ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก

Tags: บู๊หน่อยๆโรมานซ์นิดๆ

ตอน: บทที่ ๑๒

ท่ามกลางแสงแดดยามสายบนผืนหญ้าเขียวขจี ร่างสูงโปร่งของชายวัยสี่สิบกว่ากำลังวาดวงสวิงหวดลูกกอล์ฟลอยละลิ่วตกลงในระยะและทิศทางที่ตั้งใจอย่างสวยงาม ใบหน้าคร้ามแดดใต้เงาของปีกหมวกหยัดยิ้มพอใจ..ก้องภพขับรถกอล์ฟเข้ามาจอดใกล้บริเวณก่อนลงเดินเข้าไปหา พลางขยับกรอบแว่นตากันแดด ใบหน้าค่อนข้างขาวอย่างหนุ่มสำอางนิ่วเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยชอบใจกับแสงร้อนแรงนัก

เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ หนุ่มรุ่นพี่ก็ส่งไม้กอล์ฟให้แคดดี้สาว ก่อนหันมาพยักเพยิดใบหน้าเพียงเล็กน้อยเป็นการทักทาย ซึ่งก้องภพก็ทำแบบเดียวกัน ก่อนเอ่ยออกมา
“ตีได้สวยนี่ พี่โชค”

“ของมันแน่อยู่แล้ว” สิทธิโชคยิ้มรับคล้ายจะอวดฝีมือ และหันไปโบกมือให้แคดดี้สาวเดินนำล่วงหน้าไปที่หลุมต่อไป ส่วนเขาหันเดินเคียงข้างก้องภพพร้อมเริ่มต้นบทสนทนา

“คลิปที่นายปล่อยออกไปน่ะมันเยี่ยมมาก เล่นเอาคนทั้งวงการโจษจันกันกระหึ่มเลย นายชนาธิปคงโกรธจนควันออกหูเลยซิ”

“โกรธมันก็โกรธอยู่หรอก เพียงแต่ยังไม่มากพออย่างที่ผมตั้งใจ เพราะตอนที่นายคณินโดนพวกบอร์ดรุมจวก ชนาธิปก็ยังออกตัวช่วยพี่ชายอีกจนได้..คนอะไรใจเย็นชะมัดยาด” ก้องภพหายใจฟืดฟาดส่ายหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

สิทธิโชคแค่นยิ้ม
“หมอนี่มักใจอ่อนกับพี่ชายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่งั้นคงไม่คอยอุ้มชูกันมาถึงป่านนี้หรอก”

“นอกจากจะใจอ่อนแล้ว ยังขี้ขลาดอีกต่างหาก”

น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความหยามหยัน สิทธิโชคปรายสายตามอง
“อะไรทำให้นายคิดว่านายชนาธิปเป็นคนขี้ขลาดล่ะ”

“ถ้าไม่ขี้ขลาด ป่านนี้ก็คงชนกับพวกไพศาลกรุ๊ปจนเละไปข้างนึงแล้ว ทั้งๆที่เราคอยเสี้ยมพวกมันมาตั้งหลายปี ก็ไม่เห็นจะทำอะไรกันเลย นอกจากจะฮึ่มกันไปฮึ่มกันมาเท่านั้น ถ้าเป็นผมนะ ผมชนให้มันพังกันไปข้างหนึ่งแล้ว..แล้วที่ผมไม่เข้าใจมากที่สุดก็เป็นพวกไพศาลกรุ๊ปนั่นล่ะ ขนาดนายอชิรโดนบึ้มจนเจ็บขนาดนั้น พวกมันยังนิ่งกันได้อีก โดยเฉพาะลูกชายของมัน ผมไม่เห็นว่าหมอนั่นมันจะทำอะไรเลย วันๆก็ยังทำตัวลอยไปลอยมาตามงานสังคมเหมือนเดิม”

“นี่นายไม่ได้อ่านข่าวมั่งรึไง ว่าตอนนี้ทนายของพวกไพศาลกรุ๊ปกำลังยื่นคำร้องให้คดีนี้ย้ายไปให้กองปราบฯทำแทน และคิดว่าคงสำเร็จเร็วๆนี้ล่ะ”

“เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แต่มันก็น่าจะทำอะไรกับพวกรัตนากรบ้าง ไม่ใช่ทำตัวเป็นพระอิฐพระปูนไร้ความรู้สึกแบบนี้”

สิทธิโชคยิ้มเย็น
“..หมอนั่นแค่กำลังรอความจริงต่างหาก”

“ความจริงจากตำรวจเหรอ”

“จากพวกลูกน้องของมันต่างหาก..และถ้าฉันอ่านเกมไม่ผิด เรื่องที่ทนายฝ่ายนั้นวิ่งเต้นน่ะมันเป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น นายคิดเรอะ..ว่าคนที่เคยเป็นถึงระดับเจ้าพ่อแถวหน้าน่ะจะรอคอยความช่วยเหลือของพวกตำรวจ และยิ่งใครๆก็รู้ว่าคนตระกูลนี้เกลียดพวกตำรวจอย่างกับอะไรดี เพราะฉะนั้น ตัดประเด็นนี้ออกไปได้เลย..พวกมันไม่ต้องการให้คนร้ายติดคุกหรอก แต่ต้องการปิดบัญชีเลือดกันมากกว่า”

ก้องภพยืนอึ้ง ความกังวล หวาดหวั่นผุดพราย
“..พี่เคยบอกผม ว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางสาวมาถึงเรา..”

