เล่ห์สลับขั้ว
เมื่อความจำเป็นทำให้ต้องมาอยู่ร่วมรั้วบ้านเดียวกัน และรู้ว่าจะต้องโดนจับคู่ เธอจึงสร้างสถานการณ์ให้เขาเข้าใจผิด หวังให้เกลียด แต่ความใกล้ชิดทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม เธอชอบเขา และเขาก็ชอบเธอแม้ความจริงเรื่องชายไม่จริงหญิงแท้จะยังคลุมเครือเต็มทีก็ตาม และ...สิ่งที่เรียกว่ารักก็ทำให้เขายอมฝ่าฝันอุปสรรคหัวใจตัวเองและคู่ต่อสู้ได้ในทุกทางและอภัยได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายความจริงบางอย่างในอดีตต้องทำให้เธอคิดจะวิ่งหนีเขาเพื่อไปทำใจ...วิมวิพาหวังสักวันจะยอมอภัยในสิ่งที่ผิดพลาดครั้งเยาว์วัยของคฑาคินได้ด้วยคำว่า 'รัก'
Tags: น่ารัก
ตอน: ตอนที่ 27 เล่ห์สลับขั้ว
ตอนที่ 27
ตั้งแต่วันนั้นความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวก็พัฒนารุดหน้าไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ความต้องการของหัวใจตนเอง หากยังไม่ได้เปิดเผยให้บุคคลอื่นได้รับรู้เรื่องของพวกเขา เพราะจำเป็นต้องเคลียร์ปัญหาความรักซ้ำซ้อนให้ลงตัวเสียก่อน หลายครั้งที่คฑาคินจะเข้าไปเปิดใจบอกความจริงกับชวินเกี่ยวกับเรื่องเขาและวิมวิพา หากก็ยังไม่มีโอกาสดีพอที่จะเอ่ยกล่าวได้เลย บางทีคฑาคินก็รู้สึกเหมือนว่าชวินจงใจจะไม่รับฟัง และพยายามเบี่ยงเบนประเด็นคุยกันออกไปให้ไกลเรื่องรักสามเส้านี้อยู่บ่อยครั้ง
แต่ถึงแม้เรื่องการคบหาดูใจกันระหว่างคฑาคินกับวิมวิพาจะเป็นรักลับ ๆ ทว่าพวกเขาก็มีความสุขดี และดูเหมือนระดับความสุขนี้จะพุ่งสูงขึ้นแข่งกับระดับเรื่องงานของวิมวิพาที่ดูจะดังและแรงขึ้นทุกวันเช่นกัน ตั้งแต่นิตยาสารแฟชั่นเล่มล่าสุดที่วิมวิพาได้ไปถ่ายร่วมกับดารา นายแบบดังที่ประเทศญี่ปุ่น ชื่อเสียงของหญิงสาวก็ได้รับการกล่าวขานถึง แม้อาจมีบางกระแสเป็นทางด้านลบเกี่ยวกับความใจกล้าของนางแบบใหม่ ที่แค่พึ่งเข้าวงการก็ยอมรับงานถ่ายชุดเซ็กซี่กระชากใจชายทั้งเมืองได้หน้าตาเฉยแล้ว บางเสียงแรงขนาดที่ร่ำลือกันว่า ที่วิมวิพาใจกล้าเช่นนี้เพราะเคยผ่านชีวิตโชกโชนเจนจัดเรื่องอย่างว่ามาก่อน แหล่งข่าวซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน หากการเข้ามาในวงการนี้ วิมวิพาก็ได้ทำใจรับกับข่าวพวกนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิมวิพาคิดว่าไหน ๆ เธอก็ดังในทางด้านแรงและเซ็กซี่ ฉะนั้นก็คงต้องลองเล่นไปตามภาพพจน์ที่ถูกมองนี้ซะและด้วยจุดนี้กระมัง งานโฆษณาแชมพูสระผมคอนเซปต์เย้ายวนหน่อย ๆ เซ็กซี่น้อย ๆ จึงได้ตกเป็นของวิมวิพาอย่างง่ายดาย
ภาพโฆษณาที่มีหญิงสาวหุ่นสมส่วนในชุดว่ายน้ำวันพีชสีน้ำเงินเข้มเก๋ไก๋ ซึ่งด้านหลังเว้าลึกโชว์แผ่นหลังขาว ๆ ตัดกับสีชุด เดินขึ้นจากสระว่ายน้ำพร้อมกับสะบัดผมยาวถึงกลางหลัง ที่แม้ว่าจะเปียกแต่ก็ดูสลวยและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน หากไม่เป็นที่สบอารมณ์ของใครบางคนนัก เมื่อรีโมตที่ใครคนนั้นกำแน่นอยู่ในมือ ถูกเขวี้ยงออกมาเต็มแรง กระแทกเข้ากับหน้าจอสี่เหลี่ยมของทีวีใหญ่
ปั้ง ! เสียงกระทบวัตถุที่ดังสนั่น สร้างความตกใจให้คนนั่งข้าง ถึงขั้นตวาดกร้าวออกมา
“ยายเร จะบ้าหรือไง เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่มาเห็นก็เป็นเรื่องหรอก อยู่ ๆ มาทำลายข้าวของในบ้านเหมือนพวกไม่มีการศึกษา”
“พี่รัญอย่ามาว่าเรอย่างนี้นะ พี่รัญก็ดูซิ เรอยากจะกรี๊ด...” ว่าแล้วผู้เป็นน้องสาวคนเล็กของบ้านก็กรีดร้องอย่างปากว่าจริง ๆ ดังแสบแก้วหูรัญดา จนฝ่ายนั้นทนไม่ไหวรีบใช้มือปิดปากน้องสาวไว้แน่น
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ” หล่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน “ไม่พอใจใครก็ไปลงกับคนนั้นซิ ไม่ใช่ข้าวของพวกนี้ และเลิกร้องเหมือนคนบ้าได้แล้ว ใช้สมองใช้เป็นไหม”
รัญดาค่อย ๆ ปล่อยมือจากปากน้องสาว ยามเห็นว่าเรวรินกลั้นอารมณ์ร้าย ๆ ลงได้บ้างแล้ว หากแสดงออกจากแววตาโกรธเกรี้ยวเขียวปัดแทน
“ใช้สมองอีกแล้ว กี่ครั้งแล้วที่พี่รัญบอกอย่างนี้ เมื่อต้นเดือนก็มีข่าวพี่ชวินไปรับนังวิมนั่น เซอร์ไพรส์ซื้อของขวัญวันเกิดให้กันออกหน้าออกตา พี่รัญยังนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ได้อีก” หล่อนกระฟัดกระเฟียด “แล้วเรื่องปล่อยข่าวเน่า ๆ ของมันไม่เห็นจะได้ผลเลย ไม่มีหลักฐานเรื่องฉาว ๆ มันก็ไม่เหม็นโฉ่อย่างที่เราต้องการหรอกนะ เรไม่เข้าใจว่าพี่รัญจะเก็บรูปพวกนั้นไว้ทำไม ถ้าไม่ต้องการกระจานนังนั่น”
“เก็บไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น” คนเป็นพี่ตอบ ในน้ำเสียงสั่นเกร็งไม่น้อย หล่อนส่งรูปพวกนั้นให้ชวินดูแล้ว หากไม่ได้ผลอย่างคาดไว้ ชายหนุ่มดูไม่อินังขังขอบสักเท่าไหร่เลย “ฟังพี่นะ ถ้าอยากจะเหยียบยายผู้หญิงคนนั้นให้แหลกอย่างรีโมตที่เราปาเมื่อกี้ แค่รูปควงผู้ชายธรรมดามันไม่พอหรอก”
รัญดาเม้มเรียวปากเกือบเหยียดตรง ความอิจฉาของเธอและแรงริษยาของน้องสาว ที่มีต่อวิมวิพานับวันยิ่งเพิ่มทวีคูณ เธอไม่อยากเห็นศัตรูมีความสุข ยิ่งมีคนรักคนชอบมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้เธอเกลียดชังและขยะแขยงวิมวิพามากขึ้นเท่านั้น คนที่ทำให้เธอต้องเสียหน้าเสียชื่อเสียงในสังคม โดนลบเหลี่ยมเรื่องถูกแย่งแฟน แน่นอนว่าไม่มีทางจะให้อภัยและปล่อยให้คน ๆ นั้นเชิดหน้าอยู่ในสังคมชั้นเดียวกับเธอได้อย่างมีความสุขหรอก
ก่อนที่แรงไฟร้อนจะแผดเผาจิตใจหญิงสาวให้เลวร้าย ต่ำและดำสนิทไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น สลายอารมณ์ร้ายของสองพี่น้องให้ทุเลาเบาบางลงได้บ้างในวินาทีนั้น เมื่อเรวรินผู้เป็นน้องสาวกดรับสายและรู้ว่าคนโทร.มาคือผู้จัดละครชื่อดัง ที่ใครต่อใครหลายคนอยากจะร่วมงานด้วย หญิงสาวใช้เวลาคุยโทรศัพท์ร่วม ๆ ยี่สิบนาทีก่อนจะวางสายสนทนาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างถึงที่สุด แล้วเปล่งเสียงกรี๊ดดังลั่น หากคราวนี้เป็นเสียงที่ออกมาจากความดีใจ
