ตราบนิรันดร์คือเธอ (สนพ.อรุณ)
ต่อให้ร้าย เป็นอสูรกายในสายตาใคร
แต่กับหนึ่งดวงใจดวงนี้ คือเธอ...ตราบนิรันดร์

บทต่อไปของนิรันดร์แห่งรักที่ใครหลายคนกำลังรอคอยค่ะ^^
ใครเคยหลงรักเทพเฮเดสจากดุจดั่งดวงใจ และเทพอพอลโลจากหทัยแห่งสุริยันมาแล้ว ต้องไม่พลาดนิยามรักบทใหม่นี้ค่ะ
Tags: แฟนตาซี รักซึ้งกินใจ นิรันดร์แห่งรัก โพไซดอน มณีมัญชุ์ อพอลโล เฮเดส พริมา ยมโลก เทพเจ้า

ตอน: บทที่ 1/2 ปีศาจร้าย (รีไรท์-จบตอน)

เพราะยังเป็นเวลาเช้าตรู่อยู่มาก มณีมัญชุ์จึงใช้เวลาในการขับรถจากบ้านมายังเวดดิ้งสตูดิโอที่เธอทำงานอยู่เพียงแค่ยี่สิบนาที หญิงสาวเริ่มต้นทำงานอยู่ในเวดดิ้งสตูดิโอแห่งนี้มาได้เกือบปี หลังจากทดลองทำงานในด้านบัญชีที่ตนเองเรียนจบมาอยู่นานกว่าสามปี มณีมัญชุ์ก็ค้นพบว่าสิ่งที่เธอรักและหลงใหลหนักหนา หาใช่ตัวเลขในบัญชีเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกลายเป็นศิลปะของการแต่งหน้า เธอจึงตัดสินใจหาเวลาว่างของตนเองไปเรียนแต่งหน้าในสถาบันชั้นนำแห่งหนึ่งของเมืองไทย ก่อนจะเริ่มต้นเดินตามความฝันด้วยการลองมาสมัครเป็นช่างแต่งหน้าอิสระยังเวดดิ้งสตูดิโอแห่งนี้

“อ้าว มาแต่เช้าเลยน้องมีมี่ พี่ยังไม่ได้เปิดร้านเลย” นิชานันท์เอ่ยปากทักหญิงสาวทันทีเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเปิดประตูร้านเข้ามา
“หนูฝันร้ายค่ะ เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตีสี่แล้วไม่กล้านอนต่อ” มณีมัญชุ์บอกพร้อมกับทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย
“พี่ซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาแน่ะ เข้าไปกินก่อนสิ กว่าลูกค้าจะมาก็เกือบแปดโมงนู่น”
“ค่ะพี่นันท์” มณีมัญชุ์รับคำก่อนเดินเข้าไปทานด้านหลังร้าน
เอาเข้าจริง กว่าเธอจะได้ลงมือแต่งหน้าเจ้าสาวก็ปาเข้าไปเกือบเก้าโมงเช้า เนื่องจากว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวของวันนี้ดันมาสายเพราะการจราจรคับคั่ง
“สายแล้วนะน้องมีมี่ เร่งให้พี่หน่อยได้ไหม” นิชานันท์คว้าแขนหญิงสาวที่เพิ่งเดินออกจากหลังร้านมากระซิบถาม

“หนูก็อยากเร่งให้นะ แต่...” เสียงหวานชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากบอกด้วยความอึดอัดใจ “เจ้าสาวพี่คนนี้จู้จี้ชะมัด” เธอบ่นเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
ฝ่ายคนฟังเลยได้แต่ถอนหายใจ ยกมือขึ้นตบบ่ามณีมัญชุ์
“ทนไว้ มันเป็นงานของเรานะ” นิชานันท์กระซิบบอก ดุนหลังหญิงสาวให้กลับไปทำงานต่อ
ใบหน้ามู่ทู่ในทีแรกพยายามจะฝืนยิ้มส่งไปให้คนกำลังนั่งหน้าตาบูดบึ้งอยู่
“เครื่องประดับมีอยู่เท่านี้ค่ะ คุณฟ้าจะใส่อันไหนคะ”มณีมัญชุ์ยื่นกล่องเครื่องประดับที่ไปค้นมาจากด้านหลังร้านให้ว่าที่เจ้าสาวดู

