ลายลินิน
อดีต ปัจจุบัน อนาคต ผูกโยงใยจากลายผ้าผืนโบราณ
สัจจะ คำเท็จ การหลอกลวง ถักทอเป็นลายล้ำค่าของผ้าผืนนั้น
ถึงเวลาแล้วที่ประวัติศาสตร์จะถูกคลี่ออกด้วยผ้าลินินเพียงผืนเดียว

Tags: อียิปต์ ผ้าลินิน ฟาโรห์ เทพเจ้า ลี้ลับ

ตอน: อัสวาน (๓)

นวนิยายเรื่องนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คแล้ว

+++++++++++++

เป็นอันว่าอารีสเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว อนัตตาเล่าให้หล่อนฟังภายหลังจากการบอกรักของเขาว่า วิลเลียมตั้งใจจะแกล้งหล่อน และเพื่อนหนุ่มเองก็มีคนที่หมายไว้แล้ว นั่นก็คือหลุยส์ เดอ มาแมร์ ซึ่งไม่ผิดไปจากที่อารีสคิดไว้ในตอนแรก หากมาคิดอีกทีก็นึกเจ็บใจที่เสียรู้ให้กับเพื่อนรัก

‘ไอ้ตัวแสบ’

หล่อนได้แต่ขบปากเคี้ยวฟัน พอกลับเข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารเย็นอีกครั้ง จึงเริ่มแผนการแก้เผ็ดวิลเลียม โดยแผนนี้หล่อนได้ขอร้องอนัตตาให้ร่วมมือด้วย

“ดอกเตอร์มาแมร์คะ” หล่อนเรียกหลุยส์ซึ่งกำลังจัดการกับอาหารตรงหน้า พลางยื่นข้อมือพร้อมสร้อยข้อมือให้อีกฝ่ายเห็น “ช่วยติดตะขอสร้อยข้อมือให้ฉันหน่อยเถอะค่ะ ติดลำบากเหลือเกิน”

ภาษาอังกฤษของหล่อนสำเนียงหยาดเยิ้ม อ่อนระทวย ชวนให้หลุยส์ที่กำลังจัดการอาหารได้แต่นิ่ง หากอึดใจก็พยักพเยิด หันมาติดสร้อยข้อมือให้

หญิงสาวชำเลืองเพื่อนหนุ่มชาวอังกฤษเป็นระยะ หากดูเหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยังคงก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารต่อไป ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ครั้นหันกลับมาเห็นหลุยส์กำลังวางทาบสร้อยแมงป่องประดับทับทิมลงบนข้อมือ เสียงลึกลับที่เคยลอยตามลมก็แว่วดังขึ้นมาอีกครั้ง

“อารีส...จงระวัง”

หญิงสาวชักมือออกอัตโนมัติ ขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า ในหัวเกิดคำถามว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงอะไรกันแน่

และที่บอกให้ ‘ระวัง’ คือสิ่งใด

ทว่าเมื่อหันไปเห็นหน้าหลุยส์ฉงนฉงาย จึงพยายามยิ้มกลบเกลื่อน ยื่นมือให้หนุ่มฝรั่งเศสสวมสร้อยข้อมือให้ต่อ เรียบร้อยก็หันไปขยิบตากับอนัตตาให้จัดการตามแผน

“วิล...นายอย่าเอาแต่กินสิ ไม่เห็นเหรอว่าตาอารีสหยาดเยิ้มขนาดไหน”

วิลเลียมหันมองตาม หากไม่ได้สนใจ

“อย่างหลุยส์ไม่ใช่ชายในอุดมคติของยายนั่นหรอก” หนุ่มเมืองผู้ดีกล่าว ก่อนจะหันไปจัดการตักอาหารใส่จานของตน “ชายในอุดมคติของยายนั่นคือนายต่างหากนัต อารีสคงอยากแกล้งฉันมากกว่า”

อนัตตาได้ฟังก็ถึงกับนิ่งอั้น ชั้นเชิงของวิลเลียมเหนือกว่าอารีส หากเขาจะยอมแพ้ไม่ได้ เพราะอย่างไรก็สัญญากับหญิงสาวเอาไว้แล้วว่าจะช่วยจัดการเรื่องของวิลเลียม ทั้งเรื่องการแก้เผ็ดและการพยายามจับคู่กับหลุยส์ แม้ใจหนึ่งจะไม่เห็นด้วยก็ตามที

