หัวใจไกลคานทอง
พราวพุธสาววัยเบญจเพสกำลังเผชิญเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด ต้องแก้ชง ด้วยการหาคู่สมพงศ์มาแต่งงานแก้เคล็ด พร้อมทั้งรีบปั๊มทายาทสืบสกุลพรหมพยากรณ์แบบหัวปี ท้ายปี!!


ถึงไม่เชื่อเรื่องกรรมเก่า แต่ก็ไม่อยากปีนไปอยู่บนคานทองจนวันตาย ดังนั้นการหาลูกเขยเข้าบ้านจึงตกเป็นของหญิงสาวอย่างเลี่ยงมิได้


กระนั้นก็ไม่รู้จะโยนมาลัยรักเลือกใคร? เพราะจู่ๆ เกิดมีรถไฟรักวิ่งมาชนกันถึงสามขบวน!!!



เอกลักษณ์ ท่านประธานสุดหล่อผู้เป็นดั่งชายในฝัน

สิงห์นักบิด ธงทิว เทพบุตรแห่งความโชคดี

และพี่ชายข้างบ้าน ดรณ์ เจ้าของร้านขนมหวาน



ในภารกิจที่ต้องใช้ความโสดเป็นเดิมพัน ใครกันหนอที่จะช่วยปลดล็อคหัวใจพราวพุธลงจากคานทอง เฮ้อ...งานนี้คนสวยเลือกได้ปวดตับจริงๆ




ลงก่อนวางแผง ต้น พย.2555 นี้ครับ
Tags: เขมปัณณ์,หัวใจไกลคานทอง,บุพนิมิต

ตอน: บทที่ ๑ ชนท้ายหัวใจ

บทที่ ๑ ชนท้ายหัวใจ


รถเก๋งสีแดงคันเล็กจอดนิ่งตรงไหล่ทาง สัญญาณไฟกระพริบวูบวาบทั้งคัน พราวพุธซึ่งนั่งประจำที่คนขับ กำลังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สมองหล่อนขาวโพลน มึนงงไปชั่วขณะ กระทั่งมีเสียงก๊อกๆ ดังขึ้นหล่อนจึงสะดุ้งตกใจ


พราวพุธกรีดร้องเสียงแหลม มีบางสิ่งแปะอยู่บนหน้ากระจกรถ


...ไม่นะไม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ…กรี๊ด!!


หลายนาทีก่อน


พราวพุธจำได้ว่าคุยกับพบพรนานจนสาย เลยขับรถออกมาจากซอยด้วยความเร็วสูง พอเข้าไปในเขตชุมชนการจราจรก็เริ่มติดขัด กระนั้นมือใหม่แต่ใจเกินร้อยอย่างหล่อน กลัวจะไปทำงานสาย เลยขับรถคร่อมเลนบ้าง ปาดซ้ายป่ายขวาบ้าง จนเป็นเหตุให้รถคันอื่นบีบแตรไล่เป็นระยะๆ


จะบีบอะไรนักหนายะ เห็นมั้ย ดิฉันจนจะชนเต่าข้างหน้าแล้ว...ว้าย จะบ้าเหรอ แซงมาทำไหม...เดี๋ยวเถอะ ...นักเลงใช่มั้ย ได้เลย แน่จริงตามไปเคลียร์ที่บ้านพรหมพยากรณ์เลยนะ ฮึ่ม ไม่รู้จัก นางสาวพราวพุธเสียแล้ว...


หญิงสาวหัวเสีย รถบนถนนเหมือนเป็นอริกันมาตั้งแต่ชาติก่อน นิสัยโวยวายแก้ไม่เคยหาย แขวะชาวบ้านไปทั่ว ถึงขั้นเปิดกระจกแว้ดใส่คนอื่นก็มี พอใครเอาจริง กลับได้แต่ยกมือไหว้ปลกๆ ขอโทษขอโพยอย่างน่าสงสาร


ครั้นรถทะยานขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ หญิงสาวรีบข่มอารมณ์ร้ายไว้ในอก กลั้นลมหายใจลึก ตั้งจิตอธิษฐานขอพรกับพระแม่คงคา


...ขอให้ลูกช้างได้เจอผู้ชายที่ใช่สักทีเถอะเจ้าค่ะ อย่าให้เป็นสาวทึนทึก ขึ้นคานไปจนตายเลย!!


