EE.hack รหัสมนตรา ออนไลน์
ใครจะไปคิดว่าคนเกลียดเกมอย่างจินตา จะต้องมาโดนขังอยู่ในเกมออนไลน์ แถมจะตายแหล่มิตายแหล่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ทั้งๆที่เธอรับปากเพื่อนว่าจะเข้ามาลองเล่นเกมแค่วันเดียวเท่านั้น ให้ตายสิ ความซวยของเธอยังไม่จบแค่นั้น เธอต้องมาติดแหง็กอยู่กับนายคีรินทร์ ผู้ชายอะไรไร้มารยาท ใจดำ ปากร้ายเป็นที่หนึ่ง ถึงเขาจะช่วยชีวิตเธอไว้ก็เถอะแต่จะให้สำนึกขอบคุณนายนี่นะเหรอ ไม่มีวันซะละ อยากรู้จริงๆจะมีผู้หญิงที่ไหนยอมคบนายเป็นแฟนกัน

ผมชื่อ คีรินทร์ ผมก็เหมือนพวกคุณหลายๆคนนะแหละ ติดเกม เล่นมันทั้งวันทั้งคืนแต่ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ ก็มีแฮกเกอร์ที่ไหนก็ไม่รู้เจาะระบบเข้ามาแถมยังไล่ล่าฆ่าทุกคน คุณคงจะคิดว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้สิ ผมเห็นมากับตาตัวเอง แค่จะเอาตัวเองให้รอดก็แทบรากเลือดอยู่แล้ว แล้วยังมียายเรื่องมากนั่นตามเกาะติดผมอีก

Tags: ไซไฟ แฟนตาซี โรมานติก คอมเมดี้ วัยรุ่น เกมออนไลน์

ตอน: บทที่ 1

หน้าจอแสงลอยอยู่กลางอากาศจากเทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้จอแสงลอยอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการฉายภาพ บนหน้าจอปรากฏภาพหญิงสาว ใบหน้ารูปไข่ ผมสั้นสีน้ำเงินยาวประบ่า ในตาสุกใสขนตางอนยาว กำลังร้องอ้อนวอนหญิงสาว ที่อยู่บนเตียงนอน

“เล่นด้วยกันเถอะ ขอร้อง นะนะ”
พีชกำลังขอร้องเพื่อนสาวให้ร่วมเล่นเกมกับเธอ หญิงสาวบนเตียงทำหน้ามุ่ย ถึงแม้เธอจะย่นจมูก แต่ไม่ได้ลดความสวยบนใบหน้าลง จมูกที่โด่งเป็นสันนั้นบ่งบอกว่าเธอมีเชื้อสายชาวตะวันตก ในตาสีน้ำตาลขนตายาว ดูรับกับผมสีน้ำตาล ยาวสะยายบนแผ่นหลังของเธอ หญิงสาวจ้องกลับไปที่จอภาพ ก่อนจะเอ่ย

“ก็ไม่อยากเล่นนี่ เซ้าซี้อยู่ได้ เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดเกมพวกนี้มากแค่ไหน”

จินตาถูกพีชชวนให้เล่นเกมมาสักพักใหญ่ แต่ดูเหมือนความพยายามของพีชจะล้มเหลว

“สนุกนะ ตอนนี้ใครๆเขาก็ฮิตเล่นกัน เธอไม่ยอมเล่นแบบนี้ ตกเทรนแย่เลย”

“ยอมตกเทรนยะ มีอย่างอื่นให้ทำอีกตั้งเยอะ แล้วทำไมต้องเล่นแต่เกมด้วย” จินตาย่นจมูก ไม่สนใจว่าคำชวนของเพื่อนสนิท

พีชต้องถอนหายใจ เหนื่อยกับความดื้อรั้นของเพื่อนสาว

“โอเคๆ ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปด้วยกันรึเปล่า” พีชเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ไปสิ” จินตาทำเสียงสูง “ต้องไปซื้อชุดออกงานเสียหน่อย” จินตาหมายถึง งานเลี้ยงจบการศึกษากับอาจารย์ และรุ่นน้องระดับมัธยมปลาย ซึ่งเธอเพิ่งจบมาไม่นานนัก

