ชื่นหัวใจ กลิ่นอายรัก
เศร้า เคล้า โรแมนติก
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 6

ตอนที่ 6
ไหมทองกลับมาถึงไร่บุญทองซึ่งเป็นไร่ชาอยู่บนเนื้อที่50 ไร่ เจ้าของไร่คือบุญทอง สงวนศักดิ์ พ่อของเธอนั่นเอง เมื่อมาถึงก็พบว่าพ่อของเขากำลังชื่นชมอยู่กับงาช้างแกะสลักคู่หนึ่งซึ่งเธอรู้มาว่าพ่อของเธอส่งคนไปล่าช้างที่มีงาสวยงามอยู่เชือกหนึ่งและเอางามามาก่อนจะส่งให้ช่างผู้เชี่ยวชาญที่จ้างมาจากต่างประเทศแกะสลักเป็นลวดลายวิจิตรพิศดารที่เธอเองก็ไม่เคยพบเห็นแต่ก็ยังคงรูปงาช้างเอาไว้ มองดูก็รู้ว่าเป็นงาช้าง
“อ้าว!ลูกไหม มาพอดีเลย มาดูนี่สิ งาช้างแกะสลักของพ่อ สวยไหม พ่อให้ช่างฝีมือดีติดอันดับโลกแกะสลักให้เชียวนะ” บุญทองพูดอย่างเป็นปลื้ม ไหมทองมองงาช้างแกะสลักแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ต่างอะไรกับการมองหัวกระบือ หัวเสือ และหัวสัตว์ป่าต่างๆหลายชนิดที่มีอยู่เต็มผนังบ้านของเธอเลย รวมถึงพื้นพรมหนังเสือที่เธอยืนเหยียบอยู่นี่ด้วย
“ก็สวยดีค่ะ”ไหมทองพูดเสียงเรียบก่อนหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้พยุงขัดมันวาว พร้อมกับแววตาเย็นชาที่ส่งไปให้พ่อบังเกิดเกล้า
“เป็นอะไร ทำไมลูกทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” บุญทองถามขึ้นเมื่อเห็นความผิดปกติของลูกสาว
“วันนี้ไหมไปกินข้าวกับพ่อเลี้ยงอินทัชมา” ไหมทองพูดขึ้นเรียบๆอีกครั้งๆ บุญตาโตส่งยิ้มให้ลูกสาว
“เหรอก็ดีแล้วนี่ ไปกินข้าวกับแฟน แล้วเป็นไงลูก”
“พ่อรู้มั้ยคะ พ่อเลี้ยงอินมีเพื่อนเป็นตำรวจ” ไหมทองเสียงเข้มขึ้น บุญทองชะงักเล็กน้อยก่อนหันมามองหน้าแล้วแล้วแสร้งยิ้มเจื่อนๆ
“แล้วไงลูก ไม่เห็นน่าตื่นเต้นตรงไหนเลยมีเพื่อนเป็นตำรวจ”
“แต่สิ่งที่พ่อกำลังทำอยู่ที่มันผิดกฎหมายนะคะ พ่อไม่กลัวบ้างเหรอไง” ไหมทองเริ่มใส่อารมณ์หงุดหงิด
“พ่อรู้มั้ยตอนนี้ทางตำรวจเขากำลังไล่ล่าคนที่ลักลอบตัดไม้พยุงแล้วก็ฆ่าช้างเอางากันอยู่นะ” ที่ไหมทองพูดนั่นคือสิ่งที่พ่อเธอทำทั้งนั้นเลย ถึงแม้เธอจะเคยห้ามหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถกีดขวางความต้องการของพ่อเธอได้เลย
“โธ่! นึกว่าเรื่องอะไร ไม่เห็นต้องกลัวเลย พ่อไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ลูก แต่คนที่พ่อจ้างไปทำนั่นแหละที่ผิด และมันก็ไม่มีทางสาวถึงตัวพ่อได้ด้วย ฮ่าๆๆๆๆ”บุญทองหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ไหมทองส่ายหัวอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะเธอเข้าใจความหมายของพ่อเธอดี คนที่พ่อเธอจ้างให้ไปทำนั้นส่วนใหญ่ถูกฆ่าอย่างไร้ความปราณีเพื่อป้องกันการสาวความ จะมีก็แต่ลูกน้องคนสนิทที่ไว้ใจได้เท่านั้น
