ตัวกวนขอป่วนหัวใจ
เขียนนางเอกแปลกมาก็เยอะ คราวนี้ขอเขียนพระเอกแปลกๆ บ้างนะคะ เรื่องนี้พระเอกหล่อสมบูรณ์แบบ ชาติตระกูลดีมีการศึกษา เสียอย่างเดียว 'เป็นโรคกล้วผู้หญิง' งานนี้เลยต้องพึ่งสาวน้อยตัวแสบให้มาช่วยรักษาแบบหักดิบให้ มาร่วมลุ้นกันค่ะว่า ตัวกวนจะเข้าไปป่วนหัวใจอาจารย์หนุ่มสุดหล่อได้ไหมแล้ว 'รักแท้จะแพ้ความกลัวหรือเปล่า?'
Tags: ด็อกเตอร์หนุ่ม ลูกศิษย์สาว รักใสๆ ฮา รั่ว นางเอกซนๆ พระเอกน่าเวทนา ตุ๊กแก โรคกลัวผู้หญิง คอมเมดี้

ตอน: บทที่ 2 จินนี่ในรถยนต์

บทที่ 2 จินนี่ในรถยนต์

เมื่อราตรีกาลผ่านไปเช้าวันใหม่แสนสดใสก็เริ่มต้นขึ้น และแล้วก็ได้เวลาที่เอกดนัยจะต้องตื่นขึ้นมาผจญกับเหล่าตุ๊กแกอีกครั้ง วันนี้ทุกอย่างเริ่มต้นเหมือนเคย ชายหนุ่มตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเล็กน้อย พอหกโมงเช้าก็ลงมารดน้ำต้นไม้ เสร็จแล้วก็อาบน้ำแต่งตัว หกโมงสี่สิบห้านาทีลงมานั่งจิบกาแฟพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ พอเจ็ดโมงสิบห้านาทีก็ออกไปทำงาน และเข้าสอนตอนเช้าตรงเวลา

การสอนผ่านไปด้วยดีอย่างประหลาด ทุกอย่างราบเรียบจนไม่เห็นเค้าว่านับจากวันนี้ไปความสงบสุขที่หาได้ยากยิ่งในชีวิตจะถูกบั่นทอนให้เหลือน้อยลง…น้อยลง…จนไม่เหลือในที่สุด

ในขณะที่กำลังสบายใจ ความตื่นเต้นแบบออร์เดิร์ฟก็ลอยมาเสิร์ฟถึงที่ ปกติถ้าสอนเสร็จแล้วชายหนุ่มจะเก็บของอย่างรวดเร็วแล้วรีบออกไปจากห้อง ทว่าวันนี้กลับมีลูกศิษย์คนสวยก้าวฉับๆ มาดักทางหนีของเขาเอาไว้

“อาจารย์คะช่วยอธิบายตรงนี้หน่อยสิคะ”

ภิชาเดินฉีกยิ้มหวานเข้ามาหาอาจารย์รูปหล่อ เธอเอาตัวขวางทางออกไว้ทำให้เอกดนัยเดินออกไปไม่ได้ ดวงตาของเจ้าหล่อนแฝงแววออดอ้อนเว้าวอน ใครได้เห็นก็คงยากที่จะทำใจแข็งด้วยได้ ทว่าเอกดนัยกลับตัดบทอย่างไร้เยื่อใย

“ไว้วันหลังได้ไหมครับ ผมกำลังรีบ ขอโทษจริงๆ”

สำหรับเอกดนัยแล้ว ใบหน้าสวยนั้นไม่ต่างอะไรกับหน้าตุ๊กแกผี ชายหนุ่มเดินถอยหลังออกมาจากโต๊ะเพื่อหนีไปทีทางออกอีกทาง

ต้องเผ่นด่วนก่อนจะมีตุ๊กแกตัวอื่นวิ่งมาถามอีก

ก่อนหน้านี้เขาเคยหลวมตัวอธิบายไปให้ครั้งหนึ่ง เผลอหน่อยเดียวมือของใครคนหนึ่งก็โผล่มาโดนมือเขาอย่างไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มแทบเป็นลมตายตรงนั้นด้วยความหวาดกลัว แต่ยังประคองสติหลบฉากออกมาได้โดยไม่กรีดร้องให้ใครสงสัย

