หวานรักละมุนใจ
เรื่องราวแสนวุ่นเกิดขึ้นเมื่อน้องสาวขี้หวงประกาศลั่นไม่ยอมให้พี่ชายมีแฟน "ชาตินี้ทั้งชาติโต๋จะต้องอยู่กับเค้า ดูแลเค้าไปตลอดชีวิต!" ติณณะกุมขมับ โธ่ เขาอายุสามสิบแล้วนะ ไม่มีแฟนตอนนี้จะให้ไปมีตอนไหนวะ ?!
Tags: โต๋, เต๋, มณชยาภา,หวาน,นิยายหวาน,พี่ชาย,น้องสาว,น่ารัก

ตอน: III : Sweet Love (1)


จักราวุธจึงรู้สึกตัว คลายวงแขนที่กอดรัดร่างเล็กออก

ติณณาหมุนตัวมาพลางขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีก ระหว่างเพ่งมองใบหน้าคมคาย

“พี่วุธจริงๆ เหรอเนี่ย”

“จริง...” คนถูกทักใช้มือปัดเศษขนมซึ่งติดอยู่ข้างแก้มออก “คงเป็นเพราะพี่หล่อขึ้น เต๋เลยจำไม่ได้”

“แหวะ”

ติณณาและจักราวุธหันมามองคนทำเสียงเหมือนอาเจียนพร้อมกัน

“โต๋เป็นอะไรน่ะ อาหารเป็นพิษเหรอ” น้องสาวถาม

ส่วนคนเป็นเพื่อนหัวเราะคิก รู้ทันว่าไอ้ตัวดีมันหวงน้อง...โธ่! แล้วทำบ่นว่าน้องหวงตัวเอง

“ไอ้โต๋มันไม่ได้อาหารเป็นพิษหรอกเต๋ มัน...”

“อะแฮ่ม!” คนโดนนินทาระยะเผาขนกระแอมกระไอขัดขวางคำพูดของจักราวุธ เขาจึงยักคิ้วนิดๆ ก่อนจะพูดต่อโดยไม่สนใจท่าทางขึงขังของติณณะ

“มันแค่หงุดหงิดที่พี่หล่อกว่ามัน ใช่ไหมวะไอ้โต๋”

คนหล่อน้อยกว่าทำท่าฮึ่มฮั่มใส่คนหล่อมากกว่าอย่างฝากไว้ก่อน แล้วหันไปบอกน้องสาวตัวเอง

“วันนี้เต๋กลับบ้านเองนะ”

ติณณาขมวดคิ้ว

“แล้วโต๋ไม่กลับบ้านหรือไง...หรือว่าจะไปหลีสาว ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้ต้องพาติ๊ดตี่ไปฉีดยา”

“เปล่าๆ โต๋ไม่ได้ไปไหน อยู่ที่ทำงานนี่แหละ พอดีวันนี้โต๋ต้องเตรียมงานที่จะไปดูไร่กาแฟของเราที่ชุมพรไง”

“เออใช่...โต๋บอกเค้าแล้วนี่เมื่อวันก่อน โต๋ต้องไปวันไหนนะ”

“วันศุกร์นี้แหละ”

“ว้า...ถ้าเป็นศุกร์นี้ เค้าก็ไปด้วยไม่ได้น่ะสิ”

พี่ชายตีหน้าขรึม ระงับอารมณ์ตื่นเต้นไว้สุดความสามารถ

“ทำไมล่ะ”

“ก็เต๋มีนัดต้องส่งขนมให้ลูกค้าน่ะสิ เอ...หรือจะยกเลิกดีนะ”

“แล้วแต่เต๋สิ” ติณณะว่า พลางหวั่นใจเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะตามไปเป็นมารคอหอยเขาและตรีญดา

คนเป็นน้องนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เค้าคงไปไม่ได้หรอก ถ้าเค้าไป เค้าก็ต้องพาติ๊ดตี่ไปด้วย เค้าสงสารติ๊ดตี่...ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่ โต๋ไปคนเดียวก็แล้วกัน งั้นเค้าไปล้างตัวก่อนนะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว...”

