เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ขาดการติดต่อ

ตอนที่ 15 ขาดการติดต่อ

อีกสัปดาห์ถัดมา ที่ไซน์ ออฟฟิศของปกรณ์...
“มาทำงานแต่เช้าอีกแล้วนะคะพี่กรณ์ เมื่อคืนได้ยินว่ากว่าจะได้กลับก็หลังเที่ยงคืนเลยไม่ใช่หรือ”
“ใช่จ้ะ มันชินเสียแล้วน่ะ กุ๊กล่ะ มาแต่เช้าทุกวันเหมือนกัน ทานอะไรมาหรือยัง มาทานด้วยกันไหม”
คนพูดวางถุงข้าวของซึ่งส่วนมากจะเป็นอาหารเช้าลงบนโต๊ะยาวใกล้ๆ
“ขอบคุณที่ชวนค่ะ แต่กุ๊กทานมาแล้วล่ะ เอ๊ะ...นั่นหนังสืออะไรหรือคะ”
หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ ซึ่งมีหน้าที่เป็นเลขานุการประจำไซน์งานเอ่ยถามขึ้น ปกรณ์หยิบหนังสือที่เพิ่งวางลงกลับขึ้นมาใหม่ เขายิ้มให้ ก่อนจะบอก
“หนังสือประเภทแนะนำการท่องเที่ยวอะไรอย่างนั้นน่ะ พี่เพิ่งซื้อตอนเดินผ่านที่แผง สนใจเอาไปดูก่อนก็ได้นะ”
“โอย...อย่างกุ๊กน่ะหรือคะจะมีเวลาอ่านหนังสือ ลองถามดูเท่านั้นล่ะค่ะ รู้สึกจะเป็นต่างประเทศด้วยใช่ไหมคะ”
แต่เจ้าตัวก็ยังให้ความสนใจที่จะถามต่อ
“ใช่จ้ะ เขาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในรัฐอัลดูซาร์น่ะ”
“รัฐอิสระ...ดินแดนอาหรับทะเลทราย เห็นเขาว่าเจ้าที่นั่นน่ะร่ำรวยมั่งคั่งไม่แพ้ดูไบเลยใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้วจ้ะ” เท่านั้น สาวกุ๊กก็ตาโต ออกอาการตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่เขาลือกันว่าทางบริษัทแม่ จะให้โปรเจคก์อธิปเดินทางไปคุมงานก่อสร้างถึงที่โน่นก็เป็นความจริงน่ะสิคะ”
“และคุณอธิป...โปรเจคก์ไดเร็กเตอร์ของเรา ก็เลือกพี่ให้ร่วมเดินทางไปช่วยงานนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยจ้ะ”
ปกรณ์บอกพลางยิ้มกว้าง ตัวเขาเองก็เพิ่งจะได้ยินข่าวที่น่ายินดีนี้ได้สองวันเท่านั้น
“โอ้โห...เรื่องจริงหรือคะนี่ งั้นพี่กรณ์ก็ได้สองเด้ง ทั้งไปทำงาน แล้วก็ได้เที่ยวต่างประเทศไปด้วยในตัว น่าอิจฉาจังเลยค่ะ”

ตกเที่ยง หลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ปกรณ์ก็กลับลงมาจากหน้างาน เขาเข้ามานั่งพักรับเอาแอร์เย็นๆ ในไซน์ ออฟฟิศแบบชั่วคราวนั่นตามปกติ สักพักเสียงทักทายก็ดังขึ้น
“เป็นไงกรณ์”
“ครับโปรเจคก์” ปกรณ์ยิ้มให้กับอธิป หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบปี ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาสายตรงของตนที่ไซน์งานแห่งนี้
“เตรียมตัวได้แล้วนะ ทั้งงานที่นี่ที่จะต้องเคลียร์ แล้วก็ส่งมอบต่อให้คนอื่นรับหน้าที่แทน ก่อนที่เราจะต้องบินไปลุยที่อัลดูซาร์ด้วยกันต่อ” คนพูดวางหมวกนิรภัยสีขาวที่เพิ่งจะถอดออกลงบนโต๊ะ
“ครับ ผมจะทำงานที่ได้รับมอบหมายมาทั้งหมดให้ดีที่สุด ขอบคุณโปรเจคก์อีกครั้งนะครับ ที่สนับสนุนให้ผมได้มีโอกาสแสดงฝีมือแล้วก็มีส่วนร่วมในงานใหม่ครั้งนี้”
