ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๘



ฟ้ากระจ่างดาว ที่ไร้จันทรา เหลือแต่แสงกระพริบ ประดับฟ้าราตรี ลมเย็นพัดมาเบาๆ ให้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ ให้รู้ว่าตอนนี้หล่อนกำลังนอนนับดาวอยู่บนภูสูงในรีสอร์ทสุดหรูกลางป่า ไม่ได้นอนอยู่บนโซฟาในคอนโดกลางเวียง หรือในห้องนอนในบ้าน

การสัมภาษณ์งานผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทางรีสอร์ทเลื่อนการบอกผลให้ทราบเป็นพรุ่งนี้ หล่อนจึงต้องค้างที่บ้านพักเพื่อนรอว่าจะได้งานหรือไม่

โดยทีแรกหล่อนจะพักอยู่กับเพื่อน และให้รวีกลับไปก่อน แต่เขาไม่ยอม พอจะไปจองห้องพักก็ปรากฏว่าเต็มหมด แต่หลานชายพ่อเลี้ยงก็ยินดีที่จะนอนในเต๊นชานบ้านพักของเพื่อนหล่อน
แต่ขณะนี้เพื่อนหล่อนต้องเข้ากะ จึงทิ้งให้ผู้หญิงปัญหามากอย่างอรุณงาม อยู่กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน

เริ่มทิวาหนอ เริ่มทิวา เธอซ่อนความลับอะไรไว้อีกบ้าง บางปัญหาที่เกี่ยวกับเมฆา ทิวาปรึกษาหล่อน แต่บางเรื่องก็ไม่ ซึ่งรวมถึงการท้องด้วย นึกแล้วก็ได้แต่เสียใจ ที่ช่วงหลังจากทิวาถอนหมั้น หล่อนน่าจะเอาใจใส่เริ่มทิวามากกว่านี้ มองรวีแล้วก็ถอนหายใจ เขายังโชคดีที่ไม่สูญเสียญาติจากอุบัติเหตุนั้น ส่วนเรื่องอุบัติเหตุหล่อนรู้สึกว่ามีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ติดขัด อะไรบางอย่างที่สร้างความรู้สึกตะงิดตะงิด บางอย่างไม่ถูกต้อง บางอย่างที่หล่อนมองข้ามไป

อรุณงามถอนหายใจและหยิบนิยายของเริ่มทิวาที่ติดตัวมาไปสองเล่ม เดินไปที่ชานเรือนยื่นให้ผู้ชายที่กำลังมองท้องฟ้ายามราตรี ซึ่งเป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าสีนิลระยิบระยับไปด้วยเกล็ดแสงของดาวใหญ่น้อยเต็มผืนฟ้า สายลมอ่อน พัดผ่าน เสียงดนตรีไพรแว่วมาให้ได้ยิน

“อ่านนิยายไหมคะ”

เขาหันมามองนิยายในมือหล่อน ยื่นมือมารับ และยิ้มให้ ก่อนเบือนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง

“ดูดาวหรือคะ”

“ตอนเด็กๆ ผมกับเมฆาชอบมานอนตรงชานเรือนแข่งกันนับดาวว่าใครจะนับได้มากกว่ากัน แต่น่าแปลกนะ ที่ท้องฟ้าเดียวกัน แต่ผมกับมันนับได้ไม่ตรงกันสักที คงเป็นเพราะดาวบนฟ้าที่ส่องแสงได้มันเยอะจนตาลาย“

“ฉันก็ชอบมองดาวบนฟ้า ทั้งๆ ที่รู้สึกแค่สองดวง ดาวไถกับดาวลูกไก่” อรุณงามชี้มือไปบนฟ้า รวีก็มองตาม

“งั้นหรือ ส่วนผม” เขาทำท่าวางภูมิ กางแขนออกกว้างราวกับจะโอบผืนฟ้านี้ไว้ อรุณงามยืนนิ่งตั้งใจฟัง

“ดวงดาวทั้งหลายบนฟ้านั้น ผมรู้จักแค่ดาวไถกับดาวลูกไก่เหมือนกัน”