“อืมๆ” ติณณะรับคำหน้าขรึม ทั้งที่ในใจกระโดดโลดเต้นเป็นจังหวะสามช่าแล้วด้วยซ้ำ นึกขอบใจแมวเปอร์เซียตัวอ้วน สีเทาดำ หน้ามู่ทู่ อยู่ในใจ...ขอบใจจริงๆ ไอ้ติ๊ดตี่ที่แกป่วยตอนนี้

คนที่นิ่งเงียบอยู่ในวงสนทนามานาน เอ่ยขึ้น “แกจะไปชุมพร แกก็ไปเหอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ ฉันจะมาช่วยดูแลเอง”

ติณณะหรี่ตามองคนเสนอตัวอย่างไม่ไว้ใจ “ถ้าให้เลือกระหว่างทิ้งเต๋ไว้คนเดียวกับให้แกช่วยดูแลเต๋ ฉันเลือกอย่างแรกดีกว่าว่ะไอ้วุธ”

“เฮ้ย! ฉันไว้ใจได้นะเว้ยไอ้โต๋ แล้วอีกอย่างฉันก็รักเต๋เหมือนน้องสาวคนหนึ่งนะ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ใครจะไปคิดอกุศลกันน้องสาวได้วะ”
แม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่จักราวุธกลับไม่มั่นใจสักนิดว่าตัวเองจะไว้ใจได้ ยิ่ง ‘น้องสาว’ โตขึ้นแล้วน่ารักขนาดนี้

“เออ ขอบใจ” ติณณะกล่าวขอบอกขอบใจเพื่อนรัก “แต่ฉันว่าแกไปล้างตัวก่อนดีกว่าไหม เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ เลอะเทอะไปหมด ส่วนฉันขอตัวไปข้างบนก่อนมีเรื่องต้องเตรียมอีกเยอะเลย”



-----------------------------------------------------------------------------

คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ ระหว่างรวบผมยาวที่เปียกม่อล่อกม่อแลกขึ้นเป็นมวย ที่นี่ไม่สะดวกนักในการล้างเศษขนมออกจากผมและลำตัว เพราะถึงแม้จะใช้น้ำลูบออกไปแล้ว แต่ก็ไม่วายมีคราบเหนียวๆ ติดตัวอยู่ดี

“พี่ตั้งโอ๋คะ วันนี้เราคงต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านกันล่ะ โต๋ต้องทำงานเลิกเย็น เต๋ก็ต้องพาติ๊ดตี่ไปหาหมอด้วย โต๋ลืมบอกไว้ ไม่งั้นเต๋ก็เอารถมาเองแล้ว”

“ใช่สิคะ....โอ๊ย! ป่านนี้คงร้องหง่าวๆ ลั่นบ้านแล้วมั้ง เพราะพี่ตั้งโอ๋ก็ไม่อยู่ คุณน้องเต๋ก็ไม่อยู่ น่าสงสารคุณติ๊ดตี่จริงๆ เอ...โทรบอกให้ลุงต้อมขับรถมารับไหมคะ” จรูญศรีถาม

ติณณาส่ายหน้า “ไม่ต้องดีกว่าค่ะพี่ตั้งโอ๋ ลุงต้อมต้องขับวนไปวนมาหลายรอบ สู้เรานั่งแท็กซี่กลับบ้านเองดีกว่า สะดวกดี”

“ให้พี่ไปส่งไหมเต๋”

ชายหนุ่มสุดหล่อที่เพิ่งมีเรื่องกับติณณาเมื่อสักครู่รีบเสนอตัว ทำเอาจรูญศรีถึงกับเคลิ้มตาลอย

“ส่งในใจพี่ตั้งโอ๋เลยได้ไหมอ่ะตะเอง”

