เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๒๐ ความจริงหลังหน้ากาก ๑/๒

ในร้านค้อฟฟี่ช็อปชั้นล่างของอาคารเอเคกรุ๊ป มุกดามานั่งจิบกาแฟตามคำเชิญชวนของกฤษดาด้วยความเต็มใจ หล่อนสวนกับเขาที่ลิฟท์เมื่อเพิ่งมาถึงที่ทำงานในเวลาเช้ากว่าปกติเล็กน้อย เมื่อคืนหล่อนรู้สึกเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มเพราะมัวแต่ฝัน เลยคิดว่าดีไม่น้อยหากได้กาแฟมาถ่างตาให้หายง่วงเสียหน่อย และที่สำคัญเหนืออื่นใด ตอนนี้หญิงสาวนับกฤษดาเป็นมิตรที่น่าคบหาคนหนึ่งไปแล้ว ชายหนุ่มไม่มีท่าทีกรุ้มกริ่มอย่างเพลย์บอยเหมือนเมื่อก่อน มีแต่รอยยิ้มและคำพูดปรารถนาดีตามแบบมิตรผู้เป็นห่วงเป็นใยมอบให้ มุกดาจึงสะดวกใจที่จะมาตามคำชวนของเขา

“ช่วงนี้พี่หวานเขาไปออกงานหรือคะคุณกฤษดา..ไม่ค่อยได้เห็นหน้า”

มุกดาเปิดประเด็นถามในสิ่งที่หล่อนสงสัย ทว่าแท้จริงแล้วหล่อนต้องการถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ทำให้สบายใจเสียมากกว่า..เกือบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หล่อนไม่เห็นเพื่อนพี่สาวคนนี้ในบริษัทเลย ทั้งที่อาทิตย์ก่อน..ก่อนที่หล่อนจะได้รับคำขู่ทางโทรศัพท์นั่น มุกดาก็ยังเห็นสาวสวยร่างบางคนนี้เดินไปเดินมา ทำความรู้จักกับแผนกนั้นที แผนกนี้ที

กฤษดาก็เป็นหนึ่งในหนุ่มที่มานิตาเข้ามาพูดคุยด้วยมากที่สุด หญิงสาวก็เห็นเขาสนองตอบด้วยความยินดี ตามแบบฉบับชายเจ้าชู้ แต่ก็เอาเถิด เธอคนนั้นไม่เดินโฉบเฉี่ยวผ่านหล่อนในช่วงนี้ก็ดีแล้ว เพราะถึงแม้มานิตาจะไม่ตั้งใจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหล่อน มุกดาก็ตั้งใจจะหลบหน้าเพื่อนสนิทพี่สาวคนนี้อยู่แล้ว..หล่อนยังหวั่นเกรงคำขู่นั้นไม่หาย

เลิกยุ่งกับกวิน..ไม่งั้น แกตาย!

“ก็มีบ้างครับ คุณกวินให้ไปประชาสัมพันธ์โครงการคอนโดเปิดใหม่ใกล้รถไฟฟ้า แต่วันสองวันนี่ก็กลับมาทำงานในบริษัทแล้วนี่ครับ คุณไข่มุกไม่เห็นเองมากกว่า”

กฤษดาตอบยิ้มๆ เขาไม่ไส่ใจบุคคลดังกล่าวมากเท่าที่เคย เวลานี้หญิงสาวแสนหวานสมชื่อ อย่างมานิตา ไม่ได้มีอิทธพลกับเขาไปมากกว่าสาวน้อยแสนบริสุทธิ์ที่นั่งอยู่ตรงหน้า

“กลับมาแล้วหรือคะ?”

ดวงตาเบิกกว้าง กับริมฝีปากที่เผยอออก คงบอกชัดเจนโดยไม่ต้องมีคำพูดจา กฤษดาถามกลั้วหัวเราะ

“ตกใจทำไมครับ..มีปัญหาอะไรกันหรือ?”

