หนาวไฟพิศวาส
การพูดเล่นโดยไม่คิดถึงใจคนฟัง นำมาซึ่งความปวดร้าวสุดชีวิตให้กับชายสองคน คนที่ต้องสูญเสียคนรักไปตลอดการ ภูชิสะต้องการดับไฟแค้นของตัวเองด้วยการสั่งสอนให้มีนาได้รู้รสของความเจ็บปวด เขาต้องการเห็นหญิงคนนี้ตายตกตามไปกับน้องชายของเขา หากว่า มีนากลับต้องการทวงแค้นนั้นคืน หากว่า เธอกลับได้รับรู้ว่าทำไมภูชิสะจึงทำอย่างนั้นแม้เปลวไฟยังให้ความร้อนไม่ได้นอกจากยิ่งใกล้ ยิ่งหนาวนัก
Tags: แค้น แสน แค้น

ตอน: ตอบโต้

การจากไปอย่างกะทันหัน เพราะคิดสั้นของน้องชายเพียงคนเดียว ทำให้ภูชิสะ ถึงกับเสียใจ จนไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้อยู่ เขารู้แต่เพียงว่า เขาหยุดนิ่ง หรืออยู่เฉยไม่ได้ หากเขานั่งอยู่นิ่งๆ เขาจะมีแต่ภาพน้องชายตาย และตายมาจากความสูญเสีย เสียใจ ที่โดนหลอกลวง หากให้เขานั่งคิด เขาคิดได้เพียงอย่างเดียวคือ ให้หญิงสาวที่ชื่อมีนา ตายตกตามน้องชายไป
ดังนั้นแทนการฆ่า ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำงานไม่รู้วันเวลา ฟ้าฝน หรือมืดค่ำดึกดื่น ถ้าเขาคิดถึงน้องชาย เขาจะต้องทำงานสักอย่างเพื่อให้ลืม

ปรียา หญิงสาวร่างโปร่งบาง สูงร้อยหกสิบสาม หนักไม่เกินสี่สิบห้า เธอสวมใส่เสื้อผ้าได้สวยทุกชุด แต่นั่นเหมาะแก่การเป็นนางแบบหรือนักแสดงมากกว่าจะเป็นคนเดินดิน ซึ่งจริงแล้วตามความเหมาะสม หญิงสาวควรจะมีสรีระสมเหตุผล
ถึงแม้หญิงสาววัยเดียวกับชายหนุ่มอยู่กับชายหนุ่มมานาน แต่ภูชิสะไม่เคยยอมรับอีกฝ่ายว่าเป็นคู่รักหรือเมีย เขาให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนนอนเท่านั้น
แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะวางเธอในฐานะใด ปรียายังคงรักภูชิสะ คนระห่ำในบางครั้งอย่างไม่เคยมีใครในหัวใจของหญิงสาว
ยามนี้เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมา ด้วยความละอาใจ ต่อการทำงานอย่างบ้าคลั่ง แม้ฝนจะตกหนัก ชายหนุ่มไม่ยอมไม่พักและไม่ใส่ใจตัวเองของภูชิสะ
“คุณใหญ่” เธอเรียกชายหนุ่ม ทำให้ชะงัก แล้วหันไปมองอีกฝ่ายนิดเดียวจริงๆ จากนั้นหันไปเกลี่ยหญ้าในราง
“มีธุระอะไรหรือปี”
“ต้องมีด้วยหรือคะจึงมาหาคุณได้ ปีมาด้วยความคิดถึงไม่ได้หรือค่ะ”
นับแต่วันที่ อคิราภ์ยิงตัวตายโลกของเขาหยุดหมุนด้วยความรู้สึกสูญเสีย ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ต้องตาย ทำให้เขาปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกจากผู้คนนานหลายเดือน เขาไม่ต้องการให้ใครเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของเขา
บริวารในบ้านยังทำหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารและทำความสะอาด น้องเลี้ยงมองอยู่ในระยะห่าง ปรียาเพียงคนเดียวที่ไม่รู้ใจ เข้าไปก้าวก่าย อย่างห่วงใย โดยที่ชายหนุ่มกลับรู้สึกรำคาญยิ่งนัก
ความรักที่ปรียาต้องการไม่เคยได้รับ เพราะเธอไม่รู้จักตัวตนจริงๆของคนที่เธอมานอนด้วยนั่นเอ!!

