อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 12.

12.

ค่ำคืนนั้นแม้จะค่อนข้างดึก แต่คนรักงานยังนั่งจดบันทึกวางแผนโปรแกรมทัวร์ภายในหนึ่งวันภายในจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ สถานที่น่าสนใจก็มีวัดห้วยมงคล และวัดที่อยู่ในเมืองเพชรบุรี..

สุริยานั่งดูแผนที่ในการหมุนรถสำรวจสถานที่ กะไว้ว่าหลังจากทริปพระพุทธฉาย พระพุทธบาท พระนารายณ์ราชนิเวศ วัดในจังหวัดลพบุรีแล้ว คงจะต้องมาในนครปฐมหนึ่งครั้ง สมุทรสาครกับสมุทรสงครามหนึ่งครั้ง หากมีกลุ่มที่ต้องการดูหิ่งห้อย คงต้องจัดแบบสองวันหนึ่งคืน เริ่มจากสมุทรสาคร แวะไปดอนหอยหลอด มาเที่ยววัดในจังหวัดสมุทรสงคราม แล้วก็นอนโฮมสเตย์ที่อัมพวา โดยขากลับใช้เส้นทางนครปฐม ...

สุริยานั่งคิดโปรแกรม เห็นเงินรายได้ที่จะมาหล่อเลี้ยงชีวิตและทำบุญจึงยิ้มออกมา..รู้สึกชีวิตมีความสุข ด้วยได้ทำในสิ่งที่ตนรัก..ได้เป็นผู้ให้ในบางโอกาส.. จนกระทั่งเวลาได้ดูนาฬิกาที่โทรศัพท์เห็นว่าดึกมาก เขาจึงหันกลับไปที่เตียงนอน พบรุ่งโรจน์นั่งพิงพนักเตียงลืมตามองมาทางตนด้วยสายตายากคาดเดา

“ยังไม่หลับอีกรึ” สุริยาร้องถาม รุ่งโรจน์ยักคิ้วให้ แล้วตบที่นอนข้างตัว

“มานอนได้แล้ว ดึกแล้ว ” เมื่อได้ยินถ้อยคำออดอ้อน สุริยาถอนหายใจออกมา ปิดไฟตรงโต๊ะเครื่องแป้งแล้วปฏิบัติตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย

“ผมเมื่อยขาจังเลย รบกวนช่วยนวดให้ได้ไหม” รุ่งโรจน์เปิดผ้าห่มที่คลุมกายออกเผยให้เห็นว่าเขานุ่งกางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียว

“อากาศก็ดีอยู่แล้ว จะเปิดแอร์ให้หนาวทำไมก็ไม่รู้” ปากถาม มือก็นวดขาไปด้วยอาการฝืนความรู้สึกสั่นเพราะหัวใจเต้นผิดปกติ

“หนาวซิ มือสั่นเชียว” น้ำเสียงรุ่งโรจน์เจือด้วยเสียงหัวเราะอย่างเป็นต่อ แต่สุริยาไม่ตอบ

“ร้องเพลงให้ฟังนะ”

“ไม่ต้องหรอก เงียบ ๆ ก็ดีแล้ว” สุริยาปฏิเสธ แต่รุ่งโรจน์ไม่ฟัง

“หากเราต้องจากกัน จากกันด้วยเหตุใด เก็บความคิดที่คล้ายกัน เก็บความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนั้นไว้ ...หากวันไหนที่เธอ เกิดเจอะเจอทุกข์ภัย หากเธอนั้นเดือดร้อนใจ จะเป็นเรื่องใดที่ทำให้เธอท้อแท้ ขอเพียงแต่เขียนมา ขอเพียงส่งเสียงมา จะไปหา จะไปในทันใด จะไปยืนเคียงข้างเธอ ไปอยู่ดูแลเป็นเพื่อนเธอ ให้เธอหมดความกังวลใจ จะไปในทันใด จะตรงไปจะใกล้ไกล ถ้าหากเป็นเธอจะรีบไป ให้เธอได้ความสบายใจ ..โปรดจงรู้ว่ามีอยู่ตรงนี้อีกคน..กับชีวิตที่วกวนจะมีผู้คน กี่คนที่เป็นมิตรแท้.. ”

พอรู้ว่ารุ่งโรจน์ตั้งใจร้องเพลง ‘ด้วยรักและผูกพัน’ ของพี่เบิร์ดให้ตน เพราะแววตาที่เขามองมามันบอก ..ท่อนที่เหลือสุริยาจึงช่วยคลอไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า..