“ใช่ ฉันเคยบอกนายอย่างนั้น แต่เราก็ควรจะเผื่อใจสำหรับความผิดพลาดด้วย เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก”

ยิ่งได้ฟังคำพูดจากหนุ่มรุ่นพี่ ก้องภพก็ยิ่งหวั่นวิตกจนใบหน้าเผือดซีดลงถนัดใจ..สิทธิโชคแค่นหัวเราะยกมือขึ้นตบหนักๆบนบ่ากว้างของคนข้างตัว
“นายกลัวเหรอ”

“โธ่พี่! ชีวิตทั้งชีวิตนะ เป็นใครจะไม่กลัวบ้างล่ะ”

ก้องภพบอกตามตรงให้คนฟังหัวเราะขลุกขลักในลำคอ
“เฮ้ย ยังไม่ทันไรก็รีบปอดแหกซะแล้ว ทำยังกับว่านายเป็นคนวางแผนถล่มนายอชิรอย่างนั้นล่ะ”

“เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวนะ..คนที่วางแผนเป็นเพื่อนของพี่ต่างหาก” ก้องภพรีบแก้ต่างให้ตัวเอง

“ก็เออซีวะ แล้วนายจะต้องมากลัวอะไร..ยังไงเราก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว หน้าที่ของเราแค่จัดการยึดบริษัทของนายชนาธิปเท่านั้น เรื่องอื่นช่างหัวมัน”

สีหน้าของคนฟังเริ่มดีขึ้น พลางพึมพำ
“นั่นสิ ผมก็ลืมไป”

“เฮ้อ..นายต้องหัดตั้งสติให้ดีกว่านี้หน่อยนะ ไอ้น้องชาย”

ก้องภพพยักหน้ายอมรับ
“ขอโทษที พี่โชค”

“ไม่เป็นไร” สิทธิโชคตบบ่ากว้างนั้นอีกครั้ง ก่อนเลื่อนมือมาซุกลงกระเป๋ากางเกงของตนเอง และเอ่ยคล้ายออกคำสั่ง “พรุ่งนี้พานายคณินมาหาฉันได้เลย เราจะได้รู้เสียทีว่าจะต้องเดินเกมรุกแบบไหน”

“ครับ”

“แล้วก็ ฉันจะเตือนนายอีกอย่าง ว่าอย่าดูถูกความคิดของศัตรู..นายชนาธิปไปใช่คนขี้ขลาดอย่างที่นายเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้เชื่องเหมือนที่นายเห็นด้วย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง บริษัทนั่นระเหยไปตั้งแต่คราวนายคณินแล้ว..เพราะฉะนั้นอย่าประมาทแล้วก็ทำหน้าที่ของนายต่อไปให้ดีที่สุด เราจะพลาดไม่ได้ เพราะโอกาสมีแค่ครั้งเดียว”

“ครับ พี่”

ก้องภพสบสายตาเฉียบคมด้วยกำลังใจแห่งความเชื่อมั่น สิทธิโชคพยักเพยิดใบหน้าอำลาให้เขาและก้าวเดินต่อไป..ก้องภพยืนมองตามหลังหนุ่มรุ่นพี่ไม่กี่อึดใจ ก็หันเดินกลับไปขึ้นรถกอล์ฟ