ข่าวภาคค่ำในโทรทัศน์รายงานข่าวเรื่องการเผานั่งยางช้างป่าเพื่อล่าเอางาไปนั้นดังขึ้น ไหมทองหันไปมองแล้วรู้สึกหดหู่ใจ หล่อนหันไปมองผู้เป็นพ่อตาเขียวปั๊ด
“นี่ฝีมือพ่อใช่ไหมคะ” ไหมทองเอ่ยถามอย่างมีโมโห ซึ่งผู้เป็นพ่อของเธอก็ไม่ตอบอะไรเพียงแค่ส่งยิ้มเย็นมาให้แล้วหันไปให้ความสนใจกับงาช้างแกะสลักในมือต่อ
ไหมทองเห็นดังนั้นก็ให้นึกโมโหหนักเข้าไปอีกแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่เดินหนีผู้เป็นบิดาไปอย่างเสียอารมณ์
“พ่อนะพ่อ เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้เสียทีนะ ถ้าตาผู้กองอธิวัชร์นั่นรู้ว่าพ่อเราทำอะไรจะทำยังไงดีนี่” ไหมทองรำพันอย่ากังวลใจภายในห้องนอนส่วนตัวของเธอ พลางนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เธอได้ไปทานข้าวกับพ่อเลี้ยงอินทัชและผู้กองอธิวัชร์ ซึ่งการที่ไปกินข้าวครั้งนี้เธอไม่มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังกับอินทัชอย่างมีความสุขเลย แถมตำรวจนั่นยังจ้องเธอตาเป็นมันเชียว
ที่กรุงเทพฯ
นพพล อ้วน ไกรวิทย์และรมณเมื่อได้นัดเจอกันตามแผนเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนก็พากันไปยังบ้านของทนายตามที่อยู่ในนามบัตร แต่เมื่อมาถึงก็ไม่พบใครอยู่ที่บ่านนั้นเลย นพพลจึงสอบถามคนข้างบ้านที่ติดกันก็ได้รับคำตอบว่าเขาย้ายครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว
“ตายแล้ว! ทำไงดีล่ะคุณทนายบดินทร์ไม่อยู่แล้ว เราจะไปตามหาพินัยกรรมได้ยังไงกัน” อ้วนพูดขึ้นอย่างกังวลใจ ทุกคนที่นั้นก็กังวลใจไม่ต่างกัน รมณมองหน้าไกรวิทย์พลางนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“นั่นสิโทรไปก็ติดต่อไม่ได้เลย” นพพลเองก็เริ่มเครียด
“ฉันขอดูเบอร์โทรศัพท์ในนามบัตรหน่อยค่ะ” รมณเอ่ยขอนามบัตรกับนพพลท่าทางร้อนรน นพพลเองก็ยื่นให้ทันที ถึงแม้เขาจะสงสัยก็ตามว่าหญิงสาวจะเอาไปทำอะไร
เมื่อได้นามบัตรแล้วรมณก็วิ่งหายเข้าไปในรถยนต์ของไกรวิทย์ที่จอดอยู่ใกล้ๆ ทุกคนแปลกใจกับการกระทำของเธอและเดินตามมาดูเธอที่รถด้วยความสงสัยว่าเธอมาทำอะไร
“เธอจะทำอะไรน่ะ มณ” ไกรวิทย์ถามขึ้นขณะที่เห็นรมณหยิบคอมพิวเตอร์โน็ตบุ้คเครื่องกระทัดรัดมาวางที่หน้าตัก ก่อนจิ้มนิ้วที่แป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว สลับกับการมองที่นามบัตร
“ฉันจะหาพิกัดตำแหน่งที่อยู่ของคุณทนายจากเบอร์โทรน่ะสิ” รมณตอบโดยที่ตายังคงมองที่หน้าจอไม่กระพริบ และคำตอบของเธอเล่นเอานพพลกับอ้วนงงไปตามๆกันเพราะไม่คิดว่าจะรู้ที่อยู่ของทนายได้จากเบอร์โทร
