เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๒ หมอผี ๒/๒

ซุ้มดอกไม้ตรงนั้นเน้นดีไซน์คลาสสิก ประดับดอกไม้สีขาวจำนวนไม่มาก เพทายยืนจัดรูปทรงของมันให้เข้าที่เข้าทาง นึกถึงคู่บ่าวสาวหน้าตาชื่นมื่นเมื่อครู่ หล่อนก็รู้สึกอิ่มใจ นลัศกับปรียดาสวยหล่อสมตัวทั้งคู่ ทั้งสองเพิ่งมายืนเป็นแบบให้ตากล้องถ่ายภาพที่ซุ้มหน้างานเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง ทั้งเพื่อนฝ่ายหญิงฝ่ายชาย ญาติผู้ใหญ่และพี่น้องหลายครอบครัวผลัดกันเข้ามาขอเก็บภาพประทับใจกันเป็นร้อยๆภาพ เมื่อถึงเวลาอันสมควร หญิงสาวจึงแหวกทางผู้คน ดึงตัวคู่บ่าวสาวลงไปยืนเตรียมพร้อมในตำแหน่งที่จัดไว้ชั้นล่าง เพื่อจะได้ฤกษ์เปิดงานอย่างเป็นทางการเสียที

เพทายเดินเลียบไปตามผนังนอกห้องจัดเลี้ยงเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนลงไปจัดคิวผู้คนในพิธีการของหล่อนเพื่อเตรียมเปิดงาน แขกเหรื่อทุกเพศวัยเดินสวนกันไปมา บ้างก็หันมายิ้มทักทายหล่อนหน้าตาสดใส ทั้งที่ไม่รู้จักมักคุ้น หญิงสาวยังไม่ได้เปิดเผยตัวกับใครในงานมากนัก มีเพียงญาติผู้ใหญ่คนสนิทของนลัศกับปรียดาเท่านั้น ที่เห็นหน้าปุ๊บ ก็จำได้ทันทีว่าหล่อนคือ Wedding Planner ประจำงานยักษ์ครั้งนี้

หญิงสาวเดินกลับไปกลับมาเป็นครั้งสุดท้ายสลับด้านนอกและด้านในซึ่งจัดเป็นงานเลี้ยงแบบค็อกเทล มีเมนูนานาชาติให้เลือกตามใจชอบอยู่บนโต๊ะยาวมีผ้าคลุมสองฝั่งติดผนัง เพทายอยู่ในชุดสูทสีแดงสด มีอุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลายอย่าง เหน็บอยู่ตามซอกกระเป๋าเสื้อด้านใน กระโปรงเข้ารูปสีเดียวกันยาวระดับเข่า รองเท้าส้นเข็มที่สวมสูงพอประมาณเป็นสีดำกำมะหยี่ จังหวะในการก้าวเดินแต่ละครั้งคล่องแคล่ว รวดเร็ว บวกกับความที่เป็นคนตัวเล็ก รูปร่างสมส่วนด้วยแล้วยิ่งทำให้ดูพลิ้วชวนมอง

คนภายนอกหลายคนหันไปซุบซิบกันด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าหล่อนเป็นใคร ทว่าหญิงสาวก็ยังมีสมาธิจดจ้องอยู่กับงานในหน้าที่ ไม่ขยับปากคุยหรือชายตามองผู้ใดเลย หากเขาไม่เข้ามาทักหล่อนเสียก่อน และคงจะน้อยคนที่กล้าเข้ามายุ่งกับหล่อน นัยน์ตาหวานซ่อนแววดุกับใบหน้าขึงขังล้อมกรอบผมซอยสั้นระต้นคอยามนี้ เป็นกำแพงป้องกันชั้นดีทีเดียว