ความจริงแล้ว เขากับสิทธิโชคเป็นเครือญาติห่างๆแต่เขากับญาติผู้พี่คนนี้มีความสนิทสนมกันพอสมควร..หลังจากที่เขาเรียนจบมาจากอเมริกาเมื่อหลายปีก่อน สิทธิโชคก็ชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการแลกกับผลตอบแทนมหาศาลที่เขาปฏิเสธไม่ลง โดยหน้าที่ของเขาคือการจับตาดูความเคลื่อนไหวของคนในตระกูลรัตนากรและคอยสร้างความปั่นป่วนให้บริษัทมีเรื่องกระทบกระทั่งกับไพศาลกรุ๊ปโดยได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อนของสิทธิโชคที่แฝงตัวอยู่กับอีกฝ่าย จนนานวัน..จากแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ลุกลามบานปลายจนความสัมพันธ์ที่เคยมีมานมนานขาดสะบั้น แต่กระนั้น ทั้งสองตระกูลนี้ก็ยังคงไว้เชิงซึ่งกันและกัน ไม่มีฝ่ายไหนยอมกระโจนเข้าห้ำหั่นกันเสียที และคิดว่า หากปล่อยไปเช่นนี้และวันดีคืนดีสองตระกูลเกิดหันหน้าเข้าหากันเพื่อสืบเสาะหาสาเหตุของการขัดแย้ง เรื่องทั้งหมดที่พวกเขาสร้างขึ้นคงแดงออกมาเป็นแน่..แผนการกำจัดอชิรจึงเกิดขึ้น เพราะคิดว่า ตระกูลพาณิชย์ไพศาลนั้นมีอำนาจมากกว่าและเมื่อถูกกระทำเหมือนหยามหน้ากันถึงขั้นนี้คงต้องตอบโต้และบดขยี้ตระกูลรัตนากรในทันที แต่ทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามแผน เพราะนอกจากอชิรจะไม่ตาย อนาวินที่ภาพลักษณ์เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ แต่กลับสามารถสงบเยือกเย็นและขึ้นกุมอำนาจแทนผู้พ่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนอกจากนั้นยังสร้างความหนักใจอีกอย่างด้วยการส่งคนออกตามล่ากลุ่มคนที่ทำร้ายอชิร ซึ่งเขาคิดว่า คนของอนาวินคงสามารถทำสำเร็จแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าไรเท่านั้นเอง

และแม้ว่าเขาจะไม่มีส่วนข้องเกี่ยวในแผนการลอบถล่มครั้งนี้ แต่ก็อดหวาดระแวงไม่ได้ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด และได้แต่ภาวนา ขอให้แผนการทั้งหมดมันสำเร็จโดยเร็ว เขาจะได้หายใจหายคอได้ทั่วท้องเสียที




ในตอนสายจัด..

ฉันทัชยืนกอดอกมองตามท้ายรถของคณินที่มีก้องภพนั่งไปด้วยแล่นออกจากอาณาบริเวณบ้านจนพ้นประตูไปด้วยเรียวคิ้วที่ย่นเข้าหากันอย่างครุ่นคิด..ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามีอคติในตัวก้องภพมากเกินไปหรือเปล่า ถึงทำให้เขารู้สึกระแวงในทุกการกระทำของก้องภพที่ดูแล้วจะขวางหูขวางตาไปเสียหมด แม้หลายครั้งหลายหนเขาจะพยายามทำใจให้เป็นกลาง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ความรู้สึกอคติที่มีต่อก้องภพลดน้อยถอยลงไปเลย

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหงุดหงิดทิ้งท้ายก่อนหันเดินเข้าบ้าน ตรงไปหาบิดาในห้องทำงาน

และไม่กี่อึดใจ..ชนาธิปที่นั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ กอดอกมองลูกชายที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองบรรดาภาพเก่าๆบอกเล่าเรื่องราวแห่งความสำเร็จของต้นตระกูลซึ่งแขวนบนผนังไว้หลายภาพ และลูกก็ยังคงจ้องเอาอยู่อย่างนั้นจนเขาอดที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“นี่เจ้าทัช เราก็เห็นรูปพวกนั้นตั้งแต่เด็กแล้วนี่นา..วันนี้มันมีอะไรผิดปกติรึไง ถึงได้จ้องมันเสียขนาดนั้นน่ะ”

ชายหนุ่มจึงหันมาบอก สีหน้ายังไม่คลายความเคลือบแคลงในบางสิ่งบางอย่าง
“ผมไม่เข้าใจ เมื่อก่อนเรากับพวกไพศาลกรุ๊ปก็เหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันนะ แล้วทำไมตอนนี้ แม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองกันเลย” เขาหันกลับมองรูปใบหนึ่งที่ทำให้เขาคาใจมากที่สุด ซึ่งเป็นรูปปู่ของเขากำลังจับมือกับเจ้าสัวอานนท์ชายชราเชื้อสายจีนผู้เป็นผู้นำตระกูลของพาณิชย์ไพศาลด้วยใบหน้ายิ้มแย้มของมหามิตร โดยข้างกายของผู้นำทั้งสองต่างมีผู้สืบกิจการยืนเคียงข้าง แต่ในขณะนั้นผู้สืบทอดฝ่ายเขาเป็นลุงคณิน ส่วนบิดาไม่ได้ร่วมอยู่ในภาพนี้ เพราะยังเรียนอยู่ในต่างประเทศ

