เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑๙ ต้นเหตุความผิดพลาด ๒/๒

พัลลภ หอบหิ้วอุปกรณ์ตกปลา และหนังสติ๊กกับก้อนหินสำหรับยิงนก มานั่งห้อยขาริมตลิ่งสระน้ำหลังบ้าน เขาไม่อยากทนดูมารดาเอาแต่เจรจา ยื่นข้อต่อรองเรื่องหนี้สินกับคุณนายบ้านใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งผู้เป็นแม่จะต้องส่งสายตาวิงวอนราวกับขอให้ไว้ชีวิต หมุนเงินเท่าไหร่ก็ใช้ไม่เคยพอเมื่อหมดไปกับความฟุ่มเฟือยของตนและบุตรชายเพียงคนเดียวอย่างเขา พัลลภเห็นแล้วรู้สึกสมเพช ไม่คิดว่าตัวเองจะเกิดมาอาภัพอับจนถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก็มีศักดิ์เป็นถึงบุตรชายคนหนึ่งของคุณหลวงผู้มีเกียรติ แม้จะเป็นเพียงลูกเมียน้อยก็เถอะ

ตั้งแต่เริ่มย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม พัลลภก็รักการยิงนกตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ มันทำให้เขาได้ระบายความเจ็บแค้นลึกๆในอกออกไปบ้าง เขาไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากจากภรรยาหลวงของคุณพ่อ โดนเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงมาแต่เล็กจนโต ถึงกระนั้นแม่เขาก็ยังบากหน้าไปขอหยิบยืมเงินคุณนายจอมเคี่ยวนั่นบ่อยๆ เขาขอร้องเท่าไหร่แม่ก็ไม่เคยฟัง ขนาดสมัยที่คุณนายทองทิพย์ยังไม่เคยทำบุญทำคุณให้กับแม่ เขายังถูกแกล้งเกือบตายตั้งแต่จำความได้ แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ ที่คุณนายมีบุญคุณท่วมหัวเขากับมารดา

ชายหนุ่มขว้างก้อนหินไปไกลจนจมหายลงน้ำสุดลูกหูลูกตา วงคลื่นแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง ไม่เท่ากับความเกลียดชังที่เขามีต่อคุณนายทองทิพย์ ณ เวลานี้

พัลลภปลีกตัวออกมาระบายอารมณ์อยู่คนเดียวนานแล้ว ปลาเล็กปลาน้อยที่เคยมีชีวิตแหวกว่ายในสระใหญ่ถูกสังเวยให้กับความโกรธแค้นของเขาไปไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัว ชายหนุ่มมีความชำนาญในงานอดิเรกชนิดนี้มากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดหลับตาจุ่มเบ็ดลงน้ำ ก็กะเอาได้ว่าเมื่อไหร่จะชักเหยื่อขึ้นมาจากน้ำ ความเคยชินบวกกับอารมณ์มุ่งมั่นจดจ่อกับความเจ็บแค้น ทำให้เขาสะสมสมาธิมากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ทันรู้ตัว ดูลาดเลาพักเดียว ก็เหมือนมีญาณหยั่งรู้ว่าตรงไหนมีปลาชุกชุม แม้ลำธารบางแห่งน้ำใสเรียบนิ่งสนิท ไม่มีวี่แววสัตว์ใดไหวตัวอยู่เบื้องล่าง..บางทีชายหนุ่มก็เผลอคิดไปไกล

ความสามารถนี้เขาอาจพัฒนาไปใช้ปลิดชีวิตสัตว์ใหญ่ ที่เรียกว่า “มนุษย์” จิตใจมืดบอดบางคน

ชายหนุ่มล่าเหยื่อในสระเพลินจนได้ปลาเกือบครึ่งค่อนถัง เวลานี้ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี สุริยันลาลับขอบฟ้าในทิศตรงกันข้ามกับรุ่งอรุณที่ผ่านมา หนังสติ๊กขึงติดกับวัสดุทำจากกิ่งไม้ยังนอนนิ่งอยู่ข้างลำตัว พร้อมกล่องบรรจุก้อนหินอีกหลายสิบก้อน