ประสบการณ์ครั้งนั้นยังตามมาหลอนจนถึงทุกวันนี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เวลามีใครไม่เข้าใจอะไรเขาจะอาศัยวิธียกยอดไปอธิบายให้ทั้งคลาสฟังในคาบเรียนหน้า โดยบวกเวลาสอนเพิ่มให้และแถมท้ายด้วยการติวนอกรอบตอนใกล้สอบให้ด้วย ก็มีทั้งพวกโอดครวญที่ต้องเรียนเพิ่ม และพวกที่ชอบการสอนแบบนี้ เขาเลยอนุญาตให้ออกจากห้องได้เลยถ้าหมดเวลาแล้ว ซึ่งพอเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครอาจหาญลุกออกไปก่อนเลยสักคน

“แป๊บเดียวนะคะอาจารย์...นะคะ”

หญิงสาวยังไม่ยอมแพ้ วิ่งดักหน้าดักหลังด้วยความคล่องแคล่ว

วันนี้โอกาสจะต้องเป็นของเธอ อุตส่าห์ลงทุนใส่รองเท้าผ้าใบมาเรียนก็เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ปล่อยให้หนีเด็ดขาด

“ผม…คือผม…”

เจอเข้าขนาดนี้เอกดนัยเลยได้แต่ยืนตัวแข็ง ด้วยไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรต่อไปดี

ทันใดนั้นผู้ช่วยพระเอกก็โผล่มา อนุรักษ์ต้องเข้ามาสอนต่อในห้องนี้พอดิบพอดี เอกดนัยเลยได้โอกาสขอความช่วยเหลือ

“นุๆ มาทางนี้หน่อย” ชายหนุ่มตะโกนเรียก

“อะไรพี่”

อนุรักษ์เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะพี่เรียกหรอกนะแต่มีสาวสวยอยู่ด้วยต่างหาก

“ช่วยอธิบายให้นักศึกษาหน่อย พี่ต้องรีบไปทำธุระ”

พูดจบก็วิ่งอ้อมด้านหลังอนุรักษ์ไปที่ประตูทางออกอีกทาง โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าน้องชายที่จบปริญญาโททางด้านวิศวกรรมศาสตร์มาจะเข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์การเงินหรือไม่

ภิชาทำท่าจะวิ่งตามแต่อนุรักษ์ขยับตัวมาขวางเสียก่อนเพื่อกันไม่ให้หญิงสาวตามพี่ชายไปได้

“ว่าไงครับไม่เข้าใจตรงไหน”

อนุรักษ์ไม่ถามเปล่าแต่ยังเดินเข้ามาขวางทางหญิงสาวด้วย ผู้ช่วยพระเอกเสียอย่าง ไม่มีทางปล่อยให้ตามไปได้อยู่แล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ ไว้ให้เพื่อนอธิบายก็ได้”

ภิชาสะบัดหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าเป้าหมายหลุดรอดไปได้

“ขอทางหน่อยค่ะอาจารย์ หนูจะออกจากห้อง”

คุณเธอมองอนุรักษ์ตาเขียวปัด แล้วกระแทกส้นเท้าออกไปจากตรงนั้น

“ทำไมสาวๆ สวยๆ ต้องหนีเราเรื่อยเลย ไม่เข้าใจ”

ผู้ช่วยพระเอกยักไหล่ มองสำรวจตัวเองอย่างใช้ความคิด หน้าตารึก็หล่อสูสีกัน อัธยาศัยดีกว่าพี่ชายเป็นไหนๆ ทำไมผู้หญิงถึงได้เมินตลอด อุตส่าห์ไปทำสีผมให้เข้ากับเทรนเกาหลีแต่ก็ยังไม่มีสาวนักศึกษาหลงมากับเขาสักที

โลกเรานี่หนอมันช่างประหลาด คนพี่เกลียดผู้หญิงแต่มีสาวรุมจีบเป็นร้อย ส่วนน้องชอบผู้หญิงแต่ไม่ยักมีใครมาตามกรี๊ดบ้าง จะมีก็แต่กะเทยหุ่นล่ำ ที่ขยันส่งสายตาปิ๊งปั๊งมาให้เป็นประจำเท่านั้น

