รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน
เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้
เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้
Tags: ฤดูหนาว
ตอน: ตอนที่ ๒๕
ตอนที่ ๒๕
เป็นอาทิตย์แล้วที่จอมทัพกลับกรุงเทพฯ ไปเพื่อสะสางงานที่เขาเคยบอกเธอเอาไว้ และหญิงสาวก็ไม่ลืมจะจัดดอกไม้ส่งไปให้กับทางบริษัทของเขาเป็นระยะตามออร์เดอร์ที่เขาติดต่อมา เขาบอกว่าสินค้าชุดนี้เป็นสินค้าที่ส่งไปทดแทนกับสินค้าชุดเดิมซึ่งเคยมีปัญหาและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่งานของเธอได้ส่งออกนอก
เมยาวีทำงานเหล่านั้นอย่างมีความสุขและเธอก็หวังว่าสักวันเขาจะต้องกลับมาหาเธอเป็นแน่ เพราะอย่างไรแล้ว ทางบริษัทของเขาและไร่ของเธอก็ยังติดต่อค้าขายกันอยู่
แม้จะรู้สึกเหงาๆ ไปบ้างที่ไม่มีเขาให้ได้พูดคุยอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ยังดีที่มีรติกรคอยเป็นเพื่อนคลายเหงา และช่วยสะสางงานบัญชีของเธอที่ทำอยู่เป็นประจำอย่างชำนาญ จนบางครั้งเธอก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าคนที่จำอะไรไม่ได้อย่างรติกรจะสามารถทำงานเหล่านี้โดยที่ตนกำลังป่วยอยู่ และดูเหมือนจะไม่มีข้อผิดพลาดเสียด้วยซ้ำ
ทว่าแค่คำแก้ตัวจากคนไข้สาวก็คือมันเป็นความรู้สึกที่มีอยู่แบบลึกๆ และคอยกระตุ้นให้รติกรทำตามสัญชาติญาณที่รู้สึกมากกว่า
ทุกครั้งที่ได้เจอกับชัยและปุณชิกา รติกรก็มักจะส่งยิ้มให้กับทั้งสองและติดจะเป็นการเมินๆ เสียด้วยซ้ำ การพูดคุยที่เป็นไปแบบคนรู้จักและอยู่ในบ้านเดียวกันเริ่มต้นแบบให้เป็นปกติมากที่สุด แม้ว่าลึกๆ แล้วหญิงสาวจะยังรู้สึกเสียใจ จนบางครั้งก็แอบออกมานั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพังก็ตาม
ทั้งปุณชิกาและรติกร กลายเป็นสาวชาวสวนดอกไม้อย่างเมยาวีเต็มตัว เมื่อคนทั้งสองได้ออกงานช่วยเหลือเมยาวีและชัย เพราะหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ชัยที่มีอาการดีขึ้นก็เริ่มต้นทำงานของตนต่อไปในทันที แม้ว่าเมยาวีจะห้ามปรามมากแค่ไหน หากเขาก็ไม่ฟัง โดยให้เหตุผลว่างานที่เขากำลังทำอยู่นั้นไม่สามารถหยุดได้ ดังนั้นปุณชิกาจึงอาสาลงไปช่วยเหลือเขาอย่างใกล้ชิด
นั่นจึงยิ่งทำให้ความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในหัวใจของทั้งสองยิ่งงอกงามมากไปอีก ความใกล้ชิดทั้งจากการที่ได้พูดคุยหยอกล้อกันในระหว่างการทำงาน ยิ่งเพิ่มความสัมพันธ์ให้กับทั้งสองมากยิ่งขึ้นไปทุกๆ วัน
ซึ่งมันก็ตรงกันข้ามกับใครอีกคนหนึ่ง ที่มักจะมาแอบดูทั้งสองด้วยใบหน้าเศร้าสลด ความทรงจำซึ่งเคยได้พูดคุยและใกล้ชิดกับเขาเริ่มทำงานและฉายซ้ำให้ต้องเจ็บใจ
แม้ว่าจะคิดอิจฉา แต่เธอก็คิดว่ามันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะคิดไปเยื้อแย่งให้ตัวเองเจ็บใจอีก เพราะเธอก็รู้ว่า สุดท้ายแล้วคนที่พ่ายแพ้ก็คือเธอเอง
เธอควรจะอยู่เงียบๆ แบบนี้ คอยมองดูความสุขของทั้งสองไม่ใช่หรือและก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เธอก็คงจะลืมความรู้สึกเหล่านี้ไปและหาใครสักคนให้มาดูแลหัวใจที่บอบช้ำดวงนี้ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
“รติขอให้ความรักของคุณทั้งสองงอกงามและมั่นคงแบบนี้ตลอดไปนะคะชัย คุณปูเป้”
สุดท้ายก็ทำได้แค่อวยพรอยู่อย่างเงียบๆ และเดินกลับมายังสำนักงานของเมยาวีอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานบัญชีแทนเมยาวีที่บัดนี้เผลอหลับไปอีกรอบแล้วเพราะต้องเหนื่อยกับงานที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
*********
สายลมพัดแรง ขณะพระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มอัสดง เมยาวียืนกอดอกมองทุ่งดอกไม้ของตนเองด้วยหัวใจอันเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ สายลมที่พัดผ่านร่างบางนั้นทำให้กระโปรงตัวยาวของเธอปลิวสะบัดไปตามแรงลม
ตรงจุดนี้คือบนดอยลูกย่อมๆ ทางทิศเหนือของไร่ จากที่ตรงนี้ สามารถมองเห็นท้องทุ่งดอกไม้อย่างชัดเจน มันเป็นพื้นที่อีกหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวมักจะมายืนมองความสำเร็จของตนเองในบางเย็นและวันนี้ เธอก็มายืนมองมันอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากที่ห่างจากมันมาเป็นเดือน
กรอบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มสดใส เช่นเดียวกับดวงตาคู่สวยค่อยๆ กราดมองพื้นที่ตรงหน้าเพื่อจะหาจุดบกพร่องที่จะให้ต้องแก้ไข ภาพแปลงดอกไม้ซึ่งวางตัวเรียงยาวสลับกัน กับดอกไม้นานาชนิดที่เบ่งบานปรากฏชัดในภาพโฟกัสการมองเห็น
หากแต่ในเวลานั้น ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรเสียด้วยซ้ำ เสียงคนเดินมาข้างหลังก็ฉุดให้เธอหันกลับไปมอง ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักคือใคร ความดีใจแกมแปลกใจก็บังเกิดขึ้นในทันที
“คุณจอม...”
ชายหนุ่มไม่ตอบ หากส่งยิ้มหวานให้เธอแทน ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว ขณะเมยาวีเริ่มบิดตัวไปมาด้วยความเขินอายไปกับสายตาที่มองมาของเขา
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไรกันคะ ทำไมไม่โทรบอกเหมย เหมยจะได้ไปรับ”
“ผมก็มาตอนที่คุณเหมยเห็นน่ะแหละครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงรวน แถมยังขยับเข้ามาจนชิดกับเธอ กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายลอยแตะจมูกเมื่อครั้งที่ลมเย็นพัดมาจากทางเขา
จอมทัพก้มลงมองร่างบาง เขาเอื้อมมือเข้าไปโอบกอดเอวขอดกิ่วและดึงเธอให้มาแนบชิด พรางอมยิ้มสายตาสื่อประสานกัน
“คุณเหมยครับ...”
“คะ...”
เมยาวีหัวใจเต้นแรง ในครั้งเงยหน้าขึ้นสบสายตาของเขา ประกายตาที่สื่อถึงกัน เธอก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคราวนี้มันคืออะไร ระบบการจับผิดและการมองของเธอรู้สึกว่ามันจะเสื่อมไปในทันทีที่ได้สบตากับเขาในวันนี้
“ผมกลับมาหาคุณแล้วนะครับ ผมกลับมาคราวนี้เพื่อมาตามหาหัวใจของผม ที่ได้ฝากคุณเอาไว้...คุณเหมยครับ แต่งงานกับผมนะครับ”
เสียงที่ดังขึ้นยิ่งทำให้กรอบหน้าสวยแดงซ่าน หัวใจสาวก็พาลพากันเต้นแรงจนจะออกมานอกอกให้เขารู้ไปเลยว่าเธอรู้สึกเช่นไร
แต่งงาน....คุณจอมขอเธอแต่งงาน โอพระเจ้าช่วยด้วยเถอะ แต่งงาน!!!
เมยาวีคิดอย่างตะลึงอยู่ในใจ ก่อนจะก้มหน้าลงมองมือของเขาซึ่งกุมของเธอ เขาขอเธอแต่งงาน แล้วเธอควรจะตอบเขาว่าอย่างไรดีล่ะ จะใช้คำไหนให้มันดีที่สุด และให้สมกับการตอบรับการแต่งงานของนักธุรกิจอย่างจอมทัพ อัศวศิโรรมณ์ คิดสิยายเหมย คิดสิ....
“เอ่อ...เหมย…”
“นะครับ แต่งงานกับผมเถอะนะ” จอมทัพช้อนปลายคางมนขึ้นเพื่อจะให้สบตากับเขาอีกครั้ง ก่อนชายหนุ่มจะกะพริบตาข้างหนึ่งคล้ายดั่งส่งความหมายเหล่านั้นได้รู้สึก ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ร่างบางถึงกับอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรงไปเลย
แค่เขากะพริบตาเท่านั้นจริงๆ กระแสไฟที่อยู่ในนั้นก็แล่นลิ่วไปจนทั่วทั้งตัวของเธอ หัวสมองที่มีความคิดอย่างหลากหลายต่างพากันเบาโล่ง เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าควรจะตอบคำนั้นของเขาอย่างไรดี
“เอ่อ...คะ...”
