เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 26
ตอนที่ 26
เสียงหอบกระเส่าเบาๆ พร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็กแย่งกันผุดบนหน้าผากมนนได้รูปของพีระดา
“เหนื่อยจริงๆ ไม่เคยทำอะไรเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ฉันจะทนทำต่อไปไม่ไหวแล้วนะคะ ” เสียงหญิงสาวหอบเหนื่อยและบ่นออกมาเบาๆ เธอรู้สึกเพียงแต่ว่าสองขาเรียวนั้นเมื่อยและฉาจนก้าวท้าวแทบจะไม่ออก
“เถอะน่าที่รักอีกนิดเดียวเท่านั้น อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วและผมจะปล่อยให้คุณได้พักผ่อน” แววตาสงสารแกมซะใจมองไปที่หญิงสาวที่เหงื่อเริ่มฉาบไปตามผิวนวลของเธอทั้งลำคอแขนขา
“ไม่เอาค่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆนี่มันก็ดึกมากแล้วด้วยฉันง่วงนอน เอาไว้ค่อยทำต่อพรุ่งนี้ก็ละกันรับรองฉันจะให้ความร่วมมือไม่ขัดใจคุณเลย”
“ไม่ได้หรอกพีระดาของแบบนี้เขาต้องทำกันต่อเนื่องจนเสร็จ จะมาทำค้างๆคาๆแบบนี้ได้ยังไง”
“ก็ฉันไม่ไหวจริงๆนี่ คุณใจร้ายเกินไป นี่มันร่างกายคนนะไม่ใช่แรงงานทาส ดูสิเหงื่อฉันไหลเต็มตัวเหนียวเหนอะ หนะไปหมด”
“ดูอยู่” เขาจ้องไปที่ลำคอระหงของเธอ และแกลังมองต่ำลง
“อุบาทว์” พีระดารีบกระชังคอเสื้อ
“ไม่เห็นเป็นไรให้เหงื่อมันไหลแบบนี้เซ็กซี่ดีออกผมชอบ” สายตาคมไล่มองคอเรียวระหงที่เม็ดเหงื่อใสๆกำลังไหลลงไปตามทางของมัน “ ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวก็อาบน้ำอุ่นซะคุณก็จะสบายตัวขึ้น”
“ไม่เอา ไม่ทำแล้ว เหนื่อยๆๆ” หญิงสาวค้านโยเย ไม่ให้ความร่วมมือจากนั้นก็วางที่ตักผง กับไม้กวาดลงทันที
ภาคินัยสั่นศีรษะ “ไม่ได้ นี่คือคำสั่ง ถ้าไม่เสร็จห้ามนอน” น้ำเสียงเข้มเด็ดขาด
“คนใจร้าย”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ก็ผมยอมคุณมาตลอดแต่วันนี้ขอสักที ถ้าไม่เสร็จผมไม่ให้คุณนอนจริงๆ นี่คือบทลงโทษสำหรับการไม่เชื่อใจกันซึ่งมันเป็นสาเหตุอันดับต้นๆที่ทำให้รักร้าว ผมไม่อยากให้มันเกิดกับคู่ของเราอีก”
หญิงสาวขมวดคิ้วตาโตแก้มป่อง ท่าทางจะงอนมากแต่เมื่อคิดถึงตอนที่เธอทำกับเขาแล้วก็ต้องจำใจก้มหน้าก้มตาทำต่อไปเรื่อยๆ
“ ทำโทษคุณแค่นี้ยังน้อยไปคุณเหนื่อยแค่กาย แต่ผมง้อคุณต้องเหนื่อยใจขนาดไหนที่คุณไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรเลย” เขาลอบยิ้มแม้จะรู้สึกสงสาร แต่ดูเหมือนว่าถ้าหากเขาไม่กำหราบความเอาแต่ใจของพีระดาลงเสียบ้างหลังแต่งงานคงได้เข้าสมาคมกลัวเมีย
“ขนาดนี้ยังน้อยไปอีกเหรอคะ ฉันผิดก็จริงแต่ดูสิคุณใช้ฉันทำอะไรบ้าง ทำความสะอาดเตียงนอน เก็บข้าวของ กวาดห้องนอน เสร็จแล้วให้ไปล้างจาน ต่อด้วยกวาดบ้านถูบ้าน และนี่อีกดูซิเสื้อผ้าใส่แล้วตระกร้าใหญ่ คนรับใช้เขายังไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย ซักพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอคะ”ปลายเสียงอ้อนเล็กน้อยเพราะต้องการต่อลอง
พีระดามองตระกร้าผ้าสานใบโตที่มีเสื้อผ้าใส่แล้วท้อใจ ในขณะที่ภาคินัยไหวไหล่
“แค่นี้เอง ผมเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของคุณ”
“ไม่เกินความสามารถ แต่ฉันไม่อยากทำ” หญิงสาวย้อนทันควัน
ภาคินัยอยากจะหัวเราะออกมาดังๆแต่ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวเธอจะคิดว่าเขาไม่เอาจริง
“ซักให้เสร็จคืนนี้นี่แหละ ถ้าคุณไม่ทำก็ได้แต่ถ้าคุณว่างเมื่อไหร่ผมจะใช้คุณนวด ยิ่งปวดๆเมื่อยๆอยู่ด้วย ก็ผมต้องขับรถไปๆมาๆทุกวันเพื่อไปง้อคุณ แถมโดนคุณจิก ตบทุบตีอีก”
“นี่คุณกำลังแก้แค้นเอาคืนฉันใช่ไหม”พีระดาขมวดคิ้วน้ำเสียงงอน และท้าวแขนขวาที่บั้นเอง ก่อนจะรัวกำปั้นใส่หน้าอกของแฟนหนุ่ม แต่ถูกเขารวบเอาไว้ได้ทั้งสองมือ
“ความเดิมยังไม่หาย จะทำร้ายร่างกายผมอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวผมจะเพิ่มโทษคุณให้หนักเป็นสองเท่า” เขายักคิ้วขวาให้เธอ อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดึงร่างบางมาสวมกอดได้กลิ่นเหงื่อปนน้ำหอมอ่อนๆมันทำให้กลิ่นกายเธอเซ็กซี่อย่างประหลาด
“ไม่เอาแล้วค่ะ คนใจร้ายจะใช้ฉันไปถึงไหน”
“ถ้าไม่อยากทำงานบ้านไถ่โทษ ผมมีงานเบาๆให้ทำเอาไหมล่ะ”
“งานอะไร”หญิงสาวหูผึ่ง ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เอาหูมานี่สิผมจะบอกให้”
หญิงสาวย่นจมูก สายตาไม่ไว้วางใจเพราะอดีตเสือร้ายยังไงซะก็คงต้องมีเขี้ยวเล็บซ่อนอยู่บ้าง
“งานอะไรคะ แบบไหน”สายตาหวานค้อนเขาก่อนจะเอียงหูเข้าไปหา
ภาคินัยรีบก้มลงกระซิบบางอย่างลงไปที่ข้างหู และทำให้หญิงสาวหน้าแดงจัดก่อนจะผลักเขาออก
“คนบ้า ทะลึ่ง”ปลายเสียงสะบัดแต่ก็แอบอมยิ้ม
“บอกว่าทะลึ่งแต่ทำไมคุณหน้าแดงล่ะ ตกลงจะเปลี่ยนงานหรือเปล่า”
+++++++++++++++++++++++++++
เมื่อไฮไลต์ของงานกำลังจะเริ่มขึ้นบนแทควอล์กเสียงเพลงประกอบฉากดังขึ้นเรียกความสนใจจากผู้ชมด้านหลังเวทีสุชาวีกำลังตื่นเต้นกับชุดหรูหราสุดอลังการและฟังเจ้าหน้าที่จากเจ้าหน้าที่ว่าเธอจะต้องทำอะไรบ้างรวมถึงการประมูลชุด สุชาวีตกใจไม่คิดว่ามีการประมูลด้วยเธอคิดว่าใส่ชุดสวยๆมาเดินเสร็จแล้วก็รับเงินสองแสนกลับบ้านเธอจะได้เก็บกระเป๋าบ๊ายบายนายหัวเมฆาเสียที จะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้เขากดขี่ได้อีก
