อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 11.

11.

เมื่อรุ่งโรจน์จัดการกาแฟและขนมปังปิ้งทาเนยเรียบร้อย..จึงเรียกมาบริกรมาเก็บเงิน เขาส่งบัตรเครดิตให้โดยไม่สนใจเงินสดที่สุริยาถือไว้ หลังจากนั้นก็ชักชวน สาวแสงทองไปที่ร้านเสื้อผ้า

สุริยาเมื่อเห็นดังนั้น จึงไปนั่งรอที่โต๊ะหินตัวใกล้ ๆ กับที่รถจอดอยู่ พลางอ่านหนังสือ แนะนำที่ท่องเที่ยวในจังหวัดประจวบฯ สักพักทั้งคู่ก็พากันกลับมา โดยแสงทองอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวรัดรูปกางเกงขาสามส่วนยาวถึงเข่าทันสมัย ใบหน้าสดใสพอมีต่างหูห้อยตุ้งติ้ง กับสร้อยเม็ดหินเข้าชุดทำให้มีประกายเปล่งปลั่งอย่างแปลกตา

เมื่อมาถึงรถ รุ่งโรจน์เปิดประตูฝั่งคนขับ เรียกแสงทองมานั่ง พร้อมกับที่ตัวเอง ไปนั่งแทนที่ของสุริยาทางด้านหน้า แสงทองเห็นสุริยายังเฉย จึงตะโกนเรียกให้ขึ้นรถ เมื่อคนรู้เส้นทางมาถึง จึงถามว่า

“จะไปไหนก่อนเจ้าคะ เดี๋ยวสารถีสาวคนนี้จะพาไป”

สุริยาบอกว่า “อยากไปวัดห้วยมงคลใต้ แต่ต้องสำรวจใน อ.ปราณบุรี นี่ก่อน” คำพูดนั้นเหมือนเพียงคุยกับแสงทอง

“อ้าว.. เกียร์ออโต้นี่หนูไม่เคยขับ” แสงทองตกใจเมื่อเห็นเกียร์รถ แต่รุ่งโรจน์บอกว่า

“เหมือนกัน แบบนี้เหยียบอย่างเดียวไม่มีครัช N เกียร์ว่าง D เดินหน้า R ถอยหลัง แค่นี้แหละไม่ยากหรอก มีพื้นฐานอยู่แล้วนี่ ดึงเบรกมือลงด้วย เวลาถอยก็เปิดไฟยกเลี้ยว..”

“ไปทางไหน ขับตรงไปทางเขากะโหลกก่อน ค่อยย้อนกลับมาหาดนเรศวร และวัดถ้ำเขาน้อย..” สุริยาบอกความประสงค์ โดยรู้สึกว่าแสงทองทำได้ดีกว่าที่เขาคิดไว้ หญิงสาวดูมีประสบการณ์ขับขี่รถยนต์จนเชี่ยวชาญทีเดียว ผิดกับตน วันนั้น ครูจึงดุเอาตั้งหลายหน ก็คนมันไม่เคยได้จับเลย จะเป็นในทันทีได้อย่างไร

หญิงสาวขับไปจนสุดถนน สุริยาสั่งให้เลี้ยวกลับแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปทางวัดถ้ำเขาน้อยพอถึง...สั่งให้ชะลอความเร็ว พอพ้นที่หมายก็สั่งให้เร่งน้ำมันไปตามทางหลวงหมายเลข 3618 ผ่านเขาใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้าย ขับไปเรื่อย ๆ แล้วก็เลี้ยวซ้ายสู่ถนนเส้นเดิม ก่อนจะไปถึงทางตันที่ปากน้ำปราณบุรี..วนรถออกมา เลี้ยวขวาแล้วก็เลี้ยวขวา ขับตรงไปใช้สะพานข้ามแม่น้ำปราณบุรี ลัดเลาะเขาเจ้าแม่ไปเลี้ยวขวาอีกสองครั้งแล้วรถก็เข้าชุมชนใหญ่ถนนแคบไปสุดที่เขาเต่า มีวัดอยู่บนหน้าผาติดทะเล พอถึงแล้วให้ถอยกลับทางเดิม มุ่งกลับมาที่เมืองหัวหิน ไปวัดเขาตะเกียบ..ระหว่างทางขึ้นวัด เขาสั่งให้สารถีสาวจอดแล้วซื้อปลาหมึกย่างมาสิบไม้ แล้วรถสีดำก็แล่นพาขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ ไปสุดที่ลานจอดรถ แล้วสุริยาก็ชวนแต่แสงทองว่า

“ขึ้นไปไหว้พระธาตุบนยอดเขากัน..”

“ผมจะนอนรอที่นี่แล้วกัน” รุ่งโรจน์ปฏิเสธลอย ๆ สุริยาจึงเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นไปกับแสงทอง โดยไม่แม้แต่จะชวนรุ่งโรจน์ที่รออยู่ให้กินปลาหมึกย่างถุงนั้น...ขึ้นไปแล้วสุริยาก็จุดประทีปและธูปบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่แขวนไว้บนกลางโดมเจดีย์

...อธิษฐานจิตดั่งเคยกระทำ ..ซ้ำ ๆ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นแห่งเจตจำนง

เกิดชาติหนึ่งภพใด ให้ได้เป็นมนุษย์ ให้ได้เพศบริสุทธิ์ ให้ได้พบพระพุทธศาสนา ให้เกิดมาในตระกูลสัมมาทิฐิ มีบัณฑิตเป็นกัลยาณมิตร

กล่าวถึงตรงนี้นึกถึงรุ่งโรจน์ สุริยาก็นึกถึงการกระทำของเขา..รุ่งโรจน์จะมาเป็นอะไรสำหรับตนแน่..อาการที่กอดจูบเขาเมื่อเช้ามันบ่งบอกให้รู้ถึงอารมณ์บางอย่าง ที่เขาไม่คุ้นเคย...