“ยายเหมย แอบนอนหลับกลางวันอีกแล้วนะ ตื่นๆๆ”
กำลังจะตอบรับคำนั้นแล้วจริงๆ เมยาวีก็ต้องสะดุ้งตื่นจากฝันหวานด้วยเสียงมหาภัยของวัสนางค์ที่ดังขึ้น พร้อมกับเสียงทุบโต๊ะดังสนั่นไปทั่วห้อง
สาวสวยที่เพิ่งตื่นจากความฝันอันระรื่นสุข ต้องทำหน้ามุ่ย เมื่อเพิ่งคิดออกว่า สิ่งที่เธอเพิ่งเจอนั้นคือความฝัน
โอ...ความฝัน ถ้าหากว่าสิ่งนั้นจะเป็นจริงบ้างล่ะ เธอจะทำอย่างไรและก็จำได้ว่าเมื่อครู่เธอก็กำลังจะตอบรับเขา แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกของวัสนางค์
“ยายฝน...เธออีกแล้วหรือ”
“อะไรๆ ยายเหมย ฉันควรจะถามเธอต่างหาก นี่แอบหลับตอนทำงานเลยหรือ ดูสิ ปล่อยให้คุณรติทำงานอยู่คนเดียว บาปนะเธอใช้งานคนป่วยน่ะ” วัสนางค์ชี้ไปทางรติกรซึ่งนั่งยิ้มอยู่หลังโต๊ะทำงานไม่ห่างจากตรงนั้นมากนัก ก่อนจะหันมาตีหน้ายักษ์ใส่เพื่อนสาวอีกครั้ง
“นี่ๆ เช็ดน้ำลายของเธอด้วย ไหลมาแล้วน่ะนั่น”
“อี๋...ยายบ้า มาว่าฉันน้ำลายไหล”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เมยาวีก็อดจะยกมือขึ้นเช็ดตรงมุมปากตามที่เพื่อนสาวบอก ก่อนจะยิ่งทำหน้าเซ็งสุดๆ อีกครั้งเมื่อเห็นว่าวัสนางค์กำลังหัวเราะเธอเพราะเพิ่งใช้แผนแกล้งได้อย่างที่เธอเชื่อสนิทใจ
“นี่เธอแกล้งฉันหรือ ยายฝน”
“ไม่ได้แกล้งนี่ ก็เธอหลับอยู่ แถมยังยิ้มด้วย นี่ถามทีเถอะ ฝันหวานหรือยังไงจ้ะ”
“อือ...ฝันหวาน กำลังฝันดีด้วย”
“ฝันดี แล้วฝันว่ายังไง เล่าให้ฉันฟังบ้างสิ”
แม่เพื่อนสาวทำท่าว่าจะสนใจกับสิ่งที่เมยาวีเพิ่งเล่าไป ก่อนจะขยับเข้าไปจนใกล้เพื่อจะฟังเจ้าตัวเล่าถึงความฝัน ขณะเมยาวีทำหน้ายุ่งหันมองวัสนางค์นิดหนึ่ง ก่อนจะทำเป็นเชิดหน้าไปทางอื่นเสีย
“เพราะเธอคนเดียวยายฝน ฝันของฉันถึงไม่ประสบผลสำเร็จ”
“เออๆ ขอโทษก็ได้ ว่าแต่ไอ้ที่ว่าประสบผลสำเร็จนั่นน่ะ คืออะไรหรือ”
“ไม่ขอเล่าเพราะมันเป็นความลับ”
“โด่...ขี้โม้ เธอน่ะขี้โม้ตลอดเลยยายเหมย ที่แท้ก็ฝันร้ายน่ะซี้”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันฝันดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยฮึ ยายฝน” สาวร่างบางหันมาทางเพื่อนสาวด้วยประกายตาเอาเรื่อง ขณะวัสนางค์คลี่ยิ้มแหะแล้วเข้าไปเกาแขนเพื่อนสาวเป็นเชิงขอร้องอีกครั้ง
“นานะเหมย เล่าหน่อยนะ”
“อือๆ ก็ได้ เล่าก็ได้”
“ขอบใจจ้ะแม่เพื่อนสาวสุดสวยของฉัน เล่ามาสิจ๊ะ ฉันกำลังรอฟังอยู่”
“ฉันฝันว่า....”
พูดได้แค่นั้นก็บิดตัวไปมาด้วยความอาย กรอบหน้าสวยยิ่งเข้มขึ้นตามลำดับ ขณะวัสนางค์กำลังนั่งฟังอยู่ ต้องทำหน้าเซ็ง เมื่อเห็นว่าเมยาวีไม่พูดอะไรต่อจากนั้นอีก นอกจากบิดไปบิดมาเท่านั้น
“แล้วอะไรอีก นี่เธอเลิกบิดเป็นขนมทองม้วนก่อนได้ไหม”
“เออๆ คนจะอาย ก็ทำไม่ได้” เมยาวีทำหน้าเซ็ง ก่อนจะปั้นหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง “ฉันฝันว่าคุณจอมทัพขอฉันแต่งงาน”
“แต่งงาน...” วัสนางค์อุทานเสียงดังลั่น รติกรทำงานอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างนักหันมามองทั้งสองเพื่อนสาวอย่างสนใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณเหมย คุณฝน”
“ไม่ค่ะ เราแค่เล่าเรื่องความฝันนิดหน่อยเองค่ะ” สาวฝนหันไปตอบ รติกรจึงแค่พยักหน้าแล้วก้มลงทำงานของตนต่อไปอีกครั้ง
“แต่งงานเลยหรือเหมย แล้วยังไงต่อล่ะ”
“ก็ไม่ยังไงหรอก ฉันกำลังจะตอบตกลงไป เธอน่ะแหละมาขัดจังหวะเรียกฉันเสียก่อน”
คนเล่าหน้ายุ่ง เมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้เธอพลาดโอกาสอันสำคัญหัวเราะเยาะ แม้จะเป็นความฝันก็เถอะ แต่เธอก็อยากจะให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่เหมือนกับวัสนางค์ที่ทำหน้าระรื่นไม่สนใจต่อสายตาฟาดฟันของเธอเลยสักนิด
“แหะๆ ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าเธอกำลังจะตอบตกลงแต่งงาน เห็นนอนยิ้ม แถมน้ำลายยังยืดอีก ฉันคิดว่าเธอจะเสียใจที่คุณจอมทัพกลับกรุงเทพฯ แล้วกินยาตายซะอีก ก็เลยเรียก”
ไม่สำนึกผิดแถมยังเล่นหูเล่นตาอีก เมยาวีก็ยิ่งเดือดจัดที่ถูกแม่เพื่อนสาวล้อเลียนทางสีหน้าและแววตา เธอผุดกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโจนใส่เพื่อนสาวในทันที
“ยายฝน ย๊าก....ตายซะเถอะ”
**********
เย็นวันนี้ชัยพาปุณชิกามายังทุ่งดอกไม้ เพื่อสั่งการคนงานในการจัดดอกไม้ส่งให้กับลูกค้าในคิวของวันต่อไปเมื่อสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาเธอเดินเลาะเลียบไปตามทางเดิน จนไปหยุดอยู่ตรงหนึ่ง ซึ่งบัดนี้เมื่อจะหันมองไปทางไหนก็จะเห็นมีแต่ดอกไม้เต็มไปหมด
ปุณชิการู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก ที่ตนได้มาอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งแบบนี้ แม้ว่ามันจะเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็คร้านจะนับ แต่วันนี้ หญิงสาวกลับรู้สึกว่ามันจะเป็นวันพิเศษสำหรับเธออีกวันหนึ่งเลยล่ะ
ชายหนุ่มหยุดเดิน ก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่เดินตามมาข้างหลัง เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปจนเกือบชิดกับเธอ
“คุณปูเป้เบื่อไหมครับ”
ปุณชิกามองเข้าไปยังดวงตาคู่คมของเขานิ่งนานก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด “ไม่ค่ะ ปูเป้ไม่ได้เบื่ออะไรเลย”
“แล้วสนุกไหมครับ”
“ก็สนุกนะ ปูเป้ก็เพิ่งจะรู้แล้วล่ะว่าการทำงานอยู่กับดอกไม้มันจะสนุกแบบนี้”
“ผมดีใจที่สุดเลยครับที่คุณปูเป้รู้สึกดี...แบบนี้” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มดีใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางมากุมไว้ หญิงสาวไม่ปฏิเสธตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกเขินอยู่ลึกๆ เหมือนกัน
สายลมยามเย็นพัดพลิ้วไหว กระไอหมอกเริ่มปรากฏให้เห็นและลอยคว้างห่างไกลออกไป ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ และเหล่าผีเสื้อที่สวยงาม มันช่างเป็นภาพที่น่าดูและโรแมนติกเป็นยิ่งนัก
ปุณชิกาก้มหน้าลงมองมือของเธอ ก็พลันหน้าเข้มก่อนเธอจะช้อนตาขึ้นมามองหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้วถามขึ้น
“นายหมายความว่ายังไง ชัย”
“ก็หมายความว่า ผมมีความสุขที่สุดอย่างไรล่ะครับ ที่ได้มีคุณอยู่ใกล้ๆ แบบนี้...คุณปูเป้ครับ ไม่ว่าคุณจะโกรธจะเกลียดผมมากแค่ไหน แต่สำหรับผมแล้วผมอยากจะให้คุณรู้เอาไว้ว่า ผมจะขอรักคุณแบบนี้ตลอดไป”
“รัก...นี่นายกำลังบอกรักฉันอยู่หรือชัย”
ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างไร้เดียงสา เธอช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างรู้สึกสับสนในหัวใจ ไม่คิดว่าพ่อหนุ่มชาวไร่คนนี้จะบอกรักเธออย่างรวดเร็วเช่นนี้ แถมยังเป็นการบอกรักท่ามกลางทุ่งดอกไม้และเหล่ากลิ่นหอมของดอกไม้เสียอีก
“ใช่ครับ...ผมรักคุณนะครับ คุณปูเป้ คุณแต่งงานกับผมนะ” เขาเน้นประโยคนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ขณะปุณชิกาที่อึ้งไปชั่วขณะจนสามารถทั้งตัวได้อีกครั้ง เธอจึงคลี่ยิ้มและเอ่ยขึ้นในที่สุด