“ปะ..เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”

หล่อนสั่นศีรษะรัว ยกไม้ยกมือขึ้นมาโบกไหวๆ ประกอบเสียงพูดติดขัด ส่อแววพิรุธชัดเจน
กฤษดาหัวเราะเบาๆอีกครั้ง

“ไม่มีก็ไม่มีครับ รีบดื่มกาแฟก่อนเถอะ ของคุณจะเย็นชืดหมดแล้ว”

มุกดาก้มลงมองน้ำขุ่นข้นสีน้ำตาลอ่อนในถ้วยของตน ก็พบว่าไอร้อนของมันเริ่มจางหายไป หญิงสาวจึงรีบยกมันขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด กฤษดามองหล่อนยิ้มๆอย่างนึกขันระคนเอ็นดู

“อ้าวคุณกฤษดา มาอยู่นี่เอง หมู่นี้ไม่แวะมาเยี่ยมกันที่แผนกบ้างเลยนะคะ”

เสียงหวานใสคุ้นหูดังแทรกเข้ามาทำลายความเงียบชั่วขณะ มุกดาเงยหน้าขึ้นจากถ้วยกาแฟ สายตาปะทะกับดวงหน้ารูปหัวใจ และกรอบตาคมสวยของมานิตาเข้าอย่างจัง หญิงสาวรู้สึกราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจ

“อ้าว..” มานิตาทำเสียงประหลาดใจคำรบสอง เมื่อเห็นถนัดตาว่าสาวหน้าใสที่บังอาจแย่งคู่ควงคนล่าสุดของหล่อนมานั่งจู๋จี๋กันสองต่อสอง คือน้องสาวของแพรวานั่นเอง

“น้องไข่มุกน่ะเอง..นึกว่าใคร ไม่เห็นหน้าเห็นตาตั้งหลายวัน สวยขึ้นรึเปล่าจ๊ะ”

แม้ในใจจะนึกหมั่นไส้สาวน้อยหน้าซื่อเสียเต็มประดา ทว่าหล่อนก็ยังโปรยปรายคำหวานทักทายมุกดาได้อย่างรื่นหู สมกับตำแหน่งประชาสัมพันธ์เรตติ้งดี ที่หนุ่มๆเร่เข้ามาขายขนมจีบไม่เว้นแต่ละวัน

กฤษดาอาจฟังแล้วไม่ระคายโสต เพลินมองสีสันสดสวยบนใบหน้าหญิงสาวไม่วางตา วันนี้มานิตาใช้เครื่องสำอางโทนสีพาสเทล ละมุนตา ดึงดูดเพศตรงข้ามได้เหมือนเคย

หากแต่คนที่มีชนักติดหลังอย่างมุกดา ฟังแล้วเข้าใจไปอีกทาง คิดว่าเพื่อนสนิทพี่สาวกำลังพูดจาประชดประชันตัวเองอยู่ หล่อนระล่ำระลักบอกอย่างลืมตัว ไม่ทันระวังว่ามีคนนอกที่ไม่ล่วงรู้ถึงหนามแหลมใต้ผืนพรมสวยหรู ระหว่างหล่อนกับมานิตา

“ไข่มุกขอโทษค่ะพี่หวาน ไข่มุกไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งกับเขา เราเกี่ยวข้องกันเรื่องงานเท่านั้น”

มานิตาทำหน้าเหมือนได้กลิ่นอาหารชวนแสลง กำลังจะขยับปากอธิบาย ก็พอดีกฤษดาชิงถามขึ้นก่อนด้วยความสงสัย

“มีเรื่องอะไรกันหรือครับ..คุณไข่มุกหมายถึงใคร?”

