เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๕ ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร ๑/๒

แพรวากลอกตามองน้องสาวต่างสายเลือดตั้งแต่ปลายผมจนจุดปลายเท้า แม้เพทายจะไม่ใช้ผู้หญิงประเภทสวยจัด โดดเด่นชนิดที่ใครเห็นครั้งแรกตั้งเหลียวหลังเหมือนหล่อน ทว่าหญิงสาวร่างบางแววตาดุคนนี้มีอะไรบางอย่างดึงดูดคน ใครที่เผลอมองหล่อนให้ชัดๆแล้วก็ยากจะถอนสายตาไปได้

อาจเป็นเพราะดวงหน้าค่อนข้างกลม คางมนแหลม ริมฝีปากกระจุ๋มกระจิ๋มรับกับจมูกเล็กขึ้นสันปลายเชิดรั้น นัยน์ตาสีดำสนิทกลมโตในกรอบใหญ่ชัดพิมพ์เดียวกับน้องสาวคนเล็ก มีความน่ารักและเชิญชวนให้ค้นหา โดยเฉพาะประกายตาท้าทายผู้คน หากเป็นผู้ชายจะมองหล่อนแล้วรู้สึกผู้หญิงคนนี้ถือดี อวดดี รู้สึกอยากปราบให้ยอมสยบใครเขาบ้าง

ในแง่การแต่งตัว ดีไซน์เนอร์สาวแอบเห็นมาหลายครั้ง ว่าน้องสาวที่หล่อนไม่ค่อยอยากเจรจาด้วยคนนี้ มีรสนิยมดีไม่เบา เพทายไม่ใช่คนแต่งกายหรูหราในทุกโอกาส แต่หล่อนมักจะแต่งตัวได้ถูกกาลเทศะและรู้จักเลือกเสื้อผ้าที่เข้ากับธรรมชาติของตัวเอง ชนิดที่คนมีสไตล์และเซียนเรื่องเนื้อผ้าอย่างแพรวามองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของราคาแพงมาแต่เดิม ทว่าคนใส่กลับทำให้ของชิ้นนั้นดูสวยเด่นและมีราคาขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ผมซอยสั้นถูกหวีเรียบเคลือบด้วยเจลแนบลู่ลำคอเปรียวบาง เปิดหน้าผากโค้งมนออกข้างหนึ่ง ปัดผมม้ายาวอีกข้างเฉียงลาดแล้วซ่อนลงหลังใบหู เผยอัญมณีเม็ดกลมชนิดเดียวกับชื่อเจ้าตัวประดับอยู่บนติ่งหูทั้งสองข้าง..สีแดงเข้มของมันเล่นระยับกับแสงไฟจากโคมทองระย้าบนเพดาน บ่าลาดเนียนมีริบบิ้นสีเงินพาดโยงจากชุดแพรสีครีมเข้ารูปช่วงทรวงอกขึ้นมาเพียงข้างเดียว มีผ้าบางใสทิ้งชายลงมาเกือบถึงข้อศอกของแขนด้านซ้าย ส่วนด้านตรงข้ามเปลือยไหล่ ขอบเสื้อข้างลำตัวแนบเอวคอดกิ่ว ก่อนจะทิ้งชายตั้งแต่ช่วงเลยสะโพกลงไปจนถึงระดับเข่า เวลาเดินพลิ้วสะบัดตามการเคลื่อนไหวดูลื่นตา เป็นการแต่งตัวแบบเรียบแต่เก๋ ไม่อาศัยความเยอะของเครื่องประดับใด นอกจากความประเปรียวในการเดินเหินของเจ้าตัว

ถึงแม้หล่อนจะมีร่างเล็ก ส่วนสูงเพียงแค่ระดับไหล่ของดีไซเนอร์สาว แต่ความคล่องตัว และผอมบางสมส่วนทำให้ทุกอิริยาบถน่ามอง ไม่ให้ความรู้สึกว่าต่ำเตี้ยกว่ามาตรฐานหญิงไทยแต่อย่างใด