“นายคิดหรือว่าฉันจะตอบตกลงนายง่ายๆ ตรงนี้ นี่ชัย คนอย่างคุณหนูปุณชิกาถ้าจะมีใครมาขอความรัก ฉันจะต้องแน่ใจว่าคนนั้นจะมั่นคงต่อฉันตลอดไป และที่สำคัญ เพื่อจะให้ฉันแน่ใจ นายจะต้องยืนยันคำนั้นด้วยการไปขอฉันแต่งงานกับท่านนายพลกลยุทธ์พ่อของฉัน เท่านี้แหละนายพอจะพิสูจน์และทำได้หรือเปล่าล่ะ”
แม้ประโยคแรกจะเหมือนการปฏิเสธจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะท้านไปทั้งหัวอก แต่พอประโยคหลังๆ ที่ได้รับฟังจากเสียงหวานนั้น ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดีใจเป็นที่สุดเช่นกัน จนแทบจะเข้าไปอุ้มร่างบางตรงหน้าแล้วพาวิ่งกลับบ้านไปในเวลานั้น
เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นคล้ายดั่งจะตอบรับอยู่แล้วว่าเธอตกลง เพียงแต่ว่าเขาจะต้องทำตามขั้นตอน แถมขั้นตอนที่ว่านั้นยังดูหนักหนาเอาการอยู่เหมือนกัน ก็คุณพ่อของเธอเป็นถึงท่านนายพล แต่ก็ไม่เป็นไร ความรักของนายชัยคนนี้ แม้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหนเขาก็จะพยายามฟันฝ่ามันไปให้ได้
“ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะให้คุณลุงกัณฑ์สิทธิ์และคุณป้ามาติกาลงไปกรุงเทพฯ เพื่อจะไปขอคุณหนูปุณชิกาแต่งงานครับ”
“ไม่ต้องลำบากท่านขนาดนั้นหรอกชัย พรุ่งนี้เช้าคุณพ่อของฉันก็จะขึ้นมาทดสอบว่าที่ลูกเขยของท่านด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
หญิงสาวหัวเราะคิก เมื่อเห็นกรอบหน้าคมเข้มนั้นครุ่นคิดหนักและมันก็คงจะถึงเวลาแล้วล่ะที่เขาจะพิสูจน์ให้พ่อของเธอเห็นว่าคนต่ำต้อยอย่างเขาก็สามารถดูแลลูกสาวของท่านนายพลได้เหมือนกัน
เห็นดังนั้นแล้วชายหนุ่มก็ดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดทันที วันนี้เขาขอกอดเธอให้หายกับความรู้สึกรักที่มันมีอยู่เต็มเปี่ยม เพราะไม่รู้ว่าวันต่อไปนั้นเขาจะได้ทำแบบนี้กับปุณชิกาอีกหรือไม่ เพราะพ่อเสือกำลังจะตามมาที่นี่ และเตรียมจะขย้ำเขาได้ทุกเวลาอยู่แล้ว
******
หลังจากนั้นอีกเกือบสามอาทิตย์ ซึ่งก็เป็นช่วงหลังเทศกาลปีใหม่สากลพอดี จอมทัพได้กลับมายังไร่ศีตกรรณอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับมาตามหาหัวใจตามที่ได้เคยบอกกับเมยาวีอย่างที่เคนบอกกับเธอเอาไว้และเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อได้พบกับท่านนายพลกลยุทธ์ บิดาของปุณชิกา ญาติห่างๆ ของตนที่มาอยู่ที่นี่ได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว แถมท่านยังลงไปที่โรงเรือนกล้วยไม้ เพื่อดูการทำงานของ ‘ว่าที่ลูกเขย’ อย่างใกล้ชิดเสียอีก
ชายหนุ่มแอบที่จะหัวเราะไม่ได้ ที่ชัยถูกท่านนายพลสอบถาม แถมยังเอาแต่ใช้ให้ชัยทำงานนู้นนี่ตามคำสั่งอย่างเผด็จการ อย่างกับว่าตนเองเป็นเจ้าของสถานที่เสียเอง แต่กระนั้น เขาก็เห็นชัยทำตามคำสั่งเหล่านั้นอย่างเต็มใจ แถมยังไม่ยอมบ่นอย่างที่ควรจะเป็นเสียอีก
ยังดีอยู่อย่างที่ท่านนายพลชอบกล้วยไม้ พอชัยแนะนำถึงพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์ใหม่ที่เขาตัดต่อสายพันธุ์ขึ้น ท่านก็สนใจเป็นยิ่งนักกับสิ่งแปลกใหม่ที่ได้พบเจอ ความหอมของดอกกล้วยไม้และความสวยงามที่แปลกใหม่ ทำให้ท่านถึงกับให้ทุนชายหนุ่มตัดต่อสายพันธุ์หาพันธุ์กล้วยไม้ให้มีลักษณะใกล้เคียงกับเอื้องแซะ พันธุ์ไม้ที่หายากอีกพันธุ์หนึ่งด้วย
แม้ว่าจะลำบากใจ เพราะพันธุ์ไม้ดังกล่าวนั้นหายากจริงๆ กว่าจะหาต้นแบบมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่กระนั้นชัยก็ทำมันด้วยหัวใจที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความหวัง โดยเฉพาะตอนที่ท่านนายพลบอกว่า สินสอดที่ท่านต้องการจากเขานอกจากเงินที่ตกลงกับผู้ใหญ่แล้วยังจะมีกล้วยไม้พันธุ์ใหม่อีกด้วย ชัยก็แทบจะกระโดดขึ้นเต้นอย่างลิงโลดและเร่งวันเร่งคืนให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสำเร็จโดยเร็ว
วันๆ ชายหนุ่มจะขลุกอยู่แต่ในโรงเรือน มองดูการเปลี่ยนแปลงของยีนส์กล้วยไม้อย่างใกล้ชิดและข้างๆ เขานั้นก็จะมีท่านนายพลกลยุทธ์คอยดูอยู่อย่างใกล้ชิดและสนใจเช่นกัน แม้จะรู้สึกหวั่นๆ อยู่นิดๆ ว่าความสำเร็จนั้นจะไม่มี แต่เขาก็ยังหวัง เพราะข้างๆ เขานอกจากจะมีท่านนายพลที่ทำหน้าเหี้ยมแต่ใจดีตลอดเวลาแล้ว ยังจะมีปุณชิกาที่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้กับเขา แถมยังส่งยิ้มหวานให้กำลังใจมาทุกวัน
อย่างนี้แล้ว เขาจะท้อได้อย่างไรล่ะ การคิดค้นพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์นี้ถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะมีหัวใจของเธอเป็นเดิมพันอยู่ด้วย
ฝ่ายของจอมทัพ ชายหนุ่มบอกความสำเร็จที่ทางคู่ค้าจากต่างประเทศรู้สึกพึงพอใจเป็นยิ่งนักกับดอกไม้จากประเทศไทยและพันธุ์ที่ส่งไปนั้นตรงต่อความต้องการของลูกค้า แถมยังทำให้งานฉลองปีใหม่ของตัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งรับดอกไม้จากประเทศไทย ประสบผลสำเร็จไปด้วย ผู้คนที่มาร่วมงานชอบ แถมยังฝากคำชมมาให้เขาอีก
และนั่นก็ยิ่งทำให้เมยาวีรู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก ถึงผลสำเร็จที่ดำเนินไปอีกขั้นหนึ่ง เธอได้พาเขามาตรงจุดชมวิวอีกที่หนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่เคยได้พาเขามาที่นี่และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาได้มายืนอยู่ตรงนี้ กับภาพสวยงามของท้องทุ่งดอกไม้เบื้องหน้า
สายลมที่พัดมา ทำให้ดอกกุหลาบซึ่งปลูกอยู่โดยรอบบริเวณนั้นไหวเอนไปตามแรงลม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันลอยโชยมาแตะจมูก เมยาวีปล่อยมือที่จูงเขาขึ้นมาจนถึงตรงจุดนี้ ก่อนเธอจะเดินไปหยุดอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเนินดิน ทอดสายตามองออกไปยังทุ่งดอกไม้ของตนเองด้วยความสุขใจ
“สวยจังนะครับ จากตรงระเบียงเรือนไม้ที่ดูสวยแล้ว ตรงนี้ยังสวยกว่าอีก”
“ค่ะ...แต่ก่อนเหมยชอบมายืนอยู่ตรงนี้มองไปที่ทุ่งดอกไม่ค่ะ แต่ช่วงหลังๆ นี้ไม่ค่อยได้มาสักเท่าไร คุณจอมคิดว่ายังไงล่ะคะ”
“ก็สวยครับ มันเป็นมุมใหม่ที่ผมเพิ่งเคยเห็น แต่ถ้าจะให้ดี น่าจะมีเรือนพักอยู่ตรงนี้อีกหลังนะครับ เพราะมองจากตรงจุดนี้รู้สึกว่าจะสวยงามมากๆ เลยล่ะ”
“ใช่ค่ะ เหมยก็คิดแบบนั้น เหมยคิดว่าจะสร้างรีสอร์ตตรงนี้ เป็นรีสอร์ตเล็กๆ ให้คนมาพักในแบบฉบับของครอบครัวหรือไม่ก็กลุ่มคนที่มาฮันนีมูน พวกเขาจะได้รู้สึกสุขใจกับบรรยากาศที่โรแมนติกอย่างไรล่ะคะ”
“อืม...ก็ดีครับ ว่าแต่คุณมีทุนหรือยังล่ะ ถ้าไม่ก็หาหุ้นส่วนแถวๆ นี้ก็ได้นะครับ” จอมทัพขยับไปยืนเคียงข้างกับเธอ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากหญิงสาวมากนัก
เมยาวีหันมามองกรอบหน้าหล่อคมนั้นก็พลันหน้าเข้มตามไปด้วยกับประโยคที่เขาเอ่ยขึ้นเมื่อครู่ “หมายความว่าอย่างไรคะ เหมยไม่เข้าใจ” หญิงสาวปั้นหน้าไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่า...”
