วังวนริษยา
แรงรัก แรงริษยา เกาะเกี่ยวเวียนวนจากอดีตสู่ปัจจุบัน
วังวนแห่งพิษรัก ยังคงโอบรัดสิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่ และ รอคอยอยู่ที่...เรือน เจ้านาง
วังวนแห่งพิษรัก ยังคงโอบรัดสิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่ และ รอคอยอยู่ที่...เรือน เจ้านาง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๒
ตอนที่ ๒
เย็นวันนั้น คุณปรีชาได้ให้แม่เอี่ยมจัดโต๊ะอาหารยังศาลาริมน้ำ สายลมเย็นช่วยสร้างบรรยากาศอาหารค่ำวันนั้นให้เย็นสบายและมีความสุขมากที่สุด
เสียงพูดคุยหยกล้อของบิดากับพี่สาวต่างมารดา ทำให้ปวรินแบะปากอย่างนึกรำคาญต่อภาพเหล่านั้น ความอิจฉาริษยาที่มีอยู่ในหัวใจเข้าแทนที่ความดีงามในหัวใจให้หมดสิ้นไปนับตั้งแต่เธอได้รับรู้ว่ามีพี่สาวอีกคนซึ่งคนๆ นั้นคือคนที่บิดาของเธอแบ่งความรักที่มีต่อบุตรสาวซึ่งน่าจะมีเพียงหนึ่งเดียวกลับแบ่งไปเป็นสอง
ไม่ได้...สิ่งที่เธอต้องการคือความรักที่พ่อจะต้องมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
“ตอนนี้น้องแป๋วเรียนอยู่ปีอะไรแล้วคะ” ปรียาหันไปถามน้องสาวซึ่งกำลังแกะกุ้งแม่น้ำกินและเหลือบตามองเธอนิดหนึ่งอย่างไม่สนใจจะตอบคำถามนั้น
“พี่แป้งถาม ทำไมไม่ตอบล่ะลูก” คุณปรีชาหันไปปรามบุตรสาว
ปวรินแบะปากอย่างหมั่นไส้อีกครั้ง ดวงตาคู่สวยซึ่งถูกขีดเขียนจนเกินอายุเหลือบมองบิดานิดหนึ่งและหันไปจ้องปรียาอย่างไม่พอใจสักเท่าไร
“แป๋วไม่อยากจะตอบนี่คะ” ตอบเสียงสะบัด ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต่อไป
คุณปรีชาถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าผู้เป็นภรรยาซึ่งนั่งเงียบอยู่ตรงกันข้ามกับโต๊ะของเขา ก่อนคุณกชกรจะเป็นฝ่ายหันไปปรามลูกสาวทางสายตาและตอบคำถามนั้นแทน
“น้องแป๋วเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่งน่ะหนูแป้ง น้องเรียนไม่ค่อยเก่ง ยังไงก็คงจะต้องให้หนูช่วยดูน้องด้วยนะ” เสียงตอบแม้จะอยู่ในลักษณะของความหวังดี ทว่าปรียากลับมองออกว่าผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งทำเพื่อสร้างภาพของตนเองเท่านั้น
“ยินดีค่ะ มีอะไรก็ถามพี่ได้นะน้องแป๋ว”
เธอยิ้มอ่อนโยนและมองกรอบหน้าสวยเฉี่ยวของปวรินน้องสาว ซึ่งเงยหน้ามองเธอนิดหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตนเอง สักพักจึงลุกขึ้นและเดินออกจากตรงนั้นไปอย่างเงียบๆ
“อาขอโทษแทนน้องด้วยนะแป้ง ที่ทำตัวไม่เหมาะสม” คุณกชกรเอ่ยอีก พร้อมกับรอยยิ้มเฉียบคม
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไม่ถือสาหรอก ยังไงน้องแป๋วก็เป็นน้องของแป้ง...”
“เห็นทีพ่อคงจะต้องให้แป้งช่วยคุณอาอบรมน้องอีกคนเสียแล้วล่ะ” ประมุขของบ้านเอ่ยแทรกขึ้น หลังสังเกตเห็นท่าทีของบุตรสาวคนโต กับภรรยาคนใหม่ของเขา ซึ่งเวลานี้ต่างไม่มีกิริยาที่ผิดใจกันอย่างเมื่อหลายปีก่อนจนเป็นผลทำให้ปรียาต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป
ทว่า...สิ่งที่คุณปรีชาคิดนั้นกลับผิดถนัด เพราะภายใต้รอยยิ้มของคุณกชกรนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยแผนการอีกหลากหลายอย่างที่เตรียมจะเอามาฟาดฟันกับปรียา อย่างที่หญิงสาวก็คิดไม่ถึง
“อันนี้ก็คงจะต้องถามคุณอาบัวก่อนล่ะค่ะ ว่าจะยินดีให้แป้งช่วยดูน้องหรือเปล่า”
ปรียาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น ไหนเลยว่าเธอจะไม่รู้พื้นเพนิสัยของผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นอย่างไร ในเมื่อเย็นมา เธอก็เย็นกลับได้เหมือนกัน
บทเรียนที่เคยได้รับ ทำให้ปรียามีภูมิคุ้มกันในการจะต่อกรกับผู้หญิงมากเล่ห์ร้อยมารยาคนนี้...และสิ่งที่ทำให้เธอเลือกจะกลับมายังบ้านแห่งนี้อีกครั้ง ก็เพื่อจะปกป้องสถานที่ซึ่งแม่และยายของเธอเป็นเจ้าของ และเธอก็รู้มาว่าผู้หญิงที่ชื่อกชกรกำลังจะรวบเอาสิ่งนั้นไปเป็นของตนเองอย่างหน้าตาเฉย
ทั้งสองสุขสบายบนกองเงินกองทองของบิดาของเธอมาตลอดห้าปีเต็ม ทั้งยังใช้สิทธิ์ลูกเมียของท่านผู้ว่าฯ ทั้งๆ ที่สิทธิ์เหล่านั้นมันคือของเธอและเจ้านางปิ่นเงินแม่ของเธอเท่านั้น