ไม่ว่าทุกอย่างที่รวมเป็นเพทายจะถือว่าไม่ขัดตาสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเสื้อผ้าหน้าผมอย่างแพรวา แต่คำพูด และสีหน้าบวกแววตาไม่ปราณีใครของหญิงสาวทำให้คนฟังรู้สึกขัดใจ และต้องอดกลั้นความรู้สึกบางอย่างอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะเผยอกลีบปากตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบนดวงหน้ากระจ่างใสตามแบบฉบับของคนที่ฝึกการประนีประนอมมาอย่างดีแล้ว

“แหม..พี่ยังไม่ทันว่าอะไรเราเลย แค่นึกไม่ถึงว่าจะเจอ”

บอกพลางยกมือขึ้นแตะบ่าน้องสาวเบาๆ หวังปลอบประโลมให้อารมณ์อันคุกกรุ่นง่ายคลายความร้อนระอุลง เพทายกำลังจะอ้าปากสวนกลับด้วยคำพูดเจ็บแสบ ทว่ามุกดาไวกว่า หล่อนรีบเบนความสนใจของพี่สาวและกลุ่มเพื่อนที่เดินตามมากันเป็นโขยง ก่อนจะเกิดสงครามทำลายความสนุกรื่นเริงจนพินาศไม่มีชิ้นดี

“พี่แพรรำมโนราห์ไปหรือยังคะ ไข่มุกอยากเห็นจังเลย”

เสียงเล็กใสนั้นทำให้แพรวาถอนสายตาจากน้องสาวปากเก่งแล้วเลื่อนมาจับที่ดวงหน้าเจ้าของเสียงแทน ใบหน้ารูปไข่ตบแต่งอ่อนบางหวานละมุนล้อมกรอบด้วยผมเส้นละเอียดถักเป็นเปียพันรอบศีรษะ ผมยาวสลวยเป็นคลื่นลอนถูกเกล้าเก็บแบบเรียบๆ มีดอกไม้ดัดประดับเพชรชิ้นเล็กกลัดติดอยู่ ชุดราตรีที่สวมใส่ให้อารมณ์เจ้าหญิงแสนบริสุทธิ์ผุดผ่องในชุดแต่งงานสไตล์เก๋ แต่ประยุกต์เข้ากับงานราตรีได้อย่างดูไม่ผิดแปลก ความรู้สึกรุนแรงที่ถูกเก็บซ่อนไปก่อนหน้าคุกกรุ่นขึ้นมาในอกอีกครั้งจนแทบระเบิด แต่หล่อนก็ยังสามารถปกปิดความลับนั้นไว้ภายใต้ใบหน้าสวยสง่าได้อย่างแนบเนียน น้ำเสียงยังคงกังวานหวานมีเสน่ห์

“เสียดายที่สุดเลยจ้ะ..พี่แสดงไปแล้ว”

ใครคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่ติดสอยห้อยตามราชินีของงานออกมา เอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่แปลความหมายทำนองว่า..

“รำสวยมาก.. พี่สาวเธอช่างเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งสุดๆ”

“ว้า..อดดูเลยอ้ะ ไข่มุกน่าจะมาให้เร็วกว่านี้”

มุกดาทำคอตก น้ำเสียงของหล่อนบอกความรู้สึกตามที่พูดจริงๆ

“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ..เดี๋ยวกลับไปบ้านพี่จะรำให้ไข่มุกดูคนเดียวแบบจัดเต็มเลย”

แพรวายิ้มปลอบ แต่แล้วรอยยิ้มของหล่อน และคนรอบตัวกลับจืดเจื่อนลงทั่วหน้า เมื่อเพทายทำเสียงแหลมแทรกเข้ามา

“ชิ..ตอแหล”

มุกดาหันมาย่นจมูกใส่พี่สาวเป็นเชิงไม่พอใจ

“พูดบ้าๆ..น่าเกลียด”
แพรวาลอบสูดลมหายใจเข้าปอดสองที ก่อนตัดบทเสียงหวาน

“เราเข้าไปในงานกันเถอะจ้ะ สนุกกว่ายืนตรงนี้เยอะเลย”