เขาหันมาทางเธออย่างเต็มตัว ก้มลงมองเข้าไปยังแววตาคู่สวยของหญิงสาว สื่อสารกันผ่านทางสายตา แค่นั้นแหละเมยาวีก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงกับดวงตาคู่นั้น กระแสไฟในความรู้สึกที่พุ่งมาจากดวงตาของเขา มันยิ่งทำให้เรี่ยวแรงที่ทำให้เธอหยัดยืนอยู่ได้แทบจะไม่มี เช่นเดียวกับหัวใจของเธอที่เต้นรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
“ก็หมายความว่า...ผมอยากจะเป็นหุ้นส่วนในการทำรีสอร์ตกับคุณอย่างไรล่ะครับ...ที่สำคัญ อยากจะเป็นหุ้นส่วนหัวใจของคุณด้วย”
“คุณจอม...”
หญิงสาวครางเสียงแผ่ว ก่อนจะรู้สึกทึ่งกับความรู้สึกของตนเองไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ในเวลานี้มันเกิดอะไรขึ้น อยากจะกรีดร้องอย่างดีใจ หากตอนนี้กลับทำไม่ได้
จอมทัพเอื้อมมือมากุมมือของหญิงสาว ก่อนจะยกขึ้นแล้วโน้มหน้าลงจุมพิตลงหลังมือของหญิงสาว ก่อนประโยคต่อมาจะดังตามมาอีก
“วันนี้ผมได้กลับมาตามหาหัวใจของผมแล้ว คุณเหมยจะยอมรับไหมครับ หากว่าผมจะขอคุณแต่งงาน แต่งงานกับผมนะครับ ที่รัก”
“ที่รัก...”
สาบานได้เถอะเธอได้ยินคำนี้จริงๆ ก่อนความเสียวสะท้านจะแล่นลิ่วไปทั่วร่างกาย เมยาวีเบิกดวงตาคู่สวยนั้นขึ้นมองหน้าของเขาอย่างชัดๆ กรอบหน้าสวยยิ่งแดงซ่าน
ใช่หูของเธอไม่ได้ฝาด เขาเรียกเธอว่าที่รัก แถมยังขอเธอแต่งงานอีก พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ เธอจะตอบเขาว่าอย่างไรดี คิดสิ คิด....
“ดะ....ได้ค่ะ เหมยจะแต่งงานกับคุณ...”
ให้ตายสิ ตอบได้แค่นั้นจริงๆ ความดีใจก็เข้าจี้จุดตรงหัวใจ เช่นเดียวกับหัวสมองที่เริ่มทำงานอย่างหนัก โลกทั้งโลกเริ่มโคลงไปโคลงมา ภาพใบหน้าคมเข้มของจอมทัพเริ่มเลือนรางแถมยังหมุนวนจนน่าเวียนหัว เมยาวีกรอกตากลับไปกลับมาเพื่อจะปรับสมดุลให้กับการมองเห็นของตัวเอง ก่อนสติที่มีอยู่อันน้อยนิดจะดับวูบลง และร่างบางของเธอก็ถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของจอมทัพซึ่งเข้ามารับได้อย่างทันท่วงที
*****
จอมทัพพาเมยาวีกลับมายังบ้านของเธอ ก่อนชายหนุ่มจะพาหญิงสาวไปวางไว้บนเตียงในห้องนอน ซึ่งคุณมาติกาและน้ำบุษย์ก็รีบวิ่งตามเข้ามาด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณจอมทัพ” ผู้เป็นแม่รีบเข้าไปนั่งบนเตียงข้างๆ กับบุตรสาว พร้อมกับเอื้อมมือไปจับตามเนื้อตามตัวของเมยาวีด้วยความเป็นห่วง
“คุณเหมยเป็นลมครับ รบกวนคุณอากับคุณบุษย์ดูเธอด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวอาจะดูให้นะคะ เชิญคุณจอมทัพออกไปข้างนอกก่อนค่ะ”
เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกมารอข้างนอกห้องด้วยหัวใจที่เต้นรัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมยาวีกันแน่ แค่เขาขอเธอแต่งงาน ทำไมเธอจะต้องเป็นลมไปด้วย หากแต่ลึกๆ แล้วชายหนุ่มกลับรู้สึกดี ที่เธอตอบรับเขาแล้ว
สงสัยว่าเธอจะตื่นเต้นที่เขาขอเธอแต่งงาน...
หลังการปฐมพยาบาลเมยาวีเรียบร้อยแล้ว คุณมาติกาและน้ำบุษย์ก็ออกจากห้องนั้น ก่อนจะได้รับการถ่ายทอดคำบอกเล่าจากชายหนุ่ม ผู้เป็นแม่คลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้รับคำบอกเล่าจากชายหนุ่มเรื่องการขอลูกสาวคนโตของนางแต่งงาน นางพยักหน้ารับทราบพร้อมกับบอกให้เขามาคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังกับครอบครัวของนางในเย็นวันนี้ ซึ่งคุณกัณฑ์สิทธิ์ที่ตอนนี้ไปธุระข้างนอกจะได้เข้ามารับทราบด้วย
จอมทัพรู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก ที่มารดาของหญิงสาวไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือห้ามปรามเขาแต่อย่างไร ตรงกันข้ามกลับส่งเสริมเสียอีก เท่านี้แล้ว ชายหนุ่มก็แน่ใจว่าเรื่องขอเมยาวีแต่งงานจะราบรื่นเหมือนธุรกิจที่เขาทำอยู่เป็นแน่...
หลังจากที่มารดาของเมยาวีและน้ำบุษย์เดินจากไปแล้ว จอมทัพที่ยังยืนอยู่ด้านหน้าห้องนั้นก็เข้าไปหาเธอทันที ซึ่งเวลานี้เมยาวีฟื้นแล้วและบัดนี้เธอกำลังนั่งมองมาที่เขาด้วยกรอบหน้าที่แดงซ่าน ทั้งดีใจแถมยังเอียงอาย
อายุจะปาเข้าเลขสามอยู่มะรอมมะร่อแล้ว ไม่รู้ว่าจะอายไปทำไมอย่างกับสาวๆ แต่เธอก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดีว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะเหตุใด เธอมองร่างสูงซึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เตียงก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“คุณจอม นี่มันไม่ใช่ความฝัน ใช่ไหมคะ”
ยังนึกงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา เธอมักจะเจอแต่กับความฝันเท่านั้น ยังไม่คิดเลยว่านี่มันจะเป็นความจริง แถมความฝันในครั้งนี้ยังทำพิษถึงกับทำให้เธอตื่นเต้นและเป็นลมไปเลยล่ะ
“แล้วคุณเหมยคิดว่ามันคือความจริงหรือเปล่าครับ” เจ้าหนุ่มทรุดกายลงนั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบที่เส้นผมสลวยของเธออย่างอ่อนโยน เมยาวีมองกิริยาเหล่านั้นของเขาก็พลันหัวใจเต้นรัวอีกครั้ง เธอค่อยๆ คลี่ยิ้ม และเริ่มจะแน่ใจว่าสิ่งนี้เป็นความจริง
“คุณจอม...”
แล้วก็โผล่เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างรวดเร็ว นี่คงจะเป็นเส้นทางสุดท้ายสำหรับเธอแล้ว ที่เธอจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ ถ้ามัวปล่อยให้มันเป็นความฝัน มันก็คงจะไม่เป็นจริงสักที บัดนี้เธอเชื่อ มันคือความจริง และก็ภาวนาขอให้มันเป็นจริงเช่นนี้ตลอดไป
อกหนาที่เธอซุก เผื่อแผ่ความรู้สึกอบอุ่นมาให้เธออย่างที่เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เธอก็ยอมรับมันเป็นความรู้สึกที่เธอค้นหามานาน มันเป็นความสุขที่เธอไม่เคยได้รับเลยจากปวีร์ และนี่ก็เป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่รู้สึกสุขใจจนไม่อาจจะหาจุดสิ้นสุดได้
จอมทัพกระชับวงแขนโอบรัดร่างบางเอาไว้แน่น หัวใจหนุ่มยิ่งเต้นรัว สำหรับเขาไม่มีคำตอบว่าเพราะเหตุใด เขาถึงต้องลงเอยกับเมยาวี สิ่งที่ยืนยันอยู่ตลอดมาว่าเขารอเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น และเมื่อเจอแล้ว เขาก็ควรที่จะดูแลรักษามันให้มั่นคงและยั่งยืนมากที่สุด
ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบว่าเหตุใดตนถึงทำตัวเป็นคนโสดจนอายุมาถึงบัดนี้และคำตอบที่ได้ก็คือ เขารอเธอเพียงคนเดียว...เมยาวี แม่สายลมที่หนาวเหน็บ หากแต่สำหรับเขาแล้วมันกลับรู้สึกอบอุ่นเป็นยิ่งนัก ฤดูหนาวที่ว่าหนาวและยาวนาน มันกลับถูกสยบเอาไว้ด้วยความไร้เดียงสาจากเธอ
เขายอมรับ จะรักเธอแบบนี้ และตลอดไป...