“พี่รัญ แสดงความยินดีกับเรหน่อย” น้องสาวยิ้มร่าหน้าบาน ผิดกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง “พี่นกผู้จัดละครเค้ามาทาบทามเรให้ไปแสดงละครเรื่องใหม่ของเค้า”
“จริงเหรอ ก็ดีนะซิ ว่าแต่บทเป็นยังไงแสดงเป็นใคร” รัญดาถามอย่างให้ความสนใจ
“แสดงเป็นน้องสาวพระเอก ส่วนบทพรุ่งนี้พี่เขาจะแวะเอามาให้อ่านดูก่อน สำหรับเร บทคงไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่หรอกค่ะ ตอนนี้ขอให้เรได้เล่นละครเรื่องนี้ก็เป็นพอ ยังไงซะละครก็คงจะทำให้เรดังและมีชื่อเสียงได้ดีกว่านังวิมนั่นแน่” เรวรินเหยียดยิ้มมุมปากออกแนวสะใจ คราวนี้ละจะได้รู้กันไปเลยว่านางแบบโฆษณากระจอก ๆ จะมาสู้กับนักแสดงละครตอนค่ำอย่างเธอได้อย่างไรกัน
“พี่ก็นึกว่าเราจะเล่นบทนางเอกซะอีก ว่าแต่ใครได้รับบทนางเอกละ”
“เรไม่ทันได้ถาม รู้แค่ชื่อพระเอกก็ทำให้เรอยากจะเล่นเรื่องนี้ใจจะขาดแล้ว” หญิงสาวยิ้มกริ่ม พระเอกหนุ่มเนื้อหอม ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งเมืองไทย แค่เธอได้เล่นประกบในบทบาทน้องสาว ก็น่าจะทำให้เธอได้อนิสงฆ์ดันให้ดังได้ไม่ยากแล้ว “เรจะรับเล่นเรื่องนี้ค่ะ”
“แน่ใจเหรอ ยังไม่เห็นบทเลยนี่”
“ก็เรบอกแล้วไง ว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่จำเป็น” แค่คำว่าเอาชนะวิมวิพาให้ได้เท่านั้นที่เธอต้องการ ถ้าละครเรื่องนี้ทำให้เธอดังกว่าวิมวิพาได้ ทุกอย่างก็จบ
“แต่พี่ว่าลองโทรไปถามพี่นกให้แน่ดีกว่า ว่าใครที่ได้เล่นเป็นนางเอก เพื่อว่าคุยไปคุยมา ทางโน้นอาจจะเปลี่ยนใจ ให้บทนางเอกกับเราก็ได้นะ”
“พี่รัญคิดว่าอย่างนั้นเหรอ” น้องสาวประกายตาวาวขึ้น เหยียดยิ้มอย่างมีหวังตามคำแนะนำของผู้เป็นพี่สาว
เรวรินทำตามทันที โดยรีบโทร.หาผู้จัดละครคนที่ว่า เธอบอกคู่สนทนาปลายสายด้วยน้ำเสียงใสดูเป็นเด็กสาวแสนซื่อ ว่าจะแวะไปรับบทมาอ่านเองเพราะเกรงใจและไม่อยากรบกวนเวลาของฝ่ายนั้น หลังจากอ้อมค้อมอยู่เป็นพัก หญิงสาวก็เริ่มเข้าเรื่องที่อยากรู้ เธอถามว่าใครกันแน่คือนางเอกละครเรื่องนี้ และเมื่อคำตอบจากคนปลายสายเอ่ยบอกชื่อนักแสดงสาวซึ่งหมายหมาดวางไว้แล้วแต่แรก ว่าจะทาบทามมารับบทนางเอกละครคือใคร เรวรินก็ถึงกับกัดกรามแน่น นัยน์ตาแดงด้วยความเกรี้ยวโกรธ เธอระงับอารมณ์เดือดดาลด้วยสติเฮือกสุดท้ายกล่าวขอตัววางสายโดยเร็ว และเสี้ยววินาทีต่อมาโทรศัพท์มือถือเครื่องแพงในมือของเธอก็บินลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะกระทบเสียงดังกับผนังห้อง และตกลงกองกับพื้นพรมแตกกระจาย
ทำไม มีฉันแล้วจะต้องมีแกด้วยยายวิมวิพา !
***--***--***--***--***--***--***
ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านอีกหลังหนึ่ง เวลาเดียวกัน หลังจากโฆษณาแชมพูสระผมตัวใหม่ ซึ่งมีวิมวิพาเป็นนางแบบเล่นโฆษณาได้ผ่านไป เสียงพ่นลมหายใจของใครคนหนึ่งก็ดังฟึดฟัดราวกับฉุนเฉียว
“ทำไมทำหน้าอย่างนี้ละคะพี่คิน พี่คินไม่ชอบเห็นวิมในทีวีเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงใส เห็นชายหนุ่มข้างกายออกอาการหน้ายุ่ง เธอก็ยิ่งพูดแหย่ “ใคร ๆ เขาก็ชมโฆษณาตัวนี้กันทั้งนั้นว่านางแบบหุ่นดี เล่นผู้ชายน้ำลายหกทั้งเมือง...”
คฑาคินปรายหางตาขุ่น ๆ มองเสี้ยวหน้าสวย วิมวิพาจะยิ้มภูมิใจในคำชมจากคนอื่นมากไปแล้ว โดยที่ไม่ได้คิดถึงหัวจิตหัวใจผู้ชายของเธอเอาซะเลย
“ชอบซิท่าทำให้ผู้ชายน้ำลายหก เลือดกำเดาไหลได้ทั้งบ้านทั้งเมืองแบบนี้” ชายหนุ่มเหน็บ ก่อนจะย้ำเสียงหนักในประโยคสั้น ๆ ว่า “แต่พี่ไม่ชอบ”
“ฮันแน่...หึงวิมเหรอคะ” หญิงสาวชี้นิ้วใส่หน้าเขาล้อเลียน
“ก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ครับ ละจะทำหน้าทะเล้นถามอยู่ทำไมละ”
คนถูกตวัดเสียงดุใส่ ห่อไหล่ตัวลีบลง “ก็ตอนที่วิมรับงานนี้ พี่คินก็ไม่เห็นจะห้ามวิมนี่คะ จะมาดุหรือไม่พอใจวิมตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วแหละ โฆษณาออกอากาศแล้ว ที่สำคัญวิมก็รับค่าตัวแล้วด้วย”
“แล้วถ้าพี่ห้าม วิมจะฟังพี่หรือไง”
“ฟังซิคะ...”
“แต่ไม่ทำตามใช่ไหม” เขารีบพูดแทรก “สุดท้ายก็ต้องมาอ้างว่ามันเป็นงานของวิม วิมอยากได้เงิน คนงกอย่างวิมมีรึจะฟัง พี่ยิ่งไม่ใช่คนที่จะมีสิทธิ์ไปออกคำสั่งนางแบบคนดังได้ซะด้วย”
วิมวิพายื่นปากจู๋ ทำตาใสเป็นประกาย ออดอ้อนในที “ก็งานจริง ๆ นี่คะ” สองแขนเล็กรวบกอดเอวสอบคนนั่งข้างไว้แน่น ซบเสี้ยวหน้าเข้ากับต้นแขนใหญ่ “งานนี้ผ่านไปแล้วด้วย พี่คินอย่าโกรธวิมเลยนะ เอาไว้งานหน้าวิมให้พี่คินสแกนโดยละเอียดก่อนก็ได้ ถ้าพี่คินไม่อนุญาตวิมจะไม่รับ”
“อย่ามาทำพูดดีไปหน่อยเลย ถึงเวลานั้นจริง ๆ วิมก็ลืมหมดแล้วแหละ”
“จริง ๆ ค่ะ วิมจะให้พี่คินเป็นผู้จัดการส่วนตัวเลยดีไหม” พูดประจบเอาใจ “วิมทำสัญญากับเขาแค่ปีเดียวเอง ถ้าเขาไม่ต่อสัญญาพี่คินก็จะไม่ได้เห็นภาพวาบหวิวในโฆษณาตัวนี้อีกแน่นอน”
“แล้วถ้าเขาต่อละครับ พี่ไม่อนุญาตนะ”
คนฟังอึ้งไปนิด ก่อนจะพยักหน้ารับแบบขอไปที “ก็แล้วแต่พี่คินละกันค่ะ” ช้อนสายตามองคฑาคิน เห็นเขาทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อคำพูดเธอนัก
“แล้วไม่คิดเสียดายเงินเหรอ” ถามราวจะหยั่งเชิิง หรือเหมือนเขาจะเดารู้ว่าคนอย่างวิมวิพาไม่มีทางยอมให้เงินที่จะได้ หลุดรอดมือไปเป็นแน่ เพราะว่าเธอพยายามจะเก็บเงินเพื่อผ่อนบ้านสักหลัง และถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากได้บ้านหลังเดิมของเธอคืน
“ไม่ค่ะ เพราะว่าพี่คินจะต้องจ่ายส่วนที่วิมเสียไปคืนให้วิม” เธอยิ้ม พูดทีเล่นทีจริง
ชายหนุ่มส่ายหน้าระอากับคนเจ้าเล่ห์จอมงกเงิน “ไม่ยอมขาดทุนเลยใช่ไหมเรา เอาเป็นว่า...ให้พี่จ่ายเป็นอย่างอื่นแทนแล้วกัน” ว่าแล้วเขาก็ขยับร่างบางดันออกนิด มือใหญ่ข้างหนึ่งเปลี่ยนมาช้อนคางมนให้เงยขึ้นนิด ก่อนที่เขาจะก้มหน้าคมเข้มหล่อบาดใจ กระซิบเสียงผะแผ่วกับปากอวบอิ่มช่างจำนรรจา “ถ้าให้พี่จ่ายเป็นจูบ รับรองพี่ยอมจ่ายให้วิมไม่อั้นเลยนะครับ เอาไหม”
“พี่คินเจ้าเล่ห์” แหวเสียงใสไม่จริงจัง แก้มใสสีชมพูระเรื่อพยายามจะเบือนหนี หากก็ถูกขืนกลับให้อยู่ที่เดิม รอรับริมฝีปากอบอุ่นที่โน้มแนบลงเข้าใกล้ทุกขณะ
