เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่๒๐ ความจริงหลังหน้ากาก ๒/๒
มุกดานิ่วหน้าหนักกว่าเดิม
“โอ๊ย..ยิ่งฟังก็ยิ่งปวดหัว จะบอกอะไรได้โปรด พูดมาตรงๆเลยดีกว่า”
เพทายกัดปาก ถอนหายใจพรืด เหมือนลำบากใจที่จะเอ่ย แต่หล่อนก็ไม่เห็นทางอื่นดีกว่านี้
“ถ้าพี่จะบอกว่า..คนที่โทรมาข่มขู่เธอทั้งสองครั้ง ไม่ใช่ยายหวาน แต่เป็นแม่มดแพรวาผู้แสนดี เธอคงไม่เชื่อใช่ไหม..ไข่มุก”
มุกดามีสีหน้าตะลึงเพียงครู่เดียว ก่อนจะหัวเราะขัน ส่วนลลิตพรรณ เบิกตากว้าง ทว่ายังนิ่งฟังเฉยอยู่ ไม่เอ่ยอะไร
“เป็นบ้าไปแล้วเพ..เมื่อไหร่ตัวจะเลิกอคติกับพี่แพรเสียที เอาอะไรมาพูดเนี่ย”
เพทายเหยียดยิ้ม ไม่แน่ว่า สมเพชน้องสาวในไส้ หรือพี่สาวนอกไส้กันแน่ หล่อนยังพูดต่อไป ไม่ใส่ใจท่าทางไม่เชื่อถือของมุกดา
“เมื่อเย็น ฉันกำลังจะไปเลือกกุหลาบสีสดตรงศาลาริมน้ำ จัดเป็นช่อส่งลูกค้า”
หญิงสาวเอ่ยเรื่อยๆ อารมณ์หล่อนเย็นลงพอสมควรแล้ว กอดอกก้าวเดินช้าๆไปยังบานหน้าต่างที่เปิดกว้าง ลมกำลังโกรกดี ผมซอยสั้นระบัดพลิ้ว หล่อนหันหลังให้น้องสาว หยุดยืนมองดาวระยิบบนผืนกำมะหยี่ด้วยแววตาปลงตก น้ำเสียงเอื่อยอ่อนเหมือนปรารภกับตัวเอง มากกว่าจะตั้งใจเล่าให้ใครฟัง
“เห็นแพรเขายืนหันข้างคุยโทรศัพท์อยู่ตรงริมน้ำ ท่าทางแปลกๆ ฉันเลยแอบฟังอยู่ก่อน ไม่รีบเดินไปเลือกกุหลาบตามที่ตั้งใจ”
หล่อนเหลียวหลังกลับมามองคนฟังแวบหนึ่ง เห็นยังทำตาบ้องแบ๊ว ไร้เดียงสา มุกดายักไหล่เป็นเชิงถามว่า..แล้วไงต่อ ท่าทางไม่เห็นเป็นเรื่องจริงจัง ผิดกับลลิตพรรณซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง เริ่มขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางสนใจเรื่องที่เพทายกำลังบอกกล่าว
“ไอ้เราก็สงสัยว่าเป็นหวัด หรือมีกลิ่นผิดปกติอะไรแถวนั้น เห็นเอามือหนีบจมูก ทำเสียงอู้อี้..ที่ไหนได้ ตกใจแทบตายตอนที่ได้ยินแม่นั่นพูดเป็นเรื่องเป็นราวว่า..”
เพทายหยุดกระแอมไอปรับโทนเสียง เพื่อเลียนแบบให้สมจริง หล่อนยกมือบีบจมูกก่อนเอ่ย
“ฉันขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะไข่มุก..เลิกให้ท่าเขา เลิกยุ่งเกี่ยวกับกวินซะ ฉันต้องการให้เธอลาออกจากงานโดยเร็วที่สุด ถ้ายังรักตัวกลัวตาย..รีบจัดการให้เสร็จเสียพรุ่งนี้ ”
“ไม่จริง!!”