“เป็นธรรมดาน่ะ ผมเลือกคนที่ฝีมือแล้วก็ความตั้งใจ คุณเองก็มีทั้งสองอย่างครบตามที่ว่ามานี้ ว่าแต่ที่บ้านคุณจะไม่มีปัญหาแน่นะกรณ์”
เพราะอธิปก็เป็นคนหนึ่ง ซึ่งรู้เรื่องอาการป่วยของคุณยายนารถดี มีหลายครั้งที่ปกรณ์เองต้องขออนุญาตเขาเพื่อออกไปเยี่ยมดูอาการของยายในเวลางาน ถ้าหากเป็นช่วงที่งานไม่ได้ติดขัดอะไร เขาก็มักจะอนุโลมให้ไปเสมอ แต่ครั้งนี้จะต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลถึงอีกซีกโลก ถ้าปกรณ์ยังมีห่วงอยู่ทางนี้ ก็เห็นท่าจะไม่ค่อยดีแน่
“ใจจริงผมเองก็ห่วงยายอยู่ตลอด แต่ก็ไม่อยากจะทิ้งโอกาสดีๆ ในครั้งนี้ไป อีกอย่าง ที่บ้านก็มีกันอยู่หลายคน พอเอาเข้าจริงๆ ทุกคนคงจะช่วยเป็นหูเป็นตาแล้วก็ดูแลยายแทนผมได้ ยังไงก่อนไป ผมก็คงต้องกำชับกับพวกเขากันอีกทีครับ”
อธิปฟังแล้วพยักหน้า
“ถ้ามันได้อย่างนั้นก็ดี คุณจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง งานนี้น่ะปีครึ่งเชียวนะกรณ์”
“ครับ”
“ส่วนงานทางนี้ มีอะไรที่ค้างอยู่ก็เอามาให้ผมช่วยดูได้นะ ยังไงจะได้เริ่มทยอยมอบหมายให้คนเขาเข้ามารับช่วงต่อไป”
หัวหน้าผู้ใจดีของปกรณ์บอก
“ได้เลยครับ” หลังรับคำและพูดคุยกับอธิปเสร็จ ปกรณ์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาน่าจะรีบบอกข่าวดีนี้ให้กับทางจันทร์เจ้า ญาติสาวคนเดียวที่ไว้ใจและพอจะฝากผีฝากไข้คุณยายนารถเอาไว้ได้ คิดได้อย่างนั้น เจ้าตัวก็รีบกดโทรศัพท์มือถือไปหา แต่ต้องเพียรกดโทรออกอยู่นาน กว่าที่จะมีคนรับสาย
“จันทร์ นี่เราเองนะ”
“คุณจะพูดสายกับใครคะ” เสียงพูดค่อนข้างห้วนไม่คุ้นหูถามเขากลับมา
“เอ่อ...จันทร์เจ้าครับ ผมขอสายจันทร์เจ้า”
“ไม่มีคนชื่อนี้นะคะ ท่าทางคุณจะโทรผิดแล้วล่ะค่ะ”
คนโทรไปหาเลยเช็คดูหมายเลขและชื่อที่ตนเองเพิ่งกดโทรออกนี่อีกครั้ง จนเขามั่นใจว่าไม่ได้โทรผิด หากไม่ว่าจะยืนยันยังไง ทางนั้นก็เอาแต่จะปฏิเสธ
“ถ้าอย่างนั้นญาติของคุณก็คงจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ไปแล้ว เพราะดิฉันเองก็ได้ซิมการ์ดนี้มาไม่กี่วันนี่เองค่ะ”
“งั้นหรือครับ เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอโทษด้วย เท่านี้ล่ะครับ”
ปกรณ์ยอมวางสาย เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้า นั่งคิดว่าทำไมจันทร์เจ้าถึงจะต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
“แล้วจะโทรมาบอกกันบ้างก็ไม่มี อย่างนี้จะเอายังไงดีล่ะ”

และเพราะความเป็นห่วง บวกกับต้องการหมายเลขใหม่ในการที่จะใช้ติดต่อสื่อสารกันต่อไป ปกรณ์ก็ตามไปขอพบจันทร์เจ้ายังโรงเรียนอนุบาล ซึ่งถือว่าเป็นที่ทำงานของหญิงสาว หากคำตอบว่าจันทร์เจ้าได้ลาออกไปแล้ว ก็ทำเอาเขาเป็นงง