ขับลงจากสะพานไม่ทันไร พราวพุธก็ได้พบเนื้อคู่แบบเดลิเวอร์รี่ ดวงหน้าคมคาย สายตาคมเข้มปรากฏเบื้องหน้า แบบเต็มตา กระแทกใจสาวโสดวัยเบญจเพส


ดวงตาและรอยยิ้มอบอุ่น ทำให้หญิงสาวสะเทิ้นอาย ให้ตายเถอะ! หล่อนกำลังหวั่นไหวผู้ชายที่อยู่ในป้ายโฆษณา!!


เขาคนนั้นคือ ‘ท่านประธาน’ สโมสรฟุตบอลทีมดังของจังหวัด รูปเขากับสัญลักษณ์ทีมโดนเด่นในป้ายซึ่งติดเรียงตามถนน ประหนึ่งมีการแข่งขันกีฬาระดับชาติ


‘คุณเอกลักษณ์ เทพวัฒนาไพศาล’ แบรน์แอมบาสซาเดอร์ กลุ่มบริษัทในเครือเทพวัฒนาไพศาลกรุ๊ป


ชายวัยสามสิบต้นๆ ทายาทคุณวัฒนาซึ่งตอนนี้หายตัวไปอย่างลึกลับ เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของคุณพิมพาภรรยาบ้านใหญ่ เอกลักษณ์คือเจ้านายตัวจริงของหล่อน ส่วนชัยชนะเป็นลูกชายภรรยาบ้านเล็ก ซึ่งบริหารงานแทนเขาในตำแหน่งรองประธานบริษัทมาหลายปีแล้ว


ครอบครัวนี้ทำธุรกิจก่อสร้างครบวงจร ดังนั้นทายาทเพียงคนเดียว คุณเอกลักษณ์ จึงเนื้อหอมเป็นพิเศษ
ความดัง ความรวย แถมยังไร้พันธะ ทำให้เขาเป็นชายในฝันของสาวๆใครก็อยากเป็นสะใภ้คุณพิมพากันทั้งเมือง


พราวพุธไม่ได้หน้าพบเอกลักษณ์หลายปีแล้ว นับแต่เขาไปศึกษางานสาขาต่างจังหวัดและต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ กระนั้นเขายังเป็น ‘พี่เอก’ ผู้ชายคนเดียวในดวงใจหล่อนตลอดมา


พราวพุธวาดหวังว่าจะได้ครองคู่ผู้ชายที่แสนเพอร์เฟกต์คนนี้ เขาคงทำให้ผู้หญิงที่อยู่ในกรอบมาตลอดยี่สิบห้าปีได้ติดปีกแห่งรัก โบยบินไปไกล หล่อนวาดภาพตัวเองสวมชุดเจ้าสาวนานไปนิด รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นรถพ่วงสิบแปดล้อแซงมาประชิดด้านขวามือ


รถคันใหญ่มีแรงดึงดูดมหาศาลทำให้รถเก๋งเสียหลัก จนบังคับพวงมาลัยลำบาก พราวพุธกรีดร้องเสียสติ แขนทั้งสองข้างเกร็งจัด รถพ่วงบีบแตรลั่น เสียงตะโกนโหวกเหวกดังแทรกเข้ามาให้ขวัญกระเจิง จังหวะเดียวกันนั้น มือถือมีสายเรียกเข้าพอดี


เพลงจังหวะคึกคักชวนขยับแข้งขยับขาแผดลั่น หญิงสาวสติหลุดไปแวบหนึ่ง คนโทรเข้ามาคงมีธุระด่วน ทั้งที่ไม่ยอมรับสาย แต่กดเรียกไม่ยอมวาง พอเหลือบมองหน้าจอมือถือหล่อนก็หวีดขึ้น


...พี่พบจะโทรมาทำไม ตอนนี้ !


หญิงสาวตั้งสติประคองรถไปตามความโค้งของถนน แต่ตาต้องเบิกโพลง หนาวไปจับขั้วหัวใจ ด้านหน้ามีคาระวานรถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงหลายสิบคัน ผู้คนหลายสิบชีวิตกำลังวุ่นอยู่กับต้นไม้ และศาลาริมทาง



บ้า...มาแข่งแรลลี่หาอาร์ซี ตรงนี้ทำไม นู้นไปบนป่า บนดอยสิพ่อคุณเอ๊ย เดี๋ยวแม่ได้ชนตับแตกหรอก


บ่นเป็นยายแก่ ไม่ขาดคำ รถบัสรับส่งพนักงานก็ทะยานขึ้นมาประกบอย่างเร็ว พราวพุธผ่อนคันเร่ง บังคับรถให้อยู่เลนกลาง แต่คงเป็นคราวเคราะห์ จู่ๆ ร่างสีดำทะมึนบินตัดหน้ารถอย่างเร็ว ด้วยความตกใจสุดขีด มือที่กำพวงมาลัยกระตุกไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะปัดไปด้านซ้ายอย่างแรง!