“แน่นอนอยู่แล้วจ๊ะหนูแป้ง ถ้าหนูยินดีจะดูแลน้อง อาก็ดีใจด้วยจ๊ะ”
“จริงหรือคะ แป้งดีใจจังเลย”
แสร้งคลี่ยิ้มกับคำอนุญาตเหล่านั้น ขณะปรายตามองคู่สนทนาซึ่งกำลังมองมาที่เธอเช่นเดียวกัน ตาสองตาประสานกัน ย่อมจะรับรู้ว่าภายในความหมายเหล่านั้นมันคืออะไร
สิ่งที่สื่อสารผ่านทางสายตาของคุณกชกร ทำให้ปรียารับรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นคือเล่ห์เหลี่ยมมารยาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
สองแม่ลูกคู่นี้...โดยเฉพาะผู้หญิงตรงหน้า ช่างร้ายกว่าที่เธอคิดนัก
++++++
ปวรินเดินเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะระบายอารมณ์โกรธโดยการขว้างปาข้าวของที่ขวางหน้าทิ้งอย่างไม่ใยดี
“นังพี่แป้ง...ฉันเกลียดแก ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดแก”
เด็กสาวสบถอย่างหัวเสียและไม่พอใจที่บิดาซึ่งที่ผ่านมาดูแลเธออย่างดี ทว่ากับการก้าวเข้าบ้านมาเพียงวันแรกของนังปรียา ผู้หญิงที่เธอไม่คิดจะเอาร่วมญาติเลยสักนิด พ่อของเธอกลับดูแลมันอย่างดีโดยไม่สนใจเธอเลยสักนิด
“แกออกจากบ้านไปตั้งห้าปี จะกลับมาอีกทำไม ทำไม๊”
เธอกรีดร้องลั่น ระบายความแค้นเคืองที่มีอยู่ในหัวใจโดยการทุบกำปั้นลงบนท่อนขาขาวเนียนอย่างเดือดดาลสุดๆ ความเกลียดมันได้กลับเข้ามามีบทบาทในหัวใจอีกครั้ง มันกลับมาอีกครั้งแล้วพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อ ปรียา นังผู้หญิงนอกคอกที่เธอและแม่เคยตราหน้าด่ามันว่าเช่นนั้นเสมอมา
“นังพี่แป้ง สักวัน ฉันนี่แหละจะเป็นคนเขี่ยแกออกไปจากบ้านของคุณพ่ออีกครั้งให้ได้ คอยดู”
+++++
ความมืดโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว คุณปรีชาขอตัวขึ้นเรือนใหญ่ไปก่อนหน้า ขณะคุณกชกรกำลังเก็บของอยู่กับแม่เอี่ยม ปรียาจึงเข้ามาช่วยเก็บอีกคน
พอแม่เอี่ยมหญิงแม่บ้านยกถาดสำรับอาหารชิ้นสุดท้ายจากไปแล้ว คุณกชกรจึงเผยทาสแท้ออกมาให้ปรียาเห็นในทันที
“เธอต้องการอะไร ปรียา” ประกายตาที่มองหญิงสาวตรงหน้าช่างน่ากลัวเป็นยิ่งนัก
ปรียารับรู้ถึงกระแสความอำมหิตซึ่งแผ่มาจากหญิงตรงหน้า ทว่าหญิงสาวกลับเลือกจะนิ่งและยิ้มเย็นตอบกลับไป
“อะไรหรือคะ ที่คุณอาบัวพูดถึง มันหมายความว่ายังไงหรือคะแป้งไม่เข้าใจ”
“ก็เรื่องลูกสาวของฉัน ฉันมีปัญญาสั่งสอนเองได้ เธอไม่ต้องมาเสือกกับเรื่องนี้”
ได้ที นางร้ายในคาบของผู้ดีก็เผยโฉมออกมาในทันที ปรียาแบะปากอย่างนึกหน่ายต่อกิริยาของหญิงตรงหน้า จึงเลือกจะเดินไปยังท่าน้ำแทน
“อย่านึกว่าฉันไม่ทันเธอนะ นังปรียา” กชกรยังไม่ลดละจะหาเรื่องหญิงสาว เธอจึงตามปรียามายังท่าน้ำแห่งนั้นอีกครั้ง
“คุณอาอย่าคิดว่าใครจะมีนิสัยเหมือนคุณอาสิคะ อีกอย่างเมื่อกี้คุณอาก็เป็นคนขอให้แป้งดูแลน้องเองไม่ใช่หรือ แป้งก็แค่อยากจะช่วยดูน้องจึงยินดีรับแล้วก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรที่คุณอาจะมาโวยวายใส่แป้งแบบนี้เลยนี่ หรือว่าคุณอามี”
ปรียาหันมาแบะมือทำท่าไม่ยีระต่อคำของคุณกชกรนัก ขณะผู้มีอายุมากกว่ากลับคิดว่าผู้หญิงตรงหน้ากำลังทำท่าหยิ่งผยองกับเธออยู่
“นี่เธอกล้าว่าฉันหรือนังปรียา” ร่างของหญิงกลางคนสั่นสะท้านด้วยความไม่พอใจกับคำพูดคำจาของหญิงสาวตรงหน้า
“คุณอากำลังโกรธ” ปรียายิ้มเย็นเยาะ มองท่าทีโกรธเกี้ยวของกชกรแล้วก็นึกขำ มันน่าตลกสิ้นดี เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำท่าเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วในยามที่อยู่ตรงหน้าของบิดาเธอ แต่พอลับหลังไปไม่เท่าไรก็เผยธาตุแท้ออกมาอย่างน่ารังเกียจ
“แกเห็นฉันกำลังดีใจหรือยังไง นังแป้ง”
“พูดไม่เพราะเลยนะคะคุณอา เพราะอย่างนี้นี่เองที่น้องแป๋วไม่เคยเคารพแป้งซึ่งเป็นพี่เลย” ปรียายิ้มเหยียด มองร่างตรงหน้าอย่างเยาะหยัน
“แก...แก กำลังว่าฉันหรือ นังปรียา นังเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ นังเด็กนอกคอก”
“ใครกันแน่คะ ที่คุณอากำลังพูดถึง คุณอาลืมไปหรือเปล่าว่า คำว่านอกคอกน่ะ คือใครกันแน่ แป้ง หรือว่า...”
