เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ก็แค่นั้น...นางบำเรอ

ตอนที่ 14 ก็แค่นั้น...นางบำเรอ

สาวๆ ทั้งสี่ ที่มีหน้าที่ไม่ต่างจากนางกำนัลในความคิดของจันทร์เจ้า ค่อยๆ ยอบหมอบคลานออกไปจากห้องนั้นด้วยความว่องไวและเงียบเชียบทันทีที่เจ้าชายเอเดียลเสด็จมา
“เจ้าชาย”
“เอเดียล ฉันชอบให้เธอเรียกฉันอย่างนี้มากกว่า”
เจ้าของร่างสูงสง่า นัยน์ตาคมสีอ่อนเอ่ยย้ำอย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนเขาเลือกที่จะวางเรื่องราวกวนใจทั้งหมดที่เพิ่งจะผ่านมาไว้เสียตรงหน้าห้อง
“คุณเอเดียล คุณมาที่นี่ทำไมอีกคะ”
หญิงสาวมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ ร่างเล็กบอบบางค่อยถัดตัวจากช่องหน้าต่างพลางก้าวกระเถิบไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะรีบผลักประตูออกไปจากห้องนี้ทันทีที่เขาทำท่าว่าจะเข้ามาถึงตัว จันทร์เจ้าทำตามสัญญาไปแล้ว ฝันร้ายหรือเหตุการณ์อันน่าเจ็บปวดสะเทือนใจสำหรับเธอมันผ่านพ้นและจบสิ้นไปหมดเมื่อชั่วโมงก่อนหน้า ต่อไปเธอจะไม่ยอมให้เขาเข้ามาทำอะไรตามแต่ใจกับเธอได้อีกเป็นหนที่สอง
“เธอกลัวฉัน?” เอเดียลเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“ฉัน...เอ่อ...จันทร์ก็เหมือนผู้คนธรรมดาทั่วๆ ไป คือกลัว...คนที่เคยทำร้ายเรา”
เธอว่า พลางมองเขาอย่างกล่าวหา
“ฉันทำร้ายเธอตอนไหน อย่าลืมสิว่าเมื่อเธอถูกฉุด ฉันก็เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย ยายเธอป่วย ฉันก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ เธอสะดุดขาตัวเองล้ม ฉันยังรีบเข้าไปถามไถ่ดูแล แถมล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ฉันก็เพิ่งจะได้ทำความดีความชอบครั้งใหญ่ไปหยกๆ”
พูดจบก็เลิกคิ้วสูง ราวกับจะถามในหน้าว่า ‘นี่เธอยังดูฉันไม่ออกอีกหรือยังไง’
“ความดีความชอบอะไรกันคะ”
“ก็ความดีความชอบ ที่ฉันทำให้เธอได้มีโอกาสเข้าถึง...ความสุขที่พีคสุดระหว่างร่างกายของชายกับหญิงไปยังไงล่ะ”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะคุณเอเดียล!”
จันทร์เจ้าหน้าแดงก่ำตลอดลำคอ เอเดียลส่ายหน้าช้าๆ บอกว่า
“เสียงดังอีกแล้ว แรกๆ ก็เห็นเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เจ้าอารมณ์แล้วก็โมโหร้ายแบบนี้นะ”
“จันทร์ไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์แล้วก็ไม่ได้โมโหร้ายด้วย แต่คุณต่างหากที่...ที่คอยยั่วแล้วก็รังแกกันไม่หยุดเลย”
“อะไรที่ว่ารังแก”
คนถามยังทำท่าทางเรื่อยๆ สบายๆ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึกอึดอัดขัดข้องใจเต็มประดา
“ก็คุณ...ข่มเหงจันทร์”
“ยังไง” คนถามทำสีหน้างงๆ
“ก็คุณ...ใช้กำลังปลุกปล้ำจันทร์ยังไงล่ะ ยังจะมีหน้ามาถามอีก”
เท่านั้นเอเดียลก็หัวเราะดัง เขาสืบเท้าเข้ามาใกล้อีกนิด
“โธ่...ทูนหัวจ๋า”
ดูเถอะ ดูคำพูดคำจาของเขา ถ้าไม่บอกเสียก่อนว่าเป็นถึงเจ้าชาย ก็คงจะมีคนเชื่อหรอก
“จันทร์เจ้า ฟังฉันให้ดีนะ เรื่องระหว่างเธอกับฉันที่มันเกิดขึ้นเมื่อสองสามชั่วโมงที่แล้วน่ะ เขาเรียกกันว่าการร่วมไม้ร่วมมือ เอ๊ะ หรือร่วมมือร่วมใจนะ ไม่รู้สิ...ไม่แน่ใจ แต่มันก็เข้าทำนองเดียวกันนั่นล่ะ ฉันแตะลงตรงไหนเธอเป็นอ่อนระทดระทวยตรงนั้น แล้วจะมากล่าวหาว่าฉันใช้กำลังเข้าหักหาญโดยที่เธอไม่เต็มใจได้ยังไงกัน”
“จันทร์ไม่ได้...ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดเสียหน่อย คุณมันคน...คน...”