และเมื่อยังหาข้อสรุปไม่ได้สุริยาก็สลดความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วก็อธิษฐานจิตบทที่เคยคุ้นต่อ อธิษฐานจบก็ถือดอกไม้เวียนประทักษิณท่องบทอิติปิโสฯ โดยที่แสงทองไม่มีคำถามใด ๆ ด้วยเขาเคยบอกบนรถทัวร์ให้ได้รับรู้เหตุสำคัญนี้ไปแล้ว..การอธิษฐานก็คือการวางผังชีวิต คำที่เขากล่าวนำ เป็นสิ่ง ดี ๆ สายกลางที่ทุกควรจะมี จะเป็น..นอกจากนี้ ก็คือเรื่องที่แต่ละคนปรารถนาตามกำลังสุขทุกข์ในปัจจุบัน

เมื่อลงจากเขา พบว่าคู่กรณีไม่ได้นอนอยู่บนรถ แต่ไปยืนดูเสื้อผ้า..คล้ายกำลังต่อรอง สุริยาจึงบุ้ยปากให้แสงทองเข้าไปหา..พอทั้งสองกลับมา..ในมือของรุ่งโรจน์มีถุงผ้ากับถุงใส่กรอบรูปส่งให้มาวางทางเบาะหลัง

“ผมซื้อให้คุณ สีขาวสวยดี จะได้ใส่ไปวัด” สุริยายกมือไหว้ ไม่กล่าวคำว่าขอบคุณ..รุ่งโรจน์จึงยิ้ม นิด ๆ แล้วเรอออกมา

สุริยามองหาถุงปลาหมึกย่าง...เมื่อได้ยินเสียงเรอจึงเข้าใจความหมาย..ขาลงเขาจึงให้แสงทองแวะซื้อหมึกไข่ย่างอีกยี่สิบไม้..เมื่อรุ่โรจน์ชอบก็ควรกินให้เต็มคราบ และเขาก็ถามด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ว่า

“นี่กะกินกันให้ตายไปข้างเลยใช่ไหม”

พอออกจากวัด สารถีสาวก็ทำตามคำสั่ง ..ซ้าย.. ขวา.. ตรงไป..เบรก.. จนถึงเขาหินเหล็กไฟ ..แสงทองพอรู้ว่า ทัวร์แบบเที่ยวไปด่าไปเป็นอย่างไร จึงหัวเราะกิ๊ก ๆ ถ้าไม่ลงจากรถแสดงว่าไม่น่าสนใจ...ไม่อยู่ในข่ายที่จะพาใคร ๆ มาเที่ยวชม..จึงเอ่ยถามว่า

“เป็นความผิดของใครหรือคะ”

“ไม่ใช่ความผิดของใครหรอก..เจ้าอาวาสท่านไม่ได้ตั้งใจสร้างวัดให้เป็นที่ท่องเที่ยวก็เท่านั้น” สุริยารู้ความหมายของคำถาม..แต่ในวันนั้นทางวัดจัดงานปาริวาสกรรมมีพระภิกษุมากางกลดปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก สุริยาลงจากรถถามหาตู้บริจาค

ร่วมบุญให้กับพระปฏิบัติตามเสขิยวัตร พอกลับมาขึ้นรถแสงทองถามทันที

“คืออะไรหรือ..”

“อธิบายยากนะ เป็นเรื่องของวินัยพระในการปลงอาบัติครั้งใหญ่ ทำนองถูกลงโทษกักกันบริเวณให้สำนึกผิดต่อสิ่งที่ล่วงละเมิดพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ..แต่บางองค์ก็ไม่ได้ล่วงละเมิดหรอก มาดัดนิสัยตนเอง บวชอยู่วัดก็ยากแล้ว ออกมาเคร่งครัดในระเบียบปฏิบัติแบบนี้ยากกว่า” สุริยายังอธิบายในหัวข้อพระวินัยจนกระทั่งในเวลาเที่ยง รถไปถึงวัดห้วยมงคลใต้ ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อทวดหน้าตักเก้าเมตร บนฐานชุกชีกลางแจ้ง..คนที่มีศรัทธาเป็นทุน รีบลงจากรถ พลางชะโงกหน้ามาถาม..คู่กรณีนิดนึงว่า

“ไปไหม”

รุ่งโรจน์ตอบกลับมาว่า “ร้อน”

แสงทองก็สั่นหน้าพลางบอกว่า “ไหว้บนรถแล้วกัน”

สุริยาจึงเดินเอามือป้องหน้ากันแดดไปซื้อธูปเทียนพวงมาลัยดอกไม้ แล้วหยุดที่ตรงจุดสักการะหน้ารูปหล่อหลวงพ่อ เขาจุดธูปเทียนวางดอกไม้สักการะ ขณะหลับตาก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนมีเงาร่มมาปิดบังแสงแดดไว้ สุริยาไม่ยอมลืมตาด้วยคิดว่าเป็นบารมีของหลวงพ่อที่ช่วยดลบันดาลให้มีเมฆครึ้มปกคลุม แต่พอลืมตา จึงเห็นว่าเป็นรุ่งโรจน์ที่กางร่มบังแดดให้ สุริยาจึงพูดคำว่า “สาธุ” แล้วก็ยิ้มกว้าง ประมาณว่า

‘ดีด้วยก็ได้’

และภาพที่แสงทองเห็นก็คือ สองหนุ่มเดินเบียดชิด ในร่มคันเดียวกันกลับมาที่รถ..

