ดึกดื่นในคืนหนาว
ยังไม่ได้เรียบเรียงค่ะ^^
Tags: Erotic

ตอน: ตอนที่ ๔ ไม่มีเรื่องบังเอิญ

(นายอยู่ไหน เพลิง)
พระพาย กรอกเสียงถามพี่ชายเลือดร้อนของเขาน้ำเสียงเย็นระบายยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าพี่ชายยังรับสายของเขาเพราะก่อนหน้านี้เขารู้สึกหวั่นใจเหลือเกิน กลัวว่าพี่ชายจะขี่รถเร็วจนเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็อาจจะไปมีเรื่องกับใครๆอย่างที่ พระเพลิง ชอบทำเป็นประจำ
“คอนโด โทรมามีเรื่องอะไรรึเปล่า“ พระเพลิง ถามกลับน้ำเสียงเรียบปกติ
(เปล่า..แค่แปลกใจที่ฉันมาหาคุณย่าแล้วไม่เจอนาย ทำไมถึงกลับไปไวนัก?) พระพาย ถามกลับอย่างใคร่รู้
“คืนนี้อากาศดี ฉันอยากขี่รถรับลมเลยกลับมาก่อน แล้วนายล่ะทำไมถึงรีบร้อนไปหาคุณย่าขนาดนั้นนี่คงพึ่งกลับมาจากอิตาลีใช่ไหม ทำไมถึงไม่นอนพักอยู่บ้านก่อน”
พระเพลิง ถามน้องชายของเขาอย่างห่วงใยซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาทำมาเสมอตั้งแต่เด็กๆ เขามักจะดูแลและใส่ใจเรื่องราวต่างๆของพระพาย จนกลายเป็นนิสัยประจำตัวของเขาไปแล้วเขาดูแลน้องชายของเขามาตลอดจนตอนนี้ที่พระพาย อายุ 28 ปีเป็นวัยที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาก็ยังไม่เลิกห่วงและไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็จะคอยดูแลน้องของเขาไปอย่างนี้เพราะเขามีน้องชายเพียงคนเดียวเท่านั้น
( ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกคิดถึงคุณย่ายังไงบอกไม่ถูก อีกอย่างก็คิดว่าจะได้เจอนายที่นี้ด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกไว้ฉันค่อยกลับไปหานายที่คอนโดวันหลัง) พระพาย ตอบอย่างอารมณ์ดี
“ นายมีเรื่องจะคุยกับฉันงั้นเหรอ “
( นิดหน่อยนะ เรื่องงานที่บริษัท)
“ งานมีปัญหาอะไรรึไง? เดี๋ยวฉันจะขี่รถกลับไปที่นั่น นายรอก่อนแล้วกัน” พระเพลิง พูดพร้อมกับเดินไปหยิบกุญแจรถคู่ใจของเขาและคงจะได้ขี่มันกลับไปที่คฤหาสน์ทัพพสาร แน่ถ้าน้องชายไม่บอกก่อนว่า
( อย่าเลยเพลิง ไว้ฉันไปหานายเองดีกว่า เรื่องงานที่บริษัทก็ไม่มีอะไรหรอกเรามีปัญหาเรื่องการบริหารงานนิดหน่อยแต่ฉันแก้ไขเรียบร้อยแล้วนายไมต้องห่วง)
“ แน่ใจนะว่าไม่อยากให้ฉันกลับไปหา “
( แน่ใจ อย่าห่วงผมมากนักเลยพี่ชาย )
“ หึหึ นายห้ามฉันห่วงไม่ได้หรอก พาย” พระเพลิง หัวเราะน้อยๆรู้สึกใจเย็นขึ้นมาก
( โอเค เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำเข้านอนแล้ว นายก็เหมือนกันนะ)
อัณณ์ นั่งฟังสองพี่น้องพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์เห็นท่าทางที่อ่อนลงของ พระเพลิง ก็เริ่มเข้าใจคนตรงหน้ามากขึ้นในขณะเดียวกันสมองของเธอก็รีบจดจำข้อมูลต่างๆอย่างรวดเร็ว
...พระเพลิง เป็นคนรักครอบครัว และรักน้องชายมาก...