พูดแล้วก็หัวเราะเอง อรุณงามก็กลั้นยิ้ม จนสุดความสามารถแต่ท้ายที่สุดก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

“นึกว่าจะรู้จักหมด”

“แฟนคุณไม่ได้เก่งขนาดนั้น”

“บ้า ใครเป็นแฟนนาย” อรุณงามเสมองนิยายในมือ และกรีดเล่น

“แล้วใครว่าผมเป็นแฟนคุณ เอ๊ะ คิดลึกไปถึงไหน” น้ำเสียงหยอกเย้า ยั่วแหย่ เสียจนอรุณงามต้องเอาหนังสือทุบไหล่ไปด้วยความอาย

“นายรวีบ้า ฉันไม่พูดด้วยแล้ว” ว่าพลางก็เดินหนีเข้าห้อง ไม่สนใจชมดาวอีกต่อไป ส่วนชายหนุ่มก็ยังยิ้มที่แกล้งคนได้ ก้มลงเก็บหนังสือนิยาย และพบกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงหล่น



กระดาษเป็นสีขาวลายการ์ตูนจางๆ มีลายมืออันสวยงามปรากฏอยู่

ทิวาอยากตาย

อยากตายให้พ้นจากโลกนี้ ตายให้พ้นจากความทรมาน

ทำไมล่ะ ทิวาผิดหรือที่รักใคร และมีใครมารัก

ผิดหรือที่ทิวาจะเลือกรักใคร และไม่รักใคร

แต่ทิวาโกรธ ทิวาเกลียดตัวเองเป็นที่สุด

คุณเมฆคะ ทิวาขอโทษ ทิวารักคุณที่สุด

ทิวาอยากร่วมฝันที่จะสร้างอนาคตกับคุณ มีลูกกับคุณ อยู่กับคุณจนแก่จนเฒ่าและตายจากกันไป
แต่วันนี้ ทิวาไร้ค่า ไม่ใช่แสงสว่างไล่ความเมฆหมอกความมืดมนให้คุณอีกต่อไป
ทิวาไม่ใช่ทิวาคนเก่าของคุณอีกแล้วด้วยเหตุผลที่ทิวายอมตายดีกว่าบอกคุณ

แต่ทิวาจะรักคุณเสมอไป ไม่เปลี่ยนแปลง

ยกโทษให้ทิวาด้วย

“เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” รวีสบถก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องพัก ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้อรุณงามที่รับมาอ่านอย่างงงๆ

“ใช่ลายมือทิวาหรือเปล่า”

สีหน้าที่ซีดเผือดลงฉับพลันของอรุณงามเป็นคำตอบที่แน่ชัดอยู่แล้ว

เรื่องมันชักจะซับซ้อนกว่าที่คิดเสียแล้ว


กลิ่นธูปลอยวนในอากาศ แสงเทียนวับแวมหน้าองค์พระพุทธรูปบูชา หญิงผู้หนึ่งก้มลงกราบองค์พระสามครั้ง แล้วค่อยๆ ถอยมานั่งด้านข้าง ให้หลานชายเข้าไปกราบบ้าง
กราบเสร็จก็หันมามองคนเป็นป้าที่รอถามคำถามอยู่แล้ว

“ว่าไง ได้เรื่องไหม”

“ผมโทรไปหาเพื่อนน้องทุกคนแล้ว งามไม่ได้ไปอยู่กับใครเลยครับ นี่ผมก็ร้อนใจอยู่ ว่าจะไปตามที่ไหน”

“เราเข้าใจป้าใช่ไหม ที่ป้าทำแบบนั้น เพื่อให้งามได้สติ จะได้เลิกดื้อกับพี่กับป้า อยากออกไปอยู่คนเดียวนัก ก็ให้ไปลำบากเสียให้เข็ดไม่นานก็ซมซานกลับมา”