“ไปกินข้าวฟรีในโรงทาน” รุ่งโรจน์ร้องบอก แสงทองจึงปิดแอร์ดับเครื่องก้าวลง แล้วล็อกรถ ก่อนจะมุดเข้ามาในร่มอีกคน..

“ในท้องยังแน่นไปด้วยปลาหมึกยั้วเยี้ย แต่ของฟรี ก็กินไว้ก่อน ประหยัดช่วยคุณชาย”..

ส่งผลให้รุ่งโรจน์เคาะหัวให้ หมั่นไส้ในคารมคมหอก


เมื่อขากลับออกมา สารถีหน้าใหม่ จึงขึ้นประจำการทำหน้าที่..

“เสียวไปชนกับเขา ให้แสงทองขับเถอะ” สุริยากล้า ๆ กลัว ๆ

“ถ้าไม่หัด มันก็ไม่เป็น ชนก็ชนไปซิ” ครูเสียงแข็ง

“ใบขับขี่ก็ไม่มี ถ้าตำรวจจับ”

“ขับออกไป ถ้าจับก็จ่ายตามจริง”

สุริยาหันมาแกล้งทำตาเขียวใส่ แล้วก็เคลื่อนรถออกไปอย่างทุลักทุเล..กว่าจะเหยียบเร่งน้ำมันราบเรียบ เลี้ยวซ้ายขวาไม่กระตุก ก็เล่นเอาผู้โดยสารหญิง ใจหายใจคว่ำไปหลายรอบ

และสุดท้ายมันก็ดีขึ้น ไม่มีอะไรดีกว่าคนไปได้

เมื่อรถแล่นออกมาถึงถนนเพชรเกษมคนที่ทำหน้าที่ ดูแผนที่เริ่มสับสน คนที่ขับจึงต้องเลี้ยวเข้าไปจอดที่ร้านแม่กิมอะไรสักอย่าง..และไหน ๆ ก็ไหน ๆ จึงลงจากรถซื้อขนมจากเมืองเพชรกลับไปฝากป้าและพี่สมใจรวมถึงคนที่นั่งปากมันอยู่ในรถนั่นด้วย

แต่คนที่ตามไปจ่ายเงินให้ คือรุ่งโรจน์นั่นเอง..

“แสงทองอยากได้อะไรไปฝากเพื่อน ไปเลือกได้เลย..” รุ่งโรจน์ยังพูดไม่จบก็มีสตรีนางหนึ่งเดิน อาด ๆ เข้ามาหา..“คุณรุ่งโรจน์”

รุ่งโรจน์หันมายิ้มให้ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก..

“มากับใครหรือคะ”

“มากับเพื่อน”

“ไหนคะเพื่อนคุณ” รุ่งโรจน์ชี้ไปที่ชายกับหญิงคู่นั้นอย่างไม่เต็มไม้เต็มมือนัก

“ไม่เห็นคุ้นหน้าเลย..ลูกบ้านไหนคะ” สาววัยกลางคนยังซักไม่เลิก แต่รุ่งโรจน์หาตอบตรงประเด็น รีบเรียกทั้งคู่มาจ่ายเงินค่าสินค้า แล้วขอตัวกลับ โดยตัวเองทำหน้าที่คนขับเสียเอง

“ใคร” คำถามสั้น ๆ จากปากแสงทอง

“คนสนิทคุณแม่นะซิ” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงขึ้น

“คุณแม่ มากับเพื่อนครับ...เพิ่งรู้จักกันครับ..เอ่อบ้านอยู่เชียงใหม่ครับ คนที่ผมบอกว่าเคยช่วยผมตอนไปเที่ยวเชียงใหม่เมื่อวันก่อนนะครับ”

สุริยาเงี่ยหูฟังเพื่อประเมินสถานการณ์ โดยแสงทองเองก็มีทีท่าไม่ต่างกัน

“กลับพรุ่งนี้ครับ..ให้กลับวันนี้หรือครับ ..ธุระยังไม่เสร็จเลยครับคุณแม่..ได้ครับ ได้..โอเคนะครับ” รุ่งโรจน์กดวางโทรศัพท์โดยไม่สนใจใบหน้าที่มีคำถามของสุริยา..