ขณะที่กำลังนั่งคิดเรื่องของสองพี่น้องตระกูลทัพพสารอยู่เพลินๆ อัณณ์ ก็มีอันต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อชายหนุ่มเลิกคุยกับน้องชายของเขาแล้วเปลี่ยนมาคุยกับเธอแทน
“ กำลังเก็บข้อมูลอยู่หรือไง”
พระเพลิง เอ่ยถามเสียงห้วนสายตาคมจับจ้องเด็กสาวที่กำลังนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างหน้าเครียดและเท่าที่เขาดูเด็กคนนี้ก็คงกำลังคิดเรื่องของเขาเป็นแน่ เพราะตลอดเวลาที่เขายืนคุยโทรศัพท์อยู่กับ พระพาย ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้จับตามองและตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดโดยตลอด
“ ปะ..เปล่า..” อัณณ์ ตอบเสียงติดขัดด้วยอาการหวาดเกรงก่อนจะก้มหน้าลงต่ำหลบสายตาคมอย่างเคย
“ โกหก ท่าทางของเธอมันฟ้องออกมาชัดเจนว่า โกหก”
พระเพลิง โน้มตัวลงต่ำก่อนจะวางมือทั้งสองข้างของเขาท้าวลงกับสันด้านบนของโซฟาตัวหรูคร่อมร่างเล็กของเด็กสาวเอาไว้ให้อยู่ในพื้นที่จำกัดอย่างคนที่เหนือกว่า อัณณ์ รู้สึกอึดอัดรนร้อนใจอย่างไรบอกไม่ถูกเมื่อต้องตกอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเช่นนี้ ยิ่งชายหนุ่มจ้องมองเธอด้วยสายตาคมดุคู่ดำสนิทอย่างคนที่ต้องการจับผิดร่างกายก็เหมือนจะชาแข็งกระดิกไปไหนไม่ได้
“ ฉันแค่คิดว่าคุณเป็นคนรักครอบครัวและดูจากการคุยโทรศัพท์เหมือนคุณจะรักน้องชายของคุณมากที่เดียว”
“ รู้ได้ไงว่าฉันคุยกับใคร” พระเพลิง ยังคาดคั่นต่อไปด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน
“ ฉันได้ยินคุณเรียกเขาว่า พาย จึงคิดว่ามันน่าจะเป็นชื่อเล่นของคุณ พระพาย น้องชายของคุณ”
“ เธอรู้จักน้องชายของฉันงั้นเหรอ”
“ คุณสองคนเป็นคนดัง ใครๆก็รู้จักคุณกันทั้งนั้น นักบริหารสองพี่น้องตระกูลทัพพสารผู้สืบสายเลือดมาจากตระกูล วู ที่ยิ่งใหญ่ในประเทศนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพวกคุณหรอก ฉันเห็นพวกคุณเกือบทุกวันตามหน้าหนังสือพิมพ์และรายการทีวี”
อัณณ์ พยายามอธิบายให้ชายหนุ่มฟังอย่างใจเย็นสีหน้าของเธอดูเป็นกังวลและหวาดกลัวด้วยเกรงว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อ กลัวเขาจะคิดว่าเธอโกหกแล้วจะพาลโกรธเธออีก
“ งั้นเหรอ?”
พระเพลิง เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะถอนตัวออกห่างจากร่างเล็กกลับมายืนยืดตัวตรงอีกครั้ง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลังหยิบกุญแจรถออกมาก่อนจะพาร่างกายใหญ่หนาของตัวเองเดินไปยังประตูห้องและก่อนที่เขาจะได้จากไป อัณณ์ ก็ชิงถามขึ้นก่อนว่า
“ คุณจะไปไหนเหรอ”
“ ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่าสู่ รู้” พระเพลิง ตอบกับห้วนสั้นพร้อมกับบิดประตูห้องให้เปิดออก
“..............” อัณณ์ นั่งเงียบกำมือเล็กแน่นก้มหน้าลงน้อยๆอย่างเจียมตัว
“ อ่อ มีเรื่องที่เธอควรต้องรู้ ” ชายหนุ่มหันกลับมาอีกครั้งพร้อมกระตุกยิ้มน้อยๆ
“ อะไร” อัณณ์ ถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ พรุ่งนี้เธอต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อย่างที่สองอย่าใช้โทรศัพท์ในห้องฉัน อย่าหยิบจับของทุกอย่างของฉัน และถ้าฉันกลับมาพบว่าของๆฉันหายไปพร้อมกับตัวของเธอ รับรองว่าฉันจะตามเธอจนเจอพร้อมกับตอบแทนการกระทำนั้นอย่างถึงขั้วทีเดียว”
“........................”