ความทรงจำสมัยเรียนมหาวิทยาลัยย้อนกลับมา เมื่อเข้ามาเยือนในห้องบอลลูมขนาดยักษ์ ท่ามกลางความหรูหราบนผืนพรมแดง ที่มีเวทีตกแต่งแบบอลังการอยู่ตรงใจกลางสุดทางเดินตรงข้ามประตูที่หล่อนเข้ามา สองฝั่งผนังห้องกว้างมีการจัดซุ้ม ฉากถ่ายรูปหมู่และเดี่ยวอย่างน่ารัก มีดอกไม้สีสันสดสวยประดับประดา บ้างก็มีจัดเป็นซุ้มสอยดาว แจกของรางวัลเล็กใหญ่ มีคนไปยืนกระจุกกันเป็นกลุ่มใหญ่ มุกดาอุทานกับคนข้างกายด้วยความตื่นเต้น

“น่าสนุกจังเลย ไม่ได้เห็นอะไรยังงี้มาตั้งหลายปี”
“ก็งั้นๆแหละ งานโหลๆ ไม่มีไอเดียแปลกใหม่ ซ้ำซาก..น่าเบื่อ”
คือเสียงตอบกลับของเพทายที่ทำให้อารมณ์นึกสนุกของน้องสาวห่อเหี่ยวลงทันที

เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหารที่จัดแบบภัตตาคารจีน มีแป้นหมุนได้ตรงกลาง มุกดาเห็นเจ้านายของหล่อนนั่งโดดเด่นอยู่เพียงลำพัง ทว่ามีสาวน้อยใหญ่ ซึ่งโดยมากจะเป็นสาวฝรั่งผมทองตาน้ำข้าวยืนห้อมล้อม ส่งเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังแว่วหู และดูเหมือนคนพวกนั้นจะไม่มีแก่ใจหันมามองคนรอบข้างในโต๊ะติดๆกันแม้แต่วินาทีเดียว ขนาดแขกกลุ่มใหม่ที่แพรวาเดินนำไปจวนจะถึงตัวอีกไม่กี่ก้าว สาวสวยพวกนั้นก็ไม่มีแววจะรู้สึกรู้สา จนกระทั่งดีไซเนอร์สาวต้องกระแอมไอดังๆเป็นเชิงเตือนให้หลีกทาง นั่นแหละ ฝูงนกกระจิบกระจาบถึงพากันแตกรัง รีบถอยกรูดกลับไปทางไหนทางนั้น มุกดาเห็นแล้วยังนึกขัน..พี่สาวหล่อนคงมีรัศมีน่าเกรงขาม หรือไม่คนพวกนั้นก็คงรู้ดีว่าคนสำคัญตัวจริงของเดือนดวงเด่นอย่างกวินมาถึงแล้ว

คนสำคัญหรือ..ใช่ซี..พี่สาวหล่อนคงเป็นคนสำคัญที่ “พี่วิน” ประกาศไว้กับใครๆอย่างออกหน้าออกตา นึกมาถึงตรงนี้แล้วให้ใจหายวาบ ความรู้สึกหนักหน่วงเช่นนี้มันห้ามกันยากจริงๆ บทจะเกิดมันก็เกิด เกิดแล้วก็ทิ้งควันจางๆให้อึดอัดอีกพักใหญ่ทีเดียว

ขณะที่มุกดากำลังต่อสู้กับความรู้สึกตัวเองอยู่ สายตาของหล่อนก็ปะทะเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของชายหนุ่ม เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองแขกกิตติมศักดิ์ของเพื่อนสาวที่เพิ่งมาถึง

มุกดาไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองเลยว่า สายตาที่มองมานั้นจับจ้องและกวาดเก็บรายละเอียดบนดวงหน้าและเนื้อตัวหล่อนอยู่เนิ่นนาน มีประกายเจิดจ้าและถักทอสายใยอ่อนโยนส่งมาให้ หญิงสาวรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นที่แก้ม แต่กลับอบอุ่นในหัวอกอย่างประหลาดในเวลาเดียวกัน

