อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 14

14.


“หลวงพี่แสงฉาน” ..ยกมือพนมทำความเคารพ ก่อนจะเรียกแสงทองให้มาทำความเคารพแล้วบอกให้หญิงสาวไปเดินเล่นตามลำพังก่อน พอแสงทองลับหายไปกับหมู่ชน สุริยาจึงเอ่ยกับหลวงพี่ว่า

“หลวงพี่สบายดีนะครับ”

“สบายดี โยมก็ดูสบายดีนะ ตอนนี้ทำอะไร..” สุริยายกมือพนมบอกเล่าเหตุที่เป็นมาและจะต้องเป็นไปอย่างที่รุ่งโรจน์ต้องการ

“ดีแล้ว ช่วยกันเผยแผ่ศาสนาทางอ้อม โมทนาบุญ..แล้วเรื่องครอบครัว..”

“ยังครับ ..ดูไปก่อน”

“ถ้าดูแล้วไม่ดี ไม่ถูกใจ ก็กลับบ้านเรานะ หาคนอยากหมดกิเลสยากเหลือเกิน..” สุริยาไม่ตอบรับคำ..จนกระทั่งสนทนาถามไถ่ถึงกัลยาณมิตรในทางธรรมที่เคยรู้จักร่วมกัน..แล้วจึงเอ่ยถามเรื่องที่ค้างใจ

“หลวงพี่ครับมีเรื่องจะถาม คือกรรมอะไรครับทำให้ต้องมีรักร่วมเพศ แบบชายรักชาย หญิงรักหญิงครับ” หลวงพี่นิ่งไปสักพักก่อนจะตอบว่า..

“หลวงพ่อที่หลวงพี่นับถือท่านบอกไว้..กรรมกาเม คนเคยเจ้าชู้ ในชาติที่ยังเป็นชายไว้มากกว่าชาติที่เป็นหญิง ชาตินี้มาเกิดเป็นหญิงก็จะเป็นทอม ส่วนคนที่เจ้าชู้ในชาติที่เป็นหญิงเท่า ๆ กับชาติที่เคยเกิดเป็นผู้ชาย ชาตินี้มาเกิดเป็นหญิง จะเป็นดี้ ถ้าเกิดเป็นผู้ชายก็จะเป็นเกย์คิง ส่วนผู้เคยเจ้าชู้ในชาติที่เกิดเป็นหญิงไว้มาก มาชาตินี้มาเกิดเป็นชายก็จะเป็นกระเทย มีจิตใจรักผู้ชาย ก็ขึ้นอยู่กับเศษกรรมหรือส่วนกรรม ระยะเวลาของชาติที่ได้เกิดไปแล้ว...ยากที่จะจำแนก”

คนฟังตรึกตรองตามด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ

“จำได้นะ คนเรารวยมากน้อยใช้ของประณีตหรือไม่ประณีต จากการให้ทาน สวยหล่อเรื่องเพศบริสุทธิ์หรือไม่ มาจากการรักษาศีล...ส่วนปัญญามาจากการเจริญภาวนา เข็มทิศในการมีชีวิตอยู่ก็มีอยู่กับตัว คงเอาตัวรอดได้ ถามไปทำไม”

“มีคนรู้จักกันเขาเป็นแบบนั้นถามมาน่ะครับ” ก้มหน้าตอบ ด้วยโกหกพระนั่นเอง..

“ถ้าหักใจให้เลิกเจ้าชู้ มากรักหลายใจไม่ได้ ชาติหน้าก็จะแย่กว่าเก่า..เคยฟังอดีตชาติพระอานนท์ใช่ไหม อดีตชาติเคยเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน พอตายไปแล้วตกนรก ขึ้นมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังถูกกัดอวัยวะ ถูกตอนฯ..เอาไว้วันหลังนะ หลวงพี่มีหนังสือมีเทปหลวงพ่อจะส่งไปให้..เอาที่อยู่มา..เอาเบอร์โทรศัพท์มา มีอะไรดี ๆ จะส่งไปให้”

สุริยาส่งกระดาษซึ่งจดที่อยู่และเบอร์โทรให้พร้อมกับพับแบงก์ห้าร้อยสอดเข้าไปด้วย..

“ถวายค่าพาหนะกับค่าอาหารระหว่างเดินทางครับ..”

หลวงพี่รับปัจจัยไว้แล้วยกมือให้พร

“ขอความปรารถนาของโยมที่เป็นบุญเป็นกุศลจงสำเร็จโดยง่าย ให้บุญรักษาสุขกายสุขใจ..เอ้าไปเถอะอย่าปล่อยให้อีนางรอนาน ..”


รถบัสประจำทางวิ่งถึงหมอชิตในเวลาเย็น สุริยาลังเลที่จะทำหน้าที่สุภาพบุรุษด้วยทิศทางกลับบ้านตนกับแสงทองคนละทาง..หากดีที่หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า..

