เล่ห์สลับขั้ว
เมื่อความจำเป็นทำให้ต้องมาอยู่ร่วมรั้วบ้านเดียวกัน และรู้ว่าจะต้องโดนจับคู่ เธอจึงสร้างสถานการณ์ให้เขาเข้าใจผิด หวังให้เกลียด แต่ความใกล้ชิดทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม เธอชอบเขา และเขาก็ชอบเธอแม้ความจริงเรื่องชายไม่จริงหญิงแท้จะยังคลุมเครือเต็มทีก็ตาม และ...สิ่งที่เรียกว่ารักก็ทำให้เขายอมฝ่าฝันอุปสรรคหัวใจตัวเองและคู่ต่อสู้ได้ในทุกทางและอภัยได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายความจริงบางอย่างในอดีตต้องทำให้เธอคิดจะวิ่งหนีเขาเพื่อไปทำใจ...วิมวิพาหวังสักวันจะยอมอภัยในสิ่งที่ผิดพลาดครั้งเยาว์วัยของคฑาคินได้ด้วยคำว่า 'รัก'
Tags: น่ารัก

ตอน: ตอนที่ 26 เล่ห์สลับขั้ว

ตอนที่ 26

บ่ายสามโมงร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินเคียงข้างหญิงสาวหุ่นนางแบบออกมาจากประตูส่วนผู้โดยสารขาเข้า ตรงไปขึ้นรถยนต์คันใหญ่ที่พึ่งมาจอด พวกเขาขึ้นไปนั่งช่วงท้ายของรถ หลังจากชายหนุ่มส่งกระเป๋าให้คนขับยกเอาไปเก็บด้านหลัง

วิมวิพายิ้มหวานให้คนนั่งเบาะข้างกาย ขณะที่สายตาสอดส่ายออกไปยังนอกตัวรถ เมื่อเช้าคุณป้ากันยกาโทร.มาถามว่าเธอจะบินกลับมาถึงเมืองไทยเวลาไหน เพราะท่านจะส่งบุตรชายสุดที่รักมารับเธอที่สนามบินด้วยตัวเอง ทว่าพอมาถึงเธอกวาดตามองหาคฑาคินก็ไม่เห็นแม้เงาของเขา มีเพียงชวินคนเดียวเท่านั้นที่มารับเธอพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อสวยเช่นเคย มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังเล่นเซอร์ไพรส์เธอด้วยสร้อยคอเพชรเส้นเล็กน่ารักเป็นของขวัญวันเกิดแถมขออนุญาตสวมสร้อยเส้นนั้นท่ามกลางสายตาผู้คน ซึ่งถ้าเธอไม่อนุญาตเขาขู่แบบไม่จริงจังว่าจะลงไปนั่งคุกเข่าอย่างไม่อายใครเลย แม้รู้ว่าชวินอาจไม่ได้คิดจะทำจริง ๆ อย่างที่บอก แต่ก็ไม่อาจนอนใจได้กับความเป็นคนขี้เล่นของเขา วิมวิพาจึงต้องยอมตามน้ำไปและพลอยทำให้แฟนคลับกับนักข่าวสายบันเทิงที่มารอรับดารา นายแบบที่ไปทำงานร่วมกับเธอโยกย้ายสายตาและกล้องถ่ายรูปสาดแสงมาทางเธอกับชวินแทน

หญิงสาวถอนหายใจเฮือก รู้ว่าข่าววันนี้ก็คงยิ่งตอกย้ำเรื่องการคบหากันระหว่างเธอกับชวินมากยิ่งขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กลัวและเกรงว่าผู้ชายอีกคนที่เธอแคร์จะเข้าใจผิด

ชวินมองอากัปกิริยาหญิงสาวที่นั่งรถไปด้วยกัน เห็นสายตาอึดอัดของเธอก็จริงแต่เขาก็แสร้งว่าไม่รู้ไม่เห็นเสีย ชายหนุ่มฉีกยิ้มเก๋ ๆ พร้อมกับถามเสียงสุภาพ

“น้องวิมไม่ชอบสร้อยเส้นที่พี่ให้เรอะครับ ถ้างั้นเราไปแวะซื้อของขวัญชิ้นใหม่กันดีกว่านะ พี่ให้น้องวิมเลือกเองเลยจะได้ถูกใจไง ดีไหม”

ศีรษะกลมรีบส่ายไว ๆ ปฏิเสธและรีบตอบอย่างไม่มีให้เสียน้ำใจ “ไม่ใช่ไม่ชอบค่ะ วิมชอบมากน่ารักที่สุดเลยค่ะ วิมแอบนึกชมอยู่เลยว่าพี่ชวินช่างเลือก ว่าแต่พี่ชวินทราบได้ยังไงกันค่ะว่าวันนี้วันเกิดวิม”

