กลพรายใจ (วางแผงแล้ว สนพ.สื่อวรรณกรรม)
ความรักครั้งนี้...มีผีอยู่เบื้องหลัง

วาทการ เสียชีวิตอย่างกะทันหันในวัยยี่สิบปี แต่เพราะยังมีห่วง วิญญาณของเขาจึงขอร้องต่อมัจจุราชว่าจะยอมไปเกิดใหม่ เมื่อเห็นพี่สาวทั้งสองมีความรักมั่นคง

โดยเฉพาะ มัญชรี พี่สาวคนกลางที่จู่ๆต้องออกจากงานเชฟ เพราะเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น แถมยังมีเหตุให้ต้องใกล้ชิดกับ เหมกร คาสโนว่าตัวพ่อที่เกลียดสุดชีวิต แม้แสงออร่าจะบ่งบอกว่าทั้งสองเป็นเนื้อคู่ หากดูเหมือนว่าชายหนุ่มและหญิงสาวจะไม่เคยลงรอยกันเลยสักครั้ง

เป็นเหตุให้วิญญาณน้องชายผู้แสนดีอย่างวาทการต้องคิดหา แผนเร่งรัดหัวใจ เพื่อทำให้คู่กัดหันมารักกัน ก่อนจะต้องไปเกิดใหม่ตามสัญญาที่ให้ไว้กับมัจจุราช งานใหญ่ขนาดนี้ วาทการจะทำสำเร็จไหมเนี่ย!
Tags: บุลินทร, เหมกร, มัญชรี, วาทการ, วรัท, สริตา, กลพรายใจ, ร้ายฝากรัก

ตอน: ตอนที่ 3

ตอนที่สามมาแล้วครับ ไปดูกันต่อเลย ว่าลางบอกเหตุของนายข้าวจะเป็นอะไร แล้วร้ายแรงหรือเปล่า เช่นเคยครับ อ่านแล้วอย่าลืมฝากข้อความทักทายกัน หรือกด LIKE ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะครับ ^^






วันนี้มัญชรีต้องทำงานกะดึกอีกครั้ง หากหญิงสาวก็ไม่หวั่น เพราะพรุ่งนี้หล่อนจะได้นอนหลับอย่างเต็มที่ ก่อนที่อีกเจ็ดวัน จะต้องกลับมาเข้ากะดึกตามตารางที่โรงแรมจัดไว้


ในห้องอาหารคลาคล่ำไปด้วยลูกค้าที่ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติเช่นทุกวัน หรือถ้าเป็นคนไทย ก็เป็นคนที่มีฐานะดีหน่อย เชฟสาวทำอาหารอย่างขันแข็งโดยมีเกริกไกรเป็นลูกมือส่วนตัว ช่วยหยิบจับข้าวของ และเครื่องปรุงต่างๆ ให้


“กีวี่ เลิกงานแล้วอย่าเพิ่งกลับนะ คุณอาคมเรียกพบ” โชคชัย ผู้จัดการภัตตาคารเดินมาบอกหญิงสาว ขณะที่หล่อนกำลังทำอาหารรายการสุดท้าย


“ค่ะพี่โชค ขอบคุณนะคะ”


เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านตามปรกติ เมื่อจัดการทุกอย่างในครัวเรียบร้อย ก็เป็นเวลาที่หล่อนจะได้ทำความสะอาดร่างกายให้สดชื่นบ้าง น่าแปลกที่วันนี้ห้องน้ำเงียบผิดสังเกต ทั้งๆ ที่ทุกวันจะมีเสียงของพนักงานคุยกันเซ็งแซ่ หากเชฟสาวก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเข้ากะดึกวันสุดท้าย ไม่แปลกที่ทุกคนจะอยากกลับไปพักผ่อน


ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็อาบน้ำเสร็จ เดินฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำสีฟ้า พลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกหมาดๆ อย่างมีความสุข หากก็ต้องสะดุ้งโหยงทันที เมื่อได้ยินเสียงแหบห้าวของใครคนหนึ่ง