“ ฉัน เกลียด พวกเนรคุณคน”
อัณณ์ ถึงกับสะอึกกับคำพูดนั้นแต่ก็ยอมพยักหน้าลงน้อยๆอย่างเข้าใจก่อนจะก้มหน้านิ่งเช่นเคย พระเพลิง กระตุกยิ้มขึ้นอีกครั้งจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปในขณะที่ อัณณ์ ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเดิมรอจนเสียงเดินของเจ้าของห้องเงียบหายไปเธอจึงลุกขึ้นเดินขากระเผลกๆไปเปิดประตูบานนั้นออกดูให้แน่ใจว่า พระเพลิง ไปแล้วจริงๆ ต่อเมื่อไม่เห็นเงาร่างของคนตัวใหญ่เด็กสาวจึงเดินกลับเข้ามาอย่างเก่าก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนตัวเก่งกดหารายชื่อที่ต้องการอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดโทรออก
( ว่าไง ตัวเล็ก )
เสียงจากปรายสายดังขึ้นเป็นเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มที่ อัณณ์ แสนจะเกลียดชังหญิงสาวเม้นปากลงต่ำอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพูดกรอกกลับไปในสายว่า
“ ตอนนี้ฉันเข้ามาที่คอนโดของไอ้พระเพลิง ได้แล้ว และคิดว่าอีกไม่นานสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการจะสำเร็จ”
อัณณ์ บอกกับคนในสายน้ำเสียงเรียบหยิ่งยโสในทีซึ่งเป็นการพูดตามนิสัยดั้งเดิมของเธอสีหน้าของเธอดูเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อพูดถึง บุคคลที่สาม ซึ่งเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เด็กสาวต้องมาที่นี่
( คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอตัวเล็ก ฉันว่าเธออย่าประมาทจะดีกว่า) ชายหนุ่มปรายสายบอกกลับน้ำเสียงขบขัน
“ คนอย่างไอ้หมอนี่มีอะไรน่ากลัว ขี้โมโหหงุดหงิดง่ายช่องโหวเต็มไปหมด” เด็กสาวสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อถูกอีกฝ่ายสบประมาทในฝีมือของเธอ
( ฉันรู้จักผู้ชายคนนี้มานานกว่าเธอ และรู้ว่าเขาไม่ธรรมดาอย่างที่เธอคิดหรอก เชื่อฉันอย่าประมาท )
“ ไม่ต้องมาเตือน ไม่ต้องแสดงละครว่านายเป็นห่วงเพราะมันน่าเบื่อเต็มกลืน รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีเถอะอย่ามัวแต่เลียแข่งเลียขาผู้หญิงคนนั้นจนเพลิน” เด็กสาวตะคอกเสียงดังอย่างโกรธๆก่อนจะพูดว่า
“ บอกเขาด้วยว่า อีกไม่นานฉันจะกลับไปพร้อมความสำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้นก็อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน”
พูดจบ อัณณ์ ก็กดวางสายทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายก่อนจะเดินกระเผลกๆกลับมานั่งที่เดิมก้มลงมองดูข้อเท้าของตัวเองที่บวมขึ้นมาน้อยๆก็ให้รู้สึกโมโห พระเพลิง ขึ้นเป็นเท่าตัว
“ คอยดูเถอะ ฉันจะตอบแทนแกอย่างสาสม” เด็กสาวพูดด้วยแววตามุ่งร้ายน้ำเสียงโหดเหี้ยม

พระเพลิง ยังคงขี่รถไปตามเส้นทางสายเก่าที่เขาคุ้นเคยเส้นทางที่จะนำเขาไปยัง คฤหาสน์ ทัพพสาร แน่นอนว่าเขากำลังจะเดินทางไปหา พระพาย น้องชายของเขาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงต้องการความช่วยเหลือแต่ไม่อยากจะให้เขาลำบากขี่มอเตอร์ไซด์ไปหา พระพาย จึงบอกว่าจะเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง ชายหนุ่มบิดคั่นเร่งเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผ่านมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังเดินทางไปได้ไม่ถึงไหนใบหน้าคมเข้มใต้หมวกกันน๊อคบังเกิดรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาได้ สมองของเขาคิดย้อนไปถึงคำพูดของคนที่เขาพึ่งช่วยมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วที่บอกว่า
...คอยดูเถอะ ฉันจะตอบแทนแกอย่างสาสม...