ทว่าความรู้สึกดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงแวบเดียว ก็ต้องเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม เมื่อจู่ๆเขาก็ถอนสายตาออกจากหล่อน ทำสีหน้าเย็นชาชนิดที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าเปรียบหัวใจเหมือนฟองน้ำที่พองได้เมื่อครู่ ตอนนี้ก็เรียกได้ว่ายู่ลงจนลีบแฟบบิดเป็นเกลียวราวกับมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามารีดน้ำออกจนหมด

“ฉันจะนั่งตรงนี้..เถิบไป”

เสียงแหลมปรี๊ดทะลุแก้วหูของเพทายดังแทรกเข้ามาในห้วงความรู้สึกสีเทา มุกดาเหลือบมองข้างกายก็เห็นพี่สาวตัวแสบเบียดตัวเข้ามาแทนที่พี่สาวคนสวยพร้อมกับผลักไหล่ออกไปจนแพรวาเซล้มปะทะแผงอกของชายหนุ่มที่นั่งหน้าแข็งอยู่บนเก้าอี้ตัวถัดไป

“อยากนั่งกับไข่มุก บอกพี่ดีๆก็ได้นี้จ๊ะเพ”

กวินประคองร่างเพื่อนสาวให้พอทรงตัวลุกขึ้นได้ แพรวาหันไปส่งสายตาเป็นเชิงขอบคุณเขาก่อนจะหันกลับมาส่งกระแสเยือกเย็นให้น้องสาวคนก่อเรื่อง ชนิดที่ใครก็แยกไม่ออกว่ายิ้มนั้นแฝงแววยินดีหรือยินร้าย

“บอกดีๆเหรอ..หึ..ยังกับเธอจะยอมงั้นแหละยายแม่มด”
“เพ! ทำไมพูดยังงี้”

มุกดาอดรนทนไม่ได้หันไปทำเสียงเครียดใส่พี่สาว แต่เพทายกลับลอยหน้าลอยตาเฉย เสมือนไม่ได้ทำอะไรผิด

“ไม่เป็นไรไข่มุก..พี่ไม่โกรธเพเขาหรอก”
แพรวาส่งสายตากลับทำนองว่า..ฉันไม่อยากถือสาหาความกับเด็กมีปัญหา

แล้วก็อีกหลายถ้อยคำเจ็บแสบเผ็ดร้อนที่เพทายยืดเยื้อส่งไปให้ อีกหลายชุด ซึ่งแพรวาก็รักษาความคงเส้นคงวาของใบหน้ายิ้มเย็นได้เป็นปรกติ

หลังจากสงครามย่อมๆปะทุขึ้นเป็นระยะ ทั้งเจ้าภาพ เพื่อนผอง และแขกผู้มาเยือนล่าสุดก็นั่งประจำที่กันอย่างสงบปากสงบคำไปครู่หนึ่ง หูฉลามที่บริกรชายเพิ่งนำมาเสิร์ฟ ถือเป็นอุปกรณ์พักมวยชิ้นวิเศษที่มุกดานึกขอบคุณ อาจจะเป็นเพราะเถียงกันจนเหนื่อยเลยทำให้เจริญอาหารมากขึ้น ถึงแม้แพรวาจะไม่ได้ตอกกลับอย่างดุเดือดเหมือนเพทาย แต่มุกดาก็คิดว่าอย่างน้อย ปุถุชนคนธรรมดามันก็ต้องมีความรู้สึกกันบ้างล่ะ ในเมื่อพี่สาวปากเก่งออกจะปากคมยิ่งกว่ากรรไกรถึงขนาดนี้

“ชุดสวยนะจ๊ะ แต่งแบบนี้แล้วดูใสเชียว พี่ว่าจะชมตั้งแต่แรกแล้ว”

แพรวาเปรยขึ้น ขณะพักมือจากอาหารเมนูล่าสุด ยิ้มของหล่อนหวานหยดในสายตาเพื่อนที่นั่งร่วมวงอยู่ด้วย แต่ไม่สามารถหลอกตาคนอย่างเพทายได้ มวยยกถัดไปจึงเริ่มขึ้น

“แน่ล่ะ..ดีกว่าชุดดาวยั่วที่เธอแต่งให้น้องฉันเยอะเลย เรียกได้ว่าฟ้ากับเหว”

ระเบิดลูกนี้ยิงลงไปตูมใหญ่ และได้ผลกระทบไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่นั่งเงียบมานาน ไม่เคยคิดว่าจะหันมาสนใจผู้หญิงหน้าตาดีแต่สติไม่ค่อยดีอย่างเพทาย ทว่าคราวนี้เขาหันมาถามเสียงประหลาดใจ

“ชุดดาวยั่ว..คุณว่าใครแต่งให้นะ?”

