เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ท่านหญิงโซมินยา

***สวัสดีรีดเดอร์ทุกท่านค่ะ คืนนี้เอาตอนใหม่มาส่ง และแวะมาขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ โดยเฉพาะ 'คุณผักหวาน' ลียาไม่ทันได้เห็นคอมเม้นท์ก่อนหน้า ต้องขออภัยจริงๆ นะคะที่ไม่ได้ตอบเลย (เค้าผิดไปแล้ว.ววว อย่างอนเค้าน้าตะเอง) ถ้ายังไงต้องบอกว่ายินดีต้อนรับ และขอบคุณมากๆที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ ^_^



ตอนที่ 13 ท่านหญิงโซมินยา (รีไรท์)

“เป็นอะไรไป” หากยิ่งถาม น้ำตาของคนในอ้อมกอดก็เหมือนจะยิ่งไหล เอเดียลถอนหายใจ
“ถ้าถามแล้วไม่ตอบ ฉันก็คงจะต้องลงมือหาสาเหตุเองสินะ”
“จะทำอะไรจันทร์อีก”
เจ้าของร่างเล็กยกมือทั้งคู่ขึ้นกอดอก พร้อมกับกระถดหนีมือใหญ่ที่จับนั่นต้องนี่ไปทั่วตัวของเธอ เอเดียลเองคงแกล้งรุกไม่หยุด จนจันทร์เจ้าต้องร้องห้ามเสียงหลง
“นี่อย่านะคะ”
“ทีอย่างนี้ล่ะถึงยอมพูด” คนว่ารั้งเอาเธอเข้ามากอดไว้อีก
“ถ้าจันทร์ไม่พูด แล้วคุณจะทำไม”
“ก็จะเช็คดูด้วยมือและปากให้รู้ไปเลยน่ะสิ ว่ามันมีร่องรอยสึกหรอหรือบาดแผลบอบช้ำที่ตรงไหนยังไงบ้าง เดาเอาว่าพิษบาดแผล คงจะทำให้เธอซึมเศร้า ไม่ค่อยสบายตัว”
“แต่ถ้าใช้ตา ดูยังไงก็ไม่มีทางเห็นหรอกค่ะ” สำเนียงนั้นแกมกระแทกประชดประชันตัดพ้อ
“อะไรนะ”
“เปล่านี่คะ” เธอไหวไหล่น้อยๆ
“ขอจันทร์ขึ้นจากน้ำได้ไหมคะ จันทร์หนาว”
“ก็...เอาสิ”
“อุ๊ย! เจ้าชาย” สาวไทยออกอุทาน แต่ไม่กล้าดิ้นรนอะไรรุนแรง เพราะกลัวว่าดีไม่ดี เจ้าชายเถื่อนๆ พระองค์นี้ อาจจะแกล้งปล่อยเธอให้หล่นตูมลงกลางอ่างอาบน้ำนี่ก็เป็นได้
“อย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลยนะคะ ปล่อยจันทร์ลงเถอะค่ะ”
“ปล่อยทำไม ไม่ดีหรอกหรือ เธอจะได้ไม่ต้องออกแรงเดินเองให้เหนื่อย ขาสวยๆ ก็ยังสั่นออกขนาดนี้ มีหวังได้พับลงหน้าห้องน้ำนี่ล่ะ ให้ฉันช่วยอุ้มออกไปน่ะดีแล้ว”

อีกด้านหนึ่ง ซีราห์และฟาฮัดก็กำลังหลบมุมเพื่อนั่งหารือกันหน้าตาเคร่งเครียด
“ดูก็รู้ ว่าเจ้าเหนือหัวไม่ทรงพอพระทัยเรื่องที่เจ้าชายทรงพาคุณจันทร์เจ้าเข้ามาที่อัลดูซาร์ด้วย”
ซีราห์ว่า นึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แล้วก็ออกจะเครียด