ป้ารุ้งแพง เป็นผู้หญิงที่ยังคงความน่าเกรงขามไว้ได้ตลอดเวลา วาจาสุภาพเรียบร้อย แต่แฝงด้วยการบังคับ ใบหน้านิ่งๆ ใครเห็นใครก็ว่าใจดี รักหลานเหมือนลูกในไส้ แต่คนใกล้ชิด
อย่างอรุณงามคงไม่คิดอย่างนั้น เขาเป็นพี่ทำไมจะไม่รู้ใจน้อง

“แล้วเรื่องญาตินายเมฆาล่ะ”

“งามไม่ได้ไปกับเขาหรอกครับป้า น้องไม่ชอบพวกก๊กนั้นจะตายไป”

“แต่ตะวันก็เคยเห็นน้องกับเขาไม่ใช่หรือ”

“ครับ แต่ผมยืนยันว่างามไม่ได้ไปกับเขาแน่” รักน้องก็รัก เกรงป้าก็เกรง แต่คราวนี้สงสารและรักน้องมากกว่า จึงต้องโกหก แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าน้องไปอยู่ไหน ได้แต่หวังว่าอรุณงามคงรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ใจอ่อนให้กับผู้ชายตระกูลนั้น

“ไม่ต้องห่วงนักหรอก ไม่เกินอาทิตย์จะร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้าน”

ป้ารุ้งแพงยิ้มน้อยๆ เป็นการให้ความมั่นใจแก่พี่ชายว่า น้องสาวจะไปไม่รอดในโลกภายนอก แต่ตะวันฉายว่า อรุณงามคงเป็นธนูพุ่งออกจากแหล่ง มุ่งไปข้างหน้าอย่าหวังว่าจะย้อนกลับมาเลย



“จะถึงบ้านแล้ว ตกลงว่ายังไง” รวีถามคนที่นั่งข้างๆ ระหว่างทางจากแม่ริมสู่ตัวเมือง

อรุณงามไม่ได้งานดังหวัง เขาจึงยื่นข้อเสนอให้ทำงานที่บริษัทเขาอีกครั้ง พร้อมกับช่วยกันเคลียร์ปัญหาเริ่มทิวา-เมฆาให้เสร็จสิ้น ซึ่งการได้จดหมายของเริ่มทิวามาโดยไม่คาดฝันก็ยิ่งทำให้เรื่องราวดูน่าสงสัยมากขึ้น

“เรื่องทำงานฉันตกลงเพราะดีกว่าอยู่เฉยๆไปวันๆ แต่ฉันจะย้ายไปอยู่หอพัก ส่วนเรื่องที่จะให้แกล้งเป็นแฟนกันนั้น ฉันคิดว่าไม่เห็นประโยชน์จากตรงนี้”

ท่าทีสงบกว่าที่เขาคิดเมื่อรวีเสนอให้ทั้งสองคนแกล้งเป็นแฟนกัน

“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าญาติคุณญาติผม หรือคนอื่น จะรู้เรื่องทิวากับเมฆมากกว่าที่เขาเหล่านั้นพูดหรือเปล่า แต่ผมคิดว่า การที่เราจะแกล้งเป็นแฟนกัน คงมีใครหลายคนไม่พอใจ โดยเฉพาะป้าคุณพี่ชายคุณ และอาจจะหลุดเบาะแสอะไรให้เราสืบต่อ เหมือนดาเรศไง”

“เฮ้อ” อรุณงามถอนหายใจ ยกมือกุมหน้า แล้วหล่อนจะทำไปเพื่ออะไร ถ้าบันทึกของทิวาเป็นความจริง ก็หมายความว่า ทิวาโดนใครสักคนทำร้ายจนรู้สึกอัปยศอดสู จนไม่อยากจะแต่งงานกับเมฆา แล้วคนคนนั้นเป็นใคร ทำไมทิวาไม่บอกคนอื่น เมฆาจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า