“พี่ยาไม่แวะ พระราชนิเวศมฤคทายวันรึ”

“ไม่หรอก ออกมาคนละทางแล้ว ..ไปพระราชวังบ้านปืน แล้วเขาวัง สำรวจวัดในบริเวณเมืองเพชรแล้วกัน ใจจริงก็นึกอยากไปวัดเขาตะเครานะ แต่มันไกลไปนิด”

“จะให้แวะตรงไหนก็บอกแล้วกัน..บอกเนิ่น ๆ นะครับจะได้เลี้ยวทัน”

“ทำไมพี่ยาดูแผนที่เก่งจังเลย”

“เกิดมาเพื่อจัดทัวร์มั้ง สมัยก่อนชอบดูแผนที่ตามหน้าหนังสือพิมพ์เวลาลงขายบ้านจัดสรร ตอนหลังซื้อหนังสือแผนที่มาหนึ่งเล่ม เวลาไปไหน ก็ดูหมายเลขทางหลวงแผ่นดิน ดูป้ายตามข้างทาง แก้ง่วงไป..แล้วก็แอบฝันเล็ก ๆ ว่าสักวันนะ ต้องไปที่นั่น..สุดท้ายก็ได้ไปอย่างที่เห็น”

“แล้วตกลงคืนนี้จะเอาอย่างไง” แสงทองหันมาชวนคนขับคุย

“ก็เอาเหมือนเมื่อคืนนะซิ” รุ่งโรจน์แกล้งรวนพลางหันหน้ามามองสุริยา ซึ่งไม่ยอมสบตา เพียงนั่งมองถนนนิ่ง ๆ จนกระทั่งรถแล่นมาถึง เขตเมืองเพชร รุ่งโรจน์ก็แวะซื้อน้ำตาลสด ลอนตาล กับชมพู่ลูกสีแดง..ให้เด็กบ้านนอกทั้งคู่ลิ้มลอง..

“กรอบอร่อย..พี่สุริยาป้อนให้พี่รุ่งหน่อยซิ ...” แสงทองส่งชมพู่ที่ถูกมีดเฉาะเป็นชิ้นส่งให้สุริยา

“ไปเอามีดมาจากไหน” รุ่งโรจน์แปลกใจ

แสงทองหัวเราะ..

“กลัวพี่สองคนขนาดนั้นเชียว..ระวังจะเป็นดาบสองคมนะ”

“กันไว้ดีกว่าแก้เจ้าค่ะ ขี้เกียจตามหาพ่อเด็ก จริง ๆ หนูก็ยังงงกับตัวเองเหมือนกันนะคะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไว้ใจพี่ทั้งสองคนก็ไม่รู้..เดี๋ยวจะหาว่าเราก๋ากั่น เที่ยวไปกับผู้ชายไม่เลือกหน้า..ไม่ใช่นะคะ นี่ครั้งแรก ที่ใช้ชีวิตแบบเสี่ยงภัยขนาดนี้”

“กลัวราคาตกหรืออย่างไร” รุ่งโรจน์ย้อนถาม

“ไม่หรอกค่ะ รับประกันความสด ระดับแสงทอง ถ้าไม่แปดแสนแหวนอีกสี่กระรัต ไม่มีทางได้จูงมือเข้าประตูวิวาห์แน่นอน”

“คงได้อยู่คานทองนิเวศน์วรวิหารแล้วอย่างนั้น” สุริยาเหย้าแหย่

“จำไว้เลยนะ วันไหนหนูมีคนมาสู่ขอแปดแสนแหวนอีกสี่กระรัต วันนั้นนะ จะกรี๊ด ๆ ใส่พี่สองคนให้สะใจเลยเชียว”

พอแสงทองพูดจบสุริยาก็สั่งให้เลี้ยวซ้ายไปวัดเขาบันไดอิฐ พอขับรถขึ้นเขาไปสักเล็กน้อย บนลานจอด มีเจ้าจ๋อมาคอยท่า รุ่งโรจน์จึงเปิดประตูส่งชมพู่ให้สี่ห้าลูก แล้วสมาชิกก็กรูกันมาทั้งโขยงจนต้องรีบปิดประตู เพราะแสงทองเตือนว่ากลัวมันจะคว้าอย่างอื่นในรถไปด้วย..

รุ่งโรจน์ขับรถลงจากเขาบันไดอิฐแล้วมุ่งเข้าเมือง เลี้ยวขวาไปดูเส้นทางพระราชวังบ้านปืน..พอเห็นก็ถอยกลับ ทำตามนโยบายคือดูแต่เส้นทางในสถานที่ท็อปฮิต ส่วนที่ใหม่ต้องลงให้ลึก หรือไม่ก็ใช้ความรู้สึกวัดเอาว่า ควรจะชวนคนมาเที่ยวหรือไม่..ผ่านหน้าวัดมหาธาตุวรวิหาร สุริยาชี้ชวนให้ทั้งสองคนดูพระปรางค์เก่าแก่บ่งบอกยุคสมัยในการก่อสร้าง กับคติความเชื่อในการสร้างเมืองใหญ่ ๆ ..

รถคันนั้นยังแล่นผ่านตัวเมืองผ่านวัดหลายวัด ที่รุ่งโรจน์ได้แต่ขับไปตามเสียงของสุริยา เลี้ยวซ้ายขวาตรงไป หารู้ไม่ว่า แท้จริง คนมาสำรวจต้องการอะไรกันแน่ จนกระทั่งรถมาหยุดที่สถานีรถรางขึ้นเขาวัง

“ไปไหนต่อครับ” คนขับถอนหายใจออกมา สุริยายิ้มแหย ๆ

“ในเมืองผมโอเคนะ มีหลายวัดที่น่าสนใจ”

“มองจากถนนนี่นะ” รุ่งโรจน์ถามด้วยเสียงสูง

“มองเข้าไปมีรถจอดเยอะ มีคนพลุกพล่าน ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ขลัง ดัง คนรู้จัก พวกลูกทัวร์เราก็เป็นลักษณะนี้แหละ หาวัดที่มีจุดขาย อย่างเพชรบุรีนี่ส่วนใหญ่คนจะรู้จักกันเยอะ แต่ให้ลงลึก ๆ อย่างวัดใหญ่สุวรรณาราม หรือวัดพระนอนนี่ไม่ค่อยมี..แต่ถ้าเราจะจัดเน้นวัด ๙ วัดในเมืองนี้ กับทัวร์เช้าไปเย็นกลับก็ยาก ดังนั้นควรเป็นลักษณะ วัดบวกพระราชวัง อย่างลพบุรี วัดใหม่วัดเก่า บวกพระราชวัง..”