ทีแรกเขาตั้งใจจะละงานอดิเรกไว้แค่นี้ เนื่องจากเสียงในท้องเริ่มประท้วงถี่ๆวันนี้เขาไม่ได้ทานมื้อเที่ยงมาเสียด้วย.. กำลังจะยันตัวขึ้นยืน ถอยกลับไปหาอะไรรองท้องในครัวหลังบ้าน สายตาก็พลันปะทะกับร่างอรชรของเด็กสาววัยแรกรุ่น แต่งกายประดับประดาไปด้วยเครื่องเงินชั้นดี ก้าวเข้ามาในลานหน้าบ้าน หลังจากสาวใช้คนหนึ่งเดินแกมวิ่งไปเปิดประตูต้อนรับให้อย่างอ่อนน้อม

เขาจำได้ทันทีว่าเด็กสาวมาดดีคนนั้นคือ..คุณพุดซ้อน วัยรุ่นสาวสวยที่เขาเคยแอบมองเหลียวหลังเป็นประจำเวลาไปจ่ายตลาดกับมารดา ชายหนุ่มรู้ดีว่าเส้นทางของเขากับพุดซ้อนยากที่จะมาบรรจบกันได้ แต่เขาก็ยังยินดีที่จะทำตัวเป็น สุนัขมองเครื่องบิน อยู่อย่างเดิม ด้วยความสุขใจ

มองจากระยะไกล เห็นหล่อนเดินถือจดหมายนวยนาดเข้ามา มีเด็กรับใช้ส่วนตัวติดสอยห้อยตามมาไม่ห่างสองคน กำลังจะมุ่งตรงไปยังบันไดหน้าเรือนใหญ่ พัลลภเดาว่าคุณนายทองทิพย์คงฝากข่าวสำคัญบางอย่างมาให้มารดาของเขา และเรื่องนั้นก็คงสลักสำคัญเกินกว่าจะให้บ่าวคนใดเป็นตัวแทนนำมามอบให้

แม้จะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ทว่าเวลานี้พัลลภไม่มีแก่ใจมากพอจะเทให้กับข่าวคราวของคุณนายบ้านใหญ่ นอกจากจะคิดทำอะไรอย่างหนึ่งเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจให้เจ้าหล่อนหันมามองเขา

นกกระจอกตัวหนึ่งบินโฉบเข้ามาใกล้หน้าผากมนสวยของหล่อน พัลลภคว้าหนังสติ๊กพร้อมก้อนหินขึ้นมาทันที เล็งแลทิศทางให้แน่ใจก่อนจะดึงยางที่ติดกับกิ่งไม้ให้ยืดออกด้านหลังจนสุด แล้วปล่อยกลับไปตามแรงสปริง หมายมั่นว่านกตัวนั้นจะต้องปีกหักร่วงลงสู่พื้น แล้วดับดิ้นไปด้วยฝีมือแม่นยำของเขา

ทว่าชายหนุ่มคาดคะเนผิด อาจจะเรียกว่าไม่ทันคาดคิด เมื่อจู่ๆก็มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าละอ่อน แต่งกายด้วยเสื้อขาวสีเกรอะฝุ่นกับกางเกงผ้าดำราคาถูก เข้ามาขวางเอาไว้ ก้อนหินก้อนนั้นจึงพลาดเป้าไปกระแทกหน้าผากขาวซีดของเขาแทน ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นเลือดสดๆก็ไหลซึมออกมาตรงกลางรอยจ้ำสีเขียวคล้ำ เด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายทำหน้าเหยเกแสดงความเจ็บปวดอย่างยากจะทนทาน เขาเอามือกุมบาดแผลบริเวณหน้าผากเอาไว้ แววตาคุกรุ่นมองตรงมายังต้นเหตุแน่วนิ่ง

แทนที่จะสร้างความปลาบปลื้มให้กับหญิงสาวในดวงใจอย่างที่คาดหวังไว้ตอนแรก คุณพุดซ้อนกลับทำหน้าผวา สีเลือดเหือดหายไปจากสองพวงแก้มที่เคยเปล่งปลั่ง เมื่อหล่อนได้กลิ่นคาวเลือดและมองเห็นมันถนัดเต็มสองตา เด็กสาวทำท่าจะเป็นลมล้มพับลงไปตรงนั้น ยังดีที่เด็กรับใช้ประจำตัววิ่งเข้ามาประคองไว้ทัน หล่อนถามเสียงเวทนา

“เจ็บมากไหมเธอ..”