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนอย่างเพทายได้ทีแล้วปล่อยไม่ยั้ง ไม่ทันให้ศัตรูตั้งตัวติด ชิงแก้ข้อหาได้ทันเวลา

“ก็พี่แพรแสนหวานคนที่นั่งใกล้คุณนั่นแหละค่ะ..ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้นึกครึ้มยังไง จับยายไข่มุกแต่งชุดทำงานสีแดงแปร๊ด..สั้นจุ๊ด ดิฉันเห็นแล้วลมแทบจับ” หญิงสาวเน้นคำเสียงสูงในจังหวะที่ควรสูง..หลบต่ำในจังหวะที่ควรต่ำ ทำท่าทางเรียบร้อย กระพริบตาปริบๆ กุมมือไว้บนตักเป็นเชิงล้อเลียนคำว่า “พี่แพรแสนหวาน”

กวินเบิกตากว้างขึ้นเมื่อได้ยิน กำลังจะอ้าปากถามอะไรออกไปอีก สาวข้างกายก็เอื้อมมือมาเขย่าแขนเบาๆ พร้อมส่งเสียงหวาน

“วินคะ ไปเต้นรำกันเถอะค่ะ พิธีกรเขาเชิญเราสามรอบแล้วนะคะ คุณไม่ได้ยินหรือ”

คราวนี้ฝ่ายที่สะดุดกึกกลับเป็นมุกดา หล่อนปวดหัวกับความยียวนกวนประสาทของพี่สาวจนต้องหันไปพักหูพักสายตาทางเวที..เพื่อนๆของแพรวาก็เหมือนกัน มีแต่คนส่ายหน้าระอาใจกับพฤติกรรมของเพทาย เพื่อนที่เป็นคนไทยฟังภาษาไทยรู้เรื่องจึงหันไปสนใจมุขตลก และลูกเล่นแพรวพราวของพิธีกรบนเวทีแทน ส่วนเพื่อนชาวต่างชาติฟังไม่ออก แต่เห็นสีหน้า จิกปากจิกตา บ้างก็กระฟัดกระเฟียดหน่อยๆของเพทาย ก็ได้แต่นั่งทำหน้างง หันมองคู่กรณีสองคนปะทะกันกลับไปกลับมาจนคอเคร็ด

มุกดาได้ยินเหมือนกันว่าพิธีกรขอพักการแสดงบนเวที ซึ่งล่าสุดเพิ่งมีละครเวทีขนาดสั้นเกี่ยวกับชีวิตของนักเรียนทุนในต่างแดนออกมาฉายให้หัวเราะบ้าง น้ำตาร่วงบ้าง แล้วเปลี่ยนเป็นนำเสนอเปิดฟลอร์ด้านล่างซึ่งเว้นระยะห่างจากเวทีเป็นวงกลมไว้ให้แขกในงานออกมาโชว์ลีลาเท้าไฟกันหน้าเวที..แต่หล่อนไม่ได้ยินว่าเขาเชิญพี่สาวและเจ้านายหล่อนออกไปเต้นรำตอนไหนเลย

มุกดามัวแต่งุนงงยกมือเกาศีรษะ สลับกับพยายามหันไปเงี่ยหูฟังพิธีกรให้ชัดๆอีกที เผื่อหล่อนจะได้ยินอะไรพลาดไป หันกลับมาก็ไม่เห็นกวินนั่งทำหน้าเป็นน้ำแข็งใส่หล่อนเหมือนเดิมอีกแล้ว รวมถึงพี่สาวคนสวยของหล่อนด้วย ไม่ทันเห็นว่าชายหนุ่มตอบตกลงหรือปฏิเสธพี่สาวไปอย่างไร แต่ลองหายไปทั้งคู่แบบนี้ก็คงออกไปวาดลวดลายหน้าเวทีกันเรียบร้อย เพื่อนฝรั่งของแพรวาก็เช่นกันหายไปจากโต๊ะเกือบครึ่ง เหลือเพียงเพื่อนคนไทยอีกสองสามคนที่ยังนั่งแกร่วอยู่ที่เดิม