ขณะนั้นพราวพุธไม่ทันสังเกตป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ยื่นมาล้ำผิวการจราจร จึงชนโครมเข้าอย่างจัง


เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!


ครั้นเสียงเปรี้ยงที่สาม จึงรู้ว่ากระจกข้างด้านซ้ายชนป้ายโฆษณาคุณเอกลักษณ์


วินาทีนั้นผู้ชายในฝัน พุ่งมาหาหล่อนอย่างเร็ว หญิงสาวคิดถึงพ่อแก้ว แม่แก้ว ท่องนะโมตัสสะ ผิดๆ ถูกๆ นานราวอึดใจ รถจึงค่อยๆ เคลื่อนไปจอดสนิทตรงไหล่ทาง จวบจนได้ยินเสียงก๊อกๆ ดังติดต่อกันนั่นแหละ สติค่อยกลับคืน


พราวพุธใจตุ้มๆ ต่อมๆ มองร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนจังก้าข้างประตูรถ


ตำรวจ!


หญิงสาวกดกระจกเลื่อนลง ใจเต้นโครมครามไม่กล้าหันไปมองด้วยซ้ำ


“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ” เสียงห้าวต่ำข่มขวัญ หญิงสาวมือเย็นจัด ในใจคิดว่ายังไงจะไม่ยอมถูกยึดใบขับขี่อีกแล้ว


...ใบสั่งก็พอนะคะ จ่า หนูรีบจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจ ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีกแล้ว พรีส!!


“คุณ! เป็นอะไรมั้ย” เขาถามย้ำ


พราวพุธสูดลมหายใจลึก เป็นไงเป็นกัน อ้อนสักนิดคุณจ่าคงยอมปล่อยสาวอวบตาดำๆ อย่างหล่อนไปแต่โดยดี


“เอ๊ะ...ไม่ใช่ตำรวจนี่นา” เมื่อมองเขาเต็มตา ก็ขมวดคิ้วมุ่น...แกล้งให้ตกใจตั้งนาน พ่อสิงห์นักบิด!


ชายร่างสูงสวมเสื้อหนัง กางเกงขายาวท่าทางทะมัดทะแมง เท่อย่าบอกใครเชียว


“ไม่ใช่ตำรวจครับ หรือยากจะให้ผมโทรเรียก...” เขาถอดแว่นตาดำออก สายตาคู่นั้นสวย จนใจหล่อนเต้นโครมคราม


“อย่า...อย่าพึ่งโทร...” พราวพุธร้องห้าม แล้วอ้อมแอ้มถามว่า “...ฉันไม่ได้ขับรถชนใครใช่มั้ยคะ”


“หึๆ...ชนสิ...เต็มๆ เลย” คำตอบเขาส่งผลให้หล่อนหน้าซีดเผือด ใจหายแวบ


“หล่ะ... แล้วมีใครตายมั้ย!”


“โอ๊ย ไม่ตายหรอก แต่คงจะเจ็บหนัก” เขายิ้มเห็นแก้มบุ๋ม ชี้ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ซึ่งแปะบนหน้ากระจกรถ


“เอ๊ะ จะมาพูดให้ตกใจทำไม” หล่อนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พึ่งเห็นหน้ากันแท้ๆ ยังจะมายียวนใส่


“เห็นคุณเครียดๆ กลัวจะช็อกเป็นลม เลยเล่นมุกขำๆ น่ะครับ” เขายกมือลูบศีรษะสวยซึ่งตัดผมทรงสกินเฮดอย่างเก้อๆ


“หายเครียดมากเลยค่ะ คุณเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดใช่ไหม ฉันไม่ได้ตั้งใจชนอะไรจริงๆ นะ รถบัสเบียด แล้วตัวอะไรก็ไม่รู้...เอ่อ คงเป็นนกมั้งบินตัดหน้ารถเฉยเลย...ฉันตกใจเลยหักพวกมาลัยหลบ ก็เท่านั้น!!” พราวพุธตอบเร็วปรื๋อ