หล่อนได้ยินน้องสาวขัดขึ้นมาเสียงเครียดกว่าปกติ เพทายสัมผัสถึงความไม่แน่ใจ ความกังวล และความตกใจในน้ำเสียงนั้น หล่อนยกยิ้มมุมปากอย่างสมใจทั้งที่ยังทอดมองท้องฟ้ายามราตรีเบื้องบน ไม่ได้หันไปมองว่ามุกดาจะมีสีหน้าอย่างไร หล่อนเอ่ยต่อเรื่อยๆ
“เธอคงไม่ใจร้ายพอจะนึกว่าฉันแต่งเรื่องขึ้นมานะ ไข่มุก ฉันออกจะเลียนเสียงได้เหมือนขนาดนี้ จะว่าฉันเจอยายหวานคุยโทรศัพท์อยู่ที่ใดที่หนึ่ง แล้วเอาความมาใส่ร้ายยายแม่มด ก็คงจะบังเอิญมากๆ เธอก็เพิ่งเห็นฉันในบ้านเมื่อเย็น จะออกไปบังเอิญเจอใครข้างนอก ด้วยเวลาแค่นั้น”
“จริงค่ะ พี่เพพูดมีเหตุผล..”
ลลิตพรรณเอ่ยสำทับเป็นเชิงสนับสนุน มุกดาเลยทำตาค้อนใส่เข้าให้ ถึงกระนั้น สาวหมวยก็เห็นเพื่อนรักมีสีหน้าซีดลงกว่าเดิม คงไม่เห็นเป็นเรื่องขำขันอย่างตอนแรกเสียแล้ว
“ฉันมีเรื่องเก่าๆ สมัยมัธยมปลายจะเล่าให้เธอฟังเอาบุญ..เรื่องยายแพรกับคนที่เธอหลงนึกว่าเป็นเพื่อนสนิทสนมปานจะกลืน”
“พี่หวานน่ะหรือคะ?”
ลลิตพรรณถามแทนเพื่อนสาว ซึ่งยังนิ่งเงียบเหมือนพูดอะไรไม่ออก
“ก่อนอื่นฉันขอเตือนความทรงจำเธอก่อน จำได้ไหม ยายแพรเคยขึ้นไปเล่านิทานให้เด็กประถมฟังบนเวที..งานวันเด็กนั่นไง”
“อ๋อ จำได้ค่ะ..ตอนนั้นไข่มุกยังชวนจอยไปฟังด้วยเลย คนอะไรบ้าเห่อพี่สาวไม่หยุดหย่อน เขาจะแสดงอะไร ประกวดแข่งขันที่ไหนก็ตามไปเชียร์ตลอด”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนตอบรับประโยคคำถามของเพทาย หญิงสาวหันไปยิ้มให้เพื่อนสนิทน้องสาวแวบหนึ่ง หล่อนเอ่ยต่อเรื่อยๆ
“จำได้ใช่ไหม..พี่สาวแสนสวยของเธอเลียนเสียงตัวละครในนิทานได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน”
“จริงค่ะ จอยคอนเฟิร์ม ตอนนั้นยังทึ่งอยู่เลย ว่าคนอะไร เลียนเสียงแม่มดในเรื่องสโนไวท์ ได้เมื้อนเหมือนคนพากย์การ์ตูนวอลดิสนีย์ เหมือนเปี๊ยบทีเดียวค่ะ”
ลลิตพรรณตบเข่าฉาดใหญ่ เมื่อนึกถึงวันวานสมัยวัยเยาว์ได้ชัดเจน เสมือนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นานนัก
“เอาล่ะ มาฟังเรื่องพี่แพรของเธอ กับยายหวานตัวร้ายมั่งดีกว่า..”
สาวหน้าหมวยรีบเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นหน้ามาถามเพทายด้วยความกระตือรือร้น
“เรื่องที่เขาสนิทกันเพราะจำเป็นใช่ไหมคะ จอยเคยได้ยินข่าวลือเรื่องชอบผู้ชายคนเดียวกัน เรื่องจริงมันเป็นไงหรือคะพี่เพ?”
“อะไร..เธอรู้จักพี่หวานตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือยายจอย ไม่เห็นเคยพูดถึง”
มุกดาเอ่ยเสียงประหลาดขึ้นมา หลังจากนิ่งเงียบมาครู่ใหญ่ ลลิตพรรณหันไปตอบเพื่อนสาวเพียงว่า..