“น้องไข่มุกออกจะสวยหวาน..พวกพี่ก็วาดภาพไว้ว่าต้องเปรี้ยวจี๊ดอย่างที่แพรบอก เห็นทีแรกต้องถามซ้ำว่าใช่น้องแน่หรือ”

เสียงเพื่อนชาวไทยคนหนึ่งที่เหลืออยู่เปรยขึ้น สีหน้ายังบอกความแปลกใจระคนชื่นชมไม่หาย มุกดาไม่ได้มีแก่ใจฟังเสียงคนรอบตัวนานแล้ว เมื่อสายตายังคงจับจ้องที่สาวสวยหนุ่มหล่อดาวเด่นของงานซึ่งกำลังเต้นรำพลิ้วไหวตามจังหวะเพลงบรรเลงอยู่กลางฟลอร์..ถึงแม้จะอยู่ในระยะไกล แต่แววตาสอดประสานลึกซึ้งที่เจ้านายหนุ่มและพี่สาวหล่อนมองตอบซึ่งกันและกันขณะล่องลอยตามเพลงหวาน มันทำให้ความรู้สึกแปลบปลาบเกิดขึ้นในใจ จนไม่มีอารมณ์หันมาฟังคำตอบที่เพทายตอบแทนหล่อน

“อู๊ย..เนี่ยแหละค่ะ ตัวจริง น้องไข่มุกเค้าสวยออกมาจากข้างใน”
เพทายจิ้มนิ้วเข้าที่หน้าอกประกอบคำบรรยาย

“ทีหลังยายแม่มดพูดอะไรคุณต้องหารสิบนะคะ หรือไม่ก็เชื่อไว้เลยว่าเป็นตรงกันข้าม”

คนฟังทำท่าพยักหน้ารับรู้แบบขอไปทีตามมารยาท เชื่อว่าคนพูดไม่ค่อยเต็มบาท มากกว่าจะคล้อยตามคำบอกเล่าที่ขัดแย้งกับภาพพจน์เดิมของดีไซเนอร์สาว ทว่าเพทายก็ยังร่ายไม่หยุดอย่างสนุกปาก

“ถ้าบอกว่าดำต้องเชื่อว่าขาว ถ้าบอกว่าขี้เหร่ต้องเชื่อว่าสวย ถ้าบอกว่านางฟ้าต้องเชื่อว่าเป็นนางยักษ์ อะไรทำนองเนี้ยล่ะค่ะ”

“สนุกพอรึยัง..”

เสียงเรียบเย็นดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอให้ได้ยินกันแค่สองคน เพทายหันไปมองตามทิศทางของเสียงก็พบว่าบุคคลที่หล่อนกำลังเอ่ยถึงมายืนแผ่รังสีอำมหิตใส่อยู่เหนือเก้าอี้ รอยยิ้มนั้นบอกอารมณ์ที่เข้าใจกันดีแค่เพียงสองคน เพทายแสร้งตะโกนเสียงดังขึ้นอีก

“อ้าว..แม่มด...กลับมาวางแผนกำจัดสโนไวท์ต่อหรือ”

แพรวาไวต่อการปรับสีหน้าให้ดูกระจ่างตาสำหรับผู้คน หล่อนยิ้มเก๋ เห็นฟันขาวแต่พองาม ก่อนบอกเสียงเจือหัวเราะ

“น้องสาวฉันเขาเป็นคนตลกน่ะจิ๊บ ชอบสร้างสีสันให้คนรอบตัว ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครหรอก”
หล่อนบอกเสียงใส ยิ้มยังระบายอยู่ไม่จาง ก่อนจะถอยเก้าอี้ตัวติดกับเพทายออกแล้วหย่อนตัวลงนั่งอย่างเนิบๆ

