ลำนำรักสายลม
และสายลม,
สายลมปรากฏกายเพื่อทักทายตะวัน
ณ รุ่งอรุณเมื่อรัตติกาลสิ้นสุด
ความยโสของเขาซัดสาดหมู่เมฆแหลกกระจาย
และโลกกลับกลายเป็นสีเทา
และสีเทากลับกลายเป็นผืนฟ้า
ในโมงยามที่ดวงดาราม้วยมรณา
แลดวงจันทราเร้นลี้แสงเผือดเศร้า
ด้วยโลกของเธอลาลับไปกับรัตติกาล

ตะวันโผนผงาดด้วยอภิอำนาจ
โลกตื่นสู่โมงยามแห่งการทักทาย
ผืนนทีแดงชาดด้วยจุมพิต
ความรุ่งโรจน์อันทรงเกียรติพัดสู่สายลม
เร่าร้อน
เร่งเร้า

ในความแข็งแกร่งที่มองไม่เห็น
ชัยชนะได้ถือกำเนิด
(ดัดแปลงจากบทกวี The Wind at Dawn ของ Alice Elgar)


(ยังเขียนเรื่องย่อไม่เสร็จ ประมาณนี้ก่อนนะคะ ^^X)
Tags: รักโรแมนติก วัยรุ่น ผู้ใหญ่

ตอน: บทนำ.3

วันนี้เป็นวันแสดงอาชีพวันแรกของชีวิตหล่อนเหมือนกับนักเต้นอีกหลายคน อัจจิมารีบเข้าไปในห้องแต่งตัว มันเต็มไปด้วยเสียงคุย เสียงสั่งการ คนเดิน การเคลื่อนย้ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ

“ไฮ แองจี้” หลายคนโบกมือให้ อัจจิมาโบกมือตอบ หล่อนรีบเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดฝึกรัดรูปสายเดี่ยวสีม่วงอ่อนกับถุงน่องสีขาวสะอาด และกลับมานั่งยังเก้าอี้ประจำของตน ผมยาวซึ่งรวบไว้เป็นหางม้าหลวมๆ ถูกปลดออก อัจจิมาบรรจงหวีและรวบผมทั้งหมดเป็นหางม้าอีกครั้ง ดึงให้ตึง แล้วรวบหนังยางเส้นหนามัดไว้จนแน่น จากนั้น หญิงสาวหยิบฟองน้ำก้อนใหญ่รูปโดนัทสีเดียวกับผมออกมาจากกระเป๋า สวมทับหางม้า คลี่ผมให้คลุมโดนัทฟองน้ำจนทั่ว แล้วรัดหนังยาวเส้นหนาไว้อีกชั้นเพื่อครอบตาข่ายคลุมผมและเก็บลูกผมที่เหลือด้วยกิ๊บดำจนผมทั้งหมดถูกรวบเก็บเรียบร้อย

ที่นี้ก็ถึงเรื่องสำคัญที่สุด...การสวมรองเท้าบัลเล่ต์

หัวใจสำคัญของระบำปลายเท้าคือการทรงตัวบนปลายเท้า ดังนั้น การสวมรองเท้าจึงมีความสำคัญมาก อัจจิมาหยิบรองเท้าสีชมพูคู่ใหม่ของตัวเองออกมา หล่อนเพิ่งซื้อมันเมื่อเดือนก่อน หนังวัวรองอุ้งเท้ายังแข็งเกินไปแม้หญิงสาวจะหมั่นดัดทุกวัน อัจจิมาเริ่มจับมันโค้งตามรูปเท้าอย่างเบามือทั้งสองข้าง

รองเท้าคู่หนึ่งราคาพอสมควรและมีอายุใช้งานไม่นานนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อน อัจจิมาจะต้องใช้มันจนเก่ารุ่ยหมดสภาพกว่าได้จะเปลี่ยนใหม่ บางครั้งต้องใส่ถุงเท้าเรียนแก้ขัด เมื่อหาเงินน้ำพักน้ำแรงก้อนแรกได้ อัจจิมาทำอยู่สองสิ่ง คือซื้อรองเท้าบัลเล่ต์ใหม่เสียหลายคู่ และซื้อเครื่องเล่นซีดีฟังเพลง

หญิงสาวหยิบเทปพันนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว เน้นที่หัวแม่โป้งและนิ้วก้อย รอยช้ำจางๆ จากการซ้อมที่ผ่านมามีให้เห็นรำไร ฟองน้ำหุ้มปลายเท้าถูกหยิบมาสวม การใช้มันโดยลำพังปราศจากถุงน่องเก่านุ่มหนาเป็นความยากลำบากมาก ทำเอาอัจจิมาเดินไม่ได้อยู่หลายวันเมื่อต้องทิ้งน้ำหนักทั้งหมดผ่านฟองน้ำลงไปในช่วงกล่องหนังหัวรองเท้าซึ่งเป็นส่วนรับน้ำหนักสำคัญ ถึงฟองน้ำค่อนข้างหนา แต่เมื่อถูกน้ำหนักตัวกดทับก็แทบทอนแรงหรือรับน้ำหนักใดๆ ไม่ได้ ไม่เหมือนถุงน่องเก่านุ่มซึ่งรองรับได้ดีกว่า แต่หล่อนก็ถูกห้ามใช้มันที่นี่

เมื่อสวมฟองน้ำเสร็จ อัจจิมาบรรจงสวมรองเท้าโท กระชับยางรัดข้อเท้าและพันข้อเท้าด้วยริบบิ้นสีหวาน ทดลองทิ้งตัวลงบนปลายเท้าที่ละข้าง ขยับเดินหน้าและหลัง แล้วนั่งลงเพื่อปรับสายรัดใหม่จนพอดี

อีกไม่นาน อัจจิมาจะได้ขึ้นเวทีในฐานะนักเต้นระบำปลายเท้าอาชีพ ใครเลยจะนึก ว่าคนด้อยโอกาสอย่างหล่อนกำลังจะไขว่คว้าดวงดาว

ภายในห้องวุ่นวาย หล่อนรู้สึกเหมือนมีลมกำลังโอบใต้ปีก พยุงให้หล่อนลอยสูงขึ้นไปในอากาศ

“แองจี้ มีคนฝากของมาให้น่ะ”

อัจจิมานึกถึงพายุเป็นคนแรก เขาคนเดียวที่รู้ว่าหล่อนอยู่ที่นี่

คงมีอะไรให้ประหลาดใจตามเคยตามประสาพายุกระมัง

อัจจิมายิ้มให้คนส่งข่าว แต่เมื่อของฝากถูกส่งถึงมือ อัจจิมาก็ชะงัก

ใจทั้งดวงถูกกระชากจมดิ่ง ลมที่เคยโอบใต้ปีก ได้พัดกระชากหล่อนร่วงหล่นสู่ก้นบึ้งของความรู้สึก
ณ ที่นั่น ดวงดาวไกลเกินเอื้อม และสายลมไม่ได้พยุงหล่อนไว้อีกแล้ว แต่กลับสาดซัดหัวใจจนระเนระนาด

*****************************************

พายุจากโรงละครคณะเต้นระบำปลายเท้าแห่งฮาเร็มด้วยความรู้สึกปลอดโปร่ง ชายหนุ่มผิวปากเป็นท่วงทำนองสุดท้ายก่อนจากกับอัจจิมา...ซาลูเดอมอร์

เอ็ดเวิร์ด เอลการ์ นักประพันธ์เพลงชื่อดังของโลกเป็นผู้ประพันธ์บทเพลงนี้เพื่อมอบให้กับเจ้าสาวในอนาคต และเจ้าสาวผู้นั้นได้มอบบทกวีชิ้นสำคัญเพื่อเป็นของขวัญตอบแทน นั่นคือ บทกวีสายลมแห่งรุ่งอรุณ

อัจจิมาชอบเพลงนี้ ชอบขอให้เขาเล่นไวโอลินให้ฟังเสมอ ขณะฟัง หล่อนจะหลับตาพริ้ม สีหน้าเปี่ยมสุข และด้วยสีหน้าแบบนี้เอง ที่ทำให้พายุอย่างเขา...สงบลง

ชายหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกง เช็คกล่องกำมะหยี่ใบเล็กด้วยความกังวลว่ามันจะตกหาย แต่มันก็ยังอยู่ตรงนั้นเหมือนเมื่อวาน เหมือนเมื่อวานซืน และเหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อน

บางที เขาจะนำส่งให้เจ้าของแท้จริงเสียที...ในคืนพรุ่งนี้

สายลมย่านฮาเร็มเย็นสบาย อากาศดีเกินกว่าจะนั่งรถ ชายหนุ่มเดินล้วงกระเป๋าด้วยอารมณ์วาบหวาม เขาย่างเท้าเลาะเล็มผ่านตึกน้อยใหญ่ ร้านอาหารร้านนั้นช่างน่าพาเจ้าของแหวนมาลองรับประทานมื้อค่ำ ร้านเสื้อผ้าร้านนี้ก็น่าชวนหญิงสาวให้มาเลือกซื้อ ร้านเครื่องดนตรีร้านหัวมุมมีไวโอลินสีน้ำเงินแปลกตา ชะโงกดูยี่ห้อและราคาแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน พายุคงพุ่งปรี่เข้าไปรูดบัตรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่วันนี้ เขายืนมองมันเงียบๆ และคิดว่า พรุ่งนี้จะชวนอัจจิมามาดูด้วยกันอีกรอบ

