บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 11

ทักทายค่ะ

----
คุณหมูอ้วน -- ตอนต่อไปมาแล้วค่ะ
คุณมารชมพู -- เอาใจช่วยมิ่งโมรีด้วยนะคะ
คุณปอแก้ว -- เรื่องกำลังคลี่คลายแล้วค่ะ
คุณเวียงแก้ว -- ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ สู้ ๆ ค่ะ ^^


----


ตอนที่ 11

เทียนสรวงโยนกระป๋องเบียร์ไปหลังรถ...
ที่อยู่ในสภาพพังยับเยินจากฝีมือของนักเลงที่วิ่งไล่ต้อนจนเขาจนมุมเมื่อตอนกลางวัน ชายหนุ่มปล่อยบุหรี่ให้ตกพื้น ใช้เท้าขยี้ซ้ำเพื่อดับแสงไฟที่วาบขึ้นราวกับตั้งใจเย้ยหยัน มือเรียวยกขึ้นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก รับรู้ได้ถึงความเจ็บที่แทรกซึมผ่านทั่วทั้งร่างกายยามขยับเคลื่อนไหว ร่างสูงก้าวลงจากรถ เดินเข้าสู่แสงไฟก่อนหยุดโงนเงนพิงอยู่กับต้นเสาด้วยท่าทีรอคอย เพราะอยู่ในความสว่าง ภาพที่เห็นจึงเป็นชายหนุ่มสภาพคลุกฝุ่น โหนกแก้มขาวด้านหนึ่งของเป็นสีเขียวคล้ำ ที่กำลังเริ่มช้ำเพราะน้ำหนักมือที่กดลงมา เหนือคิ้วเข้มมีรอยแดงยาวเป็นปื้น เนื่องจากถูกหมัดของฝ่ายเจ้าหนี้ซึ่งไล่ตามมาทันเฉียดซ้ำไปมา เทียนสรวงที่ไม่เคยหนี ต้องอาศัยจังหวะรุกกลับเอาคืน กระทั่งหนีเอาตัวรอดมาได้ แต่รถคันที่ใช้ขับหากินก็พังยับเยินเพราะถูกทุบทิ้งส่งท้าย ชายหนุ่มที่รอดมาในสภาพแค่บาดเจ็บ เลยหวุดหวิดถูกไล่ออกจากเจ้าของอู่รถ ถ้าเขาไม่คุกเข่าอ้อนวอนก้มลงกราบแทบเท้าขออยู่ต่อ ยินดีออกเงินค่าซ่อมทั้งหมดด้วยค่าจ้างที่ได้รับมา เทียนสรวงคงไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่

คนยืนรอถ่มน้ำลายลงพื้น ไล่รสปร่าของเลือดที่ติดปลายลิ้นจนรับรู้ได้ถึงความฝืดเฝื่อน ฉีกยิ้มให้คนที่ก้าวมาถึงประตูบ้าน หญิงสาว...ซึ่งเกือบพลัดทำกุญแจในมือหล่นเมื่อพบว่าเขามาดักรอหล่อนอยู่ วูบหนึ่งเทียนสรวงเกือบเข้าใจว่าอีกฝ่ายกระตุกตัวเพื่อเข้ามาช่วยพยุง อาการนั้นทำเอาคนยืนอยู่รู้สึกแปลกประหลาด หากแล้วความคิดนั้นก็เปลี่ยนไป มิ่งโมรีเพียงเปิดรอยยิ้มแกมเยาะ แล้วขยับตัวไขกุญแจ โดยไม่สนใจถามไถ่ด้วยซ้ำว่าเขามายืนทำอะไรอยู่ที่นี่ หน้าบ้านหล่อนตรงนี้

“ ใจร้ายจริงนะคุณ ”

ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ คว้าข้อมือผอมที่กำนิดเดียวก็กุมรอบ แทบจะบีบให้แหลกละเอียดคามือ มือเล็กๆ คู่นี้...ที่ทำได้ทุกอย่าง มือเล็กๆที่แค่ชี้นิ้วก็มีคนพร้อมรอฟังทำตามคำสั่ง

“ อุตส่าห์เอาแผลมาอวดว่าเกือบตาย จะไม่ให้คะแนนกันสักหน่อยเหรอ ? ”

หญิงสาวที่ถูกจับมือไว้ มองเหยียดตั้งแต่หัวจรดเท้า เทียนสรวงเลยแกล้งบีบมือหล่อนแรงขึ้น สองมือกระชากร่างผอมในชุดยั่วกิเลสจนชิดแผงอก เบียดตัวเองเข้ากับร่างของหล่อน ตรึงแขนผอมทั้งสองข้างของมิ่งโมรีแน่น ลมหายใจร้อนผะผ่าวไล่เลี่ยอยู่ที่ปลายแก้มยามก้มกระซิบคุย

เทียนสรวงเปิดรอยยิ้มคล้ายพอใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อมิ่งโมรีขมวดคิ้วหน้าบึ้งให้เห็นเป็นครั้งแรก เขาน่าจะเฉลียวใจ... แค่เพียงเฉลียวใจ...ชายหนุ่มคงได้รู้ตัวว่าถูกหลอก อุดร…เขายังไม่ทันได้เอ่ยชื่อคนสวนหนุ่มในการจองห้องพักของโรงแรมด้วยซ้ำ ประชาสัมพันธ์สาวกลับทำหน้าที่ของตนได้ดีเกินคาด ไหนจะคนที่ตามติดเขามาได้ถูกนั่นอีกล่ะ จะเป็นใครไปได้นอกจากถูกส่งมาอย่างมีจุดหมาย เรื่องที่คิดว่ามีแค่ไม่กี่คนที่รู้ ความจริงคนนอกต่างหากที่กำลังเดินเกมสำคัญ เทียนสรวงควรจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ความอยากรู้ สงสัย ที่อัดแน่นเต็มอกพาตัวเขามาถึงกุลชาติ มาดักรอมิ่งโมรีเพื่อถามคำถามที่เขาต้องการคำตอบโดยเฉพาะ หากเมื่อพบหล่อนจริง ๆ ชายหนุ่มกลับพูดไม่ออก ได้แต่แสดงอาการเหมือน ‘ เทียนสรวง ’ ผู้ชายที่นวลอนงค์วางตัวตนไว้ เขาประมาทเองที่คิดว่าทุกอย่างจะง่าย...ง่ายจนไม่ต้องทำอะไร เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางตลบหลังคืน

“ นี่…คุณดื่มเหล้ามาเหรอ ? ”

“ เบียร์ ไม่ใช่เหล้า ”

“ มิ่งไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหนเลยค่ะ เพราะลงท้ายก็เมาทั้งคู่ ”

“ แต่สำหรับผมมันต่าง เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้ผมเมาได้ คือคุณ ! ”

“ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ ที่กินเหล้าเมาเพราะคนอื่น ” มิ่งโมรีว่าเยาะ ๆ พยายามดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม แต่เทียนสรวงกลับยิ่งจับแน่น

“ ย้อมใจน่ะ จะลดตัวลงไปคลุกกับสิ่งสกปรกทั้งที แค่เท่านี้ คุณน่าจะชินไว้นะ ”

คนถูกเบียดชิดจนได้กลิ่นลมหายใจ นิ่งไปก่อนยิ้มเย็น หญิงสาวไม่สนใจคำจิกกัด หรือมือที่เจ็บเพราะชายหนุ่มจงใจบีบให้หล่อนเจ็บ สิ่งที่มิ่งโมรีพอใจ มีอยู่อย่างเดียว คือผู้ชายที่หักหลังตรีประดับได้ !

“ คุณเทียนพูดอย่างนี้ มิ่งก็ใจร้ายไม่ลงน่ะสิค่ะ ”

มิ่งโมรียิ้มหวาน เป็นฝ่ายแนบตัวเองกับร่างสูงที่อยู่ในระยะชิดใกล้ และเช่นเคย หล่อนเป็นฝ่ายเริ่มต้นทุกอย่างด้วยการเขย่งตัวแตะริมฝีปากลงตรงลำคอของชายหนุ่มประทับรอยจูบเบา ๆ เชื้อเชิญและเปิดโอกาสให้เทียนสรวงอย่างแนบเนียน

“ สำหรับรางวัล...แค่นี้พอไหมคะ ? ”

“ ไม่พอ ”

แทนคำตอบ เทียนสรวงดึงร่างผอมตรงไปที่รถ แต่มิ่งโมรีกลับดึงอีกฝ่ายไว้ จับยึดไว้แน่นจนชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบผ่านมือผอมกระด้าง เล็บหล่อนจิกลงบนมือหนาบังคับให้ชายหนุ่มหยุดอยู่แค่นั้น

“ กลัวหรือไง ? ”

“ ไม่ค่ะ ” คำตอบมั่นคง เฉกดวงตาสีดำวาวที่เทียนสรวงมองเห็นแววระยับพอใจ “ มิ่งคิดว่ามันจะสนุกกว่าถ้าเราทำ...ให้ทุกคนในบ้านเห็น... ”

เทียนสรวงเกือบหลุดหัวเราะ ดวงตาวับขึ้นทันที

“ ผมคิดว่าคุณจะทำเรื่องพวกนี้ได้โดยไม่เลือกสถานที่ซะอีก ”

“ คุณเทียนคงลืมไปแล้วว่าหน้าที่ของคุณ คือทำให้มิ่งพอใจ ” หญิงสาวยิ้มหวาน บีบกระชับมือหนาไว้แน่น “ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะคะ ถ้ายังไงมิ่งจะให้เวลาคุณคิด...อีกสักนิด ”

“ ขอปฏิเสธ ” เทียนสรวงมองร่างผอม ยิ้มหยันเมื่อจับได้ว่ากำลังถูกหว่านล้อมให้เข้าไปอยู่ในเกมของหล่อน “ บังเอิญผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะทำตามใจผู้หญิงทุกข้อ ”

“ เพราะไม่ได้รักงั้นเหรอคะ ? ”

“ เพราะเกลียดต่างหาก ”

“ งั้นมิ่งก็ไม่มีอะไรจะพูด ”

มิ่งโมรีกระชากมือออก หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน เทียนสรวงผิวปากหวือ ก่อนก้าวพรวดทีเดียวถึงตัวหล่อน

“ มานี่ ! ”

ชายหนุ่มกระชากมือผอมอย่างไม่ปรานีปราศรัย แม้อีกฝ่ายจะดิ้นรน ขืนตัวไว้ แต่แรงกำลังของที่มีมากกว่าทำให้มิ่งโมรีถลาไปข้างหน้า หญิงสาวมองชายหนุ่มตาลุกวาว

“ ปล่อยมิ่งนะ ! ปล่อยมิ่งเดี๋ยวนี้ คุณเทียน ! ”

มิ่งโมรีเอ่ยเสียงแข็ง จิกเล็บลงบนมือหนา ทุบถองมือแข็งแรงที่ยึดจับมือหล่อนไว้แน่นอย่างโกรธเกรี้ยว คนถูกตีจนเจ็บหัวเราะเสียงดังแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือผอมที่จับไว้

“ ไหนบอกว่าต้องการ เสนอตัวให้ทุกครั้งที่พบ แล้วจะดิ้นรนทำไม ”

“ ไม่ ! กลับเข้าไปในบ้าน ! นี่คือคำสั่ง ! กลับเข้าไป...เดี๋ยวนี้ ”

“ คำสั่ง ? ทั้งที่คุณรู้...คุณสั่งผมไม่ได้หรอกมิ่งโมรี ”

เทียนสรวงแสยะรอยยิ้ม บีบข้อมือมิ่งโมรีอย่างต้องการให้แหลกละเอียดคามือ สองแขนของชายหนุ่มดึงรั้งให้ร่างผอมที่ขืนตัวไว้ทำตามจนหญิงสาวล้มลงไปกับพื้นและเมื่อหล่อนกรีดร้องจะด้วยเพราะเจ็บหรือถูกขัดใจก็ตามแต่ เทียนสรวงยิ่งดึงกระชากให้หล่อนลุกขึ้น ดันหญิงสาวให้หมดทางหนีด้วยการใช้รถที่ขับมาเป็นกำแพงด้านหลัง ตอบโต้คำสั่งทุกคำสั่งของหล่อน ด้วยการจูบสองข้างแก้มเย็นชืดหนักหน่วง จูบแล้วกดริมฝีปากตรงลำคอเล็กผอมสูดกลิ่นหอมหวานที่เขาติดใจมาตลอดด้วยลมหายใจอุ่นร้อน ชายหนุ่มเริ่มต้นเล้าโลมโดยไม่สนใจอารมณ์ของอีกฝ่าย หรือเกรงต่อสายตาใครสักคนที่อาจผ่านมาให้เห็นท่ามกลางแสงไฟสว่าง มิ่งโมรียืนตัวแข็ง สองมือเกร็งแน่น ร่างผอมหอบโยนด้วยความรู้สึกที่เทียนสรวงคิดว่าหล่อนพอใจและต้องการ มือผอมขยุ้มเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มจนยับ ก่อนเซถอย เมื่อเทียนสรวงตั้งใจจะจบทุกอย่างที่ริมฝีปากหล่อน