“แต่ก็นั่นแหละ เรื่องตลกมักเป็นเรื่องไม่จริง เธออย่าไปคิดมาก ฟังแค่พอขำๆ”
เพื่อนผู้ถูกเรียกว่า “จิ๊บ” ยิ้มตอบอย่างเข้าใจ หล่อนถามไปอีกทาง ราวกับเรื่อง “ตลก” ที่เพทายเล่าไม่มีคุณค่าพอแก่การใส่ใจ

“ไม่เต้นรำกับคุณวินแล้วหรือ..เขาทิ้งเธอไปไหนซะล่ะ”
จิ๊บถามแบบล้อๆ

“เขาเซอร์ไพรส์ฉัน..บอกว่าจะขึ้นไปร้องเพลงให้ฟัง เพลงสำหรับคนสำคัญของเขา”

แพรวาบอกพลางก้มหน้าเขินอาย เพื่อนสาวยิ่งทำเสียงล้อหล่อนกันยกใหญ่ ที่นั่งเงียบฟังอีกสองรายก็ส่งเสียงเฮสำทับเข้ามา


เสียงพิธีกรบนเวทีประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า รายการต่อไป เป็นรายการพิเศษ นักเรียนทุนเดือนเด่นของงานเพิ่งขอเสนอตัวขึ้นไปร้องเพลงให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านฟัง แล้วพอนักเรียนทุนคนนั้นปรากฏตัวขึ้นกลางเวที เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวน้อยสาวใหญ่ ผมทองผมดำก็ดังขึ้นกลบทุกการเคลื่อนไหว และการสนทนาจุกจิกของเกือบทุกโต๊ะอาหาร การปรากฏตัวใต้ลำแสงสปอร์ตไลท์บนฉากเหนือเหนือเวทีเหมือนมีมนต์สะกดให้สายตาทุกคู่หันไปจับอยู่ที่เขาแทบไม่กระพริบ

แสงไฟสีเหลืองทองทั้งจากโคมระย้าบนเพดาน และไฟดวงเล็กๆตามหลืบฝาข้างกำแพงสองฝั่งของห้องโถงใหญ่ถูกหรี่ลง จนเกือบดับสนิท มีเพียงความเรื่อเรืองที่พอให้เห็นเงาคนนั่งเก้าอี้ตัวติดกัน มุกดาเงยหน้ามองชายร่างสูงโปร่งในชุดสูทอาร์มานี่สีดำนั่งลงบนเก้าอี้กลางเวที มือข้างหนึ่งประคองส่วนปลายของกีตาร์ไม้โปร่ง ส่วนที่เหลือวางพักไว้บนตัก ขาไขว่ห้างแบบหลวมๆ มืออีกข้างเลื่อนขาตั้งไมโครโฟนเข้ามาใกล้กดต่ำให้ลงมาอยู่ระดับริมฝีปาก

“ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าผมไม่ได้เตรียมตัวมา..”

เขาเปรยขึ้นท่ามกลางเสียงเงียบกริบของทุกคนในห้องบอลลูม มุกดาไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองอีกครั้งว่าสายตาของเขากำลังมองมาที่หล่อน เหมือนตั้งใจจะพูดให้ฟัง

“แต่เพิ่งมารู้สึก..ว่าอยากจะร้องเมื่อกี้นี้เอง กีตาร์ก็เพิ่งขอยืมจากวงดนตรีด้านหลังเวที”

เสียงของเขาเหมือนปนทอดถอนลมหายใจออกมาในบางครั้ง ราวกับมีบางสิ่งอัดอั้นอยู่ในใจ ทำเอาคนฟังต้องกลั้นใจรอไปด้วยอย่างไม่ทันรู้สึกตัว

“เคยไหมครับ..คนในฝันที่ปรากฏตัวให้เห็นเกือบทุกคืน แต่ในชีวิตจริงเขาเป็นเหมือนเงา อยู่ใกล้แค่ไหนก็ยื่นมือออกไปคว้าไว้ไม่ได้...”

เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นมาแทนที่ความสงบเมื่อครู่ สาวๆด้านล่างคิดว่าเขาตั้งใจพูดโรแมนติกแบบในนิยายรักให้คนฟังหลงเคลิ้ม เลยส่งเสียงเฮชอบใจกันยกใหญ่ ทว่ามุกดากลับได้ยินเสียงเครือที่ซ่อนอยู่ในหางเสียงของชายหนุ่ม คำพูดถัดมาก่อนที่เสียงดีดกีตาร์จะดังขึ้นฟังดูไม่ปะติดปะต่อ เหมือนเขาขยักถ้อยความไว้บางส่วน

“แต่ผมก็ไม่เสียใจที่จะบอก...ที่ได้รู้สึก...ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเพลงนี้นะครับ..ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร”

*หากฉันจะรัก รักใครสักคน
เรื่องของเหตุผล สำคัญน้อยกว่าจิตใจ
จะบอกว่ารักเพราะอยากจะรัก ก็คงไม่มากเกินไป
ใครจะมองยังไง ฉันคิดว่าไม่สำคัญ

แค่รู้ว่ารัก รักเธอจนหมดใจ
ไม่รู้ตรงไหน ขอเพียงแต่ให้เป็นเธอ
ไม่มีตรงไหนที่ไม่รัก รักเธอที่เธอเป็นเธอ
ไม่ได้พลั้งได้เผลอ ฉันรักเธอเพียงผู้เดียว

ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร เพราะมันไม่ใช่เธอ
แต่ขอให้เป็นอย่างเธอ ทั้งตัวและหัวใจ
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะดีจะร้าย
ถึงแม้จะเป็นยังไง ไม่เสียใจที่รักเธอ

ที่เขาว่าสวย เขามองกันอย่างไร
ที่เขาว่าหรู เขาดูกันที่ตรงไหน
แต่สิ่งที่เห็นสิ่งที่รู้ ฉันดูเธอตรงหัวใจ
ไม่ว่ามองยังไง ก็เห็นเพียงความงดงาม

ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร เพราะมันไม่ใช่เธอ
แต่ขอให้เป็นอย่างเธอ ทั้งตัวและหัวใจ
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะดีจะร้าย
ถึงแม้จะเป็นยังไง ไม่เสียใจที่รักเธอ

ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร เพราะมันไม่ใช่เธอ
แต่ขอให้เป็นอย่างเธอ ทั้งตัวและหัวใจ
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ จะดีจะร้าย
ถึงแม้จะเป็นยังไง ไม่เสียใจที่รักเธอ

จะเป็นอย่างไร ไม่เสียใจที่รักเธอ

หลังสิ้นเสียงทุ้มลึก หวานหู และบีบหัวใจไปในคราวเดียวกัน มีคนสองคนที่นั่งยิ้มด้วยความรู้สึกแตกต่างกัน..
แพรวาเหม่อมอง “คนพิเศษ” ของหล่อนด้วยแววตาเสมือนไร้ชีวิต รอยยิ้มนั้นหญิงสาวรู้ดีแก่ใจว่าขื่นขม น้ำตาไม่ได้ไหลรินอาบแก้ม...ทว่าหลั่งรดอยู่ภายในจนท่วมท้น ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเขาตั้งใจร้องเพลงนี้..ให้ใคร
เพทายเหลือบมองดวงตากลมโตแดงก่ำของน้องสาวคนเล็กสลับกับสายตาจดจ่อของคนบนเวทีที่ประสานตอบกลับมา..หล่อนยกยิ้มตรงมุมปาก...เป็นยิ้มที่ตรงกันข้ามกับคู่อริโดยสิ้นเชิง!



*เพลงไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร : ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2555, 23:24:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2555, 23:24:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1685





<< บทที่๑๔ แปลงโฉม ๒/๒   บทที่๑๕ ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร ๒/๒ >>
แล่นแต๊ 12 มิ.ย. 2555, 00:27:28 น.
ชอบเพทายจังเลย....เด็ดมากค่ะ ไข่มุกได้คนมาเสริมทัพแล้ว


ศิลาริน 12 มิ.ย. 2555, 07:43:06 น.
เพทายคงดีใจถ้ารู้ว่ามีคนชอบ อิอิ


เดิมเดิม 12 มิ.ย. 2555, 08:12:02 น.
พี่เพช่วยให้ความกระจ่างพี่วินหน่อยเถอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account