“นั่นน่ะสิ แถมนี่ยังไม่รู้ตัวเลยว่าท่านกับข้า เกิดเผลอไปทูลเรื่องอะไรที่มันจะทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างกลับดูแย่ลงไปบ้างหรือเปล่า และถ้าเป็นอย่างที่กำลังกลัวจริงๆ ล่ะก็ มีหวังเจ้าชายทรงเอาเราทั้งคู่ตายแน่”
“หือ...คงไม่ร้ายแรงถึงขนาดต้องมีใครตายหรอกมั้ง”
ฟาฮัดได้ยินแล้วขมวดคิ้ว
“ไม่ร้ายแรง ท่านว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอย่างนั้นหรือซีราห์” ฝ่ายหลังยังพยักหน้าอีก
“ใช่ แต่ยังไงมันก็ต้องมีปัญหาแน่ๆ ล่ะ เพราะในมื่อเจ้าชายทรงมีนางในที่ถูกส่งเข้ามาถวายตัวนับสิบๆ คนอยู่แล้ว แม้จะถูกปฏิเสธกันไปทุกรายก็เถอะ เดี๋ยวก็ต้องมีสักคนล่ะที่ถูกพระทัย และดูท่าว่าคนจนๆ แต่มีเลือดทรนงเต็มเปี่ยมอย่างคุณจันทร์เจ้าเธอจะไม่ยอมเป็นสองรองใครเสียด้วยน่ะสิ”
“ท่านคิดเหมือนข้าเลยท่านซีราห์ ข้าว่านะ...”
“ทำไมมาอยู่กันตรงนี้ล่ะ ท่านซีราห์ท่านฟาฮัด”
“ท่านหญิงโซมินยา!”
การปรากฏกายของสตรีในชุดกระโปรงยาวกรุยกรายสีอ่อน เข้าชุดกันกับ ‘ฮิญาบ’ ผ้าคลุมศีรษะผืนยาวที่ปิดลงมาจนถึงหน้าอก ทำให้ทั้งคู่รีบลุกยืน พร้อมกับถวายความเคารพด้วยการโค้งตัวลงต่ำอย่างพร้อมเพรียง ฟาฮัดเหลือบแลไปมองคู่หูที่เห็นชัดว่าออกจะเบิกตากว้างกว่าปกติ ซีราห์คงตกใจไม่น้อยไปกว่าเขา ที่อยู่ดีๆ ท่านหญิงโซมินยา พระธิดาผู้มีสิริโฉมในพระอนุชาของเจ้าเหนือหัว ว่าที่พระคู่หมั้นขององค์รัชทายาทก็มาปรากฏกายขึ้น
“กระหม่อมทราบมาว่า ท่านหญิงจะเสด็จนิวัตรอัลดูซาร์พรุ่งนี้”
“เปลี่ยนกำหนดการน่ะ พอได้เห็น ได้เจรจาในเรื่องที่ต้องการแล้ว ก็อยากจะกลับมาทันทีเลย ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน แล้วนี่...ท่านสองคนมาทำอะไรกันอยู่ตรงสวนนี่ล่ะ เจ้าชายประทับในตำหนักใช่ไหม”
“เอ้อ...คือว่า เจ้าชายเอเดียลเสด็จที่...ตำหนักเล็กพะยะค่ะ”
ท่าทางและคำตอบของซีราห์ ทำให้ฝ่ายที่ตั้งท่าจะก้าวเดินต้องชะงัก พร้อมกับมองจ้องอย่างฉงน
“ตำหนักเล็ก...ก็ที่นั่นไม่มีใครอยู่ไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...คือ...”
“หรือว่ามีพระญาติพระวงศ์ แขกบ้านแขกเมืองมาเยือนอย่างนั้นหรือ”
หากสองราชองครักษ์ก็ยังอ้ำอึ้งลำบากใจ
“ว่ายังไงล่ะท่านทั้งสอง เราถามว่ามีใครมาพักที่ตำหนักเล็กหรือ เอ...หรือว่าจะเป็น...”