“อาบน้ำนานจังเลย”


“อ้าว คุณอาคม” หล่อนรีบกระชับชุดคลุมให้มิดชิดด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะถามกลับด้วยสายตาหวาดระแวง ไม่รู้ทำไมวันนี้อาคมถึงได้มองหล่อนอย่างกรุ้มกริ่มนัก “พี่โชคบอกว่าคุณอาคมเรียกพบกีวี่ใช่ไหมคะ” ถามจบแล้ว มัญชรีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่นี่เป็นห้องน้ำของพนักงานหญิง


แล้วอาคมเข้ามาได้อย่างไรกัน!


“ใช่จ้ะ แต่ฉันรอไม่ไหว เลยมาที่นี่” ชายวัยกลางคนร่างท้วมเดินอาดๆ เข้ามาหาพร้อมสายตาวิบวับประหลาดๆ


นี่คือคุณอาคมที่หล่อนเคยรู้จักจริงๆ หรือ?


“ดะ…เดี๋ยวค่ะ คุณอาคมเข้ามาที่นี่ได้ยังไง นี่มันห้องน้ำสำหรับพนักงานหญิงนะคะ” หล่อนถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้ความรู้สึกผิดปรกติจะแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ หากยังทำใจดีสู้เสือ บางทีคุณอาคมอาจจะมีธุระด่วนกับหล่อนก็ได้ เพราะเขาทำตัวน่าเคารพเสมอมา มันคงไม่มีอะไรหรอก มัญชรีพยายามคิดในแง่ดี
ไม่แน่เขาอาจจะแกล้งทำให้หล่อนกลัว และบอกว่า


ยินดีด้วย...เธอจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเชฟ!


หรือไม่ก็จะเพิ่มเงินเดือนและโบนัสให้หล่อนสิบเท่า ในฐานะที่ทำให้โรงแรมมีรายได้เพิ่มขึ้นอะไรทำนองนั้น


เงาร่างของวาทการปรากฏวับขึ้น เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้มาที่นี่ พอเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แววตาของวิญญาณหนุ่มก็เริ่มหวั่นวิตก ถลาเข้าไปยืนขวางอาคมทันที หากร่างท้วมหนาก็เดินทะลุผ่านไปได้โดยง่าย


“จะว่าไปแล้ว เธอนี่ก็สวยเหมือนกันนะกีวี่ ขนาดไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไรมาก แต่ก็ยังน่ามอง ยิ่งเวลาอยู่ในชุดบางๆ แบบนี้…ยิ่งน่าค้นหาที่สุด” เขามองที่จุดสำคัญของหล่อนตามันวาว ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากแผลบจนคนถูกมองรู้สึกสะอิดสะเอียน


“นี่คุณหมายความว่ายังไงคะ!” มัญชรีเดินถอยหลังโดยอัตโนมัติ เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตอนนี้ประตูทางออกถูกล็อกจากด้านใน


“นี่เธอดูไม่ออกเลยเหรอ ว่าฉันชอบเธอมาตั้งนานแล้ว และก็อยากจะเป็นเจ้าของเธอใจแทบขาด” เขาทำหน้าเหมือนอยากจะกลืนกินหล่อนลงไปทั้งตัว


“นี่จะบ้าไปแล้วเหรอ คุณมีลูกมีเมียแล้วนะคุณอาคม มาพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง” หล่อนตวาดเสียงกร้าวพลางมองหาทางหนีทีไล่ เมื่ออีกฝ่ายยิ่งเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


วาทการโผเข้าล็อกตัวอาคมไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี หากก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเขามีเพียงร่างโปร่งแสงเท่านั้น


“ฉันบ้ารักเธอไงกีวี่ หุ่นแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ ฉันชอบที่สุด อยากรู้จริงๆ ว่ากีวี่ลูกนี้จะเปรี้ยวหรือว่าหวาน ขอชิมหน่อยได้ไหมจ๊ะ”