อนุรักษ์ยังไม่หายคาใจก็เลยตั้งกระทู้นี้ให้เหล่านักศึกษาช่วยกันหาคำตอบ ถามไปไม่ทันไรก็มีคนยกมือขอตอบ

“ผมรู้ครับอาจารย์ เพราะโหงวเฮ้งอาจารย์ไงครับ หูอาจารย์น่ะมีปัญหา”

“หูผม ทำไมเหรอ”

อนุรักษ์เอามือจับหูตัวเองทันที จะว่ามันกางหรือรูปร่างประหลาดก็คงไม่ใช่ หรือมีขี้หูเขรอะสาวๆ เลยเมิน

“หูอาจารย์ดำครับ”

นักเรียนตัวดีตอบแบบชัดถ้อยชัดคำ เรียกเสียงฮาลั่นห้อง กว่านายอนุรักษ์จะเข้าใจว่าถูกว่าว่า ‘หน้าหม้อ’ ก็กินเวลาหลายนาที พวกนักศึกษาเลยได้ทีหัวเราะกับท่าทางงงๆ ของชายหนุ่มกันอีกรอบ


ขณะที่อนุรักษ์เริ่มสอนเอกดนัยก็หลบฉากมาที่ลานจอดรถได้อย่างปลอดภัย ที่นี่เองความหายนะซึ่งเปรียบเสมือนอาหารจานหลักชุดใหญ่กำลังรอชายหนุ่มอยู่

ชายหนุ่มตรงไปที่รถตัวเอง แล้วล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกุญแจรถ แต่ปรากฏว่าไม่พบสิ่งที่ต้องการ ลองหาในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าเอกสารก็ไม่มีเช่นกัน เอกดนัยมั่นใจว่าไม่ได้ลืมทิ้งเอาไว้ในห้องสอน ชายหนุ่มวางของในมือก็ตอนแวะไปเอาเอกสารในห้องทำงานเท่านั้น เมื่อคิดได้แบบนี้ชายหนุ่มก็รีบเดินย้อนกลับไปหา แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อบนโต๊ะทำงานโล่งๆ ไม่มีอะไรอยู่เลย

ซวยแล้วไหมล่ะ!

ชายหนุ่มสอดส่ายสายตามองหาตามทางเดินอย่างร้อนรน วันนี้เขาสอนเพิ่มให้ครึ่งชั่วโมง นั่นแสดงว่าถ้าอีกสิบนาทีเขายังหากุญแจไม่พบ ทางเดินปลอดคนในขณะนี้จะกลายเป็นลานกรีฑาทัพของบรรดาตุ๊กแกสาวให้เขาได้สยองเล่น

เอกดนัยเดินหากุญแจจนมาถึงรถตัวเอง แล้วชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในรถมีหญิงสาวใส่ชุดนักศึกษานั่งอยู่ ขยี้ตาดูหลายครั้งก็พบว่ามันก็ไม่ได้ตาฝาดหรือเห็นภาพหลอน จะว่าผิดคันก็ไม่ใช่ คำถามจึงผุดขึ้นมาในใจว่าเธอไปเอากุญแจเขามาจากไหน แล้วทำไมถึงเข้าไปนั่งอยู่ในรถ

พอรู้ตัวว่าถูกมอง คนในรถก็กดปุ่มเปิดล็อก พลางกดกระจกลง แล้วกวักมือเรียกให้เขาเข้ามา

“จะยืนขมวดคิ้วอีกนานไหมคะ เข้ามาสิ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

ในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำไว้รออยู่แล้ว เธอคงเข้ามานั่งรออยู่ในนี้ได้สักครู่หนึ่ง พอเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดๆ เอกดนัยก็ต้องผงะ เพราะเธอคนนี้คือคนเดียวกันกับสาวน้อยจอมกวนข้างบ้าน

“คุณมานั่งอยู่ในรถผมได้ยังไง!”