เป็นอาทิตย์แล้วที่จอมทัพกลับกรุงเทพฯ ไปเพื่อสะสางงานที่เขาเคยบอกเธอเอาไว้ และหญิงสาวก็ไม่ลืมจะจัดดอกไม้ส่งไปให้กับทางบริษัทของเขาเป็นระยะตามออร์เดอร์ที่เขาติดต่อมา เขาบอกว่าสินค้าชุดนี้เป็นสินค้าที่ส่งไปทดแทนกับสินค้าชุดเดิมซึ่งเคยมีปัญหาและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่งานของเธอได้ส่งออกนอก
เมยาวีทำงานเหล่านั้นอย่างมีความสุขและเธอก็หวังว่าสักวันเขาจะต้องกลับมาหาเธอเป็นแน่ เพราะอย่างไรแล้ว ทางบริษัทของเขาและไร่ของเธอก็ยังติดต่อค้าขายกันอยู่
แม้จะรู้สึกเหงาๆ ไปบ้างที่ไม่มีเขาให้ได้พูดคุยอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ยังดีที่มีรติกรคอยเป็นเพื่อนคลายเหงา และช่วยสะสางงานบัญชีของเธอที่ทำอยู่เป็นประจำอย่างชำนาญ จนบางครั้งเธอก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าคนที่จำอะไรไม่ได้อย่างรติกรจะสามารถทำงานเหล่านี้โดยที่ตนกำลังป่วยอยู่ และดูเหมือนจะไม่มีข้อผิดพลาดเสียด้วยซ้ำ
ทว่าแค่คำแก้ตัวจากคนไข้สาวก็คือมันเป็นความรู้สึกที่มีอยู่แบบลึกๆ และคอยกระตุ้นให้รติกรทำตามสัญชาติญาณที่รู้สึกมากกว่า
ทุกครั้งที่ได้เจอกับชัยและปุณชิกา รติกรก็มักจะส่งยิ้มให้กับทั้งสองและติดจะเป็นการเมินๆ เสียด้วยซ้ำ การพูดคุยที่เป็นไปแบบคนรู้จักและอยู่ในบ้านเดียวกันเริ่มต้นแบบให้เป็นปกติมากที่สุด แม้ว่าลึกๆ แล้วหญิงสาวจะยังรู้สึกเสียใจ จนบางครั้งก็แอบออกมานั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพังก็ตาม
ทั้งปุณชิกาและรติกร กลายเป็นสาวชาวสวนดอกไม้อย่างเมยาวีเต็มตัว เมื่อคนทั้งสองได้ออกงานช่วยเหลือเมยาวีและชัย เพราะหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ชัยที่มีอาการดีขึ้นก็เริ่มต้นทำงานของตนต่อไปในทันที แม้ว่าเมยาวีจะห้ามปรามมากแค่ไหน หากเขาก็ไม่ฟัง โดยให้เหตุผลว่างานที่เขากำลังทำอยู่นั้นไม่สามารถหยุดได้ ดังนั้นปุณชิกาจึงอาสาลงไปช่วยเหลือเขาอย่างใกล้ชิด
นั่นจึงยิ่งทำให้ความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในหัวใจของทั้งสองยิ่งงอกงามมากไปอีก ความใกล้ชิดทั้งจากการที่ได้พูดคุยหยอกล้อกันในระหว่างการทำงาน ยิ่งเพิ่มความสัมพันธ์ให้กับทั้งสองมากยิ่งขึ้นไปทุกๆ วัน
ซึ่งมันก็ตรงกันข้ามกับใครอีกคนหนึ่ง ที่มักจะมาแอบดูทั้งสองด้วยใบหน้าเศร้าสลด ความทรงจำซึ่งเคยได้พูดคุยและใกล้ชิดกับเขาเริ่มทำงานและฉายซ้ำให้ต้องเจ็บใจ
แม้ว่าจะคิดอิจฉา แต่เธอก็คิดว่ามันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะคิดไปเยื้อแย่งให้ตัวเองเจ็บใจอีก เพราะเธอก็รู้ว่า สุดท้ายแล้วคนที่พ่ายแพ้ก็คือเธอเอง
เธอควรจะอยู่เงียบๆ แบบนี้ คอยมองดูความสุขของทั้งสองไม่ใช่หรือและก็เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เธอก็คงจะลืมความรู้สึกเหล่านี้ไปและหาใครสักคนให้มาดูแลหัวใจที่บอบช้ำดวงนี้ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
“รติขอให้ความรักของคุณทั้งสองงอกงามและมั่นคงแบบนี้ตลอดไปนะคะชัย คุณปูเป้”
สุดท้ายก็ทำได้แค่อวยพรอยู่อย่างเงียบๆ และเดินกลับมายังสำนักงานของเมยาวีอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานบัญชีแทนเมยาวีที่บัดนี้เผลอหลับไปอีกรอบแล้วเพราะต้องเหนื่อยกับงานที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
*********
สายลมพัดแรง ขณะพระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มอัสดง เมยาวียืนกอดอกมองทุ่งดอกไม้ของตนเองด้วยหัวใจอันเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ สายลมที่พัดผ่านร่างบางนั้นทำให้กระโปรงตัวยาวของเธอปลิวสะบัดไปตามแรงลม
ตรงจุดนี้คือบนดอยลูกย่อมๆ ทางทิศเหนือของไร่ จากที่ตรงนี้ สามารถมองเห็นท้องทุ่งดอกไม้อย่างชัดเจน มันเป็นพื้นที่อีกหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวมักจะมายืนมองความสำเร็จของตนเองในบางเย็นและวันนี้ เธอก็มายืนมองมันอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากที่ห่างจากมันมาเป็นเดือน
กรอบหน้าสวยหวานคลี่ยิ้มสดใส เช่นเดียวกับดวงตาคู่สวยค่อยๆ กราดมองพื้นที่ตรงหน้าเพื่อจะหาจุดบกพร่องที่จะให้ต้องแก้ไข ภาพแปลงดอกไม้ซึ่งวางตัวเรียงยาวสลับกัน กับดอกไม้นานาชนิดที่เบ่งบานปรากฏชัดในภาพโฟกัสการมองเห็น
หากแต่ในเวลานั้น ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรเสียด้วยซ้ำ เสียงคนเดินมาข้างหลังก็ฉุดให้เธอหันกลับไปมอง ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักคือใคร ความดีใจแกมแปลกใจก็บังเกิดขึ้นในทันที
“คุณจอม...”
ชายหนุ่มไม่ตอบ หากส่งยิ้มหวานให้เธอแทน ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว ขณะเมยาวีเริ่มบิดตัวไปมาด้วยความเขินอายไปกับสายตาที่มองมาของเขา
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไรกันคะ ทำไมไม่โทรบอกเหมย เหมยจะได้ไปรับ”
“ผมก็มาตอนที่คุณเหมยเห็นน่ะแหละครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงรวน แถมยังขยับเข้ามาจนชิดกับเธอ กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายลอยแตะจมูกเมื่อครั้งที่ลมเย็นพัดมาจากทางเขา
จอมทัพก้มลงมองร่างบาง เขาเอื้อมมือเข้าไปโอบกอดเอวขอดกิ่วและดึงเธอให้มาแนบชิด พรางอมยิ้มสายตาสื่อประสานกัน
“คุณเหมยครับ...”
“คะ...”
เมยาวีหัวใจเต้นแรง ในครั้งเงยหน้าขึ้นสบสายตาของเขา ประกายตาที่สื่อถึงกัน เธอก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าคราวนี้มันคืออะไร ระบบการจับผิดและการมองของเธอรู้สึกว่ามันจะเสื่อมไปในทันทีที่ได้สบตากับเขาในวันนี้
“ผมกลับมาหาคุณแล้วนะครับ ผมกลับมาคราวนี้เพื่อมาตามหาหัวใจของผม ที่ได้ฝากคุณเอาไว้...คุณเหมยครับ แต่งงานกับผมนะครับ”
เสียงที่ดังขึ้นยิ่งทำให้กรอบหน้าสวยแดงซ่าน หัวใจสาวก็พาลพากันเต้นแรงจนจะออกมานอกอกให้เขารู้ไปเลยว่าเธอรู้สึกเช่นไร
แต่งงาน....คุณจอมขอเธอแต่งงาน โอพระเจ้าช่วยด้วยเถอะ แต่งงาน!!!
เมยาวีคิดอย่างตะลึงอยู่ในใจ ก่อนจะก้มหน้าลงมองมือของเขาซึ่งกุมของเธอ เขาขอเธอแต่งงาน แล้วเธอควรจะตอบเขาว่าอย่างไรดีล่ะ จะใช้คำไหนให้มันดีที่สุด และให้สมกับการตอบรับการแต่งงานของนักธุรกิจอย่างจอมทัพ อัศวศิโรรมณ์ คิดสิยายเหมย คิดสิ....
“เอ่อ...เหมย…”
“นะครับ แต่งงานกับผมเถอะนะ” จอมทัพช้อนปลายคางมนขึ้นเพื่อจะให้สบตากับเขาอีกครั้ง ก่อนชายหนุ่มจะกะพริบตาข้างหนึ่งคล้ายดั่งส่งความหมายเหล่านั้นได้รู้สึก ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ร่างบางถึงกับอ่อนระโหยไร้เรี่ยวแรงไปเลย
แค่เขากะพริบตาเท่านั้นจริงๆ กระแสไฟที่อยู่ในนั้นก็แล่นลิ่วไปจนทั่วทั้งตัวของเธอ หัวสมองที่มีความคิดอย่างหลากหลายต่างพากันเบาโล่ง เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าควรจะตอบคำนั้นของเขาอย่างไรดี
“เอ่อ...คะ...”
