ตัวกวนขอป่วนหัวใจ
เขียนนางเอกแปลกมาก็เยอะ คราวนี้ขอเขียนพระเอกแปลกๆ บ้างนะคะ เรื่องนี้พระเอกหล่อสมบูรณ์แบบ ชาติตระกูลดีมีการศึกษา เสียอย่างเดียว 'เป็นโรคกล้วผู้หญิง' งานนี้เลยต้องพึ่งสาวน้อยตัวแสบให้มาช่วยรักษาแบบหักดิบให้ มาร่วมลุ้นกันค่ะว่า ตัวกวนจะเข้าไปป่วนหัวใจอาจารย์หนุ่มสุดหล่อได้ไหมแล้ว 'รักแท้จะแพ้ความกลัวหรือเปล่า?'
Tags: ด็อกเตอร์หนุ่ม ลูกศิษย์สาว รักใสๆ ฮา รั่ว นางเอกซนๆ พระเอกน่าเวทนา ตุ๊กแก โรคกลัวผู้หญิง คอมเมดี้

ตอน: บทที่ 3 คนที่ถูกลืม

บทที่ 3 คนที่ถูกลืม

ในห้องนอนสีชมพูหวานซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของบ้าน จินตนาการกำลังแง้มม่านหน้าต่างออก เพื่อแอบมองเอกดนัย

หลังจากถูกจับแก้ม ชายหนุ่มก็ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ห้านาทีเต็มกว่าจะได้สติ แถมยังเดินมึนๆ กลับไปทั้งที่ยังจอดรถทิ้งเอาไว้หน้าบ้านของเธอ

‘คงไม่แกล้งแรงไปหรอกนะ’ หญิงสาวถามตัวเองในใจอย่างวิตก แต่สักพักก็พูดเข้าข้างตัวเองออกมาดังๆ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ท่าทางยังปกติดีนี่ ไม่ถึงกับล้มลงไปชักดิ้นชักงอเสียหน่อย’

คิดได้แบบนั้นหญิงสาวก็ผละจากหน้าต่างแล้วเปิดประตูออกไปที่ระเบียง จากตรงนี้มองออกไปจะเห็นบริเวณบ้านของชายหนุ่มเกือบทั้งหมด แม้จะรู้ว่าเอกดนัยคงจะไม่ออกมาให้เห็นอีก แต่ดวงตาคู่สวยก็ยังคงเหม่อมองไปที่บ้านฝั่งตรงข้ามอย่างใช้ความคิด

ใกล้กันขนาดนี้ เห็นหน้าชัดอย่างนี้ แต่พี่ชายกลับจำจินนี่ไม่ได้ ทั้งที่จินนี่ไม่เคยลืมพี่ชายเลยแม้แต่วินาทีเดียว

สิบสองปีนานพอให้เราหลงลืมใครสักคนได้ แต่มันไม่นานพอให้เด็กน้อยคนหนึ่งลบภาพพี่ชายผู้แสนดีไปจากใจได้ แล้วพี่ชายแสนดีคนนั้นเล่า ทำไมกลับใจร้ายลบภาพของเธอไปจากความทรงจำได้ลง

“พี่ชายจำฉันไม่ได้เลย ทำไงดีล่ะไอติม”

จินตนาการเรียกเพื่อนคู่ใจเข้ามากอด ด้วยนึกน้อยใจในท่าทีห่างเหินของอีกฝ่าย

ไม่ใช่ห่างเหินสิ รังเกียจเลยต่างหาก

นัยน์ตากลมโตแดงกลับแล้วเริ่มชุ่มด้วยหยาดน้ำ ดวงหน้าใสๆ มีความเศร้าเคลือบอยู่เต็มสีหน้า

“คงเพราะเรื่องคราวนั้น พี่ชายก็เลยลืมเรื่องของฉันไป ถ้าเขาจำได้คงไม่มีท่าทีอย่างนี้หรอกเนอะไอติม” หญิงสาวพูดปลอบใจตัวเอง

จินตนาการนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นเธอยังเป็นเป็นประถม ส่วนเอกดนัยก็เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง จนกระทั่งถูกน้าสาวที่เป็นโรคประสาททำร้าย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ตอนนั้นเธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เอกดนัยถูกบีบคอจนเกือบตาย เขาช็อกจนหมดสติไปต่อหน้าต่อตาเธอ โชคยังดีที่มีผู้ใหญ่มาช่วยไว้ได้ทัน เหตุการณ์จึงไม่เลวร้ายไปกว่านี้

หลังจากนั้นไม่กี่วันเธอก็ป่วยหนักจนต้องไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ทำให้ขาดการติดต่อกันไป พอหายดีครอบครัวของเธอก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาเป็นการถาวร หญิงสาวจึงไม่มีโอกาสกลับมาเจอพี่ชายข้างบ้านอีกเลย

จินตนาการเพียรส่งจดหมายไปหาเขาหลายฉบับ แต่พี่ชายก็ไม่เคยติดต่อกลับมา โทรศัพท์ไปเลขหมายก็ถูกยกเลิก ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมตัดใจเรื่อง หญิงสาวคิดว่ามันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถตอบจดหมายของเธอได้

แล้ววันหนึ่งจินตนาการก็ได้เบาะแสเรื่องของเอกดนัยจากลูกพี่ลูกน้อง ญาติของเธอเผลอหลุดปากออกมาว่าเอกดนัยเคยเป็นคนไข้ของเขา

นายแพทย์ธนากรหรือพี่ท็อปเป็นลูกพี่ลูกน้องของจินตนาการ เธอกับเขาอายุห่างกันขนาดเป็นพ่อลูกกันได้เลยทีเดียว พี่ท็อปจึงให้ความเอ็นดูเธอมาก พอบีบน้ำตาถามเรื่องพี่ชายมากๆ เข้า พี่ท็อปก็ใจอ่อนยอมเล่าเรื่องของเอกดนัยให้ฟังบางส่วน

พี่ท็อปบอกว่าพอฟื้นขึ้นมาชายหนุ่มก็มีอาการกลัวการสัมผัสคลุกคลีกับผู้หญิง ที่เขาขาดการติดต่อไปไม่ใช่เพราะเกลียดชัง หรือตั้งใจจะลืมเธอ แต่มันเป็นผลจากอาการช็อกเพราะถูกทำร้ายคราวนั้น ความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับเพศตรงข้ามของเอกดนัยหายไปหมด แม้แต่ความทรงจำของมารดาผู้ให้กำเนิดก็แทบไม่มีหลงเหลือ

หญิงสาวจึงขออนุญาตพ่อกับแม่กลับมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่เมืองไทย เธออยากกลับมาอยู่บ้านเก่า เผื่อว่าจะได้เจอเขาบ้าง เธออยากเห็นด้วยตาคู่นี้ว่าทุกอย่างที่พี่ท็อปเล่ามาเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันแน่

พ่อกับแม่ลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยอมตามใจ ช่วงแรกเธอต้องไปอยู่กับญาติก่อน แล้วให้ป้าประนอมซึ่งเป็นพี่เลี้ยงที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กตามมาอยู่คอยดูแลด้วย ทั้งยังมีเงื่อนไขว่าจะต้องตั้งใจเรียนให้จบ ห้ามงอแงคิดถึงพ่อกับแม่ขอกลับมาก่อน ทำให้ต้องเลิกเรียนกลางครันเด็ดขาด

จินตนาการยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี ถึงไม่ได้อยู่ข้างบ้านเหมือนเดิม แต่ก็ยังพอไปมาหาสู่กันได้ หญิงสาวนับวันรอที่จะได้กลับเมืองไทยอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วเขากับเธอก็คลาดกันอีก พี่ชายไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ต่างประเทศ สวนทางกับเธอเพียงไม่กี่วัน

เธอรอเขาอยู่หลายปีแต่แล้วก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง พอเขากลับมา เธอก็ต้องเดินทางไปอเมริกาอีกเพราะอาการป่วยกำเริบขึ้นมาแบบปุบปับ กว่าจะกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าสิบสองปีแล้ว

