หนึ่งในรัก (เพลงรักกามเทพ)
เขาคือบุรุษที่เธอไม่อาจเข้าถึงหัวใจอันเย็นเยียบประดุจน้ำแข็งในฤดูหนาว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอถึงถลำรักเขาจนหมดหัวใจ
Tags: กรยุพา . ยุพากร . มุกดารา รักโรแมนติก

ตอน: 2 กรยุพา . ยุพากร

ความเดิมตอนที่แล้ว...เฌอเอม ประสบอุบัติเหตุขณะจะเข้าไปเสนองาน เธอจึงได้รู้จักกับผู้บริหารหนุ่มของบริษัทนั้น...เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ขอเชิญติดตามได้เลยค่ะ

2.

นิคมอุตสาหกรรมย่านชานเมืองคราคร่ำด้วยโรงงานขนาดใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ ‘อนันต์อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)’ โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ทั้งแบรนด์ดังของตัวเอง และแบรนด์อื่นๆ นับไม่ถ้วน



ชื่อเสียงจึงกระฉ่อนทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ในความดูแลของผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ‘ปรมัตถ์ อนันต์สิทธิ์’ ทายาทอันดับหนึ่งของอาณาจักร เค พี เอ กรุ๊ป แห่งนี้


“ของพรีเมี่ยมนั่นคุณตามงานกับฝ่ายการตลาดให้ผมด้วยนะ หากทางบริษัทกล้าประดับมีปัญหาอะไรก็รายงานผมได้โดยตรง”
เสียงโทรศัพท์มือถือที่เข้ามาทำให้เขาต้องวางสายจากเลขาคู่ใจกะทันหัน
“ทำอะไรอยู่ คุยได้หรือเปล่า”
“อืม...นายมีอะไร” ปรมัตถ์รับคำทั้งที่ยังจับจ้องเอกสารตรงหน้า


“จะโทรฯ มาถามนาย ว่าใจคอจะไม่มาดูดำดูดีคนที่ช่วยชีวิตนายไว้เลยหรือไง”
เสียงที่ดังมาไม่ได้บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
“ก็ในเมื่อมีนายคอยดูแลอยู่ทั้งคน ฉันยังจะต้องไปทำไมอีก” ตอบเรื่อยๆ สายตายังคงจับจ้องเอกสารตรงหน้า
มาวินถึงกับพูดไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยิน


“ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ทางเราจะชดใช้ให้ทุกอย่าง ทำไม หรือเจ้าตัวเขายังไม่พอใจ” ถามอย่างหงุดหงิด
“นายอย่าเข้าใจผิด เธอไม่ได้ว่าอะไรเลยสักคำ ญาติๆ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเช่นกัน แต่...ฉันอยากให้นายไปเยี่ยม และขอบคุณเธอสักครั้งก็ยังดี” ยังพยายามหว่านล้อม


“การที่ฉันเซ็นอณุมัติงานตามที่นาย ‘ขอ’ เขาก็น่าจะโอเคแล้วนี่นะ” ยังคงบอกอย่างไม่ใส่ใจใดๆ ทั้งสิ้น
“เอาเป็นว่าขอบใจนายมากแล้วกันที่เป็นธุระให้ พอดีฉันกำลังจะเข้าประชุม เท่านี้ก่อนแล้วกันนะ”
ระหว่างเดินมาหยุดที่หน้าห้องผู้ป่วยมาวินได้แต่ส่ายหน้าอย่างอึดอัด จะมีหนทางไหนนำพาเพื่อนเขามายังโรงพยาบาลนี้ได้บ้าง

คฤหาสน์สไตร์เมดิเตอร์เรเนียนที่ด้านหน้าคือสนามหญ้าเขียวขจี รายล้อมด้วยต้นปาล์มนาๆ ชนิด หนึ่งในนั้นคือสุดยอดปาล์มประดับนามหงส์เหิรหรือYarey และฮอสปิต้าหรือหมีเทา ที่เจ้าบ้านรักดั่งดวงใจ ยามค่ำคืนเช่นนี้ยามเมื่อแสงไฟสาดส่องจึงงดงามจนเหนือคำบรรยาย