“ยายเหมย แอบนอนหลับกลางวันอีกแล้วนะ ตื่นๆๆ”
กำลังจะตอบรับคำนั้นแล้วจริงๆ เมยาวีก็ต้องสะดุ้งตื่นจากฝันหวานด้วยเสียงมหาภัยของวัสนางค์ที่ดังขึ้น พร้อมกับเสียงทุบโต๊ะดังสนั่นไปทั่วห้อง
สาวสวยที่เพิ่งตื่นจากความฝันอันระรื่นสุข ต้องทำหน้ามุ่ย เมื่อเพิ่งคิดออกว่า สิ่งที่เธอเพิ่งเจอนั้นคือความฝัน
โอ...ความฝัน ถ้าหากว่าสิ่งนั้นจะเป็นจริงบ้างล่ะ เธอจะทำอย่างไรและก็จำได้ว่าเมื่อครู่เธอก็กำลังจะตอบรับเขา แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกของวัสนางค์
“ยายฝน...เธออีกแล้วหรือ”
“อะไรๆ ยายเหมย ฉันควรจะถามเธอต่างหาก นี่แอบหลับตอนทำงานเลยหรือ ดูสิ ปล่อยให้คุณรติทำงานอยู่คนเดียว บาปนะเธอใช้งานคนป่วยน่ะ” วัสนางค์ชี้ไปทางรติกรซึ่งนั่งยิ้มอยู่หลังโต๊ะทำงานไม่ห่างจากตรงนั้นมากนัก ก่อนจะหันมาตีหน้ายักษ์ใส่เพื่อนสาวอีกครั้ง
“นี่ๆ เช็ดน้ำลายของเธอด้วย ไหลมาแล้วน่ะนั่น”
“อี๋...ยายบ้า มาว่าฉันน้ำลายไหล”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เมยาวีก็อดจะยกมือขึ้นเช็ดตรงมุมปากตามที่เพื่อนสาวบอก ก่อนจะยิ่งทำหน้าเซ็งสุดๆ อีกครั้งเมื่อเห็นว่าวัสนางค์กำลังหัวเราะเธอเพราะเพิ่งใช้แผนแกล้งได้อย่างที่เธอเชื่อสนิทใจ
“นี่เธอแกล้งฉันหรือ ยายฝน”
“ไม่ได้แกล้งนี่ ก็เธอหลับอยู่ แถมยังยิ้มด้วย นี่ถามทีเถอะ ฝันหวานหรือยังไงจ้ะ”
“อือ...ฝันหวาน กำลังฝันดีด้วย”
“ฝันดี แล้วฝันว่ายังไง เล่าให้ฉันฟังบ้างสิ”
แม่เพื่อนสาวทำท่าว่าจะสนใจกับสิ่งที่เมยาวีเพิ่งเล่าไป ก่อนจะขยับเข้าไปจนใกล้เพื่อจะฟังเจ้าตัวเล่าถึงความฝัน ขณะเมยาวีทำหน้ายุ่งหันมองวัสนางค์นิดหนึ่ง ก่อนจะทำเป็นเชิดหน้าไปทางอื่นเสีย
“เพราะเธอคนเดียวยายฝน ฝันของฉันถึงไม่ประสบผลสำเร็จ”
“เออๆ ขอโทษก็ได้ ว่าแต่ไอ้ที่ว่าประสบผลสำเร็จนั่นน่ะ คืออะไรหรือ”
“ไม่ขอเล่าเพราะมันเป็นความลับ”
“โด่...ขี้โม้ เธอน่ะขี้โม้ตลอดเลยยายเหมย ที่แท้ก็ฝันร้ายน่ะซี้”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันฝันดี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยฮึ ยายฝน” สาวร่างบางหันมาทางเพื่อนสาวด้วยประกายตาเอาเรื่อง ขณะวัสนางค์คลี่ยิ้มแหะแล้วเข้าไปเกาแขนเพื่อนสาวเป็นเชิงขอร้องอีกครั้ง
“นานะเหมย เล่าหน่อยนะ”
“อือๆ ก็ได้ เล่าก็ได้”
“ขอบใจจ้ะแม่เพื่อนสาวสุดสวยของฉัน เล่ามาสิจ๊ะ ฉันกำลังรอฟังอยู่”
“ฉันฝันว่า....”
พูดได้แค่นั้นก็บิดตัวไปมาด้วยความอาย กรอบหน้าสวยยิ่งเข้มขึ้นตามลำดับ ขณะวัสนางค์กำลังนั่งฟังอยู่ ต้องทำหน้าเซ็ง เมื่อเห็นว่าเมยาวีไม่พูดอะไรต่อจากนั้นอีก นอกจากบิดไปบิดมาเท่านั้น
“แล้วอะไรอีก นี่เธอเลิกบิดเป็นขนมทองม้วนก่อนได้ไหม”
“เออๆ คนจะอาย ก็ทำไม่ได้” เมยาวีทำหน้าเซ็ง ก่อนจะปั้นหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง “ฉันฝันว่าคุณจอมทัพขอฉันแต่งงาน”
“แต่งงาน...” วัสนางค์อุทานเสียงดังลั่น รติกรทำงานอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างนักหันมามองทั้งสองเพื่อนสาวอย่างสนใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณเหมย คุณฝน”
“ไม่ค่ะ เราแค่เล่าเรื่องความฝันนิดหน่อยเองค่ะ” สาวฝนหันไปตอบ รติกรจึงแค่พยักหน้าแล้วก้มลงทำงานของตนต่อไปอีกครั้ง
“แต่งงานเลยหรือเหมย แล้วยังไงต่อล่ะ”
“ก็ไม่ยังไงหรอก ฉันกำลังจะตอบตกลงไป เธอน่ะแหละมาขัดจังหวะเรียกฉันเสียก่อน”
คนเล่าหน้ายุ่ง เมื่อเห็นว่าคนที่ทำให้เธอพลาดโอกาสอันสำคัญหัวเราะเยาะ แม้จะเป็นความฝันก็เถอะ แต่เธอก็อยากจะให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่เหมือนกับวัสนางค์ที่ทำหน้าระรื่นไม่สนใจต่อสายตาฟาดฟันของเธอเลยสักนิด
“แหะๆ ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าเธอกำลังจะตอบตกลงแต่งงาน เห็นนอนยิ้ม แถมน้ำลายยังยืดอีก ฉันคิดว่าเธอจะเสียใจที่คุณจอมทัพกลับกรุงเทพฯ แล้วกินยาตายซะอีก ก็เลยเรียก”
ไม่สำนึกผิดแถมยังเล่นหูเล่นตาอีก เมยาวีก็ยิ่งเดือดจัดที่ถูกแม่เพื่อนสาวล้อเลียนทางสีหน้าและแววตา เธอผุดกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโจนใส่เพื่อนสาวในทันที
“ยายฝน ย๊าก....ตายซะเถอะ”
**********
เย็นวันนี้ชัยพาปุณชิกามายังทุ่งดอกไม้ เพื่อสั่งการคนงานในการจัดดอกไม้ส่งให้กับลูกค้าในคิวของวันต่อไปเมื่อสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาเธอเดินเลาะเลียบไปตามทางเดิน จนไปหยุดอยู่ตรงหนึ่ง ซึ่งบัดนี้เมื่อจะหันมองไปทางไหนก็จะเห็นมีแต่ดอกไม้เต็มไปหมด
ปุณชิการู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก ที่ตนได้มาอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งแบบนี้ แม้ว่ามันจะเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็คร้านจะนับ แต่วันนี้ หญิงสาวกลับรู้สึกว่ามันจะเป็นวันพิเศษสำหรับเธออีกวันหนึ่งเลยล่ะ
ชายหนุ่มหยุดเดิน ก่อนจะหันมาทางหญิงสาวที่เดินตามมาข้างหลัง เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปจนเกือบชิดกับเธอ
“คุณปูเป้เบื่อไหมครับ”
ปุณชิกามองเข้าไปยังดวงตาคู่คมของเขานิ่งนานก่อนจะเอ่ยขึ้นในที่สุด “ไม่ค่ะ ปูเป้ไม่ได้เบื่ออะไรเลย”
“แล้วสนุกไหมครับ”
“ก็สนุกนะ ปูเป้ก็เพิ่งจะรู้แล้วล่ะว่าการทำงานอยู่กับดอกไม้มันจะสนุกแบบนี้”
“ผมดีใจที่สุดเลยครับที่คุณปูเป้รู้สึกดี...แบบนี้” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มดีใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางมากุมไว้ หญิงสาวไม่ปฏิเสธตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกเขินอยู่ลึกๆ เหมือนกัน
สายลมยามเย็นพัดพลิ้วไหว กระไอหมอกเริ่มปรากฏให้เห็นและลอยคว้างห่างไกลออกไป ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ และเหล่าผีเสื้อที่สวยงาม มันช่างเป็นภาพที่น่าดูและโรแมนติกเป็นยิ่งนัก
ปุณชิกาก้มหน้าลงมองมือของเธอ ก็พลันหน้าเข้มก่อนเธอจะช้อนตาขึ้นมามองหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้วถามขึ้น
“นายหมายความว่ายังไง ชัย”
“ก็หมายความว่า ผมมีความสุขที่สุดอย่างไรล่ะครับ ที่ได้มีคุณอยู่ใกล้ๆ แบบนี้...คุณปูเป้ครับ ไม่ว่าคุณจะโกรธจะเกลียดผมมากแค่ไหน แต่สำหรับผมแล้วผมอยากจะให้คุณรู้เอาไว้ว่า ผมจะขอรักคุณแบบนี้ตลอดไป”
“รัก...นี่นายกำลังบอกรักฉันอยู่หรือชัย”
ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างไร้เดียงสา เธอช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างรู้สึกสับสนในหัวใจ ไม่คิดว่าพ่อหนุ่มชาวไร่คนนี้จะบอกรักเธออย่างรวดเร็วเช่นนี้ แถมยังเป็นการบอกรักท่ามกลางทุ่งดอกไม้และเหล่ากลิ่นหอมของดอกไม้เสียอีก
“ใช่ครับ...ผมรักคุณนะครับ คุณปูเป้ คุณแต่งงานกับผมนะ” เขาเน้นประโยคนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ขณะปุณชิกาที่อึ้งไปชั่วขณะจนสามารถทั้งตัวได้อีกครั้ง เธอจึงคลี่ยิ้มและเอ่ยขึ้นในที่สุด