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” พีชโบกมือให้ ก่อนที่หน้าจอแสงจะหายไป

จริงๆแล้วด้วยเทคโนโลยีตอนนี้ จินตาสามารถเข้าไปชอปปิ้งผ่านโลกเสมือนจริงที่เรียกว่า เวอร์ชวลโซเชียลเวิลด์ [Virtual Social World] หรือเรียกย่อๆว่า วีเวิลด์ [V-World] มันเกือบจะเป็นโลกแห่งที่สองของผู้คนในยุคนี้ ผู้ใช้งานจะใช้ร่างเทียมที่เรียกว่า อวตาร[Avatar] เป็นตัวแทนสำหรับเข้าไปใช้งานในโลกเสมือนจริง คนส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้ร่างอวตารให้เหมือนกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง เพราะมีกฎหมายรองรับ เนื่องจากการใช้ร่างอวตารที่ไม่เหมือนตัวผู้ใช้ เข้าข่ายหลอกลวงผู้อื่น มีโทษปรับที่สูงมากที่เดียว แต่ก็มีคนไม่น้อยฝ่าฝืนกฎหมายข้อนี้

จินตาก็เคยเจอมากับตัวเองเช่นกัน เธอเคยซื้อสินค้าผ่านโลกเสมือนจริง ทั้งๆที่เธอแน่ใจว่าไม่โดนหลอก แต่เธอก็โดนต้มจนได้ เสื้อผ้าที่เธอสั่งซื้อ ไม่ได้ตามที่ต้องการเลยแม้แต่น้อย ผ้าที่ได้มาเป็นผ้าธรรมดา ไม่ใช่ผ้าสังเคราะห์ ซึ่งมันสามารถรักษาอุณหภูมิของร่างกายเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเจออากาศร้อนหรือเย็น หมายความว่าเธอจะไม่รู้สึกร้อนหรือหนาวเมื่อใส่เสื้อผ้าชนิดนี้

แม้จินตาไปที่ร้านในโลกเสมือนจริง แต่เขาก็ปิดร้านหนีไป นี่เป็นข้อเสียใหญ่ของโลกเสมือนจริงเลยทีเดียว ร้านค้าสามารถเปิดหรือปิดได้ โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ทำให้มีร้านเถื่อนจำนวนมาก จินตาจึงเกลียดการชอปปิ้งในโลกเสมือนจริงเป็นที่สุด หลังจากนั้นเธอก็ไปแจ้งความ แต่ปรากฏว่าเจ้าของร้านก็ใช้อวตารปลอม ทำให้ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร นั่นยิ่งทำให้จินตาโกรธเป็นสองเท่า

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังตามเวลาที่จินตาตั้งเอาไว้

“อืม” จินตาส่งเสียงคราง “อยากนอนต่ออีกหน่อยอะ” เธอส่งเสียงอย่างสะลึมสะลือ ดึงผ้าห่มแนบหูหวังให้มันช่วยกลบเสียงนาฬิกา

“เก้าโมงเช้าแล้วคะ คุณจินนี่” เสียงผู้หญิง ที่จำลองจากคอมพิวเตอร์เรียกปลุกให้จินตาตื่น กระจกขนาดเท่าฝาผนังเปลี่ยนจากสีดำกลายเป็นภาพวิวทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตา พร้อมพระอาทิตย์กำลังขึ้น แสงจากกระจกทำให้จินตาแสบตา แม้ยังงัวเงียแต่ก็ต้องยอมตื่น “ตื่นแล้วๆ ไม่ต้องฉายแสงให้มันเยอะนักหรอก แสบตา”

พอจินตาบอกแบบนั้นภาพบนกระจกก็เปลี่ยนวิวเป็นป่าที่มีต้นไม้ร่มรื่น เธอลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“คุณหนูอยากทานอะไรคะวันนี้” คอมพิวเตอร์ถามขึ้น