“อ๊าย...นังลูกผู้หญิงจืดชืด นังผู้หญิงมารยาสาไถย”
ด่าเธอเท่าไรปรียาไม่เคยโกรธ หากจะว่าไปถึงผู้บังเกิดเกล้าของเธอ หญิงสาวก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“แม่ของแป้งเสียไปตั้งหลายปีแล้วนะคะคุณอา กรุณาให้เกียรติกันบ้าง”
“หึ...ให้เกียรติ กับนังเจ้านางชั้นปลายแถวนั่นหรือยะ”
“อย่าลืมนะคะว่าคนที่คุณอากำลังดูถูกอยู่ คือคนที่คุณอาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขามาอย่างน่ารังเกียจมากที่สุด” เรียวปากบางได้รูปเม้มสนิท ขณะดวงตาคู่สวยไหวระริกอย่างโกรธแค้นเป็นที่สุด
“ใช่...ฉันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพวกแก ฉันนี่แหละคือผู้ชนะ เป็นยังไง ขนาดนังเจ้านางแม่ของเธอยังต้องพ่ายแพ้ให้กับฉัน พวกเธอไม่มีน้ำยานี่ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย”
ได้ที คุณกชกรเริ่มบทนางร้ายตัวแม่ หล่อนยิ้มเยาะ รู้สึกสุขใจเป็นยิ่งนักที่ได้ด่าแหลก ทั้งได้ลามไปถึงผู้หญิงที่เธอสามารถเอาชนะมันได้เสมอมา กับแค่ลูกสาวของมันที่อ่อนหัด ไหนเลยหล่อนจะไม่มีปัญญาเขี่ยมันออกไปจากชีวิตของเธอได้อีก
เพียงแต่ตอนนี้เธอกำลังวางแผน และรอเวลาที่จะกำจัดผู้หญิงตรงหน้านี่เท่านั้น...
“พูดมาได้นะคะ นี่ให้เกียรติตัวเองถึงขนาดยกยกตัวเองเลยหรือคะ คุณอา” ปรียายิ้มเยาะ ดวงตาคู่สวยกราดมองกรอบหน้าเข้มจัดของคุณกชกรเขม็ง
“แกหมายความว่ายังไง นังปรียา แกหมายความว่ายังไง”
“ไม่รู้สิคะ แป้งแค่อยากจะให้คุณอาเก็บเอาไปคิดว่ากิริยาที่คุณอาทำนั้น มันเพียงพอกับการที่คุณอากำลังยกยอตัวเองอยู่หรือไม่ ก็เท่านั้น”
พูดจบเธอจึงตัดสินใจเดินหนีออกไปจากตรงนั้นในทันที เพราะเบื่อจะมาต่อปากต่อคำกับสิ่งที่ไร้สาระแบบนี้อีกต่อไป
++++
ต่อหน้าของกชกร ปรียาดูเข้มแข็งแต่เมื่อเธอเดินขึ้นมาถึงยังเรือนเจ้านางแล้ว ความอ่อนแอก็เข้าจู่โจมในทันที
ที่พูดไปนั้นเธอยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำท่าทีจองหองกับผู้มีอายุมากกว่า เธอก็ทนไม่ได้เหมือนกันที่เขาคนนั้น...คนที่มาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของแม่เธอ มาด่าว่าเธอและลามไปถึงแม่ฉอดๆ ไม่ได้
น้ำตาอุ่นไหลหลากรินอาบสองแก้ม หมอนอิงรูปสามเหลี่ยมของเจ้ายายแก้วคำแปงซึ่งท่านใช้พิงเวลานั่งกลายเป็นที่ซับน้ำตาให้กับหญิงสาว
หากเวลานี้จะมีใครสักคนมาคอยปลอบประโลม เธออยากจะให้คนๆ นั้นคือแม่และเจ้ายายเป็นผู้มาปลอบเธอมากที่สุด
“คุณแม่ เจ้ายาย แป้งคิดถึงมากที่สุดเลยนะคะ”
ยามที่อ่อนแอเช่นนี้ ปรียากลับกลายเป็นคนละคนกับเมื่อครู่อย่างลับลับ นั่นก็คือความรู้สึกจากภายในที่ถ่ายทอดออกมา แม้ภายนอกจะเป็นรูปแบบของสาวมั่น ทว่าใครจะรู้ว่านั่นคือสิ่งที่เธอสร้างขึ้นเพื่อปิดบัง ‘ปม’ ในหัวใจอันเจ็บปวดเท่านั้น
สายลมพัดวูบเข้ามายังสถานที่แห่งนั้น กลิ่นดอกราตรีลอยโชยเข้ามา พร้อมกับความรู้สึกอุ่นซ่านซึ่งจู่ๆ ก็เกิดขึ้นจนหญิงสาวรู้สึกได้
ปรียายังคงนอนแนบหมอนใบนั้นและกอดจนแน่น ปานว่านั่นจะเป็นอกอุ่นของเจ้าแก้วคำแปง ยายผู้ซึ่งเข้าใจและรักเธอเสมอมา
หญิงสาวไม่รู้เลยว่า บัดนี้ สิ่งเหนือธรรมชาติที่เรียกว่าวิญญาณของเจ้าแก้วคำแปงและมารดาของเธอเจ้านางปิ่นเงิน ได้นั่งอยู่ข้างๆ กับปรียา และมืออันเหี่ยวย่นของเจ้านางชราก็กำลังลูบเส้นผมสลวยของหลานสาวอย่างเอ็นดูสงสาร
“หลานของยาย เข้มแข็งเอาไว้เน้อ ยายเจื้อว่าหนูจะต้องทำได้”
“น้องแป้ง...แม่สงสารลูกเหลือเกิน เหตุใดคนพวกนั้นถึงไม่ยอมลดความโลภใน
หัวใจบ้างนะ ทั้งๆ ที่แม่และเจ้ายายก็ได้จากไปแล้ว ทำไมคุณกชกรถึงไม่พอสักที”
เจ้าปิ่นเงินพร่ำเสียงปร่า หยาดน้ำตาหลั่งรินไหลอาบสองแก้ม ทั้งแค้นเคืองในหัวใจ สงสารลูกก็สงสารจับใจ หากแต่นางก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ นอกจากมองดูความเป็นไปของโลกมนุษย์อันวุ่นวายเท่านั้น
“เข้มแข็งเอาไว้นะน้องแป้ง แม่เชื่อว่าหนูจะต้องผ่านพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้...”