ใบหน้าติดจะบึ้งตึงอยู่แล้ว เบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อกวาดตามองข้าวของในกล่องกำมะหยี่
“อะไรกัน ไม่สวยเลย ถ้ารู้ว่าสตูฯมีแต่ของแย่ๆ เก่าขนาดนี้ ฉันหยิบสร้อยเพชรมาจากบ้านดีกว่า”
“วันนี้วันถ่ายภาพ ถึงของจะดูเก่า แต่ถ่ายออกมาแล้วมองไม่เห็นหรอกค่ะ”เธอพยายามจะแก้ต่างออกไป
ทว่าคำพูดของมณีมัญชุ์คงไม่สร้างความรื่นรมย์ให้แก่คนฟังเท่าไรนัก เสียงต่อว่าต่อขานจึงตามติดมาอย่างไม่ไว้หน้า
“มันเก่า ถ้าคิดว่าจะเอาของแย่ๆมาขาย ฉันจะเสียตังค์แพงๆจ้างพวกเธอทำไมกัน ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ฉันไปถ่ายรูปที่สตูฯอื่นดีกว่า”

คราวนี้หญิงสาวพยายามสงบสติอารมณ์ มณีมัญชุ์รู้ดีว่าแพคเกจที่อีกฝ่ายจ่ายเงินมา มันไม่ได้แพงอย่างคำกล่าวหาเลย เนื่องจากเวดดิ้งสตูดิโอของนิชานันท์เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ทำให้เจ้าของร้านไม่กล้าตั้งราคาค่าบริการแพงเหมือนอย่างสตูดิโอชั้นนำอื่นๆของเมืองไทย

“งั้นเดี๋ยวนันท์เอาเครื่องประดับวันจริงมาให้เลือกแล้วกันค่ะ มีมี่แต่งหน้าให้คุณฟ้าเลยนะ เดี๋ยวเราจะได้ออกไปถ่ายรูปกันเลย สายแล้ว” คำพูดของนิชานันท์ช่วยแก้สถานการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี ว่าที่เจ้าสาวเลยยอมหันมาให้เธอแต่งหน้าต่อ
มณีมัญชุ์ใช้เวลาในการแต่งหน้าอยู่นานเกือบชั่วโมง โดยมีเพื่อนรุ่นพี่อีกคนหนึ่งเป็นคนทำผมเจ้าสาวให้ เนื่องจากว่าที่เจ้าสาวของเธอในวันนี้ค่อนข้างเรื่องมากกับรายละเอียดหลายอย่าง จนทีมงานหลายคนต่างพากันหนักใจ กว่าทั้งหมดจะออกเดินทางจากสตูดิโอไปยังสถานที่ถ่ายรูปได้ก็เป็นเวลาสิบโมงกว่า



หญิงสาวเงยหน้าขึ้นท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้มด้วยความหนักใจ สถานที่ถ่ายภาพของพวกเธอในวันนี้คือตึกร้างแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตึกแห่งนี้เป็นตึกสองชั้น ถูกสร้างขึ้นตามสไตล์ยุโรปตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน ในปัจจุบันกำลังจะถูกเวนคืนเพื่อทำการบูรณะ ตลอดระยะเวลานับตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่งจนถึงเกือบบ่ายสอง มณีมัญชุ์แทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก เพราะตลอดการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง หญิงสาวต้องคอยเติมและซับหน้าให้กับว่าที่บ่าวสาวเกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะคนเป็นเจ้าสาวซึ่งจู้จี้ได้เกือบจะทุกเรื่อง