“ก็พี่เป็นแฟนคลับน้องวิมนี่ครับ เรื่องของน้องวิมพี่ก็ต้องสืบให้รู้ทุกเรื่องนั่นแหละ” เขายิ้มหวาน ไม่เชิงว่าสืบแต่รู้โดยบังเอิญจากอิงอรผู้เป็นมารดาอีกนั่นแหละ ที่โชคดีไปแอบได้ยินกันยกากับคฑาคินคุยกันเมื่อวาน ไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงตกข่าวทำคะแนนพิชิตใจสาวเหมือนกัน “แล้วไปทำงานสนุกมากไหมครับ”

“สนุกค่ะ ได้เที่ยวด้วย อ้อ...วิมมีของฝากพี่ชวินด้วยนะคะ อยู่ในกระเป๋าเดี๋ยวถึงบ้านแล้ววิมจะเอาให้นะคะ” เธอชี้นิ้วไปยังท้ายรถที่กระเป๋าใบเดียวของเธอเก็บอยู่ในนั้น

“ดีใจจัง นึกว่าน้องวิมทำงานสนุกจนลืมพี่แล้วซะอีก” เขาแกล้งทำเสียงน้อยใจ “สองสามวันมานี้พี่รอโทรศัพท์จากน้องวิมทุกวัน แต่คนบางคน คงทำงานกับเที่ยวจนเพลินเลยลืมผู้ชายแก่ ๆ คนนี้ไปเลย”

“ดูว่าไปนั่น พี่ชวินไม่ได้แก่สักหน่อยค่ะ วิมว่าพี่ชวินดูหล่อ เท่ กระชากใจสาว ๆ ได้อีกนาน...” เธอล้อเล่นอารมณ์ดี ระหว่างที่อีกฝ่ายดูปั้นหน้าและน้ำเสียงจริงจังขึ้น

“แล้วพอจะกระชากใจน้องวิมได้บ้างไหมละครับ” เขาเอื้อมมือใหญ่ไปจับมือเรียวของเธอที่วางข้างลำตัวขึ้นมา ก่อนจะกดริมฝีปากประทับจุมพิตนิ่มนวลบนหลังมือนั้น ประสานตากับสายตาตื่นตะลึงของคนที่ถูกจู่โจม และสาธยายความรู้สึกของตนต่อ “แค่ไม่กี่วันที่น้องวิมไม่อยู่ พี่คิดถึงน้องวิมแทบแย่แต่มันก็ทำให้พี่มั่นใจความรู้สึกของตัวเองนะครับว่าสิ่งที่พี่คิดกับน้องวิมมันไม่ใช่แค่ความหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราว พี่ชอบน้องวิมจริง ๆ นะครับ”

คนฟังนั่งอึ้ง กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่กันลำพังยังมีคนขับรถวัยกลางคนอยู่ร่วมด้วยอีกตั้งหนึ่งคน หญิงสาวก็รีบดึงมือออกจากการเกาะกุม บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับคำบอกชอบของเขา ที่แน่ ๆ เธอไม่ได้ดีใจหรือเสียใจแต่อย่างใด มันจะมีก็เพียงความกระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้จะสรรหาคำใดกล่าวออกมาให้เป็นคำปฏิเสธที่ฟังดูไม่ไร้เยื่อใยนัก ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างชวินเป็นแบบที่หญิงสาวหลายคนอยากจะคบหาเป็นแฟน ไม่ยากเลยถ้าเขาจะอยากจะได้หัวใจใครสักคน ทว่าต้องไม่ใช่เธอ ก็หัวใจของเธอไม่ได้มีไว้เพื่อเขานี่หนา

***--***--***--***--***--***--***

รถยนต์ของคฑาคินจอดนิ่งในโรงรถจอดรถ นัยน์ตาเศร้าหม่นหันมองกล่องสี่เหลี่ยมที่วางนิ่งอยู่บนเบาะด้านข้างพร้อมการ์ดอวยพรวันเกิดสีหวาน เป็นเพราะเขามัวแต่ชักช้าเสียเวลากับการไปหาซื้อของชิ้นนี้เพื่อวิมวิพา เลยทำให้กลายเป็นคนที่ไปถึงสนามบินทีหลังชวิน และเขาก็ทำได้แค่เพียงแอบมองภาพสวีตหวานบาดใจนั่น ไม่กล้าไปเสนอหน้าแสดงตัวเป็นส่วนเกิน ตอนนั้นคำพูดของมารดาสะท้อนก้องเต็มสองหู บางทีการเป็นคนมาช้าอาจกำลังทำให้เขาพลาดเวลาและโอกาสดี ๆ ที่ไม่สามารถเรียกคืนอีกแล้วก็เป็นได้

คฑาคินลงจากรถโดยไม่คิดจะหยิบเจ้ากล่องสีเหลี่ยมนั่นติดมือไปด้วย เขารู้ว่าคงถูกมารดาตำหนิที่กลับมาโดยไร้ร่างวิมวิพา แต่ก็ช่วยไม่ได้และอีกสักพักมารดาของเขาก็คงเข้าใจว่าทำไม และคงเป็นอย่างคิดไว้ ระหว่างที่เท้าใหญ่ยังไม่ได้สัมผัสเชิงบันไดขึ้นตึกใหญ่ดี เสียงแหลมกังวลติดไม่พอใจของมารดาก็ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะ

“ไหนหนูวิมละ แม่บอกให้ไปรับหนูวิมแล้วทำไมกลับมาคนเดียว เครื่องดีเลย์หรือ แล้วทำไมคินไม่รอรับน้องก่อนละ”

บุตรชายที่เดินขึ้นบันไดมาหยุดยืนอยู่เคียงข้างไม่ทันจะอ้าปาก เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้าประตูรั้วบ้าน ทำให้ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ปากเป็นคำตอบแทน

“นั่นไงครับ ลูกสาวคุณแม่มีราชรถมาส่งถึงหัวกะไดบ้านแล้ว คงหมดห่วงแล้วนะครับ”

กันยกายืนมองรถยนต์คุ้นตาที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไม่ใช่ของคนอื่นไกล หล่อนทำสัญญาณมือส่งเข้าไปให้เด็กสาวรับใช้ในบ้านเพื่อเตรียมการบางอย่าง ก่อนจะหันมากางแขนสองข้างรับร่างวิมวิพาที่ลงมาจากรถ หญิงสาวเดินเข้ามาประนมไหว้แทบอกแล้วกอดตอบผู้อาวุโสราวกับเด็กขี้ประจบประแจง กันยกาหอมแก้มบางใสหนัก ๆ ด้วยความคิดถึง และจึงจูงมือเจ้าของวันคล้ายวันเกิด ตรงไปหาแสงเทียนพร้อมกับเสียงเพลงอวยพรวันเกิดที่ประสานกันดังออกมาจากในครัวของบ้าน

วิมวิพาน้ำตาซึม ไม่ใช่แค่คนในครอบครัวมาตจักรกรานเท่านั้นที่ร่วมกันร้องเพลงและอวยพรวันแสนพิเศษนี้ให้กับเธอ ยังมีเพื่อนสาวเทียมทั้งสามคนมาร่วมเซอร์ไพรส์อีกด้วย เจ้าของวันคล้ายวันเกิดยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณทุกคน แม้คนทั้งบ้านจะไม่ใช่ครอบครัวแท้จริงของเธอ แต่ยามนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน กว่าวิมวิพาจะเป่าเทียนจากเค้กวันเกิดได้ก็ยืนนิ่งยิ้มทั้งน้ำตาคลอไปหลายนาที หญิงสาวรับของขวัญและคำอวยพรจากทุกคนที่หยิบยื่นให้ จะขาดก็เพียงแต่คฑาคินเพียงคนเดียว เขาไม่มีของขวัญนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญกับความรู้สึกของวิมวิพาสักเท่าไหร่ แต่ที่น้อยใจก็เพราะเขาดูหมางเมินแม้แต่คำอวยพรก็ไม่มีหลุดจากปากสักคำ

ปาร์ตี้วันคล้ายวันเกิดเล็ก ๆ ตรงข้างสระน้ำ หลังจากผู้ใหญ่ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนและปล่อยให้หนุ่มสาวสนุกกันเต็มที่ กับเสียงดนตรีจังหวะสนุก ๆ พร้อมการดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อย ซึ่งผ่านมาอีกสักระยะแอลกอฮอล์เล็กน้อยก็กลายเป็นมากขึ้นตามระดับในกระแสเลือด ทำให้วิมวิพาและกลุ่มเพื่อน รวมถึงสองหนุ่มลูกหลานเจ้าของบ้านเริ่มโหนกแก้มแดงระเรื่อ โดยเฉพาะวิมวิพาที่ถูกเพื่อน ๆ คะยั้นคะยอให้ดื่มบ่อย จนคฑาคินกับชวินไม่ยอมกล้าทิ้งห่างไปไหนเพราะเป็นห่วง

“พอเถอะครับสาว ๆ ดูหน้าเจ้าภาพซิแดงเชียว พี่กลัวว่าพรุ่งนี้จะลุกไม่ไหวเอานะเนี้ย” ชวินรีบแย่งแก้ววิสกี้ที่นินิวส่งให้วิมวิพามาถือไว้แทน เพราะเห็นอาการตาปรือ ๆ ของหญิงสาวแล้วเหมือนจะดื่มต่อไม่ไหว

“แหม...ห่วงนังวิมจังเลยนะคะพี่ชวินสุดหล่อ ไม่รู้อะไรซะแล้วว่านังวิมน่ะคอทองแดงจะตาย” นินิวพูด แล้วหย่อนตูดนั่งลงตรงที่พักแขนเก้าอี้ตัวของชวิน แขนเล็กเกี่ยวกอดคอชายหนุ่มพร้อมดึงให้เขาเอียงหน้าเข้าใกล้ ก่อนจะแตะริมฝีปากจูบเบา ๆ ลงบนแก้มนั้น “นี่คือรางวัลที่วิมฝากนินิวมาค่ะ”