++++
ปรียาเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา หลังจากที่ปล่อยให้มันหลั่งไหลออกมาโดยไม่ยอมจะไปหักห้ามอะไรมัน ความอบอุ่นและอุ่นซ่านยังคงมีในความรู้สึก...รู้สึกเหมือนดั่งว่าเวลานี้เหมือนจะมีใครคนนั้นที่เธอปรารถนามาโอบกอดเธอเอาไว้อย่างห่วงใย
รอยยิ้มบางคลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า รับรู้สึกซึ่งสิ่งที่คุ้นเคย วนเวียนอยู่ชิดใกล้ ปรียายกมือขึ้นปาดน้ำตาให้มันออกไปจากหน้า แม่และเจ้ายายคงอยากจะให้เธอเข้มแข็งอย่างแน่นอน ท่านทั้งสองถึงได้ออกมาให้เธอรู้สึกแบบนี้
“คุณแม่คะ เจ้ายายคะ แป้งสัญญาค่ะว่าแป้งจะเข้มแข็ง คุณแม่กับเจ้ายายเป็นกำลังใจให้แป้งด้วยนะคะ”
“จ๊ะ...แม่และยายจะเป็นกำลังใจให้น้องแป้งนะ”
“ยายเจื้อว่าหนูแป้งของยายจะต้องทำได้ ยายจะคอยผ่อเน้อ” สองวิญญาณต่างภพคลี่ยิ้ม ในยามที่เห็นร่างตรงหน้ายิ้มและมีท่าทางที่ดีขึ้น
ท่ามกลางสรรพเสียงที่วิญญาณต่างภพพูดออกมานั้น ได้แปรเปลี่ยนเป็นสายลมเย็นที่พัดเข้ามาวูบหนึ่ง จนปรียาสัมผัสได้ บัดนี้แม่ของเธอและเจ้ายายคงจะเข้าใจ และให้กำลังใจต่อเธอแล้วล่ะ
เมื่อคิดว่าเป็นเช่นนั้น ปรียาจึงลุกจากตั่ง แล้วเงยหน้ามองไปโดยรอบ ปานว่าจะรับรู้ว่าสองผู้ที่รักและห่วงใยเธอจะยังคงอยู่ยังสถานที่แห่งนั้น...ใกล้ๆ ไม่ไปไหน
“แป้งดีใจมากเลยนะคะ ที่เจ้ายายและคุณแม่มาหาแป้ง...แป้งคิดถึงทั้งสองท่านเลยนะคะ แป้งคิดถึงมากๆ เลย”
ปรียาเอ่ยเสียงสะท้านเข้าไปจนถึงขั้วหัวใจ ใช่...นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอไม่เคยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นมากอย่างวันนี้ เพราะหลังจากวันนั้น...วันที่ทั้งสองคนที่เธอรักจากไป เธอไม่เคยรับรู้สัมผัสที่อบอุ่นเหล่านี้อีกเลย
ตราบจนเวลานี้...เธอแน่ใจ ว่าทั้งสองท่านคงจะรับรู้และอยู่เคียงข้างเธอแบบนี้อย่างแน่นอน
ผางประทีปและโคมไฟทั่วชานเรือนแห่งนั้นถูกจุดขึ้นในเวลาต่อมา บัดนั้นความสว่างจึงเข้าแทนที่ความเงียบและความมืดอันน่าสะพรึง ปรียาตั้งใจว่าคืนนี้เธอจะนอนที่นี่
ไม้กวาดดอกหญ้าอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก แม้ว่าจะผุกร่อนไปตามกาลเวลา หากแต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยเธอทำความสะอาดภายในห้องนอนซึ่งเธอ มารดา และเจ้ายายเคยนอนกัน
ต่อให้ใครจะว่าบ้านหลังนี้มีผีเฮี้ยนอย่างไรก็ช่าง หากหญิงสาวกลับไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผีที่คนแถวนี้ต่างกล่าวถึงนั้นคือคนที่เคยใกล้ชิดกับเธอมาก่อน แล้วเธอจะกลัวไปทำไมกัน
แสงดาวระยิบระยับทั่วท้องฟ้า อวดแสงดวงน้อยกับจันทร์เจ้าที่ฉายอยู่ยังปลายฟ้ากว้าง ภาพเหล่านั้นปรากฏภายในครองจักษุของปรียา ซึ่งมองออกมาจากหน้าต่างในห้อง หญิงสาวคลี่ยิ้ม ระลึกถึงวันคืนเก่าๆ อันมีแต่ความสุข และใฝ่ฝันอยากจะให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกสักครั้ง
แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้อีกตลอดกาลก็ตาม
เย็นวันนั้น คุณปรีชาได้ให้แม่เอี่ยมจัดโต๊ะอาหารยังศาลาริมน้ำ สายลมเย็นช่วยสร้างบรรยากาศอาหารค่ำวันนั้นให้เย็นสบายและมีความสุขมากที่สุด
เสียงพูดคุยหยกล้อของบิดากับพี่สาวต่างมารดา ทำให้ปวรินแบะปากอย่างนึกรำคาญต่อภาพเหล่านั้น ความอิจฉาริษยาที่มีอยู่ในหัวใจเข้าแทนที่ความดีงามในหัวใจให้หมดสิ้นไปนับตั้งแต่เธอได้รับรู้ว่ามีพี่สาวอีกคนซึ่งคนๆ นั้นคือคนที่บิดาของเธอแบ่งความรักที่มีต่อบุตรสาวซึ่งน่าจะมีเพียงหนึ่งเดียวกลับแบ่งไปเป็นสอง
