เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๒๑ สาวแสบ ๒/๒

มุกดากำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์สีเทาจนเกือบดำสนิท หล่อนพอจะเดาได้ตั้งแต่ต้น เมื่อแพรวาเข้ามาขอร้องแกมบังคับให้เดินแบบชุดฟินาเล่ หล่อนอาจจะโง่ ซื่อ แล้วก็อ่อนต่อโลกจริงอย่างที่พี่สาวตัวแสบเคยออกปาก แต่มุกดาก็ไม่บื้อถึงขนาด เดาดีไซน์ของพี่สาวไม่ออก ทุกครั้งที่แพรวาเข้ามา แต่งตัว หรือยุ่งเกี่ยวกับเนื้อตัวของหล่อน ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้รู้สึกเป็นปรกติ ไม่มีครั้งที่ทำให้หล่อนรู้สึกเป็นตัวเอง ทีแรกหล่อนคิดว่าพี่สาวคงไม่ได้หวังร้าย เพียงแต่ตัวหล่อนเข้าไม่ได้กับสิ่งดีๆทั้งหลายเหล่านั้นเอง ทว่ามาบัดนี้มุกดาชักไม่แน่ใจเสียแล้ว..ว่าพี่สาวแสนสวย จะแสนดีกับหล่อนจริง อย่างที่เคยเข้าใจมาตลอดทั้งชีวิต

ชุดกระโปรงสีแสดทิ้งชายเป็นแนวเฉียงโฉบเฉี่ยวลงมาเกือบจรดข้อเท้าขาวผ่องข้างขวา หากแต่ผ่ามุมแหลมขึ้นไปเกือบครึ่งค่อนต้นขาด้านซ้าย ท่อนบนเป็นเกาะอกเนื้อบางที่เกาะได้ระดับต่ำจนน่าหวาดเสียว โกเมนสีสะดุดตารอบคอระหงยิ่งเพิ่มความยั่วยวนกว่าครั้งไหนๆ ที่เพทายเคยเห็นการออกแบบแฟชั่นของพี่สาวต่างสายเลือด อารมณ์โกรธพลุ่งพล่านจนสีเลือดฉีดขึ้นทั่วดวงหน้า ยิ่งทำให้แก้มลิงที่ตกแต่งไว้อย่างดีเปล่งปลั่งน่าขบขันสำหรับผู้พบเห็น สาวแสบลืมสนิทว่าตนเองมาในคราบคุณแม่บ้านกึ่งผู้ป่วยหลังคาแดง ขณะที่หลุดปากออกมาต่อหน้าน้องสาว จึงยังไม่ได้ปลดแว่นดำเปิดเผยตัวจริงจนแล้วจนรอด

“ฉันจะแก้เผ็ดยัยแม่มดให้แสบร้อนไปถึงชาติหน้าเลยคอยดู!”

กำลังสะอึกสะอื้นอยู่ดีๆ มุกดาถึงขั้นหยุดกึก แหงนหน้ามองผู้มาใหม่อย่างระแวดระวัง

“คุณป้าว่ายังไงนะคะ?”
เพทายขมวดคิ้วมุ่น ไม่แน่ว่าฉุนหรือขัน หล่อนชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วถามกลับ

“ฉันเนี่ยนะป้า ออกจะสาวสะพรั่งขนาดนี้ จำกันไม่ได้รึไงยะ”
มุกดาสั่นศีรษะแทนคำยืนยันว่าจำไม่ได้จริงๆ

“เออ..ลืมไป ฉันปลอมตัวมานี่หน่า”

พอนึกขึ้นได้ “คุณป้า” จึงรีบถอดแว่นดำออก มุกดาถึงบางอ้อทันทีเมื่อเห็นใบหน้ากวนประสาทของพี่สาวชัดเจน หล่อนปล่อยกิ๊กออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ทำบ้าอะไรน่ะเพ..ใครเค้าสอนให้แต่งหน้าแบบนั้น”

น้องสาวคนเล็กกลอกตาสำรวจเรื่อยลงไปถึงเครื่องแต่งกาย เสียงหัวเราะใสหลุดลอดออกมาอีกคำรบสอง

“แล้วไปขโมยชุดใครเข้าอีก โอย ไข่มุกจะเป็นลม”

“เธอคิดว่าใครกันยะ จะมาบังอาจสอนเซียนผู้เก่งกาจอย่างฉันได้..จงใจ ย่ะ จงใจ เขาเรียกว่า การปลอมตัว ขั้นสุดยอดต่างหาก!”