วันนี้ภูชิสะ ปิดล็อกห้องนอนของน้องชายคนเล็ก และสั่งปิดตายไม่ให้ใครเข้าไปวุ่นวายหรือทำความสะอาด เขานั่งอยู่ในห้องทานอาหารในบ้านของน้องชาย ซึ่งจริงๆแล้ว ห้องครัวควรอยู่รับรองคนเป็นพี่ที่เรือนไม้อีกหลังหนึ่ง แต่เพราะความเกียจคร้านของอคิราภ์ทำให้ภูชิสะตามใจที่จะย้ายครัวมาให้ความสะดวกกับน้องชาย ไม่ต้องขึ้นไปข้างบน คิดถึงน้องชายแล้วหัวใจคนเป็นพี่ซึ่งรักหลงน้องหดหู่เป็นที่สุด
“นมร้อน กับไข่ดาว ไส้กรอกค่ะนาย” คำหล้าเข้ามาดูแลนาย แทนแสนคำ ซึ่งมีทีท่ากลัวต่อนายมากกว่าเดิม เธอแอบนินทากับน้าสาวว่า นายเหมือนคนบ้า กลัวนายจะคลั่งบีบคอเธอ
“ต่อไปนี้ไม่ต้องให้ใครเข้าไปยุ่งห้องของ...ฉันปิดล็อกไปแล้ว ไม่ต้องไปทำอะไร ปล่อยไว้อย่างนั้น”
“ค่ะนาย”คำหล้ารับคำ ไร้คำถาม เวลานั้น กริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทำให้ชายหญิงต่างฐานะสะดุ้ง เพราะไม่เคยได้ยินเสียงกริ่งนี้มานานแล้ว
คำหล้าขยับกายจะไปรับสาย แต่ภูชิสะ ผุดลุกจากเก้า เสียงเรียกเข้าหายไปแล้ว ชายหนุ่มร่างใหญ่นั่งลง ครู่หนึ่ง แสนคำถือโทรศัพท์เครื่องสีดำ ไร้สายมาให้กับเจ้านาย พลางรายงาย
“เสียงผู้หญิงค่ะ ขอเรียนสายนายค่ะ”
ผู้หญิงที่ไหนต่อเข้าเบอร์บ้านของน้องชาย ซึ่งไม่ได้ใช้สายพ่วงจากเรือนไม้ และที่สำคัญของเบอร์เขาอีกต่างหาก
ใครกัน
“ภูชิ...”เขายังเอ่ยนามของตนเองไม่หมด ปลายสายทักมาเสียงหวานใสว่า
“พี่ภูหรือคะ มายเองค่ะ มายขอโทษด้วยนะคะ ที่หลายเดือนก่อนมายทำให้พี่ภูโกรธ โถ ก็เล็กเข้าใจมายผิดนี่คะ เล็กเป็นยังไงบ้างคะ ฝากขอโทษเล็กด้วยนะคะพี่ภู”
มือเรียวยาวกำเครื่องโทรศัพท์แน่นเข้าเมื่อทราบว่าเจ้าของสายเป็นใคร ใบหน้าคมคร้ามแต่รกไปด้วยเคราหนา บิดเบี้ยวไปเพราะเขาบดกรามข่มอารมณ์แค่นให้เก็บลึกไว้ในอกอย่างยากลำบากเต็มที
“พี่ภูขา ทำไมเงียบไปล่ะคะ มายคิดถึงนะคะ คิดถึงมากด้วยค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมจึงคิดถึงพี่ภูขนาดนี้”
หากภูชิสะเห็นภาพผ่านมือโทรศัพท์ไปได้ เขาจะพบอีกฝ่ายนอนกลิ้งเกลือกบนที่นอน พูดเอง เขินเองอย่างมีความเก้อเต็มที
“ไม่พูดกับเล็กสักหน่อยหรือ”เสียงถามออกเย็นชาเพราะบังคับไม่ได้ และหญิงสาวไม่ทันจับอารมณ์อีกฝ่ายเช่นกัน มัวแต่มีความสุขสำราญที่ได้คุยกับคนที่ตนเองแสนคิดถึง
“ไม่ดีกว่าค่ะ แต่ฝากบอกเล็กด้วยนะคะว่าให้ตั้งใจเรียนจะได้เรียนจบเสียที อีกหน่อยเขาจะได้พบผู้หญิงแสนดีเองค่ะ”
“ทำไมไม่รักเล็ก”
“แหมพี่ภูก็ถามเสียตรงเชียว” หญิงสาวยังคงตัดพ้อมาอย่างรื่นเริงอารมณ์ เพราะมีความสุขเหลือล้น “ ทำไมไม่ถามว่ามายรักพี่ภูหรือเปล่าล่ะคะ” เอ่ยไปแล้ว หญิงสาวดึงผ้าห่มมาคลุมโปรง รู้สึกอายตัวเองที่ก๋ากั่นเกินเหตุ
นังแพศยา...แกทำให้น้องฉันตาย แล้วยังมาหว่านเสน่ห์ให้ฉันอีกหรือ แกกล้าล้อฉันเล่นอย่างนี้เชียวหรือ นังร่าน..