ฉันทัชละสายตาจากภาพในอดีตหันเดินมานั่งลงบนโซฟา..เขารู้ว่าปู่ของเขาเริ่มตั้งตัวจากการเป็นนายหน้าขายทุกอย่างเท่าที่จะขายได้ ยกเว้นของผิดกฎหมาย และมาตั้งตัวได้จากธุรกิจบ้านจัดสรร ซึ่งต่างจากฝ่ายของเจ้าสัวอานนท์ ที่เริ่มต้นจากธุรกิจมืดจนร่ำรวยและหันมาจับธุรกิจก่อสร้าง เจ้าสัวอานนท์ก็ใช้เงินทองและบารมีเป็นใบเบิกทางทำให้กิจการก้าวล้ำนำหน้ากลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการในเวลาอันรวดเร็ว..และเมื่อปู่ของเขาเริ่มผันตัวเข้ามาสู่ธุรกิจก่อสร้างในช่วงแรกๆนั้น ก็ได้รับความสนับสนุนจากเจ้าสัวอานนท์เป็นอย่างดี จนกิจการของตระกูลเขาเริ่มเจริญเติบโตอย่างมั่นคง และแม้ว่าจะสิ้นเจ้าสัวอานนท์ไปแล้ว อชิรที่ขึ้นแทนที่ก็วางตัวเรียบเฉย อยู่ร่วมวงการกันอย่างฉันท์มิตร..แต่เมื่อมาถึง ณ เวลานี้ สองตระกูลกลับกลายเป็นศัตรูกันอย่างเต็มตัว และไม่มีวันจะหันมาญาติดีต่อกันได้เช่นในอดีต

และอะไร คือสาเหตุ ?

ชนาธิปยิ้มให้ลูกชาย
“เราก็สงสัยเรอะ”

“สงสัยสิครับ..ตอนที่ผมเรียนเกรดแปด ผมยังจำได้เลยว่าคุณอชิรเอาของขวัญมาให้พ่อในงานวันเกิดของพ่อด้วยตัวเอง..และคนเราจู่ๆจะมาผิดใจกันจนไม่มองหน้ากันแบบนี้ มันต้องมีสาเหตุสิครับ”

“ใช่ มันต้องมีสาเหตุ..เพียงแต่เราหาไม่เจอหรือมองข้ามมันไป” ชนาธิปเห็นด้วยกับคำพูดของลูก และลุกขึ้นเดินมานั่งบนโซฟาเดี่ยวใกล้กัน “เราน่าจะพูดให้พ่อฉุกคิดเร็วกว่านี้สักห้า-หกปีที่แล้วนะ”

ฉันทัชกรอกตาไปมากับประโยคยั่วเย้าของบิดา “โหพ่อ! ห้า-หกปีที่แล้วผมยังตามจีบหญิงอยู่เลย เรื่องงานไม่เคยอยู่ในหัวหรอก..ว่าแต่พ่อเถอะ พ่อไม่รู้หรือไม่เอะใจถึงความขัดแย้งนี้บ้างหรือครับ”

ชนาธิปครุ่นคิด ก่อนบอก
“เท่าที่จำได้ ช่วงแรกๆมันก็เป็นแค่เรื่องกระทบกระทั่งเล็กๆน้อยๆทั่วไป พ่อก็ไม่ได้สนใจปล่อยให้พวกที่มีหน้าที่เขาจัดการกันไป และช่วงนั้นพ่อกำลังขยายบริษัทให้เป็นองค์กรจัดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบ และลุงนินก็ไม่ได้บอกอะไรพ่อ พอมารู้ตัวอีกทีเรากับพวกไพศาลกรุ๊ปก็อยู่คนละข้างแล้ว..แต่ตอนนั้น พ่อก็ทำตัวไม่ดีเหมือนกันที่ถือทิฐิเกินไป ทะนงตัวเกินไปถือว่าตัวเองแข็งแกร่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร และไม่คิดจะหันหน้าไปเจรจาปรับความเข้าใจกับอีกฝ่ายจนปล่อยให้เรื่องมันบานปลายถึงขั้นนี้..พอมาทบทวนแล้ว พ่อเองก็เสียดายเหมือนกันนะ”

ฉันทัชเห็นร่องรอยเคร่งเครียดฉายชัดมาจากใบหน้าของผู้ให้กำเนิด
“เรื่องนี้จะโทษพ่อฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ ฝ่ายนั้นก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดจะมาปรับความเข้าใจกับเราไม่ใช่หรือครับ”

ชนาธิปส่ายหน้า “เรื่องนี้ก็เหมือนการที่เด็กกับผู้ใหญ่ผิดใจกัน และผู้ใหญ่คนไหนหรอกที่จะลดตัวลงมาง้อเด็กก่อน ต้องเด็กเท่านั้นที่ต้องเป็นฝ่ายเข้าหา”

“หึ! ถ้างั้นนายอชิรเนี่ยจะต้องเป็นตาเฒ่าที่ขี้งอนแล้วก็หัวดื้อสุดๆเหมือนกัน ถึงปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อจนขนาดนี้โดยไม่ทำอะไรเลย” ฉันทัชกระทบกระเทียบอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อย จากการที่เคยพบเจอกันในงานสังคม แต่กลับถูกอีกฝ่ายมองข้ามและถ้าเขาไม่เผอิญยืนร่วมกลุ่มเดียวกับเจ้าของงานหรือผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม อชิรจะไม่เคยรับไหว้จากเขาเลย ทำราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน ซึ่งตัวอนาวินก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อไม่มีผิด..บางครั้งเขาหมั่นไส้ในท่าทางหยิ่งผยองนั้น จนนึกอยากจะเดินทุ่มสองพ่อลูกนั่นให้รู้แล้วรู้รอดไป