“ใจเย็นสิคุณ ผมรู้ คุณไม่ตั้งใจ” เขาปลอบ



“ใช่ ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ” หล่อนโพล่งขึ้น โล่งใจที่เขาคิดแบบนั้น


“หึๆ ...แต่มันเป็นอุบัติเหตุจากความประมาทของคุณ!” มือใหญ่ของเขาชี้ไปที่หลักฐาน


“ป้ายมันโผล่ออกมาขวางทางต่างหาก!” หล่อนเสียงขุ่น


“ดีนะที่เป็นป้าย ถ้าเป็นผมยืนอยู่ตรงนี้ คงเละไปแล้ว”


“คุยไม่รู้เรื่อง ก็บอกว่าอุบัติเหตุยังไม่เชื่ออีก” ไม่อยากเหวี่ยงใส่พลเมืองดีนักหรอก แต่เขาคนนี้ยั่วจนคุมอารมณ์ไม่ไหว


“ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ...แค่พูดตามความจริง” เขามองหล่อนราวกับเป็นเด็กหญิงแสนงอน


พราวพุธเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วมองอย่างขำๆ จึงปรับสีหน้าสีตาให้เป็นปกติ คนสมัยนี้แปลกนัก นึกว่ามีน้ำใจอยากช่วย เอาเข้าจริงๆ ก็เป็นพวกไทยมุง


“เห็นคุณขับรถแบบนี้ ผมเป็นห่วงคนร่วมทางแทน เฮ้อ...อย่างนี้ละ ผู้หญิงขับรถ” เสียงถอนหายใจไม่จริงจังนัก แต่ใจคนฟังเดือดปุดไปแล้ว


“เอ...ผู้หญิงขับรถ แล้วไง” เมื่อถูกจี้ใจดำ เลยนั่งไม่ติด


“...ก็ชอบทำให้ผู้ชายเป็นห่วงนะสิ” เขายิ้มกว้าง ดวงตามีประกายวิบวับ สุขใจที่ได้ยั่วล้อ


“อ๋อเหรอ...ขอบคุณคะ คุณเป็นคนมีน้ำใจมั่กๆ” ตอบเสียงสะบัด แล้วสตาร์ทรถเตรียมขับจากไป


“อ้าว...ไม่ลงมาดูรถก่อนเหรอคุณ”


“ไม่มีอะไรเสียหายนี่ เดี๋ยวเรียกประกันมาดูทีหลังก็ได้ แค่นี้จิ๊บจ๊อย” พราวพุธยักไหล่ ไม่ยี่หระ


“อันตรายนะคุณ กระจกห้อยต่องแต่งอย่างนั้น” เขาจับขอบประตูรถยึดไว้ สายตาทั้งคู่สานสบกัน


หญิงสาวชั่งใจประเดี๋ยว เมื่อเห็นว่าเขาคงไม่มีพิษมีภัย จึงก้าวลงมาตรวจสอบความเสียหายโดยมีพลเมืองดี มาดเข้มคุยเสียงดังแข่งยวดยานที่ขับผ่านไปมา


“โชคดีนะครับ ไม่เป็นอะไร เออ...แล้วนี่ยังขับรถไหวหรือเปล่า” เอ่ยพร้อมกับช่วยเอาป้ายโฆษณาออกจากหน้ากระจก


“...สบายมากค่ะ ฉันเป็นซุปเปอร์วูแมน” หล่อนเชิดหน้าขึ้น ดวงตาดำขลับฉายความมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม


ชายหนุ่มหัวเราะเสียงน่าเกลียด ส่ายหัวในความช่างจ้อเกินความจริงของหล่อน เขาช่วยจัดสายไฟที่กระจกรถให้เข้าที่ด้วยความชำนาญ พราวพุธกล่าวขอบคุณ ครั้นจะก้าวขึ้นรถก็ต้องหน้าแดงก่ำ คำพูดเขาสะกิดใจ ให้คันปากยิบๆ


“...คุณน่าจะเปลี่ยนสติ๊กเกอร์ใหม่นะครับ ไอ้ ‘รถคันนี้สีขาว’ คงไม่ขลังสักเท่าไหร่ เปลี่ยนเป็น ‘มือใหม่หัดขับ’ น่าจะช่วยให้คนอื่นปลอดภัยจากคุณมากกว่า”