เพทายยกยิ้ม พร้อมกอดอกเชิดคางด้วยความภาคภูมิ

“แนบเนียนสิท่า..เธอไม่ยักจำฉันได้”

มุกดาเหลือบมองพี่สาว สายตาบ่งบอกแววขบขันระคนห่วงใย เกรงว่าเพทายจะต้องถูกส่งเข้าพบจิตแพทย์ในเร็ววัน

“เอาล่ะ เสียเวลากันมากแล้ว ชุดบ้าๆนี่ฉันจะทำลายมันซะที เห็นแล้วขวางตา”

ไม่ทันขาดคำ พี่สาวตัวแสบก็ควักกรรไกรปลายแหลมคมขึ้นมาจากกระเป๋าด้านหลัง หล่อนถอดปลอกหุ้มออกโดยไม่รีรอ ง้างหุบสลับกันราวกับอยากตัดอะไรเสียเต็มแก่ หญิงสาวก้าวสวบๆเข้ามานั่งประชิดมุกดาบนโซฟา เสียงร้องห้ามของน้องสาวเป็นตัวยั้งมือเพทายเอาไว้

“เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวก่อน..จะทำบ้าอะไร?!”

“ใครบอกว่าฉันทำบ้า..ฉันกำลังจะทำความดีอันน่ายกย่องเชิดชูต่างหาก รึว่าเธออยากใส่มันนัก ไอ้ชุดน่าเกลียดๆนี่”

มุกดาหน้าเจื่อนลงถนัดตา เพทายพูดราวกับแทงใจดำหล่อน

“ไม่อยากเลยสักนิด..”

“นั่นไง..ไม่อยากก็ต้องให้ฉันจัดการเสีย”

“จัดการยังไง?”

“ไม่ต้องถามมาก..เดี๋ยวนางแบบพวกนั้น กับพี่สาวแสนดีของเธอกำลังจะเข้ามาแล้ว ฉันต้องรีบ”


มุกดานึกไม่ออกจนแล้วจนรอดว่าพี่สาวกำลังจะทำสิ่งใด จนกระทั่งเสื้อผ้าเฉี่ยวเก๋ตัวที่หล่อนใส่อยู่ถูกทำลายรุ่งริ่งด้วยกรรไกรมีคมอันนั้น เพทายจัดการตัดชุดกระโปรงสีแสดตรงส่วนปลายอย่างบ้าคลั่ง รวมถึงลวดลายเพชรประดับบนเนื้อผ้า เกือบทุกจุดถูกงัดแงะจนกระเด็นกระดอนไม่มีชิ้นดี สร้อยโกเมนอันสดสวยหล่อนก็ถือวิสาสะ ปลดออกจากคอน้องสาว แล้วปาทิ้งลงพื้นอย่างแรง จนชิ้นส่วนหลุดกระจายออกจากกัน

“นี่ไง ..แค่นี้ก็จบ เธอจะไม่มีวันได้ใส่ชุดน่าเกลียดออกไปอวดใครบนเวที”

“พูดง่ายๆน่ะซี”

มุกดาย่นจมูกให้พี่สาวอย่างเหลืออด

“ตอนนี้เพกำลังทำให้ชุดมันน่าเกลียดจนดูไม่ได้ ไข่มุกยิ่งต้องอายหนักกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า”

“เธอนี่มันโง่ไม่สร่างเลยนะ ไข่มุกน้อย ตามมานี่..ฉันจะพาเธอไปดูของดี”

มุกดากำลังจะขยับปากถามถึง “ของดี” ดังกล่าว ทว่าไม่ทันความเลือดร้อนของสาวแสบ หล่อนคว้าข้อมือน้องสาว กึ่งลากกึ่งจูงไปยังห้องน้ำหญิงในส่วนของห้องแต่งตัวนั้นเอง

นางแบบร่างสูงเพรียวคนหนึ่ง โครงหน้าสวยเฉี่ยวละม้ายดีไซเนอร์สาวเจ้าของห้องเสื้อ เพิ่งพาร่างอันอ่อนโรยของตนออกมาจากห้องน้ำตรงหัวมุมใกล้ทางออก หล่อนยืนพิงกรอบประตูหน้าตาซีดเซียว และคงหมดเรี่ยวแรงจนกระทั่งต้องรูดตัวลงไปนั่งชันเข่าบนพื้น

“จะเดินแบบไหวหรือคุณ..ให้ฉันช่วยไหม?”