“คุยกันก่อนสิปรมัตถ์”
น้ำเสียงเข้มจากผู้มารอดักยังห้องโถงใหญ่ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้ง เหตุเพราะนับจากเกิดเหตุไม่คาดฝันนั่น เขาก็คอยหลบหน้าบุคคลนี้มาโดยตลอด
“มีอะไรทำไมไม่บอกกล่าว นี่ถ้าหนูหงษ์ไม่มาพูดให้ฟัง ฉันก็คงยังไม่รู้อยู่นั่นเอง” โฆษิตบอกอย่างฉุนเฉียว



“เห็นฉันทำอะไรไม่ได้ ต้องพึ่งแกงั้นสิ ถึงคิดจะทำอะไร ก็ทำตามอำเภอใจ” กล่าวอย่างเก็บกด เพราะนับแต่เขาป่วยหนัก ด้วยสารพัดโรคที่รุมเร้าก็ไม่อาจกลับไปทำหน้าที่เหมือนเก่าได้อีก
“หึ...เขามาฟ้องถึงที่นี่เชียวหรือครับ” ถามพร้อมยิ้มหยัน


“เขาไม่ได้มาฟ้อง เพียงมาเยี่ยมตามหน้าที่ของคนที่จะเกี่ยวดองกันเท่านั้น”
มณฑาแม่บ้านใหญ่ที่แอบอยู่หลังเสาใจตุ้มๆ ต้อมๆ ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ว่าขออย่าให้สองพ่อลูกเปิดศึกกันจนเลยเถิดไปกว่านี้อีกเลย
“เราริเล่นปืนผาหน้าไม้นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ มีหัวคิดบ้างหรือเปล่า ว่าหากมีใครต้องมาตายในบริษัท อะไรจะเกิดขึ้น”


อาการนิ่งราวปราศจากความรู้สึกใดๆ ของบุตรชายไม่อาจดับไฟในอารมณ์ของโฆษิตได้แม้แต่น้อย
“แล้วกับเรื่องเซ็นอนุมัตของพรีเมี่ยมนั่นด้วยเหมือนกัน เราคิดดีแล้วอย่างนั้นหรือ”
นาทีนั้นปรมัตถ์ถึงกับต้องเก็บอารมณ์โกรธที่พลุ่งขึ้นไว้ให้ลึกที่สุด กระทั่งเรื่องนี้ทักษอรก็ไม่ละเว้นอย่างนั้นหรือชั่ววูบที่ ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างเลือดเย็นก่อนจางหายอย่างรวดเร็ว


“ผมทำทุกอย่างตามที่เห็นสมควร รับรองว่าบริษัทจะไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น” ยังคงบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด
“กับครั้งนี้เราคงจะได้บทเรียนอันสูงค่า แล้วก็หวังว่าฉันจะไม่ได้ยินเรื่องแบบนี้อีกเป็นซ้ำสอง”


กรามที่ขบกันแน่นจนเป็นสันนูนของปรมัตถ์บ่งบอกอารมณ์ในยามนี้ของเขาได้อย่างดีที่สุด ทว่าโฆษิตกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย
“แล้วเราก็ควรดูแลหนูหงส์ให้ดีกว่านี้ ถ้าหากมีเวลาก็ชวนไปพักผ่อนตากอากาศลำพังบ้าง ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงก็แค่เอาใจ มันจะยากอะไรนักหนา ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์จากกันและกันอยู่แล้ว” ดูเหมือนบุตรชายเพียงคนเดียวไม่ได้ดังใจเขาเสียเลย


“อย่าได้ลืมเป็นอันขาด ว่าเขาน่ะคู่หมั้นของแกนะ”
“พ่อคงไม่ต้องย้ำ” สวนกลับอย่างเหลืออด
“เพราะผมรู้ดีว่าสิ่งไหนคือหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติ เพื่อ…บรรลุวัตถุประสงค์ ตามที่พ่อตั้งใจ” บอกน้ำเสียงกร้าวก่อนเดินจากไปอย่างหมดความอดทน