“พี่ไม่ได้เจ้าเล่ห์นะ พี่จริงใจแล้วก็จริงจัง” เสียงของเขาเบาหวิว ค่อยเคลื่อนใบหน้าต่ำ ลดริมฝีปากเข้าประกบกับเรียวปากอิ่มเอิบอย่างนิ่มนวล จูบหยอกล้อให้อีกฝ่ายตายใจจนยอมเผยอปากรับการบุกรุกของลิ้นใหญ่ที่สอดกระหวัดหาความหวานอย่างรัญจวนใจ วิมวิพาเกร็งเยือกทั้งร่างก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจไปตามแรงชักนำของคนมีประสบการณ์ด้านจูบช่ำชอง เธอไม่รู้ว่าด้วยสัญชาตญาณของความเป็นเพศชายหรือเปล่า คฑาคินถึงได้ดึงเธอให้หลงมัวเมาในรสจูบของเขาได้มากเพียงนี้ เธอรู้สึกอิ่มเอ็มเหลือเกิน
สองหัวใจซึ่งเต้นแรงกำลังค่อย ๆ ถูกขันเกลียวแน่นขึ้นทุกวินาที แล้วมันก็เป็นทุก ๆ วินาทีแห่งความสุขที่เขาและเธออยากจะเก็บมันไว้ให้เนิ่นนานที่สุด
“พอแล้วค่ะ วิมหายใจไม่ทัน” คนถูกบุกรุกด้วยจูบหวามไหว รีบห้ามเสียงสั่นกระเส่า ทันทีหลังจากเรียวปากได้รับอิสระ หญิงสาวหน้าร้อนผะผ่าวกลายสีแดงก่ำ คิดว่าคฑาคินคนที่ดูเหมือนจะนิ่งเฉยในบางครา จนอ่านความรู้สึกแทบไม่ออก แต่พอเรื่องนี้ก็เล่นเอาเด็กอ่อนหัดอย่างเธอตั้งรับแทบจะไม่ไหวเหมือนกัน
ชายหนุ่มจรดปลายจมูกหอมหนัก ๆ กับกลุ่มผมยาวสลวยแนบขมับเล็ก “ก็พี่กลัววิมขาดทุนนี่ครับ อยากได้กำไรเพิ่มอีกไหม”
“คนบ้า ! จะหลอกจูบเขาอยู่ได้ ไม่เอาแล้วค่ะวิมหิว พี่คินไปทำอะไรอร่อย ๆ ให้วิมกินหน่อยนะคะ นะคะสุดหล่อ”
“ไม่ต้องปากหวานขนาดนี้พี่ก็ทำให้กินได้ครับ ว่าแต่...เมื่อไหร่วิมจะเป็นคนทำให้พี่ชิมบ้างละ ชาตินี้จะได้ชิมอาหารฝีมือนางแบบไหมน้า...” เขาลากเสียงยาวกระเซ้า
“พี่คินก็ไปสอนวิมซิคะ ปะลุกขึ้น” หญิงสาวหยัดตัวลุกจากโซฟานุ่ม ยืนขึ้นก่อนจะดึงแขนให้ชายหนุ่มลุกตาม ขืนนั่งอยู่ต่อ ปล่อยให้เขากอดเขาจูบมีหวังเธอคงเหมือนโดนสูบพลังออกทางปากจนหมดแน่ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้จูบเก่งเป็นบ้า !
***---***---***--***--***--***--***
ในห้องทำครัวซึ่งหนุ่มสาวช่วยกันทำอาหารไปหยอกเอินกันไป ทำห้องครัวอบอวลไปด้วยกลิ่นความรักความสุขเสียมากกว่ากลิ่นหอมของอาหาร
“ล้างผักเป็นงานที่ง่ายและปลอดภัยมากที่สุดแล้วนะครับคนสวย ล้างแบบขอไปทีก็ไม่สะอาดซิครับ” คฑาคินที่ยืนสังเกตการณ์หญิงสาวอยู่ด้านหลัง ทนไม่ไหวจนต้องเอื้อมแขนยาวทั้งสองโอบรอบร่างเพรียวบาง มาสอนวิธีล้างผักให้เสียเอง มือใหญ่ทั้งสองจับมือเรียวไว้พลางแนบอกแกร่งเบียดชิดเสียดสีเข้ากับหลังบางอย่างจงใจ ขณะที่มือช่วยจับมือเรียวสอนล้างผัก จมูกซุกซนก็กดหอมหนัก ๆ กับพวงแก้มใสไปที “ไม่อยากทำกับข้าวแล้ว อยากกอดวิม หอมวิมมากกว่า”
วิมวิพาสั่นสะท้านทั่วกายจากการซุกไซ้ไล่ระดมจูบเลื่อนเรื่อยลงมาลำคอระหง มือเรียวหมดแรงจนปล่อยยอดคะน้าอ่อนในมือล่วงเต็มอ่างล้าง
“พี่คินนี่ไม่เอาน่า...วิมพึ่งรู้นะคะเนี้ยว่าจริง ๆ แล้วพี่คินเป็นพวกหื่นจัด” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีเป็นพัลวัน ก่อนจะเอี้ยวตัวหันขวับไปผลักอกใหญ่แรง ๆ ให้ออกห่าง ดุเสียงเขียวว่า “จะสอนวิมล้างผักหรือจะสอนวิมทำอะไรกันแน่”
“แล้วอะไรกันแน่ที่วิมหมายถึง คืออะไรละครับ บอกพี่มาซิ เผื่อพี่อยากจะสอน...” คฑาคินยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาหวานฉ่ำ
หญิงสาวเบ้ปากนึกหมั่นไส้ ผู้ชายคนนี้เวลานิ่งก็ดูขี้เต๊ะ เวลาโกรธก็กลายเป็นคนปากจัด เวลาเสน่หาใครเขาก็ทำตัวบ้ากามได้มากเอาการ “ไม่ต้องมาคิดทะลึ่งเลย ไปดูปลาตัวเองในกระทะเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ไหม้ดำจนกินไม่กันพอดี”
พ่อครัวหนุ่มที่เผลอวางมือจากหน้าที่ ฉุกคิดขึ้นได้ รีบผละตัวไปหาปลาในกระทะทันที เขาถอนหายใจโล่งอกที่ปลาหั่นเป็นชิ้นพอดีชุปแป้งปรุงรสที่ทอดอยู่ไม่ได้ไหม้อย่างกลัว หากกำลังเหลืองกรอบพอดิบพอดี แต่หากว่าเขาช้าอีกแค่นาทีเดียวก็อาจเกินคำว่าเหลืองไปเป็นดำทานไม่ได้อย่างวิมวิพาว่าแน่
“ฝีมือชั้นนี้แล้ว ไม่มีพลาดหรอกครับ” เขาพูดระหว่างที่ตักชิ้นปลาทอดออกมาพักน้ำมันไว้ในจานซึ่งมีกระดาษซับน้ำมันรองอยู่
“ขนาดยังไม่เป็นปลาสามรสนะคะเนี้ย ยังหอมน่ากินแล้วเลย” วิมวิพายิ้มหวาน เดินมายืนชะโงกหน้าดู แล้วเธอจึงรู้ว่าคิดผิดถนัด ที่ดันตามเข้ามายืนใกล้ชายหนุ่มมากเกินจำเป็น
สัมผัสนุ่มนิ่มจากริมฝีปากใหญ่แนบกับแก้มบางเร็ว ๆ คนถูกขโมยหอมแก้มค้อนขวับตาขุ่นเร็วเช่นกัน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะทำเป็นไปรู้ไม่ชี้ เขายิ้มเย็นก่อนจะหันไปลงมือกับการทำอาหารหน้าตาเฉย
หญิงสาวอ้าปากค้างหวังจะต่อว่าคนชอบฉวยโอกาส ทว่าเสียงออดประตูบ้านดันดังขึ้นเสียก่อน หนุ่มสาวหันมองตากันปริบ ๆ ต่างคนต่างหาคำตอบให้ตัวเองว่าใครกันที่มากดออดเรียกตอนใกล้มื้อเที่ยงเช่นนี้
“เดี๋ยววิมไปดูเองค่ะ พี่คินรีบทำปลาสามรสให้เสร็จเร็ว ๆ เถอะ วิมหิวจนตาลายแล้ว”
“ครับผม ถ้ายังไงพี่รบกวนไปต้อนรับแขกหน่อยนะครับ”
เพียงไม่ถึงห้านาที คนที่ทำหน้าที่ไปเปิดประตูบ้านต้อนรับแขกผู้มาเยือน แทนเจ้าบ้านตัวจริง ก็เดินกลับมาในห้องครัวอีกครั้ง พร้อมกับแขกหนุ่มคุ้นเคย เดินตามเข้ามาด้วยติด ๆ
“ว่าไงพ่อครัวหัวป่า ทำอะไรกิน พอจะทำเผื่อเพิ่มให้อีกสักที่ได้ไหม”
คฑาคินหันขวับตามเสียงกระเซ้า ตกใจและอึ้งไปนิด ก่อนจะทักทายด้วยรอยยิ้มเหยเก “พี่ชวิน จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนละ”
“ถ้าบอกก่อน แล้วจะเจอใครบางคนที่นี่เหรอ” ญาติผู้พี่พูดเสียงแข็งขึ้น และคงจะรู้ตัว เขาเลยรีบปั้นยิ้มกลบเกลื่อน ก่อนหันไปทางวิมวิพาพลางพูดตัดพ้อน้อยใจเสียงอ่อน “น้องวิมมาคลุกตัวอยู่กับนายคินนี่เอง พี่โทร.หาถึงไม่ยอมรับสาย”
“ขอโทษค่ะพี่ชวิน พอดีวิมไม่ได้หยิบมือถือมาด้วย พี่ชวินมีธุระด่วนกับวิมหรือเปล่าคะ”
“มีครับ” เขาเดินมากุมมือข้างขวาของวิมวิพาไว้ ชำเลืองมองพ่อครัวหนุ่มเจ้าของบ้าน เห็นประกายไฟนัยน์แววตาลุกพรึบ หากแต่แสร้งเสียว่าไม่เห็น และหันกลับมายิ้มบาง ๆ พูดกับหญิงสาวต่อ “ก็พี่เห็นโฆษณาตัวล่าสุดของน้องวิมเมื่อเช้านี้ พี่ก็เลยคิดถึงน้องวิมน่ะครับ อยากจะขอร้องน้องวิมไม่ให้ไปถ่ายแบบหรือถ่ายโฆษณาโป๊ะ ๆ แบบนั้นอีก เอาอย่างนี้ไหมครับพี่จะจ้างน้องวิมให้มาเป็นเลขาส่วนตัว...”