“เอ่อ...แล้วคุณพอจะมีที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อของจันทร์บ้างหรือเปล่าครับ คือว่าผมเป็นญาติกับเธอ แล้วก็มีธุระด่วนต้องการจะคุยด้วยน่ะครับ”
“เอ่อ...คือว่า....” อาการของครูสาวที่สนทนากับปกรณ์ มันแสดงออกถึงการไม่ค่อยไว้เนื้อเชื่อใจอย่างเห็นได้ชัด ก็เธอไม่เคยเห็นว่าจันทร์เจ้าจะเคยมีญาติที่ไหนมาตามหาตัวถึงที่โรงเรียนอย่างวันนี้นี่ อีกอย่าง การลาออกของหญิงสาว ก็ไม่มีใครในโรงเรียนจะรู้รายละเอียดกันจริงๆ เลยสักคน
“ยังไงดิฉันก็คงจะให้คำตอบกับคุณไม่ได้หรอกนะคะ เพราะทางเราเองก็ไม่มีข้อมูลอย่างที่คุณต้องการเหมือนกัน”
“เบอร์โทรศัพท์ล่ะครับ แค่เบอร์ก็ได้” ปกรณ์ต่อรอง
“ก็ไม่มีค่ะ หลังจากที่มีหนังสือลาออกของเธอส่งมา ทางเราก็รีบโทรกลับไปหา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ส่วนที่อยู่...”
“เธอย้ายบ่อยจนทางโรงเรียนไม่มีบันทึกอัพเดท...ใช่ไหมครับ”
คุณครูสาวใหญ่พยักหน้า ก็ทำไมปกรณ์จะไม่รู้ ตั้งแต่ออกจากบ้านมาอยู่เพียงลำพัง ก็ดูเหมือนจันทร์เจ้าจะย้ายที่อยู่บ่อยๆ เธอให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยและสะดวกในการเดินทาง หากชายหนุ่มก็จำได้ว่ามันถี่จนเขาตามไม่ทัน หลังๆ ก็เลยไม่ค่อยได้ถามไถ่กันเลย ไม่รู้ว่าล่าสุดนี้ จันทร์เจ้ายึดเอาห้องเช่าของอพาร์ทเม้นท์ไหนเป็นที่พักพิง...

ยิ่งใกล้วันที่จะต้องออกเดินทางเข้ามาเรื่อยๆ ปกรณ์ก็ยิ่งกังวลใจ ทำไมจันทร์เจ้าถึงไม่ติดต่อมาหาเขาเสียที นี่ยายก็อีกคน แกคอยรบเร้าให้เขาไปส่งข่าวบอกจันทร์เจ้าอยู่แทบไม่เว้นแต่ละวัน
“เอ่อ...ครับ ผมก็ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้น แต่พอดีว่าช่วงนี้...งานที่ไซน์ยุ่งมาก ก็เลยยังหาเวลาไปเจอกันไม่ได้น่ะครับยาย”
ชายหนุ่มไม่กล้าบอกความจริงเรื่องนี้กับท่านเช่นกัน แอบกลัวว่ายายจะพลอยเป็นห่วงจนล้มป่วยลงไปอีกหน
“อย่างนั้นเรอะ งั้นก็ไม่เป็นไร เอาไว้กรณ์สะดวกจริงๆ แล้วค่อยนัดให้จันทร์มาทานข้าวแล้วก็คุยกันที่บ้านนี่ก็ได้ ยายเองก็คิดถึง จันทร์ไม่ได้มาหายายนานหลายวันแล้ว นับตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงพยาบาลนั่นล่ะ”
“เอ่อ...ครับยาย แล้วผมจะนัดกับจันทร์อีกทีนะครับ”
ปกรณ์เลือกจะซ่อนเอาความไม่สบายใจนั้นไว้ก่อน
“เออ...แล้วยายถามหลายทีแล้ว ทำไมยังไม่เห็นกรณ์ว่ายังไง”
“เรื่อง...อะไรหรือครับคุณยาย”
ถามพลางเช็ดเหงื่อที่จู่ๆ ก็เริ่มจะซึมออกมาตามขมับ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ผิดสังเกตุอะไร
“อ้าว...ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ ทำไมลืมง่ายนักล่ะ ก็เรื่องค่ายาค่าหมอยังไง ครั้งหลังนี่ยายเป็นหนัก หนำซ้ำยังเข้าโรงบาลเอกชนเสียอีกด้วย เราเอาเงินที่ไหนมาจ่ายกัน”
“เอ้อ...ก็...ก็เงินที่...”