เสียงใสแจ๋วเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น นางแบบคนสวยตอบกลับมาโดยแทบไม่ได้คิด หล่อนทำท่าสะลืมสะลือ เหมือนตาจะปิด คงเห็นไม่ถนัดว่าผู้มาใหม่ทั้งสองเป็นใคร

“โอย..ไม่ไหวแล้ว ฉันถ่ายจนจะหมดแรง ต้องเป็นเพราะก๋วยเตี๋ยวชามนั้นแน่นอน”

มุกดาขมวดคิ้วฉงน หันมามองเพทายสลับกับสาวหน้าสวยที่กลายเป็นหน้าซีดในเวลานี้

“เอายังงี้ซี..ฉันจะไปบอกคุณแพรว่าคุณไม่สบาย ได้ให้นางแบบคนอื่นใส่ชุดนี้แทน..ส่วนคุณก็นอนพักผ่อนอยู่ข้างในนี้แหละ ออกไปก็เป็นลมเป็นแล้ง”

มุกดาอ้าปากค้าง เกือบจะหลุดเสียงอุทานด้วยความทึ่งระคนตกใจ แต่เพทายไวกว่ารีบยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาอุดปากน้องสาวไว้ทัน

“ไม่ได้หรอก คนอื่นๆเขาก็มีชุดที่ต้องใส่เดินเป็นของตัวเอง”

เพทายยอบตัวลงนั่งจนสายตาอยู่ระดับเดียวกับคู่สนทนา หล่อนแตะไหล่กลมกลึงแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างแนบเนียน ก่อนบอก

“ได้สิคะคุณ.. ในเมื่อนางแบบฟินาเล่ชุดขาดรุ่งริ่งขนาดนี้แล้ว ให้เธอใส่ชุดของคุณเดินแบบแทนก็แล้วกัน”

นางแบบผู้เคราะห์ร้ายเงยหน้าขึ้นมามองสภาพของมุกดาแล้วเบิกตากว้าง

“ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ?”

“เอาเถิด..อย่าเพิ่งสงสัยเลย สรุปว่าเธอจะอาสาเดินแบบแทนคุณก็แล้วกัน”

เพทายรีบตัดบท สาวสวยคนนั้นกำลังจะอ้าปากถามว่า..ชุดฟินาเล่ล่ะ จะทำอย่างไร ก็ไม่ทันประโยครวบรัดของสาวแสบเสียแล้ว

“เสื้อลำลองของคุณอยู่บนเก้าอี้สีดำใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้เปลี่ยน แล้วคุณก็ถอดชุดนี้ให้มุกดาเค้าเสีย ทุกอย่างก็จะราบรื่น ตกลงตามนี้นะคะ”


เพทายเหลียวมองชุดใหม่ของน้องสาวด้วยความชื่นชมระคนโล่งอก ชุดราตรียาวสีเขียวพาสเทลเปิดไหล่กลมกลึงทั้งสองข้างเพียงส่วนเดียว ทว่าส่วนอื่นปกปิดมิดชิด ช่วงอกปาดกว้างแต่ตื้น ส่วนชายกระโปรงก็ยาวทิ้งตัวกรอมเท้า ผ่าด้านข้างขึ้นมาแค่เพียงระดับเข่า ชุดของนางแบบผู้เคราะร้ายคนนั้นจัดไว้ออกคิวก่อนฟินาเล่เพียงชุดเดียว หากแต่ความหวือหวานั้นต่างกันลิบลับ เพราะชุดใหม่นี้เน้นความเรียบหรูดูผู้ดี มากกว่าเน้นความยั่วยวนอย่างชุดกระโปรงสีแสดที่บัดนี้ขาดรุ่งริ่งไปแล้ว