“อืม เอาเหมือนเดิมละกัน” จินตาหมายถึงอาหารเช้าแบบอเมริกันที่เธอชอบ พร้อมกับน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว

“สิริ พ่อกับแม่ออกไปรึยัง” จินตาถามคอมพิวเตอร์

“คุณผู้ชายออกไปทำงานแล้วคะ ส่วนคุณผู้หญิงกำลังรอทานข้าวกับคุณหนูอยู่”

พลตํารวจเอก เกรียงศักย์ สุวัตรอนันตกุล ตําแหน่งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ผู้เป็นพ่อของจินตามักไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากนัก ด้วยการที่มีตำแหน่งใหญ่โต และต้องดูแลและบริหารกรมตำรวจแห่งชาติ ทำให้แทบไม่มีเวลาว่างให้กับครอบครัว ท่านเป็นคนยึดมั่นในความถูกต้อง และมักคิดเสมอว่าต้องเสียสละเพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว

ก่อนที่พลตำรวจเอก เกรียงศักย์จะได้มาขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ท่านได้แต่งงานกับ เจน แอชย์ลี่ ซึ่งทั้งคู่ได้รู้จักกันขณะศึกษาปริญญาโท เจนนั้นมีแม่เป็นคนไทยแต่มีพ่อเป็นคนอเมริกัน นั่นทำให้จินตามีเชื้อสายชาวตะวันตกอยู่ส่วนเสี้ยว

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดอาบน้ำ โดยมีผ้าเช็ดตัวคลุมอยู่บนหัว จินตาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ ที่บนพนักพิงมีหัวกลมขนาดเล็กครอบลงบนศีรษะของเธอ โต๊ะเล็กด้านหน้าเธอวางไว้ด้วยขวดเล็กๆหลายขวด ที่มีน้ำยาใสอยู่ด้านใน จินตาเอาน้ำยาเหล่านั้นทาลงบนเล็บ ริมฝีปาก และใบหน้าของเธอ

จินตาเลื่อนมือไปที่จอแสงตรงหน้า ซึ่งตอนนี้กำลังสะท้อนภาพของเธอ เธอเลื่อนมือเลือกทรงผม ภาพในจอก็เปลี่ยนทรงผมตามที่เธอต้องการ เธอสามารถเลือกเฉดสีได้ตามใจชอบ นั่นรวมถึงเล็บ ริมฝีปาก และการแต่งหน้าของเธอ หลังจากเลือกได้ตามที่ต้องการ เธอก็กดปุ่มเริ่มต้น รอประมาณหนึ่งนาที จินตาก็ถอดที่คอบหัวออก เธอมองดูตัวเองที่ตอนนี้ มีผมแดงอมชมพูดัดเป็นลอนสวย ริมฝีปากสีส้มอ่อน และเล็บมีลวดลายดอกไม้ เธอพอใจกับภาพตรงหน้า ก่อนที่จะเดินไปที่กลางห้องนอน
“วันนี้ใส่ชุดไหนดีน้า” จินตาเอ่ยขึ้น “สิริ ขอลองชุด”

พอจินตาพูดจบ ก็มีภาพสามมิติของเธออีกคนปรากฏขึ้นมาตรงหน้า และมีหน้าจอแสงลอยอยู่ด้านขวามือของจินตา เธอเลื่อนมือไปที่จอแสง พอหญิงสาวกดเลือก เสื้อผ้าชุดนั้นจะถูกใส่เข้ากับภาพจำลองของเธอ พอเธอเลือกเสร็จ ฝาผนังใกล้ๆก็เลื่อนออก มีชุดที่เธอเลือกอยู่ในนั้น
“มีข้อความจากคุณพีชมาคะ” เสียงคอมพิวเตอร์สิริแจ้งจินตา
“เอาขึ้นหน้าจอเลย”