“สมัยนั้นเธอสนใจฟังเรื่องคนอื่นเสียที่ไหน นอกจากพี่แพร..ฉันเลยว่าป่วยการถ้าจะพูดถึง”
ก่อนจะหันกลับมาเร่งเร้าเพทายให้เล่าเรื่องต่อ
“ตอนนั้นโรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาระดับภาค..เธอคงมัวแต่สนใจจะดูขบวนพาเหรดสินะไข่มุก เลยไม่รู้ว่าใครเป็นเดือนเด่นในกีฬาบาสเก็ตบอล”
“พี่วินค่ะ จอยจำได้ สาวๆกรี๊ดกันจะตาย”
ลลิตพรรณตอบรับพร้อมยิ้มหน้าบาน
“อะไรนะ..พี่วิน คุณกวินน่ะหรือ?”
มุกดาขัดขึ้นอย่างนึกไม่ถึง ลลิตพรรณถอนหายใจอย่างระอาก่อนจะหันไปตอบอีกครั้ง
“ก็ใช่นะซี แต่เขาอยู่คนละโรงเรียนกับเรา..เธอยังไม่รู้จักเขาหรอกตอนนั้น เคยสนใจเพศตรงข้ามเสียเมื่อไหร่..อาจจะได้ยินใครๆกรี๊ดกันแต่เธอคงฟังผ่านเลยไปละมั้ง”
มุกดารู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆจุกขึ้นมาตรงลำคอ หล่อนพูดไม่ออก จะบอกไปก็เหมือนน้ำท่วมปาก ว่าหล่อนรู้จักเขามาตั้งนาน ก่อนหน้านั้นอีก ทว่า ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
“นั่นแหละ..พี่วิน เจ้านายของเธอ ทั้งดัมเมเยอร์สาวสวยแพรวา และเชียร์ลีดเดอร์หน้าหวานเยิ้มเป็นน้ำตาลปี๊บอย่างยายหวาน หลงรักเขาหัวปักหัวปำ”
เพทายขยายให้เข้าใจถนัด
“แล้วไงต่อคะพี่เพ..แล้วเขาสองคนเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ทั้งที่ชอบผู้ชายคนเดียวกัน”
ลลิตพรรณถามอย่างกระตือรือร้น ความจริงสมัยเด็ก หล่อนเป็นคนหูตากว้างไกล รู้เรื่องอะไรมากมาย แต่ก็มีหลายเรื่องที่หล่อนไม่เห็นประโยชน์จะเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง
“เรื่องมันมีอยู่ว่า..โรงเรียนเราจัดตั้งชมรมปลูกป่าค่ายอาสาขึ้นมา เป็นการกระชับสัมพันธ์ระหว่างเด็กทั้งสี่โรงเรียนที่มาเข้าร่วมแข่งขัน”
“เอ..ถ้าจอยจำไม่ผิด ชมรมนี้มีแต่พวกผู้ชายไปสมัครกันไม่ใช่หรือคะ ผู้หญิงเรามีแต่ร้องยี้”
“นั่นล่ะประเด็น..เพราะหนึ่งในนั้นมีเดือนเด่นอย่างคุณวินเข้าร่วมกะเขาด้วย”
ลลิตพรรณตบมือเสียงดังเมื่อเริ่มเดาเรื่องได้ลางๆ
“อ๋อ...พี่แพรกับพี่หวานอยากใกล้ชิดพี่วิน ก็เลยไปสมัครใช่ไหมคะ?”
