เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๕ ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร ๒/๒

คืนนั้นมุกดากลับมาถึงห้อง พออาบน้ำเสร็จ ล้มตัวลงนอน ก็แทบสลบสไล จะด้วยเพลียกายหรือเหนื่อยใจนั้นพูดยากเพราะเหมือนมีทั้งสองสิ่งคละเคล้ากันไป รู้ตัวอีกทีก็มายืนดูละครฉากใหม่ที่มีเค้าปะติดปะต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว หล่อนรู้ตัวว่ากำลังฝัน แต่แปลกที่รู้สึกตัว มีสติชัดเจนเหมือนตอนตื่น ภาพเคลื่อนไหวตรงหน้ามีบุคคลสี่คนแต่งกายด้วยชุดเดิม ในสถานที่ซึ่งหล่อนคิดว่าใกล้เคียงกับห้องอาหารชั้นล่างของเรือนไทยหลังนี้ ทว่าการตกแต่งไม่ทันสมัยเท่า

หญิงสูงวัยท่าทางภูมิฐานนั่งเป็นเจ้าภาพอยู่ตรงหัวมุมโต๊ะ มุกดามองแวบเดียวก็นึกชื่อขึ้นมาได้เองทั้งที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนว่า “คุณนายทองทิพย์” ริมฝีปากเต็มอิ่มบนใบหน้าสวยหวานไม่ต่างจากบุตรสาวคนโตแย้มเยื้อน ท่าทีน่าเกรงขาม

“แม่ไม่รู้ดอกนะ ว่าหนูลิรู้จักพี่ปรัชเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ในฐานะอะไร แต่แม่ก็จะขอแนะนำทั้งสองให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน”

ท้ายประโยคคุณนายเน้นเสียงหนักแน่น ราวกับต้องการย้ำให้คนฟัง โดยเฉพาะบุตรสาวคนเล็กของหล่อนเข้าใจเป็นพิเศษ ปรัชซึ่งนั่งอยู่ทางเก้าอี้ฝั่งซ้ายของคุณนายซึ่งตรงข้ามกับหญิงสาวทั้งสองทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาสังเกตว่าแววตาว่าที่แม่ยายเวลามองหญิงสาวหน้าอ่อนอย่าง “มะลิ” ไม่เจือแววเอ็นดูและชื่นชมเท่าลูกสาวคนโตอย่าง.. “พุดซ้อน” ซึ่งหน้าตาสะสวย บุคลิกปราดเปรียวดูมีสง่าราศีกว่าน้องสาวมาก

“พ่อปรัช..นี่น้องมะลิ ลูกสาวคนเล็กของป้า...หนูลิ นี่คุณปรัช กำลังจะรับตำแหน่งรองหัวหน้ากองในกระทรวงเร็วๆนี้ พี่เขาเป็นลูกชายว่าที่ท่านพระยานราธิป”

คุณนายแนะนำแต่เพียงสั้นๆ หล่อนรู้สึกว่าบุตรสาวคนนี้ไม่มีเรื่องเด่นอะไรจะแนะนำให้คนรู้จัก เนื่องจากหนังสือหนังหาก็ไม่ได้เรียนมากเหมือนพี่สาว ไม่โก้เก๋อย่างเด็กนักเรียนนอก ได้แต่คุมบ่าวไพร่ประกอบกิจการ “น้ำอบไทย” ของหล่อนไปวันๆ ทำอะไรเด่นๆไม่เป็นนอกจาก จัดดอกไม้ เย็บปักถักร้อยไปเรื่อยเปื่อย คุณสมบัติอื่นๆก็แค่พอทำกับข้าวได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับฝีมือเป็นเสน่ห์ปลายจวักอย่าง “พุดซ้อน” ส่วนคำแนะนำเกี่ยวกับตัวชายหนุ่มผู้เป็นแขกของบ้าน คุณนายทองทิพย์ก็จงใจสาธยายแค่พอสังเขป เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่ลูกสาวคนเล็กจะต้องรู้เรื่องของเขาไปมากกว่านี้