ทั้งที่ทำหน้าเหยเกเต็มทน ปรัชกลับฝืนยิ้มเห็นฟันขาวเรียงพลางสั่นศีรษะน้อยๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ..ดีกว่านกตัวนั้นต้องตกลงมาตายต่อหน้าคุณ”

เขาเรียกสรรพนามเด็กสาวตรงหน้าว่า “คุณ” เนื่องจากเห็นเครื่องแต่งกาย และท่าเดินเชิดตรงผึ่งผายของหล่อนแล้ว เดาว่าคงเป็นลูกผู้ดีมีสกุลคนหนึ่ง เขาจึงต้องให้เกียรติตามความเคยชิน ผิดกับพุดซ้อนที่มองเขาด้วยสายตาอย่างเจ้านายมองบ่าวไพร่ ดีหน่อยที่นัยน์ตาของหล่อนเจือแววเมตตาอยู่บ้าง ไม่กระด้างเหมือนตอนแรกที่เขาเห็นหล่อนจากหลังต้นมะม่วง แต่ปรัชก็ไม่คิดถือสาเด็กสาว เนื่องจากสภาพเขาตอนนี้ ก็ยากต่อการที่คนอย่างหล่อนจะนึกให้เกียรติ

เสื้อผ้าเนื้อดีชิ้นเก่าที่ใส่มาถูกถอดทิ้งไว้ในเรือนหลังเล็กของป้าอิ่ม เพราะชุ่มโชกไปด้วยน้ำ ขืนทนใส่กลับบ้านมีหวังปอดบวมรับประทานเป็นแน่ ตอนนี้ก็เลยต้องหยิบยืมชุดของแม่ครัวคนเก่ง มาใส่ก่อน พอมีเหลือดีที่สุดได้เท่านี้

พุดซ้อนนิ่วหน้า ด้วยแปลกใจกับเรื่อง “นก” ที่เขาบอก กำลังจะขยับปากถาม ก็ได้ยินเสียงห้าวของใครคนหนึ่งดังขัดขึ้นมา เด็กสาวหันไปมองตามเสียง เห็นจำเลยถือหลักฐานคามือ เดินเข้ามาใกล้พร้อมคำอธิบาย

“เข้ามาขวางทำไมวะ ไอ้น้อง ฉันไม่จำเป็นต้องขอโทษดอกนะ” พัลลภตะเบ็งเสียงแทบเป็นตะคอกใส่ผู้บาดเจ็บ

“คนกำลังจะยิงนก เสือกมาขวางเอง เจ็บตัวแบบนี้ ก็ไม่สมควรโทษใคร”

ชายหนุ่มบอกเสียงพาล ไม่มีแววสำนึกผิดแม้สักน้อย พุดซ้อนหน้าตึงขึ้นทันที หล่อนก้าวเข้ามาบังปรัชไว้ ราวกับนายกำลังจะปกป้องบ่าวผู้จงรักภักดี เมื่อเห็นลูกชายของภรรยาน้อยผู้เป็นบิดากำลังจะเข้ามาประชิด

“หยุดพร่ำได้แล้ว นายพัลลภ..ฉันขอสั่งให้นายขอโทษเขาเดี๋ยวนี้!”

เงาในตาชายหนุ่มบอกความเคียดแค้นเมื่อเห็นปรัชก้มหน้าหลบตา เขาเข้าใจว่าเด็กหนุ่มแสร้งทำท่าน่าสงสาร เรียกคะแนนความเห็นใจจากหญิงที่ตนหลงรัก อยากจะซัดหมัดลุ่นๆกระแทกหน้าจืดๆนั้นสักตั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วปรัชอยากหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนพาลอย่างเขามากกว่าความต้องการอื่นใด

พัลลภหันมามองคุณพุดซ้อนด้วยสายตาตัดพ้อ

“ผมตั้งใจจะช่วยคุณพุดซ้อนนะครับ นกตัวนั้นมันจะถ่ายรดหัวคุณ ผมกำลังจะจัดการมัน นายคนนี้กลับเข้ามาขวาง”

“นั่นยิ่งแล้วใหญ่..กับนกตัวเล็กๆ นายยังไม่เว้นหรือพัลลภ ฉันเกลียดที่สุดเลย คนชอบทำร้ายสัตว์”

แทนที่จะเห็นใจ เด็กสาวกลับโมโหหนักขึ้นไปอีก พัลลภเห็นแววตาขุ่นมัวของพุดซ้อนแล้วเจ็บลึกในใจ หล่อนเห็นเด็กแต่งตัวมอซอคนนี้ดีกว่าเขาได้ลงคอ

“คุณหนูพุดซ้อน...พัลลภ มีอะไรกันหรือลูก?”