“อ๊ะ นี่เธอกำลังพูดกับเจ้าชายรัชทายาทอยู่นะจันทร์เจ้า”
เขาเตือน กึ่งๆ คาดโทษ จันทร์เจ้ามองค้อน แล้วว่า
“ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันก็คงต้องขอประทานอภัยด้วยเพคะ”
“ประชดอีกล่ะ เฮ้อ...ไหนจะเจ้าอารมณ์ แล้วแถมยังโมโหร้ายอีก นี่ฉันคิดผิดหรือถูกกันนะ ที่พาเอาตัวเธอมาถึงอัลดูซาร์ด้วย โอย...ชักกลัวขึ้นมาแล้วล่ะ มาๆ”
“อะไรของคุณน่ะคุณเอเดียล!”
จันทร์เจ้าตกใจ เพราะคำพูดของอีกฝ่ายมันช่างสวนทางกับการกระทำเป็นที่สุด คนที่ปากเพิ่งบอกว่ากลัว กำลังสาวเท้าตรงดิ่งเข้ามาหาเธอแน่วแน่
“เอ๊ะ! เจ้าชาย ถอยไปนะ”
คนห้ามถอยกรูด ท่าทางหวาดกลัวเอเดียลจนเห็นได้ชัด
“ไม่ถอยหรอก อย่าใจร้ายสิจันทร์เจ้า ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังขวัญเสีย ไหนๆ เธอก็เป็นเมีย จะช่วยโอบกอดปลอบอกปลอบใจกันสักหน่อยนึงไม่ได้เลยเชียวหรือ”
“จันทร์ไม่ใช่เมียคุณ”
หญิงสาวย้ำ ขณะที่เขายังคงพยายามรุกเพื่อใช้กำลังเข้ากอดรัด
“อืม...ก็แปลกหูดี”
“นี่พูดถึงอะไรอีกล่ะคะ”
“ก็ทุกที ได้ยินแต่คนอยากให้เรียกเมีย จะมีก็แต่เธอนี่ล่ะ ที่เป็นตายก็จะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธกันท่าเดียว”
“ถ้ารู้อย่างนี้ ก็เลิกยุ่งกับจันทร์เสียทีสิคะ หรือที่ยังเทียวไปเทียวมาที่ตำหนักนี้ ก็เป็นเพราะกลัวที่จะไม่ได้เงินนั่นคืนจากจันทร์ จันทร์พูดถูกใช่ไหมคะ” จันทร์เจ้าพาลผสานกับการเดาสุ่ม เอเดียลย่นหัวคิ้ว
“เงิน...เงินอะไร”
“ก็เงินที่คุณอุตส่าห์กรุณามีเมตตา ช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ยายของฉันยังไง”
คนนิ่งฟังจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โธ่เอ๊ย...เด็กหนอเด็ก เงินเล็กน้อยแค่นั้น ฉันไม่ได้จำหรอกน่ะ นี่ยังคิดมากเรื่องนี้อยู่อีกหรือ” สาวไทยหันขวับ
“มันอาจเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยสำหรับคุณ แต่สำหรับฉันแล้วมันมากมายมหาศาล จนถึงขนาดต้องตะลีตะลานยอมหลงเชื่อเพื่อที่จะตามคุณมาทำงานล้างหนี้ก้อนนี้ยังไงล่ะ”
ยิ่งพูดก็ดูเหมือนว่าจันทร์เจ้าจะยิ่งมีอารมณ์ เธอกำลังโกรธ และเรื่องที่เอเดียลเคยอุปโลกย์ทนายกับมูลนิธิฯ ที่ไม่มีตัวตนเพื่อมาบังคับข่มขู่เธอทางอ้อมก็ยังคงแจ่มชัดอยู่ในสมองส่วนความจำ
“อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาชวนทะเลาะเลยน่ะจันทร์เจ้า เสียบรรยากาศเปล่าๆ”
“เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ทั้งหมดนี้มันเป็นสาเหตุที่เปลี่ยนแปลงแล้วก็ฉุดกระชากชีวิตฉันให้ยิ่งจมดิ่งลงห้วงเหวนะคะ อย่างนี้แล้วคุณจะมาพูดได้ยังไงว่ามันคือเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
เจ้าชายรัชทายาทแห่งอัลดูซาร์ทรงยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้
“โอ.เค งั้นฉันจะย้ำให้เธอฟังอีกครั้งก็ได้ ว่าความจริงแล้วฉันไม่เคยต้องการอยากจะได้เงินนั่นคืนเลยแม้แต่นิด...”