“ว่ายังไงกรณ์” คุณยายนารถวางมือเหี่ยวย่นข้างหนึ่งลงบนหลังมือกร้านที่กำลังลงน้ำหนักบีบนวดเบาๆ ตรงข้อเท้าของท่าน
“คือมันก็เป็นเงินที่...ที่...ผมกับจันทร์ขอเบิกล่วงหน้าจากทางเจ้านายมาก่อนน่ะครับ เขาใจดี เห็นใจที่เรามีความจำเป็นจะต้องใช้ ก็เลย...ให้มาก่อนน่ะครับ” ปกรณ์ตัดสินใจปดกับยายอีกครั้ง
“อะไรกัน ทำอย่างนี้ได้หรือ”
“มันก็เป็นเหมือนความช่วยเหลือหรือสวัสดิการอย่างหนึ่งของทางบริษัทน่ะครับ”
เขาพยายามอธิบาย ไม่กล้ามองหน้ายายเต็มตา
“อย่างนั้นกรณ์กับจันทร์ก็ต้องทำงานใช้หนี้เขาแย่น่ะสิลูก”
“เอ่อ...โธ่...เรื่องเล็กน้อยนะครับคุณยาย ธรรมดาจะตายไป ยายเลี้ยงผมกับจันทร์มาตั้งแต่ยังเล็กๆ แค่นี้ทำไมเราจะตอบแทนพระคุณยายบ้างไม่ได้ เงิน...ไม่มากเท่าไรหรอกนะครับ เรา...ทำงานกันไม่กี่เดือน ก็ผ่อนใช้เขาหมดแล้ว ยายอย่าห่วงไปเลย”
“โธ่เอ๊ย...นี่ก็หมายความว่าเราสองคนจะต้องมาลำบากลำบนกันเพราะยายแท้ๆ”
ผู้เป็นยายรำพัน นัยน์ตาแดงๆ ฉ่ำชื้น ปกรณ์รีบขยับเข้าไปปลอบ
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะครับคุณยาย ถ้าไม่อยากให้...ผมกับจันทร์ต้องกลายเป็นหลานอกตัญญู บอกแล้วยังไงครับว่า...เราสองคนยินดีแล้วก็เต็มใจที่จะทำ คุณยายอย่าคิดมาก แค่รักษาสุขภาพ ทานยาตามที่หมอสั่งอย่าให้ขาด แล้วก็ไปโรงพยาบาลตามที่เขานัดทุกครั้ง เท่านี้พวกเราก็ดีใจ มีความสุขมีแรงทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยกันแล้วล่ะครับ”
คุณยายนารถทอดสายตาลงมองหลานชาย แล้วก็ให้อดนึกขึ้นมาไม่ได้ นี่ถ้าลูกชายและลูกสะใภ้ จะดูแลเอาใจใส่ท่านให้ได้ครึ่งหนึ่งของหลานทั้งสองคนนี้ก็คงดี ภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน จะได้ไม่ตกหนักอยู่กับแค่หลานชายหญิงอย่างทุกนี้...

ปกรณ์เองก็เข้านอนในคืนนั้นด้วยใจที่กระสับกระส่ายร้อนรน เขารู้สึกผิด เพราะนับแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยโกหกยายถึงขนาดนี้ อีกอย่างเขาเองก็เป็นห่วงจันทร์เจ้า ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เมื่อเย็นยายถามถึงเรื่องเงิน ทำให้เขาฉุกใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ การที่ญาติสาวขาดการติดต่อหรือหายเงียบไปแบบนี้ มันจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกชาวต่างชาติสามสี่คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลในคืนนั้นหรือเปล่านะ ไม่สิ...เจ้าของความคิดสั่นหน้าในความมืด หรือจันทร์เจ้าจะโชคร้าย เกิดไปเจอเข้ากับไอ้พวกเดนมนุษย์อย่างคราวที่แล้วเข้าอีก โฮ้ย...ให้ตาย ทำไมความคิดแต่ละอย่างที่มันผุดขึ้นมาในหัว ถึงได้ล้วนแล้วแต่น่ากลัวไปหมดก็ไม่รู้

“เป็นอะไรไปอีกล่ะจันทร์เจ้า” เอเดียลถามขึ้นในเช้าวันหนึ่ง
“เปล่านี่คะ จันทร์ก็แค่...”