เพทายพยักหน้าแทนคำตอบ หล่อนยังหันหลังมองดาวยามค่ำคืน จึงไม่เห็นว่าคนบนเตียงสีเลือดเริ่มหายไปจากใบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่นิ่งงัน ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ
“เอ..แล้วจะออกค่ายกันยังไงล่ะคะ มีแต่ผู้ชาย ไม่รู้สึกแปลกแยกบ้างรึไง”
ลลิตพรรณเอ่ยเหมือนปรารภกับตัวเองอย่างคับข้องใจ
“พี่สนิทกับประธานชมรมในตอนนั้น..ยายแม่มดเลยมาขอร้องให้พี่พาไปสมัครค่าย พอไปถึงก็ปะหน้ากับแม่หวานหยดย้อย ทีแรกก็เขม่นกันอยู่หรอก ไม่พูดกันเลยจนคำเดียว”
เพทายหลุดขำออกมาเมื่อนึกย้อนไปเห็นภาพวันวาน
“แต่พอเหลียวซ้ายแลขวา เขารับสมัครครบจำนวนเรียบร้อย ไม่เห็นผู้หญิง คราวนี้เลยพูดดีกันเฉยเลย ประสานสัมพันธ์เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่ตอนนั้น กิจกรรมมันต้องออกป่าเดือนละครั้ง เลือกเสาร์อาทิตย์สัปดาห์ที่สองของทุกเดือน สองคนนี้ก็ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะผู้ชายแต่ละคนนอกเหนือจากคุณวินก็ผีดิบ ไร้ความรู้สึกกันทั้งนั้น พวกอุดมการณ์น่ะนะ ไม่มีใครพูด หรือสนใจสาวสวยสองคนนี้เลย”
ลลิตพรรณพยักหน้าตามช้าๆอย่างพอจะนึกภาพออก
“แต่พอชมรมปิดตัวลง คุณวินไปเรียนต่ออเมริกาหลังจบม.หก พี่ก็ไม่เห็นแม่สองคนนี้เขาเดินคู่กันอีกเลย”
“ถ้าอย่างนั้น...ที่พี่แพรเลือกทุนไปเรียนดีไซน์ที่อเมริกาก็เพราะพี่วินใช่ไหมคะ”
เพทายพยักหน้าก่อนอธิบาย
“ถูกแล้ว..เธอก็สงสัยอยู่เหมือนกันใช่ไหม ว่าทำไมไม่เลือก อังกฤษ หรือฝรั่งเศส..ได้ตรงสาขาที่เขาขึ้นชื่อ..เกรดขนาดนั้นเลือกได้สบายบรื๋ออยู่แล้ว”
ลลิตพรรณไม่ทันจะได้ตอบ เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะช้าๆก็ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับเสียงกังวานใสของบุคคลที่กำลังตกเป็นประเด็นการสนทนาครั้งนี้
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะสาวสวย..แหมอยู่กันพร้อมหน้า”
แพรวาเยี่ยมหน้าเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองจนทั่ว เมื่อลลิตพรรณวิ่งไปเปิดประตูต้อนรับ พร้อมกับยิ้มแห้งๆ
“กำลังพูดถึงเธอนั่นแหละ..มันหยดเชียว”
เพทายบอกเสียงเครียด แพรวาทำตาวาววับ ยกมือขึ้นปิดปากเหมือนตกใจ ก่อนจะยิ้มให้อย่างแสนหวาน
“อุ๊ยตาย..หวังว่าคงพูดถึงกันในแง่ดีนะจ๊ะ ขอบคุณจ้ะที่ให้ความสำคัญ”
เพทายเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ไม่มีแววขำขันเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไข่มุกจ๊ะ..อาทิตย์นี้ พี่ขอเชิญเธอมาเป็นนางแบบงานเปิดตัวห้องเสื้อ ได้ไหม..คอลเลคชั่นใหม่เอี่ยม สุดเลิศอลังการ..พี่จะให้เธอใส่ชุดฟินาเล่ด้วยนะ”
แพรวายิงประเด็นสำคัญที่หล่อนต้องการไปยังสาวน้อยบนเตียง ขณะก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง ลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
ลลิตพรรณกับเพทายเห็นตรงกันว่า บัดนี้ มุกดาหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม แม้หญิงสาวไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดว่าหล่อนรู้สึกอย่างไรกับเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังเมื่อครู่ แต่แววตาวาววามเคลือบน้ำใส บอกให้รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้เห็นเป็นเรื่องขำขันอย่างตอนแรก
“ไม่..”
