ร้อยเล่ห์ แสนรัก
ดาดาริน...นางแบบสาวสุดฮอต วางแผนพิลึกพิลั่นเพื่อให้ ทองทิมหลงเสน่ห์ สาเหตุมาจากเธอเข้าใจว่าเขากำลังจะแย่งผู้หญิงจากผู้ชายที่เธอหลงปลื้ม
ด้วยแผนการเหล่านี้ ทำให้เกิดความสัมพันธ์อลหม่าน ระหว่างนางแบบสาวกับทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปรินเซสแล้วนะคะ จะลงแค่ 70% ที่เหลือช่วยอุดหนุนหนังสือกันด้วยนะ ><
ด้วยแผนการเหล่านี้ ทำให้เกิดความสัมพันธ์อลหม่าน ระหว่างนางแบบสาวกับทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปรินเซสแล้วนะคะ จะลงแค่ 70% ที่เหลือช่วยอุดหนุนหนังสือกันด้วยนะ ><
Tags: รัก,โรแมนติกคอมมาดี้
ตอน: บทที่ 15
“ไปหงุดหงิดอะไรมาอีกล่ะ”
ยาใจที่กำลังชงกาแฟอยู่ในครัว เอ่ยถามขึ้นทันที ที่เห็นหน้าแดงก่ำของเพื่อนรักที่ก้าวกลับเข้ามาในห้อง
“ฟิตเนสไม่เปิดหรือไง หรือว่าลู่วิ่งเจ๊ง”
คำยั่วแหย่ของยาใจไม่มีผล ดาดารินเหมือนภูเขาไฟที่พร้อมระเบิดออกได้ทุกเมื่อ นางแบบสาวกระแทกตัวลงบนโซฟ าก่อนลาวาน้ำตาจะพรั่งพรูออกมาจนเพื่อนรักตกใจ
“เอ๊ย ดา แกเป็นอะไร”
ผู้จัดการสาวปราดเข้ามาด้วยความเป็นห่วง สาวร่างเล็กทรุดตัวลงข้างๆ พร้อมโอบร่างบางระหงไว้อย่างปลอบประโลม
หลังจากความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอดีตสอนให้ดาดารินเข้มแข็ง ยาใจก็ไม่เคยเห็นดาดารินร้องไห้ แม้จะมีบ้างที่ฝ่ายนั้นใช้หยาดน้ำตาเรียกร้องความเห็นใจจากคนอื่น แต่มันก็เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
“ฉัน... ฉันโกรธ...มาก เขา...ร้าย กาจ พูดจา.... แย่ ที่สุด ดู....ถูกฉัน.... บอกว่า... ฉันให้....ท่า...เขา” ดาดารินว่าพร้อมกับเสียงสะอื้นดังจนยาใจฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“ใจเย็นก่อนนะดา เลือกเอาว่าจะร้องไห้หรือจะเล่าเรื่อง ฉันฟังไม่ออกว่ะ” ยาใจว่าขณะยื่นทิชชูให้ เธอไม่ชินกับการปลอบโยนใครด้วยคำพูด สิ่งที่สาวห้าวทำเป็นคืออยู่เคียงข้าง ให้ยืมไหล่บางๆ ไว้ซับน้ำตา
แล้วสิ่งที่นางแบบสาวเลือกก่อน คือร้องไห้ให้หนำใจ นานแล้วที่เธอไม่ได้ระบายความอัดอั้นด้วยหยาดน้ำใส เมื่อรู้สึกดีขึ้น ดาดารินก็ปาดน้ำตาอย่างไม่แยแส ก่อนเล่าเรื่องทั้งหมด
“อีตาบ้าเจ้าของคอนโดพูดจาแย่มากๆ เขาดูถูกฉัน หาว่าฉันให้ท่าเขา ทำร้ายกันด้วยคำพูดราวกับไม่เคยอบรมเรื่องมารยาทมาก่อน ฉันอยากจะ.....อยากบ้าตาย ถ้าทำได้นะ ฉันคงบีบคอเขาให้หน้าเขียว ให้ลิ้นห้อย ให้น้ำลายฟูมปาก ให้พูดไม่ได้ ให้ตาถลน ดูสิจะพูดจาอย่างนั้นได้อยู่อีกไหม โอ๊ย.... ฉันอยากจะตาย หัวใจฉันเต้นแรงมากเลย เข้าใจแล้วล่ะว่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้ามันเป็นยังไง”
“ฉันว่าแกจะตายเพราะขาดอากาศหายใจเนี่ยแหละ”
ยาใจกลับมายั่วแหย่อีกครั้ง เมื่อเห็นเพื่อนรักอาการดีขึ้น แม้คราวนี้จะถือเป็นครั้งแรกที่ดาดารินโมโหจนร้องไห้ แต่ผู้จัดการสาวก็รู้ว่าคำพูดของเพื่อนรัก ส่วนใหญ่มักต้องใช้ร้อยหารถึงจะได้ความจริง
“สูดลมหายใจลึกๆ นะ แล้วบอกฉันสิว่าเกิดอะไรขึ้น เล่าแบบละเอียดๆ ช้าๆ ด้วย อีตาบ้าเจ้าของคอนโดคือคุณทองทิมใช่ไหม เขาพูดว่าอะไร แล้วทำไมแกถึงไปเจอคุณทองทิมได้”
ดาดารินทำตามที่เพื่อนบอก คือสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์เดือดดาล ขณะที่หยาดน้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว
“ฉัน บังเอิญเจอเขาในลิฟต์ แล้วเขาก็หาว่าฉันแต่งตัวไปยั่วธีร์ หาว่าฉันเข้าหาผู้ชายก่อน ทำตัวไม่มีคุณค่า แล้วฉันก็เคยทำอย่างนั้นกับเขาด้วย”
“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมอยู่ๆ คุณทองทิมถึงพูดถึงนายถ่านได้ล่ะ”
“เออ ฉันลืมบอกไป ว่าฉันเจอธีร์หน้าห้อง ก็เลยชวนธีร์ไปออกกำลังกายด้วยกัน”
“แกกับนาย ถ่านไปออกกำลังกายด้วยกัน แล้วเจอคุณทองทิมในลิฟต์ แล้วตอนที่คุณทองทิมด่าแก นายถ่านนั่นไปทำอะไรอยู่ที่ไหนวะ”
ดาดารินถอนหายใจ ก่อนเริ่มต้นเล่าเรื่องใหม่อีกครั้งอย่างเบื่อหน่าย ยาใจจะรับฟังดีๆ โดยไม่แย้งไม่ได้เลยหรอ
“คืออย่างนี้ ฉันบังเอิญเจอกับธีร์ของฉันหน้าห้อง เราก็เลยเดินไปรอลิฟต์ด้วยกัน พอลิฟต์มาก็มีอีตาบ้านั่นอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ฉันเดินเข้าไป แต่ธีร์ของฉันไม่ได้ตามเข้ามาด้วย ฉันก็เลยนึกขึ้นได้ว่าธีร์คงไม่อยากอยู่ใกล้นายทองเทียมนั่นเท่าไร ฉันก็เลยจะเดินออก แต่เขาก็ดันปิดลิฟต์ใส่หน้าฉัน ฉันก็เลยติดอยู่กับเขาสองคน เขาก็ด่าฉัน หาว่าฉันสะกดรอยตาม ดักเจอ แล้วก็เข้าหาเขา เป็นผู้หญิงให้ท่า...” ดาดารินชะงักเมื่อนึกถึงคำว่าปมด้อย และขาดความอบอุ่น
หญิงสาวไม่เล่ามันให้เพื่อนรักฟังด้วย เพราะนั่นเท่ากับเป็นการตอกย้ำกับตัวเอง
“ฉันเกือบจะต่อยหน้าเขาอยู่แล้วนะ แต่โชคดีที่ฉันออกมาได้ก่อน ไม่งั้น...แกได้ตามไปประกันตัวฉันที่โรงพักแน่”
“เดี๋ยวนะๆ เมื่อกี้แกบอกว่า เขาด่าว่าแกสะกดรอยตาม แถมยังดักเจอเขา แสดงว่าเขาก็รู้แล้วนะสิ ว่าทั้งหมดนั่นเป็นแผนของแก แล้วเขาไม่สงสัยหรอว่าแกทำไปเพราะอะไร”
ดาดารินส่ายหน้า เธอก็เพิ่งสังเกตตอนที่เพื่อนทัก ว่าคำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขารู้พฤติกรรมของเธอทั้งหมด
“ถ้าอย่างนั้นการที่เขาด่าแกอย่างนั้นก็สมเหตุสมผลแล้วนะ พฤติกรรมแกมันส่อให้เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ แกมัวแต่สนใจนายถ่าน จนลืมคิดว่า สิ่งที่แกทำมันอาจทำให้คนอื่นมองว่าแกเป็นผู้หญิงแบบนั้นได้”
นางแบบสาวนั่งเงียบ เธอครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพื่อนพูด
“แต่ว่าเขาก็ไม่ควรว่าฉันอย่างนั้นไม่ใช่หรอ ผู้ชายที่ด่าผู้หญิงนี่มัน... ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะ”
“แล้วแกเป็นสุภาพสตรีตายล่ะ อย่าเพิ่งมองฉันอย่างนั้น ฉันไม่ได้อยู่ข้างคุณทองทิมนะ แค่อยากให้แกลองคิดในมุมของคุณทองทิมด้วย เมื่อวานเขาเจอแกไปดินเนอร์กับน้องพล มาวันนี้ก็บังเอิญเจอแกกับนายถ่านอยู่ด้วยกันอีก ไม่แปลกป่ะที่คุณทองทิมจะมองว่าแกเป็นพวกคาสโนวี่ ไล่จับผู้ชายไปเรื่อยน่ะ”
เหตุผลของยาใจทำให้ดาดารินเถียงไม่ออก เธอไม่อยากยอมรับ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย
“แล้วฉันควรจะทำยังไงดี” ดาดารินถามด้วยคำถามติดปาก เวลาวงล้อในสมองของหญิงสาวกำลังหมุนติ้ว
“เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแผนการบ้าๆ นั่น แกชอบนายถ่าน แต่วิธีการแสดงออกของแกกลับทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันหมด ฉันว่าแกควรบอกนายถ่านนั่นไปตรงๆ ว่าแกรู้สึกยังไง เขาคงไม่ว่าอะไรแกหรอก”
ใช่...เพราะถึงยังไงเขาก็รู้อยู่แล้ว ถ้าดาดารินยอมสารภาพ เขาก็คงไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น ดีเสียอีกเรื่องทุกอย่างจะได้จบลง
“ฉันไม่ได้กลัวธีร์จะว่าฉันหรอกนะ แต่ฉันแค่...แค่อยากให้ธีร์ของฉันมีความสุขกับคนที่เขารักเท่านั้น ฉันบอกรักเขาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันอาจจะยิ่งทำให้ธีร์ของฉันไม่สบายใจก็ได้”
“เฮ้อ แม่พระจริงๆ” ยาใจประชดอย่างเบื่อหน่าย “ปัญหามันเริ่มมาจากแผนการบ้าๆ นั่น ต่อให้แกยุติมันไปแล้ว ยังไงก็ต้องมีผลกระทบตามมาอยู่ดี แกจะตัดสินใจยังไงก็คิดให้รอบคอบละกัน ระวังจะเป็นอย่างคราวนี้อีก”
ยาใจเอ่ยอย่างจริงจัง ขณะที่ดาดารินเงียบไป
“ฉันจัดกระเป๋าให้แกเรียบร้อยแล้วนะ พรุ่งนี้เครื่องจะออกประมาณ...2 ทุ่ม” ผู้จัดการสาวเปลี่ยนเรื่อง จนคนข้างๆ หันมองก่อนทำหน้าฉงน
“เดี๋ยวก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปไหน” ดาดารินถามอย่างสงสัย ช่วงนี้เธอมีเรื่องให้คิดเยอะแยะ บางเรื่องเลยปลิวหายไปจากความทรงจำ
“อะไรกันทำเป็นลืม พรุ่งนี้แกมีถ่ายแบบที่ญี่ปุ่นไง คราวนี้ไปโอซาก้า 3 วัน 2 คืน ฉันบอกแกไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แก่แล้วล่ะสิเลยจำไม่ได้เนี่ย”
ดาดารินเพียงแค่รู้สึกว่าคุ้นๆ แต่ก็ได้แต่พยักหน้าไปเหมือนจำได้
“ไปตั้งสามวัน ถ้าอย่างนั้นฉันไปบอกธีร์ของฉันก่อนดีกว่า เผื่อเขาอยากได้อะไรจะได้ซื้อมาฝาก”
แล้วดาดารินก็กลับมาเป็นดาดารินคนเดิม กลบเกลื่อนความโกรธเคืองไว้ด้วยการโอนเรื่องไปญี่ปุ่นเข้ามาจนเต็มสมอง หากแต่เพื่อนที่สนิทราวกับคนในครอบครัวได้แต่ถอนหายใจ ดาดารินสลัดเรื่องที่ตัวเองไม่ต้องการออกไปจากความคิด แต่สุดท้ายมันก็ปลิวไปตกอยู่ข้างๆ แม้จะพ้นจากสายตา แต่ก็ไม่พ้นจากความรู้สึก
น่ากลัวว่าสักวันมันสะสมจนกองท่วมหัว แล้วในที่สุดก็ล้มลงใส่ตัวดาดารินเสียเอง
-------------------------------------------------------------------------
ดวงตาคมกล้ายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่มีตัวอักษรสักตัวในกล่องสี่เหลี่ยมผ่านเข้าสู่หัวสมอง ชายหนุ่มในชุดทำงานสีน้ำตาลไหม้มองเห็นเพียงแววตาที่จ้องมองอย่างเอาเรื่อง
เขาพยายามสลัดภาพเหล่านั้นออกจากหัว แต่ดูเหมือนเจ้าของแววตาคู่สวยจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัดยังวิ่งวนซ้ำซากอยู่ในความคิด และคำพูดทิ้งท้ายของเธอตามราวีจนไม่เป็นอันกินอันนอน
หรือเขาจะพูดจาแรงเกินไป ภานุก็บอกเขาเช่นนั้นเหมือนกัน เขาหยาบคายกับเธอมากไปใช่ไหม เธอจึงไม่โผล่หน้ามาก่อกวนชีวิตเขาอีก สอบถามกับวันรีที่ดูเหมือนตอนนี้จะกลายเป็นผู้รายงานข่าวประจำคอนโดมิเนียมไปแล้ว บอกว่าตอนนี้นางแบบสาวไม่อยู่ที่ห้อง ขนกระเป๋าใบใหญ่ออกไปพร้อมผู้จัดการส่วนตัวเมื่อหลายวันก่อน
อย่าบอกว่าเธอยอมแพ้ แค่คำพูดไม่กี่คำเธอก็ถอยเสียแล้ว ดาดารินไม่ใช่ผู้หญิงขี้ใจน้อยอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
แล้วเธอหายไปไหนของเธอกัน
“เวลาทำงาน ไม่ได้ให้มานั่งเหม่อ” เสียงดุอย่างไม่จริงจังนักดังขึ้น ทำเอาทองทิมสะดุ้งก่อนเงยหน้ามองผู้มาเยือน
“พ่อมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมตกใจหมด”
“อะไรๆ ทำไมถึงกลายเป็นคนขี้ตกใจไปได้ คราวหน้าฉันยกขบวนกลองยาวมาด้วยเลยดีไหม แกจะได้ตั้งตัวทัน”
“ได้ก็ดีครับ” ทองทิมตอบกลับคำประชดหน้าตาเฉย “พ่อมาหาผมถึงห้อง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่โทรมาให้ผมไปหาล่ะ”
“ขืนโทรมาก่อนฉันก็ไม่เห็นอะไรดีๆ น่ะสิ ว่าไง เหม่ออะไรอยู่ มัวแต่จ้องหน้าคอมอยู่นั่นแหละ เครียดเรื่องงานหรือว่า... มัวแต่คิดถึงใคร” เพชรรัชว่าด้วยน้ำเสียงล้อเลียน จ้องมองลูกชายตัวดีอย่างรู้ทัน
ระดับเขาแล้วไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกชายบอก เพราะ ‘สายลับ’ ที่เขาว่าจ้างเป็นพิเศษ รายงานถึงอาการผิดปกติของลูกชายเรียบร้อยแล้ว ทองทิมเทียวถามวันรีถึงนางแบบสาวคนนั้น จะมาทำปากหนักใจแข็งกับพ่อก็ได้ แต่อย่างไรก็ปิดพ่อไม่ได้อยู่ดี
“ผมจะคิดถึงใคร ก็คิดถึงแต่งานที่พ่อให้ไง” เขาว่าแต่ไม่ยอมสบตาผู้เป็นบิดา รู้ว่าพิรุธเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เพชรรัชอ่านความคิดเขาได้อย่างหมดเปลือก
“อ้าว...ฉัน คิดว่าแกคิดถึงว่าที่ลูกสะใภ้ของฉันเสียอีก” เพชรรัชเอ่ยแซวอย่างหน้าชื่นตาบาน จากที่สืบทราบมา ดาดารินเป็นผู้หญิงที่ดีใช้ได้คนหนึ่ง ซึ่งเขาดูแล้วก็ไม่เห็นเสียหายอะไรหากทองทิมจะมีใจให้เธอคนนั้น
“เอาเลยๆ คนนี้ฉันสนับสนุน ฉันไม่ได้จะขายแกกินหรอกนะ แต่ถ้าแกมีแฟนเป็นนางแบบชื่อดัง ธุรกิจของเราก็จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย ไปไหนก็มีแต่คนรู้จัก เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย เป็นนักธุรกิจก็ต้องมองการณ์ไกลแบบนี้ ดีมากๆ”
ทองทิมขมวดคิ้ว มองหน้าผู้เป็นบิดา ที่ทรุดตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาฉงน
“เดี๋ยวนะพ่อ พ่อหมายถึงใคร นางแบบที่ไหน ดาดารินอย่างนั้นหรอ พ่อไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ผมบอกพ่อแล้วไงว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น พ่อคิดเองเออเองไปใหญ่แล้ว ผมไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ไม่มีวันจะคิดอย่างนั้นด้วย” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ยิ่งทำให้เพชรรัชแน่ใจยิ่งขึ้น
“เฮ้อ... เสียดายจริงๆ ผู้หญิงแบบดาดารินหาไม่ได้ง่ายๆ เสียด้วย แต่ถ้าแกไม่คิดอะไรก็ไม่เป็นไร ฉันก็คงบังคับอะไรแกไม่ได้” พ่อว่าเหมือนตามใจเขา แต่จากน้ำเสียงและแววตา ทองทิมกลับรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย
เขาเห็นท่าไม่ค่อยจะดี เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้ว...รีสอร์ทที่ปราณบุรีเป็นยังไงบ้างครับ เสียงตอบรับจากลูกค้าดีไหม”
เพชรัชรู้ว่าลูกชายพยายามเบนความสนใจ แต่เขาก็รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้อนฝ่ายนั้นให้จนมุม ชายวัยกลางคนจึงยอมคล้อยตามไปเรื่องอื่นโดยง่าย
“ตอนนี้ลูกค้าที่จอง ก็มีแต่บรรดาคนรู้จักหรือไม่ก็พวกลูกค้าเดิมๆ เราอาจจะต้องทำแผนโปรโมตให้มากกว่านี้ แต่ฉันยังนึกภาพไม่ออกว่าจะทำยังไงดี แกมีไอเดียอะไรเสนอไหม”