แม้ดึกดื่น และแม้จะเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด แต่ปรมัตถ์กลับไม่อาจข่มตาให้หลับ
นาทีนี้เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่า บิดามีหัวใจที่จะ ‘รัก’ ใครบ้างหรือเปล่า ที่สำคัญกับมารดาของเขา บิดาใช้กรณีเดียวกันกับที่ทำกับเขาด้วยหรือไม่

มองเห็นแต่ผลประโยชน์ โดยปราศจากความรักอย่างสิ้นเชิง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพราะเหตุใด คำถามนี้จึงผุดขึ้นในใจ ทั้งที่ผ่านมาเขาไม่เคยแม้แต่จะคิด


เป็นช่วงสาย ณ สำนักงานใหญ่ เค พี เอ กรุ๊ป
ชั้นของผู้บริหารหนุ่มหอมกรุ่นด้วยสเปร์ยปรับอากาศ ผู้ที่เข้ามาพูดคุยแต่เช้าไม่ใช่ใคร แต่เป็นเพื่อนคู่คิดที่ยังคงมีเรื่องค้างคาใจ
“ฉันให้เปลี่ยนยามใหม่ยกชุดทั้งที่ตึกนี่และที่โรงงานนั่น นายคงเห็นด้วย” มาวินกล่าวเป็นงานเป็นการ


“กันไว้ดีกว่าแก้ ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ คงต้องยิ่งระวังอีกหลายเท่า”
ผู้รับฟังเพียงพยักหน้ารับ
“ที่สำคัญเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่ นายคิดว่ายังไง”
ครั้งนี้ปรมัตถ์ได้แต่ส่ายหน้า
“ฉันเองก็มืดแปดด้าน ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”


“หากเราจับมือปืนนั่นได้ ก็สามารถไขข้อข้องใจได้แล้วสินะ” มาวินรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
วูบหนึ่งที่ปรมัตถ์นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องประชุมเย็นวันนั้น...ไม่น่าเชื่อว่าภาพยังคงติดตากระทั่งเวลานี้
ทั้งไม่รู้ด้วยว่าเพราะเหตุใด เมื่อยามรักษาความปลอดภัยบุกขึ้นมายังห้องประชุม มือปืนกลับขึ้นไปยังดาดฟ้าก่อนเร้นกายราวอันตรธานไปได้เสียเฉยๆ


“นายจะปิดเรื่องนี้กับท่านประธานอาวุโสไปได้อีกนานเท่าไหร่” มาวินกล่าวถึงบิดาของปรมัตถ์
“เรื่องนั้นหมดห่วงไปได้เลย เพราะมีผู้หวังดีไปบอกเรียบร้อยแล้ว” ตอบน้ำเสียงเรียบเฉย
มาวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“เป็นไปได้ยังไง ใครไปบอก”
ไม่ทันที่ปรมัตถ์จะเอ่ยสิ่งใดมาวินก็ชิงพูดเสียก่อน
“ทักษอรงั้นสิ”
อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับ
“ว่าแล้ว ทำไมหวยมันถึงซื้อไม่ถูกอย่างนี้ว้า...” ไม่พูดเปล่าแต่เกาหัวแกรกๆ อีกอีกด้วย


เสียงเคาะประประตูที่ดังขึ้น ทำให้การสนทนาหยุดลงกลางคัน ซ้ำผู้ที่ก้าวเข้ามาก็ทำให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายตึงเครียดกะทันหัน
“ทักให้คนไปดูโรงงานที่คุณเซ็นอนุมัติของพรีเมี่ยมนั่นมาแล้วนะคะ” ทักษอรเปิดฉากไม่รอช้า
“แล้วทักก็ได้ภาพถ่ายมาให้คุณดูด้วย ว่าสมควรหรือไม่ที่จะให้บริษัทนี้ทำของให้กับเรา” เธอไม่พูดเปล่าแต่ส่งภาพขยายใหญ่ให้อีกหลายใบ