“เอ๊ะ...คุณ” พราวพุธเม้มปาก มองรถสีแดงที่ติดสติ๊กเกอร์ ‘รถคันนี้สีขาว’ ของตัวเอง สลับชายมาดขรึมร่างสูงใหญ่


“เป็นห่วงนะครับ คนไทยด้วยกัน... รู้ครับว่าต้องเลดี้เฟิร์ส แต่คุณผู้หญิงอย่าลืมเซฟตี้เฟิร์สด้วยสิครับ...ปลอดภัยไว้ก่อน ท่องไว้ให้ขึ้นใจนะครับ” กล่าวจบเขาก็ก้าวไปที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำแดง


พราวพุธมองเขา พร้อมกับวาดภาพ ‘ไอ้มดแดง’ ซึ่งเคยดูในหน้าจอทีวีสมัยที่เป็นเด็ก ผู้ชายคนนี้แมนเต็มร้อย ดวงหน้าคม ผิวเข้มสีน้ำผึ้งป่า!


แต่ผิดตรงที่เขาไม่ใช่ผู้ผดุงความยุติธรรม แต่เป็นสิงห์นักบิดขี้เก๊กแสนยียวนที่ชอบกวนใจให้เต้นตึกตัก


////////////////////////////



เมื่อจอดรถในโรงงานและนั่งประจำโต๊ะทำงานยังไม่ทันจะหายเหนื่อย พบพรก็ต่อสายเข้ามา


“กว่าจะรับสายได้ รู้ไหมพี่โทรซ้ำกี่รอบหา ไม่มีธุระจะโทรมากวนใจแกมั้ยยายพราว!” พบพรแปลงร่างเป็นนางยักษ์น่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ


“ขับรถอยู่น่ะพี่พบ มัวแต่คุยกับพี่นั่นแหละ มาสายเลยรู้มั้ย” หล่อนบ่นไม่จริงจังนัก


“สรุปว่าเป็นความผิดพี่ละสิ เฮ้อ…ที่โทรมาเซ้าซี้เนี่ย เพราะอยากจะบอกว่านอกจากถือศีลห้าแล้ว ให้ระวังเรื่องอุบัติเหตุด้วย อย่าประมาท เข้าใจมั้ย!”


“อุบัติเหตุ!” พราวพุธเสียวสันหลัววาบ หัวใจแทบหยุดเต้น ไหนคุณพี่ๆ บอกว่าพบพรทำนายอะไรไม่เคยแม่น แล้วสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ หมายความว่าอย่างไร


“...สงสัยเมื่อเช้าพราวจะก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้าน...เอ มี จิ้กจกร้องทักหรือเปล่านะ ทำไมซวยอย่างนี้” หล่อนพึมพำกับตัวเอง แต่ปลายสาย จับพิรุธบางอย่างได้


“เกิดเรื่องอะไรขึ้นยายพราว เล่ามาให้พี่ฟังเลยนะ” พบพรถามด้วยความเป็นห่วง แต่น้ำเสียงดุเกินไปนิด


“เปล้า...ฟังพี่พบพูดกรอกหูมากไปหน่อย พราวเลยจิตตก เห็นอะไรก็กลัวไปหมดแล้วตอนนี้” หล่อนแหย่พี่สาว ไม่ทันขาดคำ หัวคิ้วข้างขวาพลันกระตุกอย่างแรง


“ปีนี้พราวเบญจเพสด้วย พี่ตั้งใจว่าจะพาไปทำบุญกับเด็กๆ เสียหน่อย เป็นโรงเรียนวัดที่ยังคลาดแคลนหลายอย่าง ทั้งอาหาร และของใช้จิปาถะ” พบพรปรับน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แสดงอาการหงุดหงิดอย่างเดิม



“เอ จะดีเหรอพี่พบ”


“ดีสิ บ้านเราไม่ได้ทำบุญพร้อมหน้าพร้อมตากันนานแล้ว”


“โอ้โห ยกโขยงไปทั้งบ้านเลยเหรอ พราวหูฝาดหรือเปล่านี่ แบบนี้พี่พบลำบากใจแย่ คุณหนึ่ง คุณจันทร์คงนั่งคอแข็งไปตลอดทาง”


“คุณหนึ่ง คุณจันทร์จะปั้นหน้ายังไงช่างเขาเถอะ ขอแค่พราวปลอดภัยแคล้วคาดพี่ก็หายห่วงแล้ว” พบพรตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะช่วยน้องสาวอย่างเต็มกำลัง ด้วยอยากพิสูจน์ให้พี่สาวทั้งสองคนรู้ว่า ‘บุพนิมิต’ ของเธอเป็นของจริง!