คนถูกจูบแก้มไม่ว่าอะไร เขาฉีกยิ้มหน้าบานพลางยกมือขึ้นลูบแก้มเก้อเขิน ชำเลืองมองวิมวิพาก็ไม่เห็นว่าเธอจะหึงหรือหวงเขาสักนิด ยังคงหัวเราะชอบใจกับการกระทำของเพื่อนเธอด้วยซ้ำ

“ทำไมต้องฝากด้วยละครับ ขอเป็นตัวจริงหอมเองเลยไม่ได้หรือ” ชวินพูดจริงแกมหยอก มองเจ้าของวันคล้ายวันเกิดตาเป็นมันระยับ

คฑาคินทำท่าฮึดฮัดอย่างลืมตัว ลุกขึ้นยืนเหมือนจะหนีไปให้พ้น ๆ แต่แล้วก็ต้องนั่งลงต่อ เพราะคิดขึ้นได้ว่าเขาไม่อยากปล่อยให้วิมวิพาที่ดูจะมีอาการเมาอยู่กับชวิน กลัวว่าบางทีเธออาจจะเผลอจูบชวินอย่างที่เคยทำกับเขาก็เป็นได้

“เป็นอะไรไปค่ะคุณคิน ทำเป็นเรียกร้องความสนใจ นั่นแน่...อยากจะให้นินิวหอมแก้มอย่างคุณชวินบ้างเหรอค่ะ ได้เลย ได้เลย มามะ มามะ มา...” สาวเทียมคนเดิมทำปากจู๋ยื่นเข้าใกล้แก้มอีกฝ่าย แต่ด้วยเสียงใครบางคนที่ตะโกนขัดขึ้นซะก่อน ทำให้ทุกคนพากันหันมองเจ้าของเสียงร้องห้าม

“พอ ๆ เลยนินิว แกนี่เล่นไม่เลิก”

“เป็นไรนังวิม อย่าบอกนะว่าหึงคุณคิน จะเก็บไว้กินเองว่างั้นเถอะ” แซลลี่เพื่อนสาวประเภทสองอีกคนแซวขึ้นทันด่วน ไม่ได้คิดว่าจะถือเป็นเรื่องจริงจังอะไร แต่พอเห็นสายตาชายหนุ่มทั้งสองที่หันขวับมองประสานกันจนแทบจะเกิดประกายไฟบางอย่างแวบ ๆ ทำให้รู้ว่าหล่อนได้พลาดพลั้งปากไปเสียแล้ว

กลุ่มสาวเทียมหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เมื่อสถานการณ์เงียบเฉียบลงในบัดดล ฟีน่าที่ดูจะมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ดีสุดและได้รับความนับถือในกลุ่ม จึงรีบหาเรื่องอื่นพูดแทนหวังกลบเรื่องเก่า

“สร้อยคอเส้นนี้สวยจังเลยนะนังวิม ไม่เคยเห็นใส่มาก่อนเลย”

“ของขวัญวันเกิด จากพี่ชวิน” วิมวิพายิ้มแห้ง ๆ เหลือบตามองคฑาคิน และเห็นว่าเขาก็กำลังจ้องมองมายังสร้อยในคอของเธอเช่นกัน

“เออใช่ ! แล้วไหนของขวัญของคุณคินละคะ พวกเรายังไม่เห็นเลย” นินิวแทรกขึ้น ทำฟีน่าอ้าปากค้างเพราะร้องห้ามไม่ทัน แทนที่จะช่วยกันลากเรื่องออกไปไกล ๆ แล้วไงกลับลากมาทางเดิมให้ลูกพี่ลูกน้องเขาจะตีกันเสียอย่างนั้น

“ผมยังไม่มีเวลาว่างไปหาซื้อเลยครับ แต่คงไม่จำเป็นแล้วละมั้ง เพราะน้องวิมก็ได้ของขวัญชิ้นถูกใจที่สุดไปแล้วจากพี่ชวิน” ไม่แน่ใจว่าทำไมเขาต้องพูดประชดเช่นนี้ แต่ทุกคำที่พูดออกมา มันเหมือนเขากำลังเหยียบย้ำหัวใจตัวเองให้เจ็บปวดเสียจริง

***--***--***--***--***--***--***

เช้าตรู่อีกวันขณะที่นายพลคนขับรถกำลังทำความสะอาดรถยนต์คันของคฑาคินอยู่นั้น มีบางอย่างสะดุดตาวางบนเบาะฝั่งข้างคนขับ ความสงสัยทำให้ต้องหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นกล่องของขวัญกับการ์ดใบหนึ่ง ซึ่งคงเป็นของคฑาคินจะให้ใครสักคนจึงไม่คิดใส่ใจ ระหว่างที่จะวางคืนไว้บนเบาะรถเช่นดั่งเดิม เสียงของนายผู้หญิงในบ้านก็ร้องถามให้เขาชะงักทุกการกระทำไว้เสียก่อน