เอกดนัยกอดอกวางมาดขรึมเพื่อข่มอาการกลัว ทั้งที่ในใจหน้าซีดเหงื่อตกที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่กลัวในระยะเผาขน

“เห็นกุญแจมันตกอยู่ เลยไขเข้ามานั่งรอน่ะสิ” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ

ความจริงเธอแล้วเธอแอบสะกดรอยตามชายหนุ่มมาตั้งแต่เช้า พอเขาเผลอวางกุญแจรถทิ้งไปตอนไปสอน เธอเลยขโมยมา เพื่อที่จะได้กลับบ้านด้วยกัน

“นี่มันรถผมนะคุณ ลงไปได้แล้ว”

ชายหนุ่มทำเสียงเข้ม พลางคิดในใจว่าถ้ากลับไปจะต้องทำความสะอาดรถ จัดการลบกลิ่นตุ๊กแกในรถออกโดยด่วน ถ้าจำเป็นอาจจะต้องส่งเบาะไปซักด้วย

“เพื่อนบ้านกัน กลับด้วยกัน ประหยัดน้ำมันดีออก ลดโลกร้อนด้วยนะคุณ”

ถึงจะเห็นด้วยกับเรื่องการประหยัดน้ำมัน แต่คนกลัวผู้หญิงก็ยังหาข้ออ้างน่าฟังมาพูดได้

“ใครเห็นเข้าเธอจะถูกเข้าใจผิด เป็นสาวเป็นนางกลับบ้านกับผู้ชายมันไม่งาม”

หญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างเป็นต่อใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังผงะ

“พูดซะน่าฟังเชียว รู้หรอกน่าว่าเป็นโรคกลัวผู้หญิง”

“นุบอกเธอใช่ไหม?”

เอกดนัยกัดฟันกรอด ใจนึกโทษความปากไม่มีหูรูดของน้องชาย ชายหนุ่มนึกไปไกลว่าน้องชายตัวดีอาจจะอยากแกล้งเขาเลยบอกที่จอดรถประจำของให้หญิงสาวรู้ เผลอๆ อาจจะเป็นคนแอบเอากุญแจไปให้เจ้าหล่อนก็ได้ คิดแล้วก็โมโหจนอยากจะรีบกลับบ้านไปเตะสั่งสอนน้องชายตัวดีสักทีสองที

“พี่นุไม่ได้พูดอะไร คุณลุง…ฉันหมายถึงพ่อคุณเล่าให้ฟังต่างหาก คุณพ่อคุณขอร้องฉันมาว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ไปกลับกับคุณ”

ชายหนุ่มฟังคำชี้แจงอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ใจเขาไม่คิดว่าบิดาจะทำอะไรโหดร้ายอย่างนี้กับลูกชายได้ลงคอ จึงลองโทรศัพท์ไปถามดู ทว่าคำตอบที่ได้กลับตรงข้ามกับที่คิด

“พ่อแม่เขาทำงานอยู่ต่างประเทศเลยฝากพ่อดูแลหนูจินนี่ให้ ไหนๆ แกก็ต้องไปทำงานอยู่แล้วให้น้องเขาติดรถกลับมาหน่อยก็แล้วกัน”

ศาสตราจารย์อนันต์ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวาน บังเอิญว่าลูกชายหลับเสียก่อนเลยไม่ได้บอก โทรมาก็ดีแล้วจะได้ฝากให้ดูแลเสียเลย

“นี่พ่อเอาจริงใช่ไหม? เอกดูแลไม่ไหวหรอก ฝากให้กลับกับนุดีกว่า” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ

“อย่าปอดน่า หนูจินนี่ไม่กัดแกหรอก เขาเป็นคนน่ารัก หัดคบกับผู้หญิงซะบ้าง แกจะได้หายเร็วๆ ไง”

และแล้วคนเป็นพ่อก็เผยเจตนาแฝงของตัวเองออกมาในตอนท้าย ถึงแผนการจะดูโหดอยู่สักหน่อย แต่ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อลูกทั้งนั้น

“สรุปผมต้องกลับพร้อมยัยนี่จริงๆ ใช่ไหม”

คำพูดนี้ไม่ใช่คำถาม แต่เหมือนจะบอกตัวเองมากกว่าว่าคำสั่งของบิดาเป็นเรื่องจริง พ่อเป็นคนรั้นมาก สั่งอย่างไหนก็ต้องได้อย่างนั้น ลองพูดมาแล้วว่าจะให้กลับด้วยกัน นั่นแสดงว่าเขาหมดทางหลบเลี่ยง หรือหากอยากหนีจริงๆ ก็ทำได้ แต่ต้องเตรียมใจรับแผนการดัดหลังของพ่อที่โหดกว่าเดิมหลายเท่าตัว