จักราวุธยิ้มให้คนถามนิดๆ

วุ้ย! ผู้ชายอะไรวะ ตั้งแต่ตั้งโอ๋เกิดมาเป็นกะเทยจนอายุใกล้จะสี่สิบแล้ว ไม่เคยเจอะเคยเจอผู้ชายหล่อๆ แบบคุณคนนี้เล้ย

“ยิ้มแบบเนี้ย...โอเคช่ายป่ะ” คุณแม่บ้านกระแซะ พลางกระพือขนตาถี่ๆ

“ต้องถามเต๋ครับว่ายอมให้ผมไปส่งหรือเปล่า” ชายหนุ่มว่า หากแต่สายตาปรายไปมองหญิงสาวตัวเล็กผมกระเซอะกระเซิงอีกด้าน

“ไปนะคะคุณน้องเต๋ พี่ตั้งโอ๋ไม่อยากนั่งแท็กซี่ค่ะ กลัวคนขับคิดทำมิดีมิร้ายกับพี่ตั้งโอ๋ เฮ้อ...เกิดเป็นกะเทยสวยก็แบบนี้แหละค่ะ ต้องระวังตัวบ้าง อะไรบ้าง”

คนอาสาไปส่งที่บ้านส่ายหัวดอกแดก เข้าใจทันทีว่าติณณาไปเอาคำพูดแปลกๆ พิลึกกึกกือพวกนี้มาจากไหน

ติณณาขำลีลาและวาจาแม่บ้านสาวประเภทสองจนท้องคัดท้องแข็ง

“ไปก็ไปค่ะพี่วุธ ถ้าอย่างนั้นเราก็ปิดร้านเร็ววันหนึ่งแล้วกันเนอะพี่ตั้งโอ๋เนอะ ไม่ไหวอ้ะ...เหนียวตัวมากๆ” เจ้าของร้านกาแฟบ่นอุบ “อ้อ...เต๋ขอตัวไปบอกโต๋ก่อนนะพี่วุธว่าพี่วุธจะไปส่ง”

“เดี๋ยวก่อนเต๋...” ไม่พูดเปล่า มือของเขายังจับข้อมือเล็กไว้อีกด้วย

“คะ?” หญิงสาวหัวฟูหันมามองหน้าคนรั้งตัวไว้ ขณะที่จรูญศรีสะบัดหน้าพรืดไปอีกทางเพราะไม่อาจทนเห็นภาพบาดตาบาดใจได้

“เอ่อ...” จักราวุธปล่อยมือให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่มีเจตนาจะล่วงเกิน ตอนนี้ติณณาไม่ใช่เด็กหญิงตัวกลมป้อม ผูกผมแกละสองข้าง อุ้มตุ๊กตาอุลตราแมนวิ่งไล่ตามเขากับติณณะอีกแล้ว “คือพี่จะบอกว่าเราไปกันได้เลย พี่บอกไอ้โต๋แล้วล่ะ”

ติณณายิ้มกว้างอย่างน่ารักจนตาหยีเล็กแล้วเดินนำหน้าออกไป คนตัวเลอะที่ยังไม่ได้ล้างเนื้อล้างตัวตามความตั้งใจถึงกับอึ้ง หมุนร่างหมายจะตามคนตัวเล็กกว่าให้ทัน โดยไม่เห็นว่าอะไรขวางทางอยู่ด้านหน้า

“อุ๊ยตาย! คุณคะ เป็นอะไรมากไหมคะนั่น กระแทกเข้าไปได้โครมเบ้อเริ่มเลย” จรูญศรีรีบปรี่เข้ามาดูอาการคนซุ่มซ่ามเดินชนกระจกกั้นกลางร้านอย่างเป็นห่วงเป็นใย

จักราวุธลูบหัวตัวเองป้อยๆ แต่ใบหน้าและริมฝีปากยิ้มละมุนละไม ส่วนหัวใจไม่ต้องพูดถึง...ลอยไปหาคนตัวเล็กกว่าโน่นแล้ว