มุกดาขยับปากจะปฏิเสธ แต่ไม่ทันเพทายที่ชิงขัดขึ้นมาเสียงแข็ง ก่อนจะนั่งประกบน้องสาวลงอีกฝั่ง
“ถ้าเธอหนี..เธอก็จะแพ้ไปจนตาย..แต่ถ้าเธอสู้ ก็ยังมีทางรอด”
ลลิตพรรณเลิกคิ้วประหลาดใจกับคำกล่าวนั้น แล้วเพทายก็เอ่ยขึ้นอีกอย่างไม่มีใครคาดคิด
“เอาเลยจ้ะ คุณดีไซเนอร์คนสวย ตบแต่งน้องสาวฉันให้เลิศหรูอย่าขาดตกบกพร่องเชียว..ฉันอนุญาต”
“โอ๊ย..ยิ่งฟังก็ยิ่งปวดหัว จะบอกอะไรได้โปรด พูดมาตรงๆเลยดีกว่า”
เพทายกัดปาก ถอนหายใจพรืด เหมือนลำบากใจที่จะเอ่ย แต่หล่อนก็ไม่เห็นทางอื่นดีกว่านี้
“ถ้าพี่จะบอกว่า..คนที่โทรมาข่มขู่เธอทั้งสองครั้ง ไม่ใช่ยายหวาน แต่เป็นแม่มดแพรวาผู้แสนดี เธอคงไม่เชื่อใช่ไหม..ไข่มุก”
มุกดามีสีหน้าตะลึงเพียงครู่เดียว ก่อนจะหัวเราะขัน ส่วนลลิตพรรณ เบิกตากว้าง ทว่ายังนิ่งฟังเฉยอยู่ ไม่เอ่ยอะไร
“เป็นบ้าไปแล้วเพ..เมื่อไหร่ตัวจะเลิกอคติกับพี่แพรเสียที เอาอะไรมาพูดเนี่ย”
เพทายเหยียดยิ้ม ไม่แน่ว่า สมเพชน้องสาวในไส้ หรือพี่สาวนอกไส้กันแน่ หล่อนยังพูดต่อไป ไม่ใส่ใจท่าทางไม่เชื่อถือของมุกดา
“เมื่อเย็น ฉันกำลังจะไปเลือกกุหลาบสีสดตรงศาลาริมน้ำ จัดเป็นช่อส่งลูกค้า”
หญิงสาวเอ่ยเรื่อยๆ อารมณ์หล่อนเย็นลงพอสมควรแล้ว กอดอกก้าวเดินช้าๆไปยังบานหน้าต่างที่เปิดกว้าง ลมกำลังโกรกดี ผมซอยสั้นระบัดพลิ้ว หล่อนหันหลังให้น้องสาว หยุดยืนมองดาวระยิบบนผืนกำมะหยี่ด้วยแววตาปลงตก น้ำเสียงเอื่อยอ่อนเหมือนปรารภกับตัวเอง มากกว่าจะตั้งใจเล่าให้ใครฟัง
“เห็นแพรเขายืนหันข้างคุยโทรศัพท์อยู่ตรงริมน้ำ ท่าทางแปลกๆ ฉันเลยแอบฟังอยู่ก่อน ไม่รีบเดินไปเลือกกุหลาบตามที่ตั้งใจ”
หล่อนเหลียวหลังกลับมามองคนฟังแวบหนึ่ง เห็นยังทำตาบ้องแบ๊ว ไร้เดียงสา มุกดายักไหล่เป็นเชิงถามว่า..แล้วไงต่อ ท่าทางไม่เห็นเป็นเรื่องจริงจัง ผิดกับลลิตพรรณซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง เริ่มขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางสนใจเรื่องที่เพทายกำลังบอกกล่าว
“ไอ้เราก็สงสัยว่าเป็นหวัด หรือมีกลิ่นผิดปกติอะไรแถวนั้น เห็นเอามือหนีบจมูก ทำเสียงอู้อี้..ที่ไหนได้ ตกใจแทบตายตอนที่ได้ยินแม่นั่นพูดเป็นเรื่องเป็นราวว่า..”
เพทายหยุดกระแอมไอปรับโทนเสียง เพื่อเลียนแบบให้สมจริง หล่อนยกมือบีบจมูกก่อนเอ่ย
“ฉันขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะไข่มุก..เลิกให้ท่าเขา เลิกยุ่งเกี่ยวกับกวินซะ ฉันต้องการให้เธอลาออกจากงานโดยเร็วที่สุด ถ้ายังรักตัวกลัวตาย..รีบจัดการให้เสร็จเสียพรุ่งนี้ ”
“ไม่จริง!!”
หล่อนได้ยินน้องสาวขัดขึ้นมาเสียงเครียดกว่าปกติ เพทายสัมผัสถึงความไม่แน่ใจ ความกังวล และความตกใจในน้ำเสียงนั้น หล่อนยกยิ้มมุมปากอย่างสมใจทั้งที่ยังทอดมองท้องฟ้ายามราตรีเบื้องบน ไม่ได้หันไปมองว่ามุกดาจะมีสีหน้าอย่างไร หล่อนเอ่ยต่อเรื่อยๆ
“เธอคงไม่ใจร้ายพอจะนึกว่าฉันแต่งเรื่องขึ้นมานะ ไข่มุก ฉันออกจะเลียนเสียงได้เหมือนขนาดนี้ จะว่าฉันเจอยายหวานคุยโทรศัพท์อยู่ที่ใดที่หนึ่ง แล้วเอาความมาใส่ร้ายยายแม่มด ก็คงจะบังเอิญมากๆ เธอก็เพิ่งเห็นฉันในบ้านเมื่อเย็น จะออกไปบังเอิญเจอใครข้างนอก ด้วยเวลาแค่นั้น”
“จริงค่ะ พี่เพพูดมีเหตุผล..”