“นั่นอะไรนะนายพล ไหนฉันดูหน่อยซิ” อิงอรที่เดินมาเห็นพอดี รีบสาวเท้าเข้ามาดึงกล่องสี่เหลี่ยมและการ์ดในมือคนขับรถไปเร็ว ๆ หล่อนพลิกการ์ดสีหวานชูขึ้นดู ก่อนจะเขย่ากล่องของขวัญฟังเสียงด้านใน จากเสียงที่ได้ยินนึกไม่ออกว่าด้านในนี้คือสิ่งใด แต่หล่อนรู้ว่านี่คงจะเป็นของขวัญที่คฑาคินเตรียมไว้ให้วันคล้ายวันเกิดของวิมวิพาเมื่อวาน หากทว่าสถานการณ์หลายอย่างที่พลิกผันเลยทำให้ชายหนุ่มไม่มีโอกาสจะมอบให้ และถ้าคฑาคินจะพลาดโอกาสนี้ไปเลยโดยปริยายและวิมวิพาเกิดงอน ก็คงดีไม่น้อยสำหรับชวิน บุตรชายของหล่อนที่จะเรียกคะแนนจากวิมวิพาได้อีกพะเรอเกวียน

“ของคุณคินนะครับคุณอร”

“ฉันจะเก็บเอาไปคืนให้ตาคินเอง” อิงอรบอก และยึดของไว้ในสองมือแน่นไม่ยอมคืน

“จะดีหรือครับ เดี๋ยวคุณคินก็จะมาเอารถแล้ว ยังไงก็วางไว้ที่เดิมจะดีกว่านะครับ” นายพลตอบเสียงเจียมเนื้อเจียมตัว รู้ว่าอะไรควรไม่ควรแต่แปลกที่นายหญิงคนนี้ของเขาดูจะไม่แยแส

“เอาเถอะน่า ของแค่นี้ไม่ได้จะมีราคาค่างวดอะไรหนักหนา จะคืนตาคินตอนไหนก็เหมือน ๆ กันนั้นแหละ” พูดจบหล่อนก็หมุนตัวทำท่าจะเดินไป หากก้าวเท้าได้เพียงสองก้าวก็ต้องหยุด รีบเอามือไพล่หลังซ่อนของสองสิ่งนั้นเร็วพลัน ยามเสียงหวานคุ้นหูกับหน้าสวยเจนตาสาวเท้าเข้ามาใกล้

“พี่อรซ่อนอะไรไว้ข้างหลังอย่างนั้นรึคะ” กันยกาชะเง้อมองทีท่ามีพิรุธของอีกฝ่าย

“ปะ..เปล่า...”

“อ๋อ...ของขวัญของคุณคินนะครับ พอดีคุณอรบอกว่าจะเอาไปคืนคุณคิน” คนขับรถเก่าแก่ชิงตอบให้ความกระจ่างกับนายหญิงอีกคนที่พึ่งมา โดยไม่ทันสังเกตสายตาตวัดจิกจากอิงอรสักนิด

“ถ้าอย่างนั้น กันย์ขอแล้วกันนะคะพี่อร เดี๋ยวกันจะเอาไปเก็บไว้ให้ลูกชายของกันย์เอง” หล่อนใช้สิทธิ์ความเป็นมารดาเรียกร้อง และได้ผลเมื่ออิงอรยอมยื่นของขวัญในมือคืนให้อย่างเสียมิได้

กันยการับกล่องสี่เหลี่ยมมาแล้วก็จริง แต่มีอีกอย่างที่หล่อนคิดว่าเห็นและยังไม่ได้รับคืนมาพร้อมกันจึงเอ่ยถาม “แล้วการ์ดละคะ พี่อรคงไม่คิดว่าจะเก็บไว้ไปคืนคินเองหรอกนะ”

“ย่ะ พี่ไม่ได้อยากจะเก็บเอาไว้หรอก แค่ลืมก็เท่านั้น เอาไป” อิงอรสะบัดเสียงสูง เชิดหน้าสาวเท้าฉับ ๆ ห่างไปในทันทีที่กันยการับการ์ดมาไว้ในมือ คนมองตามหลังสะใภ้ผู้พี่ถึงกับส่ายหน้าละเหี่ย

คฑาคินออกไปทำงานแล้วอย่างเช่นทุกวัน ดูเหมือนจะไม่สงสัยหรือถามหาของขวัญที่ลืมวางไว้ในรถเลยแม้แต่น้อย คนเป็นมารดาเลยถือวิสาสะเปิดอ่านการ์ดอวยพรวันเกิดใบนั้นเสีย รอยยิ้มที่ค่อยผุดขึ้นทีละนิดจนที่สุดก็กระจ่างเต็มใบหน้า เมื่ออ่านข้อความบางอย่างในช่วงสุดท้ายที่บุตรชายเขียนไว้ในการ์ดจบลง หล่อนหวังใจไว้ว่าต้องมอบความรู้สึกนี้ของคฑาคินส่งต่อยังวิมวิพาให้จงได้ ถึงแม้ว่าเมื่อวานชายหนุ่มจะไม่กล้าให้ด้วยตัวเองเพราะเกรงใจชวิน หรือเหตุอื่นใดก็ตาม แต่วันนี้หล่อนจะต้องยื่นมือเข้าช่วยความรักของบุตรชายให้สำเร็จจนได้