พูดจบก็ปรายตามองพ่อที่นั่งหัวเราะขลุกขลักในลำคอ ก่อนจะพูดในปัญหาต่อ
“เออ..ถ้าเขาเป็นแค่ตาเฒ่าขี้งอนระดับธรรมดาๆก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่ความจริงมันไม่ใช่น่ะสิ เพราะใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นถึงระดับเจ้าพ่อ..และพ่อก็จะไม่เดือดร้อนใจเลยถ้าคนร้ายที่ลอบถล่มคุณอชิรน่ะ มันไม่เสือกโยนความรับผิดชอบมาให้เรารับเละเหมือนอย่างตอนนี้น่ะ”

ความหนักใจจนเกือบกลายเป็นอารมณ์หงุดหงิดปะปนมาตามน้ำเสียง เพราะหลังจากเกิดเรื่อง แต่มีข่าววงในจากที่ไหนก็ไม่รู้ปล่อยออกมาว่าเขาเป็นผู้บงการ และการสืบสวนของตำรวจที่พุ่งปมมาในเรื่องความขัดแย้งของผลประโยชน์ ทำให้เกิดเสียงซุบซิบขยายเป็นวงกว้าง จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตัวเขาให้เปลี่ยนจากนักธุรกิจ กลายมาเป็นเจ้าพ่อ มาเฟียภายในพริบตา เพื่อนบางคนที่แม้ไม่เชื่อในข่าวลือ แต่ก็หยิบยกเรื่องนี้มาหยอกเย้าเขาบ่อยครั้ง แต่อีกหลายคนเช่นกันก็เริ่มมีปฏิกิริยาระมัดระวังมากขึ้น พูดคุยไม่สนิทใจเหมือนแต่ก่อน ไม่เว้นแม้แต่ท่าทีของทีมบริหารและกลุ่มลูกค้า จนเขาเริ่มอึดอัด และอยากให้เรื่องนี้มันกระจ่างโดยเร็ว เขาจะได้พ้นจากการตกเป็นจำเลยสังคมเสียที

“นั่นสิ..ฝ่ายนั้นก็ยิ่งพุ่งเป้ามาที่เราเต็มๆเลย..แต่แปลกแฮะ นายอนาวินกลับไม่ขยับตัวทำอะไรเลย ผมเสียอีกที่เกร็งแทน สั่งคนของเราให้เตรียมตั้งรับเต็มที่ กะว่าอีกฝ่ายเล่นเราแน่ๆ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย” ชายหนุ่มขยับกอดอก หน้านิ่วคิ้วขมวด

“ใครว่าไม่ขยับ..หมอนั่นสั่งพวกลูกน้องมือดีสืบหาพวกคนร้ายแล้ว คงกะว่าสืบให้ชัวร์ก่อน จะได้เล่นกันให้เต็มที่”

ฉันทัชมองบิดาอย่างสนเท่
“พ่อรู้ได้ไง”

“หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นทำให้พ่อสงสัยว่ามีมือที่สามคอยจัดฉากเรื่องนี้ เลยให้พลตามสืบดู”

“มิน่า หมู่นี้ผมถึงไม่ค่อยเห็นหน้าพี่พลเลย” ชายหนุ่มนึกถึงลูกน้องคนสนิทของบิดาที่หายหน้าหายตาไปร่วมเดือน “ แล้วได้เรื่องอะไรบ้างหรือยังครับ”

“เรื่องนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้านัก แต่พลกลับได้เรื่องที่น่าสงสัยว่าในบริษัทเราจะมีหนอนบ่อนไส้แทน แต่แค่สงสัยเท่านั้น พ่อก็เลยสั่งให้คนของเราในบริษัทแอบสืบเรื่องนี้ต่อ”

“ทำไมเรื่องมันถึงได้วุ่นวายนักนะ หึ! ถ้าจับไอ้คนบงการมาได้ล่ะก็ พ่อจะซัดให้น่วม” ฉันทัชแค่นเสียงอย่างเข่นเขี้ยว

“ก็ต้องรอดูกันไป..แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ต้องบอกพี่กับแม่ของเรานะ สองคนนั่นเป็นพวกตื่นตูม เดี๋ยวจะทำเสียเรื่องหมด”

“ครับ”

เมื่อผู้เป็นลูกรับคำ ชนาธิปก็สำทับ
“เรื่องนี้ยังไม่สงบ แล้วเราก็ไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู จะทำอะไรจะพูดอะไรกับใครก็ให้ระวังไว้หน่อย แล้วก็คอยดูพี่ของเราด้วยนะ อย่าปล่อยให้ไปไหนมาไหนตามลำพัง เพราะเรายังไม่รู้ว่าศัตรูจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก”