ตากลมสวยขยายโต “เลขาฯ ส่วนตัว ! พี่ชวินก็มีเลขาฯ อยู่แล้วนี่ค่ะ จะต้องจ้างวิมทำไม หรือคนเดิมกำลังจะลาออกคะ อ้อ...ที่สำคัญวิมไม่ได้จบทางนี้มา วิมคงไปทำงานให้พี่ชวินไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็ลองไปก่อนซิครับ พี่ไม่ได้ให้น้องวิมไปแทนเลขาฯ คนเก่าหรอก เพียงแต่จะจ้างเพิ่มให้ไปเป็นผู้ช่วย”
เสียงกระแอมกระไอดังมาจากคนที่ถือตะหลิวผัดอะไรบางอย่างในกระทะ เขาทำทีเหมือนสำลักควันเพื่อคั้นจังหวะสนทนาของญาติผู้พี่กับหญิงสาว ใจหนึ่งก็นึกอยากจะเดินไปดึงมือของทั้งสองออกจากกันไปรู้แล้วรู้รอด อยากจะตะโกนบอกชวินด้วยว่า เขาขอโทษที่เป็นน้องชายที่ผิดคำพูด แต่ยังไงวิมวิพาก็เป็นผู้หญิงของเขาไปแล้วนะ ถึงแม้จะยังไม่ได้ครอบครองทั้งหมดแบบสมบูรณ์ก็เถอะ
“พี่ชวินงานเยอะมาก ถึงกับต้องมีเลขาฯ สองคนเลยรึ” ถึงกระนั้นคฑาคินก็ไม่กล้าพูดอย่างใจนึก ทำได้เพียงถามอ้อมค้อมเอาเท่านั้น
“จะว่ายุ่งไหม ก็ไม่เชิงว่ายุ่งขนาดที่ต้องมีเลขาฯ ถึงสองคนหรอก ที่จริงแล้วคนเดียวก็เอาอยู่ แต่ว่าพี่อยากให้น้องวิมไปทำงานด้วย อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นหน้าทุกวันมากกว่า”
คนกลางอย่างวิมวิพาทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ มองสองหนุ่มสลับไปมา สุดท้ายก็หันไปเบิกตาค้าง กับคำพูดของคฑาคินที่แสดงความหวงแหนและเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธอแบบไม่มีหมกเม็ดเป็นครั้งแรก
“สำหรับน้องวิมผมไม่อนุญาต พี่ชวินไปหาผู้หญิงคนอื่นเถอะ” พ่อครัวหนุ่มสุ้มเสียงเครียด วางมือจากทุกสิ่งอย่าง และออกคำสั่งกับวิมวิพาเสียงเข้มเด็ดขาด “วิมกลับไปตึกใหญ่ก่อน พี่มีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับพี่ชวิน”
***--***--***--***--***--***--***
วิมวิพาเดินออกมาจากตึกเล็กในสภาพหน้าหดตัวหงอ ขนาดว่าออกมายืนเก้ ๆ กัง ๆ ด้านนอกเป็นพัก เธอก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุภายในตัวบ้านอยู่ดี เป็นห่วงเหลือเกินว่าเรื่องที่คฑาคินพูดกับชวิน จะเครียดเคร่งจนเกิดกระทบกระทั่งกันรุนแรง มันเป็นเรื่องสำคัญขั้นบุคคลที่สามอย่างเธอไม่สามารถอยู่ร่วมรับฟังด้วยได้แล้วละก็ ยิ่งทำให้อดเป็นห่วงทั้งสองไม่ได้ หญิงสาวรู้ว่าสาเหตุของเรื่องที่คนในบ้านกำลังคุยหรือตกลงกันอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอโดยตรงแน่ เพราะหลายครั้งแล้วที่คฑาคินบอกจะหาโอกาสพูดเรื่องของเราสามคนกับชวิน แต่ก็ดูเหมือนจะถูกชวินบิดเบือนหัวข้อสนทนาทุกคราไป พอสบโอกาสคฑาคินก็เลยจำเป็นต้องพูด เพราะคงไม่อยากให้คาราคาซังกันต่อไปอย่างไม่รู้จบ
คนที่ทำได้ดีแค่รอ ยกนาฬิกาข้อมือเรือนสวยที่ได้มาจากของขวัญวันเกิดขึ้นดู ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วที่เธอนั่งไม่ติด เดินไปมาราวเสือติดจั่นเช่นนี้ มองไปยังตึกเล็กบ่อยครั้งก็ไม่เห็นจะมีร่างสูงของใครคนใดโผล่ออกมาสักคน วิมวิพาถอดถอนใจยาวเหยียดอีกครั้งและคราวนี้ก็เห็นชวินเดินจ้ำอ้าวออกมาจนได้ หญิงสาวก้าวเร็ว ๆ เข้าไปหาคนที่มีสีหน้าคุกรุ่นเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ หากแค่เขาเห็นใบหน้าเธอแวบแรก ก็กลับมีรอยยิ้มฝืด ๆ ส่งให้
“น้องวิมมารอพี่อย่างนั้นรึครับ หรือว่าเป็นห่วงนายคิน กลัวว่าพี่จะยำเจ้านั่นจนเละเป็นโจ๊ก”
“เออ...ละ...แล้ว...พี่ชวินกับพี่คินไม่ได้มีเรื่องกันอย่างที่วิมกลัวหรอกใช่ไหมคะ” หญิงสาวละลักคำถาม มองไปยังตึกเล็กอีกครั้งหากก็ไม่มีร่างคฑาคินเดินตามญาติผู้พี่ออกมา “แล้วพี่คินละคะ”
“สลบอยู่ในบ้าน” ชวินกระตุกยิ้มมุมปาก เขาเห็นวิมวิพาอ้าปากค้างตกใจกับคำพูดแกล้งหยอกของเขา แน่ละว่าเขาไม่ได้ใจกว้างปล่อยให้ไอ้ญาติผู้น้องตัวดี เปิดปากสารภาพความจริง แล้วกล่าวคำขอโทษแบบขอไปทีและทุกอย่างจะจบ เขาโกรธมากที่คฑาคินบอกว่าคิดยังไงกับวิมวิพา เขาจัดหนักลงโทษโดยการตะบันหน้าหล่อ ๆ นั้นไปเรียบร้อย “ห่วงนายคินจังเลยนะครับ พี่ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดต่อยนายคินจนสลบเหมือดหรอก ก็แค่สั่งสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ”
“พี่ชวินทำอะไรพี่คินคะ” ไอ้คำว่าสั่งสอนเล็กน้อยของเขา ยิ่งทำให้เธอกระวนกระวาย คิดว่าจะไปดูคฑาคินให้เห็นกับตาว่าปลอดภัยดีอยู่ หากก็ถูกฉุดข้อมือไว้เสียก่อน เธอหันมองหน้าชวินขอบตาร้อนผ่าว “วิมจะไปดูพี่คินค่ะ ปล่อยวิมเถอะ”
“น้องวิมครับ นายคินไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่คนที่เป็นอยู่คือพี่ต่างหาก พี่กำลังเจ็บปวด” มือใหญ่ตบอกข้างซ้ายของตัวเอง “น้องวิมครับช่วยไปกับพี่หน่อยได้ไหม พี่ขอร้องละ พี่ขอแค่วันนี้วันเดียว” สายตาวิงวอนดูน่าสงสารยิ่งนักจากชายหนุ่ม ทำคนประสานตามองหัวใจสั่น นึกเห็นใจขึ้นมาครามครัน
“ไปไหนคะ”
“พี่มีอะไรจะให้น้องวิมดูครับ แค่วันนี้ถ้าน้องวิมยอมไปกับพี่ พี่คิดว่าเรื่องของเรา...พี่หมายถึงเรื่องข่าวคบกัน ของน้องวิมกับพี่มันคงจะมีคำตอบและทางออกที่ดีมากกว่านี้” ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าการจะเอาชนะใจวิมวิพามีหนทางอยู่น้อยนิด หากครั้งนี้เขาทำแล้วคำตอบจากปากหญิงสาว คือเธอเลือกคฑาคิน เขาก็คงจะต้องเป็นฝ่ายยอมจำนนกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้จริง ๆ “นะครับ... ถ้าเศษเสี้ยวหนึ่งในใจน้องวิมยังว่าง พอมีให้แก่ความสงสารสำหรับพี่บ้าง น้องวิมช่วยไปกับพี่หน่อยนะครับ”
++++++++++++++++++++++