***--***--***--***--***--***--***

“ว่าไงบ้างจ๊ะ พี่คินเขาเขียนในการ์ดนั่นว่ายังไงบ้าง” กันยกาแกล้งถามขึ้น หลังจากวิมวิพาเก็บการ์ดอวยพรวันเกิดกลับเข้าในซองดั่งเดิม สองพวงแก้มของคนที่พึ่งอ่านจบเปลี่ยนสีแดงจัด ก้มหน้าเหนียมอายก่อนจะตอบกลับ

“ก็คำอวยพรธรรมดา ๆ แหละค่ะคุณป้า ไม่มีอะไรพิเศษ”

“จริง ๆ นะเหรอที่ว่าไม่มีอะไรพิเศษ” ผู้อาวุโสถามเสียงสูงมีเล่ห์พร้อมรอยยิ้มกริ่ม มีหรือว่าหล่อนจะไม่รู้ว่าแก้มระเรื่อสีของวิมวิพาตอนนี้บอกว่าเขินอายกับข้อความในการ์ดนั้นขนาดไหน ถ้าหล่อนไม่ได้แอบอ่านมาก่อนก็คงต้องสงสัยเป็นแน่ว่าบุตรชายเขียนว่าเช่นไร “เอาเถอะคำอวยพรธรรมดา ก็ธรรมดา แต่ป้าสงสัยว่าทำไมคินถึงไม่ยอมให้หนูวิมตั้งแต่เมื่อวาน”

วิมวิพานิ่วหน้า “วิมก็สงสัยค่ะ เมื่อวานพี่คินบอกว่ายังไม่มีเวลาไปหาซื้อนี่หนา”

“คงเป็นเพราะไม่กล้าให้ เกรงใจชวินละมั้ง” กันยกาเหลือบตาต่ำลงนิด มองลำคอของอีกฝ่ายที่มีสร้อยเส้นเล็กประดับอยู่ “หรือไม่ก็อาย กลัวว่าของขวัญของคินจะสู้สร้อยเส้นนั้นไม่ได้”

หญิงสาวยกมือขึ้นคลำสร้อยคอ เบิกตาแปลกใจกับคำของผู้อาวุโส “คุณป้าทราบ ? ”

“ป้าเห็นคอลัมน์ซุบซิบในหนังสือพิมพ์ ป่านนี้ใครต่อใครก็คงเห็นแล้วเหมือนกัน”

ใช่ซินะ ป่านนี้ใครต่อใครก็คงเห็นแล้วรวมถึงคฑาคินด้วย ความประหวั่นพรั่นพรึงแล่นวูบสู่โพรงอกหญิงสาว ไม่รู้ว่าเธอกำลังกลัวอะไร กลัวว่าคฑาคินจะเข้าใจผิดอย่างนั่นนะหรือ !

วิมวิพาก้มมองกล่องของขวัญที่บีบแน่นในมือ แล้วพูดเสียงเอื่อย ๆ “วิมขอเปิดดูเลยนะคะคุณป้า”

“ก็เปิดซิจ๊ะ ป้าก็อยากจะรู้ว่าคินเลือกของถูกใจหนูวิมหรือเปล่า”

หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ยามเห็นของด้านใน นาฬิกาผู้หญิงเรือนสีขาวยี่ห้อแพงเป็นของขวัญชิ้นถูกใจเธอมากจริง ๆ รู้สึกดีใจเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก บางทีคนซื้อให้อาจจะรู้ว่าเธอชอบใส่เครื่องประดับนี้ติดตัวมากกว่าอย่างอื่น เพราะเขาใส่ใจสังเกต หรือไม่ก็อาจเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้ มือเรียวหยิบนาฬิกาขึ้นทาบกับข้อมือข้างซ้ายของตน ก่อนจะนึกถึงประโยคที่มีความหมายดี ๆ ในการ์ดอวยพรวันเกิด

‘สุขสันต์วันเกิดครับ ขอให้ได้รับสิ่งพิเศษสุดในชีวิตดั่งคำอธิษฐานและหวังว่าหนึ่งในคำอธิษฐานนั้นจะมีความรู้สึกดี ๆ เพื่อแผ่มาทางนี้บ้าง

พี่มีบางอย่างอยากจะสารภาพครับ...วิมเคยได้ยินหรืออ่านข้อความนี้มาก่อนไหม...(เพราะเวลาไม่ได้หมุนวนซ้ำเดิม ๆ อย่างเข็มนาฬิกา ถ้ามันเดินไปแล้วมันก็ไม่มีทางจะหวนกลับ)