“โปรแกรมหน้าไปไหน” รุ่งโรจน์ถามขึ้นมาลอย ๆ

“อาทิตย์ต้นเดือนลพบุรี ตอนนี้ตั๋วใกล้เต็มแล้ว ประมาณสัปดาห์ที่สามอาจจะจัดมาที่นี่..ช่วงว่าง ๆ ก็คงดำเนินเรื่องงานของเรา..ให้เสร็จสิ้น ผมมันคนใจร้อน..”

“พี่รุ่งโอเคนะ” แสงทองช่วยกระทุ้ง

“เห็นผมเป็นคนอย่างไง..ผมบอกแล้วไงผมพูดคำไหนคำนั้น”

“แล้ววันก่อนล่ะคะ..คำไหนคะ..”แสงทองแขวะให้ ทีนี้รุ่งโรจน์หัวเราะ..

“ลืมได้แล้ว..นี่ก็แก้ตัวให้อยู่นี่ไง”

เมื่อได้เรื่องในเมือง และเห็นว่าพระอาทิตย์ยังห้อยอยู่ไกลดิน สุริยาจึงสั่งให้สารถีหนุ่มขับรถไปวัดเขาตะเครา สักการะหลวงพ่อทอง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อว่าเป็นพระพี่น้องที่ลอยตามน้ำมากับหลวงพ่อโสธร และหลวงพ่อวัดบ้านแหลมสมุทรสงคราม

“ต่อไป เรื่องงบประมาณที่ออกสำรวจผมเสนอให้ทำบัญชีด้วยนะครับ เมื่อถึงสิ้นรอบบัญชี จะได้รู้ค่าใช้จ่ายตามจริง รายได้ตามจริง ก่อนจะปันผล ว่าไงครับเจ้านาย”

รุ่งโรจน์ที่ได้ตำแหน่งเจ้านายสะดุ้งโหยง ก่อนจะตอบว่า

“ผมไม่ได้เป็นเจ้านาย ผมเป็นนายทุน..คุณเป็นผู้บริหารเงินทุนผม คุณทำได้เลย..”

“ลืมไปหนูจบ ปวช.บัญชีมา หนูช่วยเรื่องพวกนี้ได้นะ..ถ้าต้องการมากกว่านี้จะไปปรึกษาเพื่อนที่มันทำงานกันมานานให้อีกทีก็ได้..”

“เยี่ยมมาก..ถ้าจะสำเร็จมันต้องคุยกันทุกเรื่องได้..อย่างไรก็ตามผมขอทำหน้าที่แค่นายทุนกับพขร.ในบางครั้ง ถ้าแสงทองขับรถได้..วันหลังผมก็มีรถให้ยืมไปกันสองคน หรือถ้าผมว่างผมก็ไปด้วยได้..นี่คือเหตุผลที่ผมต้องให้สุริยาขับรถให้เป็นโดยเร็ว”

“ขอบคุณครับ” สุริยายกมือพนมอย่างนอบน้อม

“ทำตัวเป็นเด็กดี ฟังคำสั่งก็พอแล้ว” แววตาของรุ่งโรจน์เจ้าเล่ห์จนสุริยาต้องเบือนหน้าหนี..สาวแสงทองจะรู้ไหมว่า มีอะไรผิดปกติในผู้ชายสองคน..สุริยาถอนหายใจออกมา พยายามที่จะทำใจแข็งไม่ปล่อยกายเป็นไปในทิศทางที่รุ่งโรจน์ต้องการ แต่ความรู้สึกทางเพศรสในขณะนี้มันบอกว่า สุขที่นั่งอยู่เคียงกัน

“ว้าย..ป้ายบอกว่ามีชมหิ่งห้อย” แสงทองกรี๊ดกร๊าดขึ้นมาระหว่างทาง..

“คืนนี้เรายังนอนค้างอีกคืนเพื่อไปชมหิ่งห้อยที่อัมพวา ไม่ไปแล้วเล่นน้ำทะเลเดี๋ยวตัวดำ พรุ่งนี้ก่อนกลับกรุงเทพฯ มีโปรแกรม..อุทยาน ร.2 หลวงพ่อวัดบ้านแหลมสมุทรสงคราม ตลาดน้ำดำเนินสะดวก พระปฐมเจดีย์ พระราชวังสนามจันทร์ วัดไร่ขิง..พุทธมณฑล คลองมหาสวัสดิ์ ตลอดดอนหวาย อีกเพียบ ไหวไหมคนขับ” สุริยาว่าพูดพลางเอื้อมมือไปบีบที่บ่าสารถีรูปหล่อพ่อรวย

“อยากกินน้ำมากกว่า”

สุริยาตามใจโดยรีบเปิดฝาขวดน้ำใส่หลอดส่งให้ดูด..