“ร้อนขนาดนี้น่าจะมีน้ำเย็นให้ดื่มนะคะ ดูสิหายเย็นแบบนี้จะช่วยดับกระหายได้ยังไง”
“เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้ก็ได้ค่ะ” มณีมัญชุ์พยายามนับหนึ่งถึงร้อยก่อนจะตอบออกไป
เธอเคยคิดว่าตนเองเป็นคนใจเย็นมากแล้วแท้ๆ แต่ในยามอากาศร้อนจัดแล้วต้องมาผจญกับความเรื่องมากของลูกค้า ก็ทำให้อารมณ์ของเธอแทบจะหมดความอดทนขึ้นมาได้เหมือนกัน
“จะไปจริงเหรอมีมี่ พี่ว่าไม่ต้องหรอก ถ้ายังขืนเรื่องมากไม่เข้าเรื่องอีก พี่จะบอกคุณนันท์ให้คืนเงินไป แล้วจะได้จบๆงานนี้เสียที ตั้งแต่เหยียบมาที่สตูดิโอจนถึงตอนนี้พี่ยังไม่เห็นยายนี่ไม่บ่นอะไรเลย” ช่างทำผมซึ่งเป็นเกย์หนุ่มประจำทีมงานกระซิบบอกด้วยความหมั่นไส้

“ไม่เป็นไรพี่มน ขอไปสูดอากาศตรงอื่นบ้างก็ดี ขืนอยู่ต่อนานเดี๋ยวหนูได้วีนลูกค้ากลับแน่” มณีมัญชุ์บอกอย่างคนพยายามข่มความหงุดหงิดไว้ในใจ
ก็แหม ลูกค้าคือพระเจ้านี่ เธอท่องคำคำนี้มาตลอดตั้งแต่เช้าแล้ว
ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจเดินออกจากกองถ่าย ตั้งใจจะเดินเลาะตึกไปยังด้านหน้าซึ่งมีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ยังอีกมุมหนึ่งของถนน ระหว่างทางหญิงสาวจำต้องก้าวผ่านเข้ามาในซอกหลืบของตัวตึกซึ่งถูกขนาบด้วยกำแพงสีน้ำตาลไหม้ มีรอยแตกระแหงไปทั่ว บวกกับหน้าต่างบานไม้สีน้ำตาลแก่ตลอดทางเดิน ยิ่งบ่งบอกถึงความเก่าและทรุดโทรมของอาคารบริเวณนี้

แสงอาทิตย์จากท้องฟ้าเบื้องบนหายลับไปในก้อนเมฆตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้ ร่างบางยังก้าวต่อไปในซอกหลืบ ความอึมครึม มืดมนเริ่มคืบคลานเข้ามา และกว่ามณีมัญชุ์จะทันรู้ตัว ฝนห่าใหญ่ก็ได้ร่วงพรูลงมาจากฟากฟ้า
ครืน...ครืน...เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วทุกสารทิศ หญิงสาวตัดสินใจหาที่กำบังฝน แต่เมื่อทางออกไปสู่ถนนใหญ่ยังอีกยาวไกล เธอจึงเริ่มมองหากันสาดหรือชายคาสำหรับหลบฝน ทว่าซอกตึกแห่งนี้กลับไม่มีหลังคายื่นออกมาเลยสักนิด สายตาเธอกวาดต่อไปยังกำแพงเบื้องหน้า ห่างออกไปไม่ไกล เธอมองเห็นบานประตูไม้ถูกสร้างหลบเข้าไปในกำแพงสีน้ำตาลไหม้

มณีมัญชุ์วิ่งตรงไปยังบานประตูทันที แม่กุญแจขึ้นสนิมถูกคล้องไว้โดยไม่ได้ล็อก ทำให้สามารถผลักเข้าไปได้โดยง่าย บริเวณด้านในหลังบานประตูคือห้องกว้างขนาดใหญ่ รกทึบด้วยข้าวของเก่าๆวางระเกะระกะไปทั่ว หญิงสาวตัดสินใจเดินเข้าไปหลบฝนอยู่เพียงแค่ชายคา ไม่กล้าจะเดินลึกเข้าไปมากกว่านั้น เพราะไม่ว่าจะมองเข้าไปอย่างไร เธอก็เห็นเพียงความมืดและเงาตะคุ่มๆ
สายฝนยังคงเทกระหน่ำลงมาไม่หยุดยั้ง ไหล่บางเริ่มห่อเข้าหากันพร้อมกับสองมือยกขึ้นกอดอก เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเทามัวซัว แล้วก็ได้แต่นึกเป็นห่วงทีมงานคนอื่นๆที่เพิ่งเริ่มต้นถ่ายภาพไปเพียงไม่กี่ใบ

“หึๆ...หึๆ...”

