่ได้ตอบอะไรนางแบบสาว ได้แต่ยิ้มให้น้อยๆ อย่างมีมารยาท ท่วงทำนองเพลงที่เร่งเร้ากระชั้นขึ้นเป็นสัญญาณให้รติกานต์และนานะเดินแยกออกจากกันไปตามจุดของแคตวอล์กที่ซักซ้อมไว้ นานะเดินแยกไปทางด้านซ้ายของเวทีและสะบัดชุดแมกซี่เดรสที่ทำจากผ้าชีฟองสีเขียวน้ำทะเลให้พลิ้วไหวไปตามจังหวะดนตรี หญิงสาวเอียงใบหน้ายิ้มให้กับกล้องอย่างรู้มุม ผมหยักศกที่เป็นลอนอย่างเป็นธรรมชาติเคลียใบหน้างามของหญิงสาวให้ความรู้สึกราวกับว่านานะกำลังเริงร่าอยู่บนหาดทรายมากกว่าที่จะเดินอยู่บนแคตวอล์ก

ส่วนรติกานต์ที่แต่งกายด้วยเสื้อคอวีลึกแขนยาวสีครีม คู่กับกางเกงสี่ส่วนสีเดียวกัน และสวมรองเท้าแตะสานหนังสีขาวส้นแบน รติกานต์ค่อยใช้มือของเขาดึงเสื้อคอวีเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำแข็งแรง ก่อนจะหมุนตัวไปด้านต่างๆ เพื่อให้ช่างภาพถ่ายรูปได้อย่างถนัด

เสียงกรี้ดของสาวๆ ที่มาชมแฟชั่นโชว์ดังสนั่นเช่นเดียวกับแสงแฟลชที่สว่างวาบไม่หยุด ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับเข้าด้านหลังเวที รติกานต์และนานะต้องโพสท่าคู่กันอีกครั้ง ในจังหวะที่นานะจะต้องหมุนตัวเพื่อให้รติกานต์จับมือของเธอเพื่อหมุนและเต้นรำ นานะเกิดเสียหลัก รติกานต์จึงต้องรีบมาประคองร่างบางของหล่อนเอาไว้ ในช่วงเวลานั้นเองรติกานต์ก็รู้ว่านานะไม่ได้เสียหลักล้มจริงๆ แต่เธอแกล้งทำต่างหาก
ในขณะที่รติกานต์กำลังงงงวยอยู่นั้น นานะก็ถือโอกาสโน้มคอของเขามาจุมพิตอย่างดูดดื่ม สื่อมวลชนต่างๆ พากันกรูเข้ารัวชัตเตอร์ชอตเด็ดเอาไว้ และแน่นอนว่าวันพรุ่งนี้สื่อต่างๆ จะต้องลงรูปของเขาและประโคมข่าวความสัมพันธ์ของเขากับนานะอย่างแน่นอน

นานะช้อนตามองรติกานต์อย่างยั่วยวน นายแบบหนุ่มทำหน้าไม่ถูก ด้วยไม่คิดว่าหญิงสาวจะจู่โจมเขาแบบนี้ สิ่งเดียวที่รติกานต์ทำในเวลานี้คือต้องโอบกระชับร่างของนานะแนบข้างกายให้ดูเหมือนว่าแฟชั่นโชว์ชุดนี้ได้เตี๊ยมเอาไว้ให้เขาและนานะสมมุติบทบาทคู่รักหวานจ๋อยริมทะเล ส่วนเรื่องหลังเวทีค่อยว่ากัน

นานะไม่คิดจะอธิบายสิ่งที่ทำเมื่อครู่ เธอยังคงโอบแขนรอบกายของเขาแล้วยิ้มกับกล้องอย่างเริงร่า ส่วนตัวเขาคงต้องเล่นตามบท ต่อให้ความจริงเป็นเช่นไร การแสดงจะต้องลื่นไหลเพื่อไม่ให้ดีไซน์เนอร์เจ้าของงานต้องเดือดร้อน

ในฐานะที่รติกานต์และนานะเป็นนายแบบและนางแบบชุดฟินาเล รติกานต์จึงจำต้องอยู่บนเวทีเพื่อมอบช่อดอกไม้ให้กับดีไซน์เนอร์ผู้สร้างสรรค์คอลเลกชันงานออกแบบเสื้อผ้าชุดนี้ก่อนจะแยกย้ายกลับเข้าไปหลังเวที

นานะเดินเข้าไปหลังฉากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รติกานต์ซึ่งเป็นผู้ชายกลับทำหน้างงงวยเหมือนทำอะไรไม่ถูกเสียเอง ก่อนที่นานะจะแยกไปแต่งตัว เธอเดินมาหาเพื่อขอพูดกับเขาเป็นการส่วนตัวที่บริเวณด้านนอกห้องแต่งตัว

“เรื่องที่ฉันจูบคุณเมื่อครู่ ฉันตั้งใจ มันไม่ใช่การแสดง คุณคิดยังไงคะ ถ้าฉันจะทำให้ข่าวลือของเรากลายเป็นเรื่องจริง”

“นานะ ผมขอโทษ ผมไม่เคยคิดไกลแบบนี้ คุณเองก็ยังไม่รู้จักผมจริงๆ บางทีถ้าคุณรู้จักตัวตนของผมจริงๆ คุณอาจจะไม่สนใจผมเลยก็ได้”