“ อย่า…”

หญิงสาวตะกุกตะกักบอกเสียงสั่น และเกือบร้องครางในทุกครั้งที่เทียนสรวงไล่ปลายจมูกผ่านเนื้อนวล ใบหน้าที่แต่งแต้มเป็นสีจัดถูกคนตัวสูงกว่าลบรอยผ่านริมฝีปากจนหมดสิ้น ร่างผอมเกร็งแน่น หัวใจหวิบหวิวคล้ายจะเป็นลม มิ่งโมรีพยายามเบี่ยงตัวออกจากการกอดรัดของชายหนุ่ม ดวงตาคู่กลมที่เงยขึ้นสบ เมื่อดวงหน้าขาวก้มลงมองเพื่อสูดกลิ่นหอมหวานซ้ำอีกครั้งซีดเซียว

“ เราจะไปต่อกันที่อื่น ”

เทียนสรวงกระซิบเสียงพร่า ห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ เริ่มแรกเขาคิดแค่ว่าจะแกล้งหล่อนยังไง แต่เมื่อยิ่งรุกล้ำ ความหอมหวานจากเนื้อตัวมิ่งโมรียิ่งดึงดูดใจให้เขาถลำลึกลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นครั้งแรกที่เทียนสรวงรู้สึกเหมือนควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้ มีแต่ความต้องการ... ตักตวง... หรือทำอย่างไรก็ได้ให้คืนนี้จบลงที่ความสุขสมหวังของเขา จิตใจของเทียนสรวงหวั่นไหวแม้จะพยายามสงบใจแต่เป็นไปได้ยากเต็มที

“ ไม่...”

เสียงมิ่งโมรีเบาหวิว หญิงสาวซุกหน้าตัวเองอยู่กับอกของชายหนุ่ม เทียนสรวงกอดรัดร่างผอมไว้แน่น รับรู้ถึงความอุ่นชื้นเล็กๆ ตรงแผงอก แต่เขาไม่ได้ใส่ใจก้มลงมอง เพราะมัวแต่โน้มหน้าอยู่ข้างซอกแก้ม คลอเคลียอยู่ตรงริมหูที่ขึ้นสีแดงจัดของหญิงสาว เขางับเบา ๆ อย่างหยอกเอิน หากเท่านั้นร่างผอมก็สะท้านเฮือก ตัวสั่นเหมือนตกอยู่ในดงหิมะหนาวจัด

“ ผมต้องการคุณ... ”

กลิ่นหอมหวานอีกแล้ว...หอมเย็นจนเหมือนจะทาบเข้ากับเนื้อตัวรุ่มร้อนของมิ่งโมรีสนิทนิ่ง ยิ่งหล่อนดิ้นขลุกขลัก กลิ่นหอมจากเนื้อตัวยิ่งกำจายกรุ่นจนทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงอย่างประหลาด อย่างนี้ใช้ไหม.. ที่เขาเรียกกันว่าเสน่หา จากผู้หญิงที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง !

ดวงหน้าขาวร้อนวูบด้วยความตกใจ สติสัมปชัญญะทั้งหมดกลับคืนมารวดเร็วจนแม้แต่ตัวเขาก็ยังนิ่งขึง ร่างผอมที่โงนเงนอยู่แนบอกบอกสิ้นทุกอย่าง เสียงใสที่เอ่ยบอกนั่นอีกที่เพิ่มความแน่ใจให้ชายหนุ่ม

“ ได้...แต่ต้องไปข้างบน…ข้างบนบ้าน…ที่นั่นมีห้องว่าง ”

“ ไม่... เราจะไปหาความสุขที่อื่น ”

มิ่งโมรีขืนตัวไว้มั่น เมื่อเทียนสรวงปละออกห่างตัวหล่อน และเมื่อชายหนุ่มหันมอง หญิงสาวก็รีบก้มหน้าซ่อนสายตา ยอมให้อีกฝ่ายจับจูงชักพาไปตามแต่ใจ ท่าทางสยบยอมของหล่อนทำให้เทียนสรวงอดใจไม่อยู่ต้องยกมือผอมขึ้นจูบแรงๆ ก่อนตัดใจ พาร่างผอมไปที่รถซึ่งจอดหลบไว้ในมุมมืด อาการคล้ายคนสติกระเจิดกระเจิงของมิ่งโมรีทำเอาชายหนุ่มกึ่งพอใจกึ่งหงุดหงิด

“ เข้าไป ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวจนมีความสุขกับคุณตรงนี้ ! ”

ดวงตาสีดำสนิทที่มองสบฉายรอยตื่นตระหนกแล้ววูบหาย ทำเอาเทียนสรวงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้บ้า ที่อารมณ์ไหลลื่นไปตามแต่ปฏิกิริยาหล่อน เขาดันร่างผอมให้เข้าไปยังที่นั่งข้างคนขับด้วยอาการฉุนเฉียว ไม่สนว่าหญิงสาวจะมีฤทธิ์ขัดขืนจนร่างกายกระแทกกระทั้นเข้ากับส่วนใดของรถให้เจ็บบ้าง คนถูกบังคับเหลียวมองตัวบ้านที่เปิดไฟสว่างหยุดนิ่งอยู่นาน โดยมีคนที่ตามเข้ากระชากแขนผอมให้หันมาสบตา

“ แค่แปลกสถานที่ เปลี่ยนคน ไม่ต้องทำท่ากลัวอย่างนั้น ”

“ ตรงไหน ที่บอกว่ากลัว ”

มิ่งโมรีโต้เสียงแข็ง สีหน้าดีขึ้นจนกลับมาเป็นตัวหล่อนคนเก่า เทียนสรวงมองสองมือหล่อนที่กำแน่นอยู่บนตักพ่นลมหายใจอย่างดูถูกก่อนเอ่ยว่า

“ ถ้าไม่กลัวก็เอามือมานี่ ”