“จิตใจยังพร้อมจะยินดี กับรอยยิ้มที่เธอมี อยากเห็น วันที่ชื่นบาน อยากเห็นจากเธอ...อยากให้เธอได้มี สิ่งที่ดีเรื่อยไป..หากวันไหนเกิดทุกข์ภัย โปรดจงมั่นใจ ฉันจะรีบไปในทันใดฯ”

“ร้องไห้ทำไม ร้องเพลง” สุริยาฝืนความรู้สึกตัวเองไม่ไหว จึงเผลอให้น้ำตารินไหลออกมา ขณะที่มือก็ยังนวดต้นขาของเขา รุ่งโรจน์เห็นดังนั้นจึงดึงมือสุริยามาเกาะกุมไว้..

“จำไว้นะเด็กโง่..เพียงคุณส่งเสียงมาเท่านั้น ผมจะบันดาลทุกอย่างให้คุณ..”

สุริยาเอามือปิดปากรุ่งโรจน์ทันที

“ขอบคุณครับ ขอบคุณทุก ๆ อย่าง..”

และค่ำคืนนั้นสุริยารู้สึกเป็นสุขเหลือเกินที่นอนหลับโดยมีลำแขนของรุ่งโรจน์เพียงพาดรัดที่หน้าอกพอให้อบอุ่น..เท่านั้น



เช้าสดใส แสงทองโทรมาบอกว่า จะมีพระพายเรือบิณฑบาตให้รีบออกมาดู..หรือถ้าจะใส่บาตรร่วมกัน เธอจะได้ออกจัดหาอาหารไว้ให้..สุริยารีบลุกจากที่นอน โดยที่รุ่งโรจน์ร้องถามว่า

“จะไปไหน..”

สุริยาบอกความจริงก่อนจะเข้าห้องน้ำ ออกมาแล้วรีบออกจากห้องไปพร้อมกล้องดิจิตอลตัวเก่ง..

กลับเข้าห้องมาอีกที พบรุ่งโรจน์นอนลืมตาใสแหนวดังเคย แต่ยังไม่อาบน้ำแต่งตัวเหมือนเมื่อวาน.

“ลุกขึ้นอาบน้ำซิ” สุริยารีบเดินเข้าไปหา ยื่นมือให้เพื่อดึงรุ่งโรจน์ให้ลุกขึ้น และเขายังปฏิบัติอย่างเคย เมื่อดึงขึ้นมานั่งแล้วก็ใช้มือกอดรัดอยู่ที่เอวแล้วใช้ใบหน้าซุกไซ้ไปตามบริเวณท้องน้อยเหมือนลูกหมาหิวนม

“ผมมีของขวัญจะให้..” รุ่งโรจน์บอกสุริยาด้วยเสียงเบา ๆ

สุริยาแกะมือออก แล้วสั่งให้รีบไปอาบน้ำแต่งตัว โดยไม่ทำท่าดีใจกับของขวัญที่รุ่งโรจน์จะให้..

“ไม่อยากได้รึ”

“คุณก็เป็นของขวัญที่ล้ำค่าสำหรับผมแล้วล่ะ ไปอาบน้ำเถอะจะได้ไปสำรวจให้ทั่ว ๆ ..ผมคนใจร้อน..อยากรู้ อยากเห็น อยากพาคนอื่นมารู้มาเห็น..เหมือนอย่างที่เราเห็น..”

รุ่งโรจน์ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ เสียงอาบน้ำซู่ซ่าผสานเสียงฮัมเพลงเพลิดเพลิน ออกจากห้องน้ำก็เห็นว่าสุริยาก็จัดเสื้อผ้าชุดใหม่รอท่าเรียบร้อย โดยที่เขาน้ำเพียงเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้งแล้วทาแป้งหวีผมสวมใส่เสื้อผ้าก็ออกไปได้เลย

“เช็ดหัวให้บ้างซิ” รุ่งโรจน์อ้อนอีกเรื่อง ใจของสุริยาก็ว่าจะไม่ทำให้ แต่พอเห็นแววตาเจ้าเล่ห์นั่น ก็อดที่จะปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้..เมื่อเช็ดผมจนแห้ง เขาก็บอกว่า

“หวีผมให้ด้วย”..แล้วก็ “ติดกระดุมเสื้อให้ด้วย”

สุริยาถอนหายใจออกมา แต่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข

ขณะจะก้าวออกจากห้อง รุ่งโรจน์ก็รั้งมือไว้ พร้อมกับยื่น กระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้

“เช็คเงินสด หนึ่งแสนบาท..” สุริยาตาเหลือก

“กลับไป คุณดำเนินการเรื่องธุรกิจเราได้เลย ผมใจร้อนอยากเห็นคุณพาคนไปเที่ยวไหว้พระ ไหว้เจดีย์ทั่วไทยเหลือเกิน”

สุริยาอยากจะกระโดดโอบคอแล้วหอมรุ่งโรจน์สักฟอด แต่เอาเข้าจริง เขาเพียงแต่มีน้ำตารื้นขณะกล่าวคำว่า

“ขอบคุณที่ไว้วางใจผม”