ชายหนุ่มหัวเราะหึๆอยู่ในลำคอใหญ่หนาดวงตาสีดำสนิทบังเกิดความอาฆาตแค้นและสมเพชในคราวเดียวกัน เด็กคนนั้นคงไม่รู้ว่าในห้องชุดสุดหรูของเขานั้นเต็มไปด้วยเครื่องดังฟังและกล้องวิดีโอที่พร้อมใช้งานได้ตลอดแค่เพียงเขากดรีโมทควบคุมเท่านั้น นั่นหมายถึงเขาจะสามารถได้ยินทุกคำพูดและการกระทำของทุกคนที่อยู่ในสถานที่ของเขาได้อย่างสบายๆเพียงแค่เหน็บลำโพงรับสัญญาณตัวจิ๋วเข้าที่ใบหูอย่างที่เขากำลังทำในตอนนี้และเขาได้ยินบทสนทนาของเธออย่างชัดเจน
“ ก็เตือนแล้วว่าอย่าใช้โทรศัพท์ในห้องของฉัน ”
พระเพลิง พูดเสียงเบาอยู่ในลำคออย่างนั้นแล้วบิดคั่นเร่งเดินหน้าปะทะลมหนาวต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้านภาวนาอยู่ทุกขณะจิตให้อารมณ์ของเขาเย็นพอที่จะไม่เลี้ยวรถกลับไปที่คอนโดมิเนียมแล้วส่งลูกปืนเข้าไปในหัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นคนที่เขาพึ่งช่วยเหลือเธอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว แล้วดูตอนนี้สิเธอตอบแทนความช่วยเหลือของเขาอย่างไร พระเพลิงแสยะยิ้มเย้ยหยันตัวเองที่มุมปากก่อนจะบอกกับตัวเองว่า
...ไม่เคยมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นในชีวิตนี้...
ทุกคนที่เข้ามาพัวพันกับเขาล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์ของตัวเองทั้งนั้นอยู่ที่จุดประสงค์ของแต่ละคนคืออะไร ส่วนหนึ่งหวังในทรัพย์สินเงินทองของเขา อีกส่วนหวังที่จะทำลายธุรกิจอันมั่นคงยิ่งใหญ่ของเขา ตลอดชีวิตของเขาที่ผ่านมาจวบจนตอนนี้ก็29 ปีย่าง 30 เข้าไปแล้ว พระเพลิง ยังไม่รู้สึกเลยว่าชีวิตของเขามันจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ยิ่งเขาเติบใหญ่ ยิ่งมีหน้าที่รับผิดชอบมากเท่าไหร่ เขาก็มีแต่เรื่องให้ต้องหนักใจไม่เว้นแต่ละวัน และสิ่งที่เขาเรียนรู้มันมาตลอดชีวิตก็คือ
...ยิ่งยืนอยู่ในจุดที่สูงเท่าไหร่ ภัยรอบด้านก็ยิ่งเยอะเท่านั้น...
พระเพลิง เจอมันมาทุกรูปแบบแล้วกลับเรื่องแบบนี้และหลายครั้งเขาเคยพลาดท่าเกือบจะสูญเสียทุกอย่างไปกับเล่ห์เหลี่ยมมากมายของผู้คนแต่ก็ได้คำสอนและการช่วยเหลือจากพ่อและปู่ของเขาทำให้เรื่องเลวร้ายต่างๆผ่านพ้นไปได้ เขาเริ่มเรียนรู้และปรับตัวรับกับสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด พระเพลิง รู้ว่าเขาเป็นคนเลือดร้อนและมักจะทำอะไรโดยขาดสติเสมอๆเพราะแบบนี้ทุกครั้งที่ชีวิตของเขาต้องพบกับความผิดพลาดชายหนุ่มจะนำของผิดพลาดของเขามาคิดหาทางแก้ของเรื่องต่างๆและเตรียมแผนสองรองรับเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดการผิดพลาดซ้ำ
...เขาไม่ใช่คนที่รอบครอบ ไม่ใช่คนที่เก่งกาจ แต่เขาเป็นคนความจำดี...
และเขาจำทุกข้อผิดพลาดของตัวเองได้เสมอเหมือนอย่างที่เป็นในตอนนี้ก็เช่นกัน พระเพลิง จะยังไม่ทำอะไรกับเด็กคนนั้นเขาจะเก็บเธอเอาไว้ก่อนให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดอย่างที่ พ่อของเขาเคยบอกว่า
...เราควรเก็บคนที่รักไว้ใกล้ตัว แต่ควรเก็บศัตรูไว้ใกล้กว่า...
เพราะเขาจะได้เห็นทุกการเคลื่อนไหวของศัตรูและได้รู้ว่ามันต้องการอะไรจากเขา



แคลอรี่ร้อยเปอร์เซ็น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2555, 01:02:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2555, 01:06:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1284





<< ตอนที่ ๓ แผลงฤทธิ์   ตอนที่ ๕ เล่ห์ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account