“อึ๊ย พูดอะไรก็วกกลับมาแต่เรื่องสยองขวัญ จะขู่อะไรกันนักหนา คนกลัวไปหมดแล้วเนี่ย” พราวพุธรู้สึกเหมือนจะจับไข้ ขนลุกซู่ เหงื่อกาฬผุดท่วมหน้าผาก


“กลัวก็ดี จะได้รู้จักระวังตัวบ้าง...โทรมาบอกแค่นี้ละ พี่จะออกไปซื้อของเตรียมไว้ทำบุญ”


“ตามสบายเลยพี่พบ พราวอนุโมทนาสาธุด้วยคนนะพี่”


หลังจากพบพรวางสาย พราวพุธก็หันไปเล่าเรื่องตื่นเต้นให้เพื่อนร่วมงานฟัง แต่ไม่มีคนยินดียินร้ายกับหล่อนสักเท่าไหร่ เพราะมีเรื่องซุบซิบที่เข้มข้นยิ่งกว่า การเปลี่ยนผังโครงสร้างใหม่ที่เขี่ยฝ่ายขายชุดเดิมออกไปหลายคนสั่นคลอนชีวิตคนในบริษัทรวมถึงพราวพุธด้วย


เวลานี้สายตาหลายคู่จับจ้องที่หล่อน สาเหตุมาจากบัวบูชาเลื่อนตำแหน่งสายฟ้าแล่บจากหัวหน้าแผนกขายโครงการ ปรับเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโสโดยมีชัยชนะรองประธานบริษัทให้การสนับสนุน และพราวพุธต้องไปช่วยงานบัวบูชาด้วย


แต่เสียงนกเสียงกาไม่ได้ทำให้พราวพุธสนใจ เพราะตอนนี้หล่อนมีสิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน


หลังจากขึ้นไปชั่งน้ำหนักที่แผนกบัญชี ความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะสวยสุดในคืนนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆ


“ห้าสิบเจ็ดจุดแปดสามกิโล!!” ผลจากเครื่องชั่งน้ำหนัก ถูกสาวๆ ที่ชอบทำตัวเป็นโทรโข่งประกาศตัวเลขน่าอัปยศเสียงดังลั่น หญิงสาวอายจนอยากแทรกแผ่นกระเบื้องหนี


เสียงเป่าปากวี้ดวิ้ว ดังมาจากกลุ่มหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในฝ่ายวิศวกรรม พราวพุธอยากฟาดงวงฟาดงาใส่ คนที่คอยล้อ คอยแขวะให้ราบเป็นหน้ากองเสียจริง


“สถิติใหม่ใช่มั้ยจ๊ะ ไม่เห็นหน้าแค่อาทิตย์เดียว สมบูรณ์ขึ้นเป็นกองเลยเนอะ...เอ๊ะๆ หรือแอบเบนโล ละเนี่ย” จุ๋มจิ๋มผู้จัดการฝ่ายบุญชี และคนสนิทคุณพิมพาหัวเราะร่วน เธอพาร่างเพรียวขึ้นไปชั่งน้ำหนักด้วยมาดนางแบบ


“โอ๊ะๆ สี่สิบสี่จุดสามห้า...แต่เลขท้ายพี่ปัดขึ้นนะ สี่สิบห้าก็แล้วกัน ฮิๆ” จุ๋มจิ๋มทำให้คนที่น้ำหนักเกือบหกสิบกิโลกรัม หน้าแดงก่ำควันออกหู


“พี่ว่านะ เดือนหน้าคงต้องซื้อเครื่องใหม่แล้วมั้ง...ใครบางคนแถวนี้น้ำหนักคงจะพุ่งพรวด ฉุดไม่อยู่” คนพูดปรายตามองพราวพุธ แล้วเอ่ยเสียงระรื่นต่อ


“เอาแบบที่เป็นแผ่นเหล็ก เหมือนที่เขาชั่งกระสอบข้าวสารนะเธอ นั่นแหละ เคยเห็นกันใช่มั้ย ฮิๆ” จุ๋มจิ๋มกับลูกน้องในแผนก หัวเราะผสมโรงกันใหญ่