“ไม่ใช่แค่กลับ ทั้งไปและกลับต่างหาก แค่นี้นะ…พ่อจะปิดมือถือแล้ว ต้องเข้าประชุม”

ศาสตราจารย์อนันต์รีบวางสายก่อนที่ลูกชายคนโตทันได้โอดครวญมากไปกว่านี้

ให้กลับบ้านกับผู้หญิงทุกวันแถมยังเป็นยัยจอมกวนนี่อีก คิดได้ยังไงเนี่ย สร้างสรรค์แบบบ่อนทำลายสิ้นดี

ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ เขารู้สึกปวดหัวแล้วคลื่นไส้วิงเวียนขึ้นมาทันที

ทำใจรับความจริงได้ไม่เท่าไร แม่สวยจอมกวนก็ชะโงกหน้าออกมาจากรถ แล้วส่งยิ้มกว้างอย่างเป็นต่อมาให้

“ฝากตัวด้วยนะคะด็อกเตอร์”

เอกดนัยยืนกล้าๆ กลัวๆ อยู่นาน กว่าจะฝืนเข้าไปนั่งประจำที่นั่งคนขับได้ เขายอมให้หญิงสาวติดรถไปด้วย แต่มีข้อแม้ว่าต้องนั่งเบาะฝั่งซ้าย ทำตัวให้ติดประตูรถมากที่สุด ห้ามขยับ ห้ามกระดุกกระดิก หรือเฉียดเข้ามาใกล้ที่นั่งคนขับอย่างเด็ดขาด

หญิงสาวยอมทำตามโดยไม่โต้แย้ง พอรถเคลื่อนตัวออกมาจากลานจอดรถ เธอก็เริ่มชวนคุย

“ฉันชื่อจินตนาการ เรียกจินนี่ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

สาวน้อยชื่อเก๋ยิ้มหวานอย่างเป็นมิตร แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเธอเลย ท่าทางเขาเครียดจัด ใบหน้ามีเหงื่อผุดพราวขึ้นเต็มไปหมด ทั้งที่อากาศในรถเย็นฉ่ำ

จินตนาการมองคนที่นั่งตัวแข็งทื่อหลังพวงมาลัยตาปริบๆ เธอไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะเครียดอะไรหนักหนากับแค่มีเธอนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง ท่าทางอาการกลัวผู้หญิงของเขาจะสาหัสทีเดียว

“ให้ฉันขับรถให้ไหม” หญิงสาวอาสาอย่างมีน้ำใจ

ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นความเงียบ ใบหน้าเนียนใสจึงเริ่มงอง้ำ

“ได้ยินหรือเปล่า คนเขาพูดด้วยทำไมไม่ตอบ หวังดีแท้ๆ ได้ยินไหม ได้ยินไหม ได้ยินไหมๆๆๆ”

แม่หนูจินนี่ถามซ้ำจนคนฟังเริ่มรำคาญ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมตอบรับ เอกดนัยกำลังกลัวจัดเลยได้ยินคำพูดของหญิงสาวเป็นเสียง ‘ตุ๊กแก๊…ตุ๊กแก้’ แทนคำพูดที่สื่อสารกันได้เข้าใจ

เมื่อไม่ได้รับคำตอบจินตนาการเริ่มโกรธขึ้นมากรุ่นๆ ก็เลยขยับจากที่นั่งตัวเองทำท่าจะโผเข้าไปหาเอกดนัย ชายหนุ่มซึ่งคอยมองกระจกหลังอย่างระวังระไวอยู่แล้ว จึงรีบส่งเสียงปรามดังลั่น

“ห้ามขยับ! กลับไปที่ของเธอซะถ้าไม่อยากรถคว่ำตาย”

“ไม่เอา ตายเป็นตายสิ ไม่รู้ล่ะ คนเขาพูดด้วยทำไมไม่ยอมตอบ”

ตุ๊กแกน้อยที่เบาะหลังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดูแล้วท่าทางจะบ้าเลือดพร้อมกระโดดมาเกาะคอเขาได้ทุกขณะ ตอนนี้ใกล้เที่ยงรถค่อนข้างเยอะ ถ้าเขากลัวจนคุมสติไม่ได้มีหวังเกิดอุบัติเหตุแน่