ลลิตพรรณเอ่ยสำทับเป็นเชิงสนับสนุน มุกดาเลยทำตาค้อนใส่เข้าให้ ถึงกระนั้น สาวหมวยก็เห็นเพื่อนรักมีสีหน้าซีดลงกว่าเดิม คงไม่เห็นเป็นเรื่องขำขันอย่างตอนแรกเสียแล้ว
“ฉันมีเรื่องเก่าๆ สมัยมัธยมปลายจะเล่าให้เธอฟังเอาบุญ..เรื่องยายแพรกับคนที่เธอหลงนึกว่าเป็นเพื่อนสนิทสนมปานจะกลืน”
“พี่หวานน่ะหรือคะ?”
ลลิตพรรณถามแทนเพื่อนสาว ซึ่งยังนิ่งเงียบเหมือนพูดอะไรไม่ออก
“ก่อนอื่นฉันขอเตือนความทรงจำเธอก่อน จำได้ไหม ยายแพรเคยขึ้นไปเล่านิทานให้เด็กประถมฟังบนเวที..งานวันเด็กนั่นไง”
“อ๋อ จำได้ค่ะ..ตอนนั้นไข่มุกยังชวนจอยไปฟังด้วยเลย คนอะไรบ้าเห่อพี่สาวไม่หยุดหย่อน เขาจะแสดงอะไร ประกวดแข่งขันที่ไหนก็ตามไปเชียร์ตลอด”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนตอบรับประโยคคำถามของเพทาย หญิงสาวหันไปยิ้มให้เพื่อนสนิทน้องสาวแวบหนึ่ง หล่อนเอ่ยต่อเรื่อยๆ
“จำได้ใช่ไหม..พี่สาวแสนสวยของเธอเลียนเสียงตัวละครในนิทานได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน”
“จริงค่ะ จอยคอนเฟิร์ม ตอนนั้นยังทึ่งอยู่เลย ว่าคนอะไร เลียนเสียงแม่มดในเรื่องสโนไวท์ ได้เมื้อนเหมือนคนพากย์การ์ตูนวอลดิสนีย์ เหมือนเปี๊ยบทีเดียวค่ะ”
ลลิตพรรณตบเข่าฉาดใหญ่ เมื่อนึกถึงวันวานสมัยวัยเยาว์ได้ชัดเจน เสมือนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นานนัก
“เอาล่ะ มาฟังเรื่องพี่แพรของเธอ กับยายหวานตัวร้ายมั่งดีกว่า..”
สาวหน้าหมวยรีบเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นหน้ามาถามเพทายด้วยความกระตือรือร้น
“เรื่องที่เขาสนิทกันเพราะจำเป็นใช่ไหมคะ จอยเคยได้ยินข่าวลือเรื่องชอบผู้ชายคนเดียวกัน เรื่องจริงมันเป็นไงหรือคะพี่เพ?”
“อะไร..เธอรู้จักพี่หวานตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือยายจอย ไม่เห็นเคยพูดถึง”
มุกดาเอ่ยเสียงประหลาดขึ้นมา หลังจากนิ่งเงียบมาครู่ใหญ่ ลลิตพรรณหันไปตอบเพื่อนสาวเพียงว่า..
“สมัยนั้นเธอสนใจฟังเรื่องคนอื่นเสียที่ไหน นอกจากพี่แพร..ฉันเลยว่าป่วยการถ้าจะพูดถึง”
ก่อนจะหันกลับมาเร่งเร้าเพทายให้เล่าเรื่องต่อ
“ตอนนั้นโรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาระดับภาค..เธอคงมัวแต่สนใจจะดูขบวนพาเหรดสินะไข่มุก เลยไม่รู้ว่าใครเป็นเดือนเด่นในกีฬาบาสเก็ตบอล”
“พี่วินค่ะ จอยจำได้ สาวๆกรี๊ดกันจะตาย”
ลลิตพรรณตอบรับพร้อมยิ้มหน้าบาน
“อะไรนะ..พี่วิน คุณกวินน่ะหรือ?”