“พี่ภู เงียบไปเลยค่ะ มายกวนแค่นี้ก่อนนะคะ แค่นี้ มายก็อายตัวเองเต็มทีแล้วล่ะ จุ๊ฟ” เธอยังมีแก่ใจส่งจูบไปฟอดใหญ่ ให้ฝ่ายปลายสายได้ขว้างโทรศัพท์ใส่ข้างฝา
พัง
เสียงดังพังจริง เพราะในที่สุดโทรศัพท์เครื่องนั้นก็เป็นเพียงซากเศษ โลหะแตก ปรไปกับสายไฟและกลไกที่ทำให้รับส่งสัญญาณได้
โครม เพล้ง
ชายหนุ่มกระตุกผ้าปูโต๊ะอาหาร เหวี่ยงใส่ฝาผนังฉาบปูน อย่างระงับอารมณ์คลั่งไม่อยู่ ทำให้แจกันใส่ดอกไม้ลายสวย ถูกแรงเหวี่ยงกระเด็นกระทบฝาผนังแตกก่อนตกลงมาแตกซ้ำอีกที แก้วนม ซึ่งพร้องไปเพียงครึ่งแก้ว ตกแตก น้ำนมไหลนองพื้น เศษจาน และขวดซอส พริก ซอสมะเขือเทศแตกทุกขวด
แสนคำ และคำหล้า ถอยกายกรูด ไปยืนกอดกันกลมมุมหนึ่ง ไม่รู้ว่าปลายสายพูดวาอะไร นายของตนจึงโกรธจัดขนาดนี้
เมื่อทำลายข้าวของสาแก่ใจแล้ว ชายหนุ่มหันไปหาสองแม่น้าหลาน ซึ่งรีบทรุดนั่งอย่างหมดแรง เพราะสายตาแข็งกร้าวราวกับผีดิบของเขาเปล่งประกายราวกับต้องการเอาชีวิตใครสักคน
“อีนั่นมันอยากตายยยยยย”เมื่อตวามดจนสุดเสียงแล้ว ชายหนุ่มก้าวออกจากบ้านทรงสเปนไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก สองน้าหลานได้ยินเสียงขับรถ เบรกห้ามล้อครูดถนนนดังสนั่น ก่อนเสียงเครื่องยนต์นั้นจะค่อยๆดังลับไปในที่สุด
“อีไหนที่อยากตายน้า”
“ไม่ใช่อีมึง กะอีน้าคนนี้ก็แล้วกัน ไปช่วยกันเก็บกวาด ท่าทางนายจะไม่เหยียบลงมาบ้านหลังนี้อีกแล้วล่ะ โกรธจะเป็นจะตายขนาดนี้”
“ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนนี่ ไม่ดีเลยนะน้า”
“พูดยังกับถ้ามีพ่อแม่อยู่จะสอนอะไรเด็กสมัยนี้ได้”
“แหมอย่างน้อยก็ยังมีคนให้ความอบอุ่นดูแลบ้างล่ะน้า”
“ข้าไม่รู้หรอก ดูข่าวแล้วอนาถใจ ติดยาก็โทษแม่ไม่ดูแล ไปจี้ปล้น ก็โทษพ่อแม่ป่วยหนัก”
“สังคมเมืองก็น่ากลัวไม่ใช่เล่นนะน้า เนี่ยหนูถึงไม่อยากมีผัวไง”
“อย่าว่าแต่อยากมีหรือไม่มีเลย มึงนะหลงรักคุณต้อมอยู่ ทำเหมือนน้าไม่รู้ไส้”
“แหมน้าก็”แสนคำค้อนน้าสาว แต่แก้มระเรื่อแดงด้วยความเขิน ส่วนน้าสาวกล่าวออกมาอีกว่า
“คนขี้เกียจเรียนอย่างเอ็งน่ะหรือคุณต้อมจะหันมามอง”
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ หนูรักอย่างไม่คาดหวังหรอกน้า แค่มีกิน มีใช้ ได้นอนตอนนายไม่อยู่แค่นี้หนูก็พอใจกับชีวิตแล้วล่ะ” แสนคำเอ่ยออกมาอย่างคนอารมณ์ปกติ คำหล้าจึงอดที่จะมองหลานสาวด้วยความภูมิใจเสียไม่ได้
อย่าโทษพ่อแม่เลยถ้าตัวเองไม่รักตัวเอง แสนคำไม่รักเรียน แต่เธอยังรักดี ทำงานเป็นผู้ช่วยแม่บ้านมาตั้งแต่เรียนจบมอ สาม เก็บเงินไว้ใช้ในบ้างหน้า แค่นี้คนเป็นน้าก็ไม่ห่วงอนาคตของหลานแล้วว่าจะลำบาก!!