ตลอดเวลาแห่งการเฝ้ารอนี้ หญิงสาวคิดไว้เสมอว่าหากได้เจอกัน เธอจะตรงรี่เข้าไปหาแล้วถามเขาว่าพี่ชายจำได้ไหมว่านี่ใคร ทว่าพอได้เจอจริงๆ เธอกลับทำเพียงแค่เฝ้ามองเขาเท่านั้น เพราะลึกๆ แล้วเธอกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง แม้จะเตรียมใจมานาน แต่การต้องกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา มันก็ทำให้หัวใจเจ็บปวดเหลือเกิน

จินนี่กลับมาจากที่แสนไกลเพื่อมาหาพี่ชาย พี่ชายอย่าลืมหนูจินนี่ของพี่ชายเลยนะคะ ขอเป็นแค่เศษเสี้ยวความทรงจำ ไม่ใช่ความว่างเปล่าแบบนี้จินนี่ก็พอใจแล้ว

น้ำตาที่ฝืนกลั้นไว้หยดเผลาะลงมาจนได้ เจ้าตัวปล่อยมันไว้อย่างนั้นไม่คิดจะเช็ด ด้วยกำลังเหม่อนึกถึงความทรงจำในอดีต

เจ้าไอติมเห็นดังนั้นก็ชันตัวลุกขึ้นมาหานายสาว พร้อมกับเลียคราบน้ำตาที่เปรอะใบหน้าให้แทนการปลอบประโลม มันเห่าเสียงดังหลายทีเหมือนจะให้กำลังใจ

“ปลอบใจฉันรึไอติม นั้นสินะพี่เอกจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราสร้างความทรงจำใหม่กันก็ได้นี่นะ”

คนที่กำลังเศร้าให้กำลังใจตัวเอง เธอจะต้องไม่ท้อ หากมีความเชื่อมั่นและความพยายาม สักวันหนึ่งเขาจะต้องหันมามองเธอด้วยสายตาอบอุ่นดังเช่นในอดีตแน่นอน


เอกดนัยเดินแข็งกลับมาบ้านเมื่อถูกแตะแก้ม ความรู้สึกแรกของชายหนุ่มคือสติกระเจิง สมองมันเหมือนช็อตไม่สั่งงานไปชั่วขณะ รู้เพียงแค่ว่าต้องรีบพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

พอกลับมาถึงบ้านเอกดนัยก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าปลอดภัย แล้วจึงขังตัวเองอยู่ในนั้น ชายหนุ่มนั่งกอดเข่าขนลุกเกลียว เมื่อนึกถึงวินาทีที่มือนุ่มนิ่มประทับลงบนแก้มเขา ในสายตาของคนอื่นมันเหมือนไม่มีอะไร แต่ในความรู้สึกของเอกดนัยแล้วมันไม่ต่างจากเวลามีตุ๊กแกมากระโดดเกาะที่หน้า ด้วยเหตุนี้คนป่วยเป็นโรคกลัวผู้หญิงเลยผวาสุดขีด

ในขณะที่ด็อกเตอร์หนุ่มผู้น่าสงสารกำลังตัวสั่นงันงกกอดตัวเองอยู่ในห้องน้ำ น้องชายคนเดียวก็มาเคาะประตูโครมคราม ถามไถ่อาการของพี่ชาย

“ยังโอเคไหมพี่เอก”

อนุรักษ์มาอยู่ตรงนี้ได้เพราะเขาลืมไฟล์งานไว้ที่บ้าน พอสอนหมดคาบสอนเลยรีบกลับมาเอา ชายหนุ่มเลยได้เห็นว่าพี่ชายเดินตาลอยกลับออกมาจากข้างบ้าน โดยที่รถยังจอดทิ้งเอาไว้แบบนั้น เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เดาได้ว่าแม่หนูจินนี่คงทำอะไรพี่ชายเขาสักอย่าง

“อืม” เสียงแผ่วๆ ของคนในหัองน้ำดังตอบกลับมา

“ถ้าโอเคแล้วก็อย่าลืมไปเอารถมาเก็บนะ”

