เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๘ ความเปลี่ยนแปลง ๒/๒

เย็นวันศุกร์สุดสัปดาห์หลังเลิกงาน มุกดานัดลลิตพรรณมาเจอบริเวณลานจอดรถที่ทำงานของหล่อน สาวหน้าหมวยมาก่อนเวลานั่นราวสิบนาที หล่อนสวมเสื้อยืดสบายๆสีขาว กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินพร้อมคล่องตัวออกเที่ยว เอนหลังบนเบาะฝั่งคนขับ เอานิ้วเคาะพวงมาลัยรถตามจังหวะเพลงร็อคที่เปิดดังเผื่อแผ่ไปถึงคนนอกรถ มุกดาไม่ได้บอกหล่อนล่วงหน้าว่าจะชวนไปไหน เมื่อเจ้าตัวเดินมาเคาะกระจกเป็นสัญญาณเตือนว่ามาถึงแล้ว ลลิตพรรณจึงรีบเสนอ

“ไปกินผัดไทประตูผีกันไหม..”
แล้วหญิงสาวก็เกือบตั้งหลักไม่อยู่ แทบเอาหัวโขกกระจกที่เพิ่งลดระดับลง เพราะมุกดาบอกทันควันแบบไม่เสียเวลาพิจารณาคำเชิญชวนของเพื่อนซี้

“ไปหาพี่เขียว..ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์กินอะไรทั้งนั้นแหละ”
“นึกยังไงหล่อน..ไปหาทำม้าย”

ลลิตพรรณลากเสียงยานคาง ไม่ใช่ว่ารังเกียจการไปเยี่ยมเยือนพี่สาวของเพื่อนรักที่ตึกเก่าซอมซ่อหลังนั้น แต่วันนี้หล่อนยังไม่ได้รองท้องทานมือเย็นมาก่อนออกจากบ้าน ตั้งใจเต็มที่ว่าจะขับรถมองหาสวนอาหารบรรยากาศดีแถวนี้ ยิ่งนึกถึงระยะทางที่ยาวไกล กว่าจะไปถึงบ้าน “พี่เขียว” หล่อนก็คอตก ดวงตาที่เล็กอยู่แล้วยิ่งหยีลงจนแทบจะปิด เหมือนคนง่วงหง็อย

“นี่ฉันจริงจังนะจอย คนกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ”
เมื่อเพื่อนรักทำเสียงจริงจังยิ่งกว่าคำบอกกล่าว บวกกับสีหน้าเคร่งเครียด ไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ลลิตพรรณก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ

“ฉันขอโทษ..” หญิงสาวเอ่ยอย่างสำนึกผิดที่ทำเป็นเล่นกับความรู้สึกของเพื่อน “แล้วเธอโทรบอกพี่เขียวเค้ารึยัง?”

มุกดาส่ายหน้าแววตาเซื่องซึม

“แล้วแน่ใจหรือว่าไปแล้วจะเจอ?”

สาวน้อยที่ตายังมีรอยแดงช้ำ ส่ายหน้าอีกครั้งพร้อมกับเสียงที่เบาเหมือนเจ้าตัวกำลังเหม่อลอย

“ไม่รู้..”

ลลิตพรรณเห็นท่าจะไม่ได้การ หากมัวแต่ถามคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อารมณ์ไม่ปกติแบบนี้ไปเรื่อยๆ มืดค่ำก็คงยังปักหลักกันอยู่ที่เดิม

“เอาล่ะๆ ไปก็ไป รีบขึ้นมานั่งซี ฉันไม่ได้ล็อก”

มุกดาขยับจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานของหล่อนกำลังยืนคุยกับใครบางคนที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเร็วๆนี้ บริเวณช่องจอดรถเบื้องหน้า ถัดจากที่หล่อนยืนอยู่ไม่กี่สิบก้าว เห็นจากตรงนี้ก็ยังสัมผัสได้ว่ามีความเคร่งเครียดในสีหน้าและท่าทาง มุกดานึกอยากจะเข้าไปขอบคุณเขาเรื่องเมื่อวาน หล่อนจึงยืนเกาะขอบกระจกรถอยู่อย่างนั้น รอเวลาให้เขาคุยธุระกับนักธุรกิจผู้นั้นเสร็จก่อน จึงเดินเข้าไปหา