ไม่ได้...สิ่งที่เธอต้องการคือความรักที่พ่อจะต้องมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
“ตอนนี้น้องแป๋วเรียนอยู่ปีอะไรแล้วคะ” ปรียาหันไปถามน้องสาวซึ่งกำลังแกะกุ้งแม่น้ำกินและเหลือบตามองเธอนิดหนึ่งอย่างไม่สนใจจะตอบคำถามนั้น
“พี่แป้งถาม ทำไมไม่ตอบล่ะลูก” คุณปรีชาหันไปปรามบุตรสาว
ปวรินแบะปากอย่างหมั่นไส้อีกครั้ง ดวงตาคู่สวยซึ่งถูกขีดเขียนจนเกินอายุเหลือบมองบิดานิดหนึ่งและหันไปจ้องปรียาอย่างไม่พอใจสักเท่าไร
“แป๋วไม่อยากจะตอบนี่คะ” ตอบเสียงสะบัด ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต่อไป
คุณปรีชาถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าผู้เป็นภรรยาซึ่งนั่งเงียบอยู่ตรงกันข้ามกับโต๊ะของเขา ก่อนคุณกชกรจะเป็นฝ่ายหันไปปรามลูกสาวทางสายตาและตอบคำถามนั้นแทน
“น้องแป๋วเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่งน่ะหนูแป้ง น้องเรียนไม่ค่อยเก่ง ยังไงก็คงจะต้องให้หนูช่วยดูน้องด้วยนะ” เสียงตอบแม้จะอยู่ในลักษณะของความหวังดี ทว่าปรียากลับมองออกว่าผู้หญิงคนนี้เสแสร้งแกล้งทำเพื่อสร้างภาพของตนเองเท่านั้น
“ยินดีค่ะ มีอะไรก็ถามพี่ได้นะน้องแป๋ว”
เธอยิ้มอ่อนโยนและมองกรอบหน้าสวยเฉี่ยวของปวรินน้องสาว ซึ่งเงยหน้ามองเธอนิดหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตนเอง สักพักจึงลุกขึ้นและเดินออกจากตรงนั้นไปอย่างเงียบๆ
“อาขอโทษแทนน้องด้วยนะแป้ง ที่ทำตัวไม่เหมาะสม” คุณกชกรเอ่ยอีก พร้อมกับรอยยิ้มเฉียบคม
“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไม่ถือสาหรอก ยังไงน้องแป๋วก็เป็นน้องของแป้ง...”
“เห็นทีพ่อคงจะต้องให้แป้งช่วยคุณอาอบรมน้องอีกคนเสียแล้วล่ะ” ประมุขของบ้านเอ่ยแทรกขึ้น หลังสังเกตเห็นท่าทีของบุตรสาวคนโต กับภรรยาคนใหม่ของเขา ซึ่งเวลานี้ต่างไม่มีกิริยาที่ผิดใจกันอย่างเมื่อหลายปีก่อนจนเป็นผลทำให้ปรียาต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป
ทว่า...สิ่งที่คุณปรีชาคิดนั้นกลับผิดถนัด เพราะภายใต้รอยยิ้มของคุณกชกรนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยแผนการอีกหลากหลายอย่างที่เตรียมจะเอามาฟาดฟันกับปรียา อย่างที่หญิงสาวก็คิดไม่ถึง
“อันนี้ก็คงจะต้องถามคุณอาบัวก่อนล่ะค่ะ ว่าจะยินดีให้แป้งช่วยดูน้องหรือเปล่า”
ปรียาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น ไหนเลยว่าเธอจะไม่รู้พื้นเพนิสัยของผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นอย่างไร ในเมื่อเย็นมา เธอก็เย็นกลับได้เหมือนกัน
บทเรียนที่เคยได้รับ ทำให้ปรียามีภูมิคุ้มกันในการจะต่อกรกับผู้หญิงมากเล่ห์ร้อยมารยาคนนี้...และสิ่งที่ทำให้เธอเลือกจะกลับมายังบ้านแห่งนี้อีกครั้ง ก็เพื่อจะปกป้องสถานที่ซึ่งแม่และยายของเธอเป็นเจ้าของ และเธอก็รู้มาว่าผู้หญิงที่ชื่อกชกรกำลังจะรวบเอาสิ่งนั้นไปเป็นของตนเองอย่างหน้าตาเฉย
ทั้งสองสุขสบายบนกองเงินกองทองของบิดาของเธอมาตลอดห้าปีเต็ม ทั้งยังใช้สิทธิ์ลูกเมียของท่านผู้ว่าฯ ทั้งๆ ที่สิทธิ์เหล่านั้นมันคือของเธอและเจ้านางปิ่นเงินแม่ของเธอเท่านั้น
“แน่นอนอยู่แล้วจ๊ะหนูแป้ง ถ้าหนูยินดีจะดูแลน้อง อาก็ดีใจด้วยจ๊ะ”
“จริงหรือคะ แป้งดีใจจังเลย”
แสร้งคลี่ยิ้มกับคำอนุญาตเหล่านั้น ขณะปรายตามองคู่สนทนาซึ่งกำลังมองมาที่เธอเช่นเดียวกัน ตาสองตาประสานกัน ย่อมจะรับรู้ว่าภายในความหมายเหล่านั้นมันคืออะไร
สิ่งที่สื่อสารผ่านทางสายตาของคุณกชกร ทำให้ปรียารับรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นคือเล่ห์เหลี่ยมมารยาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