ท่ามกลางเสียงสายฝนและฟ้าร้องครืนคราง จู่ๆหูของมณีมัญชุ์ก็แว่วได้ยินเสียงหัวเราะดังแทรกผ่านมา หญิงสาวหันมองรอบกาย เธอเหลียวมองตั้งแต่ตลอดแนวซอกหลืบที่ไม่ปรากฏผู้คน ก่อนจะเขยิบหันมามองบริเวณห้องกว้างด้านในของตัวตึก
“หึๆ...ลาภปากของพวกข้าแล้ว” เสียงของใครบางคนดังผ่านความมืดมา
ขนกายของหญิงสาวลุกชันขึ้นทันที ภายใต้ความมืดซึ่งเคยเห็นว่าเป็นเพียงเงาตะคุ่มของข้าวของกลับสามารถเคลื่อนไหวได้ ซ้ำร้ายเจ้าเงาเหล่านั้นก็กำลังเยื้องกายเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ
“คะ...ใครน่ะ” หญิงสาวพยายามทำใจดีสู้เสือด้วยการตวาดถามออกไป
“หึๆ...” เสียงตอบมากลับเป็นเพียงเสียงหัวเราะน่าสะพรึงกลัว

มณีมัญชุ์ใช้เวลาตัดสินใจอยู่เพียงแค่ชั่ววินาทีเดียว ร่างบางหันหลังกลับมายังบานประตู โดยไม่คิดซ้ำสอง เธอก็วิ่งฝ่าสายฝนหมายตรงดิ่งไปยังถนนบริเวณหน้าตึก
“ตามไป”
หูของเธอแว่วได้ยินเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง หญิงสาวจึงตัดสินใจเร่งฝีเท้า มุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าอย่างไม่คิดชีวิต เธอไม่เหลียวหันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่มณีมัญชุ์คิดได้ในตอนนี้ก็คือการหนี เธอต้องหนีไปให้ไกลจากใครก็ตามที่จ้องทำร้ายเธอ
มองผ่านซอกตึกออกมาเพียงไม่ไกลคือถนนสายใหญ่ หญิงสาวเร่งฝีเท้าตัวเองเพิ่มขึ้น รู้สึกได้ถึงความกระชั้นชิดเริ่มใกล้เข้ามาทุกขณะ

“เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอกนางมนุษย์” เสียงดุดันเบื้องหลังตะโกนผ่านสายฝนมา
แม้จะแปลกใจไม่น้อยกับถ้อยคำประหลาดของคนด้านหลัง แต่มณีมัญชุ์ก็ไม่มีเวลาคิดสิ่งใดนอกจากการพยายามเร่งฝีเท้า
อีกนิดเดียว เธอก็จะวิ่งออกไปพ้นซอกตึกแล้ว หญิงสาวนึกปลอบหัวใจที่รัวกระหน่ำอยู่ในอก
ทว่าอีกเพียงไม่กี่ก้าวก่อนเธอจะพ้นออกไปจากซอกตึก แรงดึงมหาศาลที่คว้าปกเสื้อด้านหลังเธอไว้ ทำเอาร่างบางเสียหลักหงายไปทางด้านหลัง

“กรี๊ด-ด-ด-ด” มณีมัญชุ์กรีดร้องออกมาสุดเสียง ความหวาดกลัววิ่งผ่านหัวใจทันที
ในจังหวะกำลังล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอันเจิ่งนองด้วยน้ำฝน เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมัวซัวไปด้วยก้อนเมฆสีเทาพลันปรากฏแสงแดดของดวงอาทิตย์ยามบ่ายขึ้น แสงสว่างสีเหลืองอร่ามอาบไล้ลงมาท่ามกลางสายฝนโปรยปราย พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากบริเวณด้านหลังของเธอ
เมื่อรู้สึกตัว มณีมัญชุ์รีบตะเกียกตะกายหันไปทางเบื้องหลังด้วยความหวาดกลัว ทว่าสิ่งเดียวที่เธอเห็นคือความว่างเปล่าของซอกหลืบซึ่งยังตกอยู่ในสายฝนพรำ
คนร้ายที่วิ่งตามมาจนกระชากเธอล้มลงพื้นกลับอันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย!