‘คุณว่าหลุยส์สนใจวิลหรือเปล่าคะ’ อารีสกล่าวกับเขาระหว่างการเดินทางกลับเข้าสู่ภัตตาคาร คำถามดังกล่าวทำให้อนัตตาขมวดคิ้ว จนด้วยคำตอบ

‘ไม่รู้สิครับ ผมก็ไม่เคยเห็นหลุยส์เขาจะสนใจอะไรนอกจากแผ่นจารึก บันทึกอักษรภาพอะไรพวกนั้น’

‘งั้นเอาอย่างนี้ พฤติกรรมระหว่างสองคนนี้ คุณนัตเห็นอะไรบ้างหรือเปล่าคะ’

ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงตอบ

‘ถ้าเป็นวิล ส่วนมากเขาจะพยายามดูแลเอาใจใส่หลุยส์เป็นพิเศษ แต่สำหรับหลุยส์...” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วเกาหัว ‘ไม่มีนะครับ’

อารีสยิ้มย่องผ่องใส กอดอกพลางเดินนำหน้าชายหนุ่มไปตามทางสู่ภัตตาคาร ระหว่างนั้นก็พูดถึงความคิดเห็นของหล่อนเอง

‘ฉันเห็นแววความเคารพยำเกรงที่หลุยส์มีให้วิล’ หญิงสาวหันกลับมามองชายหนุ่มอย่างมีเลศนัย ‘ดังนั้นฉันคิดว่าไม่ยากถ้าจะหาแฟนให้วิล เพื่อน...สุดที่รักของฉัน’

สายตาของอารีสไม่ได้บอกอย่างที่ปากพูด หากเมื่อถูกขอร้องหนักเข้าพร้อมเหตุผลนานัปการที่หล่อนต้องการให้วิลเลียมมีเนื้อคู่ ชายหนุ่มจึงจำต้องเอออวย เพราะอย่างไรเสียอนัตตาก็ทราบดีว่าเป็นสิ่งที่วิลเลียมปรารถนาอยู่ในใจ หากก็ไม่ลืมปรามถึงผลที่จะตามมา

“อารีสอาจอยากแกล้งนาย” อนัตตาพยายามรบเร้าอีกหน “แต่หลุยส์ล่ะ นายไม่คิดว่าเขาจะไขว้เขวหรอกเหรอ ชีวิตหลุยส์เหมือนผ้าลินินขาวสะอาด อยู่แต่กับตัวอักษร จารึกภาพ ไม่เคยผ่านมารยาคนมาก่อน นายไม่ห่วงเหรอว่าอารีสอาจชักนำให้หลุยส์เสียผู้เสียคน”

วิลเลียมหันมองอนัตตาในทันที จากนั้นจึงหันไปหาหลุยส์กับอารีสซึ่งนั่งข้างกัน ระหว่างอารีสกำลังพล่ามอะไรหลายอย่าง หนุ่มแว่นชาวฝรั่งเศสก็ชายตามองหญิงสาวเป็นระยะ บางครั้งรอยยิ้มอย่างไร้เดียงสาก็ปรากฏให้กับความน่าขบขันของอารีส

อนัตตามองดู เริ่มรับรู้ว่าวิลเลียมเปลี่ยนไปแล้ว แน่นอนว่าคำพูดเมื่อครู่เขาไม่ได้คิดเอง ใครจะไปคิดคำพูดราวกับบทละครของเชคสเปียร์ได้ หากไม่ใช่ ‘อารีส’

‘วิลเป็นคนฉลาด เพราะฉะนั้นต้องทำให้เขาขาดความมั่นใจ’ อารีสกำชับเขานักหนาก่อนจะเข้าห้องอาหาร ‘จำคำพูดแบบนี้ไว้นะคะคุณนัต ชีวิตหลุยส์เหมือนผ้าลินินขาวสะอาด อยู่แต่กับตัวอักษร จารึกภาพ ไม่เคยผ่านมารยาคนมาก่อน นายไม่ห่วงเหรอว่าอารีสอาจชักนำให้หลุยส์เสียผู้เสียคน’