“คุณไม่ต้องการอยากจะได้เงิน แต่คุณก็ต้องการอย่างอื่น”
แม้จะไม่อยากเอ่ยถึง ‘เรื่องนั้น’ ให้เจ็บหัวใจอีก แต่จันทร์เจ้าเองก็ไม่รู้จะเลี่ยงอย่างไรทัน
“ข้อนี้ฉันไม่ปฏิเสธ เคยบอกไปแล้วไง ว่าฉันต้องการเธอจันทร์เจ้า จะไปไหน”
คนพูดส่งมือเหนียวหนับเข้ากอดกระชับร่างอรชรเอาไว้อีกครั้ง
“ปล่อยจันทร์นะคะ อุ๊ย!”
ร่างเล็กถูกอุ้มลอยขึ้นอีกครั้ง เจ้าของอ้อมกอดนั้นเดินดุ่มไปยังห้องกว้างด้านใน ไม่รอช้า เขาจัดการผ่อนวางร่างบางลงกับที่นอนหนานุ่มตรงหน้า กายแกร่งทอดตามลงมาประกบ กักกันจันทร์เจ้าเอาไว้ไม่ยอมให้เธอหนีไปไหนตามที่ใจคิดได้ง่ายๆ
“เธอใส่ชุดนี้ ก็สวยดีอีกแบบนะ”
เจ้าของคำพูดทอดตาลงมอง แม้จะอยู่ในอารมณ์โกรธ ทว่าคนถูกชมก็อดจะเก้อกระดากนิดๆ ไม่ได้ จันทร์เจ้าไม่ชิน แล้วก็ไม่คุ้นตากับผ้าคลุมศีรษะและชุดคลุมตัวยาวรุ่มร่าม เธอรู้สึกว่ามันออกจะดูแปลก มากกว่าจะสวยจริงเมื่อมาอยู่บนตัวเธออย่างที่เขาเพิ่งว่า
“แต่จันทร์ไม่ชอบ” เจ้าตัวหน้าง้ำ ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้า หากแต่ว่าเป็นเพราะตัวคนมากกว่า
“ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่”
“ได้หรือคะ” จันทร์เจ้าเงยขึ้นมอง ความดีใจฉายชัดออกมาทั้งทางแววตาและสีหน้า เอเดียลยิ้ม ก่อนที่จะย้ำอีกว่า
“ฉันจะโกหกเธอทำไมล่ะ มา...ถ้าไม่ใส่ ก็จะช่วยถอดให้”
“ว้าย! ไม่นะ อย่านะ จันทร์ไม่ถอด”
หญิงสาวร้องโวยวาย พลางปัดป่ายมือที่คอยแต่จะฉกเข้าปลดนั่นแกะนี่ที่เสื้อของเธอวุ่นวาย
“ก็ไหนเธอบอกว่าไม่ชอบใส่เสื้อผ้ายังไงล่ะ”
“จันทร์ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณนี่มันจอมมั่วที่สุดในโลกเลย”
“กล้าว่าฉันอีกแล้วนะ” เขามองมาด้วยสาตาคาดโทษแบบที่ชอบทำ
“ก็หรือไม่จริงล่ะ อุ๊ย ว้าย!”