“ใครว่าไว้วางใจคุณ ผมวางหัวใจไว้กับคุณต่างหาก”



อุทยาน ร.2 เป็นบ้านทรงไทยโบราณ 3 หลังที่มีนอกชานเชื่อมถึงกัน..เมื่อเดินขึ้นบันได เข้าไปในเรือน แสงทองทำท่าเดินหลังตรง ก้าวย่างสุขุมเยือกเย็น

สุริยาใช้สายตาปราม หญิงสาวยิ้มแหย ๆ

เมื่อเดินชมจนทั่วบริเวณ จึงข้ามไปวัดอัมพวันเจติยาราม ซึ่งเป็นวัดของตระกูลราชนิกูลบางช้าง สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระรูปศิริโสภาค มหานาคนารี พระชนนีของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์

หลังวัดนี้ก็เคยเป็นนิวาสสถานเก่าของหลวงยกกระบัตร และคุณนาค เชื่อกันว่าบริเวณพระปรางค์ของวัดอัมพวันฯ เดิมเป็นเรือนที่คุณนาคใช้เป็นที่คลอดคุณฉิมบุตรชาย ซึ่งต่อมาได้เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ทั้งสามคนเดินไปหยุดที่หน้าอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 2 นั่งคุกเข่า ..ก้มกราบระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

ออกจากวัดอัมพวันฯ จุดมุ่งหมายใหม่ก็คือ..วัดเพชรสมุทรฯ สักการะหลวงพ่อวัดบ้านแหลม พระยืนปางอุ้มบาตร พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง....

เมื่อจุดธูปเทียนสักการะ ปิดทององค์หลวงพ่อแล้ว รุ่งโรจน์ก็เดินเคียงกันออกมากับสุริยา แสงทองซึ่งเอากล้องมาครอบครองตั้งแต่เช้า จึงสั่งให้สองหนุ่มยืนเคียงกันฝึกกดชัตเตอร์ เพื่อให้สุริยาดูฝีมือที่กำลังพัฒนาตามคำแนะนำของเขา

“ไกลไป ลองซูมมาใกล้ ๆ อาจจะทำให้ภาพน่าดูขึ้น เพราะถึงอย่างไรเราก็ไม่เน้นฉากหลังอยู่แล้ว”

แสงทองกดไปอีกที คราวนี้รุ่งโรจน์ยิ้มจนเห็นฟันเรียงกันสวยงาม

เมื่อรถแล่นออกมาจากบริเวณวัดเพชรสมุทรวรวิหาร แสงทองก็อ่านประวัติ หลวงพ่อวัดบ้านแหลมดัง ๆ

“หลวงพ่อวัดบ้านแหลม เป็นพระพุทธรูปที่ผูกพันกับหลวงพ่อวัดเขาตะเครา ไปมาแล้วเมื่อวานนี้.. ทั้งตำนานพระพุทธรูป 5 องค์ ลอยน้ำมาด้วยกัน ในวงเล็บ มีหลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อวัดเขาตะเครา หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อวัดบางพลีใหญ่ หลวงพ่อโสธร วงเล็บปิด กับตำนานชาวประมงบ้านแหลมอยู่อ่าวเพชรบุรี ได้พระพุทธรูป 2 องค์ในทะเลขณะออกไปตีอวนหาปลา องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ส่วนอีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนจึงอาราธนาไว้บนเรือองค์ละลำ เมื่อเรือแล่นมาถึงแม่น้ำแม่กลองบริเวณหน้าวัดศรีจำปา เกิดอัศจรรย์คล้ายกับพระพุทธรูปประสงค์จะอยู่ที่วัดแห่งนี้จึงทำให้ฝนตกหนักพายุพัดเรือล่มจมลง พระพุทธรูปยืนตกน้ำหายไป ช่วยกันค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ จึงนำพระพุทธรูปที่เหลืออีกองค์กลับไปประดิษฐานที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาชาวบ้านศรีจำปาช่วยกันดำน้ำค้นหาพระพุทธรูปที่จมน้ำได้ จึงอาราธนาประดิษฐานไว้ที่วัดจำปา ครั้นชาวบ้านแหลมทราบข่าวยกขบวนมาทวงพระพุทธรูปคืน เกิดศึกวิวาทกัน ด้วยปาฏิหาริย์ทำให้สองฝ่ายปรับความเข้าใจกัน ปรองดองกันด้วยดี ชาวประมงบ้านแหลมจึงยินยอมมอบพระพุทธรูปยืนให้แก่ชาวบ้านศรีจำปามีข้อแม้ว่า ต้องเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็นวัดบ้านแหลม เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าชาวบ้านแหลมเป็นผู้พบและได้พระพุทธรูปยืนมาตั้งแต่แรก นับแต่นั้นมาวัดศรีจำปาจึงได้นามใหม่ว่า วัดบ้านแหลม และเรียกขานพระพุทธรูปยืนตามนามวัดว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชั้นวรวิหารและได้รับพระราชทานนามว่า วัดเพชรสมุทรวรวิหาร”

เมื่อแสงทองอ่านจบ สุริยาจึงปรบมือให้

“ว่าที่ไกด์สาวเสียงพิณของเรา..”