มะลิประนมมือไหว้ชายหนุ่มอย่างชดช้อยตามมารยาท แล้วหล่อนก็หลุบตาลงต่ำ ข่มใจไม่ให้มองตอบนัยน์ตาพราวระยับเหมือนน้ำนิ่งกระทบไอแดดของเขา

ปรัชมอง “น้องมะลิ” อย่างนึกสงสารขึ้นมาจับใจ นอกจากความเสน่หาที่มีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เมื่อรู้สึกว่าหล่อนไม่ได้รับความสนใจ และถนอมน้ำใจจากผู้เป็นแม่มากเท่าที่ควร ท่าทางก้มหน้างุดๆอย่างคนเจียมเนื้อเจียมตัว ผิดกับพี่สาวที่นั่งเชิดหน้าเหยียดยิ้มอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปรัชมีความเอ็นดูในตัวหล่อนมากกว่า

หน้าตาและท่าทีเย่อหยิ่งบ่งบอกความเหนือกว่าทุกกระเบียดนิ้วของ “พุดซ้อน” ทำให้เขารู้สึกขัดตาอย่างบอกไม่ถูก

นั่งมองหน้าหญิงสาวฝั่งตรงข้ามทั้งสองคนสลับกันไปมาด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง และนึกเปรียบเทียบอยู่เพลินๆ เสียงที่ดังขึ้นของคุณนายทองทิพย์จึงทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย หล่อนคงจับได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจฟังคำสาธยายสรรพคุณของตัวพี่สาว และเรื่องราวต้นตระกูลผู้ลากมากดีอีกยาวเหยียด คุณนายจึงวกกลับเข้ามาพูดเรื่องสำคัญ ราวกับจะเน้นย้ำว่าที่ลูกเขยให้สำเหนียกถึงฐานะของตัวเอง นัยน์ตา

“มัวแต่ยุ่งเรื่องงานการของแม่พุดซ้อน ตั้งแต่กลับจากปีนัง แม่เลยไม่ได้บอกว่าพี่สาวเราเขากำลังจะหมั้นกับคุณปรัชเดือนหน้านี้แล้ว ทางคุณหลวงได้หมั้นหมายกับว่าที่ท่านพระยาตั้งแต่พี่พุดซ้อนเขายังเล็กๆ หนูลิยังไม่ทันเกิด”

คุณนายทองทิพย์อธิบายเรื่อยๆ หน้าตาชื่นมื่นเมื่อรำลึกถึงความหลัง ไม่สนใจว่าลูกสาวคนเล็กจะหน้าซีดเผือดลงไปทุกที มะลิสะดุ้งตั้งแต่ได้ยิน “พี่พุดซ้อน” ของหล่อน อ้างว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาตีสนิทกับหล่อน ส่งประกายระยับหวานหยดในตาให้เมื่อไม่กี่นาที เป็นว่าที่คู่หมั้นหล่อน พอได้ฟังคำยืนยันที่ชัดยิ่งกว่าชัดของผู้เป็นมารดา หล่อนก็ยิ่งรู้สึกกระดาก สำนึกในความผิดร้ายแรงที่บังอาจพูดคุยประจ๋อประแจ๋กับหนุ่มมาดดีคนนี้แบบใกล้ชิดเกินไป ไม่เหมาะสมในสายตาผู้ใหญ่ และที่สำคัญหล่อนเป็นห่วงความรู้สึกของพี่สาว..คงจะเข้าใจผิดไปแล้วว่าหล่อนแอบรักใคร่ชอบพอกับว่าที่คู่หมั้น