สาวไทยกรีดร้องเสียงหลงอีกครั้ง เมื่อชุดเสื้อคลุมตัวนอกถูกเขาปล้ำถอดออกจากตัวได้สำเร็จ
“อย่างนี้สบายขึ้นมั้ย”
“เอาเสื้อของจันทร์คืนมาเดี๋ยวนี้นะคะ”
คนว่ารีบยกมือขึ้นกอดอก มองเขาอย่างแสนจะเจ็บใจ ก่อนจะตะเกียกตะกาย พยายามจะก้าวลงจากเตียงไปหยิบเสื้อที่เรี่ยอยู่กับพื้น
“ไม่เอาน่า ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังแบบไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งบ้างจะได้ไหมจันทร์เจ้า”
เจ้าชายหนุ่มกำข้อมือเล็กๆ ทั้งสองของเธอ ก่อนกดให้ราบลงกับฟูกข้างตัว
“ถ้าไม่อยากทะเลาะ คุณก็ไม่ต้องมาหาจันทร์สิคะ หรือถ้าจะให้ดีก็ส่งจันทร์กลับเมืองไทยเลยก็ได้ นั่นล่ะจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดทีเดียว”
“ใครว่าล่ะ วิธีที่ดีที่สุด มันคือแบบนี้ต่างหาก”
ประกายตากรุ้มกริ่มของเขา ทำเอาหญิงสาวอกใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“วิธีอะไรของคุ...อื้อ...”
เอเดียลกดจูบหนักหน่วงลงมาแทนคำตอบ เจ้าชายหนุ่มยอมรับ ว่าตนเองก็ออกจะรู้สึกทั้งติดอกติดใจ และใคร่จะสัมผัสเธออย่างแนบชิดรัดรึงเช่นนี้ให้เนิ่นนานในกาลต่อๆ ไปอย่างไม่รู้จักจุดสิ้นสุด ไม่เพียงเท่านั้น เพราะความรู้สึกอันดื่มด่ำอย่างประหลาดนี้ก็ยังสามารถที่จะแทรกตัวเข้ามาประทับอยู่จนลึกซึ้งภายในใจ อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต เอเดียลพยายามตั้งคำถาม ทั้งหมดนี้...มันแปลว่าอะไร และมันเร็วเกินไปหรือไม่ สำหรับคนที่เพิ่งจะรู้จักกัน
“ปละ...ปล่อยจันทร์...”
เมื่อสำนึกได้ว่าเรียวปากเป็นอิสระ จันทร์เจ้าก็ร้องหาความเป็นไทให้แก่ร่างกายในทันที แต่มีหรือเอเดียลจะยอม เจ้าชายหนุ่มค่อยแตะไล้เรียวลิ้นชื้นๆ ไปยังใบหูเล็กบาง กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเครื่องหอมของชาวอัลดูซาร์โชยกรุ่นมาปะทะปลายจมูก ใบหน้าหล่อเหลาคมสันถอยห่างออกมานิด พลันรอยยิ้มละไมก็ก่อตัวขึ้นที่มุมปากบางแดง
“รู้ไหม ว่าฉันชอบกลิ่นนี้”
เสียงห้าวทุ้มกระซิบถาม ทั้งๆ ที่ก็ยังประทับรอยจุมพิตลงไปที่นวลแก้มและลำคอระหงไม่ยอมหยุด หญิงสาวมองเขาตาขุ่น
“ชอบก็ให้คนหามาให้เยอะๆ สิคะ เป็นเจ้าชาย ถ้าอยากจะกว้านมาให้หมดทั้งเมืองเลยก็ยังได้”
“ไม่ดีหรอก เพราะฉันจะชอบที่สุด ก็เฉพาะตอนที่มันถูกประพรมลงบนซอกคอหอมๆ ขาวๆ ของเธอเท่านั้น ฉันชอบ...อยากจะทั้งจูบ ทั้งดอมดม แล้วก็...สัมผัสเธอให้ถ้วนทั่ว ไม่เว้นแม้แต่สักอณูเดียวเลย”
“ต้องให้ทำยังไงคะ คุณถึงจะยอมฟังตามที่จันทร์ขอร้องไปบ้าง”
จันทร์เจ้าทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ เพราะไม่ว่าจะพูดยังไง เอเดียลก็ยังยืนยันที่จะเก็บเธอเอาไว้อย่างนี้ไม่ยอมเปลี่ยน
“เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นจันทร์เจ้า แค่นอนอยู่เฉยๆ ทำทุกอย่างตามที่ฉันต้องการ ตอบสนองฉันอย่างที่เธอเองก็รู้สึก จิตใต้สำนึก...ความเป็นตัวตน...อารมณ์ที่คุโหมขึ้นมา อย่าพยายามห้ามหรือระงับมันเอาไว้ เพราะมันจะทรมาน และจะทำให้เธอได้ลิ้มรสความสุขที่ฉันเต็มใจจะมอบให้ได้ไม่เต็มที่นะ”
เอเดียลวกกลับมาเข้าเรื่องเดิม
“มีเจ้าชายรัชทายาทที่เอาแต่คิดหมกมุ่นกับเรื่องแบบนี้ ประชาชนชาวอัลดูซาร์คงจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ข้นแค้นน่าสงสารยิ่งกว่าอะไร” อีกฝ่ายเหน็บแนมแกมประชดประชัน แต่คนฟังก็ยังหัวเราะเบาๆ ได้
“ผิดไปล่ะจันทร์เจ้า ที่นี่ เรามั่งมีมากพอที่จะไม่เรียกเก็บภาษีจากประชาชนแม้สักคนเลยด้วยซ้ำนะ”
“อ้อ...ประเทศของคุณร่ำรวยมั่งคั่ง ส่วนคุณเองก็เป็นเจ้าชายที่เข้าข่ายมหาเศรษฐีที่สุดคนนึงของสังคมโลก ฉันนี่โง่จริง สมองไม่ดี ก็เลยลืมความจริงข้อนี้ไปได้”
“เฮ้อ...” เอเดียลแกล้งถอนหายใจดัง ก่อนจะยกตัวเองขึ้นมองหน้าเธอให้ถนัดตา
“นี่ขืนฉันออกตัวสตาร์ท แล้วส่วนเธอก็เอาแต่คอยเหยียบเบรกจนหัวทิ่มอยู่อย่างนี้ มีหวังคงได้เสื่อมสมรรถภาพกันเข้าซักวัน มานี่ซิ...เจ้าแง่แสนงอนนักใช่ไหม ฉันจะจับเธอเปลื้องผ้า แล้วก็เอาน้ำมันหอมของชาวอัลดูซาร์โชลมให้ทั่วทั้งตัว ตั้งแต่หัวจดเท้าเลยทีเดียว”
“จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว นี่ทำไมถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะเจ้าชาย” จันทร์เจ้าฟังแล้วตกใจ
“ฉันก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันนะ ที่รู้ก็คือมันเป็นแค่กับเธอ แล้วก็เพิ่งจะมาเป็นเอาตอนที่เห็นเธอนี่ล่ะจันทร์เจ้า เธอชวนฉันนอกเรื่องนานเกินไปแล้ว ถึงคราวที่ต้องชดใช้คืนให้ฉันบ้าง อย่าลืมชั่วโมงแบบล่วงเวลาด้วยล่ะ ไม่งั้นฉันไม่ยอมให้เธอลุกออกจากเตียงจริงๆด้วย”
หลังคำพูดประโยคนั้น เอเดียลก็เดินหน้าเพื่อรุกบุกเข้าเล้าโลมร่างอรชร ไม่ว่าจะเป็นทั้งกอดทั้งจูบ แถมยังปลายนิ้วที่วนเวียนลูบไล้ หากอะไรก็ไม่ร้ายเท่าเขาสามารถจะถอดปราการทุกชิ้นออกจากกายของเธอได้แบบว่องไว ก่อนจะตามไปติดๆ ด้วยเครื่องแต่งกายทั้งชุดของเขา ทั้งที่จันทร์เจ้าเองยังหัวหมุนไร้สติ ชั่วขณะที่เธอปรือตาขึ้นมอง หญิงสาวก็เห็น เอเดียลกำลังลดใบหน้าลงเสมอช่วงกลางระหว่างกายของเธอ และทั้งที่ความสงสัยยังคาใจ แต่เรียวขางามกลมกลึงก็ยอมแยกออกตามแรงดันจากฝ่ามือใหญ่ เขากำลังจะทำอะไร...
“คุณเอเดียล อย่านะคะ!”
หญิงสาวมารู้คำตอบเอาในตอนที่สาย เมื่อริมฝีปากของเอเดียลกดซบลงมาหา ปลายลิ้นของเขาไม่รอช้า มันทำหน้าที่ได้ดีจนกระทั่งเธอเองแทบไม่มีสมาธิมากพอจะบังคับร่างกายของตัวเองไม่ให้ตอบสนองเขาไปได้...
“เมื่อคราวก่อน ในอ่างอาบน้ำ ฉันจำเป็นต้องข้ามขั้นตอนนี้ไป แต่ตอนนี้...”