อาคมลวนลามหล่อนด้วยสายตาอย่างไม่เกรงใจ น้ำเสียงของเขาแหบพร่าเหมือนพวกโรคจิต ส่วนมาดขรึม สุภาพ และน่านับถือหายไปหมดแล้วในตอนนี้ ดังนั้นหล่อนคงไม่จำเป็นต้องนับถือเขาอีกต่อไปแล้วเช่นกัน


“ไอ้แก่ตัณหากลับ ไอ้หนังเหนียว ที่แท้แกก็จ้องจะเคลมฉันอยู่นานแล้วใช่ไหม ฉันไม่นึกเลยนะว่าคนที่น่านับถืออย่างแกจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้” เอาไงเอากัน งานนี้หล่อนไม่มีอะไรจะต้องเสียแล้ว อยากจะลองดีนัก
เดี๋ยวแม่จัดให้!


“โธ่…แค่ตอบแทนบุญคุณนิดๆ หน่อยๆ ไม่เห็นจะต้องโวยวายอะไรเลย อย่าลืมนะว่าฉันเป็นคนพาเธอมาทำงานที่นี่ ถ้าไม่มีฉัน อย่าหวังเลยว่าเชฟอ่อนๆ อย่างเธอจะได้มาทำงานในโรงแรมหรูแบบนี้” อาคมตบท้ายด้วยการดูถูกหล่อน


“หน็อย…จะมากไปแล้วนะ แกกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นเชฟอ่อนหัด ฉันน่ะ คาบตะหลิวเงิน ตะหลิวทองออกมาเกิดเชียวนะ” มัญชรีเอ่ยอย่างโกรธกรุ่น ทำท่าเหมือนจะออกงิ้วออกโขน หล่อนทนไม่ได้ทุกที เวลามีคนมาดูถูก โดยเฉพาะเรื่องฝีมือการทำอาหาร


“เด็กบ้าที่ไหนคาบตะหลิวออกมาเกิด” อาคมระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง


“โอ๊ย…ไอ้โง่เอ๊ย ฉันแค่ใช้โวหารเปรียบเทียบ แกนี่โง่เง่าที่สุด เท่าที่ฉันเคยพบมาจริงๆ ฉันหมายถึงว่า ฉันเกิดมาเพื่อเป็นเชฟ เข้าใจหรือยัง” มัญชรีหัวเราะเยาะอย่างร้ายกาจ ก่อนจะถือโอกาสด่าเสียดสีไปในตัว ทว่าฝ่ายนั้นก็ยังยิ้มลอยหน้าลอยตา


“โห พี่กีวี่ สุดยอด ต้องอย่างนี้สิ” วาทการตบมืออย่างพอใจ แล้วก็ต้องตาโต เมื่อเห็นอาคมวิ่งถลาเข้าหาพี่สาวของตน


“เธอจะว่าอะไรก็เชิญ แต่วันนี้…เธอต้องเป็นของฉัน!” อาคมกางแขนหมายจะกอดมัญชรี หากโชคดีที่หญิงสาวหลบทันอย่างหวุดหวิด


“ไม่มีทาง ถ้าให้เลือกระหว่างเกิดเป็นควายกับโดนช้างตกมันปล้ำ ฉันขอเลือกอย่างแรกกว่า” หล่อนว่าพลางเบ้ปาก “เสียแรงที่ฉันเคารพชื่นชมมาตั้งนาน ที่แท้แกก็เป็นพวกเฒ่าหัวงู จ้องจะกินเด็ก”


แม้จะตกอยู่ในช่วงคับขัน หากมัญชรีก็ยังต่อปากต่อคำได้อย่างไม่ลดละ ก่อนจะวิ่งหนีไปยังประตูทางออก ในขณะที่ผู้จัดการหื่นก็ตามตะปบราวกับหล่อนเป็นเหยื่อตัวเล็กๆ