ทองทิมมีสีหน้าครุ่นคิด แม้ว่าในตอนนี้หัวเขาจะเต็มไปด้วยเรื่องของผู้หญิงคนนั้น แต่ข้อมูลเกี่ยวกับรีสอร์ทแห่งใหม่ก็บรรจุแน่นอยู่ในสมองของเขา พร้อมเรียกมาใช้งานได้ทุกเมื่อ
“รีสอร์ทที่ปราณบุรีเป็นรีสอร์ท ระดับ 4 ดาว เดินทางสะดวก แล้วราคาก็ไม่แพงเกินไป ผมว่าเราสามารถเจาะกลุ่มลูกค้า ที่เป็นวัยรุ่นหรือไม่ก็ครอบครัวชั้นกลางได้ ถ้าเราทำให้เขารู้สึกว่ารีสอร์ทใหม่ของเราเข้าถึงง่าย แล้วก็ไม่ได้หรูหราจนโอเว่อร์ มันก็น่าจะดีนะครับ” ชายหนุ่มเสนอความคิดเห็นพร้อมทั้งเหตุผลอย่างคล่องแคล่ว คนเป็นพ่อได้แต่นึกชื่นชมในใจ
แม้ว่าทองทิมจะให้ความสนใจกับงาน ศิลปะ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าชีวิตเขาต้องทำอะไร เพื่อใคร ตอนแรกเพชรรัชกลัวว่ามันจะหนักเกินไปสำหรับลูกชาย แต่เมื่อได้ยินอย่างนี้เขาก็หายห่วงไปได้เยอะเลยทีเดียว
“ถ้าอย่าง นั้น ฉันจะให้แกเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ทำแผนโปรโมตสำหรับรีสอร์ทใหม่ของเราที่ปราณบุรี แกทำได้ใช่ไหม”
ทองทิมยิ้ม พ่อมักจะถามอย่างนี้บ่อยๆ แต่เขาก็รู้ว่าทุกครั้งที่พ่อถาม คำตอบเดียวที่พ่อต้องการคือ…
“ครับ ผมทำได้”
------------------------------------------------------------------
กล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินติดชื่อแบรนด์เป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมถุงกระดาษ 3 ใบเล็กบ้างใหญ่บ้างในมือของผู้จัดการสาวร่างเล็ก ถูกยื่นส่งให้ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร
“ดามันซื้อมาฝากจากญี่ปุ่น” เธอบอกสั้นๆ เกือบจะหมุนตัวกลับเข้าห้องในนาทีนั้น แต่ธีร์ก็รั้งไว้เสียก่อนด้วยคำถาม
“ขอบคุณครับ... ดากลับมาจากญี่ปุ่นแล้วหรอ”
ยาใจเท้าเอว มองเขาอย่างตำหนิ
“ถ้า มันไม่กลับมาแล้วมันจะเอาของฝากมาให้คุณได้ยังไง”
ชายหนุ่มพยักหน้า ชินกับท่าทางหาเรื่องที่ยาใจมีต่อเขา จึงเอ่ยถามต่อ
“แล้วดาไปไหนละครับ”
“นี่คุณจะอยากรู้อยากเห็นอะไรนักหนาเนี่ย ยัยดามันนอนสลบเหมือบอยู่ในห้องนั่นแหละ กลับมาก็หมดแรงแต่ยังอุตส่าห์กำชับให้ฉันเอาของพวกนี้ให้คุณให้ได้ ในถุงนั่นเป็นพวกขนม แล้วก็อาหาร ส่วนในกล่อง คุณลองเปิดดูเองละกัน ชอบไม่ชอบยังไง ก็ช่วยๆ ใส่ให้มันเห็นด้วยล่ะ มันจะได้ดีใจ”
ยาใจสั่งเสียงหงุดหงิด เธอเองก็เพลียไม่ใช่น้อย เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อตอนเย็น อยากล้มตัวลงนอนใจจะขาด ถ้าไม่ใช่เพราะดาดารินไหว้วานแกมบังคับ เธอคงไม่ถ่างตารอจนชายหนุ่มกลับมาอย่างนี้แน่
“ขอบคุณมากนะครับคุณยาใจ คุณเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ไปพักผ่อนเถอะครับ”
สาวร่างเล็กทำเป็น เบ้หน้าเมื่อได้ยิน ทั้งๆ ที่หมั่นไส้กับความห่วงใยที่เขาเผื่อแผ่อย่างไม่จำเป็น แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึก ‘อุ่น’ ขึ้นอย่างประหลาด
เหมือนคำสั้นๆ มาละลายความเหนื่อยล้าที่สะสมลงไปได้มาก
“ฝากบอกดาด้วยว่าผมขอบคุณมาก แล้วผมจะใส่ให้ดาเห็นนะครับ”
ยาใจพยักหน้างึกๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนหมุนตัวเข้าห้อง โดยมีสายตาของธีร์จับจ้อง จนประตูปิดลงเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงเดินกลับไปยังห้องตัวเอง
เขาวางสัมภาระรวมถึงถุงกระดาษไวบนโต๊ะอาหาร ก่อนเปิดกล่องที่เพิ่งได้รับมาด้วยความอยากรู้
เสื้อแจ็กเก็ตผ้าเนื้อดีสีดำ ปักลายด้านหลังด้วยไหมสีเดียวกันเป็นรูปนกกระเรียน ด้านในเป็นลายตารางหมากรุก ชายหนุ่มลองกางออกมาสวมใส่ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามันพอดิบพอดีราวกับสั่งเพื่อเขาโดยตรง
รอยยิ้มเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดาดารินให้ความใส่ใจเขาเหลือเกิน ในขณะที่เขากลับไม่กล้าแสดงอะไรออกมาเลยสักครั้ง
บางทีมันอาจจะถึง เวลาแล้วที่เขาจะต้องบอกความจริง เธอควรจะได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกอย่างไรกันแน่
หวังว่า เมื่อถึงวันนั้น เธอคงจะยังเป็นดาดารินคนเดิมที่เขารู้จัก
----------------------------------------------------------------------------
เกือบเที่ยงในวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวที่ทำงานหนักตลอด 3 วันในต่างแดน ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยหลังจากพักผ่อนไปเกือบ 10 ชั่วโมง อาจเป็นเพราะอากาศที่ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว โอซาก้าหนาวเย็น ในขณะที่เมืองไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนฤดู เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ซึ่งดาดารินเกลียดบรรยากาศแบบนี้เหลือเกิน
เธออยากซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตลอดฤดูกาลที่เปียกปอนเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดหญิงสาวก็ลุกขึ้นอาบน้ำอย่างเกียจคร้าน เลือกเสื้อผ้าแบบลำลองด้วยเสื้อแขนกุดระบายลูกไม้สีครีมสะอาด กับกางเกงขาสั้นสีดำ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินทางที่วางส่งๆ ไว้เมื่อคืนขึ้นมากางบนเตียง
จัดการแยกเสื้อผ้าที่ใช้แล้วไว้กองหนึ่ง ของฝากเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนรู้จัก ซึ่งดาดารินก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนอีกกองหนึ่ง จนสุดท้าย สิ่งที่เหลือติดค้างอยู่ใต้กระเป๋าขนาดย่อม ทำให้หญิงสาวชะงัก
ดาดารินค่อยๆ หยิบถุงกระดาษยับยู่ใบเล็กขึ้นมา จนถึงตอนนี้ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมถึงซื้อมันกลับมาด้วย
เพียงแค่เห็นมันตั้งโชว์อยู่หน้าร้านที่เดินผ่าน ภาพชายหนุ่มอีกคนก็ลอยเข้ามาในหัว เหมือนตอนนั้นมีผีนินจาฮาโตริเข้าสิงร่างเอไว้ เพราะดาดารินจำอะไรไม่ได้เท่าไร มารู้ตัวอีกทีก็ออกจากร้านพร้อมถุงกระดาษในมือเสียแล้ว
เธอต้องสติฟั่นเฟือนไปแน่ๆ ที่คิดซื้อมันมาฝากผู้ชายปากร้าย ใจดำคนนั้น ขืนเธอเอาไปให้เขา เดาได้เลยว่า นายทองเทียมคงได้ตราหน้าหาว่าเธอเป็นพวกชอบอ่อยผู้ชาย เพื่อเรียกร้องความสนใจอีกแน่นอน
แค่คิดก็สยอง แต่จะทำอย่างไรกับของในมือดี ให้โยนทิ้งก็น่าเสียดาย เอาไปให้คนอื่นก็ไม่มีใครเหมาะเท่าเขา
ดาดารินมองของในมืออย่างชั่งใจ
ถ้าให้โดยที่เขาไม่รู้ว่ามาจากไหน คงไม่เป็นไรใช่ไหม....