มุกดาขัดขึ้นอย่างนึกไม่ถึง ลลิตพรรณถอนหายใจอย่างระอาก่อนจะหันไปตอบอีกครั้ง
“ก็ใช่นะซี แต่เขาอยู่คนละโรงเรียนกับเรา..เธอยังไม่รู้จักเขาหรอกตอนนั้น เคยสนใจเพศตรงข้ามเสียเมื่อไหร่..อาจจะได้ยินใครๆกรี๊ดกันแต่เธอคงฟังผ่านเลยไปละมั้ง”
มุกดารู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆจุกขึ้นมาตรงลำคอ หล่อนพูดไม่ออก จะบอกไปก็เหมือนน้ำท่วมปาก ว่าหล่อนรู้จักเขามาตั้งนาน ก่อนหน้านั้นอีก ทว่า ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
“นั่นแหละ..พี่วิน เจ้านายของเธอ ทั้งดัมเมเยอร์สาวสวยแพรวา และเชียร์ลีดเดอร์หน้าหวานเยิ้มเป็นน้ำตาลปี๊บอย่างยายหวาน หลงรักเขาหัวปักหัวปำ”
เพทายขยายให้เข้าใจถนัด
“แล้วไงต่อคะพี่เพ..แล้วเขาสองคนเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ทั้งที่ชอบผู้ชายคนเดียวกัน”
ลลิตพรรณถามอย่างกระตือรือร้น ความจริงสมัยเด็ก หล่อนเป็นคนหูตากว้างไกล รู้เรื่องอะไรมากมาย แต่ก็มีหลายเรื่องที่หล่อนไม่เห็นประโยชน์จะเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง
“เรื่องมันมีอยู่ว่า..โรงเรียนเราจัดตั้งชมรมปลูกป่าค่ายอาสาขึ้นมา เป็นการกระชับสัมพันธ์ระหว่างเด็กทั้งสี่โรงเรียนที่มาเข้าร่วมแข่งขัน”
“เอ..ถ้าจอยจำไม่ผิด ชมรมนี้มีแต่พวกผู้ชายไปสมัครกันไม่ใช่หรือคะ ผู้หญิงเรามีแต่ร้องยี้”
“นั่นล่ะประเด็น..เพราะหนึ่งในนั้นมีเดือนเด่นอย่างคุณวินเข้าร่วมกะเขาด้วย”
ลลิตพรรณตบมือเสียงดังเมื่อเริ่มเดาเรื่องได้ลางๆ
“อ๋อ...พี่แพรกับพี่หวานอยากใกล้ชิดพี่วิน ก็เลยไปสมัครใช่ไหมคะ?”
เพทายพยักหน้าแทนคำตอบ หล่อนยังหันหลังมองดาวยามค่ำคืน จึงไม่เห็นว่าคนบนเตียงสีเลือดเริ่มหายไปจากใบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่นิ่งงัน ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ
“เอ..แล้วจะออกค่ายกันยังไงล่ะคะ มีแต่ผู้ชาย ไม่รู้สึกแปลกแยกบ้างรึไง”
ลลิตพรรณเอ่ยเหมือนปรารภกับตัวเองอย่างคับข้องใจ
“พี่สนิทกับประธานชมรมในตอนนั้น..ยายแม่มดเลยมาขอร้องให้พี่พาไปสมัครค่าย พอไปถึงก็ปะหน้ากับแม่หวานหยดย้อย ทีแรกก็เขม่นกันอยู่หรอก ไม่พูดกันเลยจนคำเดียว”
เพทายหลุดขำออกมาเมื่อนึกย้อนไปเห็นภาพวันวาน
“แต่พอเหลียวซ้ายแลขวา เขารับสมัครครบจำนวนเรียบร้อย ไม่เห็นผู้หญิง คราวนี้เลยพูดดีกันเฉยเลย ประสานสัมพันธ์เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่ตอนนั้น กิจกรรมมันต้องออกป่าเดือนละครั้ง เลือกเสาร์อาทิตย์สัปดาห์ที่สองของทุกเดือน สองคนนี้ก็ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะผู้ชายแต่ละคนนอกเหนือจากคุณวินก็ผีดิบ ไร้ความรู้สึกกันทั้งนั้น พวกอุดมการณ์น่ะนะ ไม่มีใครพูด หรือสนใจสาวสวยสองคนนี้เลย”
ลลิตพรรณพยักหน้าตามช้าๆอย่างพอจะนึกภาพออก
“แต่พอชมรมปิดตัวลง คุณวินไปเรียนต่ออเมริกาหลังจบม.หก พี่ก็ไม่เห็นแม่สองคนนี้เขาเดินคู่กันอีกเลย”