เขาละคำพูดไว้ในฐานที่เข้าใจ หากเรียวปากยังคงขยับซุกไซ้ต่อไปอย่างไหลหลง และไอ้อาการค่อยตอบสนองช้าๆ อย่างเป็นธรรมชาติของจันทร์เจ้า ก็ทำให้เขาทั้งตื่นเต้นและมีความสุขเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายร้อยหลายพันเท่าเลยทีเดียว
“ต้องอย่างนี้สิ...ผู้หญิงของฉัน”
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองของเจ้าชายหนุ่ม เลื่อนสอดเข้ามาโอบอุ้มกอบกุมบั้นท้ายงามงอนของสาวไทยเอาไว้ พลางดันรั้งให้ยกสูงขึ้นมากว่าเดิมอีกนิด
“อา...” จันทร์เจ้าหอบหายใจ ราวกับว่าอากาศรอบตัวมีไม่มากพอที่จะให้เธอสูดมันเข้าสู่ความต้องการภายในของร่างกายได้ หญิงสาวบิดกายเร่า มันแรงขึ้น ถี่ขึ้นตามอาการตวัดรัดระรัวชื้นลื่นด้วยความจงใจของอีกฝ่าย เนิ่นนาน...กว่าที่เอเดียลจะเลื่อนตัวกลับขึ้นมาเสมอกับใบหน้าสวยหวานฉ่ำของเธอ
“มีความสุขใช่มั้ยล่ะ”
ดูเหมือนคนถามจะต้องการคำตอบชนิดที่ไม่ต้องเอ่ยปาก เพราะเสียงครวญเบาแต่บ่อยครั้งของคนที่อยู่ใต้ร่าง มันฟ้องได้เป็นอย่างดีถึงความรู้สึกที่เธอกำลังมีอยู่ข้างใน
“คราวนี้ ฉันมีตำราเรียนบทใหม่ที่เต็มใจจะให้เธอได้เรียนรู้ พร้อมที่จะไปกับฉันแล้วใช่ไหม...จันทร์เจ้า”
“เจ้า...ชาย” เรียกเขาเสียงแหบแห้ง เอเดียลมองดูปลายลิ้นสีชมพูที่หญิงสาวเผลอแลบเลียอยู่ตรงริมฝีปาก เขาบอกอย่างนึกเอ็นดูแกมปรารถนาว่า
“อดใจนิด อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้แล้วล่ะคนสวย...นี่ฉันเคยบอกกับเธอหรือยังนะ”
“คะ?”
“ฉันเคยบอกกับเธอแล้วหรือยัง ว่านางอะไรต่อมิอะไรที่เข้าประกวดประชันกันในวันที่เราไป...ลอยกระทงด้วยกันน่ะ”
เธอได้ยินที่เขาพูด พยายามที่จะเรียกสติและปรือตาขึ้นมามองแทนคำถาม หากมือใหญ่ที่กำลังทำหน้าที่คลึงเคล้นและกอบกำขยำไปตามทรวงอกและปลายถันที่เต่งตึงชูชัน ก็ทำให้จันทร์เจ้าต้องหลับตาแน่นลงอีกครั้งด้วยความรัญจวนในหัวใจ
“เชื่อไหมว่า บนเวทีประกวดสาวงามในคืนนั้น ไม่มีผู้เข้าประกวดคนไหนที่สวย แล้วก็มีเสน่ห์ดึงดูดสายตามากเท่ากับจันทร์เจ้าของฉันเลยสักคน”
“เจ้าชาย”
คนพูดเสียงสั่น เพราะปลายถันทั้งสองข้าง กำลังถูกสลับบุกและรุกรานจากเรียวลิ้นชุ่มชื้นของเขาเข้าให้แล้ว ไม่นาน ใบหน้าคมก็เปลี่ยนเลื่อนขึ้นมาเป็นเร่งอาการซุกไซ้และดูดดุนเบาๆ ตรงซอกคอขาว ผสมผสานการเร้าความต้องการของร่างบางให้พุ่งทะยานสูงสุดไม่แพ้เขา
“ตอนที่ได้เจอ ก็เห็นอยู่แล้วว่าเธอน่ะทั้งสวยทั้งอ่อนหวาน แต่ก็ขอสารภาพ ว่าคิดไม่ถึงเลยสักนิด ว่าทุกอย่างที่ประกอบกันเข้าเป็นร่างกายอบอุ่นอ่อนหวานนี้ มันจะสมบูรณ์แบบ แล้วก็สวยเย้ายวนป่วนความรู้สึกปรารถนาของฉันได้มากถึงขนาดนี้ นี่ถ้าคืนวันนั้นเราต้องแคล้วคลาดกันไป ฉันคงต้องเสียดายเธอแย่แน่ๆ”
คงต้องขอบคุณความหมายในคำพูดยืดยาว ที่ทำให้จันทร์เจ้าเกิดสติรับรู้ในความเป็นไปขึ้นมาอีกครั้ง แค่สวย แค่ถูกใจ แค่เขาอยากได้ แค่เขาจะเสียดายที่ไม่ได้ทำลายและครอบครองเป็นเจ้าของร่างกายเธอ แค่นี้ ...เหตุผลง่ายๆ แต่ฟังแล้วเจ็บลึก เสียดายนัก...พรหมจารีที่มีค่าและความหมายเกินจะประมาณ กลับต้องมาถูกคนไม่รู้ค่าพล่าผลาญอย่างป่าเถื่อนและเลือดเย็น ในนาทีต่อมา...ความสุขบนความทุกข์ทรมานแสนสาหัสของหัวใจก็เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างยาวนานอีกครั้ง จันทร์เจ้าได้ค้นพบความจริงอีกอย่าง ว่าอาการบาดเจ็บนอกกาย รักษาไม่นานก็หาย แต่ใจนี่สิ ต้องใช้เวลาเยียวยาเนิ่นนานสักแค่ไหนกัน
“จันทร์เจ้า...จันทร์เจ้า...จันทร์เจ้า...โอว...”