“อ่านแล้วชักอยากไปให้ครบทั้งห้าองค์แล้วซิ..คนขับเจ้าขาเหลืออีกสามองค์เจ้าค่ะ พาไปหน่อยได้ไหม..ไหน ๆ ก็พาหนูมาใจแตกเรื่องวัดเสียแล้ว”

รุ่งโรจน์ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม ๆ

“จริง ๆ เวลาเราขึ้นทัวร์เราจะไปยืนอ่านอย่างนี้มันก็ไม่ขำหรอกแสงทอง กลับไปนี่ เตรียมไปขนหนังสือพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั่วไทย กับ หนังสือ 50 กษัตริย์ไทยอีกเล่ม หรือไม่ก็คำให้การของขุนหลวงหาวัด เกร็ดพงศาวดารอยุธยา และรัตนโกสินทร์ เพราะอะไรรู้ปะ อย่างเมื่อกี้เราไป อุทยาน ร. 2 จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรมีแต่บ้าน ..ถ้าเราอ่านประวัติศาสตร์นิดหนึ่งมันจะไปประสานกับวัดอัมพวัน..ที่อยู่ติดกัน และค่ายบางกุ้งที่เรากำลังจะไป ค่ายนี้โด่งดังในสมัยพระเจ้าตากสิน และสมเด็จพระบิดารัชกาลที่ 1 ท่านเป็นสามัญชน เป็นทหารเอกของพระเจ้าตากสิน เมื่อคราวก่อนเสียกรุงท่านมาดำรงตำแหน่งพระยายกกระบัตรอยู่ที่นี่ มีเมียที่นี่ และรัชการที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรีท่านเกิดที่นี่ ริมฝั่งแม่น้ำ..จุดประสงค์ในการเล่าเพื่อให้คนฟังคล้อยตาม เราจึงต้องรู้ถึงขนาดนี้..รู้เรื่องพระอารามหลวงชั้นตรี โท เอก เรื่องลักษณะพระพุทธรูป เหตุที่ได้ชื่อว่าปางนี้เพราะอะไร..ต้องอ่านพุทธประวัติอีกนิดพอเราหมดมุกเราก็ยัดเข้าไป.. แล้วเรื่องหลวงพ่อห้าองค์ อย่างที่เธออ่าน เธอยังนึกอยากไปทั้งห้า ทีนี้เราก็อยากให้เขาอยากไปครบทั้งห้าองค์ แต่เราไม่ได้จัดครั้งเดียวห้าองค์ อย่างทริปเพชรบุรี เราพาไปวัดเขาตระเครา เราก็จะขายทัวร์มาสมุทรสงครามต่อเราก็เน้นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อวัดบ้านแหลมกับวัดไร่ขิงมาก ๆ หน่อย ..เพื่อเราจัดทัวร์ไปปุ๊บ คนอาจจะมีอารมณ์ซื้อทัวร์ต่อ หรือไม่ก็..ไปวัดไร่ขิงก็เล่าเรื่องหลวงพ่อโสธรกับหลวงพ่อวัดบางพลีใหญ่ หรือไม่ เราก็หาเรื่องพระลอยน้ำมาเล่า มีหลวงพ่อธรรมจักร วัดธรรมามูล ชัยนาท นี่ก็พระคู่บ้านคู่เมืองลอยน้ำมา อ.โกรกพระ นครสวรรค์ ได้ชื่อนี้ก็เพราะมีพระลอยมาแล้วหายไป ค้นหาเท่าไรก็ไม่เจอเรียกว่าโกรกพระ หรือไม่ก็เรื่อง พระเสริม พระสุก พระใส ..จ.หนองคาย ลอยน้ำข้ามฝั่งโขงมาจากเมืองลาว เอาไว้หากินตอนไปเที่ยวดูบั้งไฟพญานาค..เล่าเรื่องพระชินราช พิษณุโลก หลวงพ่อเพชร พิจิตร หรือไม่ก็ประเพณีอุ้มพระดำน้ำที่เพชรบูรณ์”

“แค่คิดก็มันส์แล้ว มันลุ้นเหมือนกันเนอะ พี่รุ่ง ว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เราพูดหรือเปล่า”