นิ่งอึ้งกันไปพักใหญ่ ทั้งมุกดา และชายหนุ่ม ไม่มีคำตอบใดหลุดออกจากปากสาวน้อย มานิตาจึงได้โอกาสแทรก

“นั่นซีจ๊ะ ไข่มุกพูดเรื่องอะไร พี่ไม่เห็นเข้าใจ..ยุ่งกับใคร แล้วทำไมต้องมาขอโทษขอโพยพี่ด้วย”

มุกดานิ่วหน้าอย่างนึกรังเกียจใบหน้าสวยหวานราวกับ ไอศกรีมราดน้ำเชื่อม เป็นครั้งแรก ไม่คิดว่าเพื่อนรักของพี่สาวจะทำหน้าเป็นได้เหมือนไม่เคยข่มขู่หล่อนมาก่อน น้ำเสียงในโทรศัพท์คืนนั้นฟังแล้วทำให้มุกดาถึงกับขนลุกขนชัน ผิดกับคำพูดไร้เดียงสาในวันนี้ ราวฟ้ากับเหว

“อ้าว หนุ่มสาวมาชุมนุมเรื่องอะไรกันหรือจ๊ะ ไม่ไปทำงานทำการ..”

มุกดาไม่เห็นว่า แววอรุณเดินกรีดกรายเข้ามาในร้านตั้งแต่เมื่อไหร่..รู้แต่ว่าคำทักของเขา พร้อมกับแววตาจิกกัดเป็นเชิงต่อว่าในประโยคนั้น ทำให้หล่อนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมานิตาไปได้ชั่วคราว บทสนทนาจบลงแค่นั้น แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเข้าแผนก เพื่อเริ่มงานประจำสำหรับวันนี้ หญิงสาวนึกขอบคุณเลขานุการคนสนิทของกวินที่เข้ามาขัดจังหวะสงครามจิตวิทยาได้พอดิบพอดี


เย็นวันนั้นเพทายกลับจากงานแต่งของลูกค้ารายล่าสุด หล่อนกำลังจะเดินเข้าไปในสวนกุหลาบตัดดอกหลากสีตรงศาลาริมน้ำ เพราะเพื่อนเจ้าสาวเพิ่งสั่งซื้อกุหลาบช่อใหญ่ ขอร้องว่าให้นำไปส่งในโรงแรมห้าดาวใจกลางเมืองให้ทันห้าทุ่มคืนนี้ เพทายจึงต้องมาคัดสรรกุหลาบสีสวย ที่มีสีสันให้เลือกมากที่สุดและได้ความสดใหม่มากพอควร

หญิงสาวไม่ทันจะก้าวเท้าถึงแปลงกุหลาบที่มาดหมาย ก็ต้องรีบถอยหลังไปยืนแอบอยู่หลังต้นไทรใหญ่ลำต้นโอบรอบได้เกือบสามคน เมื่อหล่อนเห็นแพรวายืนเอาโทรศัพท์ส่วนตัวแนบข้างหู หันเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างอยู่ตรงริมตลิ่งใกล้ศาลา

เสียงของดีไซเนอร์สาวค่อนข้างแหลมดัง และเกรี้ยวกราดอย่างที่เพทายไม่เคยพบเห็นมาก่อน แม้พอจะรู้อยู่แล้วว่าเบื้องหลังหน้ากากแสนหวานที่หญิงสาวแสดงให้ใครต่อใครชื่นชอบ เห็นหล่อนเป็นสาวสมบูรณ์แบบผู้แสนดี นั้นมีความเสแสร้ง และความมุ่งร้ายเคลือบแฝงอยู่ ทว่าเพทายก็ไม่เคยเห็นแพรวาหลุดน้ำเสียงที่น่าเกลียดเช่นนี้ออกมาให้ใครได้ยิน จึงดึงดูดให้หล่อนต้องแอบฟัง ว่าใครกันหนอเป็นผู้โชคร้าย และเก่งกาจขนาดทำให้พี่สาวต่างสายเลือดคนนี้ อดรนทนไม่ไหว ถึงกับต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จจริงออกมาได้

