ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: คำตอบเดียว

ตอนที่ 29

ไข่ดาวร้อนๆ เหยาะซอสแม็กกี้ เบคอนหั่นพอดีคำ ขนมปังปิ้งทาเนยจัดไว้ข้างจาน ตบท้ายด้วยกาแฟหอมกรุ่นสำหรับยามเช้า

อืม…ชีวิตทำงานเริ่มขึ้นอีกแล้ว

“เย็นนี้แม่จะไปงานเปิดตัวร้านเพชร หนูก็น่าจะไปกับแม่ด้วยนะจ๊ะสิดี”

ฉันแทบสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม แล้วส่ายหัวดิก “เอ่อ….หนูคงไม่…”

“อะไรกัน เป็นผู้หญิงก็ต้องสนใจของสวยๆงามๆสิจ๊ะ แม่จะพาหนูไปรู้จักไฮโซคนดังมากมายเลยล่ะ”

อี๋ อย่างกับฉันอยากรู้จักตายละ พวกไฮโซ ที่ได้เงินมาจากการทำธุรกิจที่เบียดเบียนที่ทำกินของชาวบ้าน บริโภคสินค้าต่างชาติ มีเงินฟุ่มเฟือยไปกับการแต่งขนหมาของตัวเอง ทั้งๆที่คนนับล้านทั่วประเทศแทบไม่มีกิน

“หนูเอ่อ…ไม่อยากไปน่ะค่ะ” ฉันตอบทำหน้าสุดแสนจะเกรงใจ
คุณแม่ก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี “ยังไงก็หกโมงเย็น แต่งตัวให้พร้อมนะจ๊ะ”

ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากคุณนรินทร์ที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆ คุณนรินทร์โปรยหางตามองฉันแว่บหนึ่ง ก่อนจะรีบจัดการ

“ผมนัดสิดีไปดินเนอร์กันเย็นนี้น่ะครับคุณแม่”
คุณแม่หันไปมองลูกชายแล้วทำหน้าเสียดาย
“ไม่เป็นไรจ้ะ เอาไว้ไปงานการกุศลของเอสเต้เดือนหน้าก็ได้”
เฮ้อ…รอดตัวไปแต่เอสเต้เดือนหน้าอะไรเนี่ย ฉันคงต้องหาข้อแก้ตัวมาสู้อีก

“แปลก!” อยู่ดีดีคุณรันก็พูดโพล่งขึ้นมา

“แปลก?” คุณพ่อพูดทวน

“อะไรแปลก?” คุณแม่ถาม

“อะไรแปลกคะ?” ฉันถามบ้าง

“แปลกอะ…” คุณนรินทร์ยังพูดไม่จบ

“พอๆๆๆ พี่รินนี่แหละแปลก” คุณรันพูดขำๆ

คุณนรินทร์ปิดหนังสือพิมพ์ทันที

“แปลกยังไง”

แล้วคุณรันก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ปกติหลังวันแต่งงานเขาจะไปฮันนีมูนกัน แต่นี่พวกพี่กลับไปทำงาน เฮ้อ…”

“เออนั่นสิ พ่อก็คิดอยู่”

“ใช่ แม่ก็คิดอยู่”

“….”

ฮันนีมูนอย่างนั้นเหรอ….โอย….ฉันว่าคุณนรินทร์ ไม่คิดถึงขั้นนั้นหรอก ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เฮอะ…เขาจะเอาอะไรมาโรแมนติกกับคนอย่างฉัน

“ผมวางแผนไว้แล้วครับ” เขาพูดแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนจะโอบไหล่ฉัน
“เราจะไปภูเก็ตกันสุดสัปดาห์นี้ครับ จริงไหมสิดี คุณบอกอยากไปภูเก็ตนี่”
ฉันสบตาเขาอย่างงุนงง ฉันเคยบอกเหรอว่าอยากไปภูเก็ต เอ…ฉันเคยแต่บอกว่าอยากไปเกาะเกร็ดที่จังหวัดนนทบุรีมากกว่านะ
แล้วทุกคนในครอบครัวที่จ้องเอาคำตอบจากพวกเราแทบตายก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ดีมากตาริน แล้วรีบๆปั๊มหลานให้พ่อด้วยล่ะ”


สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสคับคั่งตามปกติ เหล่าคนวัยทำงานและนักศึกษาล้วนแต่กุลีกุจอกันขึ้นรถไฟที่เทียบชานชลาอย่างรีบร้อน
และฉันกับคุณนรินทร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ฉันไม่ทำนะคะ!!!!” ฉันประกาศกร้าวขณะ BTS ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว
คุณนรินทร์ทีโหนรถไฟฟ้าเบียดผู้คนอยู่ก็ทำหน้าตกใจ
“ไม่ทำอะไรของคุณ”
บ้า! เขายังไม่รู้อีกเหรอ ฉันอดกลั้นไม่ยอมพูดตั้งนาน
“ไม่ทำลูกค่ะ ไม่ทำ!!!!”
เขาเลิ่กลั่กเข้าไปใหญ่
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ” เขากระซิบเบาๆด้วยอาการหน้าแดง
และฉันก็เริ่มรู้ตัวว่าคนทั้งโบกี้กำลังมองเราสองคน
“เอ่อ….ฉันหมายถึง ไม่ทำลูก….ลูกชุบน่ะค่ะ”
ฉันพูดเสียงดังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
โชคดีคุณนรินทร์รับมุกทัน
“อ๋อ คุณไม่เคยทำลูกชุบอร่อยเลยนี่เนอะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ใช่ค่ะ ฮ่าๆๆๆ”
ปัญญาอ่อนกันเข้าไป แต่ก็ทำให้พวกชอบฟังเรื่องชาวบ้านเลิกสนใจไปได้
บีทีเอสจอดเทียบชานชลาอีกครั้ง คุณนรินทร์รีบฉุดแขนฉันก่อนจะแทรกตัวผ่านผู้คนออกมาอย่างรีบร้อน
“ลูกชุบอะไรของคุณสิดี!!!! คนเต็มแบบนั้น พูดอะไรคิดเสียมั่งสิ” เขาพูดเสียงเบาแต่เกรี้ยวกราด
“เจ็บนะ! แต่ฉันไม่ทำจริงๆนะคะ คุณก็ไม่คิดจะทำใช่ไหมล่ะ”
เขาปล่อยแขนฉันอย่างเบามือ
“อืม…จริงๆผมก็คิดอยู่นะ”

“อะไรนะคะ?” เขาบ้าไปแล้ว ใช่….เขาต้องบ้าแน่ๆ

“ผมว่ามันก็น่าสนุกดีออก” เขาพูดธรรมดาเหมือนเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ
ฉันมองเขาตาขวาง แทบอยากจะกระโดดบีบคอให้ม่องเท่งคามือ
คุณนรินทร์ยิ้มกรุ้มกริ่มตอบมา

“ลูกชุบน่ะ ผมว่าน่าทำดี”

อ้าว…ค่อยยังชั่ว ตาบ้า พูดสองแง่สองง่ามไปได้

“แต่เรื่องภูเก็ตนี่ไปจริงนะ” เขาตบท้ายก่อนเราจะแยกย้ายกันไปทำงาน
บรรยากาศที่บริษัทยังคึกคักเช่นเดิม แต่สายตาที่เหล่าพนักงานมองฉันนั้นเปลี่ยนไป ดูกรุ้มกริ่มและเกรงใจอย่างไรชอบกล บางคนที่เคยเล่นหัวกันก็สงวนท่าทีมากขึ้น แต่ฉันก็ไม่มีเวลาให้คิดเรืองนี้มากนักเพราะอยู่ดีดีคุณนรินทร์ก็นัดประชุมใหญ่กรรมการบริหารบริษัทอย่างกระทันหัน