คิดเพียงเท่านั้นอนัตตาก็ส่ายหน้า พลางถอนใจ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพลอยเออออห่อหมกไปกับหล่อน นี่หากไม่เห็นว่าวิลเลียมหมายปองหลุยส์ เขาคงไม่ร่วมมือกับอารีส เพราะในใจข้างหนึ่งก็กังวลเหลือเกิน ที่เขาว่ารักทำให้คนตาบอดเห็นท่าจะจริง เพราะเมื่อได้ลองรักผู้หญิงคนนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะสูญเสียการควบคุม

อารีส...อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล

หากเปรียบ ‘อารมณ์’ ราวสายน้ำ ‘อารีส’ เองก็เสมือนหนึ่งทะเล

ถ้าเขารักจะอยู่ในทะเลที่แปรปรวนตลอดเวลา อาจจะต้องทำตัวให้แกร่งดังหินผาที่ต้องยืนหยัดต้องสู้คลื่นลมมรสุม ทำให้คลื่นนั้นอ่อนกำลังกลายเป็นทะเลสงบ แม้จะหนักหนา หาก ‘หินผา’ ก็ยังคงอยู่ แข็งแกร่งและทนทาน

แต่ถ้าเลือกเป็น ‘ปลา’ ที่ว่ายตามน้ำ ทะเลอาจชอบ หากท้ายที่สุด เขาไม่อาจรู้ ‘ทะเล’ จะนำพาความหายนะมาสู่ปลาเมื่อไร

เมื่อคิดจะรัก...ก็ต้องรักให้เป็น

หากเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ ตนเองกลับพลาดไปเสียแล้ว

+++++++++++++++

ทุกคนแยกย้ายกลับห้อง หลังอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยพร้อมของขวัญจากมาดามเซติ อารีสพยายามรั้งท้ายขบวน โดยมีอนัตตาตามติด เฝ้ามองดูพฤติกรรมของวิลเลียมและหลุยส์ กระทั่งวิลเลียมมาส่งหลุยส์ถึงหน้าห้อง เพื่อนหนุ่มชาวอังกฤษของหล่อนก็รีบรั้งแขนนักโบราณคดีหนุ่มชาวฝรั่งเศสไว้ทันที

“เดี๋ยวก่อน...หลุยส์!”

“ครับ?” หนุ่มฝรั่งเศสซึ่งทำท่าจะเปิดประตูหันกลับ เห็นวิลเลียมยื่นแหวนประดับไพลินเม็ดเขื่องมาให้ “เอ๊ะ...นี่มันแหวนที่มาดามเซติให้เป็นของขวัญนี่ครับ”

ผู้ชายทุกคนในคณะสำรวจต่างได้ของขวัญประเภทเดียวกันคือแหวน หากแต่อัญมณีที่ประเรือนกลับแตกต่างกันไป อย่างของวิลเลียมก็เป็นไพลินเม็ดสีน้ำเงิน ของหลุยส์ก็เป็นบุษราคัมสีเหลืองอำไพ ส่วนของอนัตตาเป็นเพชรเม็ดใหญ่ แวววาวล้อแสงไฟระยิบระยับ

“สวมให้ฉันหน่อย”

หลุยส์ถึงกับตาโต มองวิลเลียมด้วยความคาดไม่ถึง หากเมื่ออีกฝ่ายเร่งรัดมากเข้า ในฐานะลูกทีม เขาเองก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“หรือว่าทำไม่ได้” เสียงหัวหน้าคณะสำรวจดูกระด้าง คล้ายพยายามใช้อำนาจเข้าข่ม จนสุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องรับคำ

“ทำได้ครับ”

หลุยส์หยิบแหวนไพลินเตรียมสวมให้วิลเลียม หากอีกฝ่ายกลับพอใจยื่นให้เพียงนิ้วนางข้างซ้าย หนุ่มชาวฝรั่งจึงสวมให้อย่างเบามือ

“เรียบร้อยครับ”