จากที่รู้สึกเพียงคุ้นตา หญิงสาวก็ได้ชัดแจ้งเมื่อชายสูงวัยในชุดสูทคนนั้นหันหน้ามามองหล่อนตรงๆ อย่างคนที่รู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามอง มุกดาจำได้ว่าเดินสวนกับเขาในลิฟท์เมื่อวานนี้

ใบหน้าของเขาค่อนข้างเหลี่ยม ผิวขาวเหลือง รูปร่างค่อนข้างท้วมอย่างคนที่กินอยู่สมบูรณ์ตามฐานะ ดวงตากลมใหญ่ใต้กรอบแว่นขอบสีชามองหล่อนอย่างเพ่งพินิจ เห็นได้จากการยกมือขึ้นมาขยับแว่นออกห่างเล็กน้อย เขาจับจ้องหล่อนอยู่นานจนหญิงสาวรู้สึกกระดาก ต้องก้มหน้าหลบตา รังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากที่ไกลถึงขนาดทำให้หล่อนขนลุก ทว่าเพียงไม่กี่อึดใจ หล่อนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่เห็นชายสูงวัยแต่งกายภูมิฐานคนนั้นแล้ว หญิงสาวจึงรีบเดินตรงไปหากฤษดาเมื่อได้จังหวะเหมาะ

“สวัสดีค่ะคุณกฤษดา..ฉันไม่เห็นหน้าคุณเลยตั้งแต่เช้า”

มุกดาร้องทักเสียงสดใส ยิ้มกระจ่างทำให้ใบหน้าหม่นหมองเมื่อครู่สดชื่นขึ้นเป็นคนละคน กฤษดาหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก หากหญิงสาวไม่ได้อุปาทานไปเอง หล่อนรู้สึกว่าไหล่เขากระตุกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง เหมือนตกใจเมื่อหันมาเจอหล่อน

“คุณมายืนอยู่ตรงนี้นานหรือยัง?”
คำถามนั้นทำให้มุกดารู้สึกแปร่งหูเล็กน้อย ทว่าหล่อนก็ไม่ได้ความสนใจมากนัก หญิงสาวบอกพร้อมรอยยิ้มที่ยังกระจ่างใส

“เพิ่งมาถึงค่ะ..ฉันแค่อยากจะมาขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องเมื่อวาน คุณทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก”
กฤษดาปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติได้แล้ว เขายิ้มพรายที่มุมปาก ก่อนเอ่ยทีเล่นทีจริง

“เล็กน้อยครับ...คราวหลังถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอีก เรียกใช้ผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”


การจราจรอันแออัดทำให้ลลิตพรรณขับรถมาถึงที่หมายในเวลาเกือบสามทุ่ม มุกดารีบผลักประตูลงมายืนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งนั้น โคมไฟแบบโบราณข้างฝาไม้ส่องแสงเหลืองนวลพอให้เห็นข้าวของจิปาถะภายที่จัดไว้ปะปนกันด้านใน ประตูเหล็กซี่ยังเปิดกว้างรอลูกค้ายามดึกมาเยี่ยมเยือน ทว่าหล่อนยังไม่เห็นวี่แววเจ้าของร้าน หรือบุคคลที่ต้องการพบ

“พี่จ๋า..ชื้ออาติมให้หยูหน่อย”

เด็กหญิงถักเปียเคลียบ่าสองข้างเข้ามาเขย่าข้อมือมุกดาเป็นเชิงขอร้อง หล่อนไม่ทันสังเกตว่าหนูน้อยเดินออกมาจากในร้าน หรือมุมไหน เสียงใสแจ๋ว สะกดคำไม่ชัด ทำให้หล่อนเผลอยิ้ม เพราะภาพตัวเองตอนเด็กๆแวบเข้ามาในห้วงคำนึง

“ไหนจ๊ะ..ไอติม”

มุกดายอบตัวลงนั่งยองๆ จับมือเด็กน้อยไว้เบาๆ เพิ่งเห็นชัดว่าใบหน้านั้นเล็กกลม ดวงตาเล็กรีแบบลูกคนจีน ผิวขาวอมชมพูและแก้มที่ฟูป่องออกมาทั้งสองข้าง ทำให้หล่อนนึกอยากฝังจมูกลงตรงนั้นคงให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มดีไม่หยอก หนูน้อยชี้นิ้วไปเบื้องหน้า เสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งรถเข็นไอศกรีมโบราณทำให้มุกดาถึงบางอ้อ