ท่านหญิงโซมินยานึกไปถึงเหล่าบรรดาสนมนางในทั้งหลายที่เคยถูกพาเข้ามาถวายตัว ไม่แน่ เจ้าชายเอเดียลผู้ทรงเสน่ห์ อาจจะทรงนึกพอพระทัยใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมาแล้วก็เป็นได้ ก็เลยจะให้นางคนที่ว่ามาอยู่ ‘ถวายงาน’ ที่ตำหนักเล็กใกล้ๆ นั่นเป็นการชั่วคราว ลององครักษ์ประจำพระองค์ปิดปากเงียบอย่างนี้ เห็นทีจะไม่พ้นเรื่องผู้หญิงจริงๆ แล้วกระมัง วงหน้านวลหากเครื่องหน้าคมเข้มเช่นสุภาพสตรีในแถบอาหรับแท้ ปรากฏร่องรอยของความขึงขังแกมเจ้าเล่ห์เจ้ากลขึ้นมาเล็กน้อย
“เราจะถามอีกครั้ง ว่าใครอยู่ที่ตำหนักเล็กนั่น และถ้าท่านสองคนยังไม่มีคำตอบให้ เราก็จะเข้าไปดูเสียให้รู้เห็นด้วยตาตัวเองตอนนี้เลย”
“เอ้อ...ท่านหญิง คือว่า...เราสองคน...ยอมแล้ว”
นั่นล่ะ สำเนียงแบบผู้ที่รู้ว่าตนเองเป็นต่อถึงค่อยเอ่ยขึ้น
“ก็เท่านั้นล่ะ ว่าไปสิ”

“ลูกคงมีคำตอบให้พ่อ ใช่ไหมเอเดียล”
ชีคฮิบราน เจ้าผู้ครองรัฐอัลดูซาร์ เจ้าเหนือหัวที่ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินทั้งรักและบูชาทรงตรัสกับพระโอรสเสียงขรึม
“ลูกพร้อมจะตอบทุกข้อกังขาของท่านพ่อ”
“งั้นก็ดี เพราะพ่อกำลังอยากรู้เรื่องราว แล้วก็ความเป็นมาทั้งหมดเกี่ยวกับผู้หญิงไทยในตำหนักเล็กนั่นอยู่พอดี”
“ลูกก็คิด ว่าท่านพ่อคงรับสั่งหาลูกเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน...ผู้หญิงคนนั้นเธอชื่อจันทร์เจ้า เป็นหญิงสามัญชนที่มีจิตใจดีงาม อายุอานามก็ราวๆ ยี่สิบสามปี ที่ลูกพาเธอมาที่นี่ด้วย ก็เพราะ...”
“ลูกมีใจต่อเธออย่างนั้นใช่ไหม”
แล้วคนถามก็ถือเอาความเงียบ บวกกับอาการยอมรับในสีหน้าและแววตานั้นเป็นคำตอบ เอเดียลอาจจะไม่รู้ตัว แต่คนเป็นพ่อนั้นนึกวิตกกังวลขึ้นมาในทันที...นี่หมายความว่า สิ่งที่พระองค์ไม่เคยคิดอยากที่จะให้เกิด มันกำลังจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้วใช่ไหม เจ้าเหนือหัวแห่งอัลดูซาร์ทรงหรี่พระเนตร
“เอเดียล...อย่าลืมโซมินยา”
เสียงนั้นเตือนสติ อีกฝ่ายก็ตอบกลับเสียงนุ่ม
“ลูกไม่เคยลืม...เพียงแต่ว่าโซมินยาไม่ใช่...”
“ไม่ใช่คนที่ลูกรัก อย่างนั้นใช่ไหม”
“ท่านพ่อ...” เจ้าชายเอเดียลทอดถอนพระปัสสาสะ
“นี่คงเป็นความสุขและความต้องการเพียงอย่างเดียวที่ลูกให้กับพ่อไม่ได้”
พระอาการของพระบิดาเองก็ไม่ต่างกัน
“ไม่ใช่ว่าลูกไม่รักโซมินยา เพียงแต่ลูกรักเธอเหมือนพี่ชายคนนึงที่รักน้องสาวเท่านั้น”
“ลูกก็รู้ดี ว่าพ่อต้องการให้โซมินยานั่งอยู่เคียงข้างบัลลังก์ในวันที่ลูกขึ้นครองอัลดูซาร์”
“เวลานั้นยังอีกยาวไกลนัก”
คนเป็นลูกบอกอย่างจะเอาใจอยู่กลายๆ
“ไม่...ไม่ใช่ เพราะพ่อจะสละราชสมบัติทันทีที่ลูกตกลงจะเษกสมรสกับโซมินยา”
“ท่านพ่อ!”