“สิทราได้ที่ริมชายหาดแล้วครับท่าน ทำเลดีกว่าของเรามากนัก และกำลังเริ่มสร้างตามหลังเราอยู่ครับ” หนึ่งในกรรมการบริหารรายงานขึ้น
“แต่ที่ตรงนั้นบริษัทของเราก็เคยจะไปสร้างโรงแรมสาขาใหม่ แต่ติดที่ว่ามันไปรุกล้ำพื้นที่ชาวบ้านและชายหาดไม่ใช่เหรอ สิทราไปลงทุนตรงนั้นได้ยังไง” อีกท่านหนึ่งพูดอีก

“สิทราเสนอราคาสูงลิ่วให้ชาวบ้านเจ้าของที่ครับ ราคาสูงมากจนไม่แปลกใจเลยที่ชาวบ้านจะยอมทำตามข้อเสนอ”
ฉันจดการประชุมมือเป็นระวิงก่อนจะเงยหน้ามองคุณนรินทร์ที่ตั้งแต่เปิดการประชุมมายังไม่พูดอะไรสักคำ
คุณนรินทร์มีสีหน้าเครียด เขาประสานมือเข้าด้วยกันก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“แต่ที่ตรงนั้นรุกล้ำชายหาด ยังไงก็ผิดกฎหมาย อันที่จริง ผมไม่สนว่าเขาจะทำกำไรมากกว่าเรา แต่การจะปล่อยให้เขาไปทำลายชายฝั่งคงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง”

คุณวิชิต ผู้ใหญ่ที่สุดในกรรมการบริหารพูดตอบ
“แต่ทางสิทรายืนยันครับว่าไม่รุกล้ำถึงขนาดผิดกฎหมาย เขาจ้างนักกฏหมายสำหรับตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว”

“ฮือ…” คุณนรินทร์ครางเบาๆ
“ผมจะลงไปดูที่ภูเก็ตสุดสัปดาห์นี้ คุณวิชิตช่วยจัดการหานักกฎหมายให้ผมด้วยสักคนหนึ่งแล้วกัน”
เอ…ภูเก็ต…สุดสัปดาห์นี้…คุ้นๆแฮะ
ฮันนีมูน! ตรงกับฮันนีมูนที่เขาจะพาฉันไปเลยนี่ อ้อ ฉันเข้าใจแล้วเขากุเรื่องหลอกพ่อแม่ แต่ความจริงคือไปสำรวจที่ตั้งสาขาใหม่ของโรงแรมเครือสิทราต่างหาก
ฉันก็น่าจะรู้อยู่แล้ว…เขาจะเสียเวลาไปพักผ่อนกับฉันทำไม