“คุณคิดว่าฉันเป็นตื้นเขินขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฉันรู้จักคุณดีกว่าที่คุณคิด ที่สำคัญฉันมีทุกอย่างที่คุณขาด คุณอยากได้อะไรล่ะ เงินทอง ความมั่นคง หรือความเคารพนบนอบ ถ้าคุณเลือกฉัน ชีวิตของคุณจะสมบูรณ์แบบ”

“ขอบคุณนะ ผมไม่ปฏิเสธว่าคุณดีพร้อมทุกอย่าง แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น ผมว่าให้เรื่องระหว่างเราดำเนินไปอย่างธรรมชาติจะดีกว่า” ถึงรติกานต์จะไม่ยอมตกปากรับคำในความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ได้ปิดทางหรือตัดรอนหญิงสาวไปเสียทุกทาง

“ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ฉันรอได้ค่ะ และฉันก็มั่นใจว่าไม่มีใครที่จะเหมาะสมกับคุณเท่ากับฉันอีกแล้ว” นานะยิ้มให้กับรติกานต์ด้วยสายตาแน่วแน่อย่างต้องการเอาชนะตามประสาคนที่แทบไม่เคยผิดหวังจากสิ่งที่ปรารถนาใดๆ เลย

“ชิน หลบมาอยู่ที่นี่เอง ตามหาแทบแย่ พี่ว่าเรารีบแต่งตัวและหาทางหลบนักข่าวดีกว่า” รัชพลเข้ามายุติสถานการณ์อึดอัดได้ทันเวลา แต่ก่อนที่จะลากตัวเขาไป รัชพลก็อดไม่ได้ที่หันมาพูดกับนางแบบสาวด้วยเสียงสูงๆ ระคนตำหนิ

“นานะ เธอเองก็เหมือนกัน รีบหลบซะล่ะ จุมพิตสะท้านแคตวอล์กเมื่อกี้ เล่นเอานักข่าวคลั่งออกันอยู่ด้านหลังเวทีเต็มไปหมด โอ๊ย ฉันอยากจะบ้าตายจริงๆ”

“แล้วพบกันนะคะชิน” นานะยักไหล่อย่างไม่แยแส ก่อนจะบอกลาพลางส่งจูบลอยตามลมให้รติกานต์ แล้วผลุบหายไปในห้องแต่งตัว

“ฉันละหมั่นไส้ยายนานะนี่จริงๆ เป็นสาวเป็นนางทำไมถึงได้ใจกล้าบ้าบิ่นคว้าเธอมาจูบกลางแคตวอล์แบบนี้ บอกตรงๆ ว่าคนหัวเก่าอย่างฉันไม่ปลื้มเลยจริงๆ ขืนเธอยอมเป็นแฟนกับยายนี่ ฉันคงจะเป็นลมวันละสามเวลาแน่นอน” รัชพลพูดด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ

“อะไรกันครับ พี่บีบี้ บ่นยังกะเป็นสาวแก่แน่ะ สาวสมัยใหม่รักใครชอบใครก็ตรงไปตรงมาแบบนี้ หมดสมัยอายม้วนต้วนรอให้ผู้ชายมาจีบแล้วล่ะครับ” รติกานต์แกล้งเอ่ยอย่างขำๆ เมื่อเห็นรัชพลมีความคิดเห็นที่ค่อนข้างหัวเก่าในเรื่องความรัก เวลามีหญิงสาวทอดสะพานให้เขา รัชพลก็มักจะสวมวิญญาณป้าแก่ออกโรงกันท่าและตำหนิหญิงสาวเหล่านั้น ตั้งแต่รติกานต์รู้จักกับรัชพลมาหลายปี เขาก็ยังไม่เคยเห็นรัชพลถูกชะตากับหญิงสาวคนไหนเลย

“หึงผมหรือครับพี่บีบี้ พี่ก็รู้นี่ครับว่าผมยังไม่คิดจะมีความรักจริงจังกับใคร ตราบใดที่ผมยังแผลในใจอยู่แบบนี้” รติกานต์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง

“ถ้าเป็นแต่ก่อน..พี่ก็คงหวงชินอยู่หรอกจ้ะ แต่ตอนนี้ให้คิดอะไรเกินเลยกับเธอ ฟ้าได้ผ่าตายฉันตายพอดี ฉันน่ะรักเธอเหมือนน้องเหมือนนุ่งแท้ๆ ถ้าเจอผู้หญิงดีๆ จะรีบเชียร์ส่งพานถวายให้เลย” รัชพลพูดเสียงสูงอย่างมีจริต

“ไว้ผมจะรอดูว่าผู้หญิงที่ดีของพี่บีบี้จะเป็นใคร จะต้องรอจนถึงชาติหน้าไหมเนี่ย” รติกานต์พูดกลั้วหัวเราะ

“ทำเป็นพูดเล่นไป บางทีเธออาจจะได้พบผู้หญิงคนนั้นในเร็ววันนี้ก็ได้” รัชพลเอ่ยทิ้งท้ายอย่างมั่นใจ จนทำให้รติกานต์ส่ายหัวอย่างระอาที่รัชพลพูดจาเรื่อยเปื่อย พลางคิดในใจว่ามาตรฐานของรัชพลสูงจะตาย ดังนั้นเขาไม่มีทางพบเธอคนนั้นง่ายๆ หรอก

จบตอนที่ 3



นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2555, 10:19:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มิ.ย. 2555, 10:31:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1576





<< :: 2   ตอนที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account