“ทั่วทั้งแผ่นดินอัลดูซาร์ หลานโซมินยาคือคนที่เหมาะสมแล้วก็คู่ควรกับลูกมากที่สุดแล้ว บัลลังก์นี้จะยิ่งยงสืบไปตราบกาลนาน หากเจ้าเหนือหัวและองค์ราชินี คือผู้ที่ประชาชนทั้งแผ่นดินอัลดูซาร์จงรักและให้การยอมรับ”
ชีคฮิบรานทรงตรัสย้ำ
“ลูกคิดว่าถ้าเป็นช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ย้อนหลังกลับไปเป็นสิบเป็นร้อยปีก็อาจจะใช่”
เพราะในความรู้สึกและความเป็นไปที่แท้จริง โลกทุกวันนี้ก็มีเหล่าบรรดาราชนิกูลผู้สูงศักดิ์ที่เษกสมรสกับสามัญชนคนธรรมดาให้เห็นกันอยู่เนืองๆ หากว่านั่นคือความรัก...สำหรับเจ้าชายเอเดียลแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดหรือว่าน่าผิดหวังแต่อย่างใด เพียงแต่มันดูจะสวนทางกันแบบสิ้นเชิงกับดำริของผู้เป็นบิดา
“ถึงเป็นตอนนี้ก็เถอะ พ่อก็ยังต้องการจะให้ทุกอย่างในราชสำนักอยู่ในกรอบของกฎมณเฑียรบาล โลกทุกวันนี้จะก้าวไปไกลถึงแค่ไหน ชนชั้นวรรณะหรือยศถาบรรดาศักดิ์ไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักยังไงก็ตามแต่ แต่พ่อก็ไม่อยากจะให้ลูกลืมนะเอเดียล อย่าลืม...ว่าลูกเป็นใคร และเกิดมาเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นจงทำเพื่อพ่อ...เพื่อราชวงศ์ของเราสืบไปนะลูกนะ”
“เรื่องนี้ เราค่อยเอาไว้พูดกันทีหลังดีไหมท่านพ่อ เพราะถึงยังไง อะไรๆ ก็คงจะยังไม่เกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปในเวลาอันใกล้ ลูกเพิ่งจะได้พบแล้วก็รู้จักกับจันทร์เจ้าได้ไม่เท่าไรเลย ไม่แน่ บางทีเธออาจจะไม่ใช่...”
เจ้าชายเอเดียลทรงละประโยคสุดท้ายของตนเอาไว้
“ลูกกำลังจะบอกว่า เธออาจจะไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ลูกกำลังมองหาอย่างนั้นใช่ไหม”
อีกครั้งที่อาการนิ่งเงียบนั้นแสดงคำตอบในตัวเอง ชีคฮิบรานทรงพอพระทัยนัก
“งั้นพ่อก็จะคอยดูต่อไป ให้เวลาเป็นตัวบ่งบอกของคำตอบทั้งหมด และหวังว่าความต้องการสุดท้ายของลูก จะไม่ทำให้พ่อและและท่านย่าต้องหนักใจนะเอเดียล”
“ท่านย่าทรงทราบเรื่องนี้แล้วหรือท่านพ่อ”
แม้จะไม่ถึงกับตกใจ แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะแพร่ไปทั่วฝ่ายในไวถึงอย่างนี้
“เรื่องในรั้วในวัง เคยมีสักครั้งไหมที่จะเล็ดรอดจากสายตาท่านไปได้”
“แต่ลูกไม่คิดว่าท่านย่าจะทรง...รังเกียจผู้หญิงไทย”
สำเนียงทุ้มเบาราบเรียบ แต่ก็ทำเอาชีคฮิบรานต้องทรงเงียบไป นี่โอรสองค์เดียวของพระองค์ กำลังจะใช้เหตุผลที่ยากจะมีใครหักล้างขึ้นมาเอ่ยอ้างอย่างนั้นหรือ ในแววตาของผู้ให้กำเนิดมีรอยรำลึก แม้พระชนนีของเอเดียลจะไม่อยู่แล้ว...แต่ก็เป็นที่รู้กันดี ว่าพระอัยยิกาทั้งรักและเอื้อเอ็นดูต่อมารดาลูกครึ่งไทย-อังกฤษผู้อ่อนหวานของเอเดียลมากขนาดไหน กำแพงแห่งกฏมณเทียรบาลที่ว่าแข็งดั่งเหล็กกล้า เธอยังสามารถฟันฝ่ากระทั่งเข้ามายืนในใจของชาวอัลดูซาร์ทั้งชาติได้
“ทั้งพ่อและท่านย่า รักแม่ของลูกมาก แต่กับกรณีของผู้หญิงที่ชื่อจันทร์เจ้า...”