ตั้งแต่วันนั้นความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวก็พัฒนารุดหน้าไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ความต้องการของหัวใจตนเอง หากยังไม่ได้เปิดเผยให้บุคคลอื่นได้รับรู้เรื่องของพวกเขา เพราะจำเป็นต้องเคลียร์ปัญหาความรักซ้ำซ้อนให้ลงตัวเสียก่อน หลายครั้งที่คฑาคินจะเข้าไปเปิดใจบอกความจริงกับชวินเกี่ยวกับเรื่องเขาและวิมวิพา หากก็ยังไม่มีโอกาสดีพอที่จะเอ่ยกล่าวได้เลย บางทีคฑาคินก็รู้สึกเหมือนว่าชวินจงใจจะไม่รับฟัง และพยายามเบี่ยงเบนประเด็นคุยกันออกไปให้ไกลเรื่องรักสามเส้านี้อยู่บ่อยครั้ง
แต่ถึงแม้เรื่องการคบหาดูใจกันระหว่างคฑาคินกับวิมวิพาจะเป็นรักลับ ๆ ทว่าพวกเขาก็มีความสุขดี และดูเหมือนระดับความสุขนี้จะพุ่งสูงขึ้นแข่งกับระดับเรื่องงานของวิมวิพาที่ดูจะดังและแรงขึ้นทุกวันเช่นกัน ตั้งแต่นิตยาสารแฟชั่นเล่มล่าสุดที่วิมวิพาได้ไปถ่ายร่วมกับดารา นายแบบดังที่ประเทศญี่ปุ่น ชื่อเสียงของหญิงสาวก็ได้รับการกล่าวขานถึง แม้อาจมีบางกระแสเป็นทางด้านลบเกี่ยวกับความใจกล้าของนางแบบใหม่ ที่แค่พึ่งเข้าวงการก็ยอมรับงานถ่ายชุดเซ็กซี่กระชากใจชายทั้งเมืองได้หน้าตาเฉยแล้ว บางเสียงแรงขนาดที่ร่ำลือกันว่า ที่วิมวิพาใจกล้าเช่นนี้เพราะเคยผ่านชีวิตโชกโชนเจนจัดเรื่องอย่างว่ามาก่อน แหล่งข่าวซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน หากการเข้ามาในวงการนี้ วิมวิพาก็ได้ทำใจรับกับข่าวพวกนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิมวิพาคิดว่าไหน ๆ เธอก็ดังในทางด้านแรงและเซ็กซี่ ฉะนั้นก็คงต้องลองเล่นไปตามภาพพจน์ที่ถูกมองนี้ซะและด้วยจุดนี้กระมัง งานโฆษณาแชมพูสระผมคอนเซปต์เย้ายวนหน่อย ๆ เซ็กซี่น้อย ๆ จึงได้ตกเป็นของวิมวิพาอย่างง่ายดาย
ภาพโฆษณาที่มีหญิงสาวหุ่นสมส่วนในชุดว่ายน้ำวันพีชสีน้ำเงินเข้มเก๋ไก๋ ซึ่งด้านหลังเว้าลึกโชว์แผ่นหลังขาว ๆ ตัดกับสีชุด เดินขึ้นจากสระว่ายน้ำพร้อมกับสะบัดผมยาวถึงกลางหลัง ที่แม้ว่าจะเปียกแต่ก็ดูสลวยและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน หากไม่เป็นที่สบอารมณ์ของใครบางคนนัก เมื่อรีโมตที่ใครคนนั้นกำแน่นอยู่ในมือ ถูกเขวี้ยงออกมาเต็มแรง กระแทกเข้ากับหน้าจอสี่เหลี่ยมของทีวีใหญ่
ปั้ง ! เสียงกระทบวัตถุที่ดังสนั่น สร้างความตกใจให้คนนั่งข้าง ถึงขั้นตวาดกร้าวออกมา
“ยายเร จะบ้าหรือไง เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่มาเห็นก็เป็นเรื่องหรอก อยู่ ๆ มาทำลายข้าวของในบ้านเหมือนพวกไม่มีการศึกษา”
“พี่รัญอย่ามาว่าเรอย่างนี้นะ พี่รัญก็ดูซิ เรอยากจะกรี๊ด...” ว่าแล้วผู้เป็นน้องสาวคนเล็กของบ้านก็กรีดร้องอย่างปากว่าจริง ๆ ดังแสบแก้วหูรัญดา จนฝ่ายนั้นทนไม่ไหวรีบใช้มือปิดปากน้องสาวไว้แน่น
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ” หล่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน “ไม่พอใจใครก็ไปลงกับคนนั้นซิ ไม่ใช่ข้าวของพวกนี้ และเลิกร้องเหมือนคนบ้าได้แล้ว ใช้สมองใช้เป็นไหม”
รัญดาค่อย ๆ ปล่อยมือจากปากน้องสาว ยามเห็นว่าเรวรินกลั้นอารมณ์ร้าย ๆ ลงได้บ้างแล้ว หากแสดงออกจากแววตาโกรธเกรี้ยวเขียวปัดแทน
“ใช้สมองอีกแล้ว กี่ครั้งแล้วที่พี่รัญบอกอย่างนี้ เมื่อต้นเดือนก็มีข่าวพี่ชวินไปรับนังวิมนั่น เซอร์ไพรส์ซื้อของขวัญวันเกิดให้กันออกหน้าออกตา พี่รัญยังนั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ได้อีก” หล่อนกระฟัดกระเฟียด “แล้วเรื่องปล่อยข่าวเน่า ๆ ของมันไม่เห็นจะได้ผลเลย ไม่มีหลักฐานเรื่องฉาว ๆ มันก็ไม่เหม็นโฉ่อย่างที่เราต้องการหรอกนะ เรไม่เข้าใจว่าพี่รัญจะเก็บรูปพวกนั้นไว้ทำไม ถ้าไม่ต้องการกระจานนังนั่น”
“เก็บไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น” คนเป็นพี่ตอบ ในน้ำเสียงสั่นเกร็งไม่น้อย หล่อนส่งรูปพวกนั้นให้ชวินดูแล้ว หากไม่ได้ผลอย่างคาดไว้ ชายหนุ่มดูไม่อินังขังขอบสักเท่าไหร่เลย “ฟังพี่นะ ถ้าอยากจะเหยียบยายผู้หญิงคนนั้นให้แหลกอย่างรีโมตที่เราปาเมื่อกี้ แค่รูปควงผู้ชายธรรมดามันไม่พอหรอก”
รัญดาเม้มเรียวปากเกือบเหยียดตรง ความอิจฉาของเธอและแรงริษยาของน้องสาว ที่มีต่อวิมวิพานับวันยิ่งเพิ่มทวีคูณ เธอไม่อยากเห็นศัตรูมีความสุข ยิ่งมีคนรักคนชอบมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้เธอเกลียดชังและขยะแขยงวิมวิพามากขึ้นเท่านั้น คนที่ทำให้เธอต้องเสียหน้าเสียชื่อเสียงในสังคม โดนลบเหลี่ยมเรื่องถูกแย่งแฟน แน่นอนว่าไม่มีทางจะให้อภัยและปล่อยให้คน ๆ นั้นเชิดหน้าอยู่ในสังคมชั้นเดียวกับเธอได้อย่างมีความสุขหรอก
ก่อนที่แรงไฟร้อนจะแผดเผาจิตใจหญิงสาวให้เลวร้าย ต่ำและดำสนิทไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น สลายอารมณ์ร้ายของสองพี่น้องให้ทุเลาเบาบางลงได้บ้างในวินาทีนั้น เมื่อเรวรินผู้เป็นน้องสาวกดรับสายและรู้ว่าคนโทร.มาคือผู้จัดละครชื่อดัง ที่ใครต่อใครหลายคนอยากจะร่วมงานด้วย หญิงสาวใช้เวลาคุยโทรศัพท์ร่วม ๆ ยี่สิบนาทีก่อนจะวางสายสนทนาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างถึงที่สุด แล้วเปล่งเสียงกรี๊ดดังลั่น หากคราวนี้เป็นเสียงที่ออกมาจากความดีใจ
“พี่รัญ แสดงความยินดีกับเรหน่อย” น้องสาวยิ้มร่าหน้าบาน ผิดกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง “พี่นกผู้จัดละครเค้ามาทาบทามเรให้ไปแสดงละครเรื่องใหม่ของเค้า”
“จริงเหรอ ก็ดีนะซิ ว่าแต่บทเป็นยังไงแสดงเป็นใคร” รัญดาถามอย่างให้ความสนใจ
“แสดงเป็นน้องสาวพระเอก ส่วนบทพรุ่งนี้พี่เขาจะแวะเอามาให้อ่านดูก่อน สำหรับเร บทคงไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่หรอกค่ะ ตอนนี้ขอให้เรได้เล่นละครเรื่องนี้ก็เป็นพอ ยังไงซะละครก็คงจะทำให้เรดังและมีชื่อเสียงได้ดีกว่านังวิมนั่นแน่” เรวรินเหยียดยิ้มมุมปากออกแนวสะใจ คราวนี้ละจะได้รู้กันไปเลยว่านางแบบโฆษณากระจอก ๆ จะมาสู้กับนักแสดงละครตอนค่ำอย่างเธอได้อย่างไรกัน