ยังไม่ทันได้รวบรวมสมาธิมือเล็กขาวๆ ก็ยื่นเข้ามาใกล้บริเวณต้นคอ ความสยดสยองที่กำลังคืบคลานเข้ามาทำชายหนุ่มตัวแข็งทื่อ รู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ สติอันน้อยนิดเตือนให้รีบละทิ้งศักดิ์ศรีก่อนหายนะจะมาเยือน

“พูดแล้วครับ ถามอะไรจะตอบทั้งนั้น กลับไปนั่งที่ที ผมผิดไปแล้ว” ชายหนุ่มละล่ำละลักตอบ

เมื่อได้คำตอบที่พอใจสาวน้อยจินตนาการก็ยอมขยับกลับไปมุมเดิม แต่แววตาก็ยังแฝงแววคุกคามดังจะประกาศว่า เธอพร้อมจะลุกขึ้นมาจัดการกับเขาได้ทุกเมื่อหากเขาทำอะไรให้ไม่พอใจ

“ให้ฉันเปลี่ยนมาขับไหม” หญิงสาวถามอีกครั้งแต่น้ำเสียงกระด้างผิดกับตอนแรกลิบลับ

“ไม่เป็นไร ผมขับเองได้”

เมื่อชายหนุ่มยืนกรานอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่เซ้าซี้อีก เอกดนัยจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ทว่าไม่ทันไรก็ต้องหน้าตึงอีกครั้งเพราะเจอคำถามที่ไม่อยากตอบเข้าไป

“ทำไมคุณถึงกลัวผู้หญิงล่ะ”

“เรื่องส่วนตัว ผมไม่ขอตอบ”

เอกดนัยไม่ชอบให้ใครมาซ่อกแซกเรื่องของเขา โดยเฉพาะการเข้ามาคุ้ยแคะแกะปมในใจ

“ตามใจ ไม่ตอบก็ได้”

หญิงสาวทำท่าเหมือนจะเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่การกระทำนั้นสวนทางกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เอกดนัยเห็นผ่านกระจกมองหลังคือตุ๊กแกน้อยกำลังทำปากขมุบขมิบ เหมือนกำลังนับถอยหลัง จากนั้นก็ขยับมาใกล้เรื่อยๆ

ไม่ต้องเล่าก็ได้ แต่ไม่รับประกันความปลอดภัยของชีวิตหรอกนะ

เอกดนัยกลับมาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง เมื่อระยะห่างระหว่างเขากับแม่สาวตาโต เหลือเพียงแค่ฟุตเดียว

“อย่าเข้ามาใกล้ได้ไหม ไปนั่งที่เลยไป ผมเล่าก็ได้ว่าทำไมถึงกลัวผู้หญิง” ชายหนุ่มรีบพูด

“จะดีเหรอ เรื่องส่วนตัวไม่ใช่หรือไง ฉันไม่บังคับนะ” หญิงสาวทำตาใสซื่อ แต่รอยยิ้มนั้นเจ้าเล่ห์จับจิต ทำเอาคู่สนทนารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อของปีศาจร้าย

จริงๆ แล้วมันก็ถูกของเจ้าหล่อนนั่นแหละ นี่ไม่เรียกว่าบังคับหรอกแต่เรียก ‘ข่มขู่’

ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงต้องฝืนใจเล่าเรื่องน่าอายของตัวเองให้ฟัง เอกดนัยพูดไปตามตรงว่าเขาเองก็จำไม่ได้ว่าทำไม่ถึงกลัวผู้หญิง รู้แต่ว่าหมดสติไป ตื่นมาก็กลัวแล้ว แต่ก็คิดว่าคงเกิดเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างขึ้น ก็เลยฝังใจ

หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักว่าเข้าใจ พร้อมกันนั้นก็ตีกำปั้นลงบนมือ

“ฉันชื่อจินนี่ ไม่ได้เป็นจินนี่แค่ชื่อนะ ให้พรคุณได้ด้วย เชื่อมือเลยว่าจินนี่สุดสวยคนนี้จะทำให้คุณหายกลัวผู้หญิงเอง”

“ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมเกรงใจ”

ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าพูดตามมารยาท เขาไม่ต้องการการช่วยเหลือจากเธอเลยสักนิด ขนาดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังช่วยเขาไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับแม่สาวที่ดูจะอ่อนกว่าเขาเป็นสิบปีคนนี้ ท่าทางจะมาแกล้งกันเล่นเสียมากกว่า