เพราะรู้จักโอรสเพียงองค์เดียวดี ชีคฮิบรานถึงกังวลพระทัยนักหนา แต่ไหนแต่ไรมา เอเดียลไม่เคยพาผู้หญิงสาวชาวต่างชาติที่ถูกตาต้องใจภาษาชายชาตรีกลับเข้ามาในอัลดูซาร์ด้วยแม้แต่สักครั้ง แต่ครั้งนี้...
“ไม่เป็นไรท่านพ่อ ลูกกราบทูลแล้ว ว่าคงจะต้องรอดูกันต่อไปอีกสักระยะ เราอย่าเพิ่งด่วนสรุปเรื่องทั้งหมดกันในตอนนี้เลย”
เจ้าชายเอเดียลทรงตรัส ใจก็อยากทำทุกอย่างตามที่พระบิดาต้องการ แต่อีกใจหนึ่งก็ยังคงปรากฎมีเสียงค้านอย่างหนักแน่น เพราะฉะนั้น ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับในเวลานี้ ก็คือทำได้เพียงแค่รอดูสถานการณ์ทั้งภายนอกและในหัวใจของตนไปก่อนเท่านั้น แต่ก็อยากรู้จริง...ถ้าสมมติว่าท่านแม่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ท่านจะเห็นต่างกับท่านพ่อในเรื่องนี้หรือไม่นะ

เจ้าชายเอเดียลกำลังตั้งพระทัยจะเสด็จกลับตำหนัก และระหว่างทางนั้น เจ้าชายหนุ่มก็พบเข้ากับท่านหญิงโซมินยา ว่าที่พระคู่หมั้นพอดิบพอดี สองพระองค์ทรงแย้มสรวลให้แก่กัน
“โซมินยา”
“เจ้าชาย หญิงดีใจที่วันนี้มีโอกาสได้พบพระองค์เสียที”
“วันนี้น้องหญิงน่าจะอยู่ที่ลอนดอน”
เอเดียลก็เป็นอีกคน ที่ไม่รู้ว่าโซมินยาร่นกำหนดกลับให้ใกล้เข้ามา
“ค่ะ หญิงเลื่อนกำหนดเองล่ะ เรื่องงานแฟชั่นที่สนใจเสร็จลงไปเรียบร้อย ก็เลยอยากกลับบ้าน ไปนานๆ หลายวันแล้วคิดถึง”
“หือ?”