“คราวนี้ขอของนายบ้าง” วิลเลียมพูดพลางแบมือขออีกฝ่าย หากหนุ่มแว่นกลับขมวดคิ้ว เกาหัวฉงนฉงาย “แหวนของนายยังไงล่ะ ฉันจะสวมให้” เสียงของวิลเลียมแทบจะกลายเป็นขู่บังคับ จนหลุยส์ยอมยื่นกล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กกะทัดรัดให้โดยไม่กล้าบ่น พอรับเรียบร้อย หนุ่มอังกฤษก็เปิดออก ดึงแหวนประดับตัวเรือนด้วยบุษราคัมออกมาสวมให้หนุ่มแว่นในทันที

“เรียบร้อย”

นิ้วนางข้างซ้ายเหมือนที่หลุยส์เคยสวมให้เขาไม่ผิด พอดี เหมาะเจาะ หากผู้ที่ถูกสวมแหวนนี่สิกลับได้แต่นิ่งอั้น อ้าปากมองแหวนบนเรือนนิ้วของตนเองราวไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

“ขอบใจนะ” วิลเลียมกล่าวจบ ก็บรรจงจุมพิตหน้าผากอีกฝ่ายหนึ่งที ก่อนจะเดินจากไปเข้าห้องตัวเอง ทิ้งให้หลุยส์ได้แต่ยืนอ้าปากตาค้าง แตะหน้าผากตัวเองด้วยมือสั่นเทา มือข้างหนึ่งพยายามดึงเอวกางเกงขึ้นอยู่ตลอด และอึดใจนั้นเองที่หลุยส์เป็นลมหมดสติ ล้มลงนอนกองกับพื้น ทำเอาอารีสและอนัตตาที่ลอบมองอยู่ห่างๆ พากันวิ่งไปดูด้วยความตกใจ

++++++++++++++++++

อารีสกลับเข้าห้องพัก ทอดตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่ม หันหน้าไปมองถุงผ้าลินินที่คิดว่าจะนำมาทำงานต่อ ก็ยังไม่อยู่ในห้วงอารมณ์ที่พร้อม คิดว่าจะหาสร้อยคอประดับจี้แมวของอนัตตา ก็ยังไม่อยากหาในเวลานี้ เพราะเมื่อครู่หล่อนเพิ่งผ่านเหตุการณ์มหัศจรรย์มาสดๆ ร้อนๆ

ภายหลังจากพาหลุยส์เข้าไปพักในห้อง วิลเลียมที่ทราบเรื่องภายหลังก็เข้ามาดูแลอาการ ครั้นเมื่อได้รู้ความจริงว่าเป็นแผนของอารีสที่ตั้งใจแก้เผ็ด เพื่อนหนุ่มก็โกรธหล่อนเป็นฟืนเป็นไฟ หากไม่อาจจะต่อว่าอะไรได้มากนัก เนื่องจากอารีสยกเรื่องที่เขาได้เคยแกล้งหล่อนเอาไว้มาคะคาน

‘ผมว่าพอแล้วล่ะ ตอนนี้เรามาดูหลุยส์ดีกว่า’ อนัตตาแยกทั้งสอง จากนั้นจึงพากันมาดูหนุ่มแว่นที่ยังคงหลับไม่ได้สติ

‘ฉันจะเฝ้าหลุยส์เอง ฉันเองก็ผิด ใจร้อนไปหน่อย กลัวว่าหลุยส์จะถูกอารีสพาเสียคน’ วิลเลียมอาสา หากอารีสที่ยืนฟังก็เตรียมตั้งท่าสวนคืน ทว่าเมื่อเห็นนัยน์ตาเอาเรื่องของอนัตตา หญิงสาวก็หน้าเจื่อนไปโดยปริยาย

‘ผมเตือนคุณแล้วอารีสว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง’ อนัตตาส่ายหน้า ‘ผมเองก็ผิด ดันส่งเสริมกันแทนที่จะห้ามคุณให้เด็ดขาด กลับห้องเถอะ ให้วิลเลียมดูแลหลุยส์’

หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็เชิดหน้าสะบัดผม ก้าวเท้าฉับๆ ออกจากห้อง ครั้นกำลังจะเข้าห้องพักของตัวเอง กลับถูกอนัตตาคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน

‘ฉันจะเข้าห้องแล้ว’ อารีสกระเง้ากระงอด โกรธชายหนุ่มอยู่ลึกๆ หากเพราะเป็นความผิดของตัวด้วยส่วนหนึ่งจึงไม่อาจต่อว่าเขาได้เต็มปาก

‘เป็นผู้ใหญ่หน่อยสิอารีส’ อนัตตาว่าพลางจับหล่อนมาคุยกัน

แม้หญิงสาวจะรู้ดีว่ามันคือคำตำหนิ หากน้ำเสียงที่ดังออกมานั้นนุ่มละมุน ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า ไม่นานหล่อนก็สงบลง นัยน์ตาแข็งกร้าวโกรธเคืองกลายเป็นเอ่อท้นด้วยน้ำคลอหน่วย

‘ผมอยากให้คุณรู้ คนที่รักกันจริงๆ ต้องแนะนำกันไปในทางที่ดี คุณจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ขอเพียงอย่างเดียวคือความเป็นผู้ใหญ่ในความคิด ความดีงาม และการรู้จักให้อภัย ผมไม่ขอปฏิเสธว่าผมรักและนับถืออารีสนักวิชาการสาว และก็มีความสุขที่อยู่กับอารีส ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยสีสันและมุกตลก ผมรักจะอยู่กับพวกเธอ’

อารีสจ้องลึกลงนัยน์ตาของชายหนุ่ม เห็นแววแห่งความจริงใจเปี่ยมล้น นัยน์นั้นคือความมั่นคงดังหินผา และเมื่ออนัตตาบรรจงจุมพิตที่หน้าผากของหล่อน หญิงสาวก็รับรู้ถึงความรู้สึกในภายหลังของหลุยส์ ซึ่งถูกวิลเลียมจุมพิตเช่นเดียวกัน

หล่อนแตะหน้าผากด้วยมือสั่นเทา รับรู้ทั้งความอุ่น ทั้งความร้อน นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตนเองหลังจากเขาผละตัวออกห่าง กลิ่นน้ำหอมคาโมไมล์คละเคล้ากลิ่นเนื้อตัวอุ่นยังรวยรื่นอยู่ที่ปลายจมูก

‘อารีส...อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล แต่รู้เถอะครับ ทั้งสองควรจะมีน้ำหนักเท่ากัน’ พูดจบ อนัตตาก็เดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่ทอดสายตามองตามหลังด้วยรอยยิ้มและน้ำตา

อารีสหลับตาพริ้ม ใครจะนึกว่าหล่อนจะมีคนรักอีกครั้งหลังจากถูกแย่งของรักไปอย่างไม่น่าให้อภัยเมื่อหลายปีก่อน มิหนำซ้ำ...คราวนี้ยังได้ชายหนุ่มชาวไทยที่แสนอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผลมาเป็นคนรัก เรื่องความน่าเชื่อถือก็ไม่น่าเป็นกังวล เพราะลงวิลเลียมยืนยันนิสัย ร้อยทั้งร้อยก็เป็นไปตามนั้น

หญิงสาวค่อยๆ หลับตาลง ความง่วงเริ่มเข้ามาเยือน ในห้วงนิทราอารีสรับรู้ถึงความสุข ความอบอุ่น หลงติดอยู่กับสิ่งเหล่านั้นจนไม่ได้ยินแม้เสียงเพรียกจากผ้าลินินที่บรรจุอยู่ในถุง

“อารีส...จงระวัง”

คล้ายผ้าลินินในถุงนั้นจะเรื่อเรืองด้วยแสงสว่างสีขาว และยิ่งเรืองรองเมื่อสายสร้อยทับทิมลายแมงป่องบนข้อมือคล้ายจะเคลื่อนไหวหยุบหยับ ของขวัญจากมาดามเซติถึงอารีส กำลังทอแสงสีแดงเลือดจัดจ้า มีเสียงร้องของเหล่าสัตว์มีพิษระงมดัง

“อารีส...จงระวัง”

++++++++++++++++++



นาถลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2555, 08:34:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2555, 08:34:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1330





<< อัสวาน (๒)   ธีบส์ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account