เมื่อเลิกประชุม ฉันเก็บข้าวของก่อนจะประชดประชันใส่เขา
“แหม ตรงกับฮันนีมูนของเราเลยนะคะ ฉันก็นึกอยู่แล้ว ว่าฉันเคยบอกด้วยเหรอว่าอยากไปภูเก็ต”
“อืม…ก็พอดีเลยไง ไปฮันนีมูน แล้วก็จัดการปัญหาพร้อมๆกัน ผมมีพบลูกค้าข้างนอกตอนบ่ายสองใช่ไหม”
ฉันเปิดตารางนัดหมาย อะไรเขาของ ฉันประชดแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก
“ค่ะ บ่ายสอง”
“ตอนเย็นมีอะไรอีกไหม”
“อื่ม….ไม่มีค่ะ หลังจากห้าโมงเย็นเป็นต้นไป”
เขาทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“ผมมีงานต้องสะสาง คุณกลับบ้านไปก่อนแล้วกันนะ”
“อ้าวคุณนรินทร์คะ…แต่คุณบอกคุณแม่ไปแล้วว่าเรามีดินเนอร์กัน”
นี่เขาจะผิดสัญญากับฉันเหรอ ใช่สิ…ฉันไม่ได้มีค่าอะไรนี่
เขาทำท่าครุ่นคิดอีกครั้ง
“เรื่องโกหกนี่ทำกันยากจริงนะ เอางี้แล้วกัน คุณกลับไปบ้านแม่คุณก่อน เดี๋ยวผมไปรับ”
“อ่า…ค่ะ” ฉันรับคำสั้นๆ ก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไป นี่เราต้องหลบๆซ่อนๆความจริงกันไปถึงไหน โกหกคนนั้นคนนี้ว่ารักกันนักหนา แต่จริงๆแล้ว หัวใจของเขาไม่เคยมีฉันเลยสักนิดเดียว เขาไม่เคยคิดถึงฉันเลย
โถ่…ทรัพย์สิดีเอ๊ย!!!! แล้วจะน้อยใจทำไม ตัวเองก็ไม่เคยรักเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือ เอหรือว่าเริ่มจะ…ไม่ๆๆ เรื่องน้อยใจคงเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชนอยู่แล้ว ฉันไม่ได้รักเขาหรอก

….แล้วทำไมต้องหึงที่เขาจะไปพบถวิกาด้วย
เสียงแว่วๆในสมองดังขึ้น

เอ่อ….สงสัยฉันต้องไปปรึกษาหนูเล็กเสียแล้ว แต่ขอให้หนูเล็กวินิจฉัยออกมาด้วยเถอะว่าฉันยังไม่ได้รักเขา…

“นี่คุณน้อยใจหรือเปล่า” เสียงทุ้มต่ำถามหยั่งเชิง

ฉันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง เขาสนใจด้วยหรืออย่างไรกัน
ฉันรีบตอบให้พ้นๆไป โดยไม่อยากคำนึงถึงความขัดแย้งในใจ

“เปล่านี่คะ ฉันแค่อยากกินฟรี”

เขาหมุนตัวบ่ายหน้าออกจากห้อง

“ฮึ! นั่นสิ ผมน่าจะรู้อยู่แล้ว”
ฮึ้ย! น้ำเสียงของเขาช่างขัดใจฉันชะมัดยาด รู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง นึกได้เพียงแต่ว่าควรยื่นเท้าออกไป แล้วก็…
โครม!

“ฮ่าๆๆ คุณนรินทร์ คุณนี่ซุ่มซ่ามจังนะคะ เดินสะดุดขาฉันได้”

สะใจ! แล้วฉันก็รีบเผ่นออกจากห้องไปก่อนที่เขาจะแก้แค้นได้ทัน



“อะไรนะ! เธอมีนัดกับคุณจิทัศน์ นี่หนูเล็กเธอคบกับเขาจริงๆน่ะเหรอ”
ฉันโวยวายใส่โทรศัพท์มือถือเมื่อโทรไปนัดเจอหนูเล็กในตอนเย็น
“อะไรกัน ทำเป็นเจ๊กตื่นไฟไปได้ เขาก็ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย แค่เป็นคู่แข่งแฟนเธอเท่านั้นเอง จะวางได้หรือยัง ฉันทาเล็บอยู่” หล่อนพูดเสียเนือยๆตอบกลับมา
เอาเข้าไป เห็นยาทาเล็บดีกว่าเพื่อน!
“เธอผิดถนัด ข้อหนึ่ง คุณนรินทร์ไม่ใช่แฟนฉัน อย่างที่เรารู้กัน ข้อสอง คุณจิทัศน์ไม่ใช่คนที่ดีอะไรเลย ข้อสาม….คือสองข้อแรกรวมกันนั่นแหละ”

แล้วหนูเล็กก็หัวเราะงอหายตอบกลับมา มันน่าตลกตรงไหน หรือเธอสูดดมน้ำยาทาเล็บมากเกินไปเลยมีผลให้ต่อมหัวเราะทำงานผิดปกติ