“เป็นเพียงบริษัทตึกแถวเล็กๆ มีลูกจ้างเพียงไม่กี่คน ที่น่ากลัวกว่านั้นคือไม่รู้ว่าเงินมัดจำที่เราให้ไปเป็นแสนๆ นั่น จะถูกเชิดหรือเปล่า”
ไม่รู้ว่าทำไม แต่มาวินซึ่งนั่งอยู่ก่อนรู้สึกจริงๆ ว่าไม่พอใจคำพูดของทักษอรอย่างที่สุด


“คุณไม่คิดหรอกหรือคะ ว่าเด็กอย่างแม่นั่นจะสามารถทำงานใหญ่ระดับนี้ได้ยังไง”
ดูเหมือนเธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่ายังมีอีกคนอยู่ในห้อง
“งานของเราเป็นหมื่นๆ ชิ้น บริษัทนั่นจะทำให้ได้ยังไงกันคะ ในเมื่อลูกจ้างนับเท่าไหร่ก็มีไม่ถึงสิบคน”


“ฉันคง...ต้องขอตัวก่อน” มาวินลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน
“มีอะไร ไว้ค่อยโทรฯ คุยก็แล้วกัน” นาทีนั้นเขาไม่คิดจะกล่าวลาเจ้าหล่อนด้วยซ้ำ
เสียงประตูที่ปิดลงทำให้อารมณ์ของปรมัตถ์ที่พยายามข่มเอาไว้สิ้นสุดลงด้วย


“ถามจริงๆ เถอะ คุณว่างมากนักหรือไง” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าบอกให้รู้ว่าโกรธจัด
“ผมว่าคุณควรเอาเวลาไปจัดการเรื่องงานของแผนกตัวเองจะดีกว่า ในเมื่อไม่ใช่กงการอะไรของคุณ ก็อย่าได้เสียเวลาไปกับมัน” บอกน้ำเสียงกระด้าง


“อีกอย่าง บริษัทนั่นเคยรับงานบริษัทใหญ่ๆ มาแล้วหลายหน และเขาก็คงไม่คิด ‘ฆ่าตัวเอง’ ด้วยการกระทำอย่างที่คุณว่ามาแน่ๆ“ กล้าพูดเช่นนั้นเพราะเขาเองได้ดูพอร์ตฟอริโอของกล้าประดับที่เคยทำกับบริษัทอื่นๆ มาเสนอแล้ว


“หึ…ผมว่าคนที่คุณให้ไปสืบทำงานไม่คุ้มกับเงินสักเท่าไหร่เลยว่ามั้ย”
คนอย่างเธอรู้ดีว่าเมื่อใดควรลุกหรือเวลาใดควรตั้งรับ
“ก็ได้ค่ะ หากคุณยังยืนยันให้ที่นั่นทำ แต่หากเกิดเรื่องเสียหายคุณคงไม่ลืม ว่าหงส์ได้เตือนคุณไว้แล้ว” บอกขณะเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง


ทั้งที่เจ็บใจอย่างบอกไม่ถูกต่อคำเหน็บแนมของอีกฝ่าย แต่นาทีนี้เธอกลับต้องเก็บทุกอย่างไว้ให้ลึกที่สุด


ปรมัตถ์เบื่อหน่ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หากเขาต้องอดทนต่อพฤติกรรมของบุคคลที่เพิ่งจากไปจนตลอดชีวิต เขาจะทำได้หรือไม่
สิ่งซึ่งบิดาต้องการคือให้เขาสืบทอดกิจการนี้ตลอดจนได้คู่ครองที่เหมาะสมอย่างเธอคนนั้น ที่ผ่านมาเขาอยู่ในโอวาทโดยตลอด แต่เพราะเหตุใดในยามนี้ถึงยังต้องเก็บเอามาคิด


ปรมัตถ์สลัดความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง ทว่าคำพูดของมาวินกลับเข้ามาก่อกวนจิตใจ
“ถือว่าฉันขอร้อง นายไปดูเธอสักครั้งเถอะนะ”
ทว่า...กระทั่งคนเจ็บออกจากโรงพยาบาล แม้เงาของปรมัตถ์ก็ยังไม่มีมาให้ได้เห็น