เทียนสรวงหงายมือรอ ไม่ช้ามือเล็ก ๆ เย็น ๆ ของมิ่งโมรีก็วางทับลงมาอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มก็กระชากรถออกรวดเร็ว สวนผ่านกับรถยนต์ของตรีประดับที่มีฆนาคมเป็นคนขับเข้าพอดี เทียนสรวงยิ้มให้คนสวนหนุ่ม ขณะที่มิ่งโมรีมองเลยอีกฝ่ายไปเหมือนไม่มีตัวตน

“ นั่นมิ่งไม่ใช่เหรอนายอุ่น ”

ตรีประดับที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลเหลียวหลังกลับไปมอง ถามย้ำด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก

“ ครับ ”

คนสวนหนุ่มเว้นวรรคไปนิด มองผ่านกระจกหลังที่เห็นเพียงแสงไฟท้ายรถริบหรี่ก่อนวูบหายไปทางซอยด้านหน้า มิ่งโมรีกับเทียนสรวง แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วแต่ก็ไม่คิดว่าจะลงเอยกันเร็วเช่นนี้

“ กับคุณเทียน ”

“ มิ่ง กับคุณเทียน ทำไม ? ”

ตรีประดับกุมมือไว้กับอก ริมฝีปากบางเม้มแน่นยามเอ่ยชื่อน้องสาว คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าประจำตำแหน่งคนขับ เลยขยับรถที่กำลังเลี้ยวเข้าบ้านหลังใหญ่เพื่อเปลี่ยนเส้นทาง

“ นายอุ่น...จะไปไหน ? ”

ตรีประดับถามเสียงแผ่ว หันหน้าหลบแววตามีคำถามของฆนาคม คนมองเลยเห็นแต่ดวงหน้าสวยที่พรางอยู่ในความมืด ผู้ประกาศข่าวสาวซ่อนอารมณ์ของตัวเองไว้มิดเม้น

“ ผมคิดว่าเราควรตามไป ”

“ ไม่... ไม่ต้อง เข้าบ้านกันเถอะ ”

“ แต่ว่า... ”

“ ช่างเถอะนายอุ่น ช่างเถอะ ”

ตรีประดับคู้ตัวงอ ก้มหน้าซบลงกับฝ่ามือ ก่อนที่ร่างโปร่งจะสั่นเทาขึ้น ฆนาคมเลยนั่งเงียบ รอให้ประณีตเปิดประตูบ้านหลังใหญ่ ชายหนุ่มส่งหญิงสาวลงที่ตัวบ้าน ทอดสายตามองร่างโปร่งที่เดินลับหายไปยังเรือนหลังเล็ก ก่อนที่เขาจะขับรถเข้าโรงจอดแล้วหยุดรออยู่ในนั้นเนิ่นนาน

“ นิด ”

ชายหนุ่มเรียกเด็กสาวที่วิ่งกลับเข้ามาหลังปิดประตูเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะวิ่งหายไปยังเรือนหลังเล็กเพื่อตามรับใช้ตรีประดับ ประณีตขยับตัวมาใกล้ ทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นชายหนุ่มตัวโต หนวดเครารกเห็นแค่ดวงตาวาวระยับ ยืนอยู่ในความมืด คนถูกเรียกไว้เลยเอ่ยปากต่อว่า เพราะตกใจจริงจังกับอาการอยู่เงียบๆ ของอีกฝ่าย

“มายืนทำไมมืดๆ ตรงนี้พี่อุ่น ฉันตกใจหมด ”

“ ยืนรอเราน่ะสิ ” คนยืนรอตอบเสียงเฉย หน้าเฉย ก่อนฝากฝังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ ดูแลคุณสองด้วยนะ ”

“ พี่อุ่นพูดแปลก เกิดห่วงอะไรขึ้นมา ”

“ รับปากก่อน ว่าจะดูแลคุณสองเธอดีๆ ”

“ ฉันรักคุณสอง เรื่องดูแลเธอพี่ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลอย่างดีเลย ”

ประณีตบอกยิ้ม ๆ ถ้าไม่ติดว่าฆนาคมกับมิ่งโมรีนายจ้างอีกคนที่หล่อนไม่คิดนับถือ แสดงท่าทีต่อกันแปลกๆ เด็กสาวคงให้ใจอีกฝ่ายได้มากกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ด่างดำเพราะคุณค่าของเงินไปอย่างไร ฆนาคมก็ยังดีกับหล่อน ดีจนหล่อนทำใจรังเกียจไม่ลง ได้แต่คอยเตือนอ้อมๆ บอกอ้อมๆ เพราะไม่อยากให้คนที่หล่อนนับถือเป็นหนึ่งในหมากใช้แล้วทิ้งของมิ่งโมรี

...คนอย่างมิ่งโมรีจะรักใครได้นอกจากตัวเอง ยิ่งกับคนสวนหนุ่มด้วยแล้ว เด็กสาวยิ่งมองไม่เห็นทาง

“ ขอบใจนะ ”

เด็กสาวทำท่าจะผละไป แต่เอะใจจนต้องถอยหลังกลับมา มองร่างสูงที่ยังหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน ก่อนเอื้อมสุดแขนเพื่อโบกมือไปมาตรงหน้าคนสวนหนุ่ม ทดสอบอาการที่หล่อนเข้าใจว่าอีกฝ่ายเพ้อหนักจนแน่ใจแล้วว่า อีกฝ่ายคงถูกพิษรักของมิ่งโมรีเล่นงานจนทำอะไรไม่เป็นตัวเอง

“ มีอะไรหรือเปล่าพี่อุ่น ”

“ นิดหน่อย ”

“ นิดหน่อย ? ไม่ละมั้ง พี่ทำท่าแปลกๆ แบบนี้ฉันยิ่งอยากรู้นะ ”

“ ปิดบ้านได้เลยนะ ”

“ ปิดได้ยังไง ก็คุณมิ่งเธอยังไม่...กลับ...” เด็กสาวเบิกตาโต ในขณะที่อุดรยิ้มร้าย แววตาวาววับด้วยรอยพึงใจต่ออะไรบางอย่าง

“ เธอไปกับคนรักคุณสองแล้ว ”

“ พี่อุ่นว่าอะไรนะ ”

“ ไม่เห็นต้องตกใจ เรื่องปกติของที่นี่ไม่ใช่เหรอ ”

ประณีตหูอื้อ มัวแต่ตกใจจนไม่ทันเฉลียวใจว่าคนที่เข้าทำงานได้ไม่กี่เดือนอย่างอุดร รู้ได้อย่างไรว่า การกระทำของมิ่งโมรีเป็นเรื่องปกติของกุลชาติ