“หนูกลับเองได้ ไม่มีปัญหาเพราะซอยมหาดไทยพระอาทิตย์แทบไม่ตกดินอยู่แล้ว”..

เมื่อแสงทองแยกไป เขาก็ต่อรถไปลงนวนคร..พอรถแล่นมาถึง..ก่อนจะข้ามสะพานลอยเข้าซอย สุริยาก็ได้แวะไปหาพี่สมใจ บอกเล่าความเป็นมาเป็นไปในการที่เพื่อนคนหนึ่งจะมาร่วมทุนทำทัวร์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย พี่สมใจปลาบปลื้มยินดีกับความสำเร็จของน้องชาย...

ในเบื้องต้นคงยังต้องใช้ สถานที่แห่งนี้จดทะเบียนขอใบอนุญาต...พี่สมใจว่าไม่มีปัญหา...เมื่อฟังสาวอ้อยบอกเล่าความคืบหน้าเรื่องทริปลพบุรี ก็หายใจคล่องอีกครั้ง ถ้าเต็มคันก็กะรายได้ประจำเดือนได้ หากยังขาด ก็รู้ว่าจะมีเงินใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่..แต่ถ้าเป็นทัวร์ถูกต้องตามกฎหมายเมื่อไหร่เมื่อนั้นเขาจะสู้ให้ยิบตา..จะวิ่งหาคนไปรอบละหลาย ๆ คัน จะวางแผนโฆษณาอย่างที่ได้ปรึกษากับแสงทองไว้เมื่อครู่..

“ทำใบปลิว แจกตามบ้านกลุ่มเป้าหมาย ทัวร์ของเราเน้นคนที่ฐานะปานกลาง กับกลุ่มคนแก่อยู่บ้านกินบำนาญ เน้นย่านใดย่านหนึ่งไปก่อน..ส่วนวัยหนุ่มสาว คงต้องปรับอีกนิดจึงจะน่าสนใจ...และเราต้องทำให้ทัวร์วัดของเราน่าสนใจ ด้วยเด็กกะโปโลสองคน กำลังเล่นกับพระศาสนา”

เมื่อรถมอเตอร์ไซค์แล่นถึงบ้านป้า พอก้าวลง ..รถเก๋งสีดำก็ เบรกเอี๊ยดต่อท้ายในทันที..สุริยาถอนหายใจออกมา ไม่อยากเผชิญหน้ากับรุ่งโรจน์ในเวลานี้ ด้วยยังปรับใจตนไม่ได้นั่นเอง

“ขึ้นรถ” เขาเปิดประตูมาออกคำสั่ง..

“ผมเพิ่งกลับมายังไม่ได้เข้าบ้านเลยจะให้ไปไหนอีก..” ทำสีหน้ายิ้มแย้มปกปิดความผิดที่ก่อไว้..

“ผมบอกให้ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์จริงจังจนสุริยาต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้น พอรถแล่นออกจากซอย สุริยาก็รู้ที่หมายของเขา

คงไม่พ้นที่คอนโด

“ทำไมไม่ชวนผมไปด้วย เห็นผมเป็นอะไร”..น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ.. จนสุริยาต้องถอนหายใจออกมาอย่างแรง..นึกอยากจะบอกความรู้สึกนึกคิดของตน แต่เขาก็ยังไม่ได้ล้ำเส้นจนต้องร้องโวยวาย

“ผมเกรงใจคุณ” บอกตามตรงแต่ไม่หมดความจริง..

“ผมบอกแล้วไง เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผมด้วย ทีหลังไม่นะครับ จะไปไหนไกล ๆ บอกผม ถ้าผมว่าง ผมยินดีพาคุณไปทุกที่..อีกอย่างผมก็อยากไปเที่ยวกับคุณด้วยแหละ ไปแล้วสบายใจดี..คุณอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับสัมภาษณ์ผมหรือยัง..”

เมื่อรุ่งโรจน์เอาน้ำเย็นเข้าลูบ สุริยาจึงเย็นตามโดยการพยักหน้าตอบรับ

“จัดโปรแกรมไหว้พระธาตุเจดีย์ทั่วภาคเหนือให้ผมหน่อย ผมนึกอยากจะไปทุก ๆ ที่ แบบในหนังสือในห้องคุณเลยนะ”

“คุณนี่..” สุริยาทำหน้าไม่พอใจเมื่อรู้ว่ารุ่งโรจน์เข้าไปยุ่มย่ามในห้องยามเขาไม่อยู่บ้าน

“ก็คอนโดผมก็เหมือนบ้านคุณ แล้วทำไมห้องคุณจะเป็นคอนโดผมไม่ได้ ..” เมื่อเห็นว่าเขาขับรถขึ้นยูเทิร์น สุริยาจึงรีบถาม..