“นั่นไง อาติม”
“อยากกินอาติมใช่ไหม มา..เดี๋ยวพี่พาไปซื้อ”

มุกดาเลียนแบบเสียงเด็กหญิง ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาไว้แนบอก น้ำหนักที่เบา กับช่วงตัวที่เล็กทำให้หล่อนพาหนูน้อยออกเดินได้อย่างสบายๆ ซึ่งเด็กหญิงผมเปียก็ยอมให้อุ้มแต่โดยดีไม่มีขัดขืน ทว่ายังไม่ทันถึงรถเข็นเป้าหมาย หล่อนก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของใครคนหนึ่งดังแว่วมาจากเบื้องหลัง

“ลูกท้อ..อยู่ไหนลูก มาหาแม่เร็ว มากินข้าวกัน”
เด็กน้อยในอ้อมอกหันขวับไปตามเสียง มุกดาเกือบพลาดทำลูกเขาหล่นพื้นหน้าคะมำ เพราะไม่ทันตั้งตัว

“อยู่นี่จ้ะแม่จ๋า”

หล่อนได้ยินเสียงเพื่อนสาวดังแทรกเข้ามาเกือบติดๆกัน

“เอาลูกใครเขามาอุ้มน่ะ นั่น..แม่เขาเรียกหาใหญ่แล้ว”

“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเด็กมันอยากกินไอติม ฉันเลยจะพาไปซื้อ”
ลลิตพรรณเบะปากใส่เป็นเชิงหมั่นไส้

“ย่ะ..แม่นางงามรักเด็ก”

ก่อนจะพยักเพยิดให้หันไปทางมารดาของเด็กน้อย ที่กำลังยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง
“คืนเขาเสียที เจ้าของชีวิตเขามารอแล้ว”

มุกดาหันกลับมาก็พบหญิงสาวรูปร่างค่อนข้างผอม ความสูงไล่เลี่ยกับหล่อน สีผิวและโครงหน้าแบบเดียวกับเด็กหญิงตัวน้อย

“ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวแม่ค่อยซื้อให้กินพรุ่งนี้ อย่าไปรบกวนพี่เขา”

ผู้เป็นแม่ทำเสียงเอ็ดลูกสาวแบบไม่จริงจังนัก พลางอ้าแขนออกรอให้เด็กน้อยโผเข้ามาในอ้อมกอด หนูผมเปียดูท่าจะไม่ยอมหาแม่ง่ายๆ ยังเกาะไหล่มุกดาแน่นเป็นมือตุ๊กแก

“คุณอยู่บ้านหลังนี้หรือคะ เอ..ไม่ทราบว่ารู้จักพี่เขียวรึเปล่า”

ลลิตพรรณถามอย่างคนช่างสังเกต หล่อนเห็นมารดาเด็กน้อยเดินออกมาจากร้านขายของชำ เดาจากท่าทางทะมัดทะแมง กับหน้าตาสวยปนดุ หล่อนคิดว่าถ้าไม่ใช่เจ้าของร้าน ก็คงเป็นลูกสาวที่คอยคุมคนงานของอาแปะอีกที

“สนิทกันเลยล่ะ ว่าแต่พวกคุณมาหาเขียวหรือคะ”

หญิงสาวตอบเสียงกันเอง ลลิตพรรณเพิ่งสังเกตอีกอย่างคือ ถึงแม้จะหน้าตาสวยดุ แต่เวลายิ้มทีก็พลอยทำให้คนมองรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประหลาด

“เอ๊ะ..นี่น้องไข่มุกรึเปล่าจ๊ะ”
ไม่ทันให้ผู้มาเยือนอธิบาย หญิงสาวก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรออกเมื่อมองมาทางมุกดา

“คุณรู้จักเพื่อนฉันหรือคะ”
ลลิตพรรณถามอย่างแปลกใจ

“พี่ชื่อพิมพลอย เรียกว่าพี่พลอยก็ได้” หญิงสาวร่างผอมถือโอกาสแนะนำตัว ก่อนอธิบายให้กระจ่าง
“พี่เคยได้ยินเขียวเขาเล่าถึงน้องสาวคนเล็กให้ฟัง บรรยายหน้าตาว่าเหมือนสโนไวท์ รวมกับรูปถ่ายตอนเด็กๆที่พี่เคยเห็น ก็เลยคิดว่าใช่คนเดียวกัน”