“ครับพ่อ”

ชายหนุ่มรับคำอีกครั้ง และไม่ต้องรอคำสั่งของบิดา เพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง ตัวเขาเองก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น รวมทั้งดูแลความปลอดภัยให้พี่สาวในระดับหนึ่ง..จากนั้น สองพ่อลูกพูดคุยต่อไปจนถูกฉันทิกาเข้ามาขัดจังหวะ เรื่องทั้งหมดจึงยุติชั่วคราว




คณินนั่งมาภายในรถอย่างใจจดจ่อ และแม้จะรู้จากก้องภพแล้วว่าเขากำลังมาพบใคร แต่เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสิทธิโชคต้องการผลประโยชน์อะไรจากเขา และความคลางแคลงใจยังคงมีอีกระลอกถึงความเชื่อใจกับหนุ่มใหญ่นักธุรกิจส่งออกอาหารแช่แข็งและยังเคยเป็นลูกค้าของเขาคนนี้ ว่าจะมีความน่าเชื่อถือสักเพียงใด

และเมื่อก้องภพขับรถเข้ามาจอดภายในสถานที่จอดรถของภัตตาคารอาหารจีนชั้นนำ..ทั้งสองเดินตามพนักงานสาวในชุดกี่เพ้าเข้ารูปสวยงามเข้าไปยังห้องพิเศษ ซึ่งภายใน..สิทธิโชคกำลังจิบน้ำชานั่งรออยู่แล้วบนโต๊ะอาหารไม้ฝังมุกตัวใหญ่โดยมีพนักงานเสิร์ฟสาวอีกคนคอยยืนบริการอยู่ใกล้ๆ และไม่ห่างกันนัก ชายฉกรรจ์สามคนยืนดูแลความปลอดภัยให้ผู้เป็นนายด้วยท่าทีสงบนิ่ง

“สวัสดีครับ คุณคณิน”
สิทธิโชคเอ่ยทักทายพร้อมลุกขึ้นเดินเข้ามาจับมือกับผู้ที่สูงวัยกว่า
“ผมดีใจนะครับ ที่เราจะได้ร่วมทำงานใหญ่กัน”

“ผมแค่มาฟังข้อเสนอของคุณเท่านั้น ส่วนเราจะได้ร่วมงานกันรึเปล่านั่นเป็นอีกเรื่องครับ คุณสิทธิโชค”
คณินยังคงไว้เชิง เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าเขากระสันอยากได้บริษัทคืนจนรีบตะครุบข้อเสนอทันทีโดยไม่คิดอะไรให้ถี่ถ้วน

สิทธิโชคหยัดยิ้ม พร้อมผละมือออก
“โอเค งั้นเรามาเริ่มหัวข้อเจรจากันเลย เชิญนั่งก่อนครับ” และหันเดินกลับไปนั่งที่เดิม พร้อมบอกสาวเสิร์ฟทั้งสองให้ออกไปก่อน

ก้องภพเลื่อนเก้าอี้ให้คณิน ก่อนเขาจะนั่งอีกตัวใกล้กันพร้อมลอบส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้สิทธิโชค

เมื่อไม่มีบุคคลภายนอกแล้ว สิทธิโชคหยิบบุหรี่ของตนมาจุดสูบอย่างใจเย็น ก่อนเริ่มต้นพูด
“เรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับคุณคณิน”

“ผมก็กำลังรอฟังอยู่ ถึงเหตุผลที่คุณอยากจะช่วยเอาบริษัทคืนให้ผม”

“ผมไม่คิดจะช่วยฟรีๆอยู่แล้ว คุณเองก็น่าจะเดาได้”

“ใช่ ในโลกนี้ไม่มีของฟรี และผมก็ไม่รู้ว่าค่าตอบแทนที่คุณเรียกร้องน่ะมันจะคุ้มกับสิ่งที่ผมจะได้มามั้ย”

สิทธิโชคหัวเราะในลำคอ
“คุ้มแน่นอน..เพราะนอกจากคุณจะได้บริษัทคืนแล้ว คุณยังเรียกความเชื่อมั่นให้ใครต่อใครได้เห็น ว่าตัวคุณไม่ใช่คนที่มีแต่ความล้มเหลวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้คุณคือนักธุรกิจใหญ่ที่สามารถผงาดในวงการและเหนือกว่าน้องชายของคุณหลายขุม ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีแต่คนชื่นชมในความสำเร็จของคุณ..เห็นมั้ยล่ะครับว่ามันคุ้มแค่ไหน”

ความหวังเรืองรองฉายออกมาชัดเจนในดวงตาของคณินยามคล้อยตามแรงจูงใจของสิทธิโชค แต่ก็ยังพยายามเก็บท่าทีนั้นไว้
“แล้วคุณต้องการอะไรในการช่วยเหลือครั้งนี้”