ขณะนั้นเด็กสาวรับใช้วัยแรกรุ่นเดินเข้าแถวยกถาดของว่าง มีขนมไทยจำพวก ทองหยิบ ทองหยอด ขนมชั้นหลากสี เป็นต้น เข้ามาทยอยวางลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำจากไม้สักขัดขึ้นเงา เหยือกน้ำชาจากเด็กสาวคนถัดไปถูกวางอย่างเบามือตรงหน้าคุณนายทองทิพย์ แล้วถ้วยกระเบื้องลายครามทั้งหลายแหล่ก็ตามติดมาประเคนให้อย่างรู้งาน ปรัชสังเกตเห็นความประณีตของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคต่างๆในบ้านแล้วก็รู้สึกว่าเจ้าของบ้าน ซึ่งอาจหมายรวมทั้งคุณนายทองทิพย์ และคุณหลวงไผทผู้เป็นสามี ช่างรู้จักคัดสรรของหายากและราคาสูงลิ่วมาไว้ประดับบารมี ดูอย่างถ้วยชามสีเขียวตองอ่อนคาดแถบเงิน บ้างก็ลายทองแท้ ขนาดแก้วน้ำเจียระไนเนื้อดียังมีจานรองล้วนทำจากเงิน วัสดุส่วนใหญ่เขาดูออกว่าเป็นของนำเข้าจากต่างประเทศ

“ก็ว่าทำไมวันนี้ถึงลาราชการ ไม่แวะรับน้องมาส่งอย่างทุกวัน ที่แท้ก็แอบมาทำความรู้จักกับลูกสาวคนเล็กของป้านี่เอง”

น้ำเสียงทีเล่นทีจริงของคุณนาย ทำให้ทองหยิบที่กำลังจะเข้าปากชายหนุ่มชะงักค้างอยู่ในท่าเดิม ปรัชกระแอมไอเหมือนอาหารติดลำคอ ทั้งที่ยังไม่ได้รับประทานอะไรเข้าไปเลย

“มิได้ครับ คุณป้าอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด วันนี้ผมมีธุระรับแขกคนสำคัญของเจ้าคุณพ่อจริงๆ” ชายหนุ่มรีบแก้ต่าง เขาสงสารมะลิมากกว่าตัวเอง ผิวขาวผ่องของหล่อนยิ่งซีดเป็นกระดาษ แทบไม่เห็นสีเลือด

คุณนายทองทิพย์พยักหน้าน้อยๆเหมือนจะรับฟัง ทว่าดวงตากลมใหญ่ของสตรีใบหน้าอ่อนกว่าวัยด้วยการบำรุงผิวพรรณเป็นอย่างดียังคงมองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถามทำนองว่า...รับแขกท่าไหนถึงได้มานั่งอยู่ในศาลาบ้านฉัน..กับลูกสาวคนเล็กของฉัน

“เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ..ผมเสร็จธุระส่งแขกเจ้าคุณพ่อ ก็พอดีมาพบน้องมะลิถูกวิ่งราว...”

แล้วเขาก็สาธยายเหตุผลที่คิดว่าผู้ใหญ่ฟังแล้วน่าเชื่อถืออีกยืดยาวตั้งต้นเรื่องจนจบลงที่ฉากสุดท้ายบนศาลาริมน้ำ ชายหนุ่มเล่าบางส่วน ที่เป็นประโยชน์แก่ลูกสาวคนเล็กของคุณนาย และระมัดระวังคำพูดไม่ให้หล่อนต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแม้แต่น้อย ส่วนความรู้สึกบางประการที่ซ่อนอยู่ในใจของเขา ระหว่างเหตุการณ์เหล่านั้น ชายหนุ่มปกปิดไว้มิดชิด ฟังเผินๆจึงเหมือนพลเมืองดีคนหนึ่งมีน้ำใจช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย ไม่มีสิ่งใดพิเศษนอกเหนือไปมากกว่านั้น

ถึงตอนนี้ มุกดารู้สึกว่าผู้ชายอย่าง “คุณปรัช” เป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเพศชายอย่างหาที่เปรียบได้ยาก ทั้งน้ำเสียงมีกังวานทุ้มลึกระคนอ่อนหวานในแบบชายชาตรีคนหนึ่งจะทำได้ กับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนประกอบรอยวาววามระยับสื่ออารมณ์หลากหลายทุกครั้งที่เขาทอดมองใคร โดยเฉพาะสตรีที่เขารู้สึกพิเศษด้วย อย่างมะลิ เหตุผลที่เขายกมาอ้างอิงก็นับได้ว่าเฉลียวฉลาด และบ่งบอกปฏิภาณไหวพริบชั้นเยี่ยม หากเขาจะโป้ปดใครก็คงทำได้อย่างแนบเนียน ทุกคำพุดที่เอ่ยออกมาล้วนฟังแล้วน่าเชื่อถือไปเสียหมด ส่วนมะลิ ก็ช่างเป็นหญิงสาวผู้อ่อนหวานงดงาม สงบปากสงบคำ และสงวนท่าทีเป็นที่สุด