แต่ไกรวิทย์นั้นไม่งงแม้แต่น้อยเพราะเขาเองก็เคยใช้วิธีนี้ค้นหาตำแหน่งที่อยู่จากเบอร์โทรศัพท์ แต่คราวนี้เกิดเรื่องขึ้นเขากลับคิดไม่ออกว่ามีวิธีนี้อยู่ รมณมีไหวพริบมากเลยที่นึกถึงวิธีนี้ได้
เวลาผ่านไปไม่กี่นาที เสียงดีดนิ้วจากรมณก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องอย่างดีใจของเธอ
“เย้! ในที่สุดก็เจอแล้วตำแหน่งที่อยู่ของคุณทนาย” เสียงของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้ทันที ก่อนจะพากันเข้ามามุงดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งปรากฏพิกัดของเบอร์โทรนั้นเอง
“ตอนนี้พิกัดมันบอกว่าอยู่แถวๆปากช่องนี่เองครับ รู้สึกเหมือนจะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งคล้ายๆรีสอร์ทหรือไม่ก็โรงแรมนี่แหละครับ”ไกรวิทย์หันมาบอกทุกคน
“งั้นเรารีบไปตามหาดีกว่า”นพพลบอกอย่างรีบร้อน ทว่าไกรวิทย์ยกมือห้าม
“คุณนพกับป้าอ้วนกลับไปก่อนเถอะครับนี่มันเริ่มมืดแล้วเดี๋ยวคนที่บ้านจะสงสัยเอา เรื่องนี้ผมกับมณจะตามเอง”
“ใช่ค่ะ คุณสองคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเดี๋ยวพวกเราจะช่วยเอง”รมณให้คำมั่น แต่อ้วนก็ยังอดห่วงไม่ได้
“ไม่ค่ะหนูมณ ป้าไม่อยากอยู่รับใช้คนพวกนั้นอีกแล้วค่ะ ป้าขอไปด้วยนะคะ”อ้วนยังคงอ้อนวอนด้วยความหวัง รมณกับไกรวิทย์มองหน้ากันด้วยความเห็นใจ นพพลเองก็ไม่อยากกลับไปเช่นกันแต่เขาแสดงความรู้สึกโดยการนิ่งเงียบเท่านั้น
“เอาอย่างนี้นะครับป้า ตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าคุณทนายพักอยู่ที่ไหน เราแค่มีที่อยู่ที่แคบลงเท่านั้นในการค้นหา เดี๋ยวผมกับมณจะลองไปหาตามโรงแรมแล้วก็รีสอร์ทในปากช่องก่อน เมื่อพบคุณทนายเมื่อไหร่ผมจะมารับป้าอ้วนกับนพพลไปด้วยกัน”ไกรวิทย์อธิบายด้วยเหตุผล ทำให้นพพลกับอ้วนเริ่มเข้าใจและยอมตกลงที่จะกลับ ซึ่งก่อนกลับอ้วนก็ได้ฝากความหวังไว้กับหนุ่มสาวผู้เป็นเพื่อนรักของพิชชาอรไว้อย่างเปี่ยมล้น
“ป้าฝากด้วยนะคะ หนูไกร หนูมณ คุณหนูทับทิมน่าสงสารเหลือเกิน ช่วยเธอให้ได้นะคะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ทับทิมเองก็เป็นเพื่อนที่ดีของพวกเรามาตลอด พวกเรายินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่ค่ะ” รมณให้คำมั่นอีกครั้งด้วยแววตามุ่งมั่น และแววตาอ่อนโยนมีพลังของเธอก็สามารถเรียกความมั่นใจของอ้วนกลับคืนมาได้เป็นอย่างดี
“ไปกันเถอะป้า เดี๋ยวทางโน้นจะสงสัยเอา” นพพลร้องเตือน อ้วนจึงหันไปพยักหน้าให้ทีหนึ่งก่อนจะหันมาลารมณกับไกรวิทย์
“งั้นป้ากลับก่อนนะคะ” ทั้งไกรวิทย์และรมณรับคำพร้อมยกไหว้สวัสดีอย่างนอบน้อม