มุกดาค่อนข้างรู้สึกแปลกอยู่บ้างเมื่อมาถึงโต๊ะทรงกลมตัวใหญ่ มีเก้าอี้ไม้วางเรียงโดยรอบ หลังตู้กระจกสูงเกือบติดเพดานที่ใช้แทนบังตา กั้นสัดส่วนสำหรับไว้เป็นพื้นที่รับประทานอาหารพร้อมหน้าของสมาชิกในร้านกึ่งบ้านพักฉบับตึกแถว

“พี่พลอย” หรือบุคคลที่มรกตเคยทิ้งชื่อไว้เป็นปริศนาว่า พิมพลอย อสุรา..อาศัยอยู่ในร้านขายของชำแห่งนี้มาเกือบสิบปี ในฐานะผู้จัดการฝ่ายขายของ “ลุงกวง” เจ้าของร้านตัวจริง

มุกดาเพิ่งได้เห็นหน้าลุงกวงถนัดๆก็ตอนถูกเชิญมานั่งทานอาหารมื้อดึกร่วมกันในคืนนี้ หล่อนถึงประจักษ์กับคำว่า “ผ้าขี้หิ้วริ้วห่อทอง” อย่างแท้จริง

ชายร่างอ้วน มีพุงยื่นกลมออกมาจนเด่นกว่าใบหน้า สวมเสื้อมีกระดุมผ่ากลาง ลายเหมือนผ้าขาวม้าไว้อย่างหลวมๆ กางเกงแบบชาวเลมีลอยฉีกขาดตรงส่วนปลาย แถมยังมีผ้าปะชุนบ่งบอกกันซ่อมแซมเพื่อในกลับมาใช้ใหม่อยู่หลายครั้ง หน้าตาของแกดูเป็นคนแก่ใจดี มุกดาชอบเวลาแกยิ้ม ตาเล็กหยีแทบจะปิดสนิท เหมือนเพื่อนสาวของหล่อน แต่ลุงกวงหนักกว่าตรงที่มีแก้มอ้วนๆยกขึ้นมาบังอีกชั้น

หญิงสาวได้ฟังพิมพลอยอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับตัวลุงกวง ว่าความจริงแล้วแกเป็นเจ้าของโรงงานอาหารกระป๋องหลายแห่งแถวชานเมือง เรียกว่ามีศักดิ์ศรีระดับเถ้าแก่ มีเงินถุงเงินถังร่วมร้อยล้าน ลุงกวงปฏิบัติต่อคนงาน และพนักงานทุกระดับที่อยู่ในความดูแลของแกเหมือนลูกเหมือนหลาน และค่ำคืนนี้ก็มีหัวหน้าคนงานฝ่ายหญิงคนหนึ่งมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย ลุงกวงอธิบายว่า

“วันนี้อั๊วะใช้งานเค้าดึก ต้องพามาเลี้ยงข้าวต้ม..เดี๋ยวกลับไปหิวแย่”

กับข้าวที่วางเรียงอยู่ห้าหกอย่างบนโต๊ะอาหาร ก็เป็นกับข้าวราคาประหยัด แต่รสชาติดี ข้าวต้มกุ๊ยที่มุกดาตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยคำแล้วคำเล่า ลุงกวงแกก็ชมให้ฟังว่าเป็นฝีมือของมรกต สาวหล่อที่แกประกาศว่านับเป็นลูกบุญธรรมคนโปรดตั้งแต่เห็นแววความขยันในวัยแรกรุ่น

“พี่จ๋าหยูอยากกินอาติม”

“แม่บอกแล้วไงว่าค่อยกินพรุ่งนี้ เดี๋ยวจะซื้อให้ถ้ารีบตื่นแต่เช้า”

คือเสียงหนู “ลูกท้อ” ลูกสาวคนเดียวของพิมพลอยที่อ้อนวอนหล่อนด้วยแววตาน่าเอ็นดู ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะรีบปรามเสียงเขียว แล้วอุ้มหนูน้อยขึ้นไปเตรียมอาบน้ำข้างบน