สองแม่ลูกคู่นี้...โดยเฉพาะผู้หญิงตรงหน้า ช่างร้ายกว่าที่เธอคิดนัก
++++++
ปวรินเดินเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะระบายอารมณ์โกรธโดยการขว้างปาข้าวของที่ขวางหน้าทิ้งอย่างไม่ใยดี
“นังพี่แป้ง...ฉันเกลียดแก ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดแก”
เด็กสาวสบถอย่างหัวเสียและไม่พอใจที่บิดาซึ่งที่ผ่านมาดูแลเธออย่างดี ทว่ากับการก้าวเข้าบ้านมาเพียงวันแรกของนังปรียา ผู้หญิงที่เธอไม่คิดจะเอาร่วมญาติเลยสักนิด พ่อของเธอกลับดูแลมันอย่างดีโดยไม่สนใจเธอเลยสักนิด
“แกออกจากบ้านไปตั้งห้าปี จะกลับมาอีกทำไม ทำไม๊”
เธอกรีดร้องลั่น ระบายความแค้นเคืองที่มีอยู่ในหัวใจโดยการทุบกำปั้นลงบนท่อนขาขาวเนียนอย่างเดือดดาลสุดๆ ความเกลียดมันได้กลับเข้ามามีบทบาทในหัวใจอีกครั้ง มันกลับมาอีกครั้งแล้วพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อ ปรียา นังผู้หญิงนอกคอกที่เธอและแม่เคยตราหน้าด่ามันว่าเช่นนั้นเสมอมา
“นังพี่แป้ง สักวัน ฉันนี่แหละจะเป็นคนเขี่ยแกออกไปจากบ้านของคุณพ่ออีกครั้งให้ได้ คอยดู”
+++++
ความมืดโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว คุณปรีชาขอตัวขึ้นเรือนใหญ่ไปก่อนหน้า ขณะคุณกชกรกำลังเก็บของอยู่กับแม่เอี่ยม ปรียาจึงเข้ามาช่วยเก็บอีกคน
พอแม่เอี่ยมหญิงแม่บ้านยกถาดสำรับอาหารชิ้นสุดท้ายจากไปแล้ว คุณกชกรจึงเผยทาสแท้ออกมาให้ปรียาเห็นในทันที
“เธอต้องการอะไร ปรียา” ประกายตาที่มองหญิงสาวตรงหน้าช่างน่ากลัวเป็นยิ่งนัก
ปรียารับรู้ถึงกระแสความอำมหิตซึ่งแผ่มาจากหญิงตรงหน้า ทว่าหญิงสาวกลับเลือกจะนิ่งและยิ้มเย็นตอบกลับไป
“อะไรหรือคะ ที่คุณอาบัวพูดถึง มันหมายความว่ายังไงหรือคะแป้งไม่เข้าใจ”
“ก็เรื่องลูกสาวของฉัน ฉันมีปัญญาสั่งสอนเองได้ เธอไม่ต้องมาเสือกกับเรื่องนี้”
ได้ที นางร้ายในคาบของผู้ดีก็เผยโฉมออกมาในทันที ปรียาแบะปากอย่างนึกหน่ายต่อกิริยาของหญิงตรงหน้า จึงเลือกจะเดินไปยังท่าน้ำแทน
“อย่านึกว่าฉันไม่ทันเธอนะ นังปรียา” กชกรยังไม่ลดละจะหาเรื่องหญิงสาว เธอจึงตามปรียามายังท่าน้ำแห่งนั้นอีกครั้ง
“คุณอาอย่าคิดว่าใครจะมีนิสัยเหมือนคุณอาสิคะ อีกอย่างเมื่อกี้คุณอาก็เป็นคนขอให้แป้งดูแลน้องเองไม่ใช่หรือ แป้งก็แค่อยากจะช่วยดูน้องจึงยินดีรับแล้วก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรที่คุณอาจะมาโวยวายใส่แป้งแบบนี้เลยนี่ หรือว่าคุณอามี”
ปรียาหันมาแบะมือทำท่าไม่ยีระต่อคำของคุณกชกรนัก ขณะผู้มีอายุมากกว่ากลับคิดว่าผู้หญิงตรงหน้ากำลังทำท่าหยิ่งผยองกับเธออยู่
“นี่เธอกล้าว่าฉันหรือนังปรียา” ร่างของหญิงกลางคนสั่นสะท้านด้วยความไม่พอใจกับคำพูดคำจาของหญิงสาวตรงหน้า
“คุณอากำลังโกรธ” ปรียายิ้มเย็นเยาะ มองท่าทีโกรธเกี้ยวของกชกรแล้วก็นึกขำ มันน่าตลกสิ้นดี เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำท่าเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วในยามที่อยู่ตรงหน้าของบิดาเธอ แต่พอลับหลังไปไม่เท่าไรก็เผยธาตุแท้ออกมาอย่างน่ารังเกียจ
“แกเห็นฉันกำลังดีใจหรือยังไง นังแป้ง”
“พูดไม่เพราะเลยนะคะคุณอา เพราะอย่างนี้นี่เองที่น้องแป๋วไม่เคยเคารพแป้งซึ่งเป็นพี่เลย” ปรียายิ้มเหยียด มองร่างตรงหน้าอย่างเยาะหยัน
“แก...แก กำลังว่าฉันหรือ นังปรียา นังเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ นังเด็กนอกคอก”
“ใครกันแน่คะ ที่คุณอากำลังพูดถึง คุณอาลืมไปหรือเปล่าว่า คำว่านอกคอกน่ะ คือใครกันแน่ แป้ง หรือว่า...”