“แล้วนี่จะพาผมไปไหน..”

“นั่งไปเฉย ๆ ถ้าถึงแล้วจะบอกเอง..ถ้าง่วงก็ปรับเบาะหลับไปเลยก็ได้นะ..จะเปิดเพลงพี่เบิร์ดให้ฟังเบา ๆ ..”

รุ่งโรจน์พูดจบ สุริยายังคงนั่งตัวแข็งทื่อมองข้างทาง

“ผมยังไม่ได้ทำเรื่องจดทะเบียนเลยนะครับ กลับบ้านเถอะ”

“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เที่ยวดีกว่า คุณบอกเองไม่ใช่รึ ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ต่อไปนะผมจะพาคุณไปเที่ยวทุกที่ ที่คุณอยากไป หรือไม่ก็ที่ผมอยากไปเอง..โอเค..”..

สุริยาไม่ตอบ แต่ปรับเบาะลงเป็นเอนนอนหลับตาด้วยความอ่อนล้าสักพักก็ได้ยินเพลง ‘คิดถึงทุกเวลา’ ของพี่เบิร์ดที่อีกคนจงใจเปิดบอกเล่าความในใจ...

‘จะอยู่คนเดียว หรือจะเดินกับใคร ก็อุตส่าห์มีใจคิดถึงเธอ จะตื่นจะนอน เช้าจนเย็นก็ยังเห็นหน้าเธอทุกครั้งเลย ฟังเพลงทุกครั้ง ฉันได้ฟังเมื่อไหร่ ก็ส่งดวงใจเหมือนเคย จะอ่านหนังสือเห็นเธอลอยผ่านมาทุกทีเลย ไม่เคยเว้น เป็นอะไรไม่รู้ เมื่อไหร่ก็มีแต่เธอ เห็นเธออยู่แบบนี้..เป็นอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่ามันดี ที่ฉันมีเธออยู่ในหัวใจ..ตลอดเวลานึกถึงเธอเมื่อไหร่ ก็สุขในใจทุกที ก็บอกตัวเอง ฉันช่างโชคดี ที่มีเธอ ให้คิดถึง’

ยังไม่ทันที่เพลงจะจบ สุริยาก็ชวนทะเลาะโดยการเอื้อมมือไปปิดเครื่องเสียงก่อนจะกอดอกหลับตาพริ้ม..แต่รุ่งโรจน์ก็ไม่ยอมแพ้..พอเสียงเพลงเงียบ เขาก็ร้องขึ้นมาเอง..ทีนี้สุริยาจำต้องเอามืออุดหู..รุ่งโรจน์จึงตะโกนเสียงลั่นรถ..จนสุริยาลุกขึ้นเอามือมาอุดปากคนร้อง..ทีนี้คนร้องจึงเอาปากงับนิ้วนั้นเสีย..พองับแล้วไม่ปล่อย จนสุริยาต้องบอกว่า

“ยอมแล้วครับ..เปิดเพลงก็ได้ครับ”..

เมื่อเห็นดังนั้นรุ่งโรจน์จึงปล่อยมือสุริยาแล้วเปิดเพลง “ด้วยรักและผูกพัน” ให้ฟังไปสามสิบรอบ..จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้ารีสอร์ตหรูแห่งหนึ่งในย่านทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


“มาทำไมที่นี่”

รุ่งโรจน์ไม่กล่าวว่าอะไร เพียงแต่เอื้อมมือไปที่เบาะหลังแล้วหยิบหนังสือของนายรอบรู้นักเดินทางฉบับจังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรีและสระแก้ว กับนครนายกส่งให้.

“สามจังหวัดพรุ่งนี้เลือกเอาจะไปไหนบ้าง..เข้าใจผมหรือยัง..ผมใจร้อนอยากพาคนมาเที่ยวแถวนี้จัง..” สุริยาคว้าหนังสือทั้งสามเล่มมาถือไว้พลันนึกได้ว่า ตนยังไม่ได้ซื้อสะสมไว้....

พอเห็นสุริยาจ้องหน้า รุ่งโรจน์จึงแก้เกี้ยวด้วยคำพูดที่ว่า..

“คุณก็ทำบัญชีค่าใช้จ่ายหักจากกองทุนออกมาคืนให้ผมก็ได้นี่..”

สุริยารู้สึกดี ๆ ที่เขาเข้าไปค้นห้องแล้วยังใส่ใจกับรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้..ดูรุ่งโรจน์ใส่ใจ สนใจ จนเขาคงต้องทำใจ อะไรจะเกิดขึ้นคงต้องยอมเสียแล้ว..

เมื่อเดินตามรุ่งโรจน์เข้าไปในห้องพัก พบว่าเจ้าตัวกำลังรื้อถุงเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมา..

“นี่ของคุณ เสื้อกับกางเกงนอนชุดชั้นใน นี่ชุดสำหรับใส่วันพรุ่งนี้” สุริยาเดินมาหยุดดูยี่ห้อของเสื้อผ้าตาก็ลุกวาว หากจะปฏิเสธ เห็นทีรุ่งโรจน์คงไม่ยอม

“นี่ผ้าเช็ดตัว อาบน้ำนะ แล้วค่อย ๆ อ่านหนังสือ ลำดับดูว่าพรุ่งนี้จะไปไหน..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็โทรศัพท์สั่งอาหารเข้ามาในห้อง..พอสุริยาออกมาจากห้องน้ำ..อาหารชั้นเลิศสามอย่างมีมาวางอยู่บนโต๊ะมุมห้องพร้อมกับน้ำผลไม้..รุ่งโรจน์ร้องเรียกให้สุริยารีบเข้ามาร่วมวงจัดการ...พออิ่ม..เขาก็เลี่ยงออกไปโทรศัพท์หาใครบางคน เป็นเวลานานแสนนาน พอเห็นอาการของรุ่งโรจน์เป็นดังนั้น สุริยาจึงได้ถอนหายใจอย่างแรง..ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ แต่สมาธินั้นเห็นจะไม่มีเสียแล้ว..

และค่ำคืนนั้นมือที่เคยก่ายกอด ก็เปลี่ยนมากอดอกตนเองและนอนตะแคงข้างหันหลังให้..เมื่อรูปการณ์เป็นดังนี้ สุริยาจึงเป็นฝ่ายกระสับกระส่ายเสียเอง..แล้วเสียงของนายต้องก็แว่วมาเข้าหู..

‘แต่ถ้าครั้งแรกเคยมีสัมพันธ์กับชายด้วยกัน แล้วคิดจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องการอยู่อย่างผาสุก จะลำบาก จะหลอกตัวเอง อยากกินในสิ่งที่เคยกิน..’

อดทนไว้ สุริยาท่องไว้ในใจ..พยายามหาหมวดธรรมมาแก้อารมณ์ไม่น่ารักใคร่พอใจนี่...

‘สังขารไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปเป็นธรรมดา คนที่เคยนอนกกกอดอบอุ่นสุดท้ายก็จะแห้งเหี่ยวร่วงโรยไป..ไม่พลัดพรากจากกันในวันนี้ เหตุฉะนี้ต้องประสบในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน..สัมมา อะระหัง สัมมา อะระหัง สัมมา อะระหัง..’ หากแต่มันก็เอาไม่อยู่ จึงหันพลิกกลับมา พบว่ารุ่งโรจน์ยังหลับอยู่ในท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ใจจึงเจ็บแปลบสุดจะเกินทน..

นี่กระมังทุกข์จากรัก..อีกหนึ่งบทเรียนที่เขาต้องก้าวข้ามไปให้ได้..


เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วแว่วมาไกล ๆ บอกเวลาประมาณตีสามหรือตีสี่ คนที่เคยอยู่วัดรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะด้วยเพิ่งจะข่มตาหลับลงได้..เมื่อดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย หวังจะได้ถูกเนื้อต้องตัวอีกคน กลับพบความว่างเปล่า พอหันไปมองจึงได้เห็นว่าไร้เงา ทีนี้สุริยาลุกขึ้นมองไปทางห้องน้ำ ไม่มีแสงไฟ สุริยาผุดลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบ ๆ ห้อง เห็นแสงไฟจากด้านหน้าบ้านพักสว่างไสว จึงย่อง ๆ เดินเข้าไป แนบตามองผ่านผ้าม่านจึงได้เห็น เขาคนนั้น นั่งสูบบุหรี่กอดอกมองฟ้ามองดาวยามราตรีใกล้ร่วงโรย

เขาเครียดอย่างนั้นหรือ..

คงกำลังต่อสู้กับตัวเองอยู่เหมือนกัน มันเป็นรักต้องห้ามเสียแล้วนายรุ่งโรจน์..

เขาก็คงไม่อยากที่จะเป็นอย่างนี้ อาการที่เรียกว่าอย่างไรมันก็ไปไม่ถึง..ตัดใจเสียเถอะอย่าช่วยกันสานถักทอสายสัมพันธ์ขึ้นอีกเลย

เมื่อบุหรี่หมดมวนรุ่งโรจน์โยนก้นกรองทิ้ง ก่อนจะเปิดประตูกลับเข้ามาดื่มน้ำ ..หายเข้าไปในห้องน้ำ..เช็ดมือกับผ้าเช็ดตัว แล้วล้มตัวลงนอนทอดถอนหายใจ

ใกล้แค่คืบแต่เหมือนไกล สุดอาลัยกับหัวใจตน เมื่อทางนี้มันไปไม่ได้ ต้องนับหนึ่งใหม่กับคำว่าเพื่อน เพื่อนเท่านั้น สายสัมพันธ์จึงจะยืดยาว จะไม่ปวดร้าวหากรักพิสุทธิ์ไม่คิดครอบครอง..