ภาพของพีชปรากฎที่หน้าจอแสง วันนี้เธอทำผมสั้นดัดสีเขียวอ่อน “ยัยจินนี่ ตื่นรึยางง” เสียงทักทายดังมาจากหน้าจอ “วันนี้เจอกันที่เดิมนะ จุ้บๆ” หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์ก็แจ้งว่าสิ้นสุดข้อความ


จินตาเดินลงมาชั้นล่าง โดยที่เธอสวมใส่กางเกงขาสั้นสีดำ ที่พลิ้วเหมือนกระโปรง เผยให้เห็นขาเรียวขาว เสื้อแขนกุดสีเขียว คลุมด้วยเสื้อคลุมแขนสั้นสีครีม และสะพายกระเป๋าถือที่เข้ากับชุด

“วันนี้จะออกไปข้างนอกเหรอจ้ะ”
เสียงผู้หญิงตรงหน้าจินตาถามขึ้น เธอมีผมสีน้ำตาลยาว แบบเดียวกับผมธรรมชาติของจินตา หน้าของเธอคล้ายจินตาอย่างมาก เพียงแต่เริ่มมีริ้วลอยตรงขอบตาเล็กน้อย

“ใช่คะ”
จินตาตอบพร้อมกับหาวไปด้วย รู้สึกเหมือนตัวเองจะนอนไม่พอ สงสัยเพราะฝันร้ายถึงเรื่องที่โดนโกงบนโลกเสมือนจริง ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมา

“คุณพ่อออกไปนานแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถามขึ้น

“ซักพักแล้วจ้ะ มาทานอาหารเช้าสิ” เจนยิ้มรับลูกสาวของเธอ พร้อมกับนำอาหารเช้าสไตล์อเมริกันมาวางไว้บนโต๊ะ

“แล้วกลับดึกไหมลูกให้แม่รอกินข้าวเย็นด้วยกันรึเปล่า” เจนถามขึ้นขณะทานอาหาร

“ไม่ละคะ เดี๋ยวจะกินกับเพื่อนมาเลย”


รถขนาดมินิคันสีขาวที่มีเพียงสองประตู ได้เคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านในย่านคนมีฐานะ จินตานั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในรถ เธอไม่ได้รู้สึกเวียนหัวหรือคลื่นไส้แม้แต่น้อย เพราะรถยนต์มีระบบป้องกันแรงสั่นสะเทือน พวกมาลัยที่อยู่ด้านหน้าเธอกำลังเคลื่อนไหวเอง
“วันนี้คุณหนูจะไปที่ไหนคะ” เสียงคอมพิวเตอร์สิริดังขึ้น
“นัดพีชไว้ที่ห้างอีไออี[E.I.E]นะ” จินตาตอบกลับไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ

หน้าจอบนแผงคอนโซลหน้ารถแสดงสถานที่และเส้นทางที่กำลังมุ่งไป รถยนต์มินิคันสีขาววิ่งด้วยความเร็วคงที่ไปบนถนน ที่มีรถยนต์รุ่นต่างๆขับไปทางเดียวกัน ผู้คนส่วนใหญ่จะนั่งทำอะไรส่วนตัวมากกว่าที่จะขับเอง ตอนนี้ในกรุงเทพไม่มีปัญหารถติดอีกต่อไป รถยนต์ทุกคันจะมีการส่งข้อมูลเส้นทางให้กับศูนย์จราจร และศูนย์จราจรจะแจ้งกลับมาว่ารถคันนั้นควรวิ่งเส้นทางไหน ใช้ความเร็วเท่าไร ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินหรือรถไฟลอยฟ้าความเร็วสูง ทำให้การใช้รถยนต์บนท้องถนนลดลงอย่างมาก