“เธอต่างหากที่ผิดถนัด เอาเถอะๆ ฉันรู้ว่าเธอกลัวฉันจะเอาความลับไปบอกคุณจิทัศน์ ไม่ต้องห่วงเลยสิดี ฉันไม่บอกแน่ๆ แค่นี้ก่อนแล้วกัน ต้องไปทำผม บายนะจ๊ะ”

ฮึ้ย!!!!!!!! แม่นี่นะ ตอนมีปัญหาก็โทรมาครวญคราง พอมีความสุขก็เตลิดไปเลย แล้วนี่ฉันจะได้รู้ไหมนะ ว่าเวลาเริ่มรักใครมันเป็นยังไง

หรือจะถามแจ๊กกี้ดี เขาเคยพูดว่าฉันกลัวที่จะรักใครอยู่หรือเปล่า ไม่ๆๆ ดูแจ๊กกี้เป็นคนไม่เคยมีความรักแบบชู้สาวมาก่อน ถามไป เขาก็คงให้ฉันระบายสีเท่านั้น

คุณรัน…บ้าเหรอ นั่นมันน้องชายคุณนรินทร์นะ

แม่…ยังไงก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว ลองแอบถามดูดีกว่า ใช่! ถามแม่น่ะดีที่สุด

แล้วคุณนรินทร์ก็เดินออกมาจากห้องทำงาน ฉันเหลือบมองนาฬิกา ได้เวลาเขาไปธุระยามเย็นแล้วล่ะมั้ง
“ผมไปก่อนนะที่รัก ค่ำๆจะไปรับที่บ้านแม่คุณ หอมแก้มสั่งลาหน่อยสิจ๊ะ” แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาหาฉัน ทำเอาพนักงานแถวนั้นมองกันตาเป็นมัน
“ทำบ้าอะไรของคุณ ฉันไม่สั่งลาแบบนี้หรอกนะ” ฉันกระซิบ

“แก้แค้นที่ขัดขาผม หอมเร็ว ไม่อย่างนั้นผมทำเอง”

แล้วอยู่ๆมันก็เกิดขึ้น ฉันตัวแข็งทื่อ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณนรินทร์เดินจากไปเมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีแก้มก็ร้อนผ่าว และเหล่าหนักงานต่างอมยิ้มมองมาที่ฉันไม่วางตา

ฉันทำตัวไม่ถูก เลยรีบเก็บข้าวของแล้วเผ่นออกจากบริษัท ก่อนจะนั่งแท็กซี่บึ่งกลับบ้านเร็วปานสายฟ้าแลบ

“แม่คะ!” ฉันโบกไม้โบกมือให้จากนอกรั้วบ้าน เมื่อเห็นว่าแม่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
“อ้าวสิดี! ไม่รู้ว่าลูกจะกลับมา เข้ามาเร็ว แม่อบขนมไว้ด้วย”
ว้าว!!!!! ความสุขแบบเดิมๆกลับมาอีกแล้ว ฉันไม่อยากจากบ้านไปเล้ยยยยยยยย

จากนั้นแม่ก็พาฉันไปที่ครัว ซึ่งมีกลิ่นอาหารและขนมตลบอบอวล ต๊ะอาหารที่คุ้นเคยรอคอยให้ฉันไปนั่งจมปลักตลอดเย็น
แม่ค่อยๆเสิร์ฟอาหารและขนมมาวางตรงหน้าฉันเรื่อยๆ จานแล้วจานเล่า จนฉันตาลายเพราะกลิ่นหอมหวน จนเกือบลืมไปว่าตั้งใจจะถามแม่เกี่ยวกับอะไร
“กุ้งผัดพริกไทยดำนี่ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ แหมโชคดีจังที่กลับมาวันนี้” ฉันเคี้ยวตุ้ยๆเต็มปาก พลางจ้องมองมัฟฟินที่วางยั่วน้ำลายอยู่ไม่ห่าง
แม่มองฉันด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลูบหัวด้วยความรักใคร่