ทันทีที่คิดเช่นนั้น ดาดารินรีบผลุนผันออกจากห้อง เรื่องของฝากชิ้นนี้ไม่มีใครรู้แม้แต่ยาใจ เพราะฉะนั้นเธอต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้กระชับและเงียบกริบที่สุด
หญิงสาวคิดทางออกที่ลงตัวได้ขณะก้าวเข้ามาในลิฟต์ เป็นครั้งแรกที่เธอออกปฏิบัติภารกิจด้วยใจเต้นระทึกเช่นนี้
กล่อง สี่เหลี่ยมแคบๆ พาเธอมายังชั้นล่างสุด นางแบบสาวยื่นหน้าออกไปเพื่อดูลาดเลา เมื่อเห็นว่าไร้วี่แววของร่างสูงๆ ที่คุ้นตา เธอก็ค่อยๆ ก้าวออกมา
แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อได้ยินเสียงทักทายที่แสนคุ้นเคย ดังขึ้นใกล้ๆ
“สวัสดีครับดา”
ดาดารินสะดุ้งด้วยความตกใจ เกือบซ่อนถุงกระดาษในมือไว้ด้านหลังแทบไม่ทัน
“ธีร์!!” ไม่คิดว่าจะเจอเขาตอนนี้ ชายหนุ่มผิวเข้มเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอวดฟันขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ
“ธีร์...” เธอเรียกเขาอีกครั้งอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ถึงตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตว่าตากล้องหนุ่มในดวงใจ ใส่เสื้อแจ็กเก็ตที่เธอกับยาใจบรรจงคัดสรรมาให้ แม้ว่าคำแนะนำส่วนใหญ่จะเป็นของผู้จัดการสาวมากกว่าก็ตาม
“ธีร์ใส่เสื้อตัวนี้แล้วเหรอคะ เท่มากๆ เหมาะกับธีร์ที่สุดเลย พอดีตัวเลยหรอคะ ตอนแรกดาคิดว่าไหล่มันจะกว้างไปเสียอีก แต่ใจมันยืนยันว่านี่แหละ size ธีร์ แล้วก็พอดีกับธีร์จริงๆ ด้วย สงสัยมันเกิดมาเพื่อเป็นของธีร์แล้วนะคะเนี่ย เพราะว่าถ้าใจไม่ตาดีไปเห็นเข้า คงมีคนอื่นซื้อตัดหน้าไปแล้วแน่ๆ
ดาดารินลืมความกระอักกระอ่วนใจในตอนแรกไปหมดสิ้น หลังจากได้เห็นว่าของฝากที่เธอ (กับยาใจ) คัดสรรมาให้เหมาะสมกับเขาแค่ไหน
“ผมชอบมากครับ ขอบคุณมากนะครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ ในใจมีเรื่องคุยมีเรื่องจะถามเสียมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาอยู่ต่อหน้ากระจ่างใส พร้อมรอยยิ้มที่เจนตา ธีร์ก็ไม่สามารถคิดหาถ้อยคำใดๆ มาพูดคุยได้
ทั้งๆ ที่ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะบอกความจริงกับหญิงสาวตรงหน้า แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาเตรียมใจไว้เลยสักนิด
“ดาเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อวาน อากาศหนาวมากเลยค่ะธีร์ ดาตระเวนถ่ายแบบทั่วโอซาก้าเลยค่ะ กลับมาเลยหลับเป็นตาย อยากให้ธีร์ได้ของฝากไวๆ เลยให้ใจช่วยเอาไปให้ เออ...ธีร์ทานขนมที่ดาซื้อมาฝากหรือยังคะ ดารู้ว่าธีร์ไม่ค่อยชอบพวกชอกโกเลต เลยเอาดังโงะไส้ถั่วแดง กับชาเขียวมาฝาก ของเขาอร่อยมากๆ เลยนะคะ แต่ธีร์ต้องรีบทานหน่อย เพราะว่ามันเก็บไว้ได้แค่อาทิตย์เดียว”
เป็นหญิงสาวที่เป็นฝ่ายพูดคุยไม่หยุดอีกเช่นเดิม บางทีเขาน่าจะมีความกล้าอย่างนั้นบ้าง อย่างน้อย... เขาก็น่าจะถามว่าเธอเหนื่อยไหม หรืออะไรก็ตามที่แสดงให้เธอรับรู้ว่าเขาก็ห่วงใยเธอไม่แพ้กัน
ในขณะที่บทสนทนาของดาดารินกำลังดำเนินไปอย่างเพลิดเพลิน ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่นานแล้ว ตรงเก้าอี้รับแขกหลังเสาต้นใหญ่ ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำเช่นเดียวกัน
เขาได้คำตอบแล้วว่าดาดารินหายไปไหน ที่แท้เธอก็ไม่ได้หนีไปอย่างที่เขานึกกลัว เธอไปถ่ายแบบต่างประเทศแต่ไม่คิดจะบอกกล่าวเขาสักคำ ที่สำคัญ...พอเธอกลับมาก็รีบมาหา...ตากล้องคนนั้นทันที
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ดีใจ เสียใจ หรือหงุดหงิดจนทนไม่ไหว มันปนเปเสียจนเขายังสับสน
ทองทิมยกหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้ ขณะที่ดาดารินกับผู้ชายของเธอเดินผ่าน ทั้งคู่ตรงไปยังประตู ก่อนออกไปที่ไหนสักแห่งด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกะหนิงราวกับคู่รัก อยากรู้จริงๆ ว่าจิตใจของดาดารินทำด้วยอะไรกันแน่
วางแผนปั่นหัวเขาเสียมากมาย แต่กลับลอยหน้าผาสุกกับผู้ชายอีกคน
ไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยหรือที่เขาจะยอมให้เธอทำอย่างนั้น ในฐานะที่เธอเป็นคนเริ่มเกมนี้ มันก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด
*****************************
มาต่อแล้วนะจ้า สรุปว่านายทองเทียมไม่ได้ขอโทษ แถมยังคิดแผนแกล้งกลับเสียด้วย ร้ายจริงๆ เลย 5555
ขอให้สนุกสนานกับการอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ยาใจที่กำลังชงกาแฟอยู่ในครัว เอ่ยถามขึ้นทันที ที่เห็นหน้าแดงก่ำของเพื่อนรักที่ก้าวกลับเข้ามาในห้อง
“ฟิตเนสไม่เปิดหรือไง หรือว่าลู่วิ่งเจ๊ง”
คำยั่วแหย่ของยาใจไม่มีผล ดาดารินเหมือนภูเขาไฟที่พร้อมระเบิดออกได้ทุกเมื่อ นางแบบสาวกระแทกตัวลงบนโซฟ าก่อนลาวาน้ำตาจะพรั่งพรูออกมาจนเพื่อนรักตกใจ
“เอ๊ย ดา แกเป็นอะไร”
ผู้จัดการสาวปราดเข้ามาด้วยความเป็นห่วง สาวร่างเล็กทรุดตัวลงข้างๆ พร้อมโอบร่างบางระหงไว้อย่างปลอบประโลม
หลังจากความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอดีตสอนให้ดาดารินเข้มแข็ง ยาใจก็ไม่เคยเห็นดาดารินร้องไห้ แม้จะมีบ้างที่ฝ่ายนั้นใช้หยาดน้ำตาเรียกร้องความเห็นใจจากคนอื่น แต่มันก็เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
“ฉัน... ฉันโกรธ...มาก เขา...ร้าย กาจ พูดจา.... แย่ ที่สุด ดู....ถูกฉัน.... บอกว่า... ฉันให้....ท่า...เขา” ดาดารินว่าพร้อมกับเสียงสะอื้นดังจนยาใจฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“ใจเย็นก่อนนะดา เลือกเอาว่าจะร้องไห้หรือจะเล่าเรื่อง ฉันฟังไม่ออกว่ะ” ยาใจว่าขณะยื่นทิชชูให้ เธอไม่ชินกับการปลอบโยนใครด้วยคำพูด สิ่งที่สาวห้าวทำเป็นคืออยู่เคียงข้าง ให้ยืมไหล่บางๆ ไว้ซับน้ำตา