“ พี่อุ่นบอกว่า คุณมิ่งกับคุณเทียน ไม่...เป็นไปไม่ได้ ”

“ เป็นไปแล้ว ก็พี่เห็น คุณสองก็เห็น เมื่อกี้นี้ไง ขับรถออกไปคู่กัน ท่าทางจะไปต่อกันที่อื่น...ล่ะมั้ง ”

ฆนาคมตอบยิ้มๆทำท่าจะเดินไป แต่กลับถูกเด็กสาวรั้งไว้ตามคาด ประณีตตาแดงก่ำท่าทางของเด็กสาวใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“ คุณเทียนไม่เหมือนคนอื่น เธอไม่ชอบคุณมิ่ง ”

“ นิดรู้ได้ยังไง บางทีเค้าสองคนอาจซ่อนกันและกันไว้เงียบๆ ”

“ ถ้าเรารักใครเราจะปิดไม่ได้ ”

“ ปิดได้สิ ”

“ ปิดไม่ได้ ” ประณีตกรีดเสียงแหลม “ ฉันไม่เคยเห็นคนมีรักแล้วบอกไม่รัก อย่างน้อยต้องแสดงออก เหมือนที่คุณมิ่งแสดงออก ”

“ นั่นไม่ใช่ความรักนิด มันเป็นความใคร่ แค่ต้องการ...ก็ไปไหนๆ กันได้แล้ว ”

ฆนาคมสอนเสียงอ่อนโยน มองร่างเล็กที่เจ็บปวดแทนผู้เป็นนายจ้างอย่างเห็นใจ แต่ชีวิตคนเราเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างพลิกผันได้เสมอเพียงแค่กระพริบตา

“ ฉันเคยคิดนะพี่อุ่น ” เสียงเด็กสาวขาดเป็นห้วง ๆ “ ถ้าคุณเทียนดี คุณสองน่าจะลงเอยกับเธอได้ ฉันเห็นเธอไม่ชอบคุณมิ่ง เจอกันทีไรเป็นทะเลาะกันทุกที แล้วทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ”

“ น้ำมันกับไฟ ไม่มีอะไรนอกจากร้อนแรงด้วยกันทั้งคู่ ”

คนเงยหน้าขึ้นฟังทำสีหน้าไม่เข้าใจ ฆนาคมเลยมองประณีตด้วยสายตาอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม

“ โลกของนิดสดใสเกินไป สว่างเกินไป พอมาเจอโลกมืดๆ เข้าเลยเป็นอย่างนี้ ทำใจไมได้ แต่รู้ไว้เถอะ เราจะต้องเหยียบย้ำอยู่บนโคลนตมพวกนี้ไปอีกนาน สุดแท้แต่ว่าเราจะยอมเหยียบมันไปตลอดหรือดึงตัวเองให้เดินบนถนนสะอาด ”

“ เลว...นิดไม่เคยเห็นใครเลวขนาดนี้มาก่อน ”

“ เรื่องของผู้ใหญ่ อย่าไปยุ่งเลย ”

“ ฉันไม่ยุ่งอยู่แล้ว แต่อย่ามายุ่งกับคุณสองละกัน อีนิดเอาตายแน่ ”

เด็กสาวสูดจมูก กลืนน้ำตาลงคออย่างเคียดแค้น ฆนาคมมองปฏิกิริยาเหล่านั้นแล้วต้องแกล้งปลอบ

“ ทีนี้นิดก็รู้แล้วว่าโลกเรามันถูกละเลงด้วยสีอื่นนอกจากสีขาว นิดรักคุณสอง ปกป้องคุณสองได้ใช่ไหม ? สัญญาแล้วนี่ ”

“ ฉันรักคุณสอง ตอนฉันเจ็บเธอก็ดูแล ซื้อเสื้อผ้า ซื้อขนมมาให้ แต่นั่นไม่เท่ากับเธอเป็นคนดี ไม่เคยเหยียดว่านี่คือนายนั่นคือบ่าว คนตาบอดเท่านั้นแหละที่จะไม่เห็นว่าเธอดี หรือพี่ไม่เห็น ”

“ เห็นสิ เพราะอย่างนั้นถึงได้ต้องคิดเรื่องนี้ไง ”

“ เรื่องที่พี่อุ่นกลุ้มใจอยู่ใช่ไหม ? ” คนสวนหนุ่มลังเลแต่แล้วก็พยักหน้าขรึม ๆ “ เกี่ยวกับคุณมิ่งใช่หรือเปล่า พี่เล่าให้ฉันฟังได้ไหม ? ”

“ มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก ”

“ ฉันไม่เด็กแล้วนะพี่ อย่างน้อยก็มีผัวได้แล้ว ”

เด็กสาวที่กำลังย่างเข้าสู่วัยสาวตวาดแหวกับข้ออ้าง ฆนาคมมองแกล้งอย่างหนักใจ ท่าทางลังเลของชายหนุ่มทำเอาประณีตต้องย้ำหนักแน่น

“ ถ้าเพื่อปกป้องคุณสอง ต่อให้ไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ ฉันก็ทำได้ ”

“ ยิ่งคิดแบบนี้ ยิ่งแสดงว่าเป็นเด็ก ”

“ พี่อุ่น ”

เสียงประณีตร้อนรน ชายหนุ่มเลยยิ้ม เอ่ยต่อเหมือนมีลับลมคมนัยนักหนาว่า

“ ไม่มีอะไรหรอก เรากลับเข้าบ้านกันเถอะ ”

***

เทียนสรวงจอดรถกลางซอยเปลี่ยว มีเพียงแสงไฟหน้ารถที่ให้ความสว่าง คนนั่งอยู่เหลียวมองรอบตัวก่อนหันมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมเยาะ

“ มิ่งเพิ่งรู้ว่าคุณเทียนมีรสนิยมแปลก ”

“ งั้นก็ควรรู้ไว้ ว่ารสนิยมแบบนี้ ผมใช้กับคุณคนแรก ”

ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ โน้มตัวมาใกล้ ก่อนหยุดชะงักแล้วหัวเราะเมื่อร่างผอมที่นั่งอยู่ดันตัวเองไปด้านหลังทันที มิ่งโมรีหน้าแดงก่ำ หญิงสาวอ้าปากจะพูด แต่แล้วเปลี่ยนใจ สองมือเริ่มปลดกระดุมเสื้อที่ติดอยู่ใกล้คอ เทียนสรวงมองอยู่นานก่อนทนไม่ไหวรวบมือบางไว้