มุกดายอมรับแล้วว่า มะลิ แค่หน้าเหมือนหล่อน และอาจมีนิสัยบางอย่างคล้ายกัน ทว่ากิริยานวยนาด เอื่อยเฉื่อย เหมือนสตรีแม่ศรีเรือนสมัยก่อน ทำให้หล่อนแยกชัดว่า ตัวเองเป็นคนละคนกับภาพมายาตรงหน้า “พี่วิน” กับ “คุณปรัช” ก็เช่นกัน มีส่วนคล้าย แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว


“อืม..ได้ยินอย่างนี้แล้วป้าก็โล่งอกได้ปะเหลาะหนึ่ง หวังว่าต่อไปคงไม่มีเรื่องที่ทำให้เข้าใจผิดแบบนี้อีกนะพ่อปรัช...น้องเขาขวัญหายหมด”

ตอนท้ายคุณนายหันไปลูบศีรษะลูกสาวคนโตอย่างทะนุถนอม ราวกับจะแสดงให้ชายหนุ่มเห็นว่า “พุดซ้อน” เปรียบเสมือนไข่ในหิน ไม่ควรเลยที่เขาจะหักหาญน้ำใจหล่อนไม่ว่าเรื่องไหน

“ถ้าผมทำให้น้องพุดซ้อนเข้าใจผิดก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ชายหนุ่มบอกเสียงอ่อนหวานราวกับรู้สึกผิดเหลือประมาณ ปรัชถือว่าอิสตรีเป็นเพศที่ควรถนอมน้ำใจให้มาก เพราะหัวใจบอบบางกว่าเพศชาย และอาจเป็นเพราะเขารักมารดาสุดหัวใจ จึงพลอยทำให้มีนิสัยสุภาพบุรุษติดตัวมาตั้งแต่เล็กจนโต..ส่วนเรื่องที่ว่าการกระทำและคำพูด จะตรงกับส่วนลึกในใจมากน้อยแค่ไหน อันนั้นคงต้องแยกเป็นคนละส่วน ไม่นำมาเกี่ยวข้องกัน

แววตาเคร่งเครียดกับดวงหน้าเชิดหยิ่ง บนลำคอระหง ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้รับกระแสเสียงและสายตาอ่อนโยนจากชายหนุ่ม พุดซ้อนยิ้มในหน้าแต่พองาม อย่างสตรีชั้นสูงที่มักพยายามรักษากิริยาท่าที

“เย็นนี้ผมขอไถ่โทษ..พาน้องพุดซ้อนไปชมละครเวทีในพระนครนะครับ”

พุดซ้อนเผลอยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม แต่แล้วก็รีบหุบฉับเมื่อรู้สึกตัว คุณนายเป็นฝ่ายตอบแทนลูกสาว

“ดีซีจ๊ะ..ตั้งแต่น้องกลับจากปีนังยังไม่ได้เที่ยวชมพระนคร ป้าว่าพรุ่งนี้จะพาไป พอดีพ่อปรัชมาอาสาเองเสียก่อน”

ปรัชเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพลาดท่าเสียทีอย่างไรชอบกล เมื่อคุณนายทองทิพย์ขยายต่อว่า..