แล้วหล่อนกับรวีจะไปรื้อฟื้นให้ทิวาเสียชื่ออีกทำไม

ให้คนเป็นได้รู้จักทิวาอย่างที่เคยรู้จักไม่ดีกว่าหรือ

อรุณงามถอนหายใจอีกครั้ง แล้วมือใหญ่อบอุ่นมือหนึ่งก็มาสัมผัสมือเล็กบางของหล่อน รวีถือวิสาสะ แกะมือของหล่อนออกจากใบหน้า แล้วเขาก็กุมมือนั้นไว้

“ผมขอเดาได้ไหม ว่าคุณคิดอะไรอยู่”

“ตามสบาย”

“คุณกำลังคิดว่า หากบันทึกของทิวาเป็นเรื่องจริง คุณก็ไม่อยากขุดคุ้ยอดีตให้คนตายเสียชื่อใช่ไหม”

อรุณงามอดหัวเราะไม่ได้ เดาใจผู้หญิงเก่งนักนะ

“งั้นคุณ ก็รู้แล้วว่าฉันตัดสินใจอย่างไร”

“คุณต้องคิดถึงใจเขาใจเรา ฝ่ายคุณไม่อยากให้ทิวาเสียชื่อ สมมตินะสมมติว่ามันจริงตามกระดาษที่เราอ่าน แต่ผมก็อยากให้เมฆามันกลับบ้านมาหาลุงเสียที อยากให้มันเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บ้าน ที่มีครอบครัวอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่ไปอยู่เสียไกล ผมเชื่อว่าทิวาเองก็คงไม่อยากให้เมฆมันเสียผู้เสียคนเช่นกัน แต่ก่อนอื่นผมต้องรู้ความจริงทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ ผมบอกได้เลยว่าผมทำคนเดียวไม่ได้ ผมต้องให้คุณช่วย ผมขอร้องล่ะนะ อรุณ”

“ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าทรยศครอบครัว”

“คิดมากไปแล้ว คุณทรยศครอบครัวตรงไหน พวกเขาสิ ไล่คุณออกมา คุณก็แค่ตามหาความจริง”

“ซึ่งความจริงคืออะไรไม่รู้”

“ถูกต้อง มันก็เหมือนทำธุรกิจ มีการลงทุน วางแผน ประเมินสถานการณ์ และสุดท้ายผลกำไรที่จะได้ ตอนนี้ เราคาดหวังว่าเรื่องจะไปในทิศทางไหน เหมือนกับเราคิดว่าเราจะทำธุรกิจได้เงินเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริงๆ อาจจะมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ไม่เป็นไปตามแผน เรื่องนี้ก็เช่นกัน หลังจากที่เราพยายามสืบแล้ว เอาเข้าจริงเรื่องอาจตาลปัตรจากที่เราคาดก็ได้ เพียงแต่ว่า ผมต้องเริ่มเท่านั้น เพื่อญาติของผม และเพื่อทิวาด้วย และผมขอร้องคุณให้ช่วย” น้ำเสียงจริงจัง และจริงใจนี้ บอกให้รู้ว่า คนอย่างรวี รักคนในครอบครัวเขาขนาดไหน

“และที่สำคัญ” เขาเน้น

“หากทิวาโดนทำร้ายจริง คนร้ายก็ไม่สมควรลอยนวลอยู่”

หล่อนถอนหายใจอีกครั้ง คำว่าทำร้ายในความหมายของเริ่มทิวามันหมายถึงอะไร เหมือนอย่างที่หล่อนคิดไหมหนอ

อรุณงามยกมือจะปิดหน้าอีกครั้ง ตามความเคยชินยามต้องการใช้ความคิด แต่ก็ติดตรงมือขวาที่ถูกเกาะกุมอยู่

“ปล่อยมือฉันได้แล้ว”

“อ้อ โทษที” แอบเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ ได้เนียนมาก นายรวี

“แล้วเรื่องแกล้งเป็นแฟนกัน”

“ห้ามป่าวประกาศบอกคนอื่นๆ แค่บอกญาติฝ่ายคุณและป้ากับพี่ฉันก็พอ”