“ จะให้ผมเข้าใจว่า คุณไม่คุ้นสถานที่หรือว่ากำลังกลัวสุดหัวใจดี ”

“ จะเสียเวลาคิดทำไมคะ มิ่งว่า...เรามาเริ่มเรียนรู้กันและกันดีกว่า ”

มิ่งโมรียิ้มหวาน มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข ก่อนบุ้ยใบ้ไปยังด้านหลังเบาะ เทียนสรวงหัวเราะเบา ๆ ยอมเปิดประตูลงจากรถ ขณะที่หญิงสาวคลานตัวเองไปด้านหลัง อาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มเหมือนยืนทำใจควานมือลงไปในกระเป๋าของหล่อนที่เทียนสรวงโยนทิ้งไว้ ในนั้นมีอุปกรณ์หลายอย่างที่จะทำให้ชายหนุ่มหลับไปตลอดคืน หลับไป ทั้ง ๆ ที่คิดว่ามีความสุขอยู่กับหล่อนนั่นล่ะ

ดังนั้น... คนที่เปิดประตูเข้ามายังไม่ทันได้นั่งเต็มตัว ก็เจอการจู่โจมทันที ร่างสูงถูกผลักให้นอนราบ มิ่งโมรีบก้มตัวกระซิบข้างหูอีกฝ่ายบอกเชิงบังคับกลาย ๆ

“ มิ่งมียากระตุ้นค่ะ เราจะสนุกกันทั้งคืนถ้ามีตัวช่วย ”

หญิงสาวหงายมือที่มียาเม็ดเล็กสีฟ้าให้ชายหนุ่มเห็น เทียนสรวงขมวดคิ้วนิดเดียว ก่อนรับมาถือไว้อย่างเข้าใจ

“ ผมต้องกิน ”

“ ค่ะ มิ่งจะกินให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ ”

พูดไม่พูดเปล่า มิ่งโมรีสาธิตด้วยการหยิบยาในมือของชายหนุ่มใส่ปากทันที และเมื่อท่าทีของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสนใจ หล่อนก็คว้ากระเป๋าถือมาค้นหาตลับพลาสติกสีใสที่บรรจุเม็ดยาสีเดียวกันเกือบเต็มยื่นให้

“ คืนนี้มิ่งจะเป็นของคุณเทียน...คนเดียว ”

มือบางทำท่าจะป้อน หากเทียนสรวงไวกว่าคว้ามือบางไว้แล้วดึงตลับยาของอีกฝ่ายโยนออกไปนอกรถทันที

“ ผมยังหนุ่มนะคุณ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพึ่งตัวช่วยหรอก ”

ร่างเล็กบางถูกรั้งให้ล้มลงมา หญิงสาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหวีดร้องตกใจ มิ่งโมรีพยายามดันตัวเองออกห่างแต่เทียนสรวงไม่เปิดโอกาสให้เหมือนเคย

“ ลืมบอกไปว่าผมชอบบริการตัวเองมากกว่าด้วย ”

พูดจบริมฝีปากอุ่น ๆ ก็แตะที่ซอกคอของหญิงสาวหนักหน่วง มือที่แนบอยู่ด้านหลังทำให้ร่างเล็กผอมตกเป็นรอง มิ่งโมรีพยายามใช้สองมือหล่อนต่อต้าน หากเทียนสรวงรวบจับไว้ที่เดียวหล่อนก็หมดทางดิ้นหนี มิ่งโมรีกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ บังคับไม่ให้กรีดร้องเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะปลดกระดุมเสื้อหล่อนออก ในบทบาทของมิ่งโมรีที่เทียนสรวงรู้จัก เรื่องแบบนี้คือความเคยคุ้นจนชาชิน หญิงสาวพยายามคุมสติตัวเองให้มั่น กระเป๋าหล่อนยังอยู่ จวนตัวจริง ๆ ก็คงต้องหนีไปตายเอาดาบหน้า !

“ จูบผมสิ ”

ดวงตาสีดำขลับเบิกโตท่ามกลางความมืด เมื่อคนที่หยุดตัวเองลงเหมือนสับสวิตช์ไฟปล่อยสองมือหล่อนให้เป็นอิสระ มิ่งโมรียืดตัวเองขึ้นทันที ดวงตาคมมองใบหน้าที่แต่งแต้มสีสันจนกลบความงดงามที่แท้จริงเฉยเมย ริมฝีปากชายหนุ่มไม่ได้แย้มรอยยิ้มแกมเยาะ นอกจากคำถามแกมสงสัย

“ ทำไม ? ไม่กล้า ไม่อยากทำ ทำไม่ได้ หรือว่า อยากทำมากกว่านั้น ”

“ จะตั้งคำถามทำไมคะ ในเมื่อคำตอบมันแน่นอนอยู่แล้ว ”

มิ่งโมรีก้มใบหน้าลง เทียนสรวงสบตาหล่อนแน่วแน่ ตาสบตาไม่มีหลบ ก่อนชายหนุ่มจะถอนหายใจเฮือก ถามเสียงอ่อนลงว่า

“ ร้องทำไม ”

“ ฉันไม่ได้ร้อง ” คำแทนตัวของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันที มิ่งโมรีเม้มปากแน่น รู้สึกตีบตันในลำคอจนเอ่ยแต่ละคำลำบาก

“ แล้วนี่อะไร ”

เทียนสรวงทอดเสียงอ่อนวางมือลงบนใบหน้าเล็ก ปาดน้ำตาออกจากสีสันที่แต่งแต้ม ชั่วขณะหนึ่ง ชายหนุ่มอยากกอดคนที่เท้าแขนไปด้านหลัง แล้วพยายามทำให้สิ่งที่เขาท้าทายจับใจ

“ ก็ได้ ผมจะเข้าใจว่านั่นไม่ใช่น้ำตาแต่เป็นน้ำลาย คุณอยากจูบผมจนน้ำลายไหล เข้าใจแบบนี้ดีไหม ? ”

คนร้องไห้กลั้นเสียงสะอื้น หญิงสาวใช้ผมยาว ๆ ของตนบังสายตารู้ความจริงไปเสียหมดของชายหนุ่ม เทียนสรวง ไม่ได้หัวเราะเลย ตรงกันข้ามชายหนุ่มพอใจที่ได้ฟังคำถามจากเสียงสั่น ๆ ของหล่อนด้วยซ้ำ