“เดือนนี้ทั้งเดือน พ่อปรัชก็พาน้องเที่ยวให้ทั่วเลยนะจ๊ะ ที่ไหนสวย ที่ไหนเด่น พาไปชมให้หมด ถือเป็นฤกษ์ดีก่อนได้หมั้นกัน”

ฝากฝังไว้เท่านั้น เมื่อไม่ได้ยินชายหนุ่มปฏิเสธ หล่อนก็ถือว่าความเงียบคือคำตอบรับที่ดังที่สุดแล้ว คุณนายทองทิพย์ขอปลีกตัวไปเอนหลังในห้องนอนพร้อมกับเด็กรับใช้ที่ยืนรออยู่แล้วตรงข้างกรอบประตู ทิ้งให้ชายหนุ่มมีเวลาอยู่กับหญิงสาวว่าที่คู่หมั้นอย่างเป็นส่วนตัว เผื่อมีเรื่องต้องคุยกันเพื่อทำความรู้จักสนิทสนมให้มากขึ้น...คุณนายลืมไปว่า หล่อนทิ้งลูกสาวคนเล็กให้นั่งเป็นก้างชิ้นเบ้อเริ่มอยู่อีกทั้งคน

“บ่ายนี้ต้องคุมบ่าวไพร่บรรจุน้ำอบไม่ใช่หรือจ๊ะ..มะลิ”

พุดซ้อนเอ่ยเสียงหวานในทีแรก เพื่อให้น้องสาวออกไปจากความเป็นส่วนตัวของหล่อนกับชายหนุ่ม ทว่าน้องสาวหน้าอ่อนกลับตอบประสาซื่อ ไม่รู้ความนัยที่พี่สาวพยายามสื่อ

“เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เย็นวานแล้วค่ะคุณพี่”

คราวนี้พุดซ้อนเริ่มกระแอมไอเป็นเชิงเตือน เมื่อเห็นน้องสาวยังนั่งเฉยอยู่ อีกทั้งหล่อนยังเห็นปรัชลอบมองน้องคนเล็กด้วยแววตาประหลาดอยู่เป็นระยะ หญิงสาวก็ยิ่งอึดอัด..พยายามหาทางต่อ

“เตรียมรายการอาหารรับคุณพ่อหรือยังเล่า”

มะลิพยักหน้าน้อยๆพร้อมคำตอบอย่างไร้เดียงสา

“เตรียมแล้วค่ะคุณพี่”

“เมื่อเช้าฉันเห็นไอ้ด่างหมาตัวโปรดของเธอวิ่งหายออกไปนอกบ้าน เธอควรไปตามหามันนะ เดี๋ยวจะเป็นอันตราย ยิ่งเด๋อด๋าเหมือนเจ้าของอยู่”

มะลิก็ยังพาซื่อ สั่นศีรษะน้อยๆ

“ไอ้ด่างฉลาดค่ะ มันไปเที่ยวเตร่ตามเรื่อง ประเดี๋ยวเย็นๆก็กลับเข้าบ้าน”

ปรัชเริ่มรู้สึกบรรยายกาศรอบตัวน่าอึดอัด ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า พุดซ้อนต้องการสิ่งใดจากคำถามเหล่านั้น..และไม่ทันคาดคิด เสียงเยียบเย็นก็หลุดออกมาจากกลีบปากสีสวยอย่างหมดความอดทน

“แล้วเธอจะนั่งขวางหูขวางตาฉันเพื่ออะไร..ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับพี่ปรัช..เพียงลำพัง”

ดวงหน้าที่เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างในช่วงหลังกลับเหือดหายเป็นแผ่นกระดาษดังเดิม มะลิระล่ำระลักขอโทษพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นเดินค้อมตัวออกไปอย่างลนลาน

ปรัชเหลือบมองหญิงสาวผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่คนโตอย่างคาดไม่ถึง...คนสวยจัดอย่างพุดซ้อน ยามโกรธ แม้จะอยู่ในอิริยาบถนิ่งแน่ว กลับแผ่กระแสอันน่ารังเกียจที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ..












ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2555, 13:24:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2555, 13:24:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1603





<< บทที่๑๕ ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร ๑/๒   บทที่๑๖ ใยสิเน่หา >>
แล่นแต๊ 18 มิ.ย. 2555, 17:02:10 น.
มาแล้ว ^^


เดิมเดิม 18 มิ.ย. 2555, 18:24:59 น.
รออยู่ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account