พี่เลยกลัวจะเสียมันไปอย่างไร้ความหมาย วันนี้พี่เลยตัดสินใจที่จะบอกเหตุผลข้อนั้นที่เคยติดค้างวิมเอาไว้ ว่า...ที่จริงแล้วจูบนั้นคืออะไร...มันคือ...ความรู้สึกดี ๆ ที่เรียกว่าชอบ (พี่คงจะชอบวิมแล้วแหละ)

หัวใจของวิมมีคำตอบในตัวของมัน อย่าบังคับให้รู้สึกเหมือนกับใครเลยนะครับ…(พี่คิน)’

***--***--***--***--***--***--***

คฑาคินกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น หน้าตาเหยเกของมารดาที่มาบอกเขาว่าวิมวิพาไม่สบาย ไม่ได้ลงมาจากห้องนอนเลยทั้งวัน ทำให้ต้องเดินแกมวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาดูคนป่วยที่นอนซมอยู่ใต้ผ้าห่มหนา

“ฝากดูหนูวิมหน่อยนะคิน วันนี้ให้กินอะไรลงไปก็อ้วกออกมาหมด แม่ละจนปัญญา” กันยกาแตะฝ่ามืออุ่นลงบนแขนบุตรชายพร้อมออกแรงดันเบา ๆ ให้เดินเข้าไปใกล้เตียงนอนคนป่วย

“ก็คงเพราะอวดเก่งเมื่อคืนแหละครับ ดื่มไม่รู้จักดูกำลังตังเอง แล้วยังจะนั่งตากน้ำค้างโม้กับเพื่อนจนดึกจนดื่น สบายดีก็แปลกแล้วละครับ” น้ำเสียงชายหนุ่มฟังคล้ายไม่พอใจแต่เต็มไปด้วยความห่วงใยในที เขาเดินไปชิดขอบเตียงชะเง้อมองคนที่นอนคลุมโปงนิ่ง แล้วถามมารดาโดยไม่หันหน้ามอง “แล้วคุณแม่โทร.บอกให้หมอมาตรวจดูหรือยังละครับ ว่าไม่สบายเพราะเป็นไข้หรือแค่แฮ้งเหล้า”

ผู้เป็นมารดาทำหน้าประดักประเดิด ยังนึกว่าโชคดีที่บุตรชายไม่หันมาเห็น “เออ...แม่ว่าจะโทร.อยู่ ยังไงแม่ลงไปโทร.เลยแล้วกัน คินดูแลหนูวิมไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ขึ้นมา”

“อ้อ...ครับได้” ชายหนุ่มหันมาตอบอย่างว่าง่าย มองตามมารดาที่ดูรีบเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้องไปชอบกล แถมยังปิดประตูกดล็อกกลอนให้เสร็จสรรพ เขาหันกลับมามองคนนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มบนเตียงอีกครั้งพลันหย่อนกายลงนั่งตรงขอบเตียงและพึมพำลำพัง “ผมไม่ใช่หมอสักหน่อยแล้วจะดูแลลูกสาวตัวดีของคุณแม่ให้หายได้ยังไงกัน”

คนใต้ผ้าห่มดิ้นกระดุกกระดิก คฑาคินเห็นว่าวิมวิพาคงหายใจลำบากที่นอนคลุมตัวแบบนี้ เขาเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มช่วงที่คลุมศีรษะและใบหน้าหญิงสาวให้เลื่อนลงอย่างเบามือ ครั้นเห็นใบหน้าสวยที่หลับตาปี๋ราวกับเด็ก ก็อดคลี่ยิ้มน้อย ๆ ให้ไม่ได้ หลังมือใหญ่ยื่นไปแตะเบาสุดชีวิตอย่างทะนุถนอมลงกับหน้าผากมน ชายหนุ่มนิ่วหน้านิดก่อนจะเลื่อนหลังมือแตะลงกับแก้มใสข้างหนึ่งเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายหญิงสาวอีกครั้ง

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่...”

“ปวดหัว...ปวดหัวจังเลย” เสียงคนป่วยงึมงำในลำคอ เปลือกตาใสขยุกขยิกค่อย ๆ ปรือขึ้นมองหน้าคมเข้มที่อยู่เหนือใบหน้า หญิงสาวกะพริบตาถี่ ๆ พอแน่ใจว่าเป็นใครจึงทำเสียงคล้ายกำลังออดอ้อนต่อ “พี่คินเหรอคะ วิมปวดหัวมากเลยค่ะ เหมือนจะระเบิด วิมจะตายไหม”

“จะบ้าเหรอ ปวดหัวแค่นี้จะตายได้ยังไงกันเล่า” เขาทำเสียงดุ หากอาการร้อนรนรีบขยับเข้าใกล้เพื่อดูคนป่วยที่หน้าเบ้บูดให้ถนัดถนี่มากขึ้น “ปวดมากจริง ๆ เหรอ พี่พาไปหาหมอดีกว่านะ”

ชายหนุ่มทำเหมือนจะช้อนร่างคนป่วยขึ้น หากวิมวิพาส่ายหน้าดิก “ไม่วิมไม่อยากไป”