พลันโทรศัพท์มือถือของแสงทองก็ดังขึ้น

หญิงสาวทำเสียงคล้ายไม่อยากให้ทั้งคู่ได้ยินถ้อยเจรจา..แต่ก็ได้ยิน และรู้ว่ามีอุปสรรคระหว่างการเดินทางเสียแล้ว

“ค่ะคุณป้า ออกมากับเพื่อน ต่างจังหวัด..กลับพรุ่งนี้ค่ะ คืนนี้กลับไม่ทัน..ค่ะเย็น ๆ ประจวบค่ะ มาเที่ยวบ้านเขา..ค่ะ มาตรวจนะคะพรุ่งนี้เจอกัน..” วางสายแล้วแสงทองก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก

“ขี้ตั๋วเบบี๋ ขี้ตั๋วตะลาลา ขี้จุ๊เบบี๋ ขี้จุ๋ตะลาลา ขี้หกเบบี๋ ขี้หกตะลาลา..มุสาวาทาเวระมณี” รุ่งโรจน์ร้องเพลงพี่เบิร์ดล้อเลียน..

“รู้ด้วย” สุริยาถามขึ้น รุ่งโรจน์เลิกคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์..ไม่ตอบ จนกระทั่งรถแล่นไปถึงวัดเขาตะเครา คราวนี้รุ่งโรจน์กระตือรือร้นที่จะขึ้นไปไหว้พระในอุโบสถ ด้วยคงได้ยินสรรพคุณความศักดิ์สิทธิ์ที่สุริยาเล่าถึงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ตามจังหวัดต่าง ๆ ขณะเดินทางมา

พอลงจากรถ เขาก็เดินไปรอข้างหน้าพอสุริยามาถึง เขาโอบเอวเดินไปเคียงกัน


ตะวันโพล้เพล้กำลังจะลับเหลี่ยมมะพร้าวริมแม่น้ำแม่กลอง..รุ่งโรจน์เดินเกาะบ่าสุริยา โดยมีแสงทองนำหน้า..ตลาดยามเย็นที่ชุมชนอัมพวา สร้างความประทับใจให้ทั้งสามอยู่ไม่น้อย..ขนมไทยมากมายในราคาที่ไม่แพงมากดูมีเสน่ห์จนรุ่งโรจน์ยังกรากเข้าไปชี้สั่งกินตรงนั้น..

“คิดจะเที่ยวแบบกิน อย่าสั่งเยอะ เอาแค่ชิมพอ ประมาณถ้าเขาว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อย ก็ต้องหนึ่งหารสาม ขนมบัวลอยไข่เต่าอร่อยก็หนึ่งหารสาม จะได้กินหมดไม่เหลือทิ้งขว้าง..” สุริยาร้องบอก พอทั้งคู่ปฏิบัติตาม จึงเป็นเรื่องสนุกสนาน

ประมาณมะพร้าวอ่อนหนึ่งลูกหลอดสาม แล้วแย่งกันดูดน้ำ..

เป็นธรรมดาที่แสงทองเสียเปรียบ เพราะระวังไม่ให้ใบหน้าตนไปถูกใบหน้าหนุ่ม ๆ

และค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง..หิ่งห้อยนับแสนนับล้านตัว บนต้นลำพูใหญ่ในคลองผีหลอก และริมแม่น้ำแม่กลองมีมากมายหลายร้อยต้นมีแสงเรืองรองระยิบระยับประดุจดวงดาวบนฟากฟ้ามาแต่งเติม.แสงทองถึงก็โอ้โฮ อ้าฮา ตลอดการเดินทางโดยเรือหางยาว..เสียงไกด์จำเป็นคือคนขับเรือให้ความรู้เป็นระยะ

“ถ้าแม่น้ำสายไหน มีหิ่งห้อยแสดงว่าแม่น้ำนั้นยังสะอาดเพราะตัวหิ่งห้อยจะลงไปวางไข่ในน้ำแล้วกลางคืนก็จะเป็นอย่างที่เห็น”

“โกโบริ โกโบริ ฉันอังสุมารินมาแล้ว คุณอยู่ไหน แวร์ อาร์ ยู ไอ เลิฟ ยู โกโบริ..โกโบริ” แสงทองตะโกนเบา ๆ พอให้สองหนุ่มขำแล้วก็ใช้มะเหงกเคาะหัวให้เบา ๆ ทำนองหยอกล้อ..

“ไม่คิดนะคะว่า มันจะกระพริบพร้อมกัน ไฟฟ้าหรือเปล่าลุงไปใกล้ ๆ ซิ” แสงทองทำตลก..จนกระทั่งเรือที่พาชมหิ่งห้อยตามลำน้ำแม่กลองแล่นกลับ แสงทองจึงเอ่ยว่า

“มาเห็นก็เป็นบุญตา แต่มันก็เปลืองตังค์”

“อย่างไรคนมันต้องใช้เงินอยู่แล้วแสงทอง ไม่ใช้เที่ยวก็ใช้ทำอย่างอื่น หรือไม่ทำอย่างอื่นสุดท้ายก็ต้องทำงานศพ หรือไม่ก็ทิ้งไว้ให้คนอื่นใช้ เงินไม่เหลือติดมือกลับบ้านเก่าสักบาท..เพราะฉะนั้นหาความสุขให้เป็น ทำบุญบ้าง เที่ยวเปิดสมอง ดูชีวิตคนบนโลกนี้บ้าง แค่นี้กำไรแล้ว”