เดือนกว่ามาแล้วที่เฌอเอมออกจากโรงพยาบาล และถึงเธอจะยังรู้สึกไม่สู้ดีแต่ยังทนฝืนทำงานทุกวัน
ภาพหญิงสาวในชุดเดรสสีชมพูกรีบบัว ยังมีไม้เท้าเพื่อช่วยเดิน กำลังคร่ำเคร่งกับการสอนงานเด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่ทำให้บุรุษที่มาปรากฏตัวนึกไม่ถึงแม้แต่น้อย



“คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันคะ”
เฌอเอมตกใจจริงๆ เมื่อกลับเข้ามายังห้องทำงาน เพราะภรดี บอกเพียงว่ามีลูกค้ามาขอพบ แล้วเพราะเหตุใดถึงกลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้นี้ไปได้
“ผมตั้งใจมาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกันน่ะครับ” บอกเจตนาอย่างไม่คิดปิดบัง
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวตกอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก


“แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ผมก็จะขอเชิญคุณทานที่นี่ด้วยกัน”
ดูเหมือนเฌอเอมจะยังตั้งตัวไม่ทันกับคำพูดที่ได้ยิน
“ผมสั่งอาหารมาจากร้านโรซ่า มาจัดไว้ที่สวนข้างๆ นี่” เขาเอ่ยถึงร้านอาหารอิตาลีชื่อดังซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของคนเมือง


“ผมเชิญพี่สาวคุณเฌอร่วมโต๊ะกับเราด้วย แต่เธอบอกว่าต้องออกไปติดต่องานข้างนอก” บอกระหว่างเดินนำ
เป็นอีกครั้งที่เฌอเอมถึงกับพูดไม่ออก
“หวังว่าคุณจะชอบนะครับ”


โต๊ะอาหารในสวนสวยด้านข้างออฟฟิส เป็นอีกสิ่งที่เฌอเอมคิดไม่ถึง เพราะบนโต๊ะไม้แสนธรรมดากลับปูด้วยผ้าทอผืนหนา ที่มีทั้งกุ้งอบมะเขือเทศกับพาร์เมซานชีส สลัดมันฝรั่งกับไส้กรอก ซุปเห็ดข้นซึ่งยังร้อนอยู่บนเตาอุ่น แถมท้ายด้วยน้ำพั้นซ์สีมะละกอสุกในเกล็ดน้ำแข็งละเอียด
ทั้งหมดนี้เธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดเช่นใดกันแน่ ที่สำคัญคือภรดีก็กลับทิ้งเธออีกต่างหาก


“ขอให้งานพรีเมี่ยมราบรื่นนะครับ”
มาวินกล่าวระหว่างยื่นช่อเยอบีร่าสีส้มซึ่งแซมด้วยยิบโซฟิลล่าสีม่วงอมชมพูและมิกกี้เมาส์สีแดงสดแสนน่ารักให้กับเธอ
“ทานเยอะๆ นะครับ” บอกอย่างอารมณ์ดีเมื่อนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว


“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าทั้งหมดนี่ เนื่องในโอกาศอะไรกันหรือคะ”
เจ้าตัวสะอึกกับคำถามตรงไปตรงมานั่น เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ‘เด็กน้อย’ ที่มองเท่าไหร่ก็แสนจะไร้เดียงสาจะกล้าถามตรงๆ เช่นนี้ได้
“จริงๆ แล้ว ผมตั้งใจจะเชิญคุณไปเลี้ยงเพื่อขอโทษ และขอบคุณ กับเรื่องทั้งหมดที่เกืดขึ้น แต่…คิดว่าคุณต้องปฏิเสธแน่ๆ” บอกหน้าเจื่อน


“ผมก็เลยถือวิสาสะมาทานที่นี่แทน”
อาการนิ่งเงียบของอีกฝ่ายทำให้มาวินอึดอัดขึ้นมากะทันหัน ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่า สาวหน้าใสเพียงคนเดียวจะทำให้เขาต้องตกอยู่ภายใต้ภาวะกดดันได้ถึงเพียงนี้
“จริงสิครับ งานไปถึงไหนแล้วครับ” ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องการสนทนา แต่เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้นจึงถามออกมาเช่นนั้น