“ทำเสียงเหมือนแปลกใจอะไรอย่างนั้น ไม่ทรงเชื่อที่หญิงพูดหรือยังไงคะ”
หางเสียงนั้นชักจะออกแววน้อยอกน้อยใจ
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ที่อัลดูซาร์ มีคนโชคดีขนาดที่ท่านหญิงโซมินยาทรงคนึงหาด้วยหรือ พี่ไม่ยักรู้”
สำเนียงนั้นบอกชัดถึงเจตนาล้อเลียน
“วันนี้ไม่มี แต่ก็ต้องมีสักวันล่ะน่า อย่างน้อย...วันนี้หญิงก็คิดถึงเจ้าชายล่ะ”
“ปากหวานจริงน้องเรา”
คำพูดนั้นทำให้อีกฝ่ายต้องเปลี่ยนสีหน้า รอยยิ้มสดใสค่อยเลือนหาย กลายเป็นความเบื่อหน่ายซึ่งฉายชัดออกมาแทนที่ ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วยแบบนี้ โซมินยารู้ดี เธอสามารถที่จะพูดจาอะไรได้เต็มปากและสะดวกใจอย่างที่สุดกับคนตรงหน้า
“นั่นสินะคะ ทั้งๆ ที่หญิงกับเจ้าชาย...เราเป็นพี่เป็นน้องกันแท้ๆ แม้จะไม่ได้คลานตามกันมาก็เถอะ เดาว่าเมื่อครู่ ท่านลุงทรงเรียกหาเพราะเรื่องเดิมๆ ของเราอีกแล้วใช่ไหมคะ”
เจ้าชายเอเดียลพยัก กำลังขยับตัว เพื่อที่จะปลอบคนที่เป็นเหมือนกับน้องสาวแท้ๆ
“หญิงคงเป็นผู้หญิงที่แปลกประหลาดที่สุดคนนึงในโลกนี้เลย”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
“ก็ตั้งแต่ที่เคยพบเห็นผู้หญิงมา เจ้าชายทรงเคยถูกสาวสวยคนไหนปฏิเสธเอาบ้างไหมล่ะคะ”
“ถ้าหมายถึงเรื่องโดนปฏิเสธล่ะก็ วันนี้ก็คงมีผู้หญิงแปลกประหลาดแบบน้องหญิงเพิ่มขึ้นมาในโลกอีกคนแล้วล่ะ”
“หือ?” ตากลมๆ ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นนิดๆ
“ว่าแต่พี่ เราก็เหมือนกัน...ทำเสียงแบบนี้ แปลกใจหรือยังไง”
“แน่นอนสิคะ ที่พูดเมื่อครู่นี้ เจ้าชายทรงหมายถึง...”
เมื่อมองตามสายพระเนตรคมกริบซึ่งกำลังทอดผ่านไปยังตำหนักเล็กที่เห็นไกลๆ ก็ทำให้อีกฝ่ายรู้คำตอบได้ในทันที
“ผู้หญิงไทยคนนั้นน่ะหรือคะ”
“นี่รู้มาจากไหนกัน”
“ก็...” ท่านหญิงโซมินยาอุบอิบ ไม่ยอมสบสายพระเนตรตอบ
“ซีราห์กับฟาฮัดล่ะสิ สองคนนี้แพ้ทางน้องหญิงทุกทีไป”
“อย่าไปว่าสองคนนั้นเลยนะคะ ก็หญิงถาม เขาก็ต้องตอบล่ะ”
“ไม่ว่าหรอก ยังไงทุกคนก็ต้องได้รู้เรื่องนี้ แต่ที่แปลกใจ ก็เพราะไม่คิดว่าข่าวจะกระจายไปได้รวดเร็วขนาดนี้”
“เรื่องใครคนอื่นจะรู้ช้าเร็วคงไม่เท่าไร สำคัญก็ที่ท่านลุง”
คนพูดแสดงออกถึงความวิตกกังวลในใจออกมาอีกครั้ง
“นั่นสิ”
“เมื่อครู่นี้...ท่านลุงทรงตรัสถึงเรื่องนี้กับเจ้าชายใช่ไหมคะ”
“ใช่ แต่พี่ก็บอกไปแล้ว ว่ามันยังไม่มีอะไรแน่นอน”
“แต่หญิงรู้มา ว่าประเทศไทยมีศาสนาพุธเป็นศาสนาประจำชาติ นั่นหมายถึงว่า...เธอที่เจ้าชายพาตัวมา น่าจะต้องมีสามีที่ครองคู่กันเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น” ท่านหญิงทรงลองวิเคราะห์จากภูมิรู้ขององค์เองดู