“มันขึ้นอยู่กับเรา ถ้าเราเข้าใจ เราก็เล่าให้เขาเข้าใจได้ พระศักดิ์สิทธิ์กับปาฏิหาริย์ กับเรื่องแก้บน เราได้เห็นกันเป็นประจำ แต่เราต้องชี้ให้เห็นในลักษณะเน้นดวงปัญญา ให้สว่าง ให้ละ ในบางเรื่องให้ได้ การบนบานกับการอธิษฐานจิตแตกต่างกัน ให้ก่อนขอ กับขอก่อนให้..ถ้าศึกษาเยอะ ๆ อาจจะพูดถึงเรื่องสมาธิคือระลึกนึกถึงรูปพระพุทธเจ้าให้เป็นอารมณ์ พอใจ ชอบองค์ไหนก็ให้หลับตานึกให้เห็นจากความรู้สึกก็เป็นพุทธานุสติ ถ้าพูดต่อก็เล่าถึงบางคน ก่อนตายนึกถึงพระได้ มีสวรรค์เป็นที่ไป..ประมาณนั้น”

“ข้อมูลที่พี่พูดตีกัน เริ่มปวดหัวแล้ว สงสัยบาปยังเยอะ”

“แต่ตอนนี้หนูคิดจะมาหากินกับทางวัด หนูต้องเข้าให้หมดตัวหมดใจ..เดี๋ยวกลับไปจะมีทัวร์ลพบุรี..พระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระนารายณ์ราชนิเวศน์ แล้วก็เรื่องหนุมาน..เตรียมอ่านหนังสือได้เลยนะจ๊ะ..เอาเรื่องศาสนาผสมกับวรรณคดี หรือประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ได้ โดยเฉพาะพระพุทธบาทสระบุรี ตรงนี้พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หนึ่งในหกของประเทศไทย..ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์เยอะมาก ๆ ตัวต้องอ่าน ๆ ๆ แล้วก็อ่าน อ่านแล้วก็ลำดับเหตุการณ์สั้น ๆ ลองเล่าหน้ากระจก..ถ้าลูกทัวร์ติดเธอได้..เธอก็สบาย..แล้ว..”

“สบายอย่างไร”

“ไม่แน่หรอก อย่าลืมซิว่าเรานั่งอยู่กับใคร คุณรุ่งโรจน์ ถ้าวันหนึ่งพี่แกตัดสินใจ เป็นดารานายแบบขึ้นมา แกนึกอยากจะทำรายการทีวี แล้วช่วยเราทั้งสองด้วย ครีเอทีฟหัวเห็ดจะไปไหนเสีย ถ้าไม่ใช่เธอ..คิดดูซิ เงินทั้งนั้น”

แสงทองตาโตกับโครงการพันแปดร้อยล้าน ส่วนรุ่งโรจน์เองหันมายิ้ม ๆ ก่อนจะยกนิ้วหัวแม่โป้งให้สุริยา..จนกระทั่งรถถึงค่ายบางกุ้งโบสถ์ร้างที่ถูกปกคลุมด้วยรากไทร รากไกร และรากกร่าง..เมื่อมาถึงเป็นธรรมเนียมที่ใดมีพระศักดิ์สิทธิ์ ที่นั่นยอมมีการทำบุญ ซื้อดอกไม้ธูปเทียน มีใบโพธิ์เงินโพธิ์ทองสำหรับติดเงินเสียบพุ่มผ้าป่า สุริยาทำตามธรรมเนียมนั้นอย่างรวดเร็ว ส่วนทั้งสองคนยังเก้ ๆ กัง ๆ

“ตามศรัทธาจะติดเท่าไหร่ก็ได้ แล้วก็เข้าไปกราบพระด้านใน เอาสิริมงคลใส่ตัว” สุริยานำเข้าไปรุ่งโรจน์กับแสงทองเดินตามไป ในมือมีดอกไม้และแผ่นทอง

สำหรับสุริยา ..นั่งขมุบขมิบปาก สักพักก็ก้มกราบ พอต้นแบบก้มกราบสองคนก็กราบตาม..

“คราวหลังต้องกราบสวย ๆ รู้ไหม เพราะเราเป็นต้นแบบ ลูกทัวร์เขามองเราอยู่เหมือนกัน เวลาที่เราจะประเคนของพระอย่างนี้ ถอดรองเท้าได้ถอด นั่งลงได้นั่ง กับดินกับอะไรก็นั่งไป ถ้ามีตัวอย่างปุ๊บคนอื่นก็จะทำตามทันที”

แสงทองถอนหายใจออกมา รุ่งโรจน์เพียงแต่ยิ้ม ๆ จนแสงทองต้องหันไปทำตาเขียวเข้าใส่

“ร่วมหัวจมท้าย..ถ้าท้ายจมหัวก็แย่นะจ๊ะ”

“จะพยายามเจ้าค่ะ กลับไปจะรีบเก็บอังกฤษให้ได้จะได้หมดเวรหมดกรรมเรื่องเรียนในรั้วในวังเสียที จะได้เข้าโรงเรียนวัดเต็มตัว..”