แล้วสิ่งที่นางแบบสาวเลือกก่อน คือร้องไห้ให้หนำใจ นานแล้วที่เธอไม่ได้ระบายความอัดอั้นด้วยหยาดน้ำใส เมื่อรู้สึกดีขึ้น ดาดารินก็ปาดน้ำตาอย่างไม่แยแส ก่อนเล่าเรื่องทั้งหมด
“อีตาบ้าเจ้าของคอนโดพูดจาแย่มากๆ เขาดูถูกฉัน หาว่าฉันให้ท่าเขา ทำร้ายกันด้วยคำพูดราวกับไม่เคยอบรมเรื่องมารยาทมาก่อน ฉันอยากจะ.....อยากบ้าตาย ถ้าทำได้นะ ฉันคงบีบคอเขาให้หน้าเขียว ให้ลิ้นห้อย ให้น้ำลายฟูมปาก ให้พูดไม่ได้ ให้ตาถลน ดูสิจะพูดจาอย่างนั้นได้อยู่อีกไหม โอ๊ย.... ฉันอยากจะตาย หัวใจฉันเต้นแรงมากเลย เข้าใจแล้วล่ะว่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้ามันเป็นยังไง”
“ฉันว่าแกจะตายเพราะขาดอากาศหายใจเนี่ยแหละ”
ยาใจกลับมายั่วแหย่อีกครั้ง เมื่อเห็นเพื่อนรักอาการดีขึ้น แม้คราวนี้จะถือเป็นครั้งแรกที่ดาดารินโมโหจนร้องไห้ แต่ผู้จัดการสาวก็รู้ว่าคำพูดของเพื่อนรัก ส่วนใหญ่มักต้องใช้ร้อยหารถึงจะได้ความจริง
“สูดลมหายใจลึกๆ นะ แล้วบอกฉันสิว่าเกิดอะไรขึ้น เล่าแบบละเอียดๆ ช้าๆ ด้วย อีตาบ้าเจ้าของคอนโดคือคุณทองทิมใช่ไหม เขาพูดว่าอะไร แล้วทำไมแกถึงไปเจอคุณทองทิมได้”
ดาดารินทำตามที่เพื่อนบอก คือสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์เดือดดาล ขณะที่หยาดน้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว
“ฉัน บังเอิญเจอเขาในลิฟต์ แล้วเขาก็หาว่าฉันแต่งตัวไปยั่วธีร์ หาว่าฉันเข้าหาผู้ชายก่อน ทำตัวไม่มีคุณค่า แล้วฉันก็เคยทำอย่างนั้นกับเขาด้วย”
“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมอยู่ๆ คุณทองทิมถึงพูดถึงนายถ่านได้ล่ะ”
“เออ ฉันลืมบอกไป ว่าฉันเจอธีร์หน้าห้อง ก็เลยชวนธีร์ไปออกกำลังกายด้วยกัน”
“แกกับนาย ถ่านไปออกกำลังกายด้วยกัน แล้วเจอคุณทองทิมในลิฟต์ แล้วตอนที่คุณทองทิมด่าแก นายถ่านนั่นไปทำอะไรอยู่ที่ไหนวะ”
ดาดารินถอนหายใจ ก่อนเริ่มต้นเล่าเรื่องใหม่อีกครั้งอย่างเบื่อหน่าย ยาใจจะรับฟังดีๆ โดยไม่แย้งไม่ได้เลยหรอ
“คืออย่างนี้ ฉันบังเอิญเจอกับธีร์ของฉันหน้าห้อง เราก็เลยเดินไปรอลิฟต์ด้วยกัน พอลิฟต์มาก็มีอีตาบ้านั่นอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ฉันเดินเข้าไป แต่ธีร์ของฉันไม่ได้ตามเข้ามาด้วย ฉันก็เลยนึกขึ้นได้ว่าธีร์คงไม่อยากอยู่ใกล้นายทองเทียมนั่นเท่าไร ฉันก็เลยจะเดินออก แต่เขาก็ดันปิดลิฟต์ใส่หน้าฉัน ฉันก็เลยติดอยู่กับเขาสองคน เขาก็ด่าฉัน หาว่าฉันสะกดรอยตาม ดักเจอ แล้วก็เข้าหาเขา เป็นผู้หญิงให้ท่า...” ดาดารินชะงักเมื่อนึกถึงคำว่าปมด้อย และขาดความอบอุ่น
หญิงสาวไม่เล่ามันให้เพื่อนรักฟังด้วย เพราะนั่นเท่ากับเป็นการตอกย้ำกับตัวเอง
“ฉันเกือบจะต่อยหน้าเขาอยู่แล้วนะ แต่โชคดีที่ฉันออกมาได้ก่อน ไม่งั้น...แกได้ตามไปประกันตัวฉันที่โรงพักแน่”
“เดี๋ยวนะๆ เมื่อกี้แกบอกว่า เขาด่าว่าแกสะกดรอยตาม แถมยังดักเจอเขา แสดงว่าเขาก็รู้แล้วนะสิ ว่าทั้งหมดนั่นเป็นแผนของแก แล้วเขาไม่สงสัยหรอว่าแกทำไปเพราะอะไร”
ดาดารินส่ายหน้า เธอก็เพิ่งสังเกตตอนที่เพื่อนทัก ว่าคำพูดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขารู้พฤติกรรมของเธอทั้งหมด
“ถ้าอย่างนั้นการที่เขาด่าแกอย่างนั้นก็สมเหตุสมผลแล้วนะ พฤติกรรมแกมันส่อให้เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ แกมัวแต่สนใจนายถ่าน จนลืมคิดว่า สิ่งที่แกทำมันอาจทำให้คนอื่นมองว่าแกเป็นผู้หญิงแบบนั้นได้”
นางแบบสาวนั่งเงียบ เธอครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพื่อนพูด
“แต่ว่าเขาก็ไม่ควรว่าฉันอย่างนั้นไม่ใช่หรอ ผู้ชายที่ด่าผู้หญิงนี่มัน... ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะ”
“แล้วแกเป็นสุภาพสตรีตายล่ะ อย่าเพิ่งมองฉันอย่างนั้น ฉันไม่ได้อยู่ข้างคุณทองทิมนะ แค่อยากให้แกลองคิดในมุมของคุณทองทิมด้วย เมื่อวานเขาเจอแกไปดินเนอร์กับน้องพล มาวันนี้ก็บังเอิญเจอแกกับนายถ่านอยู่ด้วยกันอีก ไม่แปลกป่ะที่คุณทองทิมจะมองว่าแกเป็นพวกคาสโนวี่ ไล่จับผู้ชายไปเรื่อยน่ะ”
เหตุผลของยาใจทำให้ดาดารินเถียงไม่ออก เธอไม่อยากยอมรับ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นด้วย
“แล้วฉันควรจะทำยังไงดี” ดาดารินถามด้วยคำถามติดปาก เวลาวงล้อในสมองของหญิงสาวกำลังหมุนติ้ว
“เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแผนการบ้าๆ นั่น แกชอบนายถ่าน แต่วิธีการแสดงออกของแกกลับทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันหมด ฉันว่าแกควรบอกนายถ่านนั่นไปตรงๆ ว่าแกรู้สึกยังไง เขาคงไม่ว่าอะไรแกหรอก”
ใช่...เพราะถึงยังไงเขาก็รู้อยู่แล้ว ถ้าดาดารินยอมสารภาพ เขาก็คงไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น ดีเสียอีกเรื่องทุกอย่างจะได้จบลง
“ฉันไม่ได้กลัวธีร์จะว่าฉันหรอกนะ แต่ฉันแค่...แค่อยากให้ธีร์ของฉันมีความสุขกับคนที่เขารักเท่านั้น ฉันบอกรักเขาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันอาจจะยิ่งทำให้ธีร์ของฉันไม่สบายใจก็ได้”
“เฮ้อ แม่พระจริงๆ” ยาใจประชดอย่างเบื่อหน่าย “ปัญหามันเริ่มมาจากแผนการบ้าๆ นั่น ต่อให้แกยุติมันไปแล้ว ยังไงก็ต้องมีผลกระทบตามมาอยู่ดี แกจะตัดสินใจยังไงก็คิดให้รอบคอบละกัน ระวังจะเป็นอย่างคราวนี้อีก”
ยาใจเอ่ยอย่างจริงจัง ขณะที่ดาดารินเงียบไป
“ฉันจัดกระเป๋าให้แกเรียบร้อยแล้วนะ พรุ่งนี้เครื่องจะออกประมาณ...2 ทุ่ม” ผู้จัดการสาวเปลี่ยนเรื่อง จนคนข้างๆ หันมองก่อนทำหน้าฉงน
“เดี๋ยวก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปไหน” ดาดารินถามอย่างสงสัย ช่วงนี้เธอมีเรื่องให้คิดเยอะแยะ บางเรื่องเลยปลิวหายไปจากความทรงจำ