“มีประมูลด้วยเหรอคะพี่” สุชาวีตาโตสีหน้าตกใจ ยืนนานๆแบบนั้นนายหัวเมฆาจำเธอได้อย่างแน่นอนแม้ว่าใบหน้าและทรงผมจะถูกแต่งเพื่อให้เข้ากับชุดที่สวยสวมใส่จนเธอดูแปลกตาไป
“ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะคุณน้อง อย่ากังวลไปเลยยืนยิ้มสวยๆก็พอคุณพี่เชื่อว่าคุณน้องต้องทำได้” เจ้าหน้าที่สาวประสานงานด้านหลังเวทีกระชับมือสุชาวีให้กำลังใจ
สุชาวีหลับตานิ่งและกลืนน้ำลายอย่างลำบาก“ตอนนี้จะถอยก็ไม่ทันแล้วสุชาวีเอ๋ย ท่องเอาไว้สองแสนๆ”
สายตาแห่งความอิจฉาของเขมมิกามองมายังเรือนร่างสมส่วนของนางแบบจำเป็นอย่างไม่พอใจชุดนั้นควรจะสวมอยู่บนหุ่นสวยๆของเธอมากกว่า
“การประมูลชุดฟินาเล่ของดีไซเนอร์คนดังกลับต้องหานางแบบจับไฉ่ที่ไหนมาสวมชุดก็ไม่รู้ ตลกจริงๆ ชิ”เขมมิกาบ่นอุบอิบเบาๆ กอดอกและเบ้ปากอย่างไม่พอใจ สายตาจิกมองไปที่นางแบบหน้าใหม่ซึ่งไม่มีใครรู้จักเธอมาก่อนแม้แต่ตัวเขมมิกาเอง จู่ๆดีไซน์เนอร์คนดังก็มาระบุว่าต้องการให้เธอคนนี้สวมชุดขึ้นประมูลแทนพีระดาที่หายตัวไป
“พี่เขมคะ แม่นี่เป็นใครกันจู่ๆก็ทำตัวเป็นตาอยู่มาคว้าพุงปลาไปซะอย่างนั้น”นางแบบลูกครึ่งกระซิบกระซาบกับเขมมิกา
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันเชอรรีย์ ว่าแม่นี่เป็นใคร หมั่นไสร้จริงๆ”
“เชอรีย์ว่าชุดฟินาเล่ คนที่เหมาะจะสวมใส่ขึ้นประมูลในคืนนี้มันควรจะเป็นพี่เขมมากว่า”ที่จริงนางแบบผิวแทนคนนี้ก็อยากสวมชถฟินาเล่เช่นกันแต่พูดเอาใจเขมมิกาเท่านั้น
“ช่างเถอะ แม่นี่คงจะเป็นพวกเส้นใหญ่หรือไม่ก็ลูกหลานไฮโซคงจะมียอดทำบุญเยอะน่ะ”สายตาเหยียดหยัน
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ”เขมมิกาหันไปมองเมื่อนางแบบอีกคนที่กำลังเดินมาสมทบจากทางด้านหลัง ทั้งสามจึงหันไปเข้ากลุ่มนินทาเรื่องที่มาของนางแบบสดใหม่ที่กำลังถูกช่างแต่งหน้า เจ้าหน้าที่ ห้อมล้อมเพื่อจะเตรียมตัวให้พร้อม และดีไซเนอร์คนดังก็ตามเข้าไปสมทบดูจะเอาใจสุชาวีเป็นพิเศษ
“มันเป็นใครเหรอมิกิ” นางแบบผิวแทนถามมิกินางแบบลูกครึ่งญี่ปุ่น
“ก่อนงานจะเริ่มฉันไปเข้าห้องน้ำและเกิดหน้ามืดจะเป็นลม แม่นี่เข้ามาช่วยและบอกว่าตัวเองเป็นพยาบาลตามเจ้านายมางานนี้ มันคงไม่ใช่ลูกผู้ดีอะไรอย่างที่เธอเข้าใจหรอก” น้ำเสียงมิกิเหยียดหยัน
“แหม...ยัยมิกิแม่นั่นช่วยเธอเอาไว้ สำนึกบุญคุณเขาเสียหน่อยก็ไม่มี”นางแบบผิวแทนเอ่ยขึ้น
“เส้นทางสายนี้มันไม่มีคำว่าบุญคุณหรอก ใครดีใครได้ต่างหาก”มิกินางแบบสาวมั่นเชิดขึ้นเล็กน้อย
เขมมิกาเบ้ปากเล็กน้อย เธอไม่ชอบมิกิเป็นทุนอยู่แล้วเพราะนางแบบรายนี้มักจะชอบพูดขวานผ่าซาก แต่ถ้าเทียบพีระดากับนางแบบหน้าใหม่ไร้หัวนอนปลายเท้าที่แจ๊คพล็อตได้สวมชุดฟิเนเล่ตัดหน้าเธอไปทำให้เธอไม่ใส่ใจกับคำพูดของมิกิ
“หน้าใหม่ๆ ก็แบบนี้แหละ ถ้าแบลคไม่ดีเดี๋ยวก็ดับไปเอง” เชอรีย์ไหวไหล่
“หน้าใหม่ๆ” คำนี้สะดุดความคิดของเขมมิกา เธอฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง สวรรค์ยังมีตา สวรรค์ไม่ทอดทิ้งคนสวยอย่างเธอ เขมมิกาลอบยิ้มอารมณ์เปลี่ยนไปทันทีใช่สิสวรรค์ส่งแม่นางแบบหน้าใหม่มาช่วยเธอ
เขมมิกาอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด ริมฝีปากแดงสดคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองแม่นางแบบหน้าใหม่
“ยิ้มทำไมคะพี่เขม”มิกิถาม
“ไม่มีอะไร ช่างเถอะแม่นี่ได้สวมชุดฟินาเล่ก็ดีเหมือนกันสวรรค์คงอยากช่วยผู้หญิงสวยๆแบบฉัน”
นางแบบรุ่นน้องสองคนสบตากันอย่างไม่เข้าใจความหมาย
เวลานี้สุชาวีไม่ได้กลัวที่จะต้องเป็นเป้าสายตาของคนที่มาชมแฟชั่นโชว์ แต่เธอกลัวเป็นเป้าให้คนร่างยักษ์พรุ่งเข้าชนและมาลากเธอลงจากเวที
“ขอให้จำไม่ได้ โอมจงจำไม่ได้ จำเราไม่ได้ ”
“เป็นอะไรคะคุณน้อง” ช่างแต่งหน้ารีบถามสุชาวี
“ปะ..เปล่าค่ะ ไม่เป็นอะไรหนูสบายดีค่ะพี่ แค่จะทำสมาธิก่อนขึ้นเวที” สุชาวีแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
เมื่อบนเวทีพร้อม นางแบบและดีไซเนอร์พร้อม นางแบบและนายแบบทุกคนร่วมกันเดินแบบอีกครั้งกับเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มีมนต์เสน่ห์และกลิ่นอายจากความเชื่อเรื่องเวทมนต์จากทุกมุมโลกเป็นแรงบรรดาลใจในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ไม่เหมือนใครของมาเรียดีไซน์เนอร์คนเก่ง บนเวทีเมื่อนางแบบนายแบบออกเดินโชว์ตัวรอบสุดท้ายจนครบรอบและไปรวมตัวกันอยู่ที่กลางเวที ชุดต่อมาก็คือสุชาวีในชุดราตรีสั้นสุดหรูอลังการสีม่วงพลาสเทลถูกแบกออกมาโดยนายแบบชื่อดังหุ่นล่ำสี่คน ชุดของหญิงสาวสวยสง่า ประดับด้วยอัญมณี ทับทิม ไพทูรณ์ เพทาย มรกต เด่นสง่าไปทั้งเนื้อทั้งตัวเธอได้รับการปรบมือจากผู้ชม พร้อมสายตาชื่นชมว่านางแบบและชุดในคืนนี้ช่างสวยเหลือเกิน แต่ก็มีเสียงซุบซิบว่านางแบบหน้าใหม่คนนี้เป็นใครหรือจะทายาทไฮโซตระกูลไหน แล้วนางแบบที่วางตัวไว้อย่างพีระดาทำไมไม่ได้สวมชุดนี้