“แน่ล่ะ เธอก็จะมีพี่นี่ไง”
คนพูดมั่นใจในตัวเองนัก ก็ไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง ที่จันทร์เจ้าได้กลายมาเป็นผู้หญิงของเขาอย่างสมบูรณ์
“นั่นก็จริงค่ะ แต่ต่อไปภายหน้า เจ้าชายจะทรงยอมมีเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตได้หรือคะ”
“ถึงมีอีก มันก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่”
“ไม่แปลกสำหรับที่นี่ แผ่นดินอัลดูซาร์แห่งนี้ แต่ถ้าเป็นที่ประเทศไทย...หญิงไม่กล้าคิดเลยเชียวค่ะ”
เจ้าตัวทำหน้าแกมหวาดเสียว
“ชาญณรงค์ยังเคยแอบมีเล็กมีน้อยให้คุณน้ำทิพย์จับได้อยู่บ่อยๆ” เอเดียลว่า
“นั่นไงคะ ของเขาก็บอกอยู่ว่าแอบ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องไม่ใช่เรื่องดี การมีภรรยาหลายคน บ้านเมืองแล้วก็สังคมของสาวไทยคนนั้นเธอรับไม่ได้หรอกนะคะ”
“รับไม่ได้ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ถึงยังไงพี่ก็ไม่ได้คิดที่จะ...”
อีกแล้ว ไม่รู้เป็นยังไง กับคำพูดแค่ว่า ‘ไม่ได้คิดจริงจังอะไร’ กับจันทร์เจ้าเท่านี้ ทำไมมันถึงได้ผ่านริมฝีปากออกมาได้ยากเย็นนักนะ
“อย่าบอกหญิงนะคะ ว่าเรื่องราวทั้งหมดน่ะมันร้ายยิ่งไปกว่านี้อีก”
“อะไรที่ว่าร้าย”
“ก็ร้ายตรงที่ไม่ได้ทรงคิดจะจริงจังอะไรกับสาวไทยคนนี้น่ะสิคะ...น่าสงสารเธอนะ”
“แต่พี่ก็ถูกชะตากับเธอ”
เอเดียลแก้ตัว ไม่ใช่สิ...ก็รู้สึกจริงๆ อย่างนี้มาแต่แรกนี่นา
“แล้วถูกชะตานี่...มันห่างไกลกับคำว่าชอบหรือรักมากไหมคะ” เสียงใสๆ ยังซักต่อ
“เรื่องของพี่น่ะ ห่วงแต่ตัวเองเถอะ ผู้ชายคนที่น้องหญิงว่ามองตาแล้วสัมผัสกันได้ถึงหัวใจ เมื่อไรจะเจอเสียที”
“ฮื้อ...เดี๋ยวสิคะ ก็หญิงเห็น เจ้าชายไม่เคยทรงพาผู้หญิงสาวชาวต่างชาติคนไหนติดตามมาด้วยอย่างในครั้งนี้เลย ที่สำคัญ...เธอก็บังเอิญมาจากดินแดนอันเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของท่านป้าเสียอีกด้วย...ความสำคัญในข้อนี้ มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเธอน่าจะต้องเป็นคนพิเศษสำหรับเจ้าชาย ไม่มากก็น้อยจริงไหมคะ”
“ทำไมคิดไปถึงอย่างนั้นล่ะ” เจ้าชายเอเดียลทรงถามกลับ
“ประเทศไทยคือชาติบ้านเกิดของท่านป้า...พระราชชนนีของเจ้าชาย และคนใกล้ชิดต่างก็รู้กันทั้งนั้น ว่าเจ้าชายเอเดียลแม้จะ...เจ้าสำราญอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยจะเผลอไผลไปมีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งฉาบฉวยกับผู้หญิงไทยคนไหนมาก่อนเลย ถึงแม้จะทรงเดินทางไปที่นั่นบ่อยครั้งแค่ไหนก็ตามเถอะ เหตุผลของสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี่ ก็เพื่อถือเป็นการยกย่องและให้เกียรติในสายเลือดของความเป็นเชื้อชาติไทย เช่นพระราชชนนีของเจ้าชายเอง ที่หญิงพูดมานี่ถูกต้องไหมคะ”