“เพนี่ร้ายจริงเชียว..บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าใส่อะไรลงไปในก๋วยเตี๋ยวชามนั้น”

มุกดาถามเสียงเครียด ขณะหยิบกระจกขึ้นมาสำรวจความเรียบร้อยบนใบหน้าและทรงผมตัวเอง สาวแสบขยับริมฝีปากตอบผ่านเงาสะท้อนจากเบื้องหลัง

“ก็..ไม่มีอะไรมาก บางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายสลอด ใส่ลงไปไม่กี่หยิบมือ”

มุกดาให้ขวับมาทำตาเขียวใส่พี่สาวทันที

“ไม่กี่หยิบมือ..พูดมาได้!”

เพทายยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“ถึงขนาดเป็นหยิบมือเลยหรือ”

ก่อนที่น้องสาวจะคะยั้นคะยอถามอะไรไปมากกว่านี้ ความเคลื่อนไหวตรงปากทางออกเวทีบอกให้รู้ว่านางแบบกลุ่มใหญ่กำลังจะกลับเข้ามา และอีกไม่นานมุกดาจะได้ออกไปเฉิดฉายรูปโฉมให้แขกนานาชาติได้ชื่นชมกันเป็นตาเดียว เพทายถือโอกาสปลีกตัวจากน้องสาวทันที

“ฉันต้องไปแล้ว..ทำหน้าที่ของตัวให้ดีล่ะ อย่าเปิ่นเชียว”

หล่อนคว้ามือน้องสาวขึ้นมากุมไว้ ถ่ายทอดไออุ่นให้แทนคำพูด ก่อนย้ำเสียงหนัก

“ถึงตอนหมุนตัวกลับเข้ามาเมื่อไหร่ ระวังให้ดี..มีคนคิดจะทำร้ายเธอ!”

เสียงกุกกักเหมือนมีคนเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีเวลาให้เพทายได้อธิบายอะไรอีก ทั้งที่มุกดายังงุนงงอยู่อย่างนั้น พี่สาวปากร้ายไม่ลืมหยิบถุงพลาสติกบรรจุผลงานชิ้นรุ่งริ่งของหล่อนติดมือออกไปพร้อมกับไม้ม็อบ แม่บ้านแว่นดำเดินสวนกับนางแบบตาน้ำข้าวคนหนึ่ง ได้ยินข้อความภาษาอังกฤษแว่วเข้ามาแปลเป็นไทยทำนองว่า..

“จะถึงคิวเธอแล้ว มุกดา..เอ๊ะ ฟินาเล่ ใช่ชุดนี้หรือ?”

เพทายไม่รู้ว่าน้องสาวจะเงอะงะตอบเขาไปว่าอย่างไร หล่อนได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงตามแผนการณ์ที่วางไว้ ความทรงจำตั้งแต่ก่อนเริ่มงานย้อนกลับเข้ามาในห้วงคำนึงของหล่อน หญิงสาวเหยียดยิ้มเมื่อได้ทบทวนมันอีกครั้ง

หญิงสาวรู้สึกว่าโชคเข้าข้างตัวเองตั้งแต่ สวรรค์ดลใจให้หล่อนนึกจะลุกขึ้นไปทำธุระในห้องน้ำกะทันหัน ทั้งที่ยังไม่ทันจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้สำหรับแขก ซึ่งอยู่ห่างจากเวทีเกือบสิบเมตร แน่นอนว่า กวิน ลลิตพรรณ และไพลิน ต่างก็นั่งอยู่แถวเดียวกัน


และยังไม่ทันจะเข้าห้องน้ำใกล้ประตูทางออกบอลรูมตามที่ตั้งใจ เสียงหวานคุ้นหูของมานิตาก็ดังลอดออกมาจากประตูปิดสนิทบานนั้น

“รู้ไหมน้ำมน..ฉันไม่เคยเกลียดใครเท่าเด็กคนนั้นจริงๆ”
“เด็กคนไหนของเธอ?”

“ก็ยายเด็กไข่มุก น้องสาวแพรน่ะซี ทีแรกแพรตกลงกับฉันดิบดีว่าจะให้เดินชุดฟินาเล่”
“แล้วยังไง..น้องไข่มุกต่างหากที่ได้ใส่ชุดนั้น”

“ก็นั่นแหละ ฉันถึงได้ฉุนอยู่นี่ไง รู้ไหม แพรมาขอโทษฉันใหญ่ บอกว่าสงสารน้องสาว”
“สงสารเรื่องอะไร?”