“ทำอย่างกับที่บ้านคุณนรินทร์เขาเลี้ยงเราอดๆอยากๆ”

“ไม่หรอกค่ะ แต่ยังไงกินที่บ้านก็มีความสุขที่สุด” แล้วฉันก็รีบกลืนอาหารลงคอ

“หนูมีอะไรจะถามแม่ด้วย เอ่อ…มีเพื่อนมาปรึกษาหนูน่ะค่ะ”

แล้วฉันก็รีบกุเพื่อนในจินตนาการ ทั้งๆที่จริงแล้วก็คือฉันเอง

แม่รินน้ำใส่แก้วให้ฉัน

“อะไรล่ะจ๊ะ”

ฉันรีบแต่งเรื่องสมมติในหัวสักพัก
“หนูเล็กน่ะค่ะ หนูเล็กมาถามว่า เขารู้สึกแปลกๆกับคนคนหนึ่ง ไม่รู้จะเรียกว่ารักได้หรือเปล่า”
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะ ลูกก็เคยมีความรักอยู่น่าจะตอบได้นะจ๊ะ มาถามแม่เสียทุกเรื่องไป”
…ก็จริงๆคนถามคือหนูนี่ล่ะค่ะ

“คือ…หนูเล็กเขาใกล้ชิดกับคนคนหนึ่ง ซึ่งทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน แต่พอคนนั้นเขาไปหาแฟนเก่า หนูเล็กก็รู้สึกไม่สบายใจ พอเขาผิดสัญญากับหนูเล็ก หนูเล็กก็เสียใจ พอเขาไม่ใส่ใจเธอ เธอก็น้อยใจ”
แม่เคี้ยวมัฟฟิน ทำท่าครุ่นคิด

“ตอบยากนะ เพราะถ้าเราอยู่ใกล้ใคร เราก็มักจะคาดหวังให้เขาใส่ใจเรา”
อืม…ฉันบอกแล้ว มันเป็นความรู้สึกของปุถุชนต่างหาก

“แล้วหนูเล็ก มีความสุขเวลาอยู่ใกล้เขาหรือเปล่า รู้สึกสบายใจ ไม่อยากจากเขาไป เอ่อ…อยากคอยดูแลเขา”
ฉันตอบแบบไม่คิด “รู้สึกค่ะ รู้สึกมากๆ”

แล้วแม่ก็ยิ้ม
“อย่างนั้นก็รักแล้วล่ะจ้ะ”

ไชโย! ฉันรักคุณนริ…..เฮ้ย!!!

ไม่ๆๆๆๆๆๆ ฉันจะดีใจทำไม แม่วินิจฉัยผิดแล้วล่ะ แล้วฉันก็ตอบแบบไม่ได้ไตร่ตรองความรู้สึกก่อนเลยด้วย
“ฝากบอกหนูเล็กอีกอย่างด้วยนะลูก ของแบบนี้น่ะ หาคำตอบเองไม่อยากรอก เพียงแค่เราต้อง…”
แม่หยุดดื่มน้ำ
“ต้องอะไรคะ” ฉันตั้งใจฟังสุดฤทธิ์

“ต้องซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง อย่ากลัวที่จะรักใคร”

ทำไมพูดเหมือนแจ๊กกี้เลยล่ะ ทุกคนคิดว่าฉันกลัวที่จะรักใครอยู่เหรอ

ก็ใช่น่ะสิ นั่นเพราะ คุณนรินทร์เขาไม่มีทางรักฉัน ฉันจะทำร้ายตัวเองไปทำไม

“ถ้าเขาไม่ได้รักหนูเล็กล่ะค่ะ”