“นายคิดหรือว่าฉันจะตอบตกลงนายง่ายๆ ตรงนี้ นี่ชัย คนอย่างคุณหนูปุณชิกาถ้าจะมีใครมาขอความรัก ฉันจะต้องแน่ใจว่าคนนั้นจะมั่นคงต่อฉันตลอดไป และที่สำคัญ เพื่อจะให้ฉันแน่ใจ นายจะต้องยืนยันคำนั้นด้วยการไปขอฉันแต่งงานกับท่านนายพลกลยุทธ์พ่อของฉัน เท่านี้แหละนายพอจะพิสูจน์และทำได้หรือเปล่าล่ะ”
แม้ประโยคแรกจะเหมือนการปฏิเสธจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะท้านไปทั้งหัวอก แต่พอประโยคหลังๆ ที่ได้รับฟังจากเสียงหวานนั้น ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดีใจเป็นที่สุดเช่นกัน จนแทบจะเข้าไปอุ้มร่างบางตรงหน้าแล้วพาวิ่งกลับบ้านไปในเวลานั้น
เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นคล้ายดั่งจะตอบรับอยู่แล้วว่าเธอตกลง เพียงแต่ว่าเขาจะต้องทำตามขั้นตอน แถมขั้นตอนที่ว่านั้นยังดูหนักหนาเอาการอยู่เหมือนกัน ก็คุณพ่อของเธอเป็นถึงท่านนายพล แต่ก็ไม่เป็นไร ความรักของนายชัยคนนี้ แม้จะมีอุปสรรคมากแค่ไหนเขาก็จะพยายามฟันฝ่ามันไปให้ได้
“ได้ครับ พรุ่งนี้ผมจะให้คุณลุงกัณฑ์สิทธิ์และคุณป้ามาติกาลงไปกรุงเทพฯ เพื่อจะไปขอคุณหนูปุณชิกาแต่งงานครับ”
“ไม่ต้องลำบากท่านขนาดนั้นหรอกชัย พรุ่งนี้เช้าคุณพ่อของฉันก็จะขึ้นมาทดสอบว่าที่ลูกเขยของท่านด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
หญิงสาวหัวเราะคิก เมื่อเห็นกรอบหน้าคมเข้มนั้นครุ่นคิดหนักและมันก็คงจะถึงเวลาแล้วล่ะที่เขาจะพิสูจน์ให้พ่อของเธอเห็นว่าคนต่ำต้อยอย่างเขาก็สามารถดูแลลูกสาวของท่านนายพลได้เหมือนกัน
เห็นดังนั้นแล้วชายหนุ่มก็ดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดทันที วันนี้เขาขอกอดเธอให้หายกับความรู้สึกรักที่มันมีอยู่เต็มเปี่ยม เพราะไม่รู้ว่าวันต่อไปนั้นเขาจะได้ทำแบบนี้กับปุณชิกาอีกหรือไม่ เพราะพ่อเสือกำลังจะตามมาที่นี่ และเตรียมจะขย้ำเขาได้ทุกเวลาอยู่แล้ว
******
หลังจากนั้นอีกเกือบสามอาทิตย์ ซึ่งก็เป็นช่วงหลังเทศกาลปีใหม่สากลพอดี จอมทัพได้กลับมายังไร่ศีตกรรณอีกครั้ง ชายหนุ่มกลับมาตามหาหัวใจตามที่ได้เคยบอกกับเมยาวีอย่างที่เคนบอกกับเธอเอาไว้และเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อได้พบกับท่านนายพลกลยุทธ์ บิดาของปุณชิกา ญาติห่างๆ ของตนที่มาอยู่ที่นี่ได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว แถมท่านยังลงไปที่โรงเรือนกล้วยไม้ เพื่อดูการทำงานของ ‘ว่าที่ลูกเขย’ อย่างใกล้ชิดเสียอีก
ชายหนุ่มแอบที่จะหัวเราะไม่ได้ ที่ชัยถูกท่านนายพลสอบถาม แถมยังเอาแต่ใช้ให้ชัยทำงานนู้นนี่ตามคำสั่งอย่างเผด็จการ อย่างกับว่าตนเองเป็นเจ้าของสถานที่เสียเอง แต่กระนั้น เขาก็เห็นชัยทำตามคำสั่งเหล่านั้นอย่างเต็มใจ แถมยังไม่ยอมบ่นอย่างที่ควรจะเป็นเสียอีก
ยังดีอยู่อย่างที่ท่านนายพลชอบกล้วยไม้ พอชัยแนะนำถึงพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์ใหม่ที่เขาตัดต่อสายพันธุ์ขึ้น ท่านก็สนใจเป็นยิ่งนักกับสิ่งแปลกใหม่ที่ได้พบเจอ ความหอมของดอกกล้วยไม้และความสวยงามที่แปลกใหม่ ทำให้ท่านถึงกับให้ทุนชายหนุ่มตัดต่อสายพันธุ์หาพันธุ์กล้วยไม้ให้มีลักษณะใกล้เคียงกับเอื้องแซะ พันธุ์ไม้ที่หายากอีกพันธุ์หนึ่งด้วย
แม้ว่าจะลำบากใจ เพราะพันธุ์ไม้ดังกล่าวนั้นหายากจริงๆ กว่าจะหาต้นแบบมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่กระนั้นชัยก็ทำมันด้วยหัวใจที่เต็มเปลี่ยมไปด้วยความหวัง โดยเฉพาะตอนที่ท่านนายพลบอกว่า สินสอดที่ท่านต้องการจากเขานอกจากเงินที่ตกลงกับผู้ใหญ่แล้วยังจะมีกล้วยไม้พันธุ์ใหม่อีกด้วย ชัยก็แทบจะกระโดดขึ้นเต้นอย่างลิงโลดและเร่งวันเร่งคืนให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสำเร็จโดยเร็ว
วันๆ ชายหนุ่มจะขลุกอยู่แต่ในโรงเรือน มองดูการเปลี่ยนแปลงของยีนส์กล้วยไม้อย่างใกล้ชิดและข้างๆ เขานั้นก็จะมีท่านนายพลกลยุทธ์คอยดูอยู่อย่างใกล้ชิดและสนใจเช่นกัน แม้จะรู้สึกหวั่นๆ อยู่นิดๆ ว่าความสำเร็จนั้นจะไม่มี แต่เขาก็ยังหวัง เพราะข้างๆ เขานอกจากจะมีท่านนายพลที่ทำหน้าเหี้ยมแต่ใจดีตลอดเวลาแล้ว ยังจะมีปุณชิกาที่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้กับเขา แถมยังส่งยิ้มหวานให้กำลังใจมาทุกวัน
อย่างนี้แล้ว เขาจะท้อได้อย่างไรล่ะ การคิดค้นพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์นี้ถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะมีหัวใจของเธอเป็นเดิมพันอยู่ด้วย
ฝ่ายของจอมทัพ ชายหนุ่มบอกความสำเร็จที่ทางคู่ค้าจากต่างประเทศรู้สึกพึงพอใจเป็นยิ่งนักกับดอกไม้จากประเทศไทยและพันธุ์ที่ส่งไปนั้นตรงต่อความต้องการของลูกค้า แถมยังทำให้งานฉลองปีใหม่ของตัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งรับดอกไม้จากประเทศไทย ประสบผลสำเร็จไปด้วย ผู้คนที่มาร่วมงานชอบ แถมยังฝากคำชมมาให้เขาอีก
และนั่นก็ยิ่งทำให้เมยาวีรู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก ถึงผลสำเร็จที่ดำเนินไปอีกขั้นหนึ่ง เธอได้พาเขามาตรงจุดชมวิวอีกที่หนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่เคยได้พาเขามาที่นี่และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาได้มายืนอยู่ตรงนี้ กับภาพสวยงามของท้องทุ่งดอกไม้เบื้องหน้า
สายลมที่พัดมา ทำให้ดอกกุหลาบซึ่งปลูกอยู่โดยรอบบริเวณนั้นไหวเอนไปตามแรงลม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันลอยโชยมาแตะจมูก เมยาวีปล่อยมือที่จูงเขาขึ้นมาจนถึงตรงจุดนี้ ก่อนเธอจะเดินไปหยุดอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเนินดิน ทอดสายตามองออกไปยังทุ่งดอกไม้ของตนเองด้วยความสุขใจ
“สวยจังนะครับ จากตรงระเบียงเรือนไม้ที่ดูสวยแล้ว ตรงนี้ยังสวยกว่าอีก”
“ค่ะ...แต่ก่อนเหมยชอบมายืนอยู่ตรงนี้มองไปที่ทุ่งดอกไม่ค่ะ แต่ช่วงหลังๆ นี้ไม่ค่อยได้มาสักเท่าไร คุณจอมคิดว่ายังไงล่ะคะ”
“ก็สวยครับ มันเป็นมุมใหม่ที่ผมเพิ่งเคยเห็น แต่ถ้าจะให้ดี น่าจะมีเรือนพักอยู่ตรงนี้อีกหลังนะครับ เพราะมองจากตรงจุดนี้รู้สึกว่าจะสวยงามมากๆ เลยล่ะ”
“ใช่ค่ะ เหมยก็คิดแบบนั้น เหมยคิดว่าจะสร้างรีสอร์ตตรงนี้ เป็นรีสอร์ตเล็กๆ ให้คนมาพักในแบบฉบับของครอบครัวหรือไม่ก็กลุ่มคนที่มาฮันนีมูน พวกเขาจะได้รู้สึกสุขใจกับบรรยากาศที่โรแมนติกอย่างไรล่ะคะ”
“อืม...ก็ดีครับ ว่าแต่คุณมีทุนหรือยังล่ะ ถ้าไม่ก็หาหุ้นส่วนแถวๆ นี้ก็ได้นะครับ” จอมทัพขยับไปยืนเคียงข้างกับเธอ ก่อนจะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากหญิงสาวมากนัก
เมยาวีหันมามองกรอบหน้าหล่อคมนั้นก็พลันหน้าเข้มตามไปด้วยกับประโยคที่เขาเอ่ยขึ้นเมื่อครู่ “หมายความว่าอย่างไรคะ เหมยไม่เข้าใจ” หญิงสาวปั้นหน้าไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่า...”