“พี่ก็นึกว่าเราจะเล่นบทนางเอกซะอีก ว่าแต่ใครได้รับบทนางเอกละ”
“เรไม่ทันได้ถาม รู้แค่ชื่อพระเอกก็ทำให้เรอยากจะเล่นเรื่องนี้ใจจะขาดแล้ว” หญิงสาวยิ้มกริ่ม พระเอกหนุ่มเนื้อหอม ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งเมืองไทย แค่เธอได้เล่นประกบในบทบาทน้องสาว ก็น่าจะทำให้เธอได้อนิสงฆ์ดันให้ดังได้ไม่ยากแล้ว “เรจะรับเล่นเรื่องนี้ค่ะ”
“แน่ใจเหรอ ยังไม่เห็นบทเลยนี่”
“ก็เรบอกแล้วไง ว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่จำเป็น” แค่คำว่าเอาชนะวิมวิพาให้ได้เท่านั้นที่เธอต้องการ ถ้าละครเรื่องนี้ทำให้เธอดังกว่าวิมวิพาได้ ทุกอย่างก็จบ
“แต่พี่ว่าลองโทรไปถามพี่นกให้แน่ดีกว่า ว่าใครที่ได้เล่นเป็นนางเอก เพื่อว่าคุยไปคุยมา ทางโน้นอาจจะเปลี่ยนใจ ให้บทนางเอกกับเราก็ได้นะ”
“พี่รัญคิดว่าอย่างนั้นเหรอ” น้องสาวประกายตาวาวขึ้น เหยียดยิ้มอย่างมีหวังตามคำแนะนำของผู้เป็นพี่สาว
เรวรินทำตามทันที โดยรีบโทร.หาผู้จัดละครคนที่ว่า เธอบอกคู่สนทนาปลายสายด้วยน้ำเสียงใสดูเป็นเด็กสาวแสนซื่อ ว่าจะแวะไปรับบทมาอ่านเองเพราะเกรงใจและไม่อยากรบกวนเวลาของฝ่ายนั้น หลังจากอ้อมค้อมอยู่เป็นพัก หญิงสาวก็เริ่มเข้าเรื่องที่อยากรู้ เธอถามว่าใครกันแน่คือนางเอกละครเรื่องนี้ และเมื่อคำตอบจากคนปลายสายเอ่ยบอกชื่อนักแสดงสาวซึ่งหมายหมาดวางไว้แล้วแต่แรก ว่าจะทาบทามมารับบทนางเอกละครคือใคร เรวรินก็ถึงกับกัดกรามแน่น นัยน์ตาแดงด้วยความเกรี้ยวโกรธ เธอระงับอารมณ์เดือดดาลด้วยสติเฮือกสุดท้ายกล่าวขอตัววางสายโดยเร็ว และเสี้ยววินาทีต่อมาโทรศัพท์มือถือเครื่องแพงในมือของเธอก็บินลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะกระทบเสียงดังกับผนังห้อง และตกลงกองกับพื้นพรมแตกกระจาย
ทำไม มีฉันแล้วจะต้องมีแกด้วยยายวิมวิพา !
***--***--***--***--***--***--***
ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านอีกหลังหนึ่ง เวลาเดียวกัน หลังจากโฆษณาแชมพูสระผมตัวใหม่ ซึ่งมีวิมวิพาเป็นนางแบบเล่นโฆษณาได้ผ่านไป เสียงพ่นลมหายใจของใครคนหนึ่งก็ดังฟึดฟัดราวกับฉุนเฉียว
“ทำไมทำหน้าอย่างนี้ละคะพี่คิน พี่คินไม่ชอบเห็นวิมในทีวีเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงใส เห็นชายหนุ่มข้างกายออกอาการหน้ายุ่ง เธอก็ยิ่งพูดแหย่ “ใคร ๆ เขาก็ชมโฆษณาตัวนี้กันทั้งนั้นว่านางแบบหุ่นดี เล่นผู้ชายน้ำลายหกทั้งเมือง...”
คฑาคินปรายหางตาขุ่น ๆ มองเสี้ยวหน้าสวย วิมวิพาจะยิ้มภูมิใจในคำชมจากคนอื่นมากไปแล้ว โดยที่ไม่ได้คิดถึงหัวจิตหัวใจผู้ชายของเธอเอาซะเลย
“ชอบซิท่าทำให้ผู้ชายน้ำลายหก เลือดกำเดาไหลได้ทั้งบ้านทั้งเมืองแบบนี้” ชายหนุ่มเหน็บ ก่อนจะย้ำเสียงหนักในประโยคสั้น ๆ ว่า “แต่พี่ไม่ชอบ”
“ฮันแน่...หึงวิมเหรอคะ” หญิงสาวชี้นิ้วใส่หน้าเขาล้อเลียน
“ก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ครับ ละจะทำหน้าทะเล้นถามอยู่ทำไมละ”
คนถูกตวัดเสียงดุใส่ ห่อไหล่ตัวลีบลง “ก็ตอนที่วิมรับงานนี้ พี่คินก็ไม่เห็นจะห้ามวิมนี่คะ จะมาดุหรือไม่พอใจวิมตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วแหละ โฆษณาออกอากาศแล้ว ที่สำคัญวิมก็รับค่าตัวแล้วด้วย”
“แล้วถ้าพี่ห้าม วิมจะฟังพี่หรือไง”
“ฟังซิคะ...”
“แต่ไม่ทำตามใช่ไหม” เขารีบพูดแทรก “สุดท้ายก็ต้องมาอ้างว่ามันเป็นงานของวิม วิมอยากได้เงิน คนงกอย่างวิมมีรึจะฟัง พี่ยิ่งไม่ใช่คนที่จะมีสิทธิ์ไปออกคำสั่งนางแบบคนดังได้ซะด้วย”
วิมวิพายื่นปากจู๋ ทำตาใสเป็นประกาย ออดอ้อนในที “ก็งานจริง ๆ นี่คะ” สองแขนเล็กรวบกอดเอวสอบคนนั่งข้างไว้แน่น ซบเสี้ยวหน้าเข้ากับต้นแขนใหญ่ “งานนี้ผ่านไปแล้วด้วย พี่คินอย่าโกรธวิมเลยนะ เอาไว้งานหน้าวิมให้พี่คินสแกนโดยละเอียดก่อนก็ได้ ถ้าพี่คินไม่อนุญาตวิมจะไม่รับ”
“อย่ามาทำพูดดีไปหน่อยเลย ถึงเวลานั้นจริง ๆ วิมก็ลืมหมดแล้วแหละ”
“จริง ๆ ค่ะ วิมจะให้พี่คินเป็นผู้จัดการส่วนตัวเลยดีไหม” พูดประจบเอาใจ “วิมทำสัญญากับเขาแค่ปีเดียวเอง ถ้าเขาไม่ต่อสัญญาพี่คินก็จะไม่ได้เห็นภาพวาบหวิวในโฆษณาตัวนี้อีกแน่นอน”
“แล้วถ้าเขาต่อละครับ พี่ไม่อนุญาตนะ”
คนฟังอึ้งไปนิด ก่อนจะพยักหน้ารับแบบขอไปที “ก็แล้วแต่พี่คินละกันค่ะ” ช้อนสายตามองคฑาคิน เห็นเขาทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อคำพูดเธอนัก
“แล้วไม่คิดเสียดายเงินเหรอ” ถามราวจะหยั่งเชิิง หรือเหมือนเขาจะเดารู้ว่าคนอย่างวิมวิพาไม่มีทางยอมให้เงินที่จะได้ หลุดรอดมือไปเป็นแน่ เพราะว่าเธอพยายามจะเก็บเงินเพื่อผ่อนบ้านสักหลัง และถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากได้บ้านหลังเดิมของเธอคืน
“ไม่ค่ะ เพราะว่าพี่คินจะต้องจ่ายส่วนที่วิมเสียไปคืนให้วิม” เธอยิ้ม พูดทีเล่นทีจริง
ชายหนุ่มส่ายหน้าระอากับคนเจ้าเล่ห์จอมงกเงิน “ไม่ยอมขาดทุนเลยใช่ไหมเรา เอาเป็นว่า...ให้พี่จ่ายเป็นอย่างอื่นแทนแล้วกัน” ว่าแล้วเขาก็ขยับร่างบางดันออกนิด มือใหญ่ข้างหนึ่งเปลี่ยนมาช้อนคางมนให้เงยขึ้นนิด ก่อนที่เขาจะก้มหน้าคมเข้มหล่อบาดใจ กระซิบเสียงผะแผ่วกับปากอวบอิ่มช่างจำนรรจา “ถ้าให้พี่จ่ายเป็นจูบ รับรองพี่ยอมจ่ายให้วิมไม่อั้นเลยนะครับ เอาไหม”
“พี่คินเจ้าเล่ห์” แหวเสียงใสไม่จริงจัง แก้มใสสีชมพูระเรื่อพยายามจะเบือนหนี หากก็ถูกขืนกลับให้อยู่ที่เดิม รอรับริมฝีปากอบอุ่นที่โน้มแนบลงเข้าใกล้ทุกขณะ
“พี่ไม่ได้เจ้าเล่ห์นะ พี่จริงใจแล้วก็จริงจัง” เสียงของเขาเบาหวิว ค่อยเคลื่อนใบหน้าต่ำ ลดริมฝีปากเข้าประกบกับเรียวปากอิ่มเอิบอย่างนิ่มนวล จูบหยอกล้อให้อีกฝ่ายตายใจจนยอมเผยอปากรับการบุกรุกของลิ้นใหญ่ที่สอดกระหวัดหาความหวานอย่างรัญจวนใจ วิมวิพาเกร็งเยือกทั้งร่างก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจไปตามแรงชักนำของคนมีประสบการณ์ด้านจูบช่ำชอง เธอไม่รู้ว่าด้วยสัญชาตญาณของความเป็นเพศชายหรือเปล่า คฑาคินถึงได้ดึงเธอให้หลงมัวเมาในรสจูบของเขาได้มากเพียงนี้ เธอรู้สึกอิ่มเอ็มเหลือเกิน