“ คุณทำอย่างนี้ทำไม คนอื่น ไม่เห็นเคยทำเรื่องยุ่งยากแบบนี้ ”

“ ก็นั่นมันคนอื่น ” เทียนสรวงแย้งอย่างไม่ชอบใจ ที่ถูกเหมารวมเข้ากับบรรดาคนที่ความใคร่มาก่อนสิ่งอื่นใดในชีวิต “ ตอนนี้ผมจะทำเป็นไม่เห็น จะคิดเสียว่ามันมืดเกินกว่าจะมองเห็น แล้วก็...สัญญาด้วยว่าจะไม่ทำอะไรกับเนื้อตัวคุณอีก ”

มิ่งโมรีดึงตัวเองออก ดวงหน้าที่เชิดขึ้นแม้พร่างพราวไปด้วยหยาดน้ำตาที่รินไหลลงมาแต่ยังคงความแน่วแน่ เสียงที่เอ่ยยังมั่นคง

“ คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ”

“ ถามว่าทำไมถึงรู้ตอบง่ายกว่า ”

และเมื่อเห็นคนถาม ตั้งใจฟังคำตอบ เทียนสรวงเลยพยายามอธิบายให้เป็นการเป็นงานขึ้น สายตาพยายามที่จะไม่มองเนื้อหนังที่โผล่พ้นเสื้อผ้ามาต้องแสงไฟมากนัก

“ ฟังนะ เรื่องจริง มันไม่เป๊ะอย่างที่คุณกำลังทำหรอกมิ่งโมรี แบบว่าพออารมณ์มันมาเราก็ลืมทุกอย่าง อย่างที่เค้าเรียกกันอารมณ์พาไปเคยได้ยินใช่ไหม มันไม่ใช่หนังเอวี นิยายอีโรติก หรือคนที่ทำอาชีพแบบนี้ที่เค้าคุ้นเคยจนกะจังหวะได้ เพราะฉะนั้น ยิ่งคุณพยายามไม่ให้มันพลาด ก็เท่ากับว่า พลาดแล้ว ”

“ ฉันน่าจะลองพยายามให้มากกว่านี้ ”

“ คุณพยายามกับทุกเรื่องได้ แต่เฉพาะกับเรื่องนี้อย่าพยายามเลย ถ้ามันไม่ได้เกิดจากความรักมันจะเจ็บปวด ”

มิ่งโมรีมองอีกฝ่ายเต็มตา หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ในขณะที่เทียนสรวงหัวเราะชอบใจ ก่อนเข้าประเด็นที่เขาต้องการพูดกับหล่อนจริง ๆ

“ จริง ๆ วันนี้ผมไม่ได้อยากมาทำแบบนี้กับคุณ แต่ผมมีข้อเสนอมาให้คุณฟัง ”

มือเรียวล้วงเอาบุหรี่ที่ซ่อนไว้ตามซอกรถตั้งท่าจะจุดสูบ มิ่งโมรีขมวดคิ้ว หญิงสาวไม่เอ่ยอะไร แต่เทียนสรวงก็รู้ ชายหนุ่มหยุดตัวเองด้วยการถือมวนบุหรี่สีขาว สงบใจคิดเสียวว่าวันนี้เขาร้าวระบมไปหมดทั้งตัว จะจุดบุหรี่สูบก็กลัวกระทบกระเทือนปากแผลก็แล้วกัน

“ ข้อเสนอ ? ”

“ คุณไม่ต้องเสียอะไร ” ชายหนุ่มทำมือวนรอบตัวมิ่งโมรี บอกให้รู้ว่าหล่อนไม่ต้องเปลืองตัวเพื่อยั่วยวนเขา “ ถ้าจ่ายผมด้วยราคาที่สูงกว่า ผมจะให้คุณเป็นอิสระ เราไม่ต้องเดินตามเกมบ้า ๆ หรือทำอะไรบ้า ๆ ตามคำสั่งใคร ”

“ ไม่นึกว่าคุณเทียนจะอยากเป็นแมลงชนิดหนึ่ง ทั้งที่ออกจะรวย ”

หญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยามความรู้สึกที่ว่าอีกฝ่ายไมได้เลวร้ายเท่าไหร่หมดไปตั้งแต่ชายหนุ่มเอ่ยปาก

“ ถ้าผมรวยจริงล่ะก็นะ ”

คนถูกด่าแต่ไม่เจ็บ ตอบเสียงรื่น ดวงหน้าขาวสดใสแม้จะมีรอยยาแดงแต้มบางจุด ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้โล่งใจอย่างประหลาดที่ได้รู้ว่า หญิงสาวข้างตัวไม่ประสีประสาในเรื่องที่เขากังวลว่าหล่อนอาจจะ ‘ เคย ๆ ’ อยู่ทุกลมหายใจ

“ คุณเทียนคิดว่าทำอย่างนี้แล้ว ฉันจะให้คุณได้คบกับพี่สองอย่างสงบเหรอคะ ”

“ คุณไม่คิดจะให้คุณสองลดตัวลงมาคบกับผมอยู่แล้ว เมื่อก่อนอาจมีแวบ ๆ บ้าง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ”

“ เหตุผลล่ะคะ ”

“ เหตุผลก็คือ มันไม่มีประโยชน์ ต่อให้คุณอยากจับผมใส่พานให้พี่สาวคุณแค่ไหน ผมก็ไม่เอาด้วยหรอก ”

“ ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันนี่คะ ”

“ มีสิ สำหรับคนจน เงินสำคัญที่สุด คุณน่าจะรู้ดี คนรวยบางคนไม่อยากกลับไปทนกับความลำบาก ”

เทียนสรวงแกล้งหยั่งเชิง ถ้ามิ่งโมรีเป็นสีดำ เขาก็อยากให้เป็นสีดำชนิดที่ไม่มีสีใดมาแปดเปื้อน สีที่ไม่ได้เจือสีอื่นย่อมบริสุทธิ์ยิ่งกว่าสีขาวที่พร้อมจะเจือปนตัวเอง กลืนเป็นสีเดียวกับทุกสีที่ไหลเวียนเข้าหา