ที่บริษัทผลิตนมแปรรูป อันดับต้นของเมืองไทย
ยุทธนาสวมเสื้อกราวนด์ตัวยาวคลุมลงมาถึงเข่า เข้าไปตรวจงานในโรงงานผลิตนม นานนับชั่วโมงจึงได้ออกมาอยู่ในออฟฟิศ เมื่อชายหนุ่มร่างสูง เปิดประตูเข้าไป เขาค่อยข้างตกใจ เมื่อเห็นภูชิสะนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นหมีตัวใหญ่
“โอ๊ะ..”
“แกจะร้องหาอะไรไอ้ต้อม”
เสียงตะคอกกลับ เรียกขวัญและสติของยุทธนาให้กลับคืนมา สังเกตเจ้านาย และพี่ชายบุญธรรมอย่างเต็มตาอีกครั้ง ชายร่างใหญ่คนนี้ปล่อยตัวจนน่าตกใจ หนวดเคราเฟิ้ม ไม่มีการตัดแต่ง จึงดูรกไปกว่าครึ่งหน้าคมคายของเขา ขนแขนซึ่งยาวเรียบเป็นระเบียบ ดูหนาตามากขึ้นเพราะความซูบผอมลงไป ผมเคยสั้น ถูกปล่อยตามธรรมชาติให้ลงมาปรกหน้าเกินคิ้วลงมา หากยุทธนาไม่มองเจ้านายเป็นหมีตัวใหญ่คงแปลกเต็มที
“นาย...เอ่อ ผมไม่กล้าทิ้งงานไปดูนายช่วงที่นายกำลังต้องการคนดูแล”
“แกไม่ไปนั่นละดีแล้ว ฉันไม่ได้ป่วยไม่ได้ไข้อะไร แค่ไม่ต้องการคนเข้าไปยุ่งเท่านั้น”
“นายดูเท่มากเลยนะครับกับหนวดเครารกๆอย่างนั้น” ยุทธนา ประชด ทำให้คนเป็นนายและเป็นพี่ ถลึงตาเข้าใส่ แต่อดเหลือหากระจกมาส่องตัวเองเสียไม่ได้
เวลานั้นเอง ห้องทำงานของยุทธนาได้กลายเป็นห้องรับแขก เมื่อเพื่อนสนิทของภูชิสะได้พากันมาเยี่ยมอย่างรู้เวลา
หนุ่มร่างท้วมดูใจดี ชื่อสุภาพเป็นเสี่ยห้างสรรพสินค้า ส่วนอีกหนุ่มสวมแว่นเป็นชายร่างผอมชื่อกำธรเป็นแพทย์สูตินารีเวช แต่เปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไป ทั้งหมดเป็นเพื่อนสนิทที่ภูชิสะและเรียนมาด้วยกันโดยตลอดก่อนที่จะโยกย้ายกันไปเรียนตามแผนความชอบของแต่ละคน
“หวัดดีครับเฮีย หวัดดีครับพี่หมอ”
“อ้อต้อม ไม่ทำงานหรือไง”
“เอ่อ นี่ห้องทำงานผมครับ แต่นายเขามาแย่งเก้าอี้ผมนั่ง”
ภูชิสะหัวเราะอึกในคอ เป็นการหัวเราะครั้งแรกในรอบสามเดือน เสียสุภาพเอ่ยตามมาว่า
“ไปเปิดตาบ้างน่าใหญ่ แกหมกตัวตัวทำงานจนลูกน้องไม่มีอะไรทำแล้วพวกฟาร์มเลี้ยงวัวมันบ่นว่า ขี้วัวไม่มีให้ขน นี่ เดี๋ยวใครจะเข้าใจว่าแกเป็นคนงานเสียเอง ไม่ใช่เจ้าของ”
“มีธุระอะไรกัน”
“ธุระ ฟังมันพูดสิวะไอ้ธรมันเห็นคนทั้งโลกเป็นคนอื่นหมดแล้ว”