“คิดถึงเมืองไทยล่ะสิ”
ทั้งรอยยิ้มและหางเสียงนั้นรู้ทัน จันทร์เจ้าเมินหน้า คางเล็กๆ เชิดสูงขึ้นเล็กน้อย
“ก็ที่นั่นเป็นบ้านของจันทร์ จันทร์มีบ้าน มีครอบครัว มียายอายุมากที่จะต้องดูแลนี่คะ”
“บ้านที่ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นให้ เธอยังจะคิดถึงอยู่อีกทำไม”
เท่านั้นคนฟังก็หันขวับ อาการไม่พอใจฉายชัดทั้งในสีหน้าและแววตา เธอสะบัดหน้าอย่างทนมองไม่ได้ ขณะที่ปากขมุบขมิบ
“พูดได้เห็นแก่ตัวดีจริงๆ”
“อะไรนะ”
“จันทร์บอกว่า คุณพูดได้เห็นแก่ตัวที่สุดเลย”
คราวนี้ทุกคำชัดเจน แต่เอเดียลไม่มีท่าว่าจะโกรธหรืออะไร เขาขยับเข้ามาใกล้
“ถึงแม้ว่าตัวเธอจะมาอยู่ที่นี่ แต่ฉันยังให้คนคอยดูแลจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของยายเธอไม่ได้ขาด ท่านไม่ได้ลำบากลำบนหรือขัดสนอะไรเลยนะ ต่อให้วันนี้ไม่มีเธอก็เถอะ”
“คุณว่าอะไรนะคะ” จันทร์เจ้าถามกลับอย่างไม่แน่ใจและไม่เชื่อหู
“นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีนี่อีกอย่างด้วย”
คนพูดวางซองหนาๆ ลงบนโต๊ะไม้ซึ่งสลักลวดลายเป็นตราราชวงศ์ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ร่างเล็กบอบบาง จันทร์เจ้าไม่รอถาม เธอรีบหยิบขึ้นมาเปิดดูด้วยความใคร่รู้ ในนั้นเป็นภาพถ่ายสีหลายสิบใน
“ยาย...” ปลายนิ้วเล็กไล่ระเรื่อยไปตามรูปถ่ายในแต่ละอิริยาบถของผู้มีพระคุณที่เธอแสนจะคิดถึงและห่วงหา เอเดียลส่งคนไปคอยติดตามดูความเป็นไปของท่านและยังถ่ายรูปพวกนี้กลับมาให้เธอได้ดูอีกต่างหาก
“ยายจ๋า...” หญิงสาวครวญเสียงแห้ง น้ำตาเอ่อคลอหน่วยก่อนที่จะหยดไหล
“ยายของจันทร์ท่านเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็อย่างที่เธอเห็น ท่านสบายดี เท่าที่คนมีอายุคนหนึ่งจะเป็นได้” เอเดียลตอบตามจริง ดูเขาจะเห็นใจจันทร์เจ้าอยู่ในที
“ป่านนี้ท่าน...อาจจะรู้แล้วก็ได้ ว่าจันทร์หายตัวไป”
“คิดว่าคงยัง แต่ญาติของเธอ เขาไปตามหาเธอที่โรงเรียน” เอเดียลเล่าให้ฟังต่อ
“ญาติ...ปกรณ์” คนฟังตื่นเต้นแกมหวั่นใจ
“งั้นเขาก็คงจะไปบอกยายแล้ว ว่าหาจันทร์ไม่เจอ”
“ไม่หรอก ผู้ชายคนนี้ฉลาด เขากลัวว่ายายของเธอจะตกใจแล้วก็ล้มป่วยลงไปอีก คงยังเก็บเอาไว้เป็นความลับ ส่วนตัวเองก็ตามหา หรือไม่ก็รอให้เธอติดต่อกลับไปเองมากกว่า”
คนเล่าสันนิษฐานตามข้อมูลที่ได้รับรายงานมาเป็นระยะก่อนหน้า
“แล้วถ้าเขาแจ้งตำรวจ”
“เขาคงจะยังไม่ทำอย่างนั้น ถ้าได้รับอีเมล์ติดต่อจากเธอวันนี้”
“หมายความว่า...”