ศรีสวัสดิ์เดินนวยนาดเข้ามาห้ามทัพ หล่อนได้ยินเสียงห้าวของบุตรชาย กับเสียงแหลมดังของบุตรสาวภรรยาเอกคุณหลวง มาพักหนึ่ง รอจังหวะเหมาะจึงเข้ามาเมื่อเห็นทีท่าเรื่องจะไปกันใหญ่

“..คุณปรัช มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”

หล่อนเอ่ยเป็นเชิงทัก มากกว่าไถ่ถาม เมื่อเข้ามาใกล้ น้ำเสียงและแววตาที่มองปรัช บอกแววเคารพนบนอบ หญิงวัยกลางนิ่วหน้านิดหนึ่งเมื่อเห็นสีแดงข้นของโลหิตบนหน้าผากเด็กหนุ่ม

“เอ่อ..พอดีผมกำลังจะเข้ามาเยี่ยมคุณน้า เห็นประตูเปิดค้างเลยเข้ามา ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้กดกริ่งเรียก”

ปรัชตอบเท่าที่จะนึกข้ออ้างแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าพอเอาตัวรอดไปได้

“คุณน้าต้องสั่งสอนลูกชายบ้างนะคะ..อย่าปล่อยให้ทำนิสัยพาลแบบนี้อีก”

คุณพุดซ้อนเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด น้ำเสียงที่หล่อนใช้พูดกับภรรยาน้อยคุณหลวง บอกชัดเจนว่าปราศจากความเคารพ หรือจะว่าอีกทางคือ หล่อนเห็นศรีสวัสดิ์เป็นเบี้ยล่างมาโดยตลอด สามารถออกคำสั่งได้ตรงๆ อย่างที่ทำกับบ่าวไพร่

ศรีสวัสดิ์ทำหน้าสลดลงเล็กน้อย เป็นเชิงยอมรับผิดแทนลูกชาย ก่อนจะหันไปต่อว่าพัลลภเสียงเขียว

“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกเสียที ยิงนกตกปลา..”

พัลลภรู้สึกเหมือนเหลือตัวคนเดียว เขาโดนหญิงที่รักถึงสองคนรุมต่อว่าจนชาตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ ลงไปถึงขั้วหัวใจ แม้อากาศอบอ้าวในยามนี้ก็ทำให้เขาหนาวเหน็บที่สุดตั้งแต่จำความได้

“จัดการทำแผลให้เขาด้วยนะคุณน้า..ฉันฝากล่ะ”

คือประโยคสุดท้ายที่มุกดาได้ยิน ก่อนหล่อนจะรู้สึกว่าโลกหมุนเคว้ง ฉากสถานที่ และบุคคลในวัยเยาว์เหล่านั้นวูบหายไปต่อหน้าต่อตา


ภาพเรือนไม้สองชั้นกับอาณาบริเวณกว้างเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาว ค่อยๆปรากฏชัดในครรลองสายตา มีความเคลื่อนไหวของคนสองคนบริเวณหน้าเรือนใหญ่ก่อนถึงเชิงบันได มุกดากระพริบตาถี่ๆปรับความคมชัดครู่หนึ่ง ก็เห็นคุณปรัชในชุดเครื่องแบบสีกากีกำลังยืนพูดอะไรสักสองสามประโยคกับคุณพุดซ้อน หล่อนได้ยินไม่ถนัด แต่พอเห็นหญิงสาวก้มหน้าลงจรดปลายนิ้วที่กระพุ่มมือไหว้แนบอกผึ่งผายของชายหนุ่ม ก็พอจะเดาออกว่า คุณปรัชคงพาว่าที่คู่หมั้นมาส่งถึงบ้าน แล้วกำลังจะล่ำลากลับในไม่ช้า

สายตาของหนุ่มสาวที่สอดประสานกันหวานหยดย้อย มองเผินๆเหมือนรักใคร่ผูกพันกันเหลือแสน ทำให้มุกดามองตามด้วยแววตารวดร้าว หล่อนเจ็บปลาบไปทั้งใจ และคิดว่ามะลิก็คงมีความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก

มุกดามองเห็นมะลิแอบมองภาพบาดตาอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากตรงนั้น นัยน์ตากลมโตวาววามด้วยน้ำใสหล่อเลี้ยง ขอบตาร้อนผ่าวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำ มุกดารู้สึกราวกับหล่อนเป็นคนคนเดียวกับหญิงสาวในอดีต มีความรู้สึกนึกคิด และความเจ็บปวดแบบเดียวกัน