“อะไรกันทำเป็นลืม พรุ่งนี้แกมีถ่ายแบบที่ญี่ปุ่นไง คราวนี้ไปโอซาก้า 3 วัน 2 คืน ฉันบอกแกไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แก่แล้วล่ะสิเลยจำไม่ได้เนี่ย”
ดาดารินเพียงแค่รู้สึกว่าคุ้นๆ แต่ก็ได้แต่พยักหน้าไปเหมือนจำได้
“ไปตั้งสามวัน ถ้าอย่างนั้นฉันไปบอกธีร์ของฉันก่อนดีกว่า เผื่อเขาอยากได้อะไรจะได้ซื้อมาฝาก”
แล้วดาดารินก็กลับมาเป็นดาดารินคนเดิม กลบเกลื่อนความโกรธเคืองไว้ด้วยการโอนเรื่องไปญี่ปุ่นเข้ามาจนเต็มสมอง หากแต่เพื่อนที่สนิทราวกับคนในครอบครัวได้แต่ถอนหายใจ ดาดารินสลัดเรื่องที่ตัวเองไม่ต้องการออกไปจากความคิด แต่สุดท้ายมันก็ปลิวไปตกอยู่ข้างๆ แม้จะพ้นจากสายตา แต่ก็ไม่พ้นจากความรู้สึก
น่ากลัวว่าสักวันมันสะสมจนกองท่วมหัว แล้วในที่สุดก็ล้มลงใส่ตัวดาดารินเสียเอง
-------------------------------------------------------------------------
ดวงตาคมกล้ายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่มีตัวอักษรสักตัวในกล่องสี่เหลี่ยมผ่านเข้าสู่หัวสมอง ชายหนุ่มในชุดทำงานสีน้ำตาลไหม้มองเห็นเพียงแววตาที่จ้องมองอย่างเอาเรื่อง
เขาพยายามสลัดภาพเหล่านั้นออกจากหัว แต่ดูเหมือนเจ้าของแววตาคู่สวยจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัดยังวิ่งวนซ้ำซากอยู่ในความคิด และคำพูดทิ้งท้ายของเธอตามราวีจนไม่เป็นอันกินอันนอน
หรือเขาจะพูดจาแรงเกินไป ภานุก็บอกเขาเช่นนั้นเหมือนกัน เขาหยาบคายกับเธอมากไปใช่ไหม เธอจึงไม่โผล่หน้ามาก่อกวนชีวิตเขาอีก สอบถามกับวันรีที่ดูเหมือนตอนนี้จะกลายเป็นผู้รายงานข่าวประจำคอนโดมิเนียมไปแล้ว บอกว่าตอนนี้นางแบบสาวไม่อยู่ที่ห้อง ขนกระเป๋าใบใหญ่ออกไปพร้อมผู้จัดการส่วนตัวเมื่อหลายวันก่อน
อย่าบอกว่าเธอยอมแพ้ แค่คำพูดไม่กี่คำเธอก็ถอยเสียแล้ว ดาดารินไม่ใช่ผู้หญิงขี้ใจน้อยอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
แล้วเธอหายไปไหนของเธอกัน
“เวลาทำงาน ไม่ได้ให้มานั่งเหม่อ” เสียงดุอย่างไม่จริงจังนักดังขึ้น ทำเอาทองทิมสะดุ้งก่อนเงยหน้ามองผู้มาเยือน
“พ่อมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมตกใจหมด”
“อะไรๆ ทำไมถึงกลายเป็นคนขี้ตกใจไปได้ คราวหน้าฉันยกขบวนกลองยาวมาด้วยเลยดีไหม แกจะได้ตั้งตัวทัน”
“ได้ก็ดีครับ” ทองทิมตอบกลับคำประชดหน้าตาเฉย “พ่อมาหาผมถึงห้อง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่โทรมาให้ผมไปหาล่ะ”
“ขืนโทรมาก่อนฉันก็ไม่เห็นอะไรดีๆ น่ะสิ ว่าไง เหม่ออะไรอยู่ มัวแต่จ้องหน้าคอมอยู่นั่นแหละ เครียดเรื่องงานหรือว่า... มัวแต่คิดถึงใคร” เพชรรัชว่าด้วยน้ำเสียงล้อเลียน จ้องมองลูกชายตัวดีอย่างรู้ทัน
ระดับเขาแล้วไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกชายบอก เพราะ ‘สายลับ’ ที่เขาว่าจ้างเป็นพิเศษ รายงานถึงอาการผิดปกติของลูกชายเรียบร้อยแล้ว ทองทิมเทียวถามวันรีถึงนางแบบสาวคนนั้น จะมาทำปากหนักใจแข็งกับพ่อก็ได้ แต่อย่างไรก็ปิดพ่อไม่ได้อยู่ดี
“ผมจะคิดถึงใคร ก็คิดถึงแต่งานที่พ่อให้ไง” เขาว่าแต่ไม่ยอมสบตาผู้เป็นบิดา รู้ว่าพิรุธเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เพชรรัชอ่านความคิดเขาได้อย่างหมดเปลือก
“อ้าว...ฉัน คิดว่าแกคิดถึงว่าที่ลูกสะใภ้ของฉันเสียอีก” เพชรรัชเอ่ยแซวอย่างหน้าชื่นตาบาน จากที่สืบทราบมา ดาดารินเป็นผู้หญิงที่ดีใช้ได้คนหนึ่ง ซึ่งเขาดูแล้วก็ไม่เห็นเสียหายอะไรหากทองทิมจะมีใจให้เธอคนนั้น
“เอาเลยๆ คนนี้ฉันสนับสนุน ฉันไม่ได้จะขายแกกินหรอกนะ แต่ถ้าแกมีแฟนเป็นนางแบบชื่อดัง ธุรกิจของเราก็จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย ไปไหนก็มีแต่คนรู้จัก เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย เป็นนักธุรกิจก็ต้องมองการณ์ไกลแบบนี้ ดีมากๆ”
ทองทิมขมวดคิ้ว มองหน้าผู้เป็นบิดา ที่ทรุดตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาฉงน
“เดี๋ยวนะพ่อ พ่อหมายถึงใคร นางแบบที่ไหน ดาดารินอย่างนั้นหรอ พ่อไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ผมบอกพ่อแล้วไงว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น พ่อคิดเองเออเองไปใหญ่แล้ว ผมไม่ได้คิดอะไร แล้วก็ไม่มีวันจะคิดอย่างนั้นด้วย” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ยิ่งทำให้เพชรรัชแน่ใจยิ่งขึ้น
“เฮ้อ... เสียดายจริงๆ ผู้หญิงแบบดาดารินหาไม่ได้ง่ายๆ เสียด้วย แต่ถ้าแกไม่คิดอะไรก็ไม่เป็นไร ฉันก็คงบังคับอะไรแกไม่ได้” พ่อว่าเหมือนตามใจเขา แต่จากน้ำเสียงและแววตา ทองทิมกลับรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย
เขาเห็นท่าไม่ค่อยจะดี เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้ว...รีสอร์ทที่ปราณบุรีเป็นยังไงบ้างครับ เสียงตอบรับจากลูกค้าดีไหม”
เพชรัชรู้ว่าลูกชายพยายามเบนความสนใจ แต่เขาก็รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้อนฝ่ายนั้นให้จนมุม ชายวัยกลางคนจึงยอมคล้อยตามไปเรื่องอื่นโดยง่าย
“ตอนนี้ลูกค้าที่จอง ก็มีแต่บรรดาคนรู้จักหรือไม่ก็พวกลูกค้าเดิมๆ เราอาจจะต้องทำแผนโปรโมตให้มากกว่านี้ แต่ฉันยังนึกภาพไม่ออกว่าจะทำยังไงดี แกมีไอเดียอะไรเสนอไหม”
ทองทิมมีสีหน้าครุ่นคิด แม้ว่าในตอนนี้หัวเขาจะเต็มไปด้วยเรื่องของผู้หญิงคนนั้น แต่ข้อมูลเกี่ยวกับรีสอร์ทแห่งใหม่ก็บรรจุแน่นอยู่ในสมองของเขา พร้อมเรียกมาใช้งานได้ทุกเมื่อ
“รีสอร์ทที่ปราณบุรีเป็นรีสอร์ท ระดับ 4 ดาว เดินทางสะดวก แล้วราคาก็ไม่แพงเกินไป ผมว่าเราสามารถเจาะกลุ่มลูกค้า ที่เป็นวัยรุ่นหรือไม่ก็ครอบครัวชั้นกลางได้ ถ้าเราทำให้เขารู้สึกว่ารีสอร์ทใหม่ของเราเข้าถึงง่าย แล้วก็ไม่ได้หรูหราจนโอเว่อร์ มันก็น่าจะดีนะครับ” ชายหนุ่มเสนอความคิดเห็นพร้อมทั้งเหตุผลอย่างคล่องแคล่ว คนเป็นพ่อได้แต่นึกชื่นชมในใจ