“คิดเหรอว่าจะรอดไปได้ ยังไงๆ เธอก็ต้องเป็นเมียฉัน…กีวี่” อาคมพูดอย่างบ้าคลั่ง สายตากระหายหิว อยากเขมือบหล่อนจนแทบจะทนไม่ไหว


“ว้าย!!” ขณะที่กำลังจะหมุนลูกบิดประตูทางออก มัญชรีก็หวีดร้องอย่างตกใจ


อาคมคว้าข้อมือบางของหล่อนเอาไว้ได้ ก็หัวเราะพอใจ หากแววตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นที่ไม่อาจปิดบังได้ เม็ดเหงื่อค่อยๆ ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหวานละมุน


“เฮ้ย…แย่แล้ว” วาทการพยายามเปิดประตู เพื่อช่วยพี่สาวที่กำลังพลาดท่า หากก็ไม่เป็นผล เมื่อจะคว้า ก็ได้มาเพียงความว่างเปล่า


“บอกแล้วไง ว่ายังไงเธอก็ไม่รอด เธอเป็นใคร ฉันเป็นใคร แค่ฉันบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนก็พร้อมที่จะเชื่อแล้ว” ชายวัยกลางคนจอมตัณหาเอ่ยอย่างผู้เหนือกว่า มองหล่อนเหมือนลูกไก่ในกำมือ ที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด


มัญชรีหายใจหอบ รู้ตัวว่าเป็นรองอีกฝ่าย หากก็พยายามตั้งสติ เอ่ยเสียงหวาน เพื่อประวิงเวลาในการเอาตัวรอด


“ค่อยๆ คุยกันก็ได้ค่ะคุณอาคม”


“อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย” ชายอายุคราวพ่อหัวเราะอย่างพอใจจนไขมันกระเพื่อม


“คุณอาคมปล่อยมือกีวี่ก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวช้อนตามองอย่างยั่วยวน พยายามงัดมารยาหญิงที่มีอยู่น้อยนิดออกมาใช้เต็มที่


“พี่กีวี่จะมาไม้ไหนเนี่ย?” วาทการเริ่มงุนงงกับสิ่งที่เห็น อย่าบอกนะว่าพี่สาวของเขาจะยอมตกเป็นของผู้ชายอ้วนจอมหื่น ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาคงไปเกิดใหม่ได้อย่างไม่สบายใจแน่


“อย่า…อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้ไหมกีวี่ เธอมันร้อนแรง จนฉันแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” อาคมเอ่ยเสียงกระเส่าข้างหู ทำเอามัญชรีขนลุกเกรียวไปทั้งตัว


แค่คิดก็ขยะแขยงจนแทบจะทนไม่ไหว เมื่อสบโอกาสตอนอาคมหลับตาพริ้ม หล่อนจับมือเขาไพล่หลัง และบิดสุดแรงจนอีกฝ่ายร้องลั่น


“คิดเหรอ ว่าฉันจะยอมแกง่ายๆ ไอ้แก่!” พูดจบก็ฟาดแขนลงบนก้านคอคนชั่วสุดแรงราวกับจะระบายความแค้นทั้งหมดที่มี


กล้าลองดีกับหล่อนนัก ก็ต้องเจออย่างนี้ หล่อนไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิดหรอกนะ เพราะพ่อสนับสนุนให้เรียนเทควันโดตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถม เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ใช้ป้องกันตัว ไม่นึกเลยว่าจะได้ใช้ในวันนี้จริงๆ


“กะ…แก นังกีวี่!” แม้อาคมจะเจ็บจนแทบพูดไม่ออก หากก็พยายามเค้นคำพูดออกมาด่าได้


มัญชรีตอบแทนด้วยหมัดหนักๆ จนอีกฝ่ายหน้าหงาย หล่อนจับชายวัยกลางคนแก้ผ้า มัดแขนไพล่หลัง และมัดปากเพื่อไม่ให้ปล่อยอะไรเน่าๆ ออกมาอีก ก่อนจะถ่ายภาพและคลิปวีดีโอเก็บไว้