เอเดียลคราง ร่างสูงที่ทั้งหนาและหนักยังคงขับเคลื่อนโยกย้ายกายของตนอยู่บนกายเล็กบอบบางอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย หากครั้งนี้เขาไม่ยอมส่งให้จันทร์เจ้าล่วงหน้าไปถึงที่หมายก่อนตัวเองอย่างครั้งก่อนแล้ว เอเดียลอาศัยประสบการณ์ช่ำชองในเชิงรัก ทั้งหลอกล่อ ชักชวน และดึงจังหวะอารมณ์และร่างกาย เพื่อรอให้หญิงสาวทะยานตามขึ้นมาได้ทันเสมอกัน จากนั้น สวรรค์บนดินก็เหมือนจะเปิดประตูรอรับคนทั้งสอง ที่คงเหาะเหิรเดินเข้าสู่ทิพย์วิมานมาได้อย่างพร้อมเพรียงกัน...

ภาพที่จันทร์เจ้านอนร้องไห้น้ำตาชุ่มไหลแบบไม่มีเสียง มันทำให้หัวใจที่ยังพองโตคับอกของเอเดียลกระตุกไหวได้อย่างประหลาด ร่างสูงในชุดแต่งกายเรียบร้อยก้าวเข้ามาใกล้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยังขอบเตียงในที่สุด
“ร้องไห้ทำไม...หรือว่าเจ็บตรงไหนอีก ฉัน...ทำรุนแรงกับเธอเกินไปหรือ”
เสียงถามคงนุ่มทุ้มน่าฟัง
“เจ็บหรือคะ...คุณถามจันทร์ว่าฉันเจ็บตรงไหนอย่างนั้นหรือ”
เขายังไม่ตอบ หากจันทร์เจ้าเงยหน้า ส่งกระแสสายตาที่บอบช้ำไปหา
“ถ้าบอกว่าตรงนี้...ที่หัวใจ คุณจะว่ายังไงคะ”
“ทำไมต้องเจ็บที่หัวใจ?” เจ้าชายหนุ่มลองหยั่งดู
“จันทร์เจ็บ...ความเจ็บนี้มันเกิดจากหัวใจ”
มือเล็กและเรียวแขนข้างหนึ่งออกแรงยันตัว กระทั่งลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับเขาได้
“จันทร์เจ็บ...ที่ตัวเองต้องถูกรังแกแบบไม่มีทางสู้ เจ็บ...ที่ตัวเองก็มีส่วนทำให้มันเกิดความผิดบาปนี่ขึ้นมาซ้ำๆ ยังไงล่ะคะ”
“ถ้าหมายถึงเรื่องที่เราสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งร่วมกันล่ะก็...”
“มันก็ไม่มีเรื่องอะไรอื่นอีกแล้วล่ะค่ะ” เธอสวนขึ้นทันควัน
“ก็เธอแค่ทำตามสัญญา ทำตามข้อตกลงที่เราเดิมพันกันเอาไว้ เธอไปไม่รอดแล้วก็ต้องยอมที่จะเป็นของฉัน มันจะมีอะไรที่ผิดตรงไหนอีกหรือ”
“ผิดสิ คุณนั่นล่ะตัวดี คำท้าหรือเดิมพันบ้าบออะไรนั่น จันทร์ไม่ใช่คนต้นคิด แล้วก็ไม่ได้...ไม่ได้อยากจะเห็นด้วยกับคุณเลยตั้งแต่แรก” เธอโทษเขาคนเดียวแบบเต็มๆ ดีแต่เอเดียลยังใจเย็นพอ
“แล้วทีนี้มันยังไงล่ะจันทร์เจ้า พูดจาวกไปวนมาแต่เรื่องเก่าอย่างนี้ ฉันฟังไม่เข้าใจหรอกนะ เธอต้องการจะบอกอะไรฉันกันแน่ ไหนมาคุยกันดีๆ เอาแบบมีเหตุผลหน่อยซิ”
“จันทร์ไม่ได้รักคุณ!”