-----------------------------------------------------------------------------


โชเฟอร์จำเป็นที่มีเศษขนมเค้กติดผมและคราบกาแฟเลอะเสื้อตั้งใจขับรถอย่างมุ่งมั่นมากๆ ไม่หันไปมองคนนั่งข้างๆ เพราะกลัวว่าจะเสียสมาธิ

ถ้าเป็นแบบนี้เขาต้องแย่แน่ๆ คิดไม่ถึงเลยว่ายายตัวยุ่งสมัยเด็กเข้ามาก่อกวนหัวใจเขาได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมาเจอกันได้ไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ

เอ...หรือยายเด็กนี่จะอยู่มาหลายปีแล้วนะ

“จอดค่ะ! พี่วุธ จอดรถก่อน” เสียงใสๆ ดังขึ้นทำให้จักราวุธหลุดออกจากภวังค์หวาน ก่อนจะรีบทำตามที่อีกฝ่ายบอก

“มีอะไรหรือคะคุณน้องเต๋” คุณแม่บ้านเป็นฝ่ายถามแทนคนขับรถซึ่งกำลังขมวดคิ้วเตรียมจะอ้าปากถามเหมือนกัน

“เต๋เห็นตลาดนัดค่ะพี่ตั้งโอ๋ รอตรงนี้กันก่อนนะ เต๋ขอตัวไปหาซื้อเสื้อให้พี่วุธสักตัวก่อน”

ไม่รอคำตอบจากใครทั้งสิ้น ติณณาเปิดประตูรถและเดินข้ามถนนไปฝั่งที่เห็นตลาดนัดทันที

จักราวุธฝากรถไว้กับคุณแม่บ้านซึ่งเกาหัวแกรกๆ อย่างงุนงง ก่อนจะรีบเดินตามติณณาไป

ตลาดนัดตรงหน้าตั้งอยู่บนลานดินหน้าโครงการหมู่บ้านชื่อดัง มีทุกสิ่งทุกอย่างขายตั้งแต่อาหารที่ส่วนใหญ่จะเป็นสำเร็จรูปมากกว่าของสด จนถึงเสื้อผ้า ตุ๊กตา ชุดชั้นใน ของเล่นเด็ก จักราวุธหยุดมองรอบตัวสักครู่ ก่อนจะเดินไปตามทางที่เขาเห็นหลังเธอไวๆ

ติณณากำลังยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่...เท่าที่เขาเห็น ผู้ชายคนนั้นอายุอ่อนกว่าเขาไม่มากนัก แต่คงมากกว่าติณณาเพราะเขายืนใกล้พอที่จะได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่

แล้วทำไมเขาจะต้องทำตัวเสียมารยาทแบบนี้ด้วยวะเนี่ย!

ก่อนจะเถียงกับตัวเองว่าไม่ได้เสียมารยาทแอบฟังสักหน่อย เพียงแต่หยุดยืนใกล้ไปหน่อยเท่านั้นเอง

อีกอย่างนะ...เขาก็แค่สอดแนมพฤติกรรมของอีกฝ่าย เผื่อไม่ชอบมาพากล ไอ้หัวหยิกนั่นมันคิดจะทำอะไรไม่ดีกับยายจอมยุ่ง เขาจะได้ไปบอกไอ้โต๋ให้ระวังๆ น้องสาวมันไว้

จักราวุธเป่าลมหายใจออกจากปาก เมื่อหาเหตุผลมารองรับการเสียมารยาทของตัวเองได้

“วันนี้ขายดีไหมพี่...”