แสงอรุณรุ่งฉาบขอบฟ้า เริ่มต้นอีกหนึ่งเพลาที่ชีวิตต้องหมุนไป..หากแต่สุริยายังหลับตาพริ้ม..คิดอยู่สองจิตสองใจ..รักกับลาร้างไกล เลือกอย่างไหนจึงจะดี..จะทำประการใดหนอจึงจะไม่เจ็บปวดทั้งสองฝ่าย ธุรกิจยังดำรงไว้ เพราะนั่นคือประโยชน์เกื้อกูล

ยังไม่ทันที่สุริยาจะได้คิดหาวิธี แขนหนัก ๆ ของรุ่งโรจน์ก็มาพาดอยู่สะเอวเหมือนวันก่อน อารมณ์ตัดรักตัดอาวรณ์จึงมลายไปสิ้น..สุริยาหันหลังกลับไปเผชิญหน้า ตาสบตาบอกให้รู้ความนัย

‘รักเธอนะรักเสมอใจ..รู้บ้างไหม ทำอย่างนี้มันเจ็บปวด’

“เป็นอะไรนอนไม่หลับรึ” รุ่งโรจน์ถามเหมือนแกล้ง สุริยาจึงตอบไปว่า

“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย คุณเองก็เถอะนอนไม่หลับเหมือนกันรึ” คำถามนั้นห่างเหินเช่นกัน

“ก็คุณนอนไม่หลับแล้วผมจะหลับลงได้อย่างไร..สุริยา..รู้ไหม..คือผม..”

ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดอะไรสุริยาก็ตัดสินใจลุกออกจากเตียง..หนีเข้าห้องน้ำปิดประตูขังตัวเองแล้วก็ร้องไห้ ร้องไห้กับชีวิตด้านที่มันมืดมนของตัวเอง

เขาเป็นเกย์ เขารักผู้ชายที่อยู่นอกห้องอย่างแน่นอน..รักมากจนผู้หญิงอย่างแสงทองก็ไม่อาจเยียวยา...

พอเดินออกมาก็พยายามที่จะปกปิดสายตาช้ำแดงโดยพยายามยืนหันหลังให้เมื่อแต่งตัว..และรุ่งโรจน์เองก็ทำทีไม่สนใจกับรายละเอียดเล็กน้อยของสุริยา เพียงแต่พูดไปอีกทางหนึ่งว่า

“สระผมอย่างไรให้แชมพูเข้าตาได้ โตจนป่านนี้มันน่าตีจริง”

เมื่อรู้ว่ารุ่งโรจน์รู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ สุริยาจึงได้แต่แอบยิ้ม..ก่อนจะถามคืนว่า

“คุณมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า”

รุ่งโรจน์ไม่ตอบในทันที เพียงแต่นั่งดูสุริยาสวมเสื้อกางเกงที่เขาซื้อให้เมื่อวาน

“คุณเคยมีความรักไหม..” เมื่อได้ยินคำถาม หวีแทบหลุดจากมือสุริยาทีเดียว

“ถ้าผมตอบว่าไม่เคยมี ...แต่..กำลังมี..คุณเชื่อไหม..” สุริยาตอบกำกวม

รุ่งโรจน์จึงถามต่อว่า

“ถ้าคุณรักใครสักคนคุณจะทำอย่างไร กับเขาคนนั้นบ้าง”

สุริยาคิดไปพลางจัดของลงกระเป๋าและถุงพลาสติกที่ใส่เสื้อผ้ามา..ครุ่นคิด..ถ้าเขารักใครสักคน..เพียงคนเดียว..

“ถ้าผมรักใครผมก็อยากรักเขาคนเดียว และอยากให้เขามีผมแค่คนเดียว..ความรัก..ผมไร้เดียงสากับมันมาก..คุณรุ่ง..ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนสองคนอยู่ด้วยกันแบบคนรัก ต้องพูดคุยอะไรกันบ้าง บางครั้งเรื่องพวกนี้มันจึงเป็นเพียงความเพ้อฝันสำหรับผมเท่านั้น”

“คุณเพ้อฝันอย่างไรบ้าง”

“ผมก็คงอยากอยู่กับเค้าตามลำพัง อยากดูแลเอาใจใส่รายละเอียด เค้ามีเค้าขาดอะไร คงพยายามที่จะรู้ว่าเค้าชอบไม่ชอบไม่อะไร เค้าฝันที่จะเป็นอะไร จะช่วยเค้าได้ไหม..และที่สำคัญคือเราต้องปรับตัวเข้าหากัน..ชีวิตคู่คงจะมีความสุข..”