“ก็ยายเด็กไข่มุกมันอิจฉาความสวยของฉัน ขอร้องแพรให้ตัวเองได้เดินชุดฟินาเล่แทน..ด้วยเหตุผลอะไรรู้ไหม..มันว่าฉันเด่นอยู่แล้ว ยิ่งใส่ฟินาเล่ยิ่งเด่นกว่าใครทั้งหมด อย่างฉันต้องใส่ชุดธรรมดาพื้นๆ จะได้เปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่อย่างมันได้แจ้งเกิดกับเขาบ้าง..ดูมันพูดซี!”

“เธอได้ยินมากับหูหรือไง..ว่าน้องเขาพูดยังงั้น”
“เปล่า..แพรเล่าให้ฟังตอนมาขอโทษฉันก่อนวันงานแค่วันเดียว”

“ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี..ที่จริงแพรกับเธอก็ไม่ได้กินเส้นกันเท่าไหร่..ฟังหูไว้หูเสียบ้าง”

“เรื่องอื่นไม่รู้..แต่เรื่องนี้ฉันเชื่อสนิทใจทีเดียว..เด็กนั่นมันอิจฉาฉันนานแล้ว”

“แล้วเธอจะทำอะไรได้ เจ้าของห้องเสื้อเขาให้เธอใส่ชุดไหน ก็ใส่ไปเหอะ ยังไงงานนี้ก็มีแต่แขกระดับนานาชาติ ใครได้เดินแบบก็เด่นกันทุกคนนั่นแหละ”

“ใช่..เธอพูดถูกน้ำมน แล้วฉันจะทำให้น้องสาวของแพรเด่นกว่าใครๆ คอยดูนะ ตอนมันหมุนตัวกลับฉันจะผลักให้หน้าคะมำตกเวทีไปเลย..คงสะใจพิลึก”

เสียงหัวเราะราวกับนางร้ายในละครค่อยๆเลือนหายไป เพทายจำได้ว่าหล่อนรีบวิ่งแจ้นกลับมาโยกย้ายตำแหน่งที่นั่งให้กวินใหม่จนแทบหายใจไม่ทัน หล่อนกำชับเขาอย่างดีว่าให้จับตามองนางแบบชุดฟินาเล่ตอนหมุนตัวกลับ หล่อนไม่ได้บอกหรอก ว่าเพราะอะไร..ขู่ไว้อย่างเดียวว่า

“ถ้าคุณพลาด ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าอาจารย์!”

สีหน้าท่าทางของลูกศิษย์จำเป็นส่อแววงุนงงพิลึก แต่เขาก็พยักหน้าตอบรับคำสั่งของหล่อน เพทายเชื่ออยู่ลึกๆว่า ชายหนุ่มจะไม่พลาดตามคำสัญญา เพราะคนอย่างเขามีแววของความเป็นคนจริง..ซ่อนอยู่

เสียงประกาศของพิธีการสาวที่บรรยายถึงชุดฟินาเล่ของนางแบบคนสุดท้าย ทำให้เพทายต้องรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปประจำที่นั่งข้างกวิน ชายหนุ่มหันมาเลิกคิ้วฉงนเมื่อเห็นหล่อน หญิงสาวไม่ลืมกำชับแม้ในวินาทีสุดท้าย

“อย่าลืมนะ..อุตส่าห์นั่งใกล้เวทีขนาดนี้แล้ว มีอะไรต้องรีบจัดการให้ทัน”

“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเรื่องที่อาจารย์สั่ง กับเซอร์ไพรส์ของแพรจะใช่เรื่องเดียวกันรึเปล่า”
เพทายยักไหล่ตามแบบของหล่อน