“ ฉันแค่เคยจน ” มิ่งโมรีเอ่ยเสียงแข็ง แต่คราวนี้ไม่ยอมสบตา ขณะที่เทียนสรวงมองคนที่เวลานี้ไร้ทางสู้และข้อต่อรองอย่างเข้าใจลึกซึ้ง “ ตอนนี้ฉันคือกุลชาติ เงินทุกบาททุกสตางค์ในนั้นเป็นของฉัน ”

“ ถึงอย่างนั้น เราก็น่าจะร่วมมือกันได้ ”

เรา…หันขวับ ดวงตาดำดุจนิลเนื้อดีฉายรอยหวั่นไหวเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มมองหญิงสาวแน่วแน่ หากคราวนี้เขาไม่ห้ามใจตัวเอง ดึงร่างผอมมากอดไว้หลวม ๆ ก่อนจะถอนตัวเองออก มิ่งโมรีเบือนสายตาหนี ริมฝีปากฉาบสีชมพูสดสั่นระริก เทียนสรวงได้กลิ่นหอมอ่อน เยือกเย็นเหมือนกลิ่นดอกไม้ที่...ยั่วเย้าเชิญชวนได้ดียิ่งกว่าการกระทำของหญิงสาวเป็นไหน ๆ ติดปลายจมูก ชายหนุ่มต้องพยายามหักห้ามใจอย่างมาก ดึงผ้าเช็ดตัวที่ซุกอยู่ด้านหลังเบาะมาห่มปิดส่วนวับแวมของเสื้อผ้าที่หญิงสาวไม่สนใจ ใส่ใจ เสียด้วยซ้ำ

“ เอาล่ะ...ทีนี้ผมค่อยคุยกับคุณได้ตามปกติหน่อย ” คนถูกหาว่าผิดปกติเม้มริมฝีปากแน่น หล่อนจะไม่ฟังคำของเทียนสรวงอีกแล้ว “ ฟังให้ดีนะมิ่งโมรี คนที่คุณรักเค้าไม่ได้รักคุณ อย่างที่คุณคิดหรอกนะ ”

“ ฉันไม่มีคนที่รัก ”

“ คุณมี เพียงแต่ไม่บอกให้ใครรู้ คุณเก็บซ่อน...แต่เค้าพยายามแสดงออก ” เทียนสรวงเว้นวรรค มิ่งโมรีหันมองชายหนุ่มช้า ๆ “ แม่เลี้ยงคุณสั่งให้ผมเป็นเทียนสรวง หลานเจ้าสัวธนาเพื่อหลอกคุณ ซึ่งผมไม่ใช่ ”

“ คุณไม่ใช่ ? ”

ดวงตาคู่เรียวสีดำจัดเบิกกว้าง มิ่งโมรีไม่คิดว่าข้อมูลที่ได้ผ่านเรือนตะวันจะผิดพลาด ท่าทีคลางแคลงไม่แน่ใจของหล่อนทำเอาเทียนสรวงตัวปลอมต้องรีบยืนยันเสียงหนัก

“ ผมไม่ใช่ ข้อมูลที่คุณได้มาคงผิดพลาดแล้วล่ะ ผมเป็นแค่คนขับรถแท็กซี่จน ๆ ที่บังเอิญรับคุณนวลอนงค์ขึ้นมาเท่านั้น ”

“ แล้วมาบอกฉันทำไมคะ อยากได้คะแนนสงสารเพิ่ม หรืออยากให้ฉันเมตตาทำตัวเป็นสะพานให้คุณกับพี่สอง ฉันบอกคุณไปแล้วนะ ฉันไม่ต้องการคนดี ”

หญิงสาวย้อนเสียงเยาะ ฉาบรอยกระด้างผ่านน้ำเสียง ดวงหน้าเข้มเพราะสีสันดุจสวมทับด้วยหน้ากากน้ำแข็ง เทียนสรวงหัวเราะเบาๆ ไม่ถือสาท่าทีกระด้างที่หญิงสาวแสดงออก เพียงแต่...ออกจะเหนื่อยใจไม่น้อย ที่อีกฝ่ายยังรั้นทำเสียงแข็งเถียงคอเป็นเอ็นทั้งที่จนมุม

" ที่บอก เพราะผมอยากให้คุณเขี่ยผมทิ้ง เหมือนที่ทำกับผู้ชายคนอื่นที่มาจีบพี่สาวคุณ แต่ดีไม่พอไง "

คนถูกจับได้หันขวับ สีหน้ายังปกติแต่แววตาวูบไหว

" มันเป็นเรื่องดีต่างหากล่ะคะ คุณสองควรเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว กุลชาติ...ควรจะแปดเปื้อน "

“ คุณพยายามพูดเหมือนไม่รักกุลชาติ ”

“ ไม่ใช่พยายาม เพราะทุกคนในกุลชาติไม่เคยรักกันอยู่แล้ว เราอยู่กันอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน ”

“ แต่กับคนบางคนไม่ใช่ เค้าพยายามรักคุณ เค้าพยายาม...เข้าใจคำว่าพยายามไหม ? ”

เทียนสรวงรวบมือผอมมากุมไว้ มือที่ไร้ซึ่งความนุ่มนวลยามสัมผัส มือที่คงกรำงานหนัก มากกว่าจะหยิบจับความสบายใส่ตัว ประโยคต่อมาของชายหนุ่มจึงอ่อนโยนนุ่มนวลยิ่งกว่าเดิม

“ ขอโทษ พูดมาถึงขนาดนี้แล้วผมถึงเพิ่งรู้ว่าไม่ควรพูด แต่ว่าผมอยากเตือนไว้ ในขณะที่คุณพยายามปกป้องคนที่คุณรักสุดชีวิต เค้าก็พยายามทำลายคุณสุดชีวิตเหมือนกัน เค้าเป็นคนสั่งให้ผมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณไม่ได้เป็นมิ่งโมรี แต่เป็นแค่ผู้หญิงข้างถนนที่นอนกับผู้ชายข้างถนน เข้าใจหรือยัง ? ”


***

โปรดติดตามตอนต่อไป...



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2555, 01:32:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2555, 01:32:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1646





<< บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 10   บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 12 >>
หมูอ้วน 18 มิ.ย. 2555, 06:15:52 น.
ยัง งงง เหมือนเดิมเลยอ่ะค่ะ
ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ยังไงก็ไม่รู้


ปอแก้ว 18 มิ.ย. 2555, 21:59:20 น.
ทำไมรู้สึกว่า...คุณสองสร้างภาพเป็นคนดี
ใช่มั้ยคะเนี่ย เดานะคะ...เดา...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account