มีเสียงฝีเท้าคนเดินมาจากทางด้านหน้าประตู ก่อนที่ฟาฮัดจะเดินนำนางกำนัลซึ่งช่วยหอบเอาข้าวของพะรุงพะรังเข้ามา
“นั่นอะไรกันคะ” จันทร์เจ้าถาม
“คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คไง”
สาวไทยมองดูสองสามคนที่กำลังทำการติดตั้งคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมนั่นในห้องของเธอ ใช้เวลาตรงมุมห้องอยู่เพียงครู่ ฟาฮัดก็เดินมาโค้งตัวรายงาน
“เรียบร้อยแล้วกระหม่อม”
“ดี ออกไปได้แล้ว” เจ้าชายเอเดียลรับสั่ง
“พะย่ะค่ะ”
จันทร์เจ้ามองหน้าเขา แน่ล่ะ ถึงยังไงเธอก็ยังไม่พอใจอยู่ดี นี่หมายความว่าเอเดียลต้องการจะให้เธอแสดงตัวกับปกรณ์ เพื่อที่ญาติๆ ทางเมืองไทยจะได้หายจากความคลางแคลงใจในการที่จู่ๆ เธอก็หายตัวไปเฉยๆ อย่างนั้นใช่ไหม
“ส่งอีเมล์ถึงปกรณ์ บอกเขาว่าเธอสบายดี แล้วก็ไม่สะดวกที่จะให้ติดต่อทางโทรศัพท์”
เอเดียลบัญชา ขณะที่เจ้าของร่างบางค่อยเดินมานั่งตรงโต๊ะที่วางอุปกรณ์
“บอกเขาไปว่าเธอได้งานแล้วก็ย้ายที่พักใหม่ มีอะไรจะติดต่อไปเองก็เท่านั้น ไม่ยากใช่ไหมจันทร์เจ้า”
“แล้วถ้าจันทร์ไม่ทำตามที่คุณบอกล่ะคะ” หญิงสาวเล่นลิ้น
“การที่เธออยู่ที่นี่ มีเหตุผลอย่างหนึ่งคือเพื่อแลกกับเงินค่ารักษาพยาบาลที่ฉันจ่ายให้กับยายของเธอ แต่ถ้าเธอยังดิ้นรนจะไป หรืออยากส่งข่าวให้ใครตามมาช่วยนักล่ะก็ อย่าลืมให้ไอ้หมอนั่นมันติดปีกบินมาด้วยล่ะ เวลาที่ถูกทหารองครักษ์แห่งอัลดูซาร์รุมล้อม มันจะได้มีปัญญาเอาชีวิตหนีรอดออกไปได้”
“ป่าเถื่อน!” จันทร์เจ้าหลุดปากออกมาอย่างตกใจ
“ไม่ใช่เลย ฉันก็แค่จะปกป้องสมบัติทุกชิ้นที่เป็นของตัวฉันเองต่างหาก อย่าลืมเสียด้วย ว่าเธอเคยรับคำท้านั้น...หนีไปไม่รอด ก็จะยอมเป็นของฉันอยู่ที่นี่ รักเกียรติรักศักดิ์ศรีมากนักไม่ใช่หรือ การไม่รักษาคำพูด มันก็คือการทำลายเกียรติยศของตนอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ”
“คุณเอเดียล!” เสียงหวานห้วนกร้าวเล็กน้อย เอเดียลพูดกับเธอแรงเกินไปหน่อยแล้ว
“ลงมือได้แล้ว ฉันจะรอดู”
“ไม่ค่ะ...เอ่อ...คือจันทร์...ลืมพาสเวิร์ดไปแล้ว”
หญิงสาวพยายามจะเกี่ยง เธออยากมีโอกาสติดต่อกับปกรณ์ทางอื่นมากกว่า
“ลืมก็ขอสมัครใหม่”
“เอ้อ...ถ้าเปลี่ยนใหม่ แล้วกรณ์เขาจะเชื่อหรือคะว่าเป็นจันทร์ส่งไปหาเขาจริงๆ”
“แล้วเธอจะเอายังไง” ร่างสูงสง่าน่าเกรงขามขยับเข้ามาเกือบชิด ท่าทางเขาอกจะรำคาญขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว
“ก็...ขอให้จันทร์...โทรศัพท์ถึงเขาแทนได้ไหมคะ”
“เสียใจจันทร์เจ้า” เสียงที่ตอบกลับมานั้นยิ่งกว่าหนักแน่น
“แต่เจ้าชาย...เอ่อ...คุณเอเดียลคะ...”