เพทายแหงนมองไฟย้อมผนัง เคลือบสีฟ้า Tiffany blue ตามคอนเซ็ปของงาน ไล่ระดับเรื่อยลงมาด้วยความพึงใจ โต๊ะรับประทานอาหารเกือบร้อยมีแจกันทรงสูงประดับกุหลาบขาวจัดเป็นกระพุ่มกลม ในส่วนนี้ก็ประหยัดงบประมาณได้มากพอควร เมื่อดอกกุหลาบสวยสดเหล่านั้น ถูกนำมาจากแปลงในเรือนกุหลาบ บ้านของหล่อนเอง เพทายนำมาทั้งพันธ์ climber และ Hybrid T ประดับตามซุ้มเป็นกุหลาบเลื้อย และ ประดับในแจกัน กับกระถางกลมด้วยกุหลาบตัดดอก ตามลำดับ ความเป็นคนกันเองกับเจ้าของงานทำให้เพทายใจป้ำ ยกกุหลาบประดับงานให้ฟรีๆ ไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว

มุมในสุดของห้องโถงใหญ่ ตำแหน่งกึ่งกลางพอดี โดดเด่นดึงดูดสายตาผู้คนด้วย แท่นเวทีสูงไม่ถึงเข่า สองข้างทางประกบด้วยฉากสีฟ้ามีดอกไม้ขาวประดับ กระถางรูปทรงคล้ายแจกันชูช่อกุหลาบงาม เพิ่มความหวานซ่อนความเก๋ให้กับเวที ตรงกลางมีโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่เตรียมไว้ฉาย presentation เรื่องราวความรักของคู่บ่าวสาว

ตรงมุมห้องทั้งสี่มุม จัดเป็นโซฟายาวมีโต๊ะกระจกเตี้ยๆอยู่ด้านหน้า วางกรอบรูปภาพถ่ายขาวดำสลับภาพสีเมื่อครั้งทำ pre-wedding ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ฉากเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ให้แขกในงานมานั่งลงจับกลุ่มถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย ให้บรรยากาศเป็นกันเอง เหมือนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ หลายคนถึงกับออกปากชม

“ใครนะ..ช่างออกแบบงานได้สวยคลาสสิคจริงๆ เดี๋ยวฉันจะต้องถามคุณนัท เผื่อติดต่อไว้ช่วยลูกชายจัดงานแต่งตอนปลายปี”

เพทายได้แต่อมยิ้มเงียบๆคนเดียว ไม่ปริปากแนะนำตัวจนแล้วจนรอด หล่อนถือว่าไม่ใช่มารยาทของ Wedding Planner หากจะให้ใครแนะนำก็ควรเป็นเจ้าภาพ หรือญาติผู้ใหญ่ของคู่บ่าวสาวเป็นฝ่ายออกปาก

กำลังจะหมุนตัวกลับลงไปเตรียมคิวงานชั้นล่าง เสียงเครียดของคุณป้าชุดผ้าไหมก็ดังแว่วมาจากเบื้องหลัง หน้าตาท่าทางเต็มไปด้วยร่องรอยของความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ทำยังไงดีนะเธอ เข็มกลัดนกยูงของฉันหลุดหายไปไหนเสียแล้วไม่รู้ ดูซี ชุดจืดเลย”
ผู้ติดตามท่าทางเป็นลูกน้อง หรือไม่ก็ลูกจ้างคนสนิท พยายามพูดปลอบ

“ไม่หรอกค่ะคุณสลวย แค่นี้ก็สวยมีสง่าพอแล้ว”
“ไม่ได้หรอก..ชุดนี้ขาดเข็มกลัดไม่ได้ ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย นึกไม่ออกมันหายไปไหน”

“ลองนี่ไหมคะ..ฉันมีเข็มกลัดลายกุหลาบแดง สไตล์เก๋เข้ากับชุดคุณนายเลย”


เพทายเสนอ พร้อมกับหยิบเข็มกลัดกุหลาบชิ้นนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน หล่อนเอ่ยเป็นเชิงขอโทษก่อนค่อยๆลงมือติดเครื่องประดับชนิดนั้นลงบนผ้าไหมเนื้อดี คุณนายสลวยก้มลงมองอย่างงุนงงเล็กน้อย แต่แล้วพอเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกข้างเสา หล่อนก็ยิ้มกว้างทั้งปากและตา
“โอ..เก๋มาก ขอบใจนะจ๊ะหนู”

เพทายยิ้มอย่างมีไมตรี หล่อนยกมือไหว้เป็นเชิงลา แล้วเดินกลับออกไป

“อ้าว เดี๋ยวซี..เลยไม่ทันถามชื่อ ดูสิเธอ มาเร็วไปเร็วจริงๆ”

