เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๓ ความหลังของศัลยแพทย์ ๑/๒

เพทายเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารสำหรับแขกวีไอพี ตอนจบงาน แขกเหรื่อคนอื่นๆทยอยกลับกันไปพอสมควรแล้ว เมรีนั่งคุยกลั้วหัวเราะอยู่กับเจ้าสาว ส่วนเจ้าบ่าวแยกตัวไปส่งเพื่อนแพทย์ที่เคยสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียน

“นั่นไปกินรังแตนที่ไหนมายะ ยายเพ หน้าหงิกเชียว”
เมรีกำลังเล่าเรื่องตลกให้ปรียดาฟังถึงกับต้องสะดุดกึก เพราะใบหน้าเหมือนม้าหมากรุกของเพื่อนรักเป็นเหตุ

“กินรังหมาน่ะซี คนอะไรปากหมาชะมัด!”
ด้วยน้ำคำที่แรงและดวงตาเสมือนมีประกายไฟปะทุอยู่เต็มหน่วย ทำให้ปรียดา เจ้าสาวคนสวยซึ่งไม่ค่อยได้เจรจากับเพทายโดยตรงหากไม่มีเรื่องเดือดร้อน ยังถึงกับต้องออกปาก

“ใครทำอะไรคุณเพคะเนี่ย?”
“โฮ้ย..คุณดาคะ แม่คนนี้ ไม่ต้องมีใครมาทำอะไรหรอก บางทีอยู่ว่างๆก็ก่นด่าต้นไม้ใบหญ้า ท้องฟ้า แม่น้ำ ได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าหงุดหงิดขึ้นมา”

เมรีพยายามลดทอนความตึงเครียดด้วยการแซวเพื่อนตลกๆ ทว่ากลับทำให้เพทายยิ่งฉุนหนักเข้าไปอีก
“ไม่ขำเลยนะเม..รู้ไหมว่าฉันเจออะไรมา”

สาวจอมกวนยื่นหน้าข้ามโต๊ะมายิ้มรื่นก่อนตอบหน้าตาเฉย

“ไม่รู้”

“ฉันเจอไอ้หมอผีเจาะปาก”
ปรียดาหัวเราะพรืด เมื่อได้ฟังคำเปรียบเปรย

“หมอผีอะไรนะคะ?”

“หมอ-ผี-เจาะ-ปาก”
เพทายย้ำให้สาวทั้งสองคนฟังอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ เมรีนิ่วหน้า

“หมอผีเจาะปากอะไรของเธอ ฉันไม่เข้าใจ”
“นั่นสิคะ คุณเพหมายถึงใครหรือ”

คนที่ควบคุมอารมณ์ได้ยากเย็นในยามฉุนเฉียว ถึงคราวควันออกหู เพทายลุกขึ้นยืนตบโต๊ะอย่างลืมตัว บริกรชายหญิงที่เผอิญโชคร้ายเดินเข้ามาเก็บถ้วยชามพอดี ถึงกับสะดุ้งโหยง

“เข้าใจยากกันจริงๆ ก็นายหมอผีชัดเจนของเธอยังไงล่ะ.. ยายเม!”
ปรียดา ผู้ไม่เคยใกล้ชิดเล่นหัวกับสาวปากร้ายคนนี้มาก่อน ถึงขั้นอ้าปากค้าง เลื่อนตัวผงะถอยออกไปจากโต๊ะ นั่นแหละสาวเจ้าจึงสำนึกขึ้นมา ว่าหลุดกิริยาโผงผางมากเกินเหตุ

“เอ่อ..ขอโทษค่ะคุณดา พอดีเพกะลังของขึ้น”
เสียงเพทายอ่อยลง หล่อนค่อยๆทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม

“อ้อ..นึกว่าใครที่ไหน นายชัดเจนนี่เอง..ไปเจอกันท่าไหนล่ะ”
เมรีถามเสียงขัน

“ก็ไม่ได้อยากจะเจอหรอกนะ ฉันอยู่ของฉันดีๆ หมอนั่นก็เข้ามากวนประสาท”

“กวนประสาทยังไง?”