“อ๊าย...นังลูกผู้หญิงจืดชืด นังผู้หญิงมารยาสาไถย”
ด่าเธอเท่าไรปรียาไม่เคยโกรธ หากจะว่าไปถึงผู้บังเกิดเกล้าของเธอ หญิงสาวก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“แม่ของแป้งเสียไปตั้งหลายปีแล้วนะคะคุณอา กรุณาให้เกียรติกันบ้าง”
“หึ...ให้เกียรติ กับนังเจ้านางชั้นปลายแถวนั่นหรือยะ”
“อย่าลืมนะคะว่าคนที่คุณอากำลังดูถูกอยู่ คือคนที่คุณอาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขามาอย่างน่ารังเกียจมากที่สุด” เรียวปากบางได้รูปเม้มสนิท ขณะดวงตาคู่สวยไหวระริกอย่างโกรธแค้นเป็นที่สุด
“ใช่...ฉันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพวกแก ฉันนี่แหละคือผู้ชนะ เป็นยังไง ขนาดนังเจ้านางแม่ของเธอยังต้องพ่ายแพ้ให้กับฉัน พวกเธอไม่มีน้ำยานี่ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย”
ได้ที คุณกชกรเริ่มบทนางร้ายตัวแม่ หล่อนยิ้มเยาะ รู้สึกสุขใจเป็นยิ่งนักที่ได้ด่าแหลก ทั้งได้ลามไปถึงผู้หญิงที่เธอสามารถเอาชนะมันได้เสมอมา กับแค่ลูกสาวของมันที่อ่อนหัด ไหนเลยหล่อนจะไม่มีปัญญาเขี่ยมันออกไปจากชีวิตของเธอได้อีก
เพียงแต่ตอนนี้เธอกำลังวางแผน และรอเวลาที่จะกำจัดผู้หญิงตรงหน้านี่เท่านั้น...
“พูดมาได้นะคะ นี่ให้เกียรติตัวเองถึงขนาดยกยกตัวเองเลยหรือคะ คุณอา” ปรียายิ้มเยาะ ดวงตาคู่สวยกราดมองกรอบหน้าเข้มจัดของคุณกชกรเขม็ง
“แกหมายความว่ายังไง นังปรียา แกหมายความว่ายังไง”
“ไม่รู้สิคะ แป้งแค่อยากจะให้คุณอาเก็บเอาไปคิดว่ากิริยาที่คุณอาทำนั้น มันเพียงพอกับการที่คุณอากำลังยกยอตัวเองอยู่หรือไม่ ก็เท่านั้น”
พูดจบเธอจึงตัดสินใจเดินหนีออกไปจากตรงนั้นในทันที เพราะเบื่อจะมาต่อปากต่อคำกับสิ่งที่ไร้สาระแบบนี้อีกต่อไป
++++
ต่อหน้าของกชกร ปรียาดูเข้มแข็งแต่เมื่อเธอเดินขึ้นมาถึงยังเรือนเจ้านางแล้ว ความอ่อนแอก็เข้าจู่โจมในทันที
ที่พูดไปนั้นเธอยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำท่าทีจองหองกับผู้มีอายุมากกว่า เธอก็ทนไม่ได้เหมือนกันที่เขาคนนั้น...คนที่มาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของแม่เธอ มาด่าว่าเธอและลามไปถึงแม่ฉอดๆ ไม่ได้
น้ำตาอุ่นไหลหลากรินอาบสองแก้ม หมอนอิงรูปสามเหลี่ยมของเจ้ายายแก้วคำแปงซึ่งท่านใช้พิงเวลานั่งกลายเป็นที่ซับน้ำตาให้กับหญิงสาว
หากเวลานี้จะมีใครสักคนมาคอยปลอบประโลม เธออยากจะให้คนๆ นั้นคือแม่และเจ้ายายเป็นผู้มาปลอบเธอมากที่สุด
“คุณแม่ เจ้ายาย แป้งคิดถึงมากที่สุดเลยนะคะ”
ยามที่อ่อนแอเช่นนี้ ปรียากลับกลายเป็นคนละคนกับเมื่อครู่อย่างลับลับ นั่นก็คือความรู้สึกจากภายในที่ถ่ายทอดออกมา แม้ภายนอกจะเป็นรูปแบบของสาวมั่น ทว่าใครจะรู้ว่านั่นคือสิ่งที่เธอสร้างขึ้นเพื่อปิดบัง ‘ปม’ ในหัวใจอันเจ็บปวดเท่านั้น
สายลมพัดวูบเข้ามายังสถานที่แห่งนั้น กลิ่นดอกราตรีลอยโชยเข้ามา พร้อมกับความรู้สึกอุ่นซ่านซึ่งจู่ๆ ก็เกิดขึ้นจนหญิงสาวรู้สึกได้
ปรียายังคงนอนแนบหมอนใบนั้นและกอดจนแน่น ปานว่านั่นจะเป็นอกอุ่นของเจ้าแก้วคำแปง ยายผู้ซึ่งเข้าใจและรักเธอเสมอมา
หญิงสาวไม่รู้เลยว่า บัดนี้ สิ่งเหนือธรรมชาติที่เรียกว่าวิญญาณของเจ้าแก้วคำแปงและมารดาของเธอเจ้านางปิ่นเงิน ได้นั่งอยู่ข้างๆ กับปรียา และมืออันเหี่ยวย่นของเจ้านางชราก็กำลังลูบเส้นผมสลวยของหลานสาวอย่างเอ็นดูสงสาร
“หลานของยาย เข้มแข็งเอาไว้เน้อ ยายเจื้อว่าหนูจะต้องทำได้”
“น้องแป้ง...แม่สงสารลูกเหลือเกิน เหตุใดคนพวกนั้นถึงไม่ยอมลดความโลภใน
หัวใจบ้างนะ ทั้งๆ ที่แม่และเจ้ายายก็ได้จากไปแล้ว ทำไมคุณกชกรถึงไม่พอสักที”
เจ้าปิ่นเงินพร่ำเสียงปร่า หยาดน้ำตาหลั่งรินไหลอาบสองแก้ม ทั้งแค้นเคืองในหัวใจ สงสารลูกก็สงสารจับใจ หากแต่นางก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ นอกจากมองดูความเป็นไปของโลกมนุษย์อันวุ่นวายเท่านั้น
“เข้มแข็งเอาไว้นะน้องแป้ง แม่เชื่อว่าหนูจะต้องผ่านพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้...”