“ไม่เป็นไรค่ะ สาวสวยอย่างฉันมีน้ำใจเผื่อแผ่ให้เพื่อนมนุษย์ที่กำลังลำบากอยู่แล้ว”

ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็ทำหน้าบานเหมือนกำลังถูกชม อาการนั้นบอกให้รู้ว่าเธอเอาจริง

ทนฟังเสียงสาวน้อยข้างบ้างจ้อได้สักพักใหญ่ รถก็แล่นมาถึงหน้าบ้านของจินตนาการ แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมลงทั้งที่อุตส่าห์ขับรถเลยมาจอดส่งถึงหน้าประตูรั้ว

“สุภาพบุรุษเขาต้องทำยังไงเอ่ย?”

พูดแล้วก็เบนสายตาไปที่ประตูรถ พร้อมกับโคลงศีรษะไปมาอย่างอารมณ์ดี

เอกดนัยถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งเฮือก ก่อนจะมาเปิดประตูให้ ชายหนุ่มเห็นภาพชะตากรรมของตัวเองต่อจากนี้ไปอย่างชัดแจ้งทีเดียวว่า ตราบใดที่เธอยังถือไผ่เหนือกว่า เขาคงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนขับรถกึ่งคนรับใช้ของเจ้าหล่อน

กรรมอะไรของเขาหนอ อยู่ๆ สวรรค์ก็ส่งยัยตุ๊กแกตาแป๋วนี่มาป่วนชีวิต

“ขอบคุณค่ะ”

จินตนาการกระโดดลงมาถอนสายบัวแล้วโปรยยิ้ม หญิงสาวใช้จังหวะตอนที่เอกดนัยเผลอ เอานิ้วแตะริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะเอามาแตะที่แก้มของชายหนุ่ม

“Good night kiss. ราตรีสวัสดิ์ล่วงหน้าค่ะด็อกฯ”

ว่าแล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีเดินกรีดกรายเข้าไปในบ้าน ส่วนฝ่ายที่โดนจับแก้มน่ะหรือ?

ช็อกค้างไปแล้วครับท่าน





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2555, 13:41:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2555, 13:41:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1616





<< บทที่ 1 สาวน้อยข้างบ้าน   บทที่ 3 คนที่ถูกลืม >>
ลูกกวาดสีส้ม 14 มิ.ย. 2555, 14:52:51 น.
สาวน้อยของเรา...แอบร้ายอะ

อิอิ แต่น่ารักดี แบบนี้จะสงสารคุณเอกดีมั้ยเนี่ย


Zephyr 14 มิ.ย. 2555, 15:11:34 น.
จินนี่จ๋า เห็นใจพี่เอกหน่อยน้าาาาา
เลี้ยงไว้ดูเล่นเถ้ออออ อย่าเพิ่งให้พี่แกช็อกตายไปก่อนนะ หึหึ


mhengjhy 14 มิ.ย. 2555, 16:05:46 น.
5555 จินนี่น่าร้ากกก ฝากแกล้งคุณเอกอีกหลายๆ ที


nunoi 14 มิ.ย. 2555, 17:13:37 น.
จินนี่จ๋า จะช่วยให้หายจากโรคกลัวผู้หญิง หรือจะแกล้งให้ช็อกตายกันแน่


มะดัน 14 มิ.ย. 2555, 18:45:40 น.
โดนจัดหนัก 555


goldensun 14 มิ.ย. 2555, 19:15:02 น.
ชอบจินนีจัง เหมือนหักดิบคุณเอกเลย ลูกล่อลูกชนเยอะมากๆๆๆ ไม่ช็อคตายก่อน คุณเอกคงหายกลัวผู้หญิงได้


ปอยอะนะ 14 มิ.ย. 2555, 19:50:03 น.
พระเอกของเราคงไม่หัวใจวายก่อนรักษาโรคหายนะ


yoko 16 มิ.ย. 2555, 00:09:56 น.
สงสัยคุณด็อกต้องรีบเข้าไปอาบน้ำขัดแก้มเป็นการใหญ่ละวันนี้


ไม้เอก 16 มิ.ย. 2555, 00:35:38 น.
น่ารั๊ก น่ารัก :)


ByFaR 3 ก.ค. 2555, 05:12:33 น.
good match ka


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account