สิทธิโชคพ่นควันสีเทาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนบดก้นกรองลงในที่เขี่ยบุหรี่ “ผมต้องการส่วนแบ่งในรายได้ของบริษัทสามสิบเปอร์เซ็นต์ทุกเดือน”

“นั่นไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะ แถมยังเป็นพันธะผูกพันอีกต่างหาก”
คณินแย้งเมื่อคิดถึงจำนวนเงินมหาศาลที่ต้องเสีย

“แต่ในมุมมองของผม นี่ถือว่าเป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อมากที่สุดแล้ว..คุณลองคำนวณดีๆสิครับ แล้วจะเห็นด้วยเหมือนผม”

คนฟังถอนใจอย่างอึดอัด ก่อนแค่นยิ้ม
“หึ! ดูท่าว่าการเมืองที่คุณเล่นน่ะ คงละลายเงินของคุณไปมากทีเดียวนะ” เพราะพอจะรู้ข่าวเหมือนกันว่า สิทธิโชคกำลังจัดตั้งพรรคการเมืองเตรียมสู้ศึกสมัยหน้าที่รัฐบาลกำลังจะหมดวาระในปีหน้า

และสิทธิโชคก็ยอมรับแต่โดยดี
“ก็อย่างที่คุณรู้นั่นล่ะ การตั้งพรรคมันต้องใช้แรงขับเคลื่อนมหาศาล มันถึงเป็นเหตุให้คุณกับผมมานั่งกันอยู่ตรงนี้ไง..เราอย่าคิดว่าเป็นเป็นเรื่องของเงินๆทองๆอย่างเดียวสิครับ ให้คิดเสียว่ามันเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันจะดีกว่า เพราะในอนาคต ยังไงคุณกับผมต้องมีเรื่องให้โคจรมาเจอกันอยู่ดี..อย่าลืมสิครับ ว่านักการเมืองกับผลประโยชน์มันเป็นของคู่กันจนแยกไม่ออกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

คณินยังคงลังเลกับการตัดสินใจครั้งนี้ สิทธิโชคมองนิ่ง ก่อนเอ่ยอีกครั้ง
“คุณเก็บข้อเสนอของผมไปคิดให้ดีๆก่อนก็ได้ครับ เพราะผมรู้ว่ามันคงทำให้คุณหนักใจมากทีเดียวที่ต้องผิดใจกับน้องชายที่คอยอุ้มชู ช่วยเหลือคุณมานมนาน”

คนฟังหน้าตึง เมื่อเข้าใจว่าในน้ำเสียงที่สิทธิโชคพูดออกมานั้นแฝงด้วยความเย้ยหยันต่อความอ่อนแอที่เขามี จึงโต้กลับเสียงเข้ม
“มันไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการตอบแทนที่เจ้านั่นแย่งบริษัทของผมไปต่างหาก”

สิทธิโชคไหวไหล่
“ขอโทษที..ถ้าเป็นอย่างนั้น คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เราจะได้ร่วมงานกันนะครับ”

“แล้วผมจะติดต่อกลับมาก็แล้วกัน..วันนี้ผมขอตัวก่อน” คณินพูดเสียงราบเรียบก่อนลุกขึ้น ก้องภพจึงลุกขึ้นยืนตาม

สิทธิโชคลุกขึ้นพร้อมผายมือ
“โชคดีครับ แล้วผมจะรอการติดต่อจากคุณ”

คณินไม่ได้ตอบรับอะไรก่อนหันเดินออกจากห้อง ก้องภพชำเลืองสายตามองญาติผู้พี่ที่พยักเพยิดใบหน้าให้เขาก่อนจะเดินตามคณินออกไป



เมื่อขึ้นมานั่งภายในรถ ก้องภพมองเห็นแววครุ่นคิดบนใบหน้าของคณินที่นั่งอยู่เบาะหลัง เขาจึงเอ่ยถาม
“คุณยังคิดไม่ตกเรื่องคุณชนาธิปหรือครับ”

“ยังไงเจ้าชัชมันก็เป็นน้อง ข้าไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับมัน”

“เรื่องนี้คงไม่ถึงกับเลือดตกยางออกกันหรอกครับ เพราะคุณสิทธิโชคเขามีแผนการอยู่แล้ว”

คณินนิ่วหน้ามองลูกน้องคนสนิทอย่างสงสัย
“นายรู้ได้ยังไง..ดูท่า นายจะสนิทสนมกับคุณสิทธิโชคมากทีเดียวนะ เขาถึงได้ไว้ใจบอกเรื่องนี้กับนาย”

ก้องภพรีบคิดหาคำพูดกลบเกลื่อน
“..ก็ไม่ใช่ว่าจะสนิทอะไรกันมากหรอกครับ คือตอนที่ผมเรียนที่อเมริกา ผมเคยฝึกงานอยู่กับบริษัทของคุณสิทธิโชคในช่วงที่เขาอยู่ที่นั่นพอดี เราก็เลยได้มีโอกาสพูดคุยกันบ้างในฐานะคนไทยเหมือนกัน แล้วก็คุยถูกคอกันพอสมควรครับ..พอผมกลับมาเมืองไทยก็ยังมีโอกาสเจอเขาบ้างน่ะครับ”