ไม่เพียงแต่น้ำเสียงและแววตาที่ผิดจากเดิม ท่าทางของแพรวายังมีพิรุธทำให้เพทายต้องตั้งใจเงี่ยหูฟังมากยิ่งขึ้น เมื่อเพทายเห็นมือข้างหนึ่งของดีไซเนอร์สาวยกขึ้นมาหนีบตรงปลายจมูก ส่งผลให้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดนั้นผิดเพี้ยน ราวกับต้องการดัดแปลงเสียงของตนอย่างไรอย่างนั้น

“ฉันขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะไข่มุก..เลิกให้ท่าเขา เลิกยุ่งเกี่ยวกับกวินซะ ฉันต้องการให้เธอลาออกจากงานโดยเร็วที่สุด ถ้ายังรักตัวกลัวตาย..รีบจัดการให้เสร็จเสียพรุ่งนี้”


เพทายรู้สึกใบหน้าของตนร้อนผ่าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หล่อนเคยรับรสของความโกรธมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง รู้ว่ามันมีอิทธิพลทำให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติ อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นพรวดพราดอย่างไม่ทันตั้งตัว มือไม้สั่นเทา ปากคอสั่นระริกพร้อมๆกับคำด่าทออย่างเจ็บแสบที่สุดเท่าที่หล่อนจะคิดสรรหามาได้ในเวลานั้น ทว่าครั้งนี้อาการดังกล่าวนับว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่หล่อนประสบมา ต่างกันก็ตรงที่หญิงสาวมีสติพอที่จะพยายามเก็บกักคำพูดทุกอย่างเอาไว้ในอก ไม่ให้หลุดลอยออกไป...หล่อนต้องใจเย็นเพื่อหาวิธีที่เจ็บแสบกว่าการตะโกนด้วยคำด่าอย่างทุกครั้ง

เพทายไม่รู้หรอกว่า ดีไซเนอร์สาวแกล้งดัดเสียงตัวเองเพื่อสิ่งใด หล่อนรู้เพียงต้องรีบกลับไปดูใจน้องสาวคนเล็กให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้..ก่อนจะเดินมาตรงนี้ เพิ่งเห็นมุกดาขึ้นบันไดไปยังห้องนอนพร้อมกับลลิตพรรณ เพื่อนสนิท คงไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนในเวลานี้


เสียงร่ำไห้ของน้องสาวดังทะลุออกมาถึงหน้าประตู เพทายคาดการณ์ไว้แล้ว ว่าเด็กขี้แยอย่างมุกดาคงไม่มีปัญญาตอบสนองต่อคำพูดกราดเกรี้ยวแบบนั้นด้วยวิธีอื่น นอกจากปล่อยให้น้ำตาชะล้างทุกสิ่ง ยอมจำนนต่อโชคชะตาที่พี่สาวจอมโหดหยิบยื่นให้เพียงเท่านี้ โดยไม่คิดหาหนทางอื่นเพื่อรับมืออย่างชาญฉลาด

เสียงเคาะฝาไม้เป็นจังหวะรัวเร็ว ทำให้ลลิตพรรณรีบวิ่งมาเปิดประตูต้อนรับ พอเห็นหน้าเพทายทำตาดุยืนรออยู่แล้ว หญิงสาวก็แทบจะโผเข้าไปกอดราวกับพบที่พึ่ง คราวก่อนๆที่เคยเจอหน้ากัน สาวหน้าหมวยยอมรับว่าหล่อนไม่สู้จะชอบพอนิสัยปากร้ายและสีหน้าบอกบุญไม่รับของพี่สาวเพื่อนซี้ ทว่าตอนนี้ความรู้สึกกลับตาลปัตร เมื่อหล่อนยังนึกไม่ออกว่าจะบากหน้าไปหาผู้ช่วยมือฉมังที่ไหน เห็นทีว่าความปากจัดของเพทาย จะได้ใช้งานให้เป็นประโยชน์ก็คราวนี้

“ไข่มุกแย่แล้วค่ะพี่เพ..โดนขู่จะเอาชีวิต!”