“พอได้นะ วันนี้คนค่อนข้างเยอะ ว่าแต่เต๋เถอะมาทำอะไรที่ตลาดนัด มาซื้อกับข้าวเหรอ”

เขามาทันที่เธอกำลังถามไอ้หัวหยิกอินดี้นั่นพอดี...เท่าที่วิเคราะห์ดูจากสภาพของไอ้หัวหยิกอินดี้เขาคิดว่ามันคงจะเป็นพนักงานบริษัทอะไรสักอย่าง เขามองไม่เห็นเพราะมันคาดผ้ากันเปื้อนลายขวางอยู่ ก่อนจะมองเลยไปที่ร้านของอีกฝ่าย...จริงๆ จะเรียกว่าร้านก็ไม่ถูกต้องนักหรอก เนื่องจากตลาดนัดแห่งนี้เป็นเพียงตลาดนัดชั่วคราว การตั้งร้านขายของจึงต้องเป็นแบบชั่วคราวไปด้วย นั่นคือการตั้งโครงเหล็กสี่ด้าน มีตะแกรงสีดำ แขวนเสื้อผ้าซึ่งมีป้าย SALE สีแดงทั่วร้าน แต่ก็ไม่เถียงว่าป้ายนั่นทำให้ร้านของไอ้อินดี้คนนี้เด่นสะดุดตา

ชายหนุ่มเหมือนจะโล่งใจเมื่อคนที่ติณณาสนทนาด้วยไม่มีเวลาปลีกตัวมาคุยด้วยยาวๆ เพราะมีลูกค้าเข้ามาดูสินค้าตลอดนั่นเอง

ร่างสูงจึงถือโอกาสเขยิบตัวเข้าไปใกล้ติณณา...มากขึ้น...มากขึ้น

“จะซื้ออะไรน่ะเต๋”

เขาถามทันทีที่ติณณาเขย่งหยิบเสื้อคอปกสีม่วงอ่อนเรียบๆ ลงมาจากราวหนึ่งตัว

คนถูกทักสะดุ้ง ก่อนจะถาม “พี่วุธ ตามมาถูกได้ไงอ้ะ ตลาดมันใหญ่มากเลยนะ ทำไมไม่รอที่รถ เต๋ซื้อเสื้อให้พี่วุธเสร็จก็จะไปแล้วเนี่ย”

นั่นสิ...ตลาดมันใหญ่มากเลยนะ เขาตามเธอมาถูกได้ยังไง

เลิกคิดไปก่อน นี่ไม่ใช่เวลามาหาคำตอบเรื่องนั้น

“แต่มาก็ดีนะ...ไหนๆ ให้เต๋ดูสิ ไปอยู่เมืองนอกมานาน โตขึ้นเยอะหรือเปล่า” ติณณายกเสื้อขึ้นเทียบกับร่างสูงใหญ่แบบห่างๆ ตัวของจักราวุธยังเลอะเทอะอยู่เลย อีกอย่างเธอก็ไม่อยากให้เสื้อของรุ่นพี่เลอะด้วย

“โอ้โห! พอดีเลยแฮะ เต๋เลือกของเก่งเหมือนกันนะ พี่ตรีคะ...ตัวนี้ราคาเท่าไหร่เอ่ย” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปหารุ่นพี่หนุ่มเจ้าของร้านเสื้อ พลางถามราคาเสียงอ่อนเสียงหวาน จักราวุธได้ยินแล้วหมั่นไส้ยังไงพิกล

ตรีทศเหลียวหน้ามาหารุ่นน้องสาวที่ช่างพูด ช่างเจรจาจนเขา...อดไม่ได้ที่จะหลงรัก แต่เมื่อมองเลยมาทางชายหนุ่มตัวโต หน้าบึ้ง และถ้าเขามองไม่ผิด เขาเห็นอีกฝ่ายถลึงตาใส่เขาอีกด้วย

เจ้าของร้านขายเสื้อในตลาดนัดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกราคาด้วยดวงตาระยิบระยับพริบพราว

“พี่คิดราคาพิเศษให้เต๋ก็แล้วกัน ปกติพี่ขายอยู่ห้าร้อยเก้าสิบ พี่คิดเต๋แค่สองร้อย เอาแค่ราคาทุนพอ” ตรีทศบอกเสียงนุ่ม