สองหัวใจซึ่งเต้นแรงกำลังค่อย ๆ ถูกขันเกลียวแน่นขึ้นทุกวินาที แล้วมันก็เป็นทุก ๆ วินาทีแห่งความสุขที่เขาและเธออยากจะเก็บมันไว้ให้เนิ่นนานที่สุด
“พอแล้วค่ะ วิมหายใจไม่ทัน” คนถูกบุกรุกด้วยจูบหวามไหว รีบห้ามเสียงสั่นกระเส่า ทันทีหลังจากเรียวปากได้รับอิสระ หญิงสาวหน้าร้อนผะผ่าวกลายสีแดงก่ำ คิดว่าคฑาคินคนที่ดูเหมือนจะนิ่งเฉยในบางครา จนอ่านความรู้สึกแทบไม่ออก แต่พอเรื่องนี้ก็เล่นเอาเด็กอ่อนหัดอย่างเธอตั้งรับแทบจะไม่ไหวเหมือนกัน
ชายหนุ่มจรดปลายจมูกหอมหนัก ๆ กับกลุ่มผมยาวสลวยแนบขมับเล็ก “ก็พี่กลัววิมขาดทุนนี่ครับ อยากได้กำไรเพิ่มอีกไหม”
“คนบ้า ! จะหลอกจูบเขาอยู่ได้ ไม่เอาแล้วค่ะวิมหิว พี่คินไปทำอะไรอร่อย ๆ ให้วิมกินหน่อยนะคะ นะคะสุดหล่อ”
“ไม่ต้องปากหวานขนาดนี้พี่ก็ทำให้กินได้ครับ ว่าแต่...เมื่อไหร่วิมจะเป็นคนทำให้พี่ชิมบ้างละ ชาตินี้จะได้ชิมอาหารฝีมือนางแบบไหมน้า...” เขาลากเสียงยาวกระเซ้า
“พี่คินก็ไปสอนวิมซิคะ ปะลุกขึ้น” หญิงสาวหยัดตัวลุกจากโซฟานุ่ม ยืนขึ้นก่อนจะดึงแขนให้ชายหนุ่มลุกตาม ขืนนั่งอยู่ต่อ ปล่อยให้เขากอดเขาจูบมีหวังเธอคงเหมือนโดนสูบพลังออกทางปากจนหมดแน่ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้จูบเก่งเป็นบ้า !
***---***---***--***--***--***--***
ในห้องทำครัวซึ่งหนุ่มสาวช่วยกันทำอาหารไปหยอกเอินกันไป ทำห้องครัวอบอวลไปด้วยกลิ่นความรักความสุขเสียมากกว่ากลิ่นหอมของอาหาร
“ล้างผักเป็นงานที่ง่ายและปลอดภัยมากที่สุดแล้วนะครับคนสวย ล้างแบบขอไปทีก็ไม่สะอาดซิครับ” คฑาคินที่ยืนสังเกตการณ์หญิงสาวอยู่ด้านหลัง ทนไม่ไหวจนต้องเอื้อมแขนยาวทั้งสองโอบรอบร่างเพรียวบาง มาสอนวิธีล้างผักให้เสียเอง มือใหญ่ทั้งสองจับมือเรียวไว้พลางแนบอกแกร่งเบียดชิดเสียดสีเข้ากับหลังบางอย่างจงใจ ขณะที่มือช่วยจับมือเรียวสอนล้างผัก จมูกซุกซนก็กดหอมหนัก ๆ กับพวงแก้มใสไปที “ไม่อยากทำกับข้าวแล้ว อยากกอดวิม หอมวิมมากกว่า”
วิมวิพาสั่นสะท้านทั่วกายจากการซุกไซ้ไล่ระดมจูบเลื่อนเรื่อยลงมาลำคอระหง มือเรียวหมดแรงจนปล่อยยอดคะน้าอ่อนในมือล่วงเต็มอ่างล้าง
“พี่คินนี่ไม่เอาน่า...วิมพึ่งรู้นะคะเนี้ยว่าจริง ๆ แล้วพี่คินเป็นพวกหื่นจัด” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีเป็นพัลวัน ก่อนจะเอี้ยวตัวหันขวับไปผลักอกใหญ่แรง ๆ ให้ออกห่าง ดุเสียงเขียวว่า “จะสอนวิมล้างผักหรือจะสอนวิมทำอะไรกันแน่”
“แล้วอะไรกันแน่ที่วิมหมายถึง คืออะไรละครับ บอกพี่มาซิ เผื่อพี่อยากจะสอน...” คฑาคินยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาหวานฉ่ำ
หญิงสาวเบ้ปากนึกหมั่นไส้ ผู้ชายคนนี้เวลานิ่งก็ดูขี้เต๊ะ เวลาโกรธก็กลายเป็นคนปากจัด เวลาเสน่หาใครเขาก็ทำตัวบ้ากามได้มากเอาการ “ไม่ต้องมาคิดทะลึ่งเลย ไปดูปลาตัวเองในกระทะเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ไหม้ดำจนกินไม่กันพอดี”
พ่อครัวหนุ่มที่เผลอวางมือจากหน้าที่ ฉุกคิดขึ้นได้ รีบผละตัวไปหาปลาในกระทะทันที เขาถอนหายใจโล่งอกที่ปลาหั่นเป็นชิ้นพอดีชุปแป้งปรุงรสที่ทอดอยู่ไม่ได้ไหม้อย่างกลัว หากกำลังเหลืองกรอบพอดิบพอดี แต่หากว่าเขาช้าอีกแค่นาทีเดียวก็อาจเกินคำว่าเหลืองไปเป็นดำทานไม่ได้อย่างวิมวิพาว่าแน่
“ฝีมือชั้นนี้แล้ว ไม่มีพลาดหรอกครับ” เขาพูดระหว่างที่ตักชิ้นปลาทอดออกมาพักน้ำมันไว้ในจานซึ่งมีกระดาษซับน้ำมันรองอยู่
“ขนาดยังไม่เป็นปลาสามรสนะคะเนี้ย ยังหอมน่ากินแล้วเลย” วิมวิพายิ้มหวาน เดินมายืนชะโงกหน้าดู แล้วเธอจึงรู้ว่าคิดผิดถนัด ที่ดันตามเข้ามายืนใกล้ชายหนุ่มมากเกินจำเป็น
สัมผัสนุ่มนิ่มจากริมฝีปากใหญ่แนบกับแก้มบางเร็ว ๆ คนถูกขโมยหอมแก้มค้อนขวับตาขุ่นเร็วเช่นกัน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะทำเป็นไปรู้ไม่ชี้ เขายิ้มเย็นก่อนจะหันไปลงมือกับการทำอาหารหน้าตาเฉย
หญิงสาวอ้าปากค้างหวังจะต่อว่าคนชอบฉวยโอกาส ทว่าเสียงออดประตูบ้านดันดังขึ้นเสียก่อน หนุ่มสาวหันมองตากันปริบ ๆ ต่างคนต่างหาคำตอบให้ตัวเองว่าใครกันที่มากดออดเรียกตอนใกล้มื้อเที่ยงเช่นนี้
“เดี๋ยววิมไปดูเองค่ะ พี่คินรีบทำปลาสามรสให้เสร็จเร็ว ๆ เถอะ วิมหิวจนตาลายแล้ว”
“ครับผม ถ้ายังไงพี่รบกวนไปต้อนรับแขกหน่อยนะครับ”
เพียงไม่ถึงห้านาที คนที่ทำหน้าที่ไปเปิดประตูบ้านต้อนรับแขกผู้มาเยือน แทนเจ้าบ้านตัวจริง ก็เดินกลับมาในห้องครัวอีกครั้ง พร้อมกับแขกหนุ่มคุ้นเคย เดินตามเข้ามาด้วยติด ๆ
“ว่าไงพ่อครัวหัวป่า ทำอะไรกิน พอจะทำเผื่อเพิ่มให้อีกสักที่ได้ไหม”
คฑาคินหันขวับตามเสียงกระเซ้า ตกใจและอึ้งไปนิด ก่อนจะทักทายด้วยรอยยิ้มเหยเก “พี่ชวิน จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อนละ”
“ถ้าบอกก่อน แล้วจะเจอใครบางคนที่นี่เหรอ” ญาติผู้พี่พูดเสียงแข็งขึ้น และคงจะรู้ตัว เขาเลยรีบปั้นยิ้มกลบเกลื่อน ก่อนหันไปทางวิมวิพาพลางพูดตัดพ้อน้อยใจเสียงอ่อน “น้องวิมมาคลุกตัวอยู่กับนายคินนี่เอง พี่โทร.หาถึงไม่ยอมรับสาย”
“ขอโทษค่ะพี่ชวิน พอดีวิมไม่ได้หยิบมือถือมาด้วย พี่ชวินมีธุระด่วนกับวิมหรือเปล่าคะ”
“มีครับ” เขาเดินมากุมมือข้างขวาของวิมวิพาไว้ ชำเลืองมองพ่อครัวหนุ่มเจ้าของบ้าน เห็นประกายไฟนัยน์แววตาลุกพรึบ หากแต่แสร้งเสียว่าไม่เห็น และหันกลับมายิ้มบาง ๆ พูดกับหญิงสาวต่อ “ก็พี่เห็นโฆษณาตัวล่าสุดของน้องวิมเมื่อเช้านี้ พี่ก็เลยคิดถึงน้องวิมน่ะครับ อยากจะขอร้องน้องวิมไม่ให้ไปถ่ายแบบหรือถ่ายโฆษณาโป๊ะ ๆ แบบนั้นอีก เอาอย่างนี้ไหมครับพี่จะจ้างน้องวิมให้มาเป็นเลขาส่วนตัว...”