ภูชิสะ พิงพนักหลับตานิ่ง สองเพื่อนพากันส่ายหน้ากับอาการค่อนข้างหนักของเพื่อน กำธรเท้าโต๊ะยื่นหน้ายาวเข้าไปจนใกล้เอ่ยลอดไรฟันอดรนทนไม่ได้
“หนามยอกต้องเอาหนามบ่งเพื่อน ใครทำให้เจ็บมันต้องเจ็บกว่า”
เขาลืมตาทันที หากสุภาพไม่เห็นด้วยกับความคิดของกำธรจึงขัดคำ
“Sweet No Rerange การแก้แค้นไม่ใช่ของหวาน มันเป็นยาพิษ”
“ไม่ใช่ ความแค้นคือขนมหวาน” ภูชิสะยืนยันทันที
นังนั่นมันให้ท่ามันแส่โทรมาหาเขาเอง ออดอ้อนฉอเลาะ ระริกระรี้รู้เรื่องของเขา เท่านั้น นังนั่นมันแพศยา นางปีศาจ
“ฉันจะไปหานังคนนั้นจะลากมันมาที่นี่”
“เฮ่ย คุกนะเว้ยใหญ่ถึงมีเงินก็เข้าคุกได้”
“มันสมยอมมาเองต่างหาก มันจะได้ทุกอย่างที่อยากได้ และไม่อยากได้”
เขาคำรามดังราชสีห์เห็นนางสมันน้อย พรานจ้องล่าเหยื่อ
ความคาดหวัง สิ่งที่น่าจะเป็น และสิ่งที่จะลบล้างความทุกข์ร้อนในใจของเขาไปได้ การฆ่าอย่างเลือดเย็น...ชายหนุ่มชื่อภูชิสะคิดขึ้นมาลางๆ ก่อนที่สมองของเขาจะลุกโพลง เต็มไปด้วยการวางแผนและการดำเนินการ อย่างที่พรานคนหนึ่งกำลังจะจับนางสมันน้อยที่มีลูกล่อลูกชน และที่สำคัญ นังนั่น มัยหน้าด้านมาบอกรักเขาเอง โดยที่เขาไม่ได้คิดถึงมันในทางที่ดีด้วยซ้ำ
นี่อย่างไรไรเล่าที่เรียกว่ากฎ หรือวังวนของชีวิต เมื่อมีเริ่มต้น มีการสูญเสีย ย่อมมีสิ่งตอบแทนเสมอ
“นังมาย แกจะได้รับการลงทัณฑ์ที่สาสมที่สุดสำหรับชีวิตแกแล้ว”
ชายหนุ่ม หัวเราะในลำคอลึก ฟังดูเหี้ยมเกรียม และยิ่งกว่าสิ่งใด เขาหวังว่า สุดท้ายแล้ว เชือกล่ามวัวในมือของเขาคงมีปะโยชน์สำหรับทางสุดท้ายของชีวิต มีนา ที่ชายหนุ่มรู้แต่เพียงชื่อมายเท่านั้น!!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2555, 13:18:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2555, 13:18:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2119





<< สูญเสีย   ตามแผน >>
nutcha 28 มิ.ย. 2555, 14:47:50 น.
มายหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ


tutas 29 มิ.ย. 2555, 13:32:54 น.
งานกำลังจะเข้าแล้วมายเอ๋ยยยยย


Zephyr 3 ก.ค. 2555, 18:21:58 น.
อืม เริ่มแล้ว ความเข้าใจผิดและแก้แค้น จองเวรขนานใหญ่ เฮ้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account