“เอามาเก็บให้ที”

อนุรักษ์ถอนหายใจออกมาเมื่อได้ฟัง พี่ชายของเขาเป็นจำพวกชอบทำอะไรเองไม่ไหว้วานใคร ลองใช้เขาแบบนี้แสดงว่ากลัวจนไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น

“กุญแจล่ะพี่”

สิ้นเสียงถามประตูก็แง้มออก เอกดนัยยื่นกุญแจไปให้น้องชาย แล้วปิดประตูห้องน้ำลงดังเดิม

เป็นที่รู้กันในครอบครัวว่าเวลาเอกดนัยกลัวหรือรู้สึกไม่ปลอดภัยมากๆ ชายหนุ่มจะขังตัวเองอยู่ในที่แคบเพื่อปรับอารมณ์ ปล่อยให้อยู่แบบนี้คนเดียวสักพักก็จะกลับมาเป็นปกติเอง อนุรักษ์จึงรับกุญแจรถมา พอเอารถของพี่ชายมาเก็บเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็หยิบของที่ต้องการ แล้วกลับไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำการสอนต่อ


การถูกตุ๊กแกกระโดดเกาะหน้าไม่ทำให้ใครตาย ตกใจได้ก็หายเป็นปกติได้ เอกดนัยเองก็เป็นเช่นนั้น แต่ต่างจากคนปกติตรงที่กว่าจะทำใจได้ก็ต้องใช้เวลานานสักหน่อย คืนนั้นคนในบ้านก็เลยต้องไปใช้ห้องน้ำห้องอื่นแทน

ราวตีสี่ ประตูห้องน้ำที่ปิดตายมาตั้งแต่เย็นวานถึงได้ถูกเปิดออก เอกดนัยเดินโซเซออกมา แล้วเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม พอน้ำไหลผ่านลำคอลงไป ท้องมันก็ร้องเตือนว่าหิวขึ้นมาทันควัน

ตอนขังตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม เอกดนัยไม่รู้สึกหิวหรือกระหายเลย ชายหนุ่มใช้เวลาสามชั่วโมงแรกในนั้นปรับอารมณ์ และใช้เวลาที่เหลือตรึกตรองดูว่าจะจัดการอย่างไรกับชีวิต

เช้านี้เขาต้องไปรับตุ๊กแกน้อยข้างบ้านไปมหาวิทยาลัยด้วย และมันจะต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกชั่วนาตาปีจนกว่าเจ้าหล่อนจะเรียนจบหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปก่อน พอคิดได้แบบนี้ชายหนุ่มก็อยากจะหนีไปให้ไกลสุดล่าฟ้าเขียว ไปติดเกาะหรือไปอยู่ในที่ที่ไม่มีคนตลอดชีวิต

ทว่าในความเป็นจริงเอกดนัยไม่สามารถทำแบบนั้นได้ แค่ที่เป็นอยู่ชีวิตมันก็น่าเวทนาอยู่แล้ว เขาจะไม่ยอมหนีให้ตัวเองดูน่าสมเพชมากกว่านี้เด็ดขาด

เอกดนัยปลอบตัวเองให้เข้มแข็ง แล้วฝืนทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เขาไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมากินอาหารเช้าด้านล่างพร้อมพ่อกับน้องชาย

ตามปกติในวันธรรมดาที่บ้านนี้จะกินอาหารเช้าแบบง่ายๆ กัน ถ้าไม่ใช่ซีเรียลก็จะเป็นขนมปัง ใครลงมาก่อนก็จะชงกาแฟใส่กาเอาไว้ให้

วันนี้เอกดนัยลงมาเช้ากว่าปกติ เลยคิดจะไปเตรียมกาแฟ แต่กลับได้กลิ่นหอมกรุ่นลอยมาจากครัวเสียก่อน เหลียวไปจึงเห็นว่าบิดาเป็นคนชงเตรียมเอาไว้ให้ นายอนันต์เหลือบมองลูกชายคนโตเสียหน่อย แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ในมือต่อไปโดยไม่เอ่ยอะไร ถึงกระนั้นคนเป็นลูกก็ยังรู้ว่าที่พ่อตื่นเช้ากว่าปกติ ก็เพราะเป็นห่วงเขา