“ทางเราติดต่อเรื่องของวัตถุดิบพร้อมแล้วล่ะค่ะ จะมีก็แต่...ปัญหาของกระดาษสาที่อาจไม่ตรงตามสีที่ต้องการ” เรื่องนี้กำลังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอ
“หมายความว่า...อะไรครับ”
“กระบวนการผลิตแบบภูมิปัญญาท้องถิ่น จะได้สีที่ไม่เหมือนกันน่ะสิคะ” เธอบอกตามตรง


“อาจเนื่องมาจากแสงเมื่อนำขึ้นตาก หรือ...ปัจจัยอื่นๆ อีกร้อยแปด ซึ่งล็อตหนึ่งเขาอาจทำได้เพียงสองร้อยแผ่น เพราะบริเวณที่เขาตากมีเพียงเท่านั้น” ยังคงอธิบายต่อ
“แต่เราสั่งเป็นพันแผ่นขึ้นไป เขาก็เลยต้องทำหลายครั้ง สีที่ได้จึงแตกต่างกันไป อาจเพี้ยนนิดหน่อยก็จริง แต่มองก็เห็นแล้วน่ะค่ะ”
มาวินได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ


“ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ”
“ไม่ทราบสิคะ หากทางฝ่ายการตลาดที่รับงานมีปัญหา...” เรื่องนี้ต่างหากที่เธอกังวล
“คุณไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง”
ดูเหมือนอาหารมื้อนั้นจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า และแม้รสชาติจะถูกปากสักเพียงใดแต่สำหรับเฌอเอมเมื่อไร้ซึ่งอารมณ์เสียแล้ว ก็พาลกลืนแทบไม่ลงคอได้เหมือนกัน
“มีปัญหาอะไร ติดต่อผมได้ตลอดเวลา อีกอย่างคุณควรพักผ่อนให้มากๆ ตราบใดที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง สมองจะแล่นได้ยังไง จริงมั้ยครับ”


มาวินบอกเมื่อเขาเลื่อนเครปเค้กไส้ครีมสดราดด้วยสตอร์เบอรรี่หวานอมเปรี้ยวพร้อมผลไม้สดอีกจานใหญ่มาวางแทนที่ของคาว
“หวังว่าครั้งหน้า ผมคงมีโอกาสได้เลี้ยงคุณจริงๆ สักมื้อนะครับ” บอกอย่างอารมณ์ดี
รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้ารูปไข่ทำให้มาวินใจชื้นขึ้นทันใด
“คุณคงไม่ว่าหากผมจะแวะมาที่นี่บ่อยๆ”


“ที่บริษัทงานไม่ยุ่งหรอกหรือคะ หรือว่าตำแหน่งของคุณสามารถโดดงานได้บ่อยๆ คะ”
คำถามนั้นของเธอประกอบกับสายตาที่จ้องตรงๆ ทำให้ชายหนุ่มหนาวๆ ร้อนๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าตัวได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน
“ก็…ไม่เชิงหรอกครับ วันนี้ผมเผอิญมาติดต่องานแถวนี้ ก็เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยมคุณที่นี่ด้วย”


“ขอโทษนะคะ คงไม่เป็นการเสียมารยาท ที่จะถามคุณว่า คุณเป็นใครกันแน่”
เป็นอีกครั้งที่มาวินคาดไม่ถึงกับคำถามที่ตรงไปตรงมานั่น
“คุณก็เห็นนามบัตรของผมแล้วไม่ใช่หรือครับ” ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ผู้ประสานงานองค์กร มีหน้าที่จัดการและดูแลสารทุกข์สุขดิบของ ‘คู่ค้า’ ด้วยงั้นหรือคะ”


ครั้งนี้เขากลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ไม่ทุกรายหรอกครับ สำหรับคุณ เป็นกรณีพิเศษอย่างที่สุด เพราะเหตุใด คุณย่อมรู้ดีอยู่แล้ว” บอกน้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดกับใครก็ได้ หรือเกิดได้ทุกวัน เพราะฉะนั้น…ทางเราจึงอยากชดใช้ และทำทุกอย่างให้คุณรู้สึกดีที่สุด”