คุณนายหันไปบ่นกับลูกน้องด้วยความเสียดาย นึกชื่นชมท่าทางคล่องแคล่ว กับแววฉลาดในดวงตาคู่สวย ของเด็กสาวที่เดินจากไป


ระหว่างทางที่เดินลงบันไดแต่ละขั้น เพทายแทบไม่ได้หยุดปาก หล่อนขยับหูฟังที่คาดบนศีรษะให้กระชับ ดันไมโครโฟนอันเล็กเข้ามาใกล้ริมฝีปาก กำชับงานกับผู้คุมแต่ละฝ่ายอย่างรอบคอบ

“เตรียมไว้แล้วใช่ไหมคุณชุ เทียนเล่มเล็ก กับเด็กชุดนางฟ้าสี่คน”

“โอเคดีมาก..บอกตากล้องให้ไปประจำแต่ละจุดตามแผนที่ได้แล้ว”

“เสื้อผ้าหน้าผมคุณนลัศเรียบร้อยดีไหม..คุณปรียดาล่ะ”
“ว่าไงนะ คุณปรียดามีปัญหาหรือ..โอเค บอกให้ทำใจดีๆก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบลงไป”
“อย่าลืมริบบิ้นเสี่ยงทาย..ดอกไม้เจ้าสาว ให้พร้อมด้วย ไฮไลท์ตอนปิดงานเชียวนะ”

เพทายรีบสาวเท้าลงไปให้ถึงที่หมายด้วยความร้อนใจ เห็นเจ้าบ่าวยืนยิ้มมีสง่า หน้าตาไร้กังวล ผิดกับเจ้าสาวที่ยืนทำหน้ายุ่ง นัยน์ตาหลุกหลิก หันซ้ายหันขวาไม่อยู่นิ่งแม้แต่นาทีเดียว เหมือนมีเรื่องกังวลใจซ่อนอยู่

“ทำไงดีคุณเพ ฉันตื่นเต้น..จำสคริปที่ท่องมาไม่ได้เลย”
เพทายยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังปัญหา หล่อนแตะไหล่ปรียดาอย่างให้กำลังใจ

“นึกว่าเรื่องอะไร..แค่นี้เอง”

หญิงสาวยิ้มมุมปากแล้วหยิบหูฟังสายดำเส้นเล็กออกมาจากกระเป๋าด้านใน ค่อยๆครอบมันลงบนศีรษะเจ้าสาว บังตาคนภายนอกด้วยเครื่องประดับผมใยแก้วสีขาว มองเผินๆจะไม่มีใครสังเกตเห็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตชิ้นนี้เลย ยกเว้นจะเข้ามาเพ่งใกล้ๆชนิดลมหายใจรดหน้า

“คุณแค่พูดตามฉันเท่านั้นแหละ..ทีนี้ไม่ต้องตื่นเต้นแล้วนะคะ ยิ้มเข้าไว้ คุณเป็นเจ้าสาวแสนสวย ใครๆก็มองเหลียวหลัง..นัท เธอเป็นผู้ชายที่โชคดีสุดๆเลยรู้ไหม”

ท้ายประโยคหล่อนหันไปชื่นชมเพื่อนชายจากใจจริง ทำเอายิ้มหน้าบานกันทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว ปรียดานิ่งลงกว่าเดิม ไม่มีท่าทีกระสับกระส่ายเหมือนเมื่อครู่

“เอาล่ะ เดี๋ยวพอนัทพูดจบ ฉันจะส่งสัญญาณเสียงเข้าเครื่องคุณ พูดตามฉันช้าๆ เอาให้เป็นธรรมชาตินะคะ แล้วก็อย่าลืมยิ้มเด็ดขาด”

เจ้าสาวคนสวยพยักหน้ารัวเร็ว ความมั่นใจหล่อนเพิ่มขึ้นเป็นกอง

เพทายหันไปกำชับเด็กหญิงชุดนางฟ้า วัยประมาณเจ็ดแปดขวบที่หล่อนคัดเลือกมาอย่างดี

“น้องดาว กับน้องมน ไปยืนต่อหลังพี่นัทนะจ๊ะ แล้วก็ประคองจานรองเทียนนิ่งๆ ถ้าลมพัดมาไฟเทียนดับ ก็ช่างมัน ไม่ต้องตกใจ น้องแก้ว กับ น้องน้ำ ไปยืนต่อหลังพี่สาวคนสวย ทำอย่างที่บอก เดินไปส่งคู่บ่าวสาวจนถึงเวที พอพี่นัทถือไมค์ ค่อยพากันเดิมอ้อมออกไปด้านหลังนะ..ตามนี้”