แม้ว่าบิดาจะเป็นตัวการส่งสาวน้อยข้างบ้านมาป่วนชีวิต แต่เอกดนัยก็รู้ว่าที่ท่านทำไปก็เพราะความปรารถนาดี ชายหนุ่มจึงไม่โกรธผู้ให้กำเนิด ในทางกลับกัน เขาต่างหากที่เป็นลูกที่ใช้ไม่ได้ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แค่เจอผู้หญิงจับแก้มเข้าหน่อย ก็ขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำทั้งคืน ทำให้บุพการีต้องเป็นกังวล

“เอกขอโทษ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะที่นั่งลงบนโต๊ะอาหาร

นายอนันต์ไม่ตอบรับ คนเป็นพ่อทำไม่รู้ไม่ชี้ราวกับไม่ได้ยิน ที่ทำแบบนี้ก็เพราะรู้ว่าลูกชายขอโทษเรื่องอะไร ในสายตาของเขามันไม่ใช่ความผิด ดังนั้นจึงไม่ขอรับคำขอโทษเอาไว้

สองพ่อลูกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และจิบกาแฟกันเงียบๆ ตามประสา กลิ่นหอมของกาแฟดำ ช่วยทำให้จิตใจสงบและเติมพลังให้พร้อมรับกับวันใหม่ เอกดนัยเลยละเลียดขนมปังไส้กรอกมือไปพลาง อ่านข่าวบนหนังสือพิมพ์ไปพลาง

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังมีความสุขอยู่กับความสงบยามเช้า สิ่งที่เขากลัวที่สุดในโลกก็แอบปีนรั้วข้ามเข้ามาหาก่อนเวลานัดหมาย รู้ตัวเองที จินตนาการก็มาโบกมือยู้ฮูถึงหน้าบ้านแล้ว

เอกดนัยผละจากโต๊ะอาหารไปที่ประตูในทันที ชายหนุ่มรีบตรงไปจับลูกบิด เพื่อปิดล็อกประตูบ้านโดยสัญชาตญาณ ทว่าก็ช้าไปเสี้ยววินาที เพราะสาวน้อยข้างบ้านเปิดพรวดเข้ามา โดยไม่รอให้เจ้าของบ้านเป็นฝ่ายเปิดประตูให้

“สวัสดีค่ะด็อกเตอร์ พร้อมจะไปทำงานหรือยังคะ”

หญิงสาวทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส ทว่าในสายตาของเอกดนัยกลับเห็นเป็นตุ๊กแกผีมีฟันแหลมเปรี๊ยะ มายืนแยกเขี้ยวจนเห็นฟันทั้งสามสิบสองซี่

“ไม่พร้อม” ชายหนุ่มบอกขณะวิ่งหนีเข้าไปในห้องครัว จากนั้นก็ตะโกนกลับมาอีกว่า “ผมขอกินอาหารเช้าก่อน รออยู่ตรงนั้นแหละ ห้ามเข้ามา”

จินตนาการถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก ท่าทางพี่ชายของเธอจะกลัวเธอหนักข้อเสียยิ่งกว่าเมื่อวาน หญิงสาวก็เลยไม่ตามเข้าไปแกล้งถึงในครัว แต่เปลี่ยนไปนั่งรอที่ห้องรับแขกแทน

ระหว่างที่รอนี้ อนุรักษ์ก็ยกอาหารเช้ามากินที่ห้องรับแขกเพื่อคุยเป็นเพื่อนเธอ ชายหนุ่มชวนหญิงสาวกินขนมปังกับกาแฟนด้วยกัน แต่จินตนาการปฏิเสธเพราะกินอาหารเช้ามาจากบ้านเรียบร้อยแล้ว