“อย่าลืมเรื่องไกด์ด้วย..เพราะตอนนี้นายของเราอนุมัติวงเงินแล้ว..๑ แสนบาท..กลับไปผมจะรีบไปดำเนินการเรื่องห้างหุ้นส่วนสามัญกับเรื่องจดทะเบียนใบอนุญาตนำเที่ยว ต้องเอาเงินห้าหมื่นไปวางไว้ที่การท่องเที่ยวค้ำประกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

แสงทองมองสุริยาตาเป็นประกาย

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็กริ๊งกร๊างได้นะพี่ยา หนูเต็มใจจะไปช่วยเหลือในทันที”

“ช่วยทำงานที่ได้รับมอบหมายไปแล้วให้เสร็จสิ้นโดยเร็วพลันเถอะ อย่าลืมนะ เรากับวัด ประโยชน์เกื้อกูลกัน..เพราะฉะนั้นอธิษฐานด้วยว่าให้มีดวงปัญญารู้แจ้งแทงตลอดในเรื่องที่มีประโยชน์ต่อการจัดทัวร์วัดโดยเร็วพลัน”

สุริยาบังคับ แสงทองจึงหันไปพนมมือหลับตาต่อหน้าหลวงพ่อนิลมณีอีกรอบ


จริง ๆ วันนั้นหลังรับประทานอาหารมื้อกลางวันสุริยาตั้งใจจะแวะไปสำรวจตลาดน้ำดำเนินสะดวกและวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ไล่เรื่อยมาถึงพระปฐมเจดีย์ วัดไร่ขิง ตลาดน้ำดอนหวาย..ฯลฯ แต่เอาเข้าจริง ๆ ในเวลาบ่ายโมงขณะรถเคลื่อนออกจากร้านอาหาร คุณแม่ของรุ่งโรจน์ก็โทรไปตามขอร้องให้รีบกลับบ้าน เขาจึงหันมาทำหน้าเจื่อน ๆ ก่อนจะบอกเล่าความจริง สุริยาจึงว่า

“ไม่เป็นไรเอาไว้วันหลังก็ได้ แค่นี้ก็คุ้มแล้วสองสามจังหวัด”

ปากพูดไป แต่ในใจนั้น..ความแน่นอน ก็คือความไม่แน่นอน..อย่าหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และเตรียมใจที่จะพบกับความผิดหวังไว้บ้าง


เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านของป้า สุริยาลงจากรถพร้อมถุงเสื้อผ้า ถุงกรอบรูป และขนมจากร้านแม่กิมอะไรสักอย่าง..ขณะกล่าวคำว่าสวัสดี รุ่งโรจน์ก็ส่งกุญแจให้หนึ่งพวง ไม่พูดไม่จาแล้วขับรถออกไปส่งแสงทองที่ซอยมหาดไทย

สุริยาเดินเข้าบ้าน พบคุณป้านั่งทำหน้าไม่สบายใจ..พอถามความจึงได้รู้ว่า พ่อของตนเข้าโรงพยาบาลอาการหนัก เมื่อเก็บของเข้าที่เรียบร้อยชายหนุ่มจึงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเดินทางกลับบ้าน..

ขณะนั่งอยู่บนรถทัวร์เพื่อกลับบ้านที่อยู่หลังเขาในจังหวัดกำแพงเพชร..สุริยาก็ได้รับโทรศัพท์จากรุ่งโรจน์

“อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ คิดถึงนะ” รุ่งโรจน์เปล่งถ้อยคำเรียงกันช้า ๆ ..จนคนฟังมีรอยยิ้มกว้างในทันที

‘จะไปยืนเคียงข้างเธอ ไปอยู่ดูแลเป็นเพื่อนเธอ ให้เธอหมดความกังวลใจ จะไปในทันใด’

เขาบอกเล่าตามความจริง รุ่งโรจน์ได้แต่บ่นว่าเสียดายที่ติดงานสำคัญ..พร้อมกับอวยพรให้พ่อของสุริยาหายป่วยโดยพลัน แต่เอาเข้าจริง ๆ คำอวยพรและความปรารถนาดีของคนอื่นก็หนีความจริงที่ทุกคนต้องเจอะไม่พ้น ..ยังไม่ทันที่รถทัวร์จะถึง อ. ลาดยาว นครสวรรค์ สุริยาก็ได้รับโทรศัพท์ว่าพ่อเสียแล้ว..เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ รู้สึกถึงใจที่หายวาบไปจนขนลุกตั้ง..หมดแล้วหมดกัน ภาพของผู้ชายที่ยิ้มร่าเมื่อเห็นเขาแบกกระเป๋าและขนมนมเนยเดินเข้าบ้านมา...