มะลิยกมือเรียวขาวปาดน้ำตาที่นองสองแก้ม หล่อนไม่ทันรู้ตัว ว่า หลังจากพุดซ้อนเดินกลับขึ้นไปบนเรือนใหญ่ ปรัชก็สังเกตเห็นพุ่มไม้เบื้องหลังกระเพื่อมไหว เขาสังหรณ์ใจอยู่แล้ว เหมือนถูกจับตามองมาตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในเรือนกุหลาบ เมื่อแน่ใจว่าพุดซ้อนเดินลับหายเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็รีบผลุนผลันมายังหลังพุ่มไม้ พอดีกับที่มะลิกำลังจะหันหลังเดินหนีไป

“หนูลิ..รอพี่ก่อน”

เสียงทุ้มลึกที่เคยกังวานจับใจหญิงสาว ทว่าคราวนี้ทำให้หล่อนปวดร้าวหนักกว่าเดิม มะลิหยุดกึกเหมือนถูกสาป หล่อนนิ่งอยู่ในท่าเดิม คือหันหลังให้เขา หญิงสาวสะดุดหูกับเสียงเรียก “หนูลิ” เพียงครู่เดียว แล้วหล่อนก็คิดว่าตัวเองหูฝาดไป หล่อนเอ่ยถามเรื่องอย่างตัดพ้อ

“ทำไมพี่ปรัชถึงเจ้าชู้นักคะ..กำลังจะหมั้นกับพี่พุดซ้อนแท้ๆ มายุ่งกับมะลิทำไม”

ภาพความชื่นมื่นของพี่สาวและว่าที่คู่หมั้นผุดเข้ามาในห้วงคำนึงอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ปรัชก็เทียวรับเทียวส่งพี่สาวของหล่อน ไปเที่ยวชมจนเกือบทั่วพระนคร เมื่อวานก็เพิ่งพากันไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง วันนี้ก็รับกลับจากที่ทำงาน

“พี่ไม่ได้ตั้งใจ..”

เขาตอบกำกวม กำลังชั่งใจว่าจะอธิบายเหตุผลกับหล่อนอย่างไรดี มะลิรีบสวนกลับ เสียงหล่อนกระด้างขึ้นอย่างไม่เคยเป็น

“ไม่ได้ตั้งใจจะเจ้าชู้อย่างนั้นหรือคะ..คงเป็นความผิดมะลิเองใช่ไหมที่เข้าไปยุ่งกับพี่”

หล่อนขยับขาจะเดินหนี แต่ปรัชรั้งข้อมือไว้ทัน

“ปล่อยเถิดค่ะ..พี่ปรัชกำลังจะทำลายเกียรติผู้หญิงสองคนพร้อมกันในคราวเดียว”

ชายหนุ่มไม่ยอมปลดปล่อยข้อมือตามคำร้องขอ หนำซ้ำเขายังรวบเอวหญิงสาวเข้ามากอดกระชับแนบกายทั้งที่หล่อนหันหลังให้ มะลิพยายามดิ้นรนให้หลุดจากคีมเหล็กแข็งแรงนั้น ทว่าหล่อนกลับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยอย่างนุ่มนวลข้างหู

“หนูลิ..ยังไม่ลืมใช่ไหม..ผู้ชายคนหนึ่งเคยรอดตายเพราะหนูลิ”

หญิงสาวเบิกตากว้าง หล่อนหันขวับมามองเขาด้วยความรู้สึกที่ต่างไป

“พี่ขอโทษ..พี่เข้าใจว่าหนูลิคือลูกสาวคนเดียวของคุณอา”

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองหล่อนอย่างสำนึกผิด

“ก็เลยรับหมั้นตามความต้องการของคุณพ่อ..”






ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มิ.ย. 2555, 18:23:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มิ.ย. 2555, 18:23:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1577





<< บทที่๑๙ ต้นเหตุความผิดพลาด ๑/๒   บทที่๒๐ ความจริงหลังหน้ากาก ๑/๒ >>
แล่นแต๊ 23 มิ.ย. 2555, 19:31:27 น.
หมั้นผิดคนจริงด้วย


ศิลาริน 23 มิ.ย. 2555, 19:42:14 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account