++++
ปรียาเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา หลังจากที่ปล่อยให้มันหลั่งไหลออกมาโดยไม่ยอมจะไปหักห้ามอะไรมัน ความอบอุ่นและอุ่นซ่านยังคงมีในความรู้สึก...รู้สึกเหมือนดั่งว่าเวลานี้เหมือนจะมีใครคนนั้นที่เธอปรารถนามาโอบกอดเธอเอาไว้อย่างห่วงใย
รอยยิ้มบางคลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า รับรู้สึกซึ่งสิ่งที่คุ้นเคย วนเวียนอยู่ชิดใกล้ ปรียายกมือขึ้นปาดน้ำตาให้มันออกไปจากหน้า แม่และเจ้ายายคงอยากจะให้เธอเข้มแข็งอย่างแน่นอน ท่านทั้งสองถึงได้ออกมาให้เธอรู้สึกแบบนี้
“คุณแม่คะ เจ้ายายคะ แป้งสัญญาค่ะว่าแป้งจะเข้มแข็ง คุณแม่กับเจ้ายายเป็นกำลังใจให้แป้งด้วยนะคะ”
“จ๊ะ...แม่และยายจะเป็นกำลังใจให้น้องแป้งนะ”
“ยายเจื้อว่าหนูแป้งของยายจะต้องทำได้ ยายจะคอยผ่อเน้อ” สองวิญญาณต่างภพคลี่ยิ้ม ในยามที่เห็นร่างตรงหน้ายิ้มและมีท่าทางที่ดีขึ้น
ท่ามกลางสรรพเสียงที่วิญญาณต่างภพพูดออกมานั้น ได้แปรเปลี่ยนเป็นสายลมเย็นที่พัดเข้ามาวูบหนึ่ง จนปรียาสัมผัสได้ บัดนี้แม่ของเธอและเจ้ายายคงจะเข้าใจ และให้กำลังใจต่อเธอแล้วล่ะ
เมื่อคิดว่าเป็นเช่นนั้น ปรียาจึงลุกจากตั่ง แล้วเงยหน้ามองไปโดยรอบ ปานว่าจะรับรู้ว่าสองผู้ที่รักและห่วงใยเธอจะยังคงอยู่ยังสถานที่แห่งนั้น...ใกล้ๆ ไม่ไปไหน
“แป้งดีใจมากเลยนะคะ ที่เจ้ายายและคุณแม่มาหาแป้ง...แป้งคิดถึงทั้งสองท่านเลยนะคะ แป้งคิดถึงมากๆ เลย”
ปรียาเอ่ยเสียงสะท้านเข้าไปจนถึงขั้วหัวใจ ใช่...นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอไม่เคยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นมากอย่างวันนี้ เพราะหลังจากวันนั้น...วันที่ทั้งสองคนที่เธอรักจากไป เธอไม่เคยรับรู้สัมผัสที่อบอุ่นเหล่านี้อีกเลย
ตราบจนเวลานี้...เธอแน่ใจ ว่าทั้งสองท่านคงจะรับรู้และอยู่เคียงข้างเธอแบบนี้อย่างแน่นอน
ผางประทีปและโคมไฟทั่วชานเรือนแห่งนั้นถูกจุดขึ้นในเวลาต่อมา บัดนั้นความสว่างจึงเข้าแทนที่ความเงียบและความมืดอันน่าสะพรึง ปรียาตั้งใจว่าคืนนี้เธอจะนอนที่นี่
ไม้กวาดดอกหญ้าอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก แม้ว่าจะผุกร่อนไปตามกาลเวลา หากแต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยเธอทำความสะอาดภายในห้องนอนซึ่งเธอ มารดา และเจ้ายายเคยนอนกัน
ต่อให้ใครจะว่าบ้านหลังนี้มีผีเฮี้ยนอย่างไรก็ช่าง หากหญิงสาวกลับไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผีที่คนแถวนี้ต่างกล่าวถึงนั้นคือคนที่เคยใกล้ชิดกับเธอมาก่อน แล้วเธอจะกลัวไปทำไมกัน
แสงดาวระยิบระยับทั่วท้องฟ้า อวดแสงดวงน้อยกับจันทร์เจ้าที่ฉายอยู่ยังปลายฟ้ากว้าง ภาพเหล่านั้นปรากฏภายในครองจักษุของปรียา ซึ่งมองออกมาจากหน้าต่างในห้อง หญิงสาวคลี่ยิ้ม ระลึกถึงวันคืนเก่าๆ อันมีแต่ความสุข และใฝ่ฝันอยากจะให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมอีกสักครั้ง
แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้อีกตลอดกาลก็ตาม
พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2555, 23:14:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2555, 23:14:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 1339
<< ตอนที่ ๑ | ตอนที่ ๓ วรรค ๑ >> |
Edelweiss 22 มิ.ย. 2555, 15:31:44 น.
แป้งสู้ ๆ
แป้งสู้ ๆ
เจนิส 26 มิ.ย. 2555, 02:48:47 น.
คุณบัวนี่ไม่น่าพูดดีๆด้วยเลย ต้องให้เจ้าแป้ง เล่นไม้แข็ง
คุณบัวนี่ไม่น่าพูดดีๆด้วยเลย ต้องให้เจ้าแป้ง เล่นไม้แข็ง