พิธีเปิดงานสุดหรูเริ่มขึ้นด้วยความสวยงาม ราบรื่น เจ้าบ่าวเจ้าสาวย่างเยื้องขึ้นบันไดทีละขั้น มีเด็กน้อยชุดนางฟ้าหน้าตาจิ้มลิ้มถือเทียนตามขึ้นมา

เพทายบอกให้เจ้าหน้าที่หรี่แสงไฟทั้งในห้องงานเลี้ยง และซุ้มหน้าประตูลง แสงเหลืองนวลจากเปลวเทียนทำให้ผืนพรมขาวเลื่อมมุกตามลาดทางเดิน ตั้งแต่ประตูไปสู่ใจกลางเวที สุดแสนจะโรแมนติก สร้างความประทับใจให้แขกทุกคนในงาน

เพทายยืนรออยู่หลังประตูบานใหญ่เงียบๆคนเดียว บริเวณนั้นไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ต่างก็รวมตัวอยู่ที่โต๊ะอาหาร ให้ความสนใจคู่บ่าวสาวหน้าตาสมกันบนเวที หล่อนไม่รู้ตัวเลย ว่าใครคนหนึ่งแอบยืนดูอยู่ด้วยความทึ่ง รอยยิ้มจุดขึ้นตรงมุมปากใต้ไรหนวดเขียวจาง เขาเห็นหล่อนตั้งแต่ตอนตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนเปิดงานแล้ว ทว่าทำเป็นชมวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างบ้าง เปลี่ยนตำแหน่งยืนจิบไวน์ตรงนั้นตรงนี้บ้าง เดินชมการตกแต่งตามฝาผนังบ้าง..เขาเห็นทั้งกิริยาท่วงท่าฉับไวของหล่อน วิธีการพูดอย่างฉลาด แววตาหวานซ่อนดุ และรอยยิ้มเปี่ยมสุขทุกขณะที่จดจ่ออยู่ในหน้าที่ เขาเห็นหล่อนเกือบทุกอิริยาบถ ผิดกับหล่อนที่ไม่ได้สังเกต หรือทันระวังว่าใครกำลังแอบทอดสายตามองด้วยความสนใจ

“สวัสดีค่ะ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ดิฉันรู้สึกปลื้มปิติ ที่เห็นน้ำใจอันล้มหลามของพวกท่านในงานฉลองมงคลสมรสคืนนี้...ขอได้รับความขอบคุณจากใจ..ดิฉันขอให้ทุกท่านมีความสุข ในบรรยากาศอบอุ่นที่ดิฉันได้เตรียมไว้สำหรับทุกคนเป็นอย่างดี เพื่อเราจะได้รู้สึกเป็นกันเองในที่แห่งนี้ มีมุมสวยๆให้ร่วมเก็บภาพตามจุดต่างๆ หลายท่านคงพอจะเห็นบ้างแล้ว ..ช่วงปิดงานดิฉันมีเซอร์ไพรส์ให้สาวๆทุกคนด้วยนะคะ อย่าเพิ่งรีบกลับกันก่อนล่ะค่ะ..”

เพทายส่งสัญญาณเสียงให้เจ้าสาวอย่างลื่นไหล ทั้งที่ไม่ได้เตรียมสคริปมาก่อน เจ้าสาวเองก็มีความเชื่อมั่นมากพอจะเอ่ยตามหล่อนอย่างไม่มีติดขัด เพทายยิ้มพึงใจเมื่อเห็นงานสำเร็จลุล่วงไปอีกขั้น

“เสียดายนะ..เจ้าสาวหน้าตาสะสวย แต่ทำตัวไร้สมอง”

เสียงห้าวลึกที่ฝ่าบรรยากาศโรแมนติกเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้เพทายสะดุ้ง หันขวับมามองด้วยความคาดไม่ถึง

“คุณเป็นใคร..มาอยู่ตรงนี้นานแล้วหรือ?”