“ตายแล้วมีมี่ นี่ไปเล่นโคลนที่ไหนมาถึงได้กลับมาในสภาพลูกแมวตกโคลนแบบนี้” มนชัยหรือช่างทำผมประจำทีมเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงก้ำกึ่งระหว่างความเป็นห่วงกับความขำขัน
“ไม่ตลกนะพี่มน รู้เปล่าว่าหนูเกือบตายมาแล้ว ใครก็ไม่รู้อยู่ๆก็วิ่งมาจะทำร้ายหนู”
“จริงเหรอ ที่ไหน เมื่อไร แล้วมันทำอะไรแกรึเปล่า” ใบหน้าเตรียมจะขำเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน
เขาหันมาสำรวจร่างบางที่สูงเพียงแค่ไหล่ด้วยความเป็นห่วง แล้วถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นเพียงความมอมแมมของคนตรงหน้า โดยไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ

“ยังไม่ได้ทำอะไรค่ะ หนูวิ่งหนีมาได้ก่อน แต่ว่ามันก็แปลกๆอยู่นา...” มณีมัญชุ์อดบ่นไม่ได้ แล้วจึงเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เผชิญหน้าให้อีกฝ่ายฟัง
มนชัยฟังเรื่องที่หญิงสาวเล่ามาด้วยความงุนงงแกมเหลือเชื่อ
“มันจะเป็นแบบนั้นได้ไง ไอ้ซอกตึกที่แกพูดถึงเนี่ย มันตั้งยาวไม่ใช่เหรอ” เกย์หนุ่มถามด้วยความสงสัย
“ก็ใช่อยู่ แต่หนูไม่ได้โกหกนะ พวกมันหายไปไหนก็ไม่รู้ เสียดาย ไม่ทันได้เห็นหน้าเลย”
“เอาเถอะๆ กลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว อีโจรพวกนี้มันมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง จับยังไงก็ไม่หมดหรอก ห่วงตัวเองไว้ดีกว่า ไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวซะ เดี๋ยวพี่หาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน”

“มีชุดด้วยเหรอพี่มน” มณีมัญชุ์ถามด้วยความสงสัย
“มีเสื้อยืดอยู่ในรถตัวนึงพอดี เดี๋ยวไปหยิบให้ แล้วก็ข้าวกล่องอยู่นู่น กินซะ”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่พักกลางวันกันแล้วเหรอ”
หญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นช่างกล้องและทีมงานคนอื่นนั่งกินข้าวห่างออกไปไมไกลนัก ทั้งๆที่ความจริงแม้จะมีฝนตก แต่ทีมงานทั้งหลายก็ยังสามารถถ่ายภาพในที่ร่มได้

“ไม่พักได้ไง เจ้าสาวไม่อยู่นี่” มนชัยถอนหายใจออกมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ชีวีนเรื่องฝน พอบอกให้เข้ามาถ่ายในร่มก็บ่นนู่นนี่ กลัวแสงไม่พอบ้าง ภาพจะไม่สวยบ้าง สุดท้ายก็ไม่รู้เดินหายไปไหน พี่ยศเลยสั่งพักทานข้าว”
“เฮ้อ แล้วแบบนี้จะถ่ายได้สักกี่ใบกัน”
“ถึงยี่สิบภาพรึเปล่ายังไม่รู้เลย ท่าทางต้องเมคอัพชัวร์” มนชัยบ่นก่อนเดินกลับไปที่รถยนต์เพื่อรื้อเสื้อตัวใหม่มาให้หญิงสาวเปลี่ยน



“เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน” เสียงๆหนึ่งภายใต้ความมืดดังขึ้นด้วยความสับสน
ความแสบร้อนจากแสงอาทิตย์ที่แผดเผาลงมาอย่างกะทันหัน ทำให้เหล่าปีศาจจำต้องละมือจากเหยื่อ ลี้กายกลับเข้ามายังซอกหลืบของมุมห้องอับตามเดิม
“ข้าจะไปรู้หรือ จู่ๆฟ้าก็เกิดโปร่งขึ้นมาได้อย่างไร” เสียงหนึ่งบอกด้วยความหงุดหงิด เหยื่อสาวที่หลุดรอดไปยิ่งสร้างความหิวโหยให้แก่กระเพาะของเหล่าปีศาจนัก
“ข้าไม่คิดว่าฟ้าจะเกิดโปร่งกะทันหัน แต่น่าจะเป็นเพราะมนุษย์นางนั้นมีสิ่งคุ้มครองที่ทำให้พวกเราไม่อาจเข้าใกล้นางได้”

“น่ากลัว โชคดีเท่าไรแล้วที่พวกเราไม่ถูกสิ่งที่คุ้มครองนางอยู่ฆ่าตาย” อีกเสียงที่แลดูหวาดผวาเอ่ยขึ้น
“เจ้าโง่ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร พวกเราก็หลุดรอดมาแล้ว ไป ถึงกินนางไม่ได้ แต่โลกนี้ก็ยังมีเหยื่ออีกมากมายรอให้ลิ้มลอง” เจ้าของเสียงหงุดหงิดตวาดลั่น
“ได้เวลาล่าเหยื่อแล้ว” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของมันดังขึ้นหลังจากหมายตาเหยื่อรายใหม่ได้
ร่างอรชรของหญิงสาวในชุดสีขาวโพลนบริสุทธิ์กำลังก้มตาก้มตาเดินผ่านซอกตึกโดยไม่มีทีท่ารับรู้ถึงอันตรายเลยแม้แต่น้อย ฟ้าลดาพยายามยกชายกระโปรงกรอมข้อเท้าของตนเองขึ้นให้พ้นผิวน้ำที่เจิ่งนองไปทั่ว ในใจได้แต่พร่ำโทษทุกสิ่งอย่างรอบกาย

เธอโทษฟ้าโทษฝนที่วันนี้แสนจะไม่เป็นใจให้เธอมาถ่ายภาพงานแต่งงาน โทษสตูดิโอและบรรดาช่างกล้อง รวมไปถึงช่างแต่งหน้าทั้งหลายที่ไม่ได้ดังใจมาตลอดเช้า เลยมาถึงเจ้าของสตูดิโอที่ดันเลือกวันถ่ายภาพให้เธอเป็นวันฝนตกหนักเช่นนี้ และท้ายสุดเธอก็กล่าวโทษเลยไปถึงเจ้าบ่าวที่ไม่เคยรู้ใจเธอเลย
“บ้าชะมัด ถ้ารู้ว่ามันจะลำบากลำบนขนาดนี้ ฉันจะไม่ยอมให้อธินประหยัดจ้างสตูดิโอกระจอกๆแบบนี้แน่” เธอบ่นกับตัวเองด้วยความหัวเสียจัด ก้มหน้าก้มตาเดินด้วยความหวังจะออกไปให้พ้นจากซอกตึกเก่าๆ
โดยไม่ทันเฉลียวใจเลยว่ายามนี้ด้านหลังของเธอกำลังมีร่างทะมึนจำนวนสามร่างตามติดมาอย่างกระชั้นชิด
“หึๆ ความโกรธ ความโมโหในทุกเรื่องราวของเจ้าช่างน่ากินนัก”