มุกดาเดินออกมาคุยกับพี่สาวของหล่อนหน้าร้าน เมื่ออาหารมื้อดึกหมดเกลี้ยงไปพร้อมกับความอิ่มท้องของทุกคน ลลิตพรรณขอนอนเอกขเนกบนเตียงผ้าใบรอเพื่อนคุยธุระเสร็จ เปิดโทรทัศน์ดูละครเรื่องโปรดตอนจบไปพลางๆ ซึ่งลุงกวงแกก็อนุญาตอย่างใจดี บอกให้ทำตัวตามสบายเหมือนเป็นบ้านตัวเอง เพื่อนสาวหล่อนที่เคยบ่นว่า..ร้านนี้มันซอมซ่อ จะพังมิพังแหล่ก็ไม่รู้ บัดนี้กลับหน้าตาชื่นบานเป็นสุข พูดคุยกับลุงเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

“น้องของพี่ ต้องมีปัญหาอะไรแน่ ไม่งั้นไม่มาหาดึกดื่นป่านนี้”

มรกตบอกอย่างคนอาบน้ำร้อนมาก่อน เมื่อเห็นน้องสาวซ่อนแววตาอมทุกข์ตลอดเวลาที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ถึงแม้มุกดาจะพูดคุยเล่นหัวสนุกสนาน หรือแกล้งทำเป็นยิ้มฝืน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศครื้นเครงของลุงกวง แต่พี่สาวก็ยังมองหล่อนได้ทะลุปรุโปร่งไม่ผิดกับตอนเด็กๆ มรกตเองที่เป็นฝ่ายสะกิดหลังมุกดาให้เดินออกมาคุยกันข้างนอก

“เรื่องเจ้านายน่ะค่ะพี่เขียว..”

สำหรับพี่สาวคนโต..มุกดาไม่เคยปิดบังแม้แต่ซอกหลืบของความนึกคิด หล่อนมั่นใจว่าทุกเรื่องที่ออกจากปาก ไม่มีวันแพร่งพรายไปให้ใครรับรู้แม้แต่คนใกล้ชิด หากหล่อนบอกเพียงคำเดียวว่า..เรื่องนี้เป็นความลับ

“พี่ว่ามันมีอะไรแปลกๆอยู่นะ ฟังแล้วทะแม่งพิกล”

มรกตออกความเห็นหลังจากนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ เพื่อใช้ความคิดตรึกตรองเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบที่น้องสาวเพิ่งเล่าให้ฟัง

เวลานั้นลมเย็นพัดโกรกเส้นผมไหมละเอียดปลิวสยายเคลียแก้ม มุกดาเห็นรถลีมูซีนคันดำกลืนกับความมืดยามรัตติกาลจอดสนิทเทียบฟุตปาธหน้าร้านอาหารตกแต่งอย่างหรูฝั่งตรงข้าม ชายสูงวัยคนหนึ่งก้าวลงจากรถเมื่อคนขับเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ด้วยท่าทีอ่อนน้อม ใบหน้าค่อนข้างเหลี่ยมนั้นแหงนขึ้นมารับแสงไฟเหลืองนวลพอดิบพอดี มุกดาบอกพี่สาวด้วยความประหลาดใจ

“เอ๊ะ..นั่นคนที่คุยกับคุณกฤษดาเมื่อเย็นนี่”

มรกตหันไปมองตามทิศทางที่มุกดาชี้ชวน ก่อนที่หล่อนจะเบิกตากว้างมองน้องสาวด้วยแววประหลาดกึ่งตกใจยิ่งกว่า

“กฤษดา..คนที่เราบอกว่าแสนดี น่าคบยังงั้นหรือ?”

“ใช่ค่ะ ไข่มุกเห็นเขาคุยกับคุณลุงคนนี้เป็นงานเป็นการเชียว ดูเหมือนมีเรื่องอะไรเครียดๆ”

มุกดาตอบพาซื่อ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่สาวจึงมองหล่อนด้วยหน้าตาเป็นกังวลเช่นนั้น..










ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2555, 22:42:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2555, 21:04:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1662





<< บทที่๑๘ ความเปลี่ยนแปลง ๑/๒   บทที่๑๙ ต้นเหตุความผิดพลาด ๑/๒ >>
wane 22 มิ.ย. 2555, 02:10:32 น.
พี่เขียวคงรู้จักแน่ๆ ว่าคนนั้นเป็นใคร


ศิลาริน 22 มิ.ย. 2555, 08:09:48 น.
^__^


แล่นแต๊ 22 มิ.ย. 2555, 18:53:21 น.
ไข่มุกน้อยระวังตัวนะจ๊ะ นายคนนั้นต้องคิดไม่ดีแน่ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account