“จะว่าใช่ก็ใช่..จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

คำตอบนั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มงงหนักกว่าเดิม กวินกำลังจะถามต่อ แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักอยู่แค่นั้นเมื่อเพทายแตะบ่าเป็นเชิงบังคับให้หันไปมองนางแบบบนเวที เสียงชัตเตอร์รัวเร็วกว่าทุกครั้งจนผิดสังเกต ดวงหน้ากระจ่างใสและกระแสอ่อนโยนบริสุทธิ์ประหนึ่งเรืองรองออกมาทั่วเรือนร่างของมุกดาทำให้ความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างของผู้ชมหยุดชะงักลงอย่างน่าอัศจรรย์ หญิงสาวงดงามกว่าทุกครั้งที่เขาเคยมอง ดึงดูดกว่าทุกครั้งที่เขาเคยพบ เป็นความดึงดูดที่น่าติดตรึง ประทับลงในใจ มากกว่าความฉูดฉาดที่ยั่วยวนให้หลงใหลอย่างสาวงามอีกหลายคนบนโลกใบนี้

“ไข่มุก..ระวัง!”

เสียงเพทายกระตุ้นต่อมสร้างสติของกวินได้เป็นอย่างดี เขาลุกพรวดขึ้นแทบจะทันทีเมื่อเห็นร่างแบบบางของมุกดาเริ่มโอนเอนเพียงก้าวแรกที่หมุนตัวกลับ สาวแสบลุกขึ้นยืนลุ้นตัวโก่งยิ่งกว่าเชียร์บอลนัดสำคัญ จิตใจของหล่อนกระโดดขึ้นไปบนเวทีนับตั้งแต่ตอนนั้น

มานิตาเพิ่มน้ำหนักสะโพกผายให้กระแทกเข้ากับช่วงเอวของมุกดาอีกครั้ง คราวนี้ร่างที่ทำท่าจะโอนเอนเลยตั้งหลักไม่อยู่ ถลาร่วงลงไปจากขอบเวที ท่ามกลางความตกใจของแขกเหรื่อในงาน

รอยเหยียดยิ้มของใครบางคนในเงามืดหุบฉับลงด้วยความผิดหวัง เมื่อภาพที่ควรจะน่าอับอายของนางแบบชุดฟินาเล่ กลับกลายเป็นภาพอันแสนโรแมนติกไปในชั่วพริบตาเดียว มานิตายกมือขึ้นปิดปากที่เผยอค้างอย่างลืมตัว

ท่วงท่าในการอ้าแขนรับร่างอรชรของกวินช่างพอเหมาะพอดีในความรู้สึกของเพทาย ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาว ค่อยๆยืดตัวขึ้นยืนอย่างสง่าเมื่อปรับสมดุลให้น้ำหนักตัวเองพอดีกับสาวน้อยในอ้อมแขน มาดของเขาตอนนี้ราวกับเจ้าชายในนิทานก่อนนอนก็ไม่ปาน เสียงปรบมือดังเกรียวกราวต่อเนื่องเหมือนสายฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง นักข่าวที่เคยกระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ กรูกันเข้ามารวมตัวอยู่ตรงจุดเดียว เพื่อเก็บภาพอันงดงามไว้ลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งทุกฉบับ

ไม่ว่าเสียงกระหึ่มของผู้คน ซึ่งเข้าใจผิด คิดว่านี่คือไฮไลท์จากเจ้าของห้องเสื้อ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานแฟชั่นวันนี้ ยังดังไม่เท่าเสียงเฮจากอาจารย์สาวสุดแสบผู้กระโดดแทรกวงตากล้องและนักข่าวเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ฮูเร ฮูเร..เยี่ยมยอดไปเลย ลูกศิษย์จ๋า”


แม้ว่า..วิกฤต..ได้กลับกลายเป็นโอกาสอย่างราบรื่นและสวยงามตามแผนที่วางไว้ ทว่าเพทายไม่หยุดความสาสมใจเพียงแค่นั้น เมื่อนักข่าวและสื่อต่างๆที่เข้ามารุมสัมภาษณ์ทั้งเจ้าของห้องเสื้อ นางแบบชุดฟินาเล่..และพระเอกขี่ม้าขาว ผู้ไม่ได้ตั้งใจเด่น เริ่มทยอยกลับกันไปบ้างแล้ว แพรวาก็ทำท่าจะถอยกรูด หนีกลับก่อนใครเพื่อน อ้างว่าต้องรีบไปดูงานตบแต่งห้องเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเปิดบริการลูกค้ามะรืนนี้ สาวปากจัดเจ้าแผนการก็รีบเข้ามาดักไว้ทัน พร้อมกับชูถุงพลาสติกในมือขึ้นมาแกว่งไกวอยู่เบื้องหน้า