รุ่งโรจน์ยิ้มออกมา ก่อนจะช่วยสุริยาถือกระเป๋าไปใส่ท้ายรถ..พอเดินกลับมาหาที่ระเบียงบ้านพัก..เขาถือ..หนังสือท่องเที่ยวตั้งใหญ่มาให้ สุริยารู้สึกงุนงง

“นี่คือหนังสือที่คุณยังขาดทั้งหมด..ผมรู้ว่าคุณต้องใช้..”

ใบหน้าของสุริยาในยามนี้เป็นสีชมพูระเรื่อ..เขานึกอยากจะบอกกับรุ่งโรจน์อีกข้อ กับนิยามของความรักสำหรับตน..นั่นก็คือ...ผิดไหมที่เราจะรักกัน..ถ้าผิด..ก็คงเป็นได้แค่เพื่อน..เมื่อคิดได้ดังนั้นอาการที่ควรดีใจสักร้อย จึงเหลือแค่ 50 เท่านั้น

“เดี๋ยวเราขึ้นเขาใหญ่ ไปน้ำตก ชมนกชมไม้ แล้วก็ไป สีคิ้ว หลวงพ่อโต วัดเนินกุ่มคุณสรพงษ์เป็นประธานสร้าง..แล้วก็ไปเมืองย่าโม..” สุริยาออกคำสั่ง..

ขณะที่สารถีเหยียบเร่งน้ำมันด้วยสีหน้าที่เบิกบาน คล้ายกับว่าได้ทำอะไรอย่างที่ตนอยากทำ..ไม่มีใครมาบังคับ ทำด้วยความเต็มใจ ทำแล้วมีความสุข..

“ถ้าคุณถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่คุณไม่ได้รักล่ะ คุณจะทำอย่างไร” สายตาของรุ่งโรจน์อยู่กับถนน แต่น้ำเสียงนั้นช่างรันทดใจเหลือเกิน

“คนที่บังคับเรา คงเป็นพ่อแม่เราเท่านั้น..ถ้าเหตุผลท่านพอก็คงต้องยอม ประมาณว่าเราหาเองไม่ได้แล้ว ผู้หญิงคนนั้นดีเลิศ..หรือเพื่อหน้าตา ฐานะทางครอบครัว สุดแต่เหตุผลท่าน แต่ถ้าผมยังมีสิทธิ์ที่จะเลือก ผมคงไม่แต่ง”

“อ้าว” สีหน้าของรุ่งโรจน์บอกให้รู้ว่าแปลกใจ

“ไม่แต่งในทันทีหรอก..คงต้องศึกษานิสัยใจคอกันสักพัก..คุณรุ่ง..ถ้าคุณรักใครสักคน แล้วคุณก็รู้ว่า ความรักนั้นไม่มีวันเป็นไปได้ คุณจะทำอย่างไร”

เจอคำถามที่คล้ายกับคนที่เพิ่งรู้จักกันถามเข้าไป รุ่งโรจน์ จึงได้แต่เอามือเคาะพวงมาลัยไป แล้วก็ทวนคำถามซ้ำ ๆ ไม่มองหน้า ไม่สบตา ไม่ยิ้มให้..เริ่มต้นใหม่..แบบเพื่อนผู้ชายคุยกัน..ก็ดี..

“ถ้าคุณรู้ว่าความรักคุณเป็นไปไม่ได้ แล้วคุณก็กำลังถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณที่คุณไม่ได้รัก ..แต่เป็นความปรารถนาดีของผู้ใหญ่..คุณจะทำอย่างไร” สุริยาถามซ้ำ

“ข้อแรก ผมจะพยายามให้มันเป็นไปได้..ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ ผมคงจะพยายามเก็บความรู้สึก ดี ๆ ที่มีต่อกันไว้ ตราบนานเท่านาน ผมจะทำทุกอย่างให้เค้ารัก ผมจะกอดและจูบเค้า ผมจะอยู่กับเค้าเพียงคนเดียว ถ้าเค้าบอกผมสักนิด ว่าเค้าก็รักผม..” น้ำเสียงรุ่งโรจน์เหมือนตัดพ้อคู่สนทนา

“เพื่อประโยชน์อะไร สู้คุณแยกทางกับเค้าเสียแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่ารึ เพื่อมันจะได้ไม่เจ็บช้ำมากไปกว่านี้”

“บางทีช่วงที่รักกำลังคิดหาช่องทางที่จะให้มันเป็นไปให้ได้อยู่นี้ พระเจ้าอาจจะเห็นใจก็ได้..” ดูรุ่งโรจน์ยังดึงดัน

“แต่สุดท้ายคุณก็เลือกที่จะแต่งงาน..ทำหน้าที่ลูกที่ดี..” สุริยาถอนหายใจออกมา พร้อมกับยิ้มอย่างคนที่ได้ตั้งสติแล้ว..