คนที่คิดจะหาเรื่องอยากจับผิดพยาบาลสาวกลับเผลอปรบมือไปด้วย เมื่อรู้สึกว่าตัวว่ากำลังปรบมืออยู่เขาก็รีบหยุดและมองคนบนเวทีให้ชัดๆ
“แปลงโฉมยังไงฉันก็จำเธอได้สุชาวี”
เมื่อ ตาสบตาสุชาวีบังเอิญมองมาทางเขาเมื่อสบสายตาคมเข้มเธอถึงกับสะดุ้งแต่ก็มีความรับผิดชอบในหน้าที่คืนนี้เธอคือนางแบบ สุชาวีแกล้งมองผ่านเขาไปเหมือนไม่เคยรู้จัก
“ทำเนียนซะด้วย ทำเป็นไม่รู้จักเรา”
“อะไรเหรอคะนายหัว” นีรนารถรีบถามเขา
“คือว่า ชุดที่เอามาประมูลในคืนนี้น่ะสิครับฝีมือของช่างตัดเย็บยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่ฝีเย็บก็เรียบเนียนหาที่ติไม่ได้ อัญมณีที่ฝังลงไปบนเนื้อผ้าก็ทำได้ดีสมชื่อชื่อดีไซเนอร์ดัง”
“นายหัวสุดยอดไปเลยค่ะ ตาถึงมากเลยค่ะชุดนี้สวยเหลือเกินนีรนารถอยากจะมีโอกาสสวมใส่มันสักครั้ง ขนาดชุดอยู่บนเวทีนายหัวยังรู้ว่าฝีเย็บเขาเนียนนายหัวคงจะมีความรู้เรื่องแฟชั่นไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ”
“ครับถ้าเป็นแฟชั่น ชุดชั้นในหรือ บิกินนี่ผมคงมีความรู้อยู่บ้างแม้จะไม่ถึงกับถนัดแต่ก็วัดขนาดได้แม่น” เมื่อรู้ว่าหลุดพูดความจริงอะไรไป นายหัวคนดังรีบตีหน้าซื่อตาใสอย่างแยบยล
“นายหัวพูดอะไรคะ” นีรนารถตาค้าง
นายหัวเมฆาหัวเราะกลบเกลื่อน“ผมล้อเล่นน่ะครับ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแฟชั่นเสื้อผ้าผู้หญิงหรอกครับวันๆเอาแต่ทำงานในไร่ แต่ก็พอมองออกว่าแบบไหนที่เรียกว่าของดี” เขายิ้มกับนีรนารถ รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ทำให้นีรนารถหัวใจเต้นแรง
“คุณรู้ไหมคะว่ารอยยิ้มของคุณมันบาดใจนีรนารถเข้าแล้วค่ะ”
“อาการหนัก”นายหัวเมฆารู้สึกรำคาญสาวสวยที่นั่งข้างๆ
“นายหัวพูดว่าอะไรนะคะ นีได้ยินไม่ถนัดค่ะเสียงเพลงมันดังค่ะ”นีรนารถฉีกยิ้มหวาน
“ผมพูดว่าคืนนี้คงจะประมูลกันหนัก”
“นั่นน่ะสิคะ ชุดนี้เริ่มราคาประมูลแค่สองแสนเองค่ะ ราคาเบาๆถ้ามีใครประมูลให้นี นีคงจะปลื้มน่าดู”
“สองแสน! ” นายหัวที่กำลังจิบไวน์บางๆแทบจะสำลัง “ชุดบ้าอะไรวะราคาเป็นแสนๆ ใครประมูลก็โง่เต็มที ราคาขนาดนี้ ซื้อเสื้อผ้าให้คนงานใส่ได้ทั้งปี” เขาบ่นเบาๆผ่านลำคอ
“เศรษฐีอย่างนายหัว คงคิดว่ามันถูกไม่สมาราคาใช่ไหมคะ ดูสิคะชุดนี้มีอัญมณีฝังอยู่ในเนื้อผ้าด้วย อะไรมันจะสวยบาดใจขนาดนี้ ให้เอากุชชี อารมานีมาแลกก็ไม่ยอม” นีรนารถทำท่าเพ้อฝัน
“เยอะแหะ...ยัยคนนี้ ไปกันใหญ่”
นีรนารถเบิกตามองนายหัว “คนต้องแย่งกันประมูลกันเยอะแน่เลยครับคุณ นีรนุช...เอ้ย นีรนารถ จริงไหมครับก็มันทั้งสวย ดูดี แถมถูกอีกต่างหาก” ประโยคท้ายๆแฝงคำประชดแต่นีรนารถไม่ได้คิดตาม
“จริงค่ะนายหัว นีก็คิดแบบนั้นว่าแต่คืนนี้เป็นอะไรสงสัยเสียงเพลงจะดังเกินไปได้ยินอะไรเพี้ยนตลอด” เธอบ่นอุบอิบและยิ้มแหยๆ
นายหัวเมฆาพยักหน้าเออออตามนีรนารถไปด้วย
“เสียดายที่นายหัวไม่คิดจะประมูลกับเขาด้วย”
“ก็ผมไม่รู้จะเอาไปให้สาวๆที่ไหนน่ะสิครับ นายหัวตัวดำช้ำรักอย่างผมคนรักก็ไม่มีแบบใครเขา ถ้าผมมี
คนรักและเธออยากได้ผมจะซื้อให้เลยไม่ต้องประมูลให้เสียเวลา”
นีรนารถอ้าปากค้างกับคำพูดเล่นของนายหัวเมฆา “จริงเหรอคะนายหัวยังหัวใจว่าง นีรนารถได้ยินไม
ผิดใช่ไหม” น้ำเสียงดีใจสุดชีวิต
นายหัวเมฆาได้แต่พยักหน้าหงึกๆ และมองบนเวทีจับจ้องที่สุชาวีนางแบบคนสวยการประมูลเริ่มขึ้น
แล้ว นายหัวเมฆาเพิ่งจะรับรู้ข้อมูลจากนีรนารถว่าคนที่ประมูลได้จะต้องถอดชุดออกจากเรือนร่างนางแบบสาวด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้นางแบบคนสวยจะมีเสื้อผ้าที่เซฟร่างกายเธอเอาไว้อยู่ด้านในแล้วแล้วแต่นายหัวหนุ่มไม่เข้าใจเขาเคยไปแต่เวทีประมูลนางแบบเปลือยที่จัดขึ้นในแวดวงเศรษฐีไฮโซที่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กระเป๋าหนักแย่งกันประมูล อาการหน้าแดงจัดมาเป็นอันดับแรก ก่อนอาการกำหมัดจำตามมาที่หลัง เขาอยากจะรู้นักมันเป็นไอเดียของไอ้ใครหน้าไหนที่จะให้คนประมูลชุเได้ มาถอดชุดออกจากพยาบาลส่วนตัวของเขาต่อหน้าสาธารณชน มันมากเกินไปแล้วแก้ผ้าบนเวที บัดซบจริงๆงานนี้เล่นเอาคนตัวใหญ่นั่งไม่ติดพื้น คนบนเวทีจะรู้ตัวไหมเนี่ยถ้าคนประมูลได้เป็นผู้ชายจะทำยังไง
“อะไรกันบ้าบอ ใครเป็นคนคิดวะ คิดบ้าบออะไรของมัน นี่มันการกุศลหรืออกุศล ใครวะผู้จัดงานอยาก
รู้นักเอาสมองส่วนไหนคิด” นายหัวหนุ่มเอะอะโวยวายจนคนรอบข้างเริ่มตกใจ เพราะเมื่อก่อนชินกับการประมูลชุดของนางแบบปลุกใจเสือป่า ซึ่งจัดกันในหมู่เศรษฐีหนุ่มกระเป๋าหนัก คนประมูลจะได้ทั้งนางแบบและชุดของนางแบบไปครอบครองและได้ถอดเองสวมชุดให้นางแบบเองเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็มๆ
เสียงบนเวทีและเสียงเพลงทำให้คนส่วนมากไม่เห็นว่านายหัวหนุ่มมีอาการผิดปกติมีแค่แขกระดับวีไอพีที่นั้งใกล้ๆกันมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“สามแสน”
“สามแสนห้า”
“สามแสนห้าครั้งที่หนึ่ง”
เศรษฐี และไฮโซทั้งหลายแย่งกันประมูลชุดสวยที่สุชาวีสวมใส คนประมูลส่วนมากเป็นผู้ชายยิ่งทำให้นายหัวเมฆาไม่พอใจผุดลุกผุดนั่ง จนสาวนั่งข้างๆอย่างนีนารถแปลกใจ
นีรนารถที่มื่อครู่แอบไปซับความมันบนใบหน้า และแต่งหน้าเสียใหม่กลับมานั่งข้างๆนายหัวแต่ไม่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่