แม้ว่าทองทิมจะให้ความสนใจกับงาน ศิลปะ แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าชีวิตเขาต้องทำอะไร เพื่อใคร ตอนแรกเพชรรัชกลัวว่ามันจะหนักเกินไปสำหรับลูกชาย แต่เมื่อได้ยินอย่างนี้เขาก็หายห่วงไปได้เยอะเลยทีเดียว
“ถ้าอย่าง นั้น ฉันจะให้แกเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ทำแผนโปรโมตสำหรับรีสอร์ทใหม่ของเราที่ปราณบุรี แกทำได้ใช่ไหม”
ทองทิมยิ้ม พ่อมักจะถามอย่างนี้บ่อยๆ แต่เขาก็รู้ว่าทุกครั้งที่พ่อถาม คำตอบเดียวที่พ่อต้องการคือ…
“ครับ ผมทำได้”
------------------------------------------------------------------
กล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินติดชื่อแบรนด์เป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมถุงกระดาษ 3 ใบเล็กบ้างใหญ่บ้างในมือของผู้จัดการสาวร่างเล็ก ถูกยื่นส่งให้ชายหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากการทำงานด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร
“ดามันซื้อมาฝากจากญี่ปุ่น” เธอบอกสั้นๆ เกือบจะหมุนตัวกลับเข้าห้องในนาทีนั้น แต่ธีร์ก็รั้งไว้เสียก่อนด้วยคำถาม
“ขอบคุณครับ... ดากลับมาจากญี่ปุ่นแล้วหรอ”
ยาใจเท้าเอว มองเขาอย่างตำหนิ
“ถ้า มันไม่กลับมาแล้วมันจะเอาของฝากมาให้คุณได้ยังไง”
ชายหนุ่มพยักหน้า ชินกับท่าทางหาเรื่องที่ยาใจมีต่อเขา จึงเอ่ยถามต่อ
“แล้วดาไปไหนละครับ”
“นี่คุณจะอยากรู้อยากเห็นอะไรนักหนาเนี่ย ยัยดามันนอนสลบเหมือบอยู่ในห้องนั่นแหละ กลับมาก็หมดแรงแต่ยังอุตส่าห์กำชับให้ฉันเอาของพวกนี้ให้คุณให้ได้ ในถุงนั่นเป็นพวกขนม แล้วก็อาหาร ส่วนในกล่อง คุณลองเปิดดูเองละกัน ชอบไม่ชอบยังไง ก็ช่วยๆ ใส่ให้มันเห็นด้วยล่ะ มันจะได้ดีใจ”
ยาใจสั่งเสียงหงุดหงิด เธอเองก็เพลียไม่ใช่น้อย เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อตอนเย็น อยากล้มตัวลงนอนใจจะขาด ถ้าไม่ใช่เพราะดาดารินไหว้วานแกมบังคับ เธอคงไม่ถ่างตารอจนชายหนุ่มกลับมาอย่างนี้แน่
“ขอบคุณมากนะครับคุณยาใจ คุณเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ไปพักผ่อนเถอะครับ”
สาวร่างเล็กทำเป็น เบ้หน้าเมื่อได้ยิน ทั้งๆ ที่หมั่นไส้กับความห่วงใยที่เขาเผื่อแผ่อย่างไม่จำเป็น แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึก ‘อุ่น’ ขึ้นอย่างประหลาด
เหมือนคำสั้นๆ มาละลายความเหนื่อยล้าที่สะสมลงไปได้มาก
“ฝากบอกดาด้วยว่าผมขอบคุณมาก แล้วผมจะใส่ให้ดาเห็นนะครับ”
ยาใจพยักหน้างึกๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนหมุนตัวเข้าห้อง โดยมีสายตาของธีร์จับจ้อง จนประตูปิดลงเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงเดินกลับไปยังห้องตัวเอง
เขาวางสัมภาระรวมถึงถุงกระดาษไวบนโต๊ะอาหาร ก่อนเปิดกล่องที่เพิ่งได้รับมาด้วยความอยากรู้
เสื้อแจ็กเก็ตผ้าเนื้อดีสีดำ ปักลายด้านหลังด้วยไหมสีเดียวกันเป็นรูปนกกระเรียน ด้านในเป็นลายตารางหมากรุก ชายหนุ่มลองกางออกมาสวมใส่ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามันพอดิบพอดีราวกับสั่งเพื่อเขาโดยตรง
รอยยิ้มเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดาดารินให้ความใส่ใจเขาเหลือเกิน ในขณะที่เขากลับไม่กล้าแสดงอะไรออกมาเลยสักครั้ง
บางทีมันอาจจะถึง เวลาแล้วที่เขาจะต้องบอกความจริง เธอควรจะได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกอย่างไรกันแน่
หวังว่า เมื่อถึงวันนั้น เธอคงจะยังเป็นดาดารินคนเดิมที่เขารู้จัก
----------------------------------------------------------------------------
เกือบเที่ยงในวันหยุดสุดสัปดาห์ หญิงสาวที่ทำงานหนักตลอด 3 วันในต่างแดน ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยหลังจากพักผ่อนไปเกือบ 10 ชั่วโมง อาจเป็นเพราะอากาศที่ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว โอซาก้าหนาวเย็น ในขณะที่เมืองไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนฤดู เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ซึ่งดาดารินเกลียดบรรยากาศแบบนี้เหลือเกิน
เธออยากซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตลอดฤดูกาลที่เปียกปอนเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดหญิงสาวก็ลุกขึ้นอาบน้ำอย่างเกียจคร้าน เลือกเสื้อผ้าแบบลำลองด้วยเสื้อแขนกุดระบายลูกไม้สีครีมสะอาด กับกางเกงขาสั้นสีดำ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินทางที่วางส่งๆ ไว้เมื่อคืนขึ้นมากางบนเตียง
จัดการแยกเสื้อผ้าที่ใช้แล้วไว้กองหนึ่ง ของฝากเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนรู้จัก ซึ่งดาดารินก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนอีกกองหนึ่ง จนสุดท้าย สิ่งที่เหลือติดค้างอยู่ใต้กระเป๋าขนาดย่อม ทำให้หญิงสาวชะงัก
ดาดารินค่อยๆ หยิบถุงกระดาษยับยู่ใบเล็กขึ้นมา จนถึงตอนนี้ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมถึงซื้อมันกลับมาด้วย
เพียงแค่เห็นมันตั้งโชว์อยู่หน้าร้านที่เดินผ่าน ภาพชายหนุ่มอีกคนก็ลอยเข้ามาในหัว เหมือนตอนนั้นมีผีนินจาฮาโตริเข้าสิงร่างเอไว้ เพราะดาดารินจำอะไรไม่ได้เท่าไร มารู้ตัวอีกทีก็ออกจากร้านพร้อมถุงกระดาษในมือเสียแล้ว
เธอต้องสติฟั่นเฟือนไปแน่ๆ ที่คิดซื้อมันมาฝากผู้ชายปากร้าย ใจดำคนนั้น ขืนเธอเอาไปให้เขา เดาได้เลยว่า นายทองเทียมคงได้ตราหน้าหาว่าเธอเป็นพวกชอบอ่อยผู้ชาย เพื่อเรียกร้องความสนใจอีกแน่นอน
แค่คิดก็สยอง แต่จะทำอย่างไรกับของในมือดี ให้โยนทิ้งก็น่าเสียดาย เอาไปให้คนอื่นก็ไม่มีใครเหมาะเท่าเขา
ดาดารินมองของในมืออย่างชั่งใจ
ถ้าให้โดยที่เขาไม่รู้ว่ามาจากไหน คงไม่เป็นไรใช่ไหม....