“เมื่อวานตอนกลับมา พี่เอกเป็นไงบ้างคะ จินนี่เผลอหนักมือไปหน่อย” หญิงสาวกระซิบกระซาบถาม เพราะในใจยังมีความรู้สึกผิดคงค้างอยู่

“จินนี่ทำอะไรไปล่ะ”

“พี่เอกไม่ได้เล่าหรือคะ”

อนุรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบ หญิงสาวก็เลยบอกไปว่าเธอจับแก้มเขา ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ฟัง น้ำเสียงคล้ายว่านี่เป็นเรื่องตลกขบขัน แต่จินตนาการก็ยังมองออกว่าแววตาของชายหนุ่มมีความห่วงใยแฝงอยู่ ยามที่เอ่ยถึงพี่ชายคนเดียว

“แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกจินนี่ อย่าคิดมากเลย พี่เอกยืนกรานว่าจะไปส่งจินนี่ที่มหา’ลัยเอง ไม่โบ้ยมาให้พี่ แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

ชายหนุ่มแกล้งพูดเกินจริงนิดหน่อย เพื่อที่สาวน้อยข้างบ้านจะได้รู้สึกดีขึ้น เขายังจำได้ดีว่าเมื่อก่อนพี่ชายกับจินตนาการเคยสนิทกันมาก แต่พี่ก็ลืมเรื่องของเธอไปจนหมด ซ้ำร้ายพอกลับมาเจอกันยังทำท่าทีว่ารังเกียจเธออีกต่างหาก เขาเลยนึกสงสารหญิงสาวขึ้นมา

คุยกันได้อีกพักหนึ่ง เอกดนัยก็เดินหน้าเครียดมาหาจินตนาการ ชายหนุ่มพูดห้วนๆ โดยไม่มองหน้าว่า ‘ไปกัน’ แล้วเดินดุ่มๆ ไปที่รถโดยไม่รอหญิงสาว คนตัวเล็กเลยรีบหอบกระเป๋าแล้ววิ่งตามไป

“นั่งเบาะหลังริมสุดเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นไม่ออกรถ” ชายหนุ่มประกาศเสียงเข้ม

จินตนาการทำปากยื่นด้วยความไม่พอใจ หญิงสาวตั้งท่าจะเถียง แต่สุดท้ายก็ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี และทำตัวเรียบร้อยตลอดเวลาที่ไปมหาวิทยาลัย ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อดูท่าทีของชายหนุ่ม จะได้เตรียมพร้อมสำหรับแผนการรักษาโรคกลัวขั้นต่อไป





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ค. 2555, 18:13:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ค. 2555, 18:13:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1521





<< บทที่ 2 จินนี่ในรถยนต์   
goldensun 2 ก.ค. 2555, 20:54:32 น.
กลายเป็นว่าน่าสงสารทั้งสองคนเลย คนนึงช็อคจนลืมความผูกพัน ส่วนอีกคนถูกลืมทั้งที่ใจยังผูกพัน
ต้องให้เอกช็อคขนาดไหนถึงจะหาย
กำลังคิดถึงอยู่เลยค่ะ ว่าหายไปไหน


nunoi 2 ก.ค. 2555, 21:59:39 น.


Zephyr 2 ก.ค. 2555, 22:17:05 น.
ตุ๊กแกจินนี่ โดนลืมซะแล้ว น่าสงสารจัง
แต่ชีวางแผนจะทำไรพี่เอกอีกเนี่ย เฮียจะช็อกมั้ยนะ


nitayab 2 ก.ค. 2555, 23:23:33 น.
ระวังพระเอกของเราช็อคตายก่อนจะหายจากโรคกลัวผู้หญิงนะค๊ะ


ByFaR 3 ก.ค. 2555, 05:21:15 น.
feel sad for Ginnie


Thananya 10 ก.ค. 2555, 23:21:01 น.
สนุกอ่า ลุ้นด้วย กลัวพระเอกช็อค


ป้าภา 13 ก.ค. 2555, 12:59:13 น.
อ่านแล้วเครียดอะ น่าสงสาร อย่าแกล้งพระเอกนางเอกของป้านานนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account