“เป็นอะไรไปคะนายหัว”
“ร้อนครับ ร้อนมาก” เขาขยับสื้อสูทแต่ที่จริงร้อนใจ
นีรนารถนั้นหนาวจนห่อไหล่ แต่ก็คิดเข้าข้างนายหัวว่าคนตัวสูงใหญ่ร่างกายล่ำสันต์อย่างเขาอาจจะร้อนมากกว่าคนปกติ
“สี่แสน” นายหัวหนุ่มหันควับไปมองผู้ชายที่ชูป้ายประมูล
“คุณวิธาน”
“ สี่แสนครั้งที่หนึ่ง ” ผู้ดำเนินการประมูลเอ่ยขึ้นไม่ถึงห้าวินาที
“ หกแสน” สุภาพสตรีสูงวัยเจ้าของธุรกิจสิ่งทอชูป้ายประมูล พร้อมเสียงอื้ออึงของคนในงาน
“เจ็ดแสนครับ” คุณวิธาน เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่นายหัวเมฆารู้จักเป็นอย่างดียกป้ายขึ้นสู้การประมูลพร้อมใบหน้าระบายยิ้มพร้อมมองไปที่นางแบบและชุดสวยบนกลางเวทีอย่างพอใจ
“เจ็ดแสนครั้งที่หนึ่ง เจ็ดแสนครั้งที่สอง”
การประมูลเกือบจะยุติลงแล้ว หากคนร่างใหญ่ใจร้อนไม่ลุกขึ้นยืนพร้อมแจ้งราคาประมูลที่ เก้าแสนบาทพร้อมกับเดินฉับๆไม่สนใจสายตาของใครหน้าไหนทั้งนั้น ไปจูงนางแบบคนสวยบนเวที
“หมดเวลาสนุกของเธอแล้วสุชาวี กลับเดี๋ยวนี้ ส่วนเรื่องถอดชุดที่ผมประมูลได้ ขอไปถอดออกที่โรงแรมจะดีกว่าจ่ายเงินคนเดียวผมก็ต้องเห็นคนเดียวสิ”
สุชาวีมองเขาด้วยสายตาอึ้ง ทึ่ง และเสียวสันหลัง จึงก้าวถอยหลังเล็กน้อย “คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าคะ สุชาวี อะไรกันฉันไม่รู้จัก”
“นี่ยัยพยาบาลสมองกลวง เธอนี่ชอบอ่านนิยายมากจริงๆเห็นว่าหน้าตานายหัวเมฆาโง่เหมือนลา หรือไงพอเธอใส่ชุดสวยแต่งหน้าเสียใหม่แล้วคนอย่างนายหัวเมฆาคนนี้จะจำพยาบาลตัวเองไม่ได้ ผู้ชายโง่ๆแบบนั้นมันมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละคุณ”
“คุณจำฉันได้ด้วยเหรอ” พยาบาลสาวเริ่มขาสั่น คนบ้าคนนี้ถ้าเธอวิ่งหนีเขาคงวิ่งตามเอาไงดี เช็คก็ยังไม่ได้รับตั้งสองแสน
“ไปได้แล้วกลับเดี๋ยวนี้” เขาจูงมือเธอเพื่อให้ลงจากเวที
“คุณครับนี่มันอะไรกันครับ เราประมูลชุดราตรีนะครับ แต่นางแบบไม่ได้อยู่ในรายการประมูลนะครับ คุณจะพาเธอไปไหนไม่ได้ คุณได้แค่ชุดที่เธอสวมเท่านั้น” พิธีกรที่ดำเนินรายการประมูล และเจ้าหน้าที่จากหลังเวทีเข้ามาห้อมล้อมนายหัวเมฆา และกันเขาออกจากนางแบบคนสวย
“ถอยไป นี่คนของผมหมดเวลาเล่นสนุกของเธอแล้ว ส่วนเรื่องเงินที่ประมูลพรุ่งนี้เลขาของผมจะจัดการเข้าบัญชีให้”
“ปล่อยฉันเถอะค่ะนายหัว คนมองกันใหญ่แล้ว”
“ยัยพยาบาลติ๊งต๊องก็เพราะเธอนั่นแหละ เป็นพยาบาลดีๆไม่ชอบจู่ๆก็หาเรื่องอยากจะดัง อยากเข้าวงการล่ะสิ เลยมาสวมรอยเป็นนางแบบ”
“เปล่านะก็คุณมาเรียเขามาขอร้องให้ฉันช่วย”
“อะไรก็แล้วแต่ เอาไว้คุยกันตอนกลับไปถึงโรงแรม”
“ไม่ได้นะครับคุณทำแบบนี้ไม่ได้” พวกเจ้าหน้าที่พยายามให้นายหัวเมฆาปล่อยมือจากนางแบบ ในขณะที่ด้านล่างนักข่าวกำลังรัวถ่ายภาพ ผู้คนที่มาในงานกำลังแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข่าวนี้รับรองว่าได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่ นายหัวหนุ่มชื่อดังแห่งชุมพร บุกฉุดกระชากนางแบบกลางเวที งานประมูลของดีไซเนอร์ดัง
“อะไรกันเนี่ย นายหัวไหนว่าตัวดำช้ำรัก แล้วนี่มันอะไรกันทำไมทำแบบนี้นีไม่เข้าใจ” นีรนารถปิดปากมองเหตุการณ์บนเวที เธอคิดว่ามาเจอรักแท้ในงานนี้เสียอีก
“คนบ้า คุณมันบ้าที่สุด” สุชาวีสะบัดมือเรียวกระแทกเข้าที่โหนกแก้มของนายหัวหนุ่มอย่างแรงก่อนจะวิ่งหนีไปที่หลังเวทีโดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยกันเอาไว้ไม่ให้นายหัวเมฆาตามเธอไปได้
“ปล่อยสิวะ” คนตัวใหญ่ผลักเจ้าหน้าที่ และการ์ดของงานหลายคนจนกระเด็นก่อนจะวิ่งตามสุชาวีไป
“ยัยพยาบาลสมองกลวง ฉันสงสารเธอไม่อยากให้เธอถูกทำอนาจารบนเวที ยังมาตบหน้ากันอีก แบบนี้ต้องมีเคลียร์” เขาตามเธอไปหลังเวที ภายในห้องแต่งตัวนางแบบสาวๆกรีดร้องกันใหญ่
“สุชาวี คุณอยู่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะโมโห”
“นี่ยังไม่ได้โมโหอีกเหรอคะ”ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองนางหนึ่งเอ่ยขึ้น แต่เมื่อเขามองกลับไปที่หล่อนด้วยสายตาดุกระเทยสาวสวยก็รีบหลบสายตาและถอยหลังทันที
“ดีดี้กลัวแล้วค่ะ อย่ามองแบบนี้สิคะพ่อรูปหล่อ”
นายหัวหนุ่มไม่ได้สนใจว่าใครจะกรีดร้อง ใครจะทำท่าตกตะลึงเมื่อเห็นเขาบุกเข้าไปในห้องแต่งตัวนางแบบ ช่างแต่งหน้าหลายคนถึงกับทำเครืองสำอางล่วงหล่นบ้างก็เพราะตกใจกลัว บ้างก็เพราะถูกใจในความหล่อคมเข้ม ล่ำ คล้ำของเขา
+++++++++++++
เสียงหอบกระเส่าเบาๆ พร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็กแย่งกันผุดบนหน้าผากมนนได้รูปของพีระดา
“เหนื่อยจริงๆ ไม่เคยทำอะไรเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ฉันจะทนทำต่อไปไม่ไหวแล้วนะคะ ” เสียงหญิงสาวหอบเหนื่อยและบ่นออกมาเบาๆ เธอรู้สึกเพียงแต่ว่าสองขาเรียวนั้นเมื่อยและฉาจนก้าวท้าวแทบจะไม่ออก
“เถอะน่าที่รักอีกนิดเดียวเท่านั้น อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วและผมจะปล่อยให้คุณได้พักผ่อน” แววตาสงสารแกมซะใจมองไปที่หญิงสาวที่เหงื่อเริ่มฉาบไปตามผิวนวลของเธอทั้งลำคอแขนขา