“สาธุ” ทั้งรุ่งโรจน์และแสงทองรับสาธุการพร้อมกัน อดีตพระหน้าแดงจึงต้องแก้เขินโดยวักน้ำใส่ให้ร้องโวยวายด้วยอากาศเย็นยามค่ำคืนเป็นทุนเดิม



ค่ำคืนนั้นแสงทองคงมีความสุขอย่างมาก ระหว่างที่เดินกลับมาห้องพัก หญิงสาวกล่าวขอบคุณทั้งสุริยาและรุ่งโรจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เมื่อแยกย้ายกันเข้าห้อง สุริยาต้องใจเต้นแรงอีกครั้ง ด้วยรุ่งโรจน์ จิบเบียร์ไปหลายกระป๋องตั้งแต่อยู่บนเรือ..คนเมาขาดสติย่อมปล่อยให้ความยั้งคิดถดถอย

สิ่งแรกที่รุ่งโรจน์ทำเมื่อเดินเข้าห้อง คือถอดเสื้อเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่หน้าอกและต้นแขนดูกำยำล่ำสัน เขานั่งไขว่ห้างพลางจิบเบียร์สายตาก็จดจ่ออยู่กับภาพข่าวโทรทัศน์ และความประจวบเหมาะก็เกิดขึ้นเนื้อหาในข่าว เป็นภาพของน้องแอนนี่กับแฟนหนุ่มดาราหน้าใหม่ สุริยาเองก็ยืนดูอยู่โดยไม่กล่าวว่าอะไร หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดตัวของโรงแรมนุ่งก่อนจะถอดกางเกงและเสื้อยืดคอกลม พอเสื้อยืดพ้นคอ รุ่งโรจน์ก็ทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง คือโยนกระป๋องเบียร์เปล่าปะทะข้างฝาห้องพักอย่างแรง

“ผู้หญิงน่าเบื่อที่สุด” เขาสบถออกมาแววตามีความเจ็บปวด แต่เมื่อเห็นสีหน้าสุริยา เขาจึงเสไปยืนรับลมเย็น ๆ ที่ระเบียง สุริยานึกเป็นห่วงจึงได้เดินตามออกไปยืนชมวิวเคียงกัน แล้วก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของรุ่งโรจน์

“เครียดเรื่องอะไร”

“คุณเคยถูกผู้หญิงหลอกไหม” รุ่งโรจน์เปิดเผยความในใจ สุริยาสั่นหัว รุ่งโรจน์จึงหัวเราะหึ ๆ

“แม่แอนนี่สาวสวย ดาราดาวรุ่งนะซิ ตอนที่มันอยู่กับผมมันก็บอกว่ารักผมคนเดียว รักตั้งแต่แรกพบ รักปานจะกลืนกิน พอตอนหลังมันดัง ผมเริ่มมีชื่อเสียง เพราะควงกับมันออกงานบ่อย ๆ คุณแม่ผมก็สั่งให้แม่นั่นเลิกคบกับผม..ผมมารู้ตอนหลังว่าแม่จ้างมันมาเล่นละคร..”

“ก็ไหนคุณเคยบอกว่าไม่ได้รักใคร่ใยดีเธอไม่ใช่รึ”

“ผมไม่ได้รักเธอหลอก แต่พอเห็นคนดัดจริตแล้วมันแค้นนะซิ นี่มันคงกำลังหลอกไอ้พระเอกหน้าโง่นี่อยู่เหมือนกัน หรือวงการมายามันเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้ คบกันเพื่อให้ได้เป็นข่าว”

“แค้นไปก็เท่านั้นคุณรุ่ง..สู้ให้อภัย อโหสิกรรมต่อกันไป..ทางใครทางมัน ตอนนี้คุณก็มีทางเดินของตัวคุณเองแล้วไม่ใช่รึ ผมรู้นะว่าคุณกำลังเลือกที่จะทำในสิ่งที่คุณพอใจ”

“ถ้าสิ่งที่ผมพอใจมีคุณอยู่ด้วยคุณจะให้ความร่วมมือไหม” รุ่งโรจน์ย้อนถาม..แต่สุริยาไม่ตอบ ไม่กล้าแม้จะสบตาที่มองมาด้วย

“คุณคงเมา เข้าไปข้างในเถอะเดี๋ยวตกลงไป” สุริยาเปลี่ยนเรื่องคุย พลางเปิดประตูเชื้อเชิญรุ่งโรจน์เข้าไปในห้อง ด้วยเขาเองก็รู้สึกว่าลมที่พัดจากแม่น้ำทำให้ทั่วทั้งสรรพางค์กายยะเยือกเย็น จนถึงหัวใจ..

“เบียร์แค่นี้ผมไม่เมาหรอก..” ไม่เมาแต่เดินเซมากอดเอวแม้บและซบลงที่หัวไหล่ให้สุริยาประคองกลับมานั่งที่โซฟา..กลิ่นเบียร์คละคลุ้งออกมาเมื่อใกล้ชิด จนสุริยาต้องเบือนหน้าหนี..