“เดี๋ยวก่อนซี ไม่สงสัยเลยรึ..ว่าชุดฟินาเล่ตัวจริงของเธอ จู่ๆ มันหายไปไหน”

“เธอพูดเรื่องอะไร..ฉันไม่เข้าใจ”

แพรวานิ่วหน้า แต่ก็พยายามเพ่งมองสิ่งที่อยู่ในถุงพลาสติกใสใบนั้นให้ถนัดตา

“ตอแหล..” เพทายกระแทกเสียงใส่ดังลั่น จนกวินต้องรีบเดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองสาว

“โชคดีที่ชุดมันเสีย น้องสาวฉันเลยไม่ต้องใส่ออกมาเดินให้ใครเขามองเป็นนางยั่วเมือง”

“เธอทำอะไรกับชุดของฉัน”

แพรวาถามเสียงเรียบ ทว่าเยียบเย็นจนบรรยากาศรอบด้านเริ่มอึมครึม

“นั่นไง เธอยอมรับแล้วว่ามันคือชุดของเธอ ลูกศิษย์..” ตอนท้ายหล่อนหันไปพยักเพยิดกับชายหนุ่ม “ดูซะให้เต็มตา..นี่คือชุดฟินาเล่ของจริง ไข่มุกเกือบจะต้องใส่มันขึ้นอวดใครต่อใคร”

ชุดกระโปรงสีแสดถูกคลี่ลง ต่อหน้าชายหนุ่ม สภาพรุ่งริ่งของมันยิ่งทำให้ดูน่าเกลียดในเชิงยั่วยวนกว่าของเดิมเป็นไหนๆ กวินย่นคิ้ว มองตามด้วยแววตาเครียดขุ่น รอยยิ้มเมื่อครู่กลายเป็นริมฝีปากที่เม้มแน่นเป็นเส้นตรง เพทายยกมุมปากยั่วพี่สาวนอกไส้อย่างประกาศชัยชนะ

“นี่ยังน้อยไปนะ..ลูกศิษย์ จำกระโปรงแดงสั้นกุดกับรองเท้าส้นสูงที่ไข่มุกใส่ไปทำงานวันนั้นได้ไหม”

กวินพยักหน้าช้าๆแทนคำตอบรับ เขาเริ่มเดาอะไรได้ลางๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด

“ฝีมือเพื่อนสนิทคุณทั้งนั้น..”


คำบอกเล่าเรียบเรื่อยของเพทาย กลับทำให้กวินเจ็บปลาบในใจยิ่งกว่าคำด่าทอทั้งหลายที่เขาเคยประสบมา เขาเห็นแพรวายังทำหน้าเรียบนิ่ง เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด

“แพร..เรามีเรื่องต้องคุยกัน”








ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2555, 20:38:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2555, 20:38:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1980





<< บทที่๒๑ สาวแสบ ๑/๒   บทที่๒๒ บทเรียนราคาแพง ๑/๒ >>
jink 3 ก.ค. 2555, 21:17:17 น.


เดิมเดิม 3 ก.ค. 2555, 22:18:08 น.
พี่วินได้ตาสว่างซะทีนะ


zilvermoon 3 ก.ค. 2555, 22:46:33 น.
หวังว่ายัยแพรจะดิ้นไม่หลุด และพี่วินจะฉลาดพอที่แยกแยะคำแก้ตัวของยัยโรคจิตนี่นะ งานนี้มุกน่าจะรู้ซะทีนะ


ศิลาริน 3 ก.ค. 2555, 23:04:10 น.
รอติดตามกันค่ะ ว่า พี่วิน แพรวา มุกดา ใครจะหลุด ใครจะฉลาด ^^


แล่นแต๊ 3 ก.ค. 2555, 23:15:57 น.
สะใจมาก แผนการของเพนี่สุดยอดเลย....พี่วินอย่าเชื่อยายแพรนะ


wane 4 ก.ค. 2555, 06:46:38 น.
ยังคงต้องเม้นต์เหมือนเดิมว่า "เพทายสุดยอดดดดด"


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account