ชัดเจนเหยียดยิ้ม ไฟนัยน์ตากระทบแสงเรืองรองของโคมระย้า อะไรหลายๆอย่างบนใบหน้าของเขาบอกความถือดี อวดเก่ง..เพทายรู้สึกขวางหูขวางตาขึ้นมาทันที

“แค่คำพูดง่ายๆ ยังไม่มีสมองจะคิด ผู้หญิงแบบนี้ผมไม่มีวันหลงไปแต่งงานด้วย”

เขายังไม่แนะนำตัวอยู่นั่นเอง ยังคงออกความเห็นตามใจนึก

เพทายรู้สึกเหมือนมีเหล็กร้อนทาบทับตามใบหน้า แขนขา แล่นริ้วเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว อารมณ์สดใสเมื่อครู่กลายเป็นร้อนระอุดุจเปลวเพลิง คำพูดของเขาไม่ได้กระทบเจ้าสาวเพียงคนเดียว แต่ยังบอกเป็นนัยว่า..เจ้าบ่าวที่หลงมาแต่งงานด้วยช่างโง่เสียเหลือเกิน

“คุณมีสิทธิ์อะไรไปว่าเขา..มารยาททราม!”

“ว่าไงนะ?”

เขาเขม็งตามองหล่อนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“ฉันว่าคุณ..มารยาททราม..หูตึงหรือไง!”

ชัดเจนเหยียดยิ้ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ก่อนบอก

“ผู้หญิงก็อย่างนี้ ออกรับแทนกันตลอด..ผมแค่พูดความจริง คนเราชอบฟังคำหวาน ป้อยอ..พอเจอความจริงเข้าหน่อยทำเป็นทนไม่ได้”

เพทายเลือดขึ้นหน้า หล่อนผลักอกเขาโดยแรงจนชายหนุ่มเสียหลักเกือบหงายหลัง ยังดีที่ยันมือไว้กับฝาผนัง

“ฉันจะบอกอะไรให้นะ..ถ้าคุณปรียดากับเจ้าบ่าวของเธอโง่ น้ำหน้าอย่างคุณต้องเรียกว่าไอ้ขี้ขลาด แน่จริงอย่ามาด่าเขาลับหลังซี คนอย่างคุณน่ะ..ถึงจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลก คุณปรียดาก็ไม่มีวันชายตามอง..กิริยาต่ำ ความคิดเลว!”

ไม่ทันที่ชัดเจนจะมีโอกาสสวนกลับหล่อนด้วยประโยคเด็ดยิ่งกว่า เสียงเล็กใสของสาวน้อยคนหนึ่งก็ร้องทักเข้ามาด้วยความดีใจ

“หมอชัดเจน..มาอยู่นี่เอง ดาตามหาแทบแย่”

เพทายหูผึ่งขึ้นทันที..คนนี้น่ะหรือ.. “หมอผี” ของเมรี หล่อนอุทานในใจดังๆ

โอ้โห..ชัดเจนจริงๆ..ชัดเจนสมชื่อ!






ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ค. 2555, 11:59:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2555, 11:59:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1867





<< บทที่๒ หมอผี ๑/๒   บทที่ ๓ ความหลังของศัลยแพทย์ ๑/๒ >>
zilvermoon 8 ก.ค. 2555, 12:18:01 น.
เพอาจจะปากร้าย แต่นายหมอผีนี่ปากเสีย เข้าทำนองผีเจาะปาก ต้องโดนเพสั่งสอน


เดิมเดิม 8 ก.ค. 2555, 15:56:38 น.
จัดเต็มเลยพี่เพ


Pat 8 ก.ค. 2555, 19:53:25 น.
ชัดเจนจริงๆ ปากหรือนี่


แล่นแต๊ 8 ก.ค. 2555, 20:36:07 น.
ปากเสียจริงๆนายคนนี้


sai 19 ก.ค. 2555, 02:37:04 น.
ไม่ไหวนะหมอ ปากจัดไม่เป็นเวลา


ศิลาริน 28 ก.ค. 2555, 04:24:38 น.
และสถานที่..อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account