เขาหันมาทางเธออย่างเต็มตัว ก้มลงมองเข้าไปยังแววตาคู่สวยของหญิงสาว สื่อสารกันผ่านทางสายตา แค่นั้นแหละเมยาวีก็แทบจะหมดเรี่ยวแรงกับดวงตาคู่นั้น กระแสไฟในความรู้สึกที่พุ่งมาจากดวงตาของเขา มันยิ่งทำให้เรี่ยวแรงที่ทำให้เธอหยัดยืนอยู่ได้แทบจะไม่มี เช่นเดียวกับหัวใจของเธอที่เต้นรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
“ก็หมายความว่า...ผมอยากจะเป็นหุ้นส่วนในการทำรีสอร์ตกับคุณอย่างไรล่ะครับ...ที่สำคัญ อยากจะเป็นหุ้นส่วนหัวใจของคุณด้วย”
“คุณจอม...”
หญิงสาวครางเสียงแผ่ว ก่อนจะรู้สึกทึ่งกับความรู้สึกของตนเองไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ในเวลานี้มันเกิดอะไรขึ้น อยากจะกรีดร้องอย่างดีใจ หากตอนนี้กลับทำไม่ได้
จอมทัพเอื้อมมือมากุมมือของหญิงสาว ก่อนจะยกขึ้นแล้วโน้มหน้าลงจุมพิตลงหลังมือของหญิงสาว ก่อนประโยคต่อมาจะดังตามมาอีก
“วันนี้ผมได้กลับมาตามหาหัวใจของผมแล้ว คุณเหมยจะยอมรับไหมครับ หากว่าผมจะขอคุณแต่งงาน แต่งงานกับผมนะครับ ที่รัก”
“ที่รัก...”
สาบานได้เถอะเธอได้ยินคำนี้จริงๆ ก่อนความเสียวสะท้านจะแล่นลิ่วไปทั่วร่างกาย เมยาวีเบิกดวงตาคู่สวยนั้นขึ้นมองหน้าของเขาอย่างชัดๆ กรอบหน้าสวยยิ่งแดงซ่าน
ใช่หูของเธอไม่ได้ฝาด เขาเรียกเธอว่าที่รัก แถมยังขอเธอแต่งงานอีก พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ เธอจะตอบเขาว่าอย่างไรดี คิดสิ คิด....
“ดะ....ได้ค่ะ เหมยจะแต่งงานกับคุณ...”
ให้ตายสิ ตอบได้แค่นั้นจริงๆ ความดีใจก็เข้าจี้จุดตรงหัวใจ เช่นเดียวกับหัวสมองที่เริ่มทำงานอย่างหนัก โลกทั้งโลกเริ่มโคลงไปโคลงมา ภาพใบหน้าคมเข้มของจอมทัพเริ่มเลือนรางแถมยังหมุนวนจนน่าเวียนหัว เมยาวีกรอกตากลับไปกลับมาเพื่อจะปรับสมดุลให้กับการมองเห็นของตัวเอง ก่อนสติที่มีอยู่อันน้อยนิดจะดับวูบลง และร่างบางของเธอก็ถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของจอมทัพซึ่งเข้ามารับได้อย่างทันท่วงที
*****
จอมทัพพาเมยาวีกลับมายังบ้านของเธอ ก่อนชายหนุ่มจะพาหญิงสาวไปวางไว้บนเตียงในห้องนอน ซึ่งคุณมาติกาและน้ำบุษย์ก็รีบวิ่งตามเข้ามาด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณจอมทัพ” ผู้เป็นแม่รีบเข้าไปนั่งบนเตียงข้างๆ กับบุตรสาว พร้อมกับเอื้อมมือไปจับตามเนื้อตามตัวของเมยาวีด้วยความเป็นห่วง
“คุณเหมยเป็นลมครับ รบกวนคุณอากับคุณบุษย์ดูเธอด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวอาจะดูให้นะคะ เชิญคุณจอมทัพออกไปข้างนอกก่อนค่ะ”
เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกมารอข้างนอกห้องด้วยหัวใจที่เต้นรัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมยาวีกันแน่ แค่เขาขอเธอแต่งงาน ทำไมเธอจะต้องเป็นลมไปด้วย หากแต่ลึกๆ แล้วชายหนุ่มกลับรู้สึกดี ที่เธอตอบรับเขาแล้ว
สงสัยว่าเธอจะตื่นเต้นที่เขาขอเธอแต่งงาน...
หลังการปฐมพยาบาลเมยาวีเรียบร้อยแล้ว คุณมาติกาและน้ำบุษย์ก็ออกจากห้องนั้น ก่อนจะได้รับการถ่ายทอดคำบอกเล่าจากชายหนุ่ม ผู้เป็นแม่คลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้รับคำบอกเล่าจากชายหนุ่มเรื่องการขอลูกสาวคนโตของนางแต่งงาน นางพยักหน้ารับทราบพร้อมกับบอกให้เขามาคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังกับครอบครัวของนางในเย็นวันนี้ ซึ่งคุณกัณฑ์สิทธิ์ที่ตอนนี้ไปธุระข้างนอกจะได้เข้ามารับทราบด้วย
จอมทัพรู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก ที่มารดาของหญิงสาวไม่ได้มีท่าทีรังเกียจหรือห้ามปรามเขาแต่อย่างไร ตรงกันข้ามกลับส่งเสริมเสียอีก เท่านี้แล้ว ชายหนุ่มก็แน่ใจว่าเรื่องขอเมยาวีแต่งงานจะราบรื่นเหมือนธุรกิจที่เขาทำอยู่เป็นแน่...
หลังจากที่มารดาของเมยาวีและน้ำบุษย์เดินจากไปแล้ว จอมทัพที่ยังยืนอยู่ด้านหน้าห้องนั้นก็เข้าไปหาเธอทันที ซึ่งเวลานี้เมยาวีฟื้นแล้วและบัดนี้เธอกำลังนั่งมองมาที่เขาด้วยกรอบหน้าที่แดงซ่าน ทั้งดีใจแถมยังเอียงอาย
อายุจะปาเข้าเลขสามอยู่มะรอมมะร่อแล้ว ไม่รู้ว่าจะอายไปทำไมอย่างกับสาวๆ แต่เธอก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดีว่ามันเกิดขึ้นได้เพราะเหตุใด เธอมองร่างสูงซึ่งเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เตียงก่อนจะเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“คุณจอม นี่มันไม่ใช่ความฝัน ใช่ไหมคะ”
ยังนึกงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา เธอมักจะเจอแต่กับความฝันเท่านั้น ยังไม่คิดเลยว่านี่มันจะเป็นความจริง แถมความฝันในครั้งนี้ยังทำพิษถึงกับทำให้เธอตื่นเต้นและเป็นลมไปเลยล่ะ
“แล้วคุณเหมยคิดว่ามันคือความจริงหรือเปล่าครับ” เจ้าหนุ่มทรุดกายลงนั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบที่เส้นผมสลวยของเธออย่างอ่อนโยน เมยาวีมองกิริยาเหล่านั้นของเขาก็พลันหัวใจเต้นรัวอีกครั้ง เธอค่อยๆ คลี่ยิ้ม และเริ่มจะแน่ใจว่าสิ่งนี้เป็นความจริง
“คุณจอม...”
แล้วก็โผล่เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างรวดเร็ว นี่คงจะเป็นเส้นทางสุดท้ายสำหรับเธอแล้ว ที่เธอจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ ถ้ามัวปล่อยให้มันเป็นความฝัน มันก็คงจะไม่เป็นจริงสักที บัดนี้เธอเชื่อ มันคือความจริง และก็ภาวนาขอให้มันเป็นจริงเช่นนี้ตลอดไป
อกหนาที่เธอซุก เผื่อแผ่ความรู้สึกอบอุ่นมาให้เธออย่างที่เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เธอก็ยอมรับมันเป็นความรู้สึกที่เธอค้นหามานาน มันเป็นความสุขที่เธอไม่เคยได้รับเลยจากปวีร์ และนี่ก็เป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่รู้สึกสุขใจจนไม่อาจจะหาจุดสิ้นสุดได้
จอมทัพกระชับวงแขนโอบรัดร่างบางเอาไว้แน่น หัวใจหนุ่มยิ่งเต้นรัว สำหรับเขาไม่มีคำตอบว่าเพราะเหตุใด เขาถึงต้องลงเอยกับเมยาวี สิ่งที่ยืนยันอยู่ตลอดมาว่าเขารอเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น และเมื่อเจอแล้ว เขาก็ควรที่จะดูแลรักษามันให้มั่นคงและยั่งยืนมากที่สุด
ในที่สุดเขาก็ได้คำตอบว่าเหตุใดตนถึงทำตัวเป็นคนโสดจนอายุมาถึงบัดนี้และคำตอบที่ได้ก็คือ เขารอเธอเพียงคนเดียว...เมยาวี แม่สายลมที่หนาวเหน็บ หากแต่สำหรับเขาแล้วมันกลับรู้สึกอบอุ่นเป็นยิ่งนัก ฤดูหนาวที่ว่าหนาวและยาวนาน มันกลับถูกสยบเอาไว้ด้วยความไร้เดียงสาจากเธอ
เขายอมรับ จะรักเธอแบบนี้ และตลอดไป...
พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2555, 20:54:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2555, 20:54:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1565
<< ตอนที่ ๒๔ | บทส่งท้าย >> |
anOO 29 มิ.ย. 2555, 18:05:23 น.
บทจะรวดเร็ว ก็ทำอะไรทันใจจริงๆ เลยนะ ทั้งสองคู่
บทจะรวดเร็ว ก็ทำอะไรทันใจจริงๆ เลยนะ ทั้งสองคู่