“ถ้าอย่างนั้น...ที่พี่แพรเลือกทุนไปเรียนดีไซน์ที่อเมริกาก็เพราะพี่วินใช่ไหมคะ”
เพทายพยักหน้าก่อนอธิบาย
“ถูกแล้ว..เธอก็สงสัยอยู่เหมือนกันใช่ไหม ว่าทำไมไม่เลือก อังกฤษ หรือฝรั่งเศส..ได้ตรงสาขาที่เขาขึ้นชื่อ..เกรดขนาดนั้นเลือกได้สบายบรื๋ออยู่แล้ว”
ลลิตพรรณไม่ทันจะได้ตอบ เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะช้าๆก็ดังแทรกขึ้นมาพร้อมกับเสียงกังวานใสของบุคคลที่กำลังตกเป็นประเด็นการสนทนาครั้งนี้
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะสาวสวย..แหมอยู่กันพร้อมหน้า”
แพรวาเยี่ยมหน้าเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองจนทั่ว เมื่อลลิตพรรณวิ่งไปเปิดประตูต้อนรับ พร้อมกับยิ้มแห้งๆ
“กำลังพูดถึงเธอนั่นแหละ..มันหยดเชียว”
เพทายบอกเสียงเครียด แพรวาทำตาวาววับ ยกมือขึ้นปิดปากเหมือนตกใจ ก่อนจะยิ้มให้อย่างแสนหวาน
“อุ๊ยตาย..หวังว่าคงพูดถึงกันในแง่ดีนะจ๊ะ ขอบคุณจ้ะที่ให้ความสำคัญ”
เพทายเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ไม่มีแววขำขันเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไข่มุกจ๊ะ..อาทิตย์นี้ พี่ขอเชิญเธอมาเป็นนางแบบงานเปิดตัวห้องเสื้อ ได้ไหม..คอลเลคชั่นใหม่เอี่ยม สุดเลิศอลังการ..พี่จะให้เธอใส่ชุดฟินาเล่ด้วยนะ”
แพรวายิงประเด็นสำคัญที่หล่อนต้องการไปยังสาวน้อยบนเตียง ขณะก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง ลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
ลลิตพรรณกับเพทายเห็นตรงกันว่า บัดนี้ มุกดาหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้ม แม้หญิงสาวไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดว่าหล่อนรู้สึกอย่างไรกับเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังเมื่อครู่ แต่แววตาวาววามเคลือบน้ำใส บอกให้รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้เห็นเป็นเรื่องขำขันอย่างตอนแรก
“ไม่..”
มุกดาขยับปากจะปฏิเสธ แต่ไม่ทันเพทายที่ชิงขัดขึ้นมาเสียงแข็ง ก่อนจะนั่งประกบน้องสาวลงอีกฝั่ง
“ถ้าเธอหนี..เธอก็จะแพ้ไปจนตาย..แต่ถ้าเธอสู้ ก็ยังมีทางรอด”
ลลิตพรรณเลิกคิ้วประหลาดใจกับคำกล่าวนั้น แล้วเพทายก็เอ่ยขึ้นอีกอย่างไม่มีใครคาดคิด
“เอาเลยจ้ะ คุณดีไซเนอร์คนสวย ตบแต่งน้องสาวฉันให้เลิศหรูอย่าขาดตกบกพร่องเชียว..ฉันอนุญาต”
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2555, 23:51:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2555, 23:51:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 1699
<< บทที่๒๐ ความจริงหลังหน้ากาก ๑/๒ | บทที่๒๑ สาวแสบ ๑/๒ >> |
wane 28 มิ.ย. 2555, 07:35:30 น.
เพทายเยี่ยมมากกกกก
เพทายเยี่ยมมากกกกก
เดิมเดิม 28 มิ.ย. 2555, 09:55:32 น.
พี่เพจัดหนักไปเลย
พี่เพจัดหนักไปเลย
ศิลาริน 28 มิ.ย. 2555, 12:38:11 น.
^__^
^__^