วาทการเบนหน้าไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นภาพอุจาดตา หากก็โล่งอกที่สุดท้ายพี่สาวเอาตัวรอดได้ และเขาก็ไม่ต้องทำผิดกฎข้อที่สี่ ซึ่งให้ไว้กับเวทิตา


“เพื่อความปลอดภัยของฉัน ถ้าแกคิดจะทำอะไรฉันอีก ฉันจะปล่อยภาพและคลิปทั้งหมดทันที โอ๊ะๆๆ” หญิงสาวชูนิ้วชี้ โบกไปมา “คงไม่ต้องบอกนะว่าทุกคนจะฮือฮาแค่ไหน ถ้าเห็นคุณอาคม คณะกรรมการบริหารของโรงแรมผู้น่าเลื่อมใสอยู่ในสภาพแบบนี้ แกคิดผิดแล้วล่ะ ที่มามีเรื่องกับฉัน เพราะคนอย่างกีวี่ ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายง่ายๆ”


บันทึกทั้งภาพและคลิปวีดีโอเสร็จ หล่อนคว้าเอากระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมาพร้อมปิดประตูปัง มาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพักพนักงาน ในใจนึกถึงความชั่วร้ายของอาคม ที่ไม่น่าเชื่อว่าจากพ่อพระจะกลายเป็นคนหยาบช้าได้ถึงเพียงนี้ หล่อนคิดถึงคำสอนของพ่อแม่ที่บอกว่าอย่ามองคนแต่ภายนอก เพิ่งรู้ว่ามันจริงก็วันนี้ละ






เมื่อเห็นน้องสาวกลับมาถึงบ้านในสภาพผมยุ่ง หน้ามุ่ย สริตาก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น


“เป็นอะไรหรือเปล่ากีวี่ เอ๊ะ แล้วนี่แขนไปโดนอะไรมา เขียวเป็นจ้ำๆ เลย” ลากน้องสาวมานั่งบนชานเรือนและถามอย่างร้อนใจ


“มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ” พอพูดถึงเรื่องนี้ หล่อนก็รู้สึกเดือดขึ้นมาอีกครั้ง


“ไม่นิดหน่อยครับแล้วพี่กีวี่” วาทการแย้ง แบบนี้เรียกว่ารุนแรงมากต่างหาก


“แล้วเรื่องมันเป็นยังไง เล่าให้พี่ฟังซิ” แม้จะรู้ว่าน้องสาวแก่นกะโหลกเพียงใด หากก็ยังห่วงอยู่ ยิ่งตอนนี้มีกันแค่สองคน หล่อนยิ่งห่วงน้องมากขึ้น


มัญชรีพยักหน้า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องให้พี่สาวฟังอย่างไม่ปิดบัง เพราะตั้งแต่เล็กจนโต หญิงสาวก็ไม่เคยมีความลับต่อทุกคนในบ้าน เนื่องจากพ่อแม่สอนว่า เวลามีปัญหาต้องเล่าให้ครอบครัวฟัง เพราะจะได้ช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่เก็บไว้คนเดียว เหมือนสุมเพลิงไว้ในอกที่อาจจะเผาไหม้ทำลายตัวเองเมื่อไหร่ก็ไม่รู้


“ตายแล้ว!” สริตาอุทานเสียงดัง เมื่อฟังเรื่องจบ


“กีวี่จัดการมันไปแล้วค่ะ พี่มะปรางไม่ต้องห่วง มันไม่กล้ามาทำอะไรกีวี่อีกหรอก” หญิงสาวกอดอก ไม่มีรอยกังวลในแววตา


“เก่งจริงจริ๊ง พี่สาวเรา” วาทการส่ายหน้ายิ้มๆ


“แล้วเรื่องงานจะเอายังไง” สริตาถามต่อด้วยน้ำเสียงกังวล


จริงๆ มัญชรีก็เพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนกัน ในเมื่อหล่อนทำร้ายอาคมถึงขนาดนั้นแล้ว คงยากแน่ๆ ที่อีกฝ่ายจะยอมให้กลับเข้าไปทำงานที่โรงแรม


“กีวี่จะเข้าไปที่นั่นก่อน แล้วดูว่านายอาคมจะเอายังไง ถ้ามันให้ออก กีวี่ก็จะออก ง้อเสียเมื่อไหร่ กีวี่ไม่ใช่คนอ่อนหัด ฝีมือก็มี จะไปสมัครที่ไหนก็ได้” หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจในตัวเอง กิริยาเชิดหน้าน้อยๆ เป็นสิ่งที่เห็นจนเจนตา


“ให้พี่ไปด้วยไหม” สริตารีบเสนอตัว


“ไม่เป็นไรค่ะ คนเยอะออกขนาดนั้น มันคงไม่กล้าปล้ำกีวี่กลางโรงแรมหรอก หรือถ้าจะทำจริงๆ กีวี่จะเอากระทะตีมันให้หัวแบะไปเลย” หญิงสาวพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หล่อนไม่กลัวเกรงอะไรทั้งนั้น ลองเข้ามาทำอะไรดูสิ จะเอาคืนเสียให้เข็ด


“แต่ระวังตัวด้วยนะกีวี่ เราเป็นผู้หญิง ยังไงก็เสียเปรียบผู้ชายทุกประตู”


“ถูกครับ ข้าวเห็นด้วยกับพี่มะปราง” วาทการพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจยาว “เฮ้อ แต่ถ้าข้าวช่วยอะไรได้บ้างก็คงดี”


“ค่ะ ขอบคุณพี่มะปรางมากนะคะ” มัญชรียิ้มกว้างอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะโผเข้ากอดพี่สาวแน่น เดี๋ยวคงได้รู้กันว่าอนาคตการทำงานของหล่อนจะเป็นอย่างไร






วาทการขึ้นมานั่งบนหลังคาบ้านเช่นเคย เวลาค่ำคืนอย่างนี้ ชายหนุ่มก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะทั่วทั้งเมืองต่างหลับใหล ต่างจากวิญญาณอย่างเขาที่ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนนอนหลับ ดังนั้นการขึ้นมานั่งดูดาวบนที่สูงเพื่อปล่อยความรู้สึกไปกับแสงดาวและสายลมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด


แว่วเสียงฮัมเพลงหวานดังมาแต่ไกล เวทิตาในชุดราตรีสีแดงสดกำลังเต้นรำอยู่ที่อีกฝั่งของหลังคา ก่อนที่หล่อนจะหมุนตัวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา


“มีความสุขอะไรเหรอครับวินนี่” วิญญาณหนุ่มเงยหน้าถามมัจจุราชประจำตัว ตั้งแต่เสียชีวิต เขาก็สื่อสารกับใครไม่ได้นอกจากหล่อน เวทิตาจึงเปรียบเสมือนเพื่อนสนิท นับวันยิ่งสนิทมาก ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกัน และคุยภาษาเหมือนๆ กัน


“ไม่บอก ทายสิ” มัจจุราชสาวเอามือไพล่หลัง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ


“ผมไม่ได้อยากรู้นี่นา” วาทการกอดอกและเขยิบตัวไปอีกทาง


“โอ๊ย อยากรู้หน่อยไม่ได้เหรอ ฉันอยากบอกนะเนี่ย มีเรื่องดีๆ ก็อยากจะแบ่งปัน” เสียงหวานเต็มไปด้วยความปีติ


เขายิ้มอย่างรู้ทัน เวทิตาก็เป็นแบบนี้ละ ทั้งที่อยากจะบอกแทบตาย แต่ก็ทำเป็นมีลับลมคมใน เขาเลยแกล้งไม่อยากรู้ให้หล่อนหงุดหงิดเล่นเสียเลย


“อะ อยากรู้ก็ได้ แต่หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องไปเกิดใหม่เร็วขึ้นหรอกนะ” วาทการเลิกคิ้วหนาขึ้น แอบกลัวนิดๆ


เวทิตาโบกมือไหวๆ ยิ้มละไม


“ไม่ใช่ๆ คิวของนายอีกสี่เดือนเหมือนเดิม แต่เรื่องที่ฉันจะบอกก็คือ วันนี้มีงานเต้นรำของสมาคมมัจจุราชรุ่นใหม่หัวใจใสปิ๊ง ฉันได้ไปงานนี้ด้วยแหละ”


“แค่นี้เหรอข่าวดี” ขัดขึ้นมาเฉยๆ


“เปล่า ฉันยังพูดไม่จบ นายเนี่ยชอบขัดจังหวะทุกทีเลยนะ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว” มัจจุราชสาวทำหน้าง้ำๆ ด้วยความที่ดูแลวาทการมากว่าหนึ่งเดือน รู้จักนิสัยใจคอกันพอสมควร หล่อนจึงไม่ต้องวางมาดเคร่งขรึมเหมือนตอนแรก


“โอเคๆ งั้นไม่ขัดแล้ว ไปงานเต้นรำแล้วไงต่อครับ” วาทการยกมือยอมแพ้


“ที่มันไม่ธรรมดา เพราะฉันไปงานเต้นรำกับพี่ริคกี้ แล้วเขาก็…” หล่อนทำท่ากระมิดกระเมี้ยน “…ชวนฉันเต้นรำด้วย พวกมัจจุราชสาวๆ ที่แอบชอบพี่ริคกี้อิจฉาจนขนตาแทบไหม้เลย”


“นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็ไปเต้นรำกับหนุ่มๆ มานี่เอง ถ้างานไม่เลิกคงไม่เห็นหน้า” ทำท่าตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก “ว่าแต่…ไม่กลัวผมทำอะไรแผลงๆ จนคุณโดนปลดจากการเป็นมัจจุราชแล้วเหรอครับ” เขาแกล้งถามลองใจ


“แหม ฉันไม่ใช่แฟนนายนะ จะได้ตามติดทุกฝีก้าว มัจจุราชอย่างฉันก็ต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง อีกอย่างเรารู้จักกันมาหนึ่งเดือนแล้ว ฉันเชื่อนะ ว่านายจะไม่ทำให้ฉันเดือดร้อน ใช่ไหมนายข้าว” เวทิตาถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ


“แน่นอน” วาทการแบมือสองข้างและยักไหล่ แม้วันนี้จะแอบขัดคำสั่งด้วยการพยายามช่วยพี่สาวก็เถอะ


“อืม…เพราะฉะนั้นฉันเลยคิดว่าต่อไป จะมาเป็นช่วงๆ ดีกว่า เพราะตั้งแต่มาดูแลนายเนี่ย ฉันกับพี่ริคกี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย เอาเป็นว่าฉันจะมาตอนดึกๆ ถึงเช้ามืดของทุกวัน ดีไหม เพราะยังไงตอนกลางวัน วิญญาณธรรมดาอย่างนายก็ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว” เวทิตาเสนอและสรุปเองเสร็จสรรพ


“โห มาเป็นช่วงช่วง อย่างเดียวเลย แบบนี้หลินปิง หลินฮุ่ยน้อยใจแย่”


“อะไรของนาย หลินปิง หลินฮุ่ย?”


“อ้าว ไม่รู้จักเหรอ หมีแพนด้าไง ว่างๆ ชวนพี่ริคกี้ของคุณไปดูที่เชียงใหม่นะ คนไปเยอะมาก แล้วตกลงคุณชอบพี่ริคกี้เหรอเนี่ย”


“ใช่ ทำไมเหรอ ก็พี่ริคกี้ทั้งหล่อทั้งเก่งออกขนาดนั้น” มัจจุราชสาวตาเป็นประกาย


“ขนาดไหน?” ตอนแรกเขานึกว่าหล่อนจะแค่ชื่นชมมัจจุราชรุ่นพี่เสียอีก นี่หวังจะร่วมหอลงโรงเลยหรือนี่


“มาก-ก-ก มากจนไม่มีคำบรรยาย พี่ริคกี้ถูกโหวตให้เป็นมัจจุราชหนุ่มในฝันของปีนี้ด้วยนะ นี่แหละ มัจจุราชสาวๆ เลยยิ่งกรี๊ดกร๊าดกันมากขึ้น แต่ฉันไม่ได้บ้าตามพวกนั้นนะ เพราะฉันชอบพี่ริคกี้มาตั้งนานแล้ว” หล่อนไหวไหล่พร้อมเบ้ปาก


“ผมหวังว่าคุณจะสมหวังนะวินนี่” วาทการยิ้มอย่างจริงใจ ตอนนี้เวทิตาก็เหมือนเพื่อนของเขา ถ้าเห็นเพื่อนมีความสุข เขาก็มีความสุขไปด้วยอีกคน


“ขอบใจจ้ะ ฉันก็ขอให้พี่สาวของนายเจอความรักมั่นคง ยืนยง ยาวนาน ก่อนที่นายจะไปเกิดด้วยนะ” หล่อนยิ้มอวยพรจนตายิบหยี


ก่อนที่วิญญาณและมัจจุราชทั้งสองจะคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อย แต่ส่วนมากก็ไม่พ้นเวทิตาที่เอาแต่เล่าเรื่องพี่ริคกี้ของหล่อนให้วาทการฟังนั่นละ


โปรดติดตาม...



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2554, 19:02:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มิ.ย. 2555, 00:05:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2241





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
บุลินทร 4 พ.ค. 2554, 19:04:16 น.
ตอบเม้นไว้ในตอนที่แล้วแล้วนะครับ ^^


lovemuay 4 พ.ค. 2554, 19:14:15 น.
สนุกมากเลย เอาโครงเรื่องที่แล้วมาดัดแปลงใช่มั๊ยคะ เหมือนเคยอ่านแล้วแต่ยังไม่จบ แต่จำชื่อเรื่องเก่าไม่ได้แล้ว +55


Gingfara 4 พ.ค. 2554, 19:26:41 น.
อิอิ มาแล้วๆๆๆๆ
ถ้ามีโบนัสรอบดึกจะเยี่ยมเลยค่ะ


ปัณณรี 4 พ.ค. 2554, 21:13:57 น.
มาไลค์จ้า อิอิ


บุลินทร 4 พ.ค. 2554, 21:36:54 น.
คุณ lovemuay
ถูกต้องครับ ชื่อเก่าชื่อร้ายฝากรักครับ เปลี่ยนเป็นกลพรายใจ เพราะมีวิญญาณน้องชายนางเอกมาเพิ่ม เห็นคนอ่านสนุกแล้วเรานั่งยิ้มเลยนะเนี่ย ดีใจที่ชอบครับ ^^

คุณ Gingfara
พรุ่งนี้ตอนเย็นเป็นตอนต่อไปนะครับ วันนี้ไม่ไหวแล้ว คนเขียนขอไปนอนก่อน ฮ่า เจอกันครับ ^^

พี่อุ้ย
ขอบคุณครับ เจอกันในถนนด้วยนะ ^^


ปูสีน้ำเงิน 5 พ.ค. 2554, 00:45:46 น.
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ


บุลินทร 5 พ.ค. 2554, 01:29:54 น.
คุณ ปูสีน้ำเงิน
เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นมาต่อแน่นอนครับ ^^


แมวเหมียวก้อย 4 ก.ค. 2554, 00:45:15 น.
ดีนะที่กีวี่เรียนเทควันโดมา

ข้าวมีเล่นมุกหมีแพนด้าด้วย ฮ่าๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account