“โอเค ญาติฝ่ายผมก็มีแค่ลุงกับเจ้าเมฆเท่านั้น ขอบคุณมาก อรุณ ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราจะทำนี้ สุดท้ายแล้วจะเกิดผลดีแก่ทุกฝ่าย”

อรุณงามก็หวังไว้เช่นนั้น เอาละ ตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ แต่เบาะแสต่อมาให้ขบคิดก็มาถึงเมื่อรวีนำรถเข้าจอดในที่จอดหลังคอนโด น่าจะบอกให้ทางคอนโดซ่อมไฟดวงเดียวหน้าที่จอดรถได้แล้ว ด้วยกลางดึกเช่นนี้ มันมืดมาก แม้จะมองเห็นแสงไฟหน้าตึกรางๆ อรุณงามลงจากรถก่อนแล้วต้องร้องออกมาดังลั่นเมื่อโดนชายคนหนึ่งล๊อกแขน และปิดปาก รวีพรวดพราดลงจากรถ ไม่ทันระวังตัวเพราะมัวห่วงอรุณงาม เขาจึงโดนชายอีกสองคนลากเข้ามุมมืด ทั้งหมัดทั้งเท้าของพวกมันระดมใส่รวีโดยเขาไม่มีโอกาศได้ตั้งตัวตอบโต้ จนเขาตัวอ่อน ทรุดตัวลงกับพื้น ต่อหน้าต่อตาอรุณงาม

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” หล่อนพยายามร้องแต่เสียงก็เล็ดลอดไปได้เล็กน้อย เพราะโดนปิดปาก ดวงตาตระหนกจ้องมองไปยังรวี

คนร้ายคนหนึ่งตะคอกพอให้ได้ยินกันทั่วว่า

“นายกูฝากมาบอกว่า เลิกเที่ยวถามคนอื่นเรื่องนายเมฆาซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้”
แล้วชายทั้งสามก็เร้นกายหายไปในความมืด อรุณงามถลาไปประคองร่างอันบอบช้ำของรวี ปากคอสั่น หัวใจเต้นราวใครเอากลองสะบัดชัยมาตีตรงหน้า

“คุณรวี คุณรวี”
...............................

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และผู้อ่านทุกท่าน

ชิตา



โดย : ชิตา วันที่ : [ 16 มี.ค. 2554 ] 19:32:55 น.




>> ความคิดเห็นที่ 1

ปมเพีนบเลย คนอ่านเริ่มใช้สมองเยอะขึ้น อิอิ เพราะคิดไม่ออก
โดย : ตุ๊งแช่ [ 16 มี.ค. 2554 ] 20:12:21 น.




>> ความคิดเห็นที่ 2

ยิ่งสืบ เรื่องยิ่งยุ่ง
ทั้งหมัดทั้งเท้านะค่ะ ไม่ใช่ทั้งมัดทั้งเท้า
โดย : an-o [ 16 มี.ค. 2554 ] 22:53:34 น.




>> ความคิดเห็นที่ 3

เดายากจังเรื่องนี้ ชอบค่ะ
โดย : natee [ 16 มี.ค. 2554 ] 23:48:28 น.




>> ความคิดเห็นที่ 4

สนุกดีค่ะ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนดี รอตอนต่อไปนคะ ขอบคุณมากค่ะ
โดย : บุษ [ 17 มี.ค. 2554 ] 06:47:57 น.




>> ความคิดเห็นที่ 5

สับซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆ นะค่ะ ตอนแรกยังเดาเอาว่า ตะวันฉายที่แอบรักทิวาเป็นคนทำ แต่ตอนนี้คงจะไม่ใช่ซะแล้ว รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อค่ะ
โดย : หมูบิน [ 17 มี.ค. 2554 ] 07:55:03 น.




>> ความคิดเห็นที่ 6

ป๊าด ดด ฆาตรกรรมอำพลาง ชัดๆๆๆ บรื๋ออ
โดย : black-sheep [ 26 มี.ค. 2554 ] 01:34:00 น.




ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 21:34:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 21:34:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1778





<< ๗   ๙ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account