“จะรู้ได้ไง ไหนบอกใกล้ชิดกันไม่ใช่เหรอ คนเราร้อยทั้งร้อย ความสัมพันธ์มักเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ถ้าผู้ชายคนนั้นเขายอมใกล้ชิดด้วย แปลว่าเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนี่”

อืม…อย่างนั้นเหรอ

“แล้วหนูเล็กจะรู้ได้ไงคะ ว่าเขาสองคนอาจใจตรงกัน”

แม่ลุกขึ้นเก็บจานบนโต๊ะ

“รู้สิ ถ้าหนูเล็กไม่มัวแต่ปิดตัวเอง หนูเล็กก็จะรู้ได้สักวัน”

เอ…ข้อนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ช่วยแม่เก็บโต๊ะอาหารก่อน

เกือบสามทุ่ม คุณนรินทร์ก็มาจอดรถที่หน้าบ้าน เขาลงมารับฉันก่อนจะไต่ถามเรื่องทั่วไปกับแม่ตามมารยาท
แม่กอดฉัน แล้วบอกเขาว่าฝากดูแลเด็กไม่รู้จักโตอย่างฉันด้วย

“ผมจะเลี้ยงให้โตเองล่ะครับ”
แล้วเราสองคนก็จากมา

ฉันนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในรถ ประมวลความรู้สึกของตัวเอง และคำแนะนำของแม่

ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
อย่ากลัวที่จะรักใคร
อย่าปิดตัวเอง

ช่างเข้าใจยากจริงๆ…แล้วฉันรู้สึกอย่างที่แม่บอกหรือเปล่า มีความสุข สบายใจ และอยากดูแลเขา
รถจอดเข้าซองอย่างสวยงามเมื่อมาถึงบ้านนราธร
เราสองคนปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างเอื่อยๆ

“คุณไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่นั่งรถมา ยังน้อยใจที่ผมไม่พาไปกินฟรีหรือไง”
ฉันหันไปมองเขา แทบไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร ตอนนี้ฉันเห็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ขี้เก๊ก ชอบวางอำนาจและกวนประสาท

แต่ฉันกลับรู้สึกไม่อยากอยู่ห่างเขาคนนี้จริงๆ ในรถยามค่ำคืน ที่มีเพียงสองเรา ช่างสงบและสบายใจ

“เอ้า ผมซื้อฮาเก้นดาสรสสตรอว์เบอรี่ชีสเค้กมาฝาก อย่าโกรธไปเลยนะ”

ฉันรับของมาอย่างยิ้มๆ และรู้สึกดีชะมัดที่ยอมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง

"ค่ะ ฉัน...ไม่โกรธหรอก" ฉันตอบเบาๆ

ไม่ต้องเฝ้าถามตัวเองอีกแล้วว่ารู้สึกกับเขาอย่างไร เพราะตอนนี้คงมีเพียงคำตอบเดียว…ใช่ ฉันรักคุณนรินทร์




ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2555, 22:34:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2555, 22:34:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1814





<< สมบทบาท   เริ่มต้น >>
mhengjhy 9 มิ.ย. 2555, 22:45:18 น.
แหม่ ก็ปากแข็งทั้งคู่เลย


ใบบัวน่ารัก 9 มิ.ย. 2555, 22:59:50 น.
สิดีกี่ขวบแล้ว แต่งงานแล้วนะคะ
รักก็รัก ตามที่แม่บอกซื่อสัตย์กับ ตัวเอง


ลูกกวาดสีส้ม 10 มิ.ย. 2555, 12:23:48 น.
คุณแม่น่าจะรู้นะ ว่าที่ถามไปทั้งหมดน่ะ ไม่ใช่หนูเล็ก


agentaja 10 มิ.ย. 2555, 20:23:41 น.
รู้ตัวเองแล้วจะแบ่งให้คนข้างๆ รู้เมื่อไหร่ล่ะคะสิดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account