จินตาเหลือบไปมองคนในรถข้างๆ กำลังอ่านหนังสือผ่านหน้าจอแสง เธออดคิดไม่ได้ว่า ตอนนี้แทบไม่มีการผลิตหนังสือแบบที่เธอถืออยู่ในมือนี้ออกมา เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตนั้นสูง เมื่อเทียบกับหนังสืออิเลคทรอนิคส์ นั่นทำให้หนังสือที่ผลิตจากกระดาษมีราคาแพงมาก แต่จินตาก็ยังชอบอ่านหนังสือที่ทำจากกระดาษอยู่ดี เธอรู้สึกว่าการอ่านหนังสืออิเลคทรอนิคส์ มันไม่ทำให้จินตารู้สึกว่าอ่านหนังสือ เหมือนเธอได้รับแต่ข้อมูลเท่านั้น ไม่มีกลิ่นและสัมผัสจากกระดาษ และการจ้องจอแสงเป็นเวลานานก็ทำให้เธอปวดตา

จินตาจึงรู้สึกว่าการดูแลและอนุลักษณ์หนังสือไว้เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง เธอคิดไว้เสมอว่าถ้าเธอเรียนจบ เธอจะทำงานด้านอนุลักษณ์หนังสือ แต่เวลาซื้อหนังสือกลับมาบ้าน แม่ก็มักจะบ่นเสมอ เพราะตอนนี้ในบ้านมีหนังสือเยอะเกินไปจนแทบไม่มีที่เก็บ

แม้บ้านจินตาจะเป็นบ้านจัดสรรในย่านคนมีฐานะ แต่ตัวบ้านไม่ได้ใหญ่มาก เนื่องจากตอนนี้ที่ดินมีราคาสูงลิบลิ่ว คนส่วนใหญ่เลยเลือกที่จะอยู่คอนโดมากกว่าอยู่บ้าน จินตามองออกไปนอกหน้าต่าง บนทางด่วนมีรถวิ่งอยู่เป็นจำนวนมาก เธอมองเห็นกรุงเทพที่มีแต่ตึกสูงตั้งตระหง่านเต็มไปหมด จนแทบไม่เหลือที่ว่าง อาคารที่เห็นขั้นต่ำก็ประมาณห้าสิบชั้น ตึกที่สูงที่สุดตอนนี้ ห้างสรรพสินค้าอีไออี[E.I.E] มันสูงถึงสองร้อยชั้นเลยทีเดียว จินตามองเห็นอาคารสีขาวของห้าง สูงเด่นเป็นสง่าตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ตอนนี้แทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพไปแล้ว

“อีกประมาณสิบนาทีเราจะถึงที่หมายคะ” เสียงคอมพิวเตอร์แจ้งเตือน เพื่อให้จินตาเตรียมตัวก่อนลงจากรถ


รถยนต์มินิคันสีขาวแล่นมาจอดเทียบที่ด้านหน้าของห้างสรรพสินค้าอีไออี[E.I.E] ถ้ามองจากฐานขึ้นไปแทบมองไม่เห็นยอดตึก ตัวตึกทรงกลมแต่ละชั้นจะเล็กลงเรื่อยๆ ราวกับซ้อนกันเป็นปิรามิด มีป้ายโฆษณาติดอยู่ตามอาคารรอบๆ ภาพทุกภาพสามารถเคลื่อนไหวได้
“ถึงที่หมายแล้วคะ” คอมพิวเตอร์แจ้งจินตา เมื่อรถจอดนิ่งสนิท

หลังจากนั้น จินตาก็ก้าวลงจากรถยนต์ รถมินิสีขาวก็เคลื่อนตัวออกไป วิ่งเข้าไปในที่จอดรถของห้าง และหาที่จอดเองโดยอัตโนมัติ

จินตาเดินเข้ามาทางประตูทางเข้าในห้าง

“จินนี่!!” จินตาต้องชะงักตามเสียงเรียก
เมื่อจินตาหันกลับไป เธออยากจะหนีไปให้ไกลไม่อยากจะอยู่ตรงนั้น เพราะคนที่เธอไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ



PLY
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2555, 20:09:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2555, 20:09:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1298





<< บทนำ v3   บทที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account