ในที่สุด เท้าทั้งคู่ก็พาเขามายังสถานที่หนึ่ง มันเป็นร้านอาหารกึ่งผับ ฝังตัวกลางย่านเที่ยวกลางคืนของฮาเร็ม หน้าร้านตกแต่งด้วยจักรยานยนต์แบบสกู้ตเตอร์ขนาดใหญ่โดดเด่นเห็นได้แต่ไกล

ร้านยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงชายอายุราวห้าสิบปี รูปร่างค่อนข้างท้วม เครื่องหน้าเหลี่ยมเหมือนชาวเม็กซิกัน ผมดำขลับขัดกับอายุจริง กำลังกวาดหน้าร้านขมักเขม้น

“มอร์นิ่ง” พายุส่งเสียงทัก ชายเม็กซิกันทำหน้างง ท้ายสุด ก็ตัดสินใจโบกมือตอบ

“ผมจะมาที่นี่ พรุ่งนี้ พาแฟนมาด้วย”

“ไม่มีใครพาแฟนมาสกู้ตเตอร์หรอก พ่อหนุ่ม ฉันไม่คิดว่าแฟนของเธอจะปลื้ม”

พายุไม่ตอบ เขาหลิ่วตาให้ก่อนเดินต่อไป ดูเหมือนทุกก้าวเดิน ความทรงจำมากมายหลั่งไหลกลับมายิ้มให้เขาไม่จบสิ้น

**************************************

ณ ช่วงเวลาเหล่านั้น ทั้งอัจจิมาและพายุไม่ได้สังเกตุว่า ความเป็นไปของทั้งคู่กำลังถูกจับตาจากชายผู้หนึ่ง

มือขาวสะอาดอย่างคนไม่เคยทำงานหนักของชายผู้นั้นกระชับถุงกระดาษในมือแน่นไม่รู้ตัว เท้าทั้งคู่ถูกตรึงอยู่กับที่ราวถูกสาปด้วยเวทย์ร้าย ความชาแล่นผ่านฝ่าเท้าขึ้นสู่สมองจนมึนงง สั่งการทั้งสรรพางค์ไม่ได้ แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ ระหว่างการเดินจากไป หรือการพุ่งเข้าไปในอาคารสีน้ำตาล ทำสิ่งค้างคาให้จบสิ้น

แล้วสีหน้าของพายุก็ทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เขาตรงไปยังอาคารแห่งนั้น ฝากถุงกระดาษไว้กับยามเฝ้าประตู ความหวังริบหรี่ถูกหุ้มห่อกลับไปยังมุมลึกสุดของหัวใจ ชายหนุ่มเดินเท้าจากฮาเร็มลงไปทางด้านใต้ของเกาะแมนฮัตตัน ผ่านเซ็นทรัลปาร์คล่วงจนถึงย่านบอร์ดเวย์ แผ่นโปสเตอร์ขนาดใหญ่ข้างอาคารแห่งหนึ่งหยุดเขาไว้ได้อีกครั้ง มันเป็นภาพเหล่านักเต้นชายหญิงในชุดบางเบาสีขาวสะอาด ทุกคนกำลังทะยานกระโดด ดวงหน้าของคนคุ้นตาอยู่ที่มุมด้านซ้าย ลีลาอ่อนช้อยดั่งนางฟ้าเอื้อมคว้าดวงดวงสุกกระจ่าง

ความรู้สึกอัดอั้นปรี่พุ่งขึ้น เขาละสายตาจากโปสเตอร์นั้น ก้าวเท้าอย่างรีบเร่งราวกับระยะทางทิ้งห่างจะช่วยสลัดสิ่งตกค้างบางอย่างได้ ก้าวต่อไปเรื่อยๆ จนถึงปลายเกาะจึงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้กลางสวนสาธารณขนาดย่อมแห่งหนึ่ง เสียงพูดจาโหวกเหวกเป็นภาษาจีนดังทั่วบริเวณ กลุ่มชายชรากำลังล้อมวงเล่นหมากรุก หญิงชราตั้งวงเล่นไพ่หรือคุยกัน ไม่มีใครสนใจชายหนุ่มผู้มาใหม่

ไม่มีใครจำเขาได้อีกแล้ว

พระพายหลับตาลง เขากำลังคิดถึงวันวานมากที่สุดในยามนี้




อลินน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2555, 15:54:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2555, 15:54:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1538





<< บทนำ.2   ลำนำรักสายลม ตอนที่ 1.1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account