เมื่ออ้วนและนพพลกลับไปแล้ว รมณก็หันกลับมาปรึกษากับไกรวิทย์
“เราจะเอาไงต่อดี”
“เธอกลับไปก่อนเถอะมณ เดี๋ยวเราจะไปตามหาเอง เพราะเธอเป็นผู้หญิง แต่เราไม่มีปัญหาอะไร เราไปเองได้”ไกรวิทย์ตอบด้วยความห่วงเพื่อน
“ได้ไงล่ะวิทย์ เรามาด้วยกันเราก็ต้องไปด้วยกันสิ ไปกันเถอะเราจะไปด้วย”รมณยังดื้อดึงที่จะไป และเธอก็ไม่ยอมให้ไกรวิทย์พูดอะไรต่ออีก หญิงสาวรีบวิ่งไปนั่งในรถอย่างว่องไว ไกรวิทย์มองตามอย่างเหนื่อยใจด้วยไม่รู้จะห้ามเพื่อนอย่างไรดี เพราะเขารู้จักนิสัยของรมณดีว่าเธอเอาแต่ใจแค่ไหน และเมื่อต้องการสิ่งใดแล้วไม่ว่าใครก็ขัดเธอไม่ได้ เขาจึงจำใจต้องพาเธอไปด้วยกัน และรถของไกรวิทย์ก็เคลื่อนออกจากตรงนั้นเพื่อมุ่งตรงสู่ปากช่อง
ณ ไร่บริรักษ์ศักดา
“อ้าว! อิ่มแล้วก่อ คุณหนู” กระแตถามขึ้นเมื่อเห็นพิชชาอรลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าวทั้งๆที่ข้าวยังเหลือค่อนจาน
“จ้า ทับทิมอิ่มแล้วน่ะ”พูดจบ พิชชาอรก็เดินหนีไปยังห้องพักของเธอที่อยู่ข้างบนของเรือนไม้หลังงามแห่งนี้ วันนี้อาจไม่ใช่วันแรกที่เธอกินข้าวโดยที่ไม่มีอินทัชร่วมโต๊ะด้วย แต่เพราะรู้ว่าเขาไปกินข้าวสองต่อสองกับแม่หญิงไหมทองนั่นหรือเปล่าทำให้เธอกินข้าวไม่ค่อยลงเลย ยิ่งนึกถึงคำพูดที่ไหมทองพูดจาแดกดันแล้วยิ่งเสียใจ ทำไมต้องว่ากันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ แต่ทำไงได้เธอมันแค่คนหลงทางมา เขาให้อยู่ฟรีกินฟรีก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่เห็นต้องรู้สึกอะไรมากเลย พอเรื่องของเธอจบเมื่อไหร่เธอก็คงต้องไปจากที่นี่ ไม่มาอยู่ให้รกหูรกตาเขาอีก
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็ปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน ก่อนซบใบหน้างามลงบนที่นอน จังหวะเดียวกับที่กระแตเข้ามาเห็นพอดี
“เป็นหยังเจ้า คุณหนูเสียใจเรื่องยัยตู้ทองใจ้ก่อ ถึงได้บ่ยอม กิ๋นข้าว กิ๋นปลา” กระแตตรงเข้ามาปลอบอย่างเห็นใจเพราะนึกว่าพิชชาอรร้องไห้
“บ่ต้องไปฟังคำแม่หญิงใจฮ้ายอู้ดอกเจ้า คุณบ่ได้ผิด ก็ฮู้อยู่แก่ใจ๋ ไผบ่ฮู้กะจ้างเต๊อะ” คำปลอบใจของกระแตเรียกรอยยิ้มของพิชชาอรได้เป็นอย่างดี
“แฮ่!” พิชชาอรโผล่หน้ามาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางทะเล้นพร้อมกับทำหน้าหลอกผีใส่กระแตจนกระแตหงายหลังแทบตกเตียงด้วยความตกใจ
“ว้าย! ตกใจ๋ หมดเลยเจ้า คุณหนู เล่นหยังกะบ่ฮู้” เสียงรำพันของกระแตเรียกเสียงหัวเราะน้อยๆของพิชชาอรได้ทันที
“เฮาอุตส่าเป๋นห่วงนาเจ้า” กระแตแอบตัดพ้อ พิชชาอรจึงส่งยิ้มหวานให้เป็นการขอโทษ