ส่วนคนเสื้อเลอะเบ้ปากอย่างหงุดหงิด ไอ้เวร! คิดจะจีบผู้หญิง แต่ไม่คิดจะลงทุน

ติณณายิ้มกว้างที่ซื้อเสื้อสวยๆ คุณภาพดีๆ ได้ในราคาที่ถูกแสนถูก แต่คนหน้าบึ้งไม่คิดอย่างนั้น เขาคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาและหยิบธนบัตรที่คว้าได้ยัดใส่มือคนขายเสื้อไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“เอาไป แล้วไม่ต้องทอน! ไปเต๋...กลับบ้านได้แล้ว”

หญิงสาวอ้าปากหวอ ไม่ทันได้ล่ำลากับตรีทศเลย เพื่อนพี่ชายก็ลากเธอออกจากร้านขายเสื้อของรุ่นพี่หนุ่มแล้ว โดยไม่สนใจเลยว่าไอ้หัวหยิกอินดี้ที่เขาตั้งฉายาให้จะมองตามด้วยแววตาที่เศร้าสร้อยเพียงใด



----------------------------------------------------------------------------


“เดี๋ยวสิพี่วุธ หยุดก่อน หยุดนะ!” ติณณาพยายามสะบัดข้อมือเมื่อโดนลากมาจนถึงโซนขายอาหารที่เชื่อมออกไปยังถนนด้านนอกซึ่งรถของเขาจอดอยู่

“ไม่หยุด เต๋นี่นะ...เป็นผู้หญิงยิงเรือไปยืนคุยกับผู้ชายแบบนั้นได้ยังไงกันน่ะ” คนอายุมากกว่าสั่งสอน “ถ้ามากับไอ้โต๋ มันต้องทำเหมือนที่พี่ทำแน่ๆ”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ซื้อของเสร็จก็จะกลับอยู่พอดีแหละ” แม่ตัวดีบอกเสียงอ่อยๆ

“แล้วบอกให้พี่หยุดทำไม” จักราวุธถาม

“เต๋เห็นมีร้านสาคูไส้หมูอยู่ตรงโน้นอ่ะพี่วุธ ขอเต๋ไปซื้อแปบนึงนะ ติ๊ดตี่ชอบกินสาคูไส้หมูมากๆ” ติณณาอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานจนคนถูกอ้อนยอมตามใจ ปล่อยข้อมือนุ่มแต่โดยดี

“ไป...เดี๋ยวพี่จะพาไป อยู่ตรงไหนล่ะ”

ติณณาดีใจ ยิ้มหวานๆ จนตาหยีเล็ก...นี่เองเสน่ห์ของสาวน้อยตรงหน้า...น่ารัก เป็นธรรมชาติ ไม่เคยเสแสร้ง ดีใจก็บอกดีใจ เสียใจก็บอกเสียใจ

จักราวุธมองตามร่างบางแล้วกระตุกยิ้มนิดๆ ไม่สนใจคนเดินผ่านไปผ่านมาแล้วหยุดมองความเลอะเทอะของเขาเลย



-------------------------------------------------------------------------------


บ้านไม้สองชั้นสีขาวหลังคาสีชมพูสไตล์วินเทจคงจะมีเพียงหลังเดียวในแถบนี้ จักราวุธมองสวนน้ำตกเล็กๆ แล้วยิ้ม จำได้ว่าตอนเด็กเขาเคยวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสวนเล็กๆ แห่งนี้

เขาติดติณณะมาก หลังเลิกเรียนเขาจะตามติณณะกลับบ้านด้วยทุกครั้ง ด้วยความที่ฝ่ายนั้นเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขาให้ความไว้ใจ เพราะตั้งแต่พ่อแม่ของเขาแยกทางกัน ต่างคนต่างไปมีคนรักใหม่ จักราวุธก็ไม่อยากกลับบ้าน เขาไม่ชอบครอบครัวแบบนั้น ในตอนนั้นเขารู้สึกอิจฉาติณณะและติณณามากๆ ที่มีครอบครัวพร้อมบริบูรณ์ แต่เมื่อพ่อแม่ของทั้งสองเสียชีวิตลง ติณณะก็คุยกับเขาน้อยลงด้วยความที่ต้องเข้าไปเรียนรู้ระบบบริหารการจัดการของบริษัทธาราริน...และเป็นช่วงเดียวกับที่เขาตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ

เหมือนติณณะจะรู้ว่าเขาโกรธที่ตัวเองไม่ค่อยได้ติดต่อ พูดคุยเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตดังเช่นเมื่อก่อน จึงบินไปหาเขาถึงหอพัก ก่อนจะนั่งรอเขาอย่างอดทนที่หน้าหอพักเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า

จักราวุธจำได้แม่นว่าถามติณณะออกไปว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ อีกอย่างเขาก็เข้าใจว่าพ่อแม่ติณณะเพิ่งจะเสียชีวิต คงไม่มีเวลามาร่าเริงหรือใส่ใจอะไรกับใครนักหรอก ทว่าติณณะยิ้มให้เขา...จับไหล่เขาบีบแน่นเหมือนให้คำสัญญา พร้อมกับเอ่ยประโยคที่เขาจะจดจำไปจนวันตาย

‘ฉันต้องมา เพราะแกมีฉันเป็นเพื่อนแค่คนเดียว...ฉันจะไม่ยอมให้เราสองคนต้องเข้าใจผิดกัน’

ตั้งแต่นั้นมาจักราวุธก็ติดต่อติณณะอยู่เสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นทางอีเมล์เพราะเป็นวิธีที่สะดวกด้วยกันทั้งสองฝ่าย แทบจะเรียกได้ว่าเขาและติณณะเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดีแม้จะอยู่ห่างไกลกันอีกซีกโลกก็ตาม

“พี่วุธคะ...”

เป็นอีกครั้งที่เสียงใสๆ ของน้องสาวเพื่อนรักดังขึ้นฉุดเขาออกมาจากภวังค์

“หือ...มีอะไรหรือเต๋”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าเต๋จะมาชวน...เอ่อ...”

จักราวุธรอฟังคำชวนอย่างใจจดใจจ่อ

ติณณาหน้าแดง ถึงจะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ต้องทำร่วมกัน แต่ไม่รู้สิ...เธอรู้สึกเขินๆ ถ้าต้องพูดออกไป

“เต๋จะชวนพี่ไปไหน” เขาถาม แววตาแวววาวเหมือนจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะชวนเขาไปทำอะไร

“เต๋...จะชวนพี่วุธไป...เอ่อ...ไป...” ติณณาเขินจัด แก้มใสฉาบด้วยสีกุหลาบแดงระเรื่อ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น “ไป...ไปอาบน้ำค่ะ”

“ให้พี่อาบที่ห้องโต๋ใช่ไหม”

ไม่รู้ผีหื่นตัวไหนดลใจให้เขาถามอีกฝ่ายออกไปแบบนั้น

“ก็ต้องอย่างนั้นสิพี่วุธ จะอาบห้องเดียวกับเต๋หรือไง”

พูดออกไปแล้วติณณายกมืออุดปากแทบไม่ทัน...แก้ไม่หายจริงๆ ไอ้นิสัยปากไวนี่

“โอ๊ย! ไม่ต้องชวนหรอก ถึงยังไงพี่ก็ไม่อาบกับปลาหมึกตากแห้งเด็ดขาด” จักราวุธว่า ก่อนจะเดินหนีเข้าปากพร้อมกับผิวปากหวือ ทิ้งให้คนมาชวนไปอาบน้ำกระทืบเท้าเร่าๆ อยู่ในสวนคนเดียว

เพราะถ้าไม่เดินหนี เขาไม่รู้จะอดใจไม่อุ้มติณณาเข้าไปอาบน้ำ ‘ด้วยกัน’ ได้หรือเปล่า

ยอมรับกับตัวเองเต็มๆ เลยว่าเขาหลงรักยายเด็กแสบนี่เข้าไปแล้วเต็มเปา!


-----------------------------------------------------------------



มณชยาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2555, 11:15:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2555, 11:40:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1301





<< II : รักครั้งแรก   IV : Sweet Love (2) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account