“อย่ามาดื้อน่า ตะกี้ทำเหมือนจะกลัวตายอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ปล่อยให้ปวดอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็ได้ตายสมใจหรอก”

“แล้วถ้าวิมจะต้องตายจริง ๆ พี่คินจะเสียใจไหมคะ จะเสียใจไหมที่ยังไม่ได้บอกอะไรสักคำกับวิม ตอบมาซิคะถ้าพี่คินไม่ตอบวิมก็ไม่ยอมไปหาหมอ” คนถูกถามอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนพยักหน้ายอมรับ

“เสียใจซิ แต่กับอีแค่ปวดหัวเพราะแฮ้งเหล้าไม่ถึงกับทำคนตายหรอกน่า ลุกขึ้นพี่จะพาไปหาหมอ” ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยเอามากของเขา ทำให้วิมวิพาคลี่ยิ้มหวานกว้างขวาง

และเวลาต่อมาชายหนุ่มก็ถึงกับตาวาวโรจน์ ตอนที่เห็นคนป่วยเด้งลุกขึ้นนั่งหน้าตาเฉยไม่มีอาการใด ๆ ว่าปวดหัวตัวร้อนสักนิด

“แล้วถ้าพี่คินมีอะไรอยากจะบอก จะบอกเหมือนกับที่เขียนไว้ในการ์ดนี่ไหม” คนที่ลุกขึ้นนั่งได้เต็มตัว ชูการ์ดสีหวานในมือร่อนไปมาใส่ตาคมที่เบิกกว้างด้วยความสงสัยระคนตกใจ

“โกหกอย่างนั้นเหรอ เอาการ์ดมาจากไหน ใครเอามาให้ แล้วอ่านไปแล้วเรอะ” คฑาคินถามรัวเร็ว สีหน้ากึ่งตกใจกึ่งโกรธ

“พี่คินจะโกรธวิมไม่ได้นะคะ คุณป้ากันย์เป็นคนบอกให้วิมทำแบบนี้เอง” หญิงสาวนิ่งลง ก้มหน้าหง๋อยยามเห็นชายหนุ่มถมึงทึงราวกับจะฉุนจริง ๆ “คุณป้าบอกว่าถ้าอยากจะรู้ว่าพี่คินคิดกับวิมยังไง เป็นห่วงแค่ไหน ก็ให้ใช้แผนนี้ดู แต่ว่า...วิมเล่นละครไม่ค่อยเก่ง ก็เลย...”

“นี่ขนาดเล่นไม่เก่งนะ” เขาพูดเสียงเข้มจัด แล้วดึงการ์ดในมือเรียวมาถือไว้มั่น “บอกพี่มาซิว่าอ่านแล้วใช่ไหม”

วิมวิพาพยักหน้าเนือย ๆ ตอบเสียงอุบอิบ “ค่ะ อ่านแล้ว”

พอเห็นหน้าหญิงสาวงอง้ำ คฑาคินจึงปรับน้ำเสียงให้เย็นลง ก่อนจะถามเบาราวกระซิบว่า “ถ้าอ่านแล้ว ยังงั้นคำตอบละ”

“คะ ? ว่าอะไรนะคะ” เพราะเขาพูดเบามาก คนที่เงี่ยหูฟังเลยต้องถามย้ำอีกครั้ง เธอเห็นโหนกแก้มสองข้างของเขาแดงปลั่ง และแทนที่จะพูดประโยคเดิมกลับส่ายหน้าเสียอย่างนั้น

“เปล่าไม่มีอะไร ช่างเถอะ”

คฑาคินเบือนหน้าหนีความอับอาย แต่ไม่ทันหลบไปได้ไกลก็ต้องนั่งนิ่งตัวชาวาบ วิมวิพาจดจมูกแหลมหอมหนัก ๆ กับแก้มชายหนุ่มฟอดหนึ่ง รอยยิ้มหวาน ๆ กับคำพูดของเธอที่ส่งมา ทำให้คนถูกขโมยหอมแก้ม อยากจะเอาคืนสักฟอดสองฟอดใหญ่ ๆ เหมือนกัน

“นี่คือคำตอบของวิมค่ะ” พวงแก้มใสแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศสุก เธอกลายเป็นผู้หญิงใจกล้า ตอบรับคำว่าชอบของคฑาคินด้วยวิธีนี้อย่างไม่คิดชั่งใจสักนิด มันดูรวดเร็วเกินไปก็จริง หากแต่เธอรู้สึกได้ว่านี่มันเป็นคำตอบจากเสียงหัวใจ ที่เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะค้นเจอ บางทีสวรรค์อาจชอบเล่นตลก แกล้งให้คนที่เราเคยคิดว่าต้องเกลียดและอยากจะวิ่งหนี กลายเป็นคนที่เรามอบใจให้แบบไม่มีเหตุผล




กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2555, 21:06:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2555, 21:06:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1423





<< ตอนที่ 6 ขอโทษโกหกเพราะจำเป็น   ตอนที่ 27 เล่ห์สลับขั้ว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account