โซมินยายังอยากได้คำตอบเท่าที่ตนจะพอใจ แต่เอเดียลเองยังไม่ยอมให้
“ก็คงงั้นมั้ง เอาเป็นว่าคุยกันเท่านี้ก่อนดีกว่า ถ้ามีเวลาว่างจากงานแฟชั่นหรือดีไซน์เสื้อผ้า พี่ว่าน้องหญิงน่าจะหาเวลาออกไปดูอะไรๆ นอกรั้วนอกวังดูบ้าง ไม่แน่นะ น้องของพี่อาจจะได้พบกับคนในฝันที่คงจะอยู่ไม่ไกลอย่างใจหวังเสียที ความรักน่ะ บางทีมันก็ไม่ได้วิ่งเข้ามาหาเราเสมอไป มีใครบ้างไม่เคยออกเดินทางตามหาความรัก และคนโชคดีก็มักจะเจอในสิ่งที่ตนปรารถนาเสมอ และพี่ก็คิดว่า น้องของพี่ต้องเป็นหนึ่งในคนที่โชคดีคนนั้นแน่”
“ก็หญิงเคยบอกแล้ว ว่าถ้า...เจอคนๆ นั้นเมื่อไร หญิงจะเป็นฝ่ายมาบอกเอง”
ใบหน้าที่โผล่พ้นผ้าคลุมออกมายิ่งเจือสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เพราะต่อให้มั่นใจอย่างไร โซมินยาก็ยังมีอารมณ์อย่างผู้หญิงธรรมดาทั่วๆ ไปเหมือนกัน เอเดียลมองอย่างเอ็นดู ก่อนจะว่า
“อย่าให้นานนักล่ะ อายุและเวลาไม่เคยคอยใคร ยิ่งเราเป็นน่ะเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว”
“พอแล้วค่ะพอ หญิงไปแล้วก็ได้ เจ้าชายคงอยากจะไปหาใครที่ตำหนักเล็กเต็มประดา ระวังนะคะ อดีตว่าที่นางเล็กๆ คนอื่นๆ ที่เคยเข้ามาถวายตัวรู้เข้าเขาจะพานน้อยใจ แล้วจะหาว่าหญิงไม่บอก อ้อ...แล้วไว้มีโอกาสเหมาะๆ เมื่อไร หญิงจะขอแอบไปทำความรู้จักกับสาวชาวไทยคนนั้นดูบ้างนะคะ...หญิงทูลลาล่ะ”
เจ้าของร่างกลมกลึงถอยเท้าไปถอนสายบัวโดยการย่อตัวต่ำ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มล้อๆ มาให้ ก่อนจะเดินห่างออกไป และทิ้งไว้ก็เพียงเสียงกรุ๋งกริ๋งเบาๆ ของตุ้มเล็กๆ ที่ทำขึ้นมาจากโลหะและอัญมณีหลากชนิด ซึ่งติดสอยห้อยเอาไว้กับชายชุดคลุมและแนวสาบเสื้อ ก็ท่านหญิงองค์นี้ธรรมดาเสียที่ไหน เรื่องแฟชั่นและการออกแบบดัดแปลง โซมินยานั้นโปรดปรานและขยันคิดมันขึ้นมานักล่ะ...



ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2555, 02:18:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2555, 03:07:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 7026





<< ราชสีห์ขยี้ลูกกวางน้อย   ก็แค่นั้น...นางบำเรอ >>
tutas 27 มิ.ย. 2555, 09:18:14 น.
เอ..ชักสงสัยแล้วค่ะว่าจริงๆ แล้วเจ้าหญิงโซมินยานี่ดีหรือร้ายคะ??


longah 27 มิ.ย. 2555, 22:52:36 น.
พระเอกนี่ตกลงคิดจะจริงจังกับนางเอกมั๊ยเนี่ย สงสารนางเอกจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account