ลลิตพรรณสรุปข้อความที่ได้ยินปะปนมากับเสียงสะอื้นของเพื่อนสาวอย่างสั้นที่สุด เพทายยิ้มเครียดพลางพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะรีบเดินเข้ามานั่งทับผ้านวมนุ่มบนเตียงข้างน้องสาว มือข้างหนึ่งก็ลูบศีรษะแทนคำปลอบโยน

“ทำไมพี่หวานถึงใจร้ายอย่างนี้นะเพ..เค้าไม่นึกเลย”

มุกดาเปรยสีหน้าเลื่อนลอย เพทายเบิกตากว้าง อ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง

“ว่าไงนะ..ยายหวานมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“ก็พี่หวาน เพื่อนสนิทพี่แพรน่ะซี โทรมาขู่ให้น้องสาวพี่เลิกยุ่งกับคุณกวิน นี่ก็ครั้งที่สองแล้ว”

ลลิตพรรณตอบแทบเพื่อนรัก หน้าตาบึ้งตึงบอกความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด

“คำขู่ที่ว่า..ฉันขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะไข่มุก..เลิกให้ท่าเขา เลิกยุ่งเกี่ยวกับกวินซะ ฉันต้องการให้เธอลาออกจากงานโดยเร็วที่สุด ถ้ายังรักตัวกลัวตาย..รีบจัดการให้เสร็จเสียพรุ่งนี้ ใช่ไหม?”

เพทายทวนคำพูดที่ตนได้ยินตรงศาลาริมน้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีตกหล่น

“รู้ได้ไง?!”

สองสาวเอ่ยถามพร้อมกันด้วยความตกใจโดยมิได้นัดหมาย

“เฮ้อ..ยายหวานนะยายหวาน” เพทายส่ายศีรษะช้าๆอย่างนึกสมเพชมานิตา เมื่อความจริงเริ่มประจักษ์ชัด

“ถูกแม่มดหลอกใช้เป็นเครื่องมือเสียแล้ว..”

“เพหมายความว่าไง เค้างงไปหมดแล้ว”

มุกดาเขย่าข้อมือพี่สาวอย่างจะเร่งเร้าเอาคำตอบ น้ำตาเริ่มเหือดแห้งไปจากอัญมณีวาววามคู่นั้น ความสงสัยกึ่งประหลาดใจแทรกเข้ามาแทนที่ความหวาดกลัว

“ไข่มุก..พี่อาจไม่ค่อยได้พูดดีกับเธอ...แต่ขอให้รู้ไว้”

เพทายเสียงอ่อนลงกว่าทุกครั้ง หล่อนมองหน้าน้องสาวคนเล็กด้วยความสงสารจับใจ

“ความจริงใจไม่ได้ส่งผ่านมากับคำพูดอ่อนหวานเสมอไป..และคำพูดที่อ่อนหวานก็ไม่ได้มาพร้อมกับความจริงใจในทุกโอกาส..ทุกบุคคล เช่นกัน”



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2555, 16:19:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2555, 16:19:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1728





<< บทที่๑๙ ต้นเหตุความผิดพลาด ๒/๒   บทที่๒๐ ความจริงหลังหน้ากาก ๒/๒ >>
แล่นแต๊ 24 มิ.ย. 2555, 17:19:11 น.
ยายแพร ร้ายกาจมากกก


เดิมเดิม 24 มิ.ย. 2555, 20:08:19 น.
พี่เพก็บอกไปตรงๆ เลย


ศิลาริน 24 มิ.ย. 2555, 20:11:11 น.
ใกล้ละค่ะ รออีกนิด พี่เพกำลังจะไขความกระจ่าง ^^


Edelweiss 25 มิ.ย. 2555, 08:13:36 น.
โอ้วว พี่แพรรรร เธอช่างร้ายกาจ


wane 26 มิ.ย. 2555, 03:02:50 น.
แล้วไข่มุกจะเชื่อคำพูดของพี่เพเค้ามั๊ยเนี่ย ...


ศิลาริน 26 มิ.ย. 2555, 08:17:48 น.
นั่นสิ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account