“แต่ทุกอย่างคุณก็ได้ชดใช้แล้ว ด้วย ‘เงินทำขวัญ’ ก้อนนั้น ตลอดจนอนันอุตสาหกรรมก็ได้ให้โอกาสกับกล้าประดับได้รับการคัดเลือกในการเสนองานครั้งนี้ด้วย สรุปก็คือ ทางคุณได้ชดใช้จนหมดสิ้นแล้ว” กล่าวอย่างไม่เกรงใจ
มาวินถึงกับพูดไม่ออกกับสิ่งที่ได้รับฟัง นาทีนี้เขาไม่แปลกใจเลยว่า เหตุใดหญิงสาวซึ่งดูบอบบางทั้งรูปร่างและหน้าตา จะสามารถเดินมาจนถึงจุดนี้ได้ในฐานะเจ้าของกิจการ


“อีกอย่าง ทั้งดอกไม้ และกระเช้าเยี่ยมทางคุณก็ไม่จำเป็นต้องส่งมาให้แล้วนะคะ”
มาวินได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“เอาเป็นว่า เรามาถกเรื่องนี้กันใหม่ในวันหลังแล้วกันนะครับ พอดีบ่ายสองผมมีประชุมที่โรงงาน” เอาตัวรอกหน้าตาเฉย
“งั้น...คราวหน้า ดิฉันจะเป็นคนเลี้ยงขอบคุณ คุณเองตกลงมั้ยคะ” เธอบอกพร้อมรอยยิ้ม


เขาไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ เธอพูดเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งเขานึกไม่ถึงแม้แต่น้อย
“และหากคุณจะถามว่าเลี้ยงในโอกาสอะไร ดิฉันก็จะตอบว่า ในโอกาสที่ได้งานจากบริษัทของคุณ”
มาวินหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


“คุณคงไม่คิด ติดสินบนเจ้าพนักงานอย่างผมหรอกนะครับ”
รอยยิ้มอย่างเปิดเผยปรากฏยังริมฝีปากของเฌอเอมอีกครั้งพร้อมแววตาระยิบระยับ
“ก็ไม่แน่หรอกนะคะ”
ระหว่างทาง...คนขับรถได้แต่มองดูจากกระจกมองหลัง เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มอารมณ์ดีด้วยเรื่องใด แต่ที่แน่ๆ รอยยิ้มยังไม่จางหายแม้จะออกจากบริษัทนั่นมาไกลแล้ว


“คุณเฌอคิดว่ายังไงคะกับคุณมาวินนั่น”
เสียงที่ดังใกล้ตัว ทำเอาเฌอเอมถึงกับสะดุ้ง เพราะแม้เธอจะจับจ้องอยู่กับเครปเค้กไส้ครีมสดที่ท็อปปิ้งคือแยมสตอร์เบอรรี่อันชุ่มฉ่ำ ทว่าใจไม่ได้อยู่กับตัวแม้แต่น้อย
“คุณรดี ตกใจหมดเลยค่ะ”


แท้จริงแล้วภรดีไม่ได้ไปไหน แต่เพราะไม่ต้องการรับบทพี่สาวตามที่คุณหนูต้องการจึงเลี่ยงการต้องรับประทานอาหารร่วมกันนั้นเสีย
“ไม่ต้องบอก คุณเฌอก็คงทราบว่าเขาต้องการอะไร” รดีกล่าวระหว่างนั่งลงตรงข้ามคู่สนทนา


รอยยิ้มขำๆ ปรากฏยังใบหน้าของคุณหนูแวบหนึ่ง
“คุณรดีคิดว่าเขาต้องการอะไรล่ะคะ”
“คนหนุ่ม ที่ทั้งโทรฯ มาถามข่าวคราว ทั้งส่งดอกไม้และของเยี่ยมทุกอาทิตย์ หลังออกจากโรงพยาบาลมาเป็นเดือน ไม่เรียกว่ามาติดพันหญิงสาว ก็คง…ไม่ทราบจะเรียกว่าอะไรแล้วล่ะค่ะ”