ท่ามกลางสายฝนพรำ จู่ๆฟ้าลดาก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่ำดังอยู่ทางเบื้องหลัง หญิงสาวรู้สึกว่ากระดูกสันหลังของตนเองเย็นวาบขึ้นมาทันใด และในจังหวะที่หันหลังกลับไปมอง นัยน์ตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างขึ้น ทว่ายังไม่ทันจะตะโกนร้อง ลำคอของเธอก็ถูกฝ่ามือหนาใหญ่ทาบทับ พร้อมกับพลังงานบางอย่างไหลวนออกจากกายสู่ปากของปีศาจร้าย
สมองของหญิงสาวขาวโพลนไปทั่ว นัยน์ตาทั้งสองข้างของเธอมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแจ่มชัด สติในกายยังสมบูรณ์ดี มีเพียงสิ่งเดียวที่เลือนหายไปจากเธอ มันคือความรู้สึกทั้งมวลที่เคยมีกลับไม่หลงเหลือแม้เศษเสี้ยวของความโมโหหรือหวาดกลัวใด

“อารมณ์ของเจ้าช่างหอมหวาน เหมาะเป็นอาหารของพวกข้าไปอีกหลายมื้อเลยทีเดียว” ปีศาจตนหนึ่งเอ่ยอย่างพึงพอใจ
พลันเมื่อมือข้างหนึ่งกวักมาตรงหน้าหญิงสาว เจ้าของร่างในชุดเจ้าสาวก็เดินตามร่างทะมึนทั้งสามหายลับไปจากซอกตึก


สถานการณ์ตรงหน้าดูเลวร้ายลงเรื่อยๆ หลังทีมงานทั้งหมดรับประทานอาหารเสร็จ ท้องฟ้าก็กลับมาสว่างใสปราศจากเค้าว่าเคยมีเมฆฝนพัดผ่าน ทุกคนในทีมต่างเตรียมพร้อมจะเริ่มต้นทำงานต่อ แต่สิ่งเดียวที่ขาดไปกลับกลายเป็นว่าที่เจ้าสาว
“มีใครเจอคุณฟ้ารึยัง” ยิ่งยศผู้ทำหน้าที่เป็นช่างกล้องหลักประจำทีมเอ่ยถามกับมณีมัญชุ์
หญิงสาวส่ายหน้าทันที มือข้างหนึ่งตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก แล้วรีบลุกตามบรรดาพี่ๆคนอื่นไปช่วยกันตามหาตัวเจ้าสาว

“ฟ้าบอกผมว่าจะเดินกลับมาเอง ผมเลยทิ้งกุญแจรถไว้กับเธอแล้วเดินกลับมาก่อน ไม่มีใครเห็นเธอกลับมาเลยเหรอครับ” ว่าที่เจ้าบ่าวเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นกังวล
“ไม่มีเลยครับ เธอหลงทางรึเปล่า พวกเราลองแยกย้ายกันตามหาดู” ยิ่งยศกล่าว พร้อมหันมาสั่งทีมงานทั้งหมดให้ออกเดินค้นหาว่าที่เจ้าสาว
จากบ่ายคล้อยล่วงเลยเข้าสู่ยามเย็น แสงอาทิตย์สีเหลืองทองอร่ามค่อยแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มสุกปลั่ง มณีมัญชุ์เดินกลับมายังรถยนต์อีกครั้งด้วยความหวัง แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อรถยนต์ถูกจอดไว้ที่เดิม บานประตูล็อกสนิทบ่งบอกว่าไม่มีผู้ใดเดินมาไขกุญแจรถเลย