“รังเกียจผมหรือไง” พูดแล้วรุ่งโรจน์ก็ยิ่งยื่นหน้ามาจนจมูกชิดกัน..สุริยาไม่ตอบ..โดยเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู สุริยานุ่งผ้าแล้วตัดสินใจเปิดรับ..พบรุ่งโรจน์อยู่ในลักษณะนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเช่นกัน

“ผมอาบน้ำด้วยคนได้ไหม อยากให้ถูหลังให้..” สุริยาไม่ทันตอบ รุ่งโรจน์ก็จู่โจมเข้ามา ดึงประตูปิดปังแล้วกดล็อค

“ห้องน้ำมันเล็กหายใจไม่ออก เปิดประตูเถอะ” สุริยาทำท่าจะไปที่ประตูแต่รุ่งโรจน์ดึงข้อมือไว้ หลังจากนั้นเขาก็ปลดผ้าขนหนูเผยให้เห็นกางเกงในสีขาวตัวจิ๋ว..และต้นขาด้านบนกับหน้าท้องน้อยที่เป็นลอนกล้ามเนื้อ..

“คุณถอดด้วยซิ เราจะอาบน้ำด้วยกันไง” รุ่งโรจน์รบเร้า แต่สุริยาจับปมผ้าไว้แน่น..

“ไม่หรอก ผมไม่ถอด ผมอาย แต่ผมถูหลังให้คุณได้” สุริยารีบหมุนวาล์วน้ำอุ่นให้ค่อย ๆ ไหลรดตัว
คนที่ยืนหันหลังให้..หลังจากนั้นก็ถูสบู่ไปทั่วแผ่นหลังอย่างเบามือ..

“มือคุณเบากว่ามือผู้หญิงอีกนะเนี่ย” สุริยาไม่ตอบ แต่รู้สึกน้อยใจอย่างประหลาด ..รุ่งโรจน์หันหน้ากลับมาพร้อมกับดึงมือของสุริยาที่มีสบู่ให้ช่วยถูบริเวณด้านหน้าอกของตน..

“มือคุณก็มีนี่” สุริยาตัดสินใจ ดึงมือรุ่งโรจน์มายัดสบู่ให้ แล้วรีบเปิดประตูผละออกจากห้องน้ำ เมื่อเดินออกมา เขาได้ยินเสียง เพลงคนไม่มีแฟน ของธงไชย แมคอินไตย์ ที่รุ่งโรจน์ร้องประสานเสียงน้ำไหลว่า

“ในชีวิตเคยมีคนผ่านมา แต่ว่าเขาเข้ามาเพื่อผ่านไป หัวใจนี้ไม่มีใคร ไม่ว่ารักฉันมีให้กับใคร บทสุดท้ายก็ลงแบบเดิมคือช้ำใจ...กลับมาทุกครั้ง ฉันเหมือนคนโชคร้ายที่โดนสาปไว้ให้พบแต่ผิดหวัง ขอเป็นเธอได้ไหม ช่วยปลดคำสาปร้าย คำนั้น..ให้ฉันได้เจอรักเสียที อยากโดนเป็นเจ้าของ อยากมีคนจับจอง แม้เธอได้ครอบครอง เจ้าของใจดวงนี้ จะคอยให้ความรักจะดูแลอย่างดี ที่เธอทำให้ฉันไม่ต้องทน เป็นคนนี้ คนไม่มีแฟน.. ”

ขณะที่รุ่งโรจน์ร้อง สุริยาก็รีบเร่งเสียงโทรทัศน์กลบ แต่เขาก็ยังตะโกนร้องเพลงออกมาอย่างเสียงดัง จนคนเร่งเสียงโทรทัศน์ต้องยอมแพ้..ไปยืนทำตาเขียวอยู่ที่หน้าประตู พลางถามว่า..

“เดี๋ยวแสงทองมันก็มาเคาะประตูถามว่า เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก”..

“ไม่อยากให้บ้าก็ฟังซิว่าผมร้องเพลงอะไร” เขานุ่งผ้าเช็ดตัวก่อนจะปลดกางเกงในลงทิ้งให้กองอยู่บนพื้น

“ทำอย่างไรดีกับเจ้านี่ ทิ้งเนอะ”

“เสียดาย ..เพิ่งซื้อมา ใส่ได้ไม่กี่ครั้งเอง เอาไว้นั้นแหละเดี๋ยวจัดการให้” สุริยาเกาหัวแกร็ก ๆ และต้องหลบทางวูบ เมื่อคนทิ้งเจ้าตัวจิ๋วเดินออกจากห้องน้ำหน้าตาเฉย เมื่อรุ่งโรจน์ออกไป สุริยาจึงผลุบเข้าไปแล้ว ฮัมเพลงคนไม่มีแฟนท่อนที่ว่า

“ฉันเหมือนคนโชคร้ายที่โดนสาปไว้ให้พบแต่ผิดหวัง ขอเป็นเธอได้ไหม ช่วยปลดคำสาปร้ายคำนั้น ..ให้ฉันได้เจอรักเสียที”

และยังร้องไม่ทันจบ คนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำไปก็กลับมาเคาะประตูแล้วพูดมาว่า

“คำสาปคุณถูกปลดแล้ว..แต่คุณรักเป็นหรือเปล่า”

ทีนี้สุริยาไม่ตอบ..แต่รีบเปิดน้ำให้ไหลรดหน้าสุดแรง เพราะไม่อยากได้ยินอะไรที่ทำให้หัวใจหวั่นไหวอีกแล้ว



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2554, 10:41:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2554, 10:41:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1658





<< 10   12. >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:33:12 น.
ลุ้น ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account