ครั้งนี้เฌอเอมถึงกับหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน
“คุณรดีอาจเข้าใจผิดก็ได้นะคะ เพราะจริงๆ แล้วเขาเพียง ‘ทำหน้าที่แทน’ คนที่เฌอช่วยชีวิตเขาไว้ ก็เท่านั้น”
“คุณเฌอคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือคะ” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าไม่เชื่อ


"ของฟรีไม่เคยมีในโลก จริงมั้ยคะ เขาทำดีกับเรา เพราะเรื่องของผลประโยชน์ ก็เท่านั้น" เฌอเอมย้ำอย่างตั้งใจ
“เฌอหวังว่า เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ คุณรดีคงไม่นำไปเล่าให้ท่านฟังหรอกนะคะ” กล่าวน้ำเสียงเย็นเยือก


“คุณเฌอคิดว่าพี่เป็นคนอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ” น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ
“พี่มีหน้าที่เฉพาะช่วยดูแลเรื่องธุรกิจของคุณหนูเท่านั้น เช่นเดียวกับเตชิต ที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนเรื่องส่วนตัวรับรองค่ะ ว่าพี่จะไม่นำไปพูดกับท่านอย่างเด็ดขาด” บอกน้ำเสียงเข้ม


“โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่กว่าที่พี่ควรจะรายงานให้ท่านทราบหรอกหรือคะ”
คำพูดนั้นทำให้เฌอเอมได้คิด


“เฌอขอโทษค่ะ” น้ำเสียงเบาราวกระซิบ รู้สึกผิดจริงๆ
“ถึงเราเพิ่งพบกันได้ไม่เท่าไหร่ แต่พี่ก็ขอบอกว่า หวังดีกับคุณเฌอจากใจจริง ซึ่งพี่ก็เชื่อว่าคุณเตก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับพี่”
เป็นอีกครั้งที่เจ้าตัวถึงกับพูดไม่ออก


“จะว่าไป ทั้งพี่และคุณเตก็ยังไม่เคยได้พบท่านเลยสักครั้ง จะมีก็เพียงเลขาท่านเท่านั้นที่ติดต่อมา เพราะฉะนั้นคุณเฌอก็อย่าได้กังวลเลยนะคะ สู้เอาเวลาไปคิดดีไซน์งานจะดีกว่า”
รอยยิ้มเจื่อนๆ จากเจ้าของบริษัทไม่อาจบอกได้เลยว่ากำลังคิดสิ่งใดในใจกันแน่
“จริงสิคะ เมื่อครู่คุณยายโทรฯ มา บอกว่าติดต่อคุณเฌอไม่ได้” ภรดีเปลี่ยนเรื่องเสีย


“อันที่จริงทุกอย่างก็ลงตัวหมดแล้ว พี่ว่าคุณเฌอกลับไปพักที่บ้านสักสองสามวันก็ได้นะคะ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ทางนี้พี่ดูแลอยู่ทั้งคน” บอกอย่างหวังดี
“จะได้ไปดูด้วยไงคะ ว่าทางนั้นได้คนตามที่เราต้องการหรือเปล่า”
“แต่…หากคุณยายเห็นเฌอตอนนี้…” พูดเช่นนั้น เพราะตัวเองยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน


“อย่ากังวลไปเลยค่ะ พี่เรียนท่านแล้วว่าคุณเฌอน่ะขาแพลง”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะ

พบกับ หนึ่งในรัก ในตอนที่2 แล้วนะคะ
หวังว่าเพื่อนๆ จะสนุก และชื่นชอบนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ
ขอบคุณสำหรับในตอนที่แล้ว ที่มีท่านผู้อ่านกดlike ให้ด้วยนะคะ จุ๊บ จุ๊บ


ด้วยรักจากใจค่ะ
กรยุพา





กรยุพา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2555, 09:28:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2555, 09:29:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1807





<< 1 กรยุพา . ยุพากร   กรยุพา . ยุพากร >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account