คำถามของเมรีทำให้เพทายอึ้งไป รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก อยากพูดก็พูดไม่ออก เมื่อนึกได้ว่า “เรื่อง” ที่หมอชัดเจน “กวนประสาท” เกี่ยวข้องกับปรียดาโดยตรง แล้วมันก็คงเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจเจ้าตัวอย่างยิ่งหากหล่อนเผลอหลุดปากบอกไป

“ยังไงคะคุณเพ?”
ปรียดาถามย้ำ เมื่อเห็นหล่อนนิ่งไป

“เอ่อ..อื้ม ช่างมันเถอะค่ะ เอาเป็นว่าพูดจาทุเรศ น่าเกลียด คนดีๆอย่างคุณดาไม่ควรจะได้ยิน เดี๋ยวเสนียดติดหู นอนไม่หลับกันเปล่าๆ”

เพทายตอบตะกุกตะกัก นัยน์ตามีพิรุธ คำกล่าวแฝงนัยซ่อนเร้นทำให้ปรียดาเริ่มสงสัย

“เรื่องอะไรคะ เกี่ยวกับดารึเปล่า บอกมาได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ ดารับได้”
“รับไม่ได้หรอกค่า..นายนั่นมันบอกว่าคุณดา..อุ๊บ!”เพทายรีบเอามืออุดปาก ก่อนจะรีบแก้

“ไม่ใช่ค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณดาสักนิด ไม่เกี่ยวเลยจริงๆนะคะ เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า”

เพทายเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง เมื่อสำเหนียกได้ว่าตัวเองซ่อนพิรุธไม่แนบเนียน ทว่าหล่อนกลับหนีเสือปะจระเข้ เมื่อสายตาเจ้ากรรมดันมาปะทะกับชายหนุ่มตรงประตูทางออก

และนั่นก็ทำให้หล่อนแทบระเบิด เมื่อเขาส่งยิ้มยียวนกลับมาให้ นัยน์ตามีแววขบขัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววดูถูก พร้อมส่ายหน้าเมื่อมองเลยมายังเจ้าสาว

ปรียดาโชคดีที่ไม่ได้เห็นแววตาชนิดนั้น เพราะหล่อนกำลังจดจ้องจะเอาคำตอบจากเพทาย ส่วนเมรีก็กำลังรอฟังคำอธิบายของเพื่อนซี้อยู่เช่นเดียวกัน

“นั่นไง เอาอีกแล้ว เขายั่วโมโหฉันอีกแล้ว”
เพทายหันกลับมาบอกสาวสวยทั้งสองคน หน้าตาแดงก่ำ

“อะไรของเธอ..ใครยั่วโมโห”
เมรีขมวดคิ้วมุ่น ชักนึกเป็นห่วงอาการเพื่อนซี้ขึ้นมารำไร

“เธอก็หันไปดูซี เขายืนทำหน้ากวนประ..อ้าว”

เพทายกลืนคำพูดลงคอแทบไม่ทัน เมื่อชี้นิ้วพลางหันกลับมาทางเดิม พบแต่ความว่างเปล่า ไม่เหลือแม้แต่เงาของหมอผีปากจัดผู้นั้นอีกแล้ว

“หายไปไหนแล้วเนี่ย..ไวจริง!”

“คุณเพคะ..บอกมาเถิดค่ะ เขาว่าอะไรดา?”

ไม่ทันหายฉุน เพทายก็หันกลับมาเจอคำถามเดิมของเจ้าสาว หล่อนเกือบจะจนมุมสายตาคาดคั้นคู่นั้น ก็พอดี นลัศเดินยิ้มกลับมา เขาถามเสียงสดใส

“มีใครอยากไปไหนต่อไหมครับ ราตรีนี้ยังอีกยาว..”

นั่นแหละเพทายถึงได้ลอบถอนหายใจพรืดใหญ่ โล่งอกที่ไม่ต้องนึกเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของปรียดา

หากหล่อนรู้ว่าชัดเจน พูดถึงหล่อนไว้ว่าอย่างไรบ้าง..ราตรีนี้คงไม่มีทางสงบสุขแน่นอนทีเดียว


รถญี่ปุ่นของเมรีเคลื่อนไปตามท้องถนนช้าๆ คู่บ่าวสาวแยกกันไปอีกทาง เมื่อลงมติกันแล้วไม่มีใครอยากท่องราตรีต่อเลยสักคน เหล่าแขกวีไอพีอย่างเมรี เพทาย และเปี่ยมรัก ก็อยากจะเปิดโอกