ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๕


“จริงหรือดาว”

คนที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเปลญวนที่ผูกติดกับไม้ใหญ่หน้ารีสอร์ทแทบจะตกเปลเมื่อเพื่อนโทรศัพท์มาเล่าอะไรดีๆ ให้ฟัง

รีสอร์ทเล็กๆ มีบ้านให้พักประมาณห้าหลังซ่อนตัวอยู่ในดงไม้ใหญ่ที่สร้างติดริมโขง ลำน้ำใสแต่แห้งขอดไหลนิ่งกั้นพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านให้เห็นอยู่ไม่ไกล เพื่อนหล่อนนั่งเรือของรีสอร์ทข้ามฝั่งไปเที่ยว แต่อรุณงามเลือกที่จะนั่งรับลมเย็นๆ ปล่อยจิตปล่อยใจให้ว่างเปล่า ให้สายลมพัดผ่านเอาเรื่องกลุ้มใจเอาความทุกข์ใจหล่อนหนีหายลงแม่โขง

ปิดโทรศัพท์มือถือให้สะใจพี่ตะวันฉายกับป้ารุ้งแพงไปเลย แต่เมื่อเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงจะกลับ หล่อนก็ตัดสินใจเปิด ไม่ถึงห้านาที ดาววดีก็โทรมาเล่าเรื่องน่าตื่นเต้น

“ ฉันงี้นะ ขนลุกเกรียว ที่แท้ก็คนใกล้กันนี่เอง” หล่อนเล่า

“คุณต้นแฟนแกเขารู้เรื่องเหรอ”

“ก็อย่างที่เล่า เขาเป็นเพื่อนกัน”

“ไม่ๆ เอาละเอียด แบบว่าทุกประโยคที่แฟนแกเล่าให้นายนั่นฟัง” นายนั่นที่บอกว่าเย็นนี้จะมารับหล่อนที่เดิมที่เขาเคยมาส่ง

ดาววดีบ่นว่าใครจะไปจำได้ แต่ก็พยายามเล่าให้ละเอียดมากที่สุด

“คุณต้นบอกว่า นายเมฆาโทรศัพท์มาชวนไปกินเหล้ากัน พอเมาก็บ่นว่าผู้หญิงนี้ใจโลเล รักกันดิบดีจะตบจะแต่ง สุดท้ายก็มาเปลี่ยนใจ”

“ก็นายนั่นแหละทำร้ายจิตใจทิวาก่อน”

“ฉันก็อยากเถียงเหมือนกัน แต่คิดว่าฟังความไว้มาคุยกับงามดีกว่า”

“ดีมากเพื่อน แล้วไงต่อ”

“คุณรวี เขาก็พยายามซักถามแบบว่า ยังไงล่ะ ละเอียดมากๆ แกเข้าใจไหม ถามว่าเขามีสีหน้ากิริยาอย่างไร พูดประโยคอะไรแปลกๆ ออกมาหรือเปล่า เขาเคยปรับทุกข์เรื่องว่าอาจจะมีมือที่สามหรือเปล่า แต่คุณต้นก็บอกว่าไม่มีอะไร ทางด้านนายเมฆาก็อย่างที่เขาบอกเรา จู่ๆ ทิวาก็บอกเลิกเขาโดยไม่มีสาเหตุ”

“แล้วแฟนเก่าล่ะ”

“งามถามเหมือนคุณรวีเลย คุณรวีน่ะ เป็นญาติกันก็จริงแต่นายเมฆาสนิทกับคุณต้นเขามากกว่า เขาก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้”

“แล้วแฟนดาวว่าไง”


“ก็เหมือนเดิมที่เคยได้ยินมา”

“เห็นไหมนายเมฆานั่นแหละผิด แล้วยังจะมาโทษหาว่าทิวาบอกเลิกเขาก่อน”

“งาม เราก็ได้ยินมาจากทางโน้นอีกทีนะ ความจริงเป็นไง เธอก็ไม่รู้แน่ไม่ใช่หรือ”

“นายรวีก็เลยอยากสืบความจริงสินะ เฮ้อ เป็นเพราะฉันเองที่ไปทักเขา ไม่งั้น เขาคงไม่รื้อฟื้นเรื่องนี้”

“ไม่หรอก เป็นเพราะพ่อเลี้ยงเอนก ลุงเขา ใช้ให้ไปตามนายเมฆาที่เมืองจีนกลับมาทำงานด้วย เขาก็เลยอยากรู้ความจริง เพื่อจะได้มีเหตุผลไปลากคอนายนั่นกลับเมืองไทย”

“ก็ได้ยินมาว่าอย่างนั้น แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่า”

“คุณรวีก็บอกให้คุณต้น ไปคิดดีๆ ว่ามีอะไรที่พอเป็นเบาะแสให้สืบได้บ้าง แล้วค่อยบอกเขา ส่วนฉันก็จะอัพเดทให้งามนะ ถ้ามีอะไรคืบหน้า”

“ขอบใจมาก ดาว”

“แล้วงามจะทำอย่างไรต่อไป จะปล่อยให้เขาสืบฝ่ายเดียวเหรอ”

“ไม่หรอก อะไรที่เขาได้รู้ ฉันก็ต้องได้รู้”

เพราะหล่อนรู้สึกว่า ให้นายรวีรู้แต่ฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว หากเขาคิดจะสืบเรื่องของเริ่มทิวากับเมฆาจริงจัง ก็ควรจะมีฝ่ายทิวาเช่นหล่อนร่วมอยู่ด้วยพื่อไม่ให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีเรื่องราว แต่เอ เขาก็ชวนเราอยู่แล้วนี่นา ก็แค่เสียหน้าขอร่วมทีหลังโดยไม่ให้รู้ว่าหล่อนมีสายสืบคือดาววดีอยู่

เฮ้อ หล่อนไม่น่าไปทักเขาในเย็นวันนั้นเลย ไม่น่าเลยจริงๆ


พอแดดร่มลมเย็นพัดเบาๆ รถตู้คันเดิมก็พามาส่งที่เก่า และมีรถคันเดิมที่มาส่งอรุณงามจอดรออยู่


“เอ ใครหนอฝ่าด่านคุณป้ามหาภัย มารับส่งแกได้”

“แค่คนรู้จัก”

“แน่หรือ งามจ๋า” เพื่อนร้องเป็นทำนองเพลงลูกทุ่ง ก่อนที่อรุณงามจะลงจากรถ

รวีเองก็เปิดประตูลงมายิ้มให้เพื่อนๆ ของหล่อน จะเอ่ยปากทักทาย ก็โดนอรุณงามลากไปที่รถอย่างรวดเร็ว

“ไม่กลัวเพื่อนว่าว่าหวงแฟนหรือไง”

หล่อนแยกเขี้ยว

“ให้น้ำปิงแห้งเสียก่อนที่ฉันจะเป็นแฟนนาย”

ว่าแล้วก็โยนกระเป๋าไว้ที่กระบะหลัง เปิดประตูรถเข้าไปนั่งแล้วปิดดังปัง

“ไปเที่ยวมาน่าจะอารมณ์ดีนะ ไหง หน้าบูดเป็นแพนด้าตาดำงั้น” นั่งกันมาได้สักพักเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าไม่พูดไม่จา สีหน้าครุ่นคิด เขาก็เลยลองแหย่

“เพราะฉันไม่ได้ไปพักผ่อนอย่างที่คิดไว้”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“มีเรื่องให้คิดมาก เรื่องที่นายชวนให้สืบเรื่องทิวากับนายเมฆา”

“อ้อ คุณค่อยคิดหลังจากกลับจากเที่ยวก็ได้ ไม่น่าเอาคำพูดของผมไปทำให้วันพักผ่อนคุณหมดสนุก”

“มันก็สนุกกว่านั้นไม่ได้แล้ว คุณคงพอเดาได้ ว่ากลับไปแล้วฉันจะเจออะไร”

“ป้าคุณคงใช้ก้านมะยมฟาดคุณละมั้ง”

อรุณงามหันขวับมามอง

“คุณป้าไม่เคยใช้การลงโทษแบบนั้นกับหลาน แค่สายตาและวาจา ก็ทำให้สะท้านได้แล้ว”

“ไม่เหมือนกับลุงผม ท่านชอบตี ท่านบอกว่าทำให้เข็ดหลาบได้ดีกว่า แต่ผมชินแล้ว แล้วอีกอย่างท่านไม่เคยตีผมได้จะจะสักที เพราะวิ่งหนีตลอด”

น้ำเสียงเขาฟังเหมือนคนรำลึกความหลังที่แสนสุข แต่คงไม่ใช่กับอรุณงาม ผู้เติบโตมากับพ่อแม่และพี่ชาย ก่อนที่อุบัติเหตุจะพรากท่านทั้งสองไป ทิ้งให้สองพี่น้องกำพร้าอยู่ในความดูแลของป้ารุ้งแพงเมื่ออรุณงามอายุได้สิบแปด หล่อนไม่เคยพบความเย็นชา เจ้าระเบียบ อย่างป้ามาก่อน จึงค่อนข้างจะต่อต้านและไม่อยู่ในกรอบเช่นเริ่มทิวา ผู้ที่ป้าเลี้ยงมาแต่ยังแบเบาะ

และกรอบที่ว่าก็ยิ่งแคบเข้าเมื่อเริ่มทิวาตายเพราะผู้ชาย กรอบที่บีบรัดแม้หล่อนจะสามสิบอีกสองสามปีข้างหน้า แม้แต่ตะวันฉายก็ยังอยู่ข้างป้า ด้วยเหตุผลแค่ว่า ท่านแก่แล้ว เราเป็นลูกหลานต้องอย่าทำให้ท่านเสียใจ

อย่าทำให้เสียใจที่ทำให้หลานหมดสุขเนี่ยนะ

“เคยได้ยินเมฆเล่าว่า ไปส่งทิวาดึกไปหน่อย ป้าคุณปิดประตูรั้วใส่หน้าดังโครมใหญ่พร้อมส่งสายตาพิฆาต”

“แต่เชื่อเถอะว่าวันนี้หนักกว่านั้น”

“แต่คุณก็ยังดื้อหนีเที่ยว”

“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันสังหรณ์ว่า ไม่นานนักหรอกฉันกับป้าต้องแตกหักกันสักวันหนึ่ง”

พูดราวกับว่าไม่ใช่หลานกับป้ากัน แต่หน้าหล่อนก็ไม่ได้บ่งบอกว่าโกรธแค้นหรือชิงชัง ความเจ็บช้ำและความกดดันคงทับกันอยู่ในอก เขาก็ได้แต่ปลอบอย่างคนนอกที่มีส่วนเกี่ยวข้องนิดๆ ว่า

“อย่าคิดมากน่า คุณเป็นหลานสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ ท่านไม่ทำอะไรรุนแรงกับคุณหรอก”

แต่รวีก็อยากขอคืนคำทันทีเมื่อรถจอดหน้าบ้านหล่อน

กล่องพลาสติคใส่เสื้อผ้าสามกล่องวางอยู่กลางแสงไฟหน้าบ้าน กระเป๋าเดินทางใบเล็กที่อัดแน่นด้วยเสื้อจนล้นทะลัก เป้สองสามใบวางระเกะระกะ หนังสือนิยาย นิตยสารสุมกันอย่างไม่เป็นระเบียบอยู่ข้าง ๆ ถัดมาใกล้กัน คือตะกร้าพลาสติกที่ใส่ขวดสบู่แชมพูเล็กๆ ของผู้หญิง พร้อมของใช้ในห้องน้ำ

ไฟในบ้านปิด มีรถของหล่อนจอดอยู่แค่คันเดียว

เจ้าของข้าวของที่กองสุมอยู่ไม่น่าจะเป็นใครไปได้นอกจากผู้หญิงที่กำลังเขย่ารั้วไม้สุดแรงเกิด เมื่อมันไม่สามารถเปิดได้ด้วยกุญแจดอกเดิม หล่อนก็เตะโครมเต็มแรง
ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีเสียงกรีดร้อง ไม่มีน้ำตา และไม่มีวาจาใด

อรุณงามทรุดตัวลงนั่งหน้าบ้าน ก้มหน้าแนบหัวเข่า

“ของคุณหมดเลยหรือ” เขาถามเบาๆ

“ของของเริ่มทิวาทุกอย่าง ป้ารุ้งแพงเก็บไว้อย่างดี เสื้อผ้าเอาออกมาทำความสะอาดแทบทุกเดือนทั้งที่ เธอไม่มีวันย้อนกลับมา แต่ของฉัน หลานตัวเป็นๆ หัวโด่ๆ คุณเห็นไหม ว่าฉันได้รับการตอบแทนยังไง”

“นี่สินะ คราวแตกหักของคุณ”

อรุณงามเงยหน้า มองฟ้ามืดครื้ม ไร้ดาราฉาย หัวอกหัวใจด้านชา ตื้อ จุกอก คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ได้ สมองมึนงง คิดได้แต่ว่า เขาไล่ตรงๆ อย่างนี้แล้ว หล่อนจะไปไหนต่อ

“ฉันควรทำอย่างไรดี” หล่อนพึมพำ

“คุณว่าอะไรนะ”

“ช่างเถอะ ญาตินายเมฆาอย่างนายจะมาช่วยอะไรฉันได้ ฉันอยู่ด้วยตัวฉันเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉันก็ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองต่อไป เฮอะ งั้นก็แสดงว่า อยากไล่ฉันมานานแล้ว แต่ไม่สบโอกาสสักที ก็น่าจะบอกกันๆ ดี ฉันพร้อมจะไปเสมอ”

“คุณพูดบ้าอะไร อรุณงาม ฮึ คุณพูดบ้าอะไร นี่ป้าคุณไล่คุณออกจากบ้านนะ คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

“ฉันมันคนไร้ความรู้สึก สมองช้าไง” แล้วหล่อนก็ยิ้ม ลุกขึ้นยืน สองมือกางออก ทำท่าสูดอากาศสดชื่นยามค่ำ

“ในที่สุด ฉันก็ได้อิสระภาพซะที”

รวีโคลงศรีษะ ความคิดเดิมแวบเข้ามาในสมอง

การตายของเริ่มทิวา ทำให้คนบ้านนี้กลายเป็นอะไรกันแน่ รวีคิดอย่างสงสารหล่อนจับใจ ท่าทางเหนื่อยอ่อน แต่แววตาก็มุ่งมั่นที่เดินดุ่มไปเบื้องหน้าแม้หนทางจะมืดมน
หล่อนแค่ขอร้องแค่ให้รวีช่วยขนของทั้งหมดขึ้นหลังรถกระบะ แล้วขับออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อนที่ป้ากับพี่ชายจะกลับมา

“คุณไม่ลองโทรไปหาป้าหรือพี่ชายหน่อยหรือ”

“เปลืองเงินเปล่าๆ”

“แล้วคุณจะไปอยู่ไหน”

นั่นน่ะสิ จะไปไหนดี เดินหาหอพักกลางดึกคงไม่ได้ บ้านเพื่อนก็ไม่กล้าไปรบกวน บ้านเก่าที่เคยอยู่ก็ขายไปแล้ว เหลือแต่เงินติดบัญชี รถก็เอามาไม่ได้ ตอนนี้หล่อนเหลือแต่ตัว หรือจะนอนโรงแรมก็คงเปลืองเงินมาก

“ไม่รู้”

“อ้าว งั้นก็คิดอะไรบ้าง อย่านั่งบื้อใบ้อย่างนี้”

“ฉันฝากของไว้ที่บ้านคุณได้ไหม”

“ได้น่ะมันได้ เพราะผมก็อยากช่วยคุณ ท่าทางผมก็คงมีส่วนให้คุณโดนไล่ออกจากบ้าน แต่คุณจะไปอยู่ไหน พรุ่งนี้ มะรืนนี้ล่ะ”

“นี่ ใครจะคิดออกตอนนี้เล่า” เป็นเสียงตวาดแรกในรถรอบนี้

“เชื่อผมเถอะ โทรไปหาป้ากับพี่ชายคุณซะ ให้ผมช่วยพูดให้ก็ได้ พูดจากันดีๆ ท่านก็ต้องเข้าใจ”

“จะให้ป้าเปลี่ยนการตัดสินใจนะเหรอ รอน้ำปิงแห้งไปเถอะ คงมีวันนั้นหรอก”


สุดท้ายด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว เขาก็เอ่ยปากให้อรุณงามพักที่คอนโดกลางเมืองได้ หลังจากคิดหาทางออกให้หล่อนอยู่หลายพัก

“คืนนี้พักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

“ขอบใจ” หมดหนทางแล้วจริงๆ ไม่อยากนั้นหล่อนก็คงไม่พักบ้านญาติของศัตรู หล่อนมองเขาอย่างเกรงใจและขอบใจ ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจให้มากับเขา และไว้ใจถึงขนาดจะมาค้างคอนโดของเขา แต่หล่อนก็จะไม่รบกวนให้เรื่องมันลามบานปลายไปกว่านี้อีกแล้ว

“พรุ่งนี้ฉันจะลางานไปหาหอพักใกล้โรงงานและรบกวนคุณขนของไปให้ แล้วเราก็คงจากกันถาวรตลอดกาล อย่าได้พบเจอกันอีกเลย”

“ทำไมล่ะ เจอคุณนี่ชีวิตผมสนุกขึ้นเยอะ” พูดไปโดยไม่คิด คนฟังก็คงไม่คิดเช่นกัน อรุณงามเดินไปกดลิฟท์ให้เปิดค้างไว้ เตรียมตัวขนข้าวของ

“ไม่ต้องผมจัดการเอง” รวีรีบบอก แต่ต้องให้ซุบเปอร์แมนเท่านั้นจึงจะแบกกล่องผ้าสามกล่องนั้นได้

“คงต้องรอน้ำปิงแห้งเสียก่อนละมั้ง คุณถึงจะยกไหว” มาพึ่งเขายังจะมาแขวะอีก คิดแล้วอยากขอซื้อ คำว่ารอน้ำปิงแห้งเสียก่อนจริงๆ จะขายเท่าไหร่นะอยากรู้

ช่วงสองสามทุ่มก็ยัง มีชาวคอนโดเดินเข้าเดินออกอยู่บ้าง หลายคนก็หันมามองสองหนุ่มสาวช่วยกันขนข้าวของขึ้นห้อง บางคนก็คิดว่า เอ ถ้าจะย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ช่วยกันขนของน่ารักดี บางคนที่พอจำหน้ารวีได้บ้าง ก็เขม่นมอง อรุณงาม ว่านี่คงเป็นแฟนละมั้ง เอ แต่งงานหรือยังหว่า แม้แต่ รปภ ยังมาเมียงมอง

“ช่วยบ่ครับ”

“ไม่เป็นไรน้องชาย พี่กับแฟนขนกันเองได้”

“เฮ้ย ใครเป็นแฟนนาย” อรุณงามทำท่าจะปล่อยมือจากกล่องทันทีที่ได้ยินคำโมเม

“จะเฮ้ย อะไรเล่า รีบขนไปซี” รวีว่าให้พลางหันไปบอกยาม

“ผู้หญิงก็งี้แหละ พอเป็นแฟนกัน ชอบให้บอกคนอื่นว่าเป็นเพื่อน น้องชายว่าจริงไหม”
ยามไม่ว่าอะไร เพียงแต่กุลีกุจอช่วยขนเป้และหนังสือไปไว้ในลิฟ์ ขนขึ้นไปในคราวเดียว

และแอบกระซิบอรุณงามส่งท้าย

“พี่เป็นผู้หญิงคนแรกนะเนี่ยที่เขาพามาอยู่ด้วย คนอื่นแค่ให้มาค้างคืนเดียวแล้วก็ไป”
หล่อนใจหายวาบ เอาละสิ หนีป้ามหาภัยมาเจอเสือผู้หญิงหรือเปล่า

แต่อย่างนายรวีนะเหรอ จะมาคิดอกุศลกับผู้หญิงหน้าตางั้นๆ อย่างอรุณงาม ข้อนี้วางใจได้ น้ำปิงคงแห้งและล้นหลากใหม่สักรอบสองรอบละมัง


ด้วยความเป็นผู้ชายที่มีอยู่เต็มตัว และความเป็นสุภาพบุรุษที่ถูกปลูกฝังแต่ไหนแต่ไหร เขาเสียสละห้องนอนเดียวที่มีอยู่ให้หล่อนพัก ส่วนตัวเองจะไปนอนบนโซฟาหน้าทีวี และด้วยความเป็นผู้หญิง และความเป็นกุลสตรี ที่มีอยู่เปี่ยมล้น หล่อนยืนยันเสียงแข็งว่า หล่อนจะนอนบนโซฟา ไม่มีทางที่จะขึ้นไปนอนบนเตียงของผู้ชายอย่างเด็ดขาด

“ตามใจ จะมาหาว่าผมไม่มีน้ำใจไม่ได้นะ”

“เท่านี้ก็กรุณาพอแล้ว”

น่าโมโหนัก พูดยากจริงโว้ย ผู้หญิงคนนี้ ถ้าเป็นใครอื่น เช่นอิงอร คงจะรี่เข้าใส่อย่างไม่ต้องรอเชิญ แต่นั่นมันคนละสถานการณ์ เท่าที่หล่อนมาพักกับเขาได้ ก็นับว่ากล้าหาญและเสี่ยงมากพอแล้ว

“คุณอาบน้ำก่อนแล้วกัน ผมจะลงไปข้างล่าง ซักครึ่งชั่วโมงพอไหม”

อรุณงามพยักหน้า

“จะเอาของใช้ ของกินอะไรหรือเปล่า”

หล่อนส่ายศรีษะ

ตามใจ ไม่กินก็ไม่กิน รวีเดินลงไปที่ร้านขายของชำใต้คอนโดจิบกาแฟร้อนรอเวลา ครึ่งชั่วโมงเป๊ะไม่ขาดไม่เกินเขาก็ขึ้นห้อง พอเดินมาถึงหน้าประตูเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้น

เป็นเสียงสะอื้นฮักๆ เหมือนคนร้องไห้มาอย่างหนัก แล้วหยุดไม่ได้ เขาแย้มประตูเข้าไปดู

อรุณงามนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาที่เดิม มือขวาถือโทรศัพท์แนบหู หน้าตาแดงก่ำ หอบ
หายใจหนักเพราะสะอื้นจนตัวโยน

“พี่ตะวัน ทำกับงามได้อย่างไร ทำได้อย่างไร” หล่อนพร่ำพูดทั้งๆ ที่ตัวเองจะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว

“งามผิดอย่างไร ตรงไหน พี่กับป้าถึงไล่งาม ไม่รักงามแล้วหรือ”

“งามไม่ผิด พี่กับป้าจะมาบังคับงามได้อย่างไร ป้าไล่งาม งามไม่ว่า แต่พี่กลับเห็นดีเห็นงามด้วยได้อย่างไร งามเป็นน้องนะ เกลียดงามขนาดนั้นเลยหรือ ถ้างามตาย งามจะไปบอกพ่อกับแม่ ว่าพี่ตะวันเกลียดงาม พี่ตะวันเห็นคนอื่นดีกว่างาม”

ปลายสายคงพูดอะไรที่ไม่เข้าหู อรุณงามกรีดร้อง

“ไม่ต้องมาพูด ไล่แล้วก็ไล่เลย ไม่ต้องสนใจว่างามจะอยู่อย่างใด ถูกแล้ว งามมันไม่ดี จะให้งามไปขอโทษป้า ทั้งที่งามบ่ผิด ทั้งที่งามทำไปเพราะโดนบังคับจนทนไม่ได้ งามไม่ขอโทษเด็ดขาด”

“ใช่แล้ว งามไม่ใช่ทิวานี่ ทิวาสุดที่รักของป้ากับพี่ตะวัน อย่านึกว่าน้องไม่รู้ พี่ตะวันรักทิวา แต่ทิวาไม่รักพี่”

“จะพูด จะทำไม พี่ตะวันจะตามมาฆ่างามหรือ มาเลย แต่จะให้กลับไป ไม่มีทาง ไม่มีวัน ฟังไว้ ไม่มีทาง ไม่มีวัน”

หล่อนขว้างโทรศัพท์ทิ้ง พร้อมกับคู้ตัวงอ สองมือกำหมัดแน่น ร่ำไห้โฮๆ อย่างน่าสงสาร ท่าทางเข้มแข็ง เฉยชาเมื่อตอนเย็นหายไป เขาสัมผัสได้ถึงความผิดหวัง เสียใจ อ้างว้าง ไร้ที่พึ่ง และไร้จุดหมายปลายทาง

หัวใจของป้ารุ้งแพง กับนายตะวันฉายทำด้วยอะไร รักเริ่มทิวามากถึงขนาดไล่หลานสาวที่บังเอิญมาข้องเกี่ยวกับญาติของคนที่ทำให้เริ่มทิวาตายเชียวหรือ

“ให้ตาย ก็จะไม่กลับไป ไม่กลับไป ไม่กลับไป” เสียงละล่ำละลักพูดยามสะอื้นไห้ เป็นเหมือนกับสาบานแห่งตน รวีถอนหายใจ เขาเข้าไปแกะมือที่กำแน่นนั้นออกเบาๆ พยุงตัวอรุณงามให้ลุกขึ้น และโอบกอดเบาๆ

“ไม่เป็นไรแล้ว ใครก็เอาคุณไปไม่ได้ถ้าคุณไม่อยากไป”

ไม่มีเสียงตอบ แต่สักพักเสียงสะอื้นก็คลาย ตัวอรุณงามอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของชายผู้ที่มีนามแปลได้ความหมายเช่นเดียวกับชื่อพี่ชายของเธอ ยิ่งเขาปลอบ หล่อนก็ยิ่งร้องหนัก พอเขาหยุด หล่อนก็ซุกตัวเข้าหา ร้องไห้โฮ กำหมัดแน่นบนอกเขา จนรวีจนใจจะกล่าว ได้แต่โอบกอดและลูบหลังเบาๆ ใช้ความเงียบปลอบ
โยนอรุณงามเท่านั้น
.................................................................................

พรุ่งนี้วันเสาร์ ขอให้เป็นวันพักผ่อนที่มีความสุข
ส่วนใครที่ต้องทำงานหรือเรียนพิเศษ ก็ขอให้เวลาผ่านไปเร็วๆ นะคะ

ชิตา

โดย : ชิตา วันที่ : [ 11 มี.ค. 2554 ] 20:09:05 น.




>> ความคิดเห็นที่ 1

โอ๊ะ โอ ได้ข้อมูลเพิ่มเติม
พี่ตะวันรักทิวาเหรอเนี้ย ที่ทิวาไม่แต่งกะนายเมฆา
พี่ตะวันเกี่ยวรึป่าวน๊า
โดย : an-o [ 11 มี.ค. 2554 ] 21:57:46 น.




>> ความคิดเห็นที่ 2

:)
โดย : natee [ 12 มี.ค. 2554 ] 00:52:46 น.




>> ความคิดเห็นที่ 3

ชอบนิยายคุณชิตา ตั้งแต่ม่านเมืองหมอกแล้วค่ะ เรื่องนี้ก็สนุกมากๆ ขอบคุณมากนะค่ะ
โดย : หมูบิน [ 12 มี.ค. 2554 ] 01:48:24 น.




>> ความคิดเห็นที่ 4

ฮุ้ย พี่ชายอะไร ใจร้ายเหลือแสน!!!
โดย : black-sheep [ 26 มี.ค. 2554 ] 01:12:47 น.










ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 20:54:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 21:16:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1798





<< ๔   ๖ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account