“ตกลงว่าเธอปฏิเสธจะส่งข่าวให้กับญาติของเธอแล้วใช่ไหม”
คราวนี้อีกฝ่ายเลยลุกรน กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเป็นไม่ให้ติดต่อใครอีกเลย
“เอ้อ...ก็ได้ค่ะ อีเมล์ก็อีเมล์ แต่ขอเวลาให้จันทร์...นึกทบทวนแล้วก็ลองใส่พาสเวิร์ดดูก่อนนะคะ”
“ฉันรอได้ แต่ถ้านานเกินไป มันก็จะไม่เป็นผลดีกับตัวเธอเอง”
“ก็คงไม่นานเท่าไร และจันทร์ก็จะเขียนเป็นภาษาไทยด้วยค่ะ”
จันทร์เจ้าพูดแบบไม่มองหน้า ก็อย่างนี้ล่ะที่เขาเรียกว่าอาการส่อถึงพิรุธ เอเดียลมองปราดเดียวก็ทะลุ แม่สาวจันทร์เจ้ากำลังคิดที่จะเล่นเกมส่ง ‘ข้อความลับ’ ถึงไอ้นายปกรณ์ญาติของเจ้าหล่อน แล้วมันจะไม่ง่ายไปหน่อยล่ะหรือสาวน้อย
“ไม่ได้” เขาห้าม
“แต่จันทร์จะเขียน”
“อนุญาตให้ใช้แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น” เขาว่า
“ไม่ค่ะ จันทร์จะเขียน”
หญิงสาวยืนยันอีก แต่ก็ถือเป็นที่รู้กัน ภาษาไทยที่หญิงสาวว่า มันก็หมายถึงการสะกดคำไทยด้วยอักษรภาษาอังกฤษ จะเรียกอีกอย่างว่า ‘ภาษาคาราโอเกะ’ ก็ไม่ผิดนัก ที่ต้องอาศัยวิธีนี้ ก็เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นี่ มันไม่มีแป้นภาษาไทยให้เธอได้ใช้งานได้เลยสักตัว
“งั้นก็ได้ ไทยก็ไทย”
“หือ?” แม้จะงง แต่คราวนี้จันทร์เจ้าก็ยิ้มออก จะว่าไปเอเดียลก็ยังมีมุมพูดง่ายอย่างคนอื่นเขาอยู่เหมือนกัน แต่เธอเองก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะเสียงห้าวทุ้มบอกออกมาทีหลังว่า
“อยากเขียนอะไรก็เขียนไป เพราะไม่ว่าจะกี่สิบกี่ร้อยกว่าภาษาในโลกนี้ ฉันก็มีคนที่ไว้ใจคอยตรวจสอบให้ได้ รีบลงมือเสียทีจันทร์เจ้า”
คนว่าสาวเท้าเข้ามาชิด แถมยังโน้มหน้าลงมาจนใกล้ สองแขนเท้าคร่อมไม่ยอมถอยไปไหน ทำเอาสาวไทยแทบลืมหายใจ
“ว่าไงล่ะ”
“เอ้อ...ก็ได้ค่ะ จันทร์ก็รีบอยู่นี่ไง แต่คุณถอยไปห่างๆ หน่อยสิคะ อย่างนี้จันทร์...นึกอะไรไม่ออกเลย”



ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2555, 11:48:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2555, 11:48:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 6274





<< ก็แค่นั้น...นางบำเรอ   ว่าที่พระชายา? >>
หมูอ้วน 11 ก.ค. 2555, 13:46:02 น.
หนูจันทร์เจ้า ใช้ภาษาคาราโอเกะ ก็ไม่รอดอยู่ดี เอาใจช่วยจ้าาา


longah 11 ก.ค. 2555, 21:35:45 น.
น่าสงสารนางเอก พระเอกใจร้ายมากเกินไปแล้วนะ TT


แว่นใส 12 ก.ค. 2555, 08:02:04 น.
ขี้หึง ขี้หวงซะจริง แต่ไม่ยอมบอกเรื่องในใจนะจ๊ะ


tutas 13 ก.ค. 2555, 11:14:21 น.
หนูจันทร์จะออกจากกรงทองได้ไหมเนี้ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account