ตากลมสวยขยายโต “เลขาฯ ส่วนตัว ! พี่ชวินก็มีเลขาฯ อยู่แล้วนี่ค่ะ จะต้องจ้างวิมทำไม หรือคนเดิมกำลังจะลาออกคะ อ้อ...ที่สำคัญวิมไม่ได้จบทางนี้มา วิมคงไปทำงานให้พี่ชวินไม่ได้หรอกค่ะ”
“ก็ลองไปก่อนซิครับ พี่ไม่ได้ให้น้องวิมไปแทนเลขาฯ คนเก่าหรอก เพียงแต่จะจ้างเพิ่มให้ไปเป็นผู้ช่วย”
เสียงกระแอมกระไอดังมาจากคนที่ถือตะหลิวผัดอะไรบางอย่างในกระทะ เขาทำทีเหมือนสำลักควันเพื่อคั้นจังหวะสนทนาของญาติผู้พี่กับหญิงสาว ใจหนึ่งก็นึกอยากจะเดินไปดึงมือของทั้งสองออกจากกันไปรู้แล้วรู้รอด อยากจะตะโกนบอกชวินด้วยว่า เขาขอโทษที่เป็นน้องชายที่ผิดคำพูด แต่ยังไงวิมวิพาก็เป็นผู้หญิงของเขาไปแล้วนะ ถึงแม้จะยังไม่ได้ครอบครองทั้งหมดแบบสมบูรณ์ก็เถอะ
“พี่ชวินงานเยอะมาก ถึงกับต้องมีเลขาฯ สองคนเลยรึ” ถึงกระนั้นคฑาคินก็ไม่กล้าพูดอย่างใจนึก ทำได้เพียงถามอ้อมค้อมเอาเท่านั้น
“จะว่ายุ่งไหม ก็ไม่เชิงว่ายุ่งขนาดที่ต้องมีเลขาฯ ถึงสองคนหรอก ที่จริงแล้วคนเดียวก็เอาอยู่ แต่ว่าพี่อยากให้น้องวิมไปทำงานด้วย อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นหน้าทุกวันมากกว่า”
คนกลางอย่างวิมวิพาทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ มองสองหนุ่มสลับไปมา สุดท้ายก็หันไปเบิกตาค้าง กับคำพูดของคฑาคินที่แสดงความหวงแหนและเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเธอแบบไม่มีหมกเม็ดเป็นครั้งแรก
“สำหรับน้องวิมผมไม่อนุญาต พี่ชวินไปหาผู้หญิงคนอื่นเถอะ” พ่อครัวหนุ่มสุ้มเสียงเครียด วางมือจากทุกสิ่งอย่าง และออกคำสั่งกับวิมวิพาเสียงเข้มเด็ดขาด “วิมกลับไปตึกใหญ่ก่อน พี่มีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับพี่ชวิน”
***--***--***--***--***--***--***
วิมวิพาเดินออกมาจากตึกเล็กในสภาพหน้าหดตัวหงอ ขนาดว่าออกมายืนเก้ ๆ กัง ๆ ด้านนอกเป็นพัก เธอก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุภายในตัวบ้านอยู่ดี เป็นห่วงเหลือเกินว่าเรื่องที่คฑาคินพูดกับชวิน จะเครียดเคร่งจนเกิดกระทบกระทั่งกันรุนแรง มันเป็นเรื่องสำคัญขั้นบุคคลที่สามอย่างเธอไม่สามารถอยู่ร่วมรับฟังด้วยได้แล้วละก็ ยิ่งทำให้อดเป็นห่วงทั้งสองไม่ได้ หญิงสาวรู้ว่าสาเหตุของเรื่องที่คนในบ้านกำลังคุยหรือตกลงกันอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอโดยตรงแน่ เพราะหลายครั้งแล้วที่คฑาคินบอกจะหาโอกาสพูดเรื่องของเราสามคนกับชวิน แต่ก็ดูเหมือนจะถูกชวินบิดเบือนหัวข้อสนทนาทุกคราไป พอสบโอกาสคฑาคินก็เลยจำเป็นต้องพูด เพราะคงไม่อยากให้คาราคาซังกันต่อไปอย่างไม่รู้จบ
คนที่ทำได้ดีแค่รอ ยกนาฬิกาข้อมือเรือนสวยที่ได้มาจากของขวัญวันเกิดขึ้นดู ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วที่เธอนั่งไม่ติด เดินไปมาราวเสือติดจั่นเช่นนี้ มองไปยังตึกเล็กบ่อยครั้งก็ไม่เห็นจะมีร่างสูงของใครคนใดโผล่ออกมาสักคน วิมวิพาถอดถอนใจยาวเหยียดอีกครั้งและคราวนี้ก็เห็นชวินเดินจ้ำอ้าวออกมาจนได้ หญิงสาวก้าวเร็ว ๆ เข้าไปหาคนที่มีสีหน้าคุกรุ่นเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ หากแค่เขาเห็นใบหน้าเธอแวบแรก ก็กลับมีรอยยิ้มฝืด ๆ ส่งให้
“น้องวิมมารอพี่อย่างนั้นรึครับ หรือว่าเป็นห่วงนายคิน กลัวว่าพี่จะยำเจ้านั่นจนเละเป็นโจ๊ก”
“เออ...ละ...แล้ว...พี่ชวินกับพี่คินไม่ได้มีเรื่องกันอย่างที่วิมกลัวหรอกใช่ไหมคะ” หญิงสาวละลักคำถาม มองไปยังตึกเล็กอีกครั้งหากก็ไม่มีร่างคฑาคินเดินตามญาติผู้พี่ออกมา “แล้วพี่คินละคะ”
“สลบอยู่ในบ้าน” ชวินกระตุกยิ้มมุมปาก เขาเห็นวิมวิพาอ้าปากค้างตกใจกับคำพูดแกล้งหยอกของเขา แน่ละว่าเขาไม่ได้ใจกว้างปล่อยให้ไอ้ญาติผู้น้องตัวดี เปิดปากสารภาพความจริง แล้วกล่าวคำขอโทษแบบขอไปทีและทุกอย่างจะจบ เขาโกรธมากที่คฑาคินบอกว่าคิดยังไงกับวิมวิพา เขาจัดหนักลงโทษโดยการตะบันหน้าหล่อ ๆ นั้นไปเรียบร้อย “ห่วงนายคินจังเลยนะครับ พี่ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดต่อยนายคินจนสลบเหมือดหรอก ก็แค่สั่งสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ”
“พี่ชวินทำอะไรพี่คินคะ” ไอ้คำว่าสั่งสอนเล็กน้อยของเขา ยิ่งทำให้เธอกระวนกระวาย คิดว่าจะไปดูคฑาคินให้เห็นกับตาว่าปลอดภัยดีอยู่ หากก็ถูกฉุดข้อมือไว้เสียก่อน เธอหันมองหน้าชวินขอบตาร้อนผ่าว “วิมจะไปดูพี่คินค่ะ ปล่อยวิมเถอะ”
“น้องวิมครับ นายคินไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่คนที่เป็นอยู่คือพี่ต่างหาก พี่กำลังเจ็บปวด” มือใหญ่ตบอกข้างซ้ายของตัวเอง “น้องวิมครับช่วยไปกับพี่หน่อยได้ไหม พี่ขอร้องละ พี่ขอแค่วันนี้วันเดียว” สายตาวิงวอนดูน่าสงสารยิ่งนักจากชายหนุ่ม ทำคนประสานตามองหัวใจสั่น นึกเห็นใจขึ้นมาครามครัน
“ไปไหนคะ”
“พี่มีอะไรจะให้น้องวิมดูครับ แค่วันนี้ถ้าน้องวิมยอมไปกับพี่ พี่คิดว่าเรื่องของเรา...พี่หมายถึงเรื่องข่าวคบกัน ของน้องวิมกับพี่มันคงจะมีคำตอบและทางออกที่ดีมากกว่านี้” ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าการจะเอาชนะใจวิมวิพามีหนทางอยู่น้อยนิด หากครั้งนี้เขาทำแล้วคำตอบจากปากหญิงสาว คือเธอเลือกคฑาคิน เขาก็คงจะต้องเป็นฝ่ายยอมจำนนกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้จริง ๆ “นะครับ... ถ้าเศษเสี้ยวหนึ่งในใจน้องวิมยังว่าง พอมีให้แก่ความสงสารสำหรับพี่บ้าง น้องวิมช่วยไปกับพี่หน่อยนะครับ”
++++++++++++++++++++++
กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2555, 20:07:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2555, 20:07:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 1472
<< ตอนที่ 26 เล่ห์สลับขั้ว | ตอนที่ 28 เล่ห์สลับขั้ว >> |