“คุยเรื่องอื่นกันเถอะคุณรุ่ง..เรื่องที่มันยังไม่เกิด คิดไปก็เศร้าหมองเปล่า ๆ ...คิดเรื่องงาน เรื่องทัวร์ เรื่องไปสำรวจ ไปดูชีวิตคน ..ไปวัดไปทำบุญ ได้เป็นผู้ให้โอกาสกับคนอื่นบ้าง..ช่วงที่ผมมีความสุขที่สุด คือช่วงปีที่แล้ว..ผมคิดแต่เรื่องพวกนี้ ทั้งหลับทั้งตื่น..หัวใจผมอยู่แต่กับวัด..จะว่าไม่วกกลับมาแล้วนะ คุณรุ่ง คุณเคยคิดที่จะอยู่เป็นโสดบ้างไหม”

เจอคำถามหักมุมเช่นนี้ รุ่งโรจน์ถึงกับหันมาทำหน้าปั้นยาก แต่ก็พูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ว่า

“หัวใจถวายวัด”

“ความรักมันก่อให้เกิดความทุกข์นะครับ..อย่างที่บอกไว้ เราอยากให้เขาเป็นอย่างใจเรา ..เราไปเอาใจเขา แต่ถ้าเขาไม่ใส่ใจเรา ทีนี้มันจะเป็นอย่างไร..รักแล้วสมหวังก็ดี แต่รักที่ไม่สมหวังนี่ซิ เป็นทุกข์ พอทุกข์คุณก็อับปัญญาที่จะทำกิจการงานใด ๆ ให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างง่าย ๆ ..” สุริยายังพูดเรื่องเดิม

“กินข้าวโพดไหม” รุ่งโรจน์ถามเมื่อมีร้านขายข้าวโพดต้มและปิ้งอยู่ริมทาง

“น้อยหน่าก็มี”

สุริยารู้ว่ารุ่งโรจน์รีบเปลี่ยนเรื่อง และใจของสุริยาก็อยากจะบอกให้รุ่งโรจน์รู้ว่า.. ‘ผมรักคุณ ผมจึงอยากให้คุณได้หูตาสว่างบ้าง...ให้รู้ว่าที่คุณเป็นอยู่นี้ บางทีมันก็ไม่ใช่ความสุขนักหรอก ความสุขจริง ๆ คืออยู่ที่วัด อยู่ที่ได้ไปปฏิบัติธรรม ดูจิตดูใจตัวเอง แต่เมื่อมันยังเป็นไปไม่ได้ มนุษย์จึงได้เที่ยวหลอกตัวเองว่านี่คือความสุข..’

เหมือนตัวเองจะฉลาด แต่ก็โง่อยู่ดี นายสุริยาเอ๋ย..

เมื่อสุริยาไม่ตอบ รุ่งโรจน์จึงจอดรถ เพื่อซื้อผลไม้ทุกอย่างที่วางขาย ตุนไว้เบาะท้าย

..สุริยารู้ว่าเขาคงต้องการให้ป้อน แต่จะให้ป้อนอะไรได้ สถานการณ์อย่างนี้ ยิ่งกุ๊กกิ๊ก ก็จะยิ่งสานใยยืดยาวพัวพัน..เขาจึงทำเป็นเฉยเสีย..

“คุณไม่กินล่ะ ข้าวโพดต้มร้อน ๆ”

“ค่อยไปกินบนเขาใหญ่ดีกว่า..เย็นกิน ๆ อร่อยกว่าร้อน ๆ”

“แต่ผมหิวนะ”

สุริยาทำเป็นไม่ได้ยิน..แกล้งคลอเพลงพี่เบิร์ด ชมนกชมไม้บ้านเรือนมนุษย์เหมือนมีความสุข

“ทริปโคราชนี่ เช้าไปเย็นกลับได้ไหม”

“ดูจากหนังสือแล้ว ได้ แต่ต้องตัดเขาใหญ่ออกไปเลย..หรือถ้าจะไปเขาใหญ่ก็ต้องเป็นโปรแกรมเน้นธรรมชาติ อาจจะเป็นวงกลม สระบุรี ฟาร์มโชคชัย วัดพิทักษ์ เขื่อนลำตะคอง วัดธรรมจักรเสมาราม วัดหลวงพ่อโต สรพงษ์สร้าง..แล้วก็นอนเขาใหญ่สักคืน เช้าเที่ยวเขาใหญ่ ลงฝั่งนครนายก เล่นน้ำตก ซื้อของแล้วก็กลับบ้าน แต่ถ้าเป็นพิมาย ไทรงาม แม่ย่าโม วัดหลวงโต วัดป่าหลักร้อย วัดศาลาลอย เขาจันทร์งาม เสมาราม วัดพิทักษ์ปุณณาราม ตลาดผลไม้ปากช่อง นี่ควรจะอีกโปรแกรม”