‘ซื้ออะไรมาฝากพ่อเล่าไอ้ทิด’ พอได้ของฝากก็ถามใหม่ว่า

‘เมื่อไหร่เองจะเอาเมียซะที สึกมาตั้งนานแล้ว พ่ออยากเห็นเมียเอ็งว่ะ’

เมื่อรถที่พี่ ๆ ออกมารับจากท่ารถไปถึงบ้าน สุริยาก็ก้มกราบที่ยอดอกพ่อ ..นึกถึงบุญกุศลที่ได้บวชเณรบวชพระรักษาศีล ทำทาน พาคนไหว้พระ สอนคนให้รู้จักพระธรรมคำสั่งสอน ตรึกระลึกให้ประมวลรวมกัน จนใจใสใจสว่างก็อุทิศผลบุญให้ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ให้สู่สุคติโลกสวรรค์ ให้เสวยสุขในทิพยวิมาน.ให้กรรมที่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ดื่มสุรายาเมาอย่าเพิ่งส่งผล

เพราะรักจึงคิดว่าพ่อจะไปในทางที่ดี หากความจริงอีกข้อที่รู้และได้บอกไว้

‘ถ้ารู้ว่าใกล้จะหลับตาลาละโลก พ่ออย่าลืมคำว่าพุทโธ อย่าลืมบุญที่ได้บวชลูกชายตั้งหลายคนนะพ่อ..พ่อจะได้ไปดี’

ผู้เป็นแม่เข้ามาปลอบประโลม พลางกล่าวว่า

“พ่อเขาทำอย่างเอ็งสอนไว้ได้..พุทโธ จนขาดใจตาย แกว่าเห็นผ้าเหลืองมารับจริง ๆ ว่ะแม่เอ็ง” พูดไปคนเป็นแม่ก็น้ำตาไหลพราก ๆ

ศพของพ่อตั้งอยู่ถึงสามคืนจึงได้เผา ตามธรรมเนียมต้องมีลูกหลานบวชเณรจูงศพดับไฟนรก..

สุริยาจะทำให้ แต่ผู้เป็นแม่ห้ามไว้ ด้วยเขาบวชมาหลายปี ให้บุญพ่อแม่มากมาย หลานผู้ชายเยอะแยะ ชายหนุ่มจึงเพียงทำหน้าที่พิธีกร กล่าวนำถวายทานและอ่านประวัติเมื่อศพตั้งอยู่บนเมรุ

นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา


หลังทำบุญครบรอบเจ็ดวัน สุริยานั่งรถกระบะของญาติข้างพ่อกลับกรุงเทพฯ ..ความรู้สึกในขณะที่อยู่กระบะท้ายแล้วลมพัดเส้นผมกระจุยกระจายกอปรกับแดดร้อนเปรี้ยง เปรียบกับวันที่นั่งรถเก๋งคันโก้ ชีวิตเหมือนฝัน ความจริงวันนี้เขาเป็นได้เพียงเท่านี้ วันนั้นได้แต่อาศัยบุญคนอื่น..

นึกถึงตลอดเจ็ดวันว่ารุ่งโรจน์กำลังทำอะไร..ไม่ได้โทรหา ไม่ได้บอกว่าพ่อได้สิ้นใจไปแล้ว ด้วยเกรงว่าเขาจะขับรถตามไป แล้วจะยุ่งยากออกมาต้อนรับขับสู้ เมื่อมาถึงบ้าน ป้าซึ่งกลับมาตั้งแต่วันเผาก็บอกว่า

“มีจดหมายนั่นแน่ะสองสามแผ่น”


สุริยาคว้ามาอ่าน เป็นโพสการ์ด รูปสถานที่ท่องเที่ยวเมืองหัวหิน เมืองสมุทรสงคราม 2 ใบ เขาจึงไล่อ่านตามวันที่..แผ่นแรกเป็นรูปทะเล ภูเขา..พระอาทิตย์

“พี่สุริยา ขอบคุณมากนะคะสำหรับ ทะเล หาดทราย สายลม และพระอาทิตย์..งงซิว่าหนูแอบเขียนตอนไหน ก็ตอนที่นั่งรอกินข้าวตอนเช้าไง..ลงมาช้าจัง คงเป็นพี่รุ่งโรจน์ที่แต่งตัวช้าแน่ ๆ เลย..ขอบคุณนะคะ
..หนูเอ็งค่า..”


ส่วนแผ่นที่สอง..เป็นรูปบ้านเรือนไทย อุทยาน ร. ๒


“พี่สุริยา หนูไม่คิดเลยว่า หิ่งห้อยมันเยอะขนาดนี้ สมัยเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ หนูเคยเห็นมันบินตามหนองน้ำแค่สี่ห้าตัว ตอนนั้นหนูดีใจมาก บางตัวหลุดขึ้นมาบนบกวิ่งไล่จับ ประหนึ่งไล่จับดาวอย่างนั้น ..เมื่อกี้นี้ ดาวบนต้นลำพู ระยิบระยับกระพริบพร้อมกันด้วย ติดอยู่ในลูกกะตา คิดถึงโกโบรินะคะ ป่านฉะนี้ไม่รู้จะได้เจอะกับอังศุมาลินหรือยัง ความรักทำให้โลกเป็นสีชมพูจริง ๆ หรือเปล่าน้า..หนูเอ็งค่า..