“หายไปไหนของเขานะ”
จากความหมั่นไส้แปรเปลี่ยนไปเป็นความห่วงใย แม้เธอจะไม่ค่อยชอบลูกค้ารายนี้เท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่เคยนึกแช่งชักอยากให้ว่าที่เจ้าสาวต้องมาประสบเหตุอันใด
ทว่าจนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ก็ยังไม่มีใครหาตัวว่าที่เจ้าสาวพบสักคน
“กลับเถอะมีมี่ ยายนั่นอาจจะโมโหพวกเราจนหนีกลับบ้านไปก่อนก็ได้มั้ง” มนชัยตั้งข้อสังเกตด้วยการพยายามมองโลกในแง่ดี
“ไม่น่านะพี่มน เขายังใส่ชุดเจ้าสาว แถมรถก็ยังจอดอยู่จะออกไปไหนได้”
“เฮ้อ ไม่รู้ว่ะ แต่มันค่ำแล้ว แยกย้ายกันกลับดีกว่า คุณอธินเองก็บอกจะไปตามหาที่บ้าน ถ้าไม่เจอยังไงเขาก็คงไปแจ้งความแหละ” เกย์หนุ่มเอ่ยถึงคนเป็นเจ้าบ่าวด้วยสีหน้าหนักใจ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” หญิงสาวงึมงำบ่นด้วยความเป็นกังวล แล้วจึงหันมาสบตาคนข้างกายด้วยแววหวั่นใจ “คุณฟ้าจะไปเจอพวกคนร้ายเหมือนที่หนูเจอรึเปล่าพี่มน”
“ไม่รู้สิ เอาไงดีล่ะ มีมี่เองก็ไม่เห็นหน้าคนร้ายเมื่อตอนบ่ายไม่ใช่รึ”
มณีมัญชุ์ส่ายหน้า พร้อมกับตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดว่าสมควรทำ
“ถึงจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แต่หนูว่าโทร.ไปบอกคุณอธินไว้ดีกว่า” เธอตัดสินใจในที่สุด



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2555, 13:55:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 09:42:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 2352





<< บทที่ 1/1 ปีศาจร้าย (รีไรท์)   บทที่ 2/1 อาการประชวร (รีไรท์) >>
ameerahTaec 15 มิ.ย. 2555, 14:32:07 น.
โอ้ยยยย สนุกตื่นเต้นดีคะ อิอิ แอบหมั่นไส้ยัยว่าที่เจ้าสาว


goldensun 15 มิ.ย. 2555, 19:34:11 น.
โดนดีแน่ ว่าที่เจ้าสาว ปีศาจสามตัวนั่นแน่เลย


phugan 15 มิ.ย. 2555, 19:58:11 น.
นั่งอ่านไปก็ลุ้นไป..^^


Zephyr 15 มิ.ย. 2555, 21:55:53 น.
กลายเป็นมื้อเย็นของสามตัวนั่นไปแล้วป่าวอ่ะ


ริญจน์ธร 15 มิ.ย. 2555, 22:53:54 น.
ตอบคอมเม้นค่า
คุณ sai หือ ปีศาจสองตนในฝันนางเอกเหรอคะ ง่า ไม่ได้ต่อสู้กันนะ ลองดูตอนต่อไปดีกว่า หรือคนเขียนเขียงงเองหว่า เดี๋ยวไปทวนอีกทีนะคะ

คุณ Zephyr อ๊ายยย คุณเฟอร์ขา หล่อแต่ตา พระเอกของมีมี่ก็ขายไม่ได้สิค้า ส่วนกลาดิอุส หนูมีมี่ไม่ได้กลืนเข้าไปค่ะ แต่ไปอยู่ได้ยังไง ลองตามอ่านนะ และสำหรับพี่ชายขา คาดว่าน่าจะมีข่าวเร็วๆนี้ค่ะ ตอนนี้คนเขียนยังไม่มั่นใจนักเลยไม่ได้แจ้ง โอ๋ๆ อย่าเพิ่งฟ้องม่าม้าน้า

คุณ ameerahTaec ดุจดั่งกับหทัยยังมีขายตามร้านหนังสือน้า ไปหาได้ค่ะ

คุณ หมูอ้วน หุหุ ขอไม่ตอบเนอะ ลุ้นไปเล่นๆอีกนิดดีกว่า แต่เรื่องนี้ออกแนวพระเอกหล่อร้าย แต่รับประกันความหวานตามเดิมค่า

คุณ goldensun เรืื่องนี้ตัวละครเยอะอยู่ ส่วนกลาดิอุสนี่ อาจมีอะไรให้ใครแปลกใจเล่น ลองตามดูนะคะ ไม่นานมีเฉลยแน่


nako 16 มิ.ย. 2555, 06:44:06 น.
เจ้าสาวหายไปอ่ะ


หมูอ้วน 16 มิ.ย. 2555, 14:44:13 น.
เจ้าสาว เสร็จปีศาจซอกตึกแน่ ๆ เลย


lookAme 16 มิ.ย. 2555, 16:04:21 น.
ใครมาช่วยนะ อยากรู้ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account