ทันทีที่คิดเช่นนั้น ดาดารินรีบผลุนผันออกจากห้อง เรื่องของฝากชิ้นนี้ไม่มีใครรู้แม้แต่ยาใจ เพราะฉะนั้นเธอต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้กระชับและเงียบกริบที่สุด
หญิงสาวคิดทางออกที่ลงตัวได้ขณะก้าวเข้ามาในลิฟต์ เป็นครั้งแรกที่เธอออกปฏิบัติภารกิจด้วยใจเต้นระทึกเช่นนี้
กล่อง สี่เหลี่ยมแคบๆ พาเธอมายังชั้นล่างสุด นางแบบสาวยื่นหน้าออกไปเพื่อดูลาดเลา เมื่อเห็นว่าไร้วี่แววของร่างสูงๆ ที่คุ้นตา เธอก็ค่อยๆ ก้าวออกมา
แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อได้ยินเสียงทักทายที่แสนคุ้นเคย ดังขึ้นใกล้ๆ
“สวัสดีครับดา”
ดาดารินสะดุ้งด้วยความตกใจ เกือบซ่อนถุงกระดาษในมือไว้ด้านหลังแทบไม่ทัน
“ธีร์!!” ไม่คิดว่าจะเจอเขาตอนนี้ ชายหนุ่มผิวเข้มเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอวดฟันขาวเรียงตัวเป็นระเบียบ
“ธีร์...” เธอเรียกเขาอีกครั้งอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ถึงตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตว่าตากล้องหนุ่มในดวงใจ ใส่เสื้อแจ็กเก็ตที่เธอกับยาใจบรรจงคัดสรรมาให้ แม้ว่าคำแนะนำส่วนใหญ่จะเป็นของผู้จัดการสาวมากกว่าก็ตาม
“ธีร์ใส่เสื้อตัวนี้แล้วเหรอคะ เท่มากๆ เหมาะกับธีร์ที่สุดเลย พอดีตัวเลยหรอคะ ตอนแรกดาคิดว่าไหล่มันจะกว้างไปเสียอีก แต่ใจมันยืนยันว่านี่แหละ size ธีร์ แล้วก็พอดีกับธีร์จริงๆ ด้วย สงสัยมันเกิดมาเพื่อเป็นของธีร์แล้วนะคะเนี่ย เพราะว่าถ้าใจไม่ตาดีไปเห็นเข้า คงมีคนอื่นซื้อตัดหน้าไปแล้วแน่ๆ
ดาดารินลืมความกระอักกระอ่วนใจในตอนแรกไปหมดสิ้น หลังจากได้เห็นว่าของฝากที่เธอ (กับยาใจ) คัดสรรมาให้เหมาะสมกับเขาแค่ไหน
“ผมชอบมากครับ ขอบคุณมากนะครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ ในใจมีเรื่องคุยมีเรื่องจะถามเสียมากมาย แต่เมื่อถึงเวลาอยู่ต่อหน้ากระจ่างใส พร้อมรอยยิ้มที่เจนตา ธีร์ก็ไม่สามารถคิดหาถ้อยคำใดๆ มาพูดคุยได้
ทั้งๆ ที่ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะบอกความจริงกับหญิงสาวตรงหน้า แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาเตรียมใจไว้เลยสักนิด
“ดาเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อวาน อากาศหนาวมากเลยค่ะธีร์ ดาตระเวนถ่ายแบบทั่วโอซาก้าเลยค่ะ กลับมาเลยหลับเป็นตาย อยากให้ธีร์ได้ของฝากไวๆ เลยให้ใจช่วยเอาไปให้ เออ...ธีร์ทานขนมที่ดาซื้อมาฝากหรือยังคะ ดารู้ว่าธีร์ไม่ค่อยชอบพวกชอกโกเลต เลยเอาดังโงะไส้ถั่วแดง กับชาเขียวมาฝาก ของเขาอร่อยมากๆ เลยนะคะ แต่ธีร์ต้องรีบทานหน่อย เพราะว่ามันเก็บไว้ได้แค่อาทิตย์เดียว”
เป็นหญิงสาวที่เป็นฝ่ายพูดคุยไม่หยุดอีกเช่นเดิม บางทีเขาน่าจะมีความกล้าอย่างนั้นบ้าง อย่างน้อย... เขาก็น่าจะถามว่าเธอเหนื่อยไหม หรืออะไรก็ตามที่แสดงให้เธอรับรู้ว่าเขาก็ห่วงใยเธอไม่แพ้กัน
ในขณะที่บทสนทนาของดาดารินกำลังดำเนินไปอย่างเพลิดเพลิน ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่นานแล้ว ตรงเก้าอี้รับแขกหลังเสาต้นใหญ่ ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำเช่นเดียวกัน
เขาได้คำตอบแล้วว่าดาดารินหายไปไหน ที่แท้เธอก็ไม่ได้หนีไปอย่างที่เขานึกกลัว เธอไปถ่ายแบบต่างประเทศแต่ไม่คิดจะบอกกล่าวเขาสักคำ ที่สำคัญ...พอเธอกลับมาก็รีบมาหา...ตากล้องคนนั้นทันที
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ดีใจ เสียใจ หรือหงุดหงิดจนทนไม่ไหว มันปนเปเสียจนเขายังสับสน
ทองทิมยกหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้ ขณะที่ดาดารินกับผู้ชายของเธอเดินผ่าน ทั้งคู่ตรงไปยังประตู ก่อนออกไปที่ไหนสักแห่งด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกะหนิงราวกับคู่รัก อยากรู้จริงๆ ว่าจิตใจของดาดารินทำด้วยอะไรกันแน่
วางแผนปั่นหัวเขาเสียมากมาย แต่กลับลอยหน้าผาสุกกับผู้ชายอีกคน
ไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยหรือที่เขาจะยอมให้เธอทำอย่างนั้น ในฐานะที่เธอเป็นคนเริ่มเกมนี้ มันก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด
*****************************
มาต่อแล้วนะจ้า สรุปว่านายทองเทียมไม่ได้ขอโทษ แถมยังคิดแผนแกล้งกลับเสียด้วย ร้ายจริงๆ เลย 5555
ขอให้สนุกสนานกับการอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2555, 19:24:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2555, 19:24:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 1808
<< บทที่ 14 | บทที่ 16 >> |
Edelweiss 6 ก.ค. 2555, 20:26:30 น.
กรี๊ดดด ธีร์ของดาจะใจตรงกันกะดาไหมเนี่ย มีลางสังหรณ์ว่าธีร์ของดาต้องคู่กะยาใจในตอนจบ ส่วนแพรฝันหายสาญสูญ
กรี๊ดดด ธีร์ของดาจะใจตรงกันกะดาไหมเนี่ย มีลางสังหรณ์ว่าธีร์ของดาต้องคู่กะยาใจในตอนจบ ส่วนแพรฝันหายสาญสูญ
nunoi 7 ก.ค. 2555, 00:11:05 น.
อ้าว อย่างนี้ถ้าดา ให้ของฝากนายทองทิมไปก็รู้หมดเลยซิว่าใครให้
อ้าว อย่างนี้ถ้าดา ให้ของฝากนายทองทิมไปก็รู้หมดเลยซิว่าใครให้
issbel 7 ก.ค. 2555, 08:45:10 น.
หึงละซิคุณทองเทียม!
หึงละซิคุณทองเทียม!