“แล้วนายก็เลยปูดปัญหาของข้าให้เขาฟังน่ะสินะ”

ก้องภพแสร้งทำหน้าเจื่อน
“..ก็ผมรู้สึกคับแค้นใจแทนคุณนี่ครับ แต่ผมก็ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร แล้วที่คุณสิทธิโชครู้นั่นน่ะ เป็นเพราะผมเผลอหลุดออกไปตอนกรึ่มๆน่ะครับ ไม่ใช่ว่าผมจะเอาไปพูดให้เขารู้เลย..ผมขอโทษจริงๆนะครับ”

คณินโบกมืออย่างไม่ถือสา
“ช่างเถอะ คราวหน้าคราวหลังจะพูดอะไรก็ให้ระวังหน่อย ถ้าเกิดรู้ไปถึงหูเจ้าชัชแล้วมันจะเป็นเรื่อง”

“ไม่แล้วครับ แค่หลุดให้คุณสิทธิโชคฟังคนเดียวเนี่ยผมก็รู้สึกผิดมากแล้วล่ะครับ คุณคณิน” เขายืนยันหนักแน่น

คณินพยักหน้าอย่างไม่ติดใจอะไร
“ถ้าคิดได้อย่างนี้ก็ดี งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า ข้ายังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ มันเซ็งว่ะ”

ก้องภพรีบเคลื่อนรถไปตามคำสั่ง พร้อมซ่อนรอยยิ้มร้ายกาจ..ถึงตอนนี้ คณินจะยังคิดไม่ตกเรื่องร่วมมือกับสิทธิโชค แต่ไม่เป็นไร เพราะเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คณินรับข้อเสนอนั้นให้เร็วที่สุด..เพราะในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ญาติผู้พี่วางแผนไว้นั้น คือให้เขาเป็นผู้ควบคุมบริษัทนั่นต่างหาก ส่วนคณินเป็นแค่บันไดให้เขาเหยียบสู่ความยิ่งใหญ่เท่านั้น !

…………………………………………………………….

จบตอนค่ะ

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ



ระรินใจ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2555, 13:37:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2555, 13:37:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 2273





<< บทที่ ๑๑   บทที่ ๑๓ >>
หมูอ้วน 4 ก.ค. 2555, 16:54:21 น.
รอตอนต่อไปค่ะ หายไปนานเลยนะค่ะ


Zephyr 4 ก.ค. 2555, 19:01:59 น.
ทุกคนร้ายลึกกันหมด เดาใจยากชะมัด
ตอนนี้พี่จิลกะโม้นา หายไปๆๆๆๆ


ระรินใจ 4 ก.ค. 2555, 21:16:53 น.
คุณหมูอ้วน === ขอสารภาพตามตรงเลยค่ะว่าคิดบทสนทนาตอนนี้ไม่ออกเลย กว่าจะเข็นได้ก็เล่นซะเกือบเดือน แหะๆ



คุณZephyr === เดี๋ยวตอนหน้าจะพามาให้เจอหน้ากันแล้วค่า รอหน่อย^^


อริสา 5 ก.ค. 2555, 09:32:08 น.
รอลุ้นต่อไป


bloomberg 5 ก.ค. 2555, 09:54:35 น.
หายไปนาน ที่แท้ก็ตึ้บนี่เอง ถ้ารู้จะส่งเป๊ปทีนให้ซักโหล >_<
ปล่อยให้คนโกงวางแผนไป เรารอน้องโม้นากับเฮียจิลเท่านั้น ขอแบบวี๊ดวิ่วน้า


ระรินใจ 5 ก.ค. 2555, 10:12:55 น.
คุณอริสา === จะพยายามให้ลุ้นกันแบบต่อเนื่องนะคะ ^^



คุณbloomberg === รุ่นนี้แล้ว ซูเปอร์แป๊ปทีนก็คงเอาไม่อยู่หรอกค่ะ ฮ่า..ส่วนเรื่องของน้องโม้นากับเฮียจิลเดี๋ยวคนเขียนจะจัดให้แบบเต็มแม็กเลยค่ะ (นิยายตอนนี้พระเอกเราตีรันฟันแทงไม่ยุ่ง มุ่งแต่หญิงอย่างเดียว อิอิ)


anOO 5 ก.ค. 2555, 16:04:32 น.
คราวนี้เราก็รู้แล้วว่าใครเป็นมือมืด แต่นายจิลจะรู้อย่างเราๆ เมื่อไหร่กันนะ


ระรินใจ 6 ก.ค. 2555, 10:54:41 น.
คงอีกนานนนน ค่ะคุณan00 เพราะตอนนี้นายจิลยังอยู่โหมด เอ๋อ + หื่นเท่านั้นค่ะ ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account