“จ้า ทับทิมขอโทษ แต่กระแตไม่ต้องเป็นห่วงหรอกทับทิมไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจมากนะที่เป็นห่วง”
“เจ้า ว่าแต่คุณหนูบ่หิวเหรอก่อเจ้า หันกินเป็นน้อยเดียว เดียวแสบต๊องเอานะเจ้า” กระแตเอ่ยถามอย่างห่วงใย
“ทับทิมไม่หิวจริงๆจ้า สงสัยเมื่อตอนกลางวันกินเยอะมั้งเลยไม่ค่อยหิว”พูดจบ กระแตก็พยักหน้าเข้าใจ
“งั้นกระแตไปเก็บจานล้างก่อนนะเจ้า”
“จ้า” พิชชาอรรับคำแล้วกระแตก็เดินออกจากห้องไป ทางด้านพิชชาอรก็พยายามขับไล่ใบหน้าคมเข้มนั้นให้หายไปจากความคิดอยู่นานสองนาน ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำ
ณ บ้านของแม้นวาด
“เฮาเกลียดนัก แม่หญิงเจ้ามารยา!” เสียงของใบบัวดังขึ้นอย่างโมโหทันทีที่หล่อนก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ทำเอาแม้นวาดซึ่งทำกำลังจัดกับข้าวอยู่สะดุ้ง มองหน้าลูกสาวอย่างสงสัย
“เป็นหยังอีก แม่บัว โกรธเคืองไผมาอีก”
“ยัยไหมทองสิแม่ มารยาสาไถยนัก ใส้ฮ้ายบัว” ใบบัวใส่อารมณ์พลางนั่งลงบนพื้นที่มีขันโตกใส่อาหารเย็นอยู่เต็ม
“มีเรื่องอิหยังกั๋น” แม้นวาดเอ่ยถามลูกสาวอย่างใจเย็น
“ตอนเย็นเปิ้นมาหาป้อเลี้ยง แต่ป้อเลี้ยงบ่อยู่ บัวก็บอกเปิ้นดีๆ แล้วก็มาหยิกผมบัวโต้ย แต่พอป้อเลี้ยงปิ๊กมา เปิ้นก็ฟ้องป้อเลี้ยงหาว่าบัวขู่จะทำร้ายเปิ้ล” ใบบัวเล่าด้วยความแค้น แม้นวาดฟังแล้วไม่นึกติดใจโทษใครทั้งนั้นเพราะเธอเองก็รู้นิสัยลูกเธอดีว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนขี้หงุดหงิดแค่ไหน หากไม่พอใจใครขึ้นมาแล้วล่ะก็เป็นระเบิดใส่ทุกที ทุกคนในไร่นี้ก็เช่นกันแทบไม่มีใครเลยที่ไม่เคยทะเลาะกับใบบัว จะว่าไปก็ยกเว้นแต่อินทัชคนเดียวที่หล่อนยอม
“ใบบัวเอ๋ย ลูกอย่าไปกึ๊ดนักเลย อภัยได้กะอภัยเต๊อะลูก หากมันบ่หนักหนาอะหยัง ลูกกะฮู้ว่าแม่หญิงไหมทองน่ะ อีบ่เมินก็จะมาเป๋นนายหญิงของพวกเฮาเน้อ” สิ้นคำพูดของผู้เป็นแม่ ใบบัวตบที่พื้นดังฉาดด้วยความไม่พอใจ
“บ่มีทางบัวบ่ยอมหื้อยัยไหมทองมาเป็นแม่หญิงของป้อเลี้ยงได้ บัวบ่ยอม! ”ใบบัวเน้นเสียงประโยคหลัง อย่างจริงจัง แม้นวาดสังเกตเห็นแววตาเอาเรื่องของลูกแล้วชวนขนลุก หล่อนจึงไม่พูดเรื่องนี้อีก และชวนใบบัวกินข้าว ซึ่งใบบัวก็นั่งหน้าเครียดอยู่นานกว่าจะลงมือกินข้าวกับผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าที่หงิกงอ




พราวเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2555, 12:52:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2555, 12:52:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1191





<< ตอนที่ 5/1   ตอนที่ 6/2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account