“...พราวเค้าประเภท เนื้อนมไข่ ให้ผอมแห้งเป็นบอปดำ คงไม่ไหวหรอกพี่จุ๋ม” บัวบูชาเดินมาทันได้ยินเพื่อนรักถูกแขวะพอดี เธอจึงโยนคำพูดใส่คนที่ชอบหาเรื่องให้เนื้อเต้น


“เธอว่าใครเป็นบอปดำ!” จุ๋มจิ๋มงงอยู่ประเดี่ยว ก่อนจะกรี๊ดลั่นเมื่อลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ชี้ไปตัวเธอ


บัวบูชาแสยะยิ้มเย็นใส่สาวๆ ฝ่ายบัญชี แล้วรีบจูงมือพราวพุธลงไปที่ห้องทำงานส่วนตัว


“พราวไม่ได้อ้วนใช่มั้ยบัว!” หญิงสาวถามซ้ำๆ หลายรอบแล้ว


“ไม่! พราวน่ารักจะตายหุ่นแบบนี้ละ ผู้ชายชอบ บึ้บบั้บ น่ากอด”


“เอ๋...มันคงดูยังไงอยู่นะ บึ้บบี้บเนี่ย เหมือนพราวจะเป็น ลูกหมูน้อยๆ ยังไงไม่รู้”


“พราว จะไปสนใจเสียงนกเสียงกาทำไม เชื่อบัวคนสวยอย่างพวกเรา อย่าได้แคร์” บัวบูชายิ้มเต็มวงหน้า ในสายตาเธอ พราวพุธมีน้ำมีนวล สวยสุขภาพดี จนบางครั้งคนร่างเล็กบอบบางอย่างเธอยังรู้สึกอิจฉา


“แต่...” พราวพุธบุ้ยใบที่ชุดเดรสสีน้ำทะเลสำหรับงานปาร์ตี้คืนนี้ ถอนหายใจแรงๆ ออกมา


“ทำไม เหรอ อย่าบอกบัวนะว่ามันเอ่อ...คับ! ” เสียงบัวบูชาเหมือนจะกระซิบกระซาบ เมื่อเห็นหน้าตาเพื่อนที่เศร้าสร้อย เธอก็ลูบหลังไหล่ ปลอบกันไป...หลายอาทิตย์ก่อนเธอบอกพราวพุธให้เลือกไซล์ที่ใหญ่กว่านี้ แต่หญิงสาว ยืนยันว่าจะลดหุ่นทัน ทว่าความจริงในวินาทีนี้ พราวพุธน้ำหนักขึ้น!!


“แต่ดูๆ ไป ชุดนี้ก็แอบเชยเหมือนกัน เอาอย่างนี้เราแวบออกไปหาชุดใหม่ดีกว่า”


“จะดีเหรอบัว ยายพี่จุ๋มยิ่งชอบเอาเรื่องเราไปฟ้อง ผู้ใหญ่”


“นี่คุณพราวพุธ ไม่มาทำงานหลายวันคงลืมไปกระมังว่า ดิฉันเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายขายนะคะ...” บัวบูชามองนาฬิกาข้อมือฝังเพชร เธอยิ้มตรงมุมปาก กดปุ่มโทรศัพท์แล้วเอ่ยเสียงเรียบๆ สั่งลูกน้องว่า


“เดี๋ยวพี่จะออกไปพบลูกค้าแถวบางนา ...ถ้ามีธุระด่วนก็ต่อเข้ามือถือนะ”


“โอ้โห มีเพื่อนตำแหน่งใหญ่ มันโก้จริงๆ ” หญิงสาวหัวเราะคิกชอบใจบัวบูชา ซึ่งวางมาดผู้บริหารสาว


ทว่าขณะที่ผลักประตูเตรียมจะก้าวตามบัวบูชาไป ไม่รู้ว่าเพราะหูฝาดหรือเปล่า...
พราวพุธได้ยินเสียงร้อง ‘แก แก’ แหบต่ำชวนขนหัวลุก หญิงสาวส่ายศีรษะ ไม่อยากใส่ใจ คิดว่าเสียงนั้นคงดังมาจากมือถือใครสักคน แหมสมัยนี้ คงหมดยุคจิ้กจก ตุ๊กแกร้องทักแล้วกระมัง




เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มิ.ย. 2555, 11:49:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2555, 21:12:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1504





<< บทนำ    บทที่ ๒ ผู้ชายในฝัน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account