สุริยาพูดเหมือนมีแผนที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งความจริงปีที่แล้วเขาเพียงนอนมองแผนที่ แล้วก็ฝันว่า สักวันจะไป จะไปให้ทั่วทุกที่..แล้วความฝันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างสะดวกกว่าที่คิดไว้ ด้วยคนที่นั่งข้าง ๆ เป็นใจ

“ทัวร์นี้ผมจะลุยเต็มตัวนะคุณ”

“เหตุผล..” สุริยาหันมาถามแล้วก็หันกลับไปมองถนน

“จริง ๆ ผมไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอก..ก็บอกแล้วไง ผมมีความรู้ แต่ผมก็มีเงิน ผมไม่ทำงาน ผมก็มีกินไปทั้งชาติ ถ้ากินอย่างที่คุณกินนี่นะ..”

“คนพอมีเงินแล้วก็อยากมีเกียรติ หาซื้อเกียรติ..แต่เกียรติมันก็ได้มาจากการทำอะไรให้คนอื่น มันก็ใช้เงิน ผมจึงให้อธิษฐานไงว่าให้มีสมบัติและใช้สมบัติให้เป็น ใช้สร้างบุญสร้างบารมี ให้มีโอกาสเป็นผู้ให้ รถคันนี้ขับได้ห้าปี ราคาเท่านี้..ก็น่าจะพอใจ แต่บางคน..คันละเป็นสิบล้าน บวกเครื่องเพชร บวกเสื้อผ้า..รู้สึกว่ามันขาดทุนอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้หรอก มันเป็นบุญเก่าของเขา..แต่พวกนี้ก็ดีอย่าง ถ้าใจเปิดเรื่องบุญเมื่อไหร่ สว่างไสว ของเก่าเขาดี จึงเกิดมาร่ำรวยไปเสียทุกอย่าง”

“รู้ไหมบางเรื่องที่คุณพูด ผมตามไม่ทัน แต่ผมก็พยายามที่จะฟังมัน”

“ข้อดีของคุณไง คุณคือผู้ฟังที่ดี..อีกอย่างคุณชอบใจผมอยู่ด้วย คุณก็อยากจะฟัง แต่ถ้าคุณเกลียดผม ต่อให้ผมพูดดีแค่ไหนคุณก็ไม่อยากจะฟัง..”

“เรื่องทัวร์นี่ ผมจะลุยเต็มที่เพียงแต่ให้คุณสั่งมา”

“ผมคงต้องสั่งให้ประหยัด ช่วยกันทำงาน อาทิเช่นวิ่งแจกใบปลิวตามสะพานลอย ตามบ้านช่อง คอนโด ตลาด สวนสาธารณะ หน้าโรงงาน รถรับส่งคนงาน คุณทำได้ไหม ถ้าคุณทำได้ เรามีกำไรแน่ ดีไม่ดีอาจจะเพิ่มทริปหนึ่งเป็นสี่ห้าคัน..เหมือนเวลาที่โรงงานมาเหมาให้จัดพาคนงานไปเที่ยว..คุณก็ต้องมาฝึกเป็นไกด์ บริการคน เสิร์ฟน้ำ วิ่งตามลูกทัวร์ใช้ไมโครโฟน..คุณทำได้ไหมครับ..”

“แล้วคุณคิดว่าผมจะทำได้ไหม..” รุ่งโรจน์ย้อนถาม

“มันก็ขึ้นอยู่กับคุณจะให้ความร่วมมือหรือเปล่า อันลิงค่างกลางป่า”

“จับมาหัดสารพัด หัดได้ดังใจหมาย..ผมฟังคุณท่องมาหลายรอบแล้ว...ผมรู้ว่าคุณลำบากมามาก กว่าจะยืนตรงนี้ ผมถึงอยากเห็นคุณมีความสุขไง”

“ความสุขของผม ก็คือความสุขของคนอื่นด้วยนะ คุณจะร่วมรับภาระไหวหรือ” สุริยาแกล้งถาม

ยังไม่ทันที่รุ่งโรจน์จะตอบคำถามนั้น เขาก็ดันถามคำถามอื่นขึ้นมาแทน

“คุณคิดกับผมอย่างไร”

พอรถเริ่มเข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รุ่งโรจน์ก็ถามเรื่องอึดอัดใจทันที

คนตอบก็ใช่ย่อย หัวเร็วพอได้ จึงตอบให้รุ่งโรจน์ได้คิดอีกยืดยาวทีเดียว

“ผมกำลังคิดว่าผมจะพ้นจากความทุกข์นี้ไปได้อย่างไร?”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2554, 10:41:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2554, 10:41:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1634





<< 13   15 >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:34:37 น.
แวะมาให้กำลังใจค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account