เสียงนั้นดังฟังชัด เจ้าชายรัชทายาทแห่งอัลดูซาร์พระพักตร์ถอดสีไปนิด มันเร็ว...จนแม้กระทั่งจันทร์เจ้าเองยังจับสังเกตุไม่ทัน
“ไม่เป็นไร เรื่องที่เราทำกันบนเตียงเมื่อกี้นี้ มันก็ไม่ได้มีความรักเป็นองค์ประกอบ แต่ถ้าเธอจะถามถึง ฉันก็พนันได้เลยว่า อีกไม่เกินสามวันเจ็ดวันหรอก เธอต้องรักฉันหมดหัวใจแน่แม่สาวน้อย”
“ก็นั่นสิคะ สมมติเล่นๆ ว่าถ้าจันทร์เกิดไป...รักคุณขึ้นมาล่ะ” มันคงเป็นเรื่องสมมติที่ขมขื่นที่สุดเท่าที่สาวไทยเคยได้ฟังมา
“ก็มันจะเป็นไรไป ในเมื่อฉันก็บอกแล้วนี่ว่าจะดูแลและรับผิดชอบชีวิตของเธอ”
“แล้วคุณเคยคิดที่จะรักจันทร์จริงๆ บ้างไหม”
“ถ้าไม่...ก็คงจะไม่ทำอย่างนี้หรอก”
เอเดียลยกไหล่น้อยๆ อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร และถ้าฟังให้ดีๆ คำตอบนั้นแฝงไปด้วยการให้ความหวังเล็กๆ อยู่ด้วย
“จะรักได้ยังไง คุณจะรักจันทร์ได้ยังไง ในเมื่อคุณยังมีผู้หญิงอื่นรายล้อมอยู่รอบกายอย่างนี้”
จันทร์เจ้าเสียงแข็ง เธอยังปักใจนักหนา ว่าเจ้าชายในดินแดนอาหรับอย่างเอเดียล จะต้องมีสนมนางในเป็นจำนวนไม่น้อยอยู่ก่อนหน้าแล้ว แต่ทั้งรู้ว่าหญิงสาวกำลังเข้าใจผิด แต่เอเดียลก็ยังไม่ยอมที่จะแก้หรือบอกความจริงให้
“แล้วเรื่องนี้มันแปลกที่ตรงไหน”
“มันอาจจะไม่แปลกสำหรับคุณ แต่จันทร์ล่ะ จันทร์ควรจะอยู่ตรงไหนในชีวิตคุณ”
เอเดียลมองนิ่ง หญิงสาวเองก็อ่านความหมายล้ำลึกในดวงตาสีอ่อนของเขาไม่ออก
“ก็อยู่กับฉันที่อัลดูซาร์นี่ยังไง ตำหนักเล็กหลังนี้ ฉันจะให้เธออยู่แค่เพียงคนเดียว รับรองจะไม่ให้ใครคนไหนเข้ามายุ่มย่ามหรืออ้างสิทธิ์ร่วมได้”
เขาบอกเสียงเรียบ ราวกับเรื่องที่พูดมันธรรมดาสามัญอย่างเหลือเกินอีกเช่นกัน จันทร์เจ้าตาตก มือข้างที่กำชายผ้าห่มซึ่งพันทบไว้รอบกายจิกขยำเข้าหากันแน่น น้ำเสียงที่ค่อยผ่านลำคอและริมฝีปากออกมาแผ่วเบา...
“จันทร์ต้องพอใจแค่ตรงนี้...คุณกำลังจะบอกอย่างนั้นใช่ไหมคะ”



ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค. 2555, 11:13:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ค. 2555, 11:13:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 20775





<< ท่านหญิงโซมินยา   ขาดการติดต่อ >>
แว่นใส 7 ก.ค. 2555, 17:08:13 น.
น่าสงสารจริง


longah 8 ก.ค. 2555, 00:26:52 น.
โอ๊ย สงสารนางเอก ทำไมพระเอกกลายเป็นแบบนี้ไปได้อ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account