และสุดท้าย..เป็นรูปหลวงพ่อวัดบ้านแหลม


“อิอิ แอบเขียนในห้องน้ำปั๊มน้ำมัน เปลี่ยนบรรยากาศ..ขอบคุณนะคะสำหรับแรงบันดาลใจที่จะศึกษาหาความรู้ จะพยายามค่ะ เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ ..ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคนเราหรอก..เขาทำได้เราก็ (น่าจะ) ทำได้..จะเป็นเด็กดีค่ะ..”


อ่านจบ ถอนหายใจออกมานึกถึงภาพเด็กผู้หญิงตาเป็นประกายใบหน้านวลเนียนในกรอบผมม้า..

‘พ่ออยากเห็นเมียเอ็งว่ะ’

คำพูดของพ่อยังก้องอยู่ในหู..ความรักเป็นเหมือนดาบสองคม มีสุขกับทุกข์ในขณะเดียวกัน..

“เมื่อวานนี้พ่อรถเก๋งสีดำ เขามาหา ป้าบอกว่าเอ็งไปงานศพพ่อ..เขาบอกว่าโทรหาแต่สัญญาณไม่มี..อย่างไรเขาบอกว่าถ้ากลับมาแล้วให้โทรหาเขาด้วย”

สุริยาพยักหน้า เข้าห้องหยิบกรอบรูปมาวาง จัดรูปที่ถ่ายบนยอดเขาปางจันทร์มาใส่กรอบ เมื่อมองภาพคนสองคนที่อยู่เคียงกัน เขารู้สึกสับสน

กรรมอันใดหนอจึงได้พาให้มาพบเรื่องหัวใจในลักษณะนี้..ตั้งใจว่าจะโทรไปบอกคนที่เขาคงห่วง..เพราะเขาบอกเอาไว้แล้วนี่..จะไปยืนเคียงข้าง ไปอยู่ดูแล..แต่พอจะกดโทรออกเปลือกตาก็หนักอึ้ง...

มาสะดุ้งตื่นอีกที เมื่อมีเสียงกระซิบเรียกชื่อตนที่ใกล้ ๆ หู

“สุริยา สุริยา เป็นอย่างไรบ้าง” เป็นอีกครั้งที่เขาใช้หลังมืออังไปทั่วใบหน้าและซอกคอ..สุริยาลืมตาขึ้น เห็นคนมาหายิ้มให้แววตาสดใสเช่นเคย

“ทำไมไม่โทรบอกผมว่าพ่อตาย ผมจะได้ไปร่วมงาน”

สุริยาที่ยังงัวเงีย..ไม่ตอบ กลับจ้องหน้ารุ่งโรจน์นิ่ง ๆ ..หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา..

“ผมมารบกวนคุณหรือเปล่า” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์บ่งบอกว่าน้อยใจ

“ไม่หรอก..ไม่รบกวน คือวันนี้ผมเหนื่อยในหัวอกอย่างไรก็ไม่รู้ มันเพลีย ขอโทษนะ” ว่าแล้วสุริยาก็ล้มตัวลงนอน รุ่งโรจน์เห็นดังนั้นจึงไปนอนเคียงกันพลางใช้มือเสยไปที่ผมชื้นเหงื่อ..

“คืนนี้ไปบ้านของเรานะ ผมจะดูแลคุณเอง..”

เมื่อได้ยินดังนั้นสุริยาหลับตาลง หายใจเข้าออกด้วยความอึดอัด อยากจะตะโกนกู่ก้องอยากจะบอกกับเขาว่าอย่าทำอย่างนี้ ..เขาไม่เข้าใจ เขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไร..เขาสับสนด้วยซ้ำว่า เขาเป็นใคร กำลังจะเป็นชายใจหญิงหรือว่าเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบผู้ชายด้วยกัน หากจะผลักใส ก็นึกถึงใจที่นายรุ่งโรจน์ยกมอบให้ มันมากมายจนยากจะผลักหนี..

เป็นไปได้รึ ความรักระหว่างชายกับชาย..

ชายต้องคู่กับหญิงไม่ใช่รึ..และถ้าโลกไม่ให้เขาเป็นไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะเป็น เขาจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างไร..พ่อแม่จะว่าเขาไหม..เขาจะบาปไหม

ไม่.. เขาไม่ใช่เกย์..ไม่ใช่ชายรักร่วมเพศ เขาต้องหาทางผลักให้รุ่งโรจน์ออกไปจากชีวิตเขาให้ได้



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2554, 10:41:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2554, 10:41:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1629





<< 11.   13 >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:33:37 น.
น่าติดตามมาก ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account