“ไม่เอาค่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆนี่มันก็ดึกมากแล้วด้วยฉันง่วงนอน เอาไว้ค่อยทำต่อพรุ่งนี้ก็ละกันรับรองฉันจะให้ความร่วมมือไม่ขัดใจคุณเลย”
“ไม่ได้หรอกพีระดาของแบบนี้เขาต้องทำกันต่อเนื่องจนเสร็จ จะมาทำค้างๆคาๆแบบนี้ได้ยังไง”
“ก็ฉันไม่ไหวจริงๆนี่ คุณใจร้ายเกินไป นี่มันร่างกายคนนะไม่ใช่แรงงานทาส ดูสิเหงื่อฉันไหลเต็มตัวเหนียวเหนอะ หนะไปหมด”
“ดูอยู่” เขาจ้องไปที่ลำคอระหงของเธอ และแกลังมองต่ำลง
“อุบาทว์” พีระดารีบกระชังคอเสื้อ
“ไม่เห็นเป็นไรให้เหงื่อมันไหลแบบนี้เซ็กซี่ดีออกผมชอบ” สายตาคมไล่มองคอเรียวระหงที่เม็ดเหงื่อใสๆกำลังไหลลงไปตามทางของมัน “ ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวก็อาบน้ำอุ่นซะคุณก็จะสบายตัวขึ้น”
“ไม่เอา ไม่ทำแล้ว เหนื่อยๆๆ” หญิงสาวค้านโยเย ไม่ให้ความร่วมมือจากนั้นก็วางที่ตักผง กับไม้กวาดลงทันที
ภาคินัยสั่นศีรษะ “ไม่ได้ นี่คือคำสั่ง ถ้าไม่เสร็จห้ามนอน” น้ำเสียงเข้มเด็ดขาด
“คนใจร้าย”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ก็ผมยอมคุณมาตลอดแต่วันนี้ขอสักที ถ้าไม่เสร็จผมไม่ให้คุณนอนจริงๆ นี่คือบทลงโทษสำหรับการไม่เชื่อใจกันซึ่งมันเป็นสาเหตุอันดับต้นๆที่ทำให้รักร้าว ผมไม่อยากให้มันเกิดกับคู่ของเราอีก”
หญิงสาวขมวดคิ้วตาโตแก้มป่อง ท่าทางจะงอนมากแต่เมื่อคิดถึงตอนที่เธอทำกับเขาแล้วก็ต้องจำใจก้มหน้าก้มตาทำต่อไปเรื่อยๆ
“ ทำโทษคุณแค่นี้ยังน้อยไปคุณเหนื่อยแค่กาย แต่ผมง้อคุณต้องเหนื่อยใจขนาดไหนที่คุณไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรเลย” เขาลอบยิ้มแม้จะรู้สึกสงสาร แต่ดูเหมือนว่าถ้าหากเขาไม่กำหราบความเอาแต่ใจของพีระดาลงเสียบ้างหลังแต่งงานคงได้เข้าสมาคมกลัวเมีย
“ขนาดนี้ยังน้อยไปอีกเหรอคะ ฉันผิดก็จริงแต่ดูสิคุณใช้ฉันทำอะไรบ้าง ทำความสะอาดเตียงนอน เก็บข้าวของ กวาดห้องนอน เสร็จแล้วให้ไปล้างจาน ต่อด้วยกวาดบ้านถูบ้าน และนี่อีกดูซิเสื้อผ้าใส่แล้วตระกร้าใหญ่ คนรับใช้เขายังไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย ซักพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอคะ”ปลายเสียงอ้อนเล็กน้อยเพราะต้องการต่อลอง
พีระดามองตระกร้าผ้าสานใบโตที่มีเสื้อผ้าใส่แล้วท้อใจ ในขณะที่ภาคินัยไหวไหล่
“แค่นี้เอง ผมเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของคุณ”
“ไม่เกินความสามารถ แต่ฉันไม่อยากทำ” หญิงสาวย้อนทันควัน
ภาคินัยอยากจะหัวเราะออกมาดังๆแต่ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวเธอจะคิดว่าเขาไม่เอาจริง
“ซักให้เสร็จคืนนี้นี่แหละ ถ้าคุณไม่ทำก็ได้แต่ถ้าคุณว่างเมื่อไหร่ผมจะใช้คุณนวด ยิ่งปวดๆเมื่อยๆอยู่ด้วย ก็ผมต้องขับรถไปๆมาๆทุกวันเพื่อไปง้อคุณ แถมโดนคุณจิก ตบทุบตีอีก”
“นี่คุณกำลังแก้แค้นเอาคืนฉันใช่ไหม”พีระดาขมวดคิ้วน้ำเสียงงอน และท้าวแขนขวาที่บั้นเอง ก่อนจะรัวกำปั้นใส่หน้าอกของแฟนหนุ่ม แต่ถูกเขารวบเอาไว้ได้ทั้งสองมือ
“ความเดิมยังไม่หาย จะทำร้ายร่างกายผมอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวผมจะเพิ่มโทษคุณให้หนักเป็นสองเท่า” เขายักคิ้วขวาให้เธอ อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดึงร่างบางมาสวมกอดได้กลิ่นเหงื่อปนน้ำหอมอ่อนๆมันทำให้กลิ่นกายเธอเซ็กซี่อย่างประหลาด
“ไม่เอาแล้วค่ะ คนใจร้ายจะใช้ฉันไปถึงไหน”
“ถ้าไม่อยากทำงานบ้านไถ่โทษ ผมมีงานเบาๆให้ทำเอาไหมล่ะ”
“งานอะไร”หญิงสาวหูผึ่ง ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เอาหูมานี่สิผมจะบอกให้”
หญิงสาวย่นจมูก สายตาไม่ไว้วางใจเพราะอดีตเสือร้ายยังไงซะก็คงต้องมีเขี้ยวเล็บซ่อนอยู่บ้าง
“งานอะไรคะ แบบไหน”สายตาหวานค้อนเขาก่อนจะเอียงหูเข้าไปหา
ภาคินัยรีบก้มลงกระซิบบางอย่างลงไปที่ข้างหู และทำให้หญิงสาวหน้าแดงจัดก่อนจะผลักเขาออก
“คนบ้า ทะลึ่ง”ปลายเสียงสะบัดแต่ก็แอบอมยิ้ม
“บอกว่าทะลึ่งแต่ทำไมคุณหน้าแดงล่ะ ตกลงจะเปลี่ยนงานหรือเปล่า”
+++++++++++++++++++++++++++
เมื่อไฮไลต์ของงานกำลังจะเริ่มขึ้นบนแทควอล์กเสียงเพลงประกอบฉากดังขึ้นเรียกความสนใจจากผู้ชมด้านหลังเวทีสุชาวีกำลังตื่นเต้นกับชุดหรูหราสุดอลังการและฟังเจ้าหน้าที่จากเจ้าหน้าที่ว่าเธอจะต้องทำอะไรบ้างรวมถึงการประมูลชุด สุชาวีตกใจไม่คิดว่ามีการประมูลด้วยเธอคิดว่าใส่ชุดสวยๆมาเดินเสร็จแล้วก็รับเงินสองแสนกลับบ้านเธอจะได้เก็บกระเป๋าบ๊ายบายนายหัวเมฆาเสียที จะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้เขากดขี่ได้อีก
“มีประมูลด้วยเหรอคะพี่” สุชาวีตาโตสีหน้าตกใจ ยืนนานๆแบบนั้นนายหัวเมฆาจำเธอได้อย่างแน่นอนแม้ว่าใบหน้าและทรงผมจะถูกแต่งเพื่อให้เข้ากับชุดที่สวยสวมใส่จนเธอดูแปลกตาไป
“ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะคุณน้อง อย่ากังวลไปเลยยืนยิ้มสวยๆก็พอคุณพี่เชื่อว่าคุณน้องต้องทำได้” เจ้าหน้าที่สาวประสานงานด้านหลังเวทีกระชับมือสุชาวีให้กำลังใจ
สุชาวีหลับตานิ่งและกลืนน้ำลายอย่างลำบาก“ตอนนี้จะถอยก็ไม่ทันแล้วสุชาวีเอ๋ย ท่องเอาไว้สองแสนๆ”
สายตาแห่งความอิจฉาของเขมมิกามองมายังเรือนร่างสมส่วนของนางแบบจำเป็นอย่างไม่พอใจชุดนั้นควรจะสวมอยู่บนหุ่นสวยๆของเธอมากกว่า
“การประมูลชุดฟินาเล่ของดีไซเนอร์คนดังกลับต้องหานางแบบจับไฉ่ที่ไหนมาสวมชุดก็ไม่รู้ ตลกจริงๆ ชิ”เขมมิกาบ่นอุบอิบเบาๆ กอดอกและเบ้ปากอย่างไม่พอใจ สายตาจิกมองไปที่นางแบบหน้าใหม่ซึ่งไม่มีใครรู้จักเธอมาก่อนแม้แต่ตัวเขมมิกาเอง จู่ๆดีไซน์เนอร์คนดังก็มาระบุว่าต้องการให้เธอคนนี้สวมชุดขึ้นประมูลแทนพีระดาที่หายตัวไป
“พี่เขมคะ แม่นี่เป็นใครกันจู่ๆก็ทำตัวเป็นตาอยู่มาคว้าพุงปลาไปซะอย่างนั้น”นางแบบลูกครึ่งกระซิบกระซาบกับเขมมิกา
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันเชอรรีย์ ว่าแม่นี่เป็นใคร หมั่นไสร้จริงๆ”
“เชอรีย์ว่าชุดฟินาเล่ คนที่เหมาะจะสวมใส่ขึ้นประมูลในคืนนี้มันควรจะเป็นพี่เขมมากว่า”ที่จริงนางแบบผิวแทนคนนี้ก็อยากสวมชถฟินาเล่เช่นกันแต่พูดเอาใจเขมมิกาเท่านั้น
“ช่างเถอะ แม่นี่คงจะเป็นพวกเส้นใหญ่หรือไม่ก็ลูกหลานไฮโซคงจะมียอดทำบุญเยอะน่ะ”สายตาเหยียดหยัน
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ”เขมมิกาหันไปมองเมื่อนางแบบอีกคนที่กำลังเดินมาสมทบจากทางด้านหลัง ทั้งสามจึงหันไปเข้ากลุ่มนินทาเรื่องที่มาของนางแบบสดใหม่ที่กำลังถูกช่างแต่งหน้า เจ้าหน้าที่ ห้อมล้อมเพื่อจะเตรียมตัวให้พร้อม และดีไซเนอร์คนดังก็ตามเข้าไปสมทบดูจะเอาใจสุชาวีเป็นพิเศษ
“มันเป็นใครเหรอมิกิ” นางแบบผิวแทนถามมิกินางแบบลูกครึ่งญี่ปุ่น
“ก่อนงานจะเริ่มฉันไปเข้าห้องน้ำและเกิดหน้ามืดจะเป็นลม แม่นี่เข้ามาช่วยและบอกว่าตัวเองเป็นพยาบาลตามเจ้านายมางานนี้ มันคงไม่ใช่ลูกผู้ดีอะไรอย่างที่เธอเข้าใจหรอก” น้ำเสียงมิกิเหยียดหยัน
“แหม...ยัยมิกิแม่นั่นช่วยเธอเอาไว้ สำนึกบุญคุณเขาเสียหน่อยก็ไม่มี”นางแบบผิวแทนเอ่ยขึ้น
“เส้นทางสายนี้มันไม่มีคำว่าบุญคุณหรอก ใครดีใครได้ต่างหาก”มิกินางแบบสาวมั่นเชิดขึ้นเล็กน้อย
เขมมิกาเบ้ปากเล็กน้อย เธอไม่ชอบมิกิเป็นทุนอยู่แล้วเพราะนางแบบรายนี้มักจะชอบพูดขวานผ่าซาก แต่ถ้าเทียบพีระดากับนางแบบหน้าใหม่ไร้หัวนอนปลายเท้าที่แจ๊คพล็อตได้สวมชุดฟิเนเล่ตัดหน้าเธอไปทำให้เธอไม่ใส่ใจกับคำพูดของมิกิ
“หน้าใหม่ๆ ก็แบบนี้แหละ ถ้าแบลคไม่ดีเดี๋ยวก็ดับไปเอง” เชอรีย์ไหวไหล่
“หน้าใหม่ๆ” คำนี้สะดุดความคิดของเขมมิกา เธอฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง สวรรค์ยังมีตา สวรรค์ไม่ทอดทิ้งคนสวยอย่างเธอ เขมมิกาลอบยิ้มอารมณ์เปลี่ยนไปทันทีใช่สิสวรรค์ส่งแม่นางแบบหน้าใหม่มาช่วยเธอ
เขมมิกาอารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด ริมฝีปากแดงสดคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองแม่นางแบบหน้าใหม่
“ยิ้มทำไมคะพี่เขม”มิกิถาม
“ไม่มีอะไร ช่างเถอะแม่นี่ได้สวมชุดฟินาเล่ก็ดีเหมือนกันสวรรค์คงอยากช่วยผู้หญิงสวยๆแบบฉัน”
นางแบบรุ่นน้องสองคนสบตากันอย่างไม่เข้าใจความหมาย
เวลานี้สุชาวีไม่ได้กลัวที่จะต้องเป็นเป้าสายตาของคนที่มาชมแฟชั่นโชว์ แต่เธอกลัวเป็นเป้าให้คนร่างยักษ์พรุ่งเข้าชนและมาลากเธอลงจากเวที
“ขอให้จำไม่ได้ โอมจงจำไม่ได้ จำเราไม่ได้ ”
“เป็นอะไรคะคุณน้อง” ช่างแต่งหน้ารีบถามสุชาวี
“ปะ..เปล่าค่ะ ไม่เป็นอะไรหนูสบายดีค่ะพี่ แค่จะทำสมาธิก่อนขึ้นเวที” สุชาวีแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
เมื่อบนเวทีพร้อม นางแบบและดีไซเนอร์พร้อม นางแบบและนายแบบทุกคนร่วมกันเดินแบบอีกครั้งกับเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มีมนต์เสน่ห์และกลิ่นอายจากความเชื่อเรื่องเวทมนต์จากทุกมุมโลกเป็นแรงบรรดาลใจในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ไม่เหมือนใครของมาเรียดีไซน์เนอร์คนเก่ง บนเวทีเมื่อนางแบบนายแบบออกเดินโชว์ตัวรอบสุดท้ายจนครบรอบและไปรวมตัวกันอยู่ที่กลางเวที ชุดต่อมาก็คือสุชาวีในชุดราตรีสั้นสุดหรูอลังการสีม่วงพลาสเทลถูกแบกออกมาโดยนายแบบชื่อดังหุ่นล่ำสี่คน ชุดของหญิงสาวสวยสง่า ประดับด้วยอัญมณี ทับทิม ไพทูรณ์ เพทาย มรกต เด่นสง่าไปทั้งเนื้อทั้งตัวเธอได้รับการปรบมือจากผู้ชม พร้อมสายตาชื่นชมว่านางแบบและชุดในคืนนี้ช่างสวยเหลือเกิน แต่ก็มีเสียงซุบซิบว่านางแบบหน้าใหม่คนนี้เป็นใครหรือจะทายาทไฮโซตระกูลไหน แล้วนางแบบที่วางตัวไว้อย่างพีระดาทำไมไม่ได้สวมชุดนี้
คนที่คิดจะหาเรื่องอยากจับผิดพยาบาลสาวกลับเผลอปรบมือไปด้วย เมื่อรู้สึกว่าตัวว่ากำลังปรบมืออยู่เขาก็รีบหยุดและมองคนบนเวทีให้ชัดๆ
“แปลงโฉมยังไงฉันก็จำเธอได้สุชาวี”
เมื่อ ตาสบตาสุชาวีบังเอิญมองมาทางเขาเมื่อสบสายตาคมเข้มเธอถึงกับสะดุ้งแต่ก็มีความรับผิดชอบในหน้าที่คืนนี้เธอคือนางแบบ สุชาวีแกล้งมองผ่านเขาไปเหมือนไม่เคยรู้จัก
“ทำเนียนซะด้วย ทำเป็นไม่รู้จักเรา”
“อะไรเหรอคะนายหัว” นีรนารถรีบถามเขา
“คือว่า ชุดที่เอามาประมูลในคืนนี้น่ะสิครับฝีมือของช่างตัดเย็บยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่ฝีเย็บก็เรียบเนียนหาที่ติไม่ได้ อัญมณีที่ฝังลงไปบนเนื้อผ้าก็ทำได้ดีสมชื่อชื่อดีไซเนอร์ดัง”
“นายหัวสุดยอดไปเลยค่ะ ตาถึงมากเลยค่ะชุดนี้สวยเหลือเกินนีรนารถอยากจะมีโอกาสสวมใส่มันสักครั้ง ขนาดชุดอยู่บนเวทีนายหัวยังรู้ว่าฝีเย็บเขาเนียนนายหัวคงจะมีความรู้เรื่องแฟชั่นไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ”
“ครับถ้าเป็นแฟชั่น ชุดชั้นในหรือ บิกินนี่ผมคงมีความรู้อยู่บ้างแม้จะไม่ถึงกับถนัดแต่ก็วัดขนาดได้แม่น” เมื่อรู้ว่าหลุดพูดความจริงอะไรไป นายหัวคนดังรีบตีหน้าซื่อตาใสอย่างแยบยล
“นายหัวพูดอะไรคะ” นีรนารถตาค้าง
นายหัวเมฆาหัวเราะกลบเกลื่อน“ผมล้อเล่นน่ะครับ ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแฟชั่นเสื้อผ้าผู้หญิงหรอกครับวันๆเอาแต่ทำงานในไร่ แต่ก็พอมองออกว่าแบบไหนที่เรียกว่าของดี” เขายิ้มกับนีรนารถ รอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ทำให้นีรนารถหัวใจเต้นแรง
“คุณรู้ไหมคะว่ารอยยิ้มของคุณมันบาดใจนีรนารถเข้าแล้วค่ะ”
“อาการหนัก”นายหัวเมฆารู้สึกรำคาญสาวสวยที่นั่งข้างๆ
“นายหัวพูดว่าอะไรนะคะ นีได้ยินไม่ถนัดค่ะเสียงเพลงมันดังค่ะ”นีรนารถฉีกยิ้มหวาน
“ผมพูดว่าคืนนี้คงจะประมูลกันหนัก”
“นั่นน่ะสิคะ ชุดนี้เริ่มราคาประมูลแค่สองแสนเองค่ะ ราคาเบาๆถ้ามีใครประมูลให้นี นีคงจะปลื้มน่าดู”
“สองแสน! ” นายหัวที่กำลังจิบไวน์บางๆแทบจะสำลัง “ชุดบ้าอะไรวะราคาเป็นแสนๆ ใครประมูลก็โง่เต็มที ราคาขนาดนี้ ซื้อเสื้อผ้าให้คนงานใส่ได้ทั้งปี” เขาบ่นเบาๆผ่านลำคอ
“เศรษฐีอย่างนายหัว คงคิดว่ามันถูกไม่สมาราคาใช่ไหมคะ ดูสิคะชุดนี้มีอัญมณีฝังอยู่ในเนื้อผ้าด้วย อะไรมันจะสวยบาดใจขนาดนี้ ให้เอากุชชี อารมานีมาแลกก็ไม่ยอม” นีรนารถทำท่าเพ้อฝัน
“เยอะแหะ...ยัยคนนี้ ไปกันใหญ่”
นีรนารถเบิกตามองนายหัว “คนต้องแย่งกันประมูลกันเยอะแน่เลยครับคุณ นีรนุช...เอ้ย นีรนารถ จริงไหมครับก็มันทั้งสวย ดูดี แถมถูกอีกต่างหาก” ประโยคท้ายๆแฝงคำประชดแต่นีรนารถไม่ได้คิดตาม
“จริงค่ะนายหัว นีก็คิดแบบนั้นว่าแต่คืนนี้เป็นอะไรสงสัยเสียงเพลงจะดังเกินไปได้ยินอะไรเพี้ยนตลอด” เธอบ่นอุบอิบและยิ้มแหยๆ
นายหัวเมฆาพยักหน้าเออออตามนีรนารถไปด้วย
“เสียดายที่นายหัวไม่คิดจะประมูลกับเขาด้วย”
“ก็ผมไม่รู้จะเอาไปให้สาวๆที่ไหนน่ะสิครับ นายหัวตัวดำช้ำรักอย่างผมคนรักก็ไม่มีแบบใครเขา ถ้าผมมี
คนรักและเธออยากได้ผมจะซื้อให้เลยไม่ต้องประมูลให้เสียเวลา”
นีรนารถอ้าปากค้างกับคำพูดเล่นของนายหัวเมฆา “จริงเหรอคะนายหัวยังหัวใจว่าง นีรนารถได้ยินไม
ผิดใช่ไหม” น้ำเสียงดีใจสุดชีวิต
นายหัวเมฆาได้แต่พยักหน้าหงึกๆ และมองบนเวทีจับจ้องที่สุชาวีนางแบบคนสวยการประมูลเริ่มขึ้น
แล้ว นายหัวเมฆาเพิ่งจะรับรู้ข้อมูลจากนีรนารถว่าคนที่ประมูลได้จะต้องถอดชุดออกจากเรือนร่างนางแบบสาวด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้นางแบบคนสวยจะมีเสื้อผ้าที่เซฟร่างกายเธอเอาไว้อยู่ด้านในแล้วแล้วแต่นายหัวหนุ่มไม่เข้าใจเขาเคยไปแต่เวทีประมูลนางแบบเปลือยที่จัดขึ้นในแวดวงเศรษฐีไฮโซที่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กระเป๋าหนักแย่งกันประมูล อาการหน้าแดงจัดมาเป็นอันดับแรก ก่อนอาการกำหมัดจำตามมาที่หลัง เขาอยากจะรู้นักมันเป็นไอเดียของไอ้ใครหน้าไหนที่จะให้คนประมูลชุเได้ มาถอดชุดออกจากพยาบาลส่วนตัวของเขาต่อหน้าสาธารณชน มันมากเกินไปแล้วแก้ผ้าบนเวที บัดซบจริงๆงานนี้เล่นเอาคนตัวใหญ่นั่งไม่ติดพื้น คนบนเวทีจะรู้ตัวไหมเนี่ยถ้าคนประมูลได้เป็นผู้ชายจะทำยังไง
“อะไรกันบ้าบอ ใครเป็นคนคิดวะ คิดบ้าบออะไรของมัน นี่มันการกุศลหรืออกุศล ใครวะผู้จัดงานอยาก
รู้นักเอาสมองส่วนไหนคิด” นายหัวหนุ่มเอะอะโวยวายจนคนรอบข้างเริ่มตกใจ เพราะเมื่อก่อนชินกับการประมูลชุดของนางแบบปลุกใจเสือป่า ซึ่งจัดกันในหมู่เศรษฐีหนุ่มกระเป๋าหนัก คนประมูลจะได้ทั้งนางแบบและชุดของนางแบบไปครอบครองและได้ถอดเองสวมชุดให้นางแบบเองเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็มๆ
เสียงบนเวทีและเสียงเพลงทำให้คนส่วนมากไม่เห็นว่านายหัวหนุ่มมีอาการผิดปกติมีแค่แขกระดับวีไอพีที่นั้งใกล้ๆกันมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“สามแสน”
“สามแสนห้า”
“สามแสนห้าครั้งที่หนึ่ง”
เศรษฐี และไฮโซทั้งหลายแย่งกันประมูลชุดสวยที่สุชาวีสวมใส คนประมูลส่วนมากเป็นผู้ชายยิ่งทำให้นายหัวเมฆาไม่พอใจผุดลุกผุดนั่ง จนสาวนั่งข้างๆอย่างนีนารถแปลกใจ
นีรนารถที่มื่อครู่แอบไปซับความมันบนใบหน้า และแต่งหน้าเสียใหม่กลับมานั่งข้างๆนายหัวแต่ไม่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่
“เป็นอะไรไปคะนายหัว”
“ร้อนครับ ร้อนมาก” เขาขยับสื้อสูทแต่ที่จริงร้อนใจ
นีรนารถนั้นหนาวจนห่อไหล่ แต่ก็คิดเข้าข้างนายหัวว่าคนตัวสูงใหญ่ร่างกายล่ำสันต์อย่างเขาอาจจะร้อนมากกว่าคนปกติ
“สี่แสน” นายหัวหนุ่มหันควับไปมองผู้ชายที่ชูป้ายประมูล
“คุณวิธาน”
“ สี่แสนครั้งที่หนึ่ง ” ผู้ดำเนินการประมูลเอ่ยขึ้นไม่ถึงห้าวินาที
“ หกแสน” สุภาพสตรีสูงวัยเจ้าของธุรกิจสิ่งทอชูป้ายประมูล พร้อมเสียงอื้ออึงของคนในงาน
“เจ็ดแสนครับ” คุณวิธาน เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่นายหัวเมฆารู้จักเป็นอย่างดียกป้ายขึ้นสู้การประมูลพร้อมใบหน้าระบายยิ้มพร้อมมองไปที่นางแบบและชุดสวยบนกลางเวทีอย่างพอใจ
“เจ็ดแสนครั้งที่หนึ่ง เจ็ดแสนครั้งที่สอง”
การประมูลเกือบจะยุติลงแล้ว หากคนร่างใหญ่ใจร้อนไม่ลุกขึ้นยืนพร้อมแจ้งราคาประมูลที่ เก้าแสนบาทพร้อมกับเดินฉับๆไม่สนใจสายตาของใครหน้าไหนทั้งนั้น ไปจูงนางแบบคนสวยบนเวที
“หมดเวลาสนุกของเธอแล้วสุชาวี กลับเดี๋ยวนี้ ส่วนเรื่องถอดชุดที่ผมประมูลได้ ขอไปถอดออกที่โรงแรมจะดีกว่าจ่ายเงินคนเดียวผมก็ต้องเห็นคนเดียวสิ”
สุชาวีมองเขาด้วยสายตาอึ้ง ทึ่ง และเสียวสันหลัง จึงก้าวถอยหลังเล็กน้อย “คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าคะ สุชาวี อะไรกันฉันไม่รู้จัก”
“นี่ยัยพยาบาลสมองกลวง เธอนี่ชอบอ่านนิยายมากจริงๆเห็นว่าหน้าตานายหัวเมฆาโง่เหมือนลา หรือไงพอเธอใส่ชุดสวยแต่งหน้าเสียใหม่แล้วคนอย่างนายหัวเมฆาคนนี้จะจำพยาบาลตัวเองไม่ได้ ผู้ชายโง่ๆแบบนั้นมันมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละคุณ”
“คุณจำฉันได้ด้วยเหรอ” พยาบาลสาวเริ่มขาสั่น คนบ้าคนนี้ถ้าเธอวิ่งหนีเขาคงวิ่งตามเอาไงดี เช็คก็ยังไม่ได้รับตั้งสองแสน
“ไปได้แล้วกลับเดี๋ยวนี้” เขาจูงมือเธอเพื่อให้ลงจากเวที
“คุณครับนี่มันอะไรกันครับ เราประมูลชุดราตรีนะครับ แต่นางแบบไม่ได้อยู่ในรายการประมูลนะครับ คุณจะพาเธอไปไหนไม่ได้ คุณได้แค่ชุดที่เธอสวมเท่านั้น” พิธีกรที่ดำเนินรายการประมูล และเจ้าหน้าที่จากหลังเวทีเข้ามาห้อมล้อมนายหัวเมฆา และกันเขาออกจากนางแบบคนสวย
“ถอยไป นี่คนของผมหมดเวลาเล่นสนุกของเธอแล้ว ส่วนเรื่องเงินที่ประมูลพรุ่งนี้เลขาของผมจะจัดการเข้าบัญชีให้”
“ปล่อยฉันเถอะค่ะนายหัว คนมองกันใหญ่แล้ว”
“ยัยพยาบาลติ๊งต๊องก็เพราะเธอนั่นแหละ เป็นพยาบาลดีๆไม่ชอบจู่ๆก็หาเรื่องอยากจะดัง อยากเข้าวงการล่ะสิ เลยมาสวมรอยเป็นนางแบบ”
“เปล่านะก็คุณมาเรียเขามาขอร้องให้ฉันช่วย”
“อะไรก็แล้วแต่ เอาไว้คุยกันตอนกลับไปถึงโรงแรม”
“ไม่ได้นะครับคุณทำแบบนี้ไม่ได้” พวกเจ้าหน้าที่พยายามให้นายหัวเมฆาปล่อยมือจากนางแบบ ในขณะที่ด้านล่างนักข่าวกำลังรัวถ่ายภาพ ผู้คนที่มาในงานกำลังแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข่าวนี้รับรองว่าได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่ นายหัวหนุ่มชื่อดังแห่งชุมพร บุกฉุดกระชากนางแบบกลางเวที งานประมูลของดีไซเนอร์ดัง
“อะไรกันเนี่ย นายหัวไหนว่าตัวดำช้ำรัก แล้วนี่มันอะไรกันทำไมทำแบบนี้นีไม่เข้าใจ” นีรนารถปิดปากมองเหตุการณ์บนเวที เธอคิดว่ามาเจอรักแท้ในงานนี้เสียอีก
“คนบ้า คุณมันบ้าที่สุด” สุชาวีสะบัดมือเรียวกระแทกเข้าที่โหนกแก้มของนายหัวหนุ่มอย่างแรงก่อนจะวิ่งหนีไปที่หลังเวทีโดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยกันเอาไว้ไม่ให้นายหัวเมฆาตามเธอไปได้
“ปล่อยสิวะ” คนตัวใหญ่ผลักเจ้าหน้าที่ และการ์ดของงานหลายคนจนกระเด็นก่อนจะวิ่งตามสุชาวีไป
“ยัยพยาบาลสมองกลวง ฉันสงสารเธอไม่อยากให้เธอถูกทำอนาจารบนเวที ยังมาตบหน้ากันอีก แบบนี้ต้องมีเคลียร์” เขาตามเธอไปหลังเวที ภายในห้องแต่งตัวนางแบบสาวๆกรีดร้องกันใหญ่
“สุชาวี คุณอยู่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะโมโห”
“นี่ยังไม่ได้โมโหอีกเหรอคะ”ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองนางหนึ่งเอ่ยขึ้น แต่เมื่อเขามองกลับไปที่หล่อนด้วยสายตาดุกระเทยสาวสวยก็รีบหลบสายตาและถอยหลังทันที
“ดีดี้กลัวแล้วค่ะ อย่ามองแบบนี้สิคะพ่อรูปหล่อ”
นายหัวหนุ่มไม่ได้สนใจว่าใครจะกรีดร้อง ใครจะทำท่าตกตะลึงเมื่อเห็นเขาบุกเข้าไปในห้องแต่งตัวนางแบบ ช่างแต่งหน้าหลายคนถึงกับทำเครืองสำอางล่วงหล่นบ้างก็เพราะตกใจกลัว บ้างก็เพราะถูกใจในความหล่อคมเข้ม ล่ำ คล้ำของเขา
+++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มิ.ย. 2555, 16:03:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มิ.ย. 2555, 16:03:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 4055
<< ตอนที่ 25 | ตอนที่ 27 >> |



อัปสรา 20 มิ.ย. 2555, 16:24:57 น.
เรื่องนี้ต้องอ่านตอนสุดท้ายนะคะตามที่เราวางโครงไว้....อุบไว้ก่อนมันจะพลิกค่ะ
เรื่องนี้ต้องอ่านตอนสุดท้ายนะคะตามที่เราวางโครงไว้....อุบไว้ก่อนมันจะพลิกค่ะ

goldensun 20 มิ.ย. 2555, 17:58:54 น.
อย่างนี้นายหัวปาดหน้าแผนยัยเขมได้มั้ยเนี่ย
เปิดตอนมาซะน่าหวาดเสียวจัง ^^
อย่างนี้นายหัวปาดหน้าแผนยัยเขมได้มั้ยเนี่ย
เปิดตอนมาซะน่าหวาดเสียวจัง ^^

lovemuay 20 มิ.ย. 2555, 21:06:07 น.
นายหัวทำแผนยัยเขมล่มไปอีกครั้งซะงั้น +55
นายหัวทำแผนยัยเขมล่มไปอีกครั้งซะงั้น +55

violette 21 มิ.ย. 2555, 00:58:56 น.
กรี๊ดดด จะพลิกยังไง
กรี๊ดดด จะพลิกยังไง

wane 21 มิ.ย. 2555, 03:56:25 น.
นายหัวฮานะเนี่ย
นายหัวฮานะเนี่ย

kaero 21 มิ.ย. 2555, 11:40:14 น.
บ้าระห่ำ จริงๆๆ
บ้าระห่ำ จริงๆๆ

กรยุพา 21 มิ.ย. 2555, 12:07:08 น.
จะรออ่านตอนสุดท้ายนะคะ ว่าจะพลิกยังไง
จะรออ่านตอนสุดท้ายนะคะ ว่าจะพลิกยังไง

แพม 21 มิ.ย. 2555, 22:29:51 น.
ลากกลับไปให้ได้นะ เดี๋ยวถูกม.ค.ป.ด.
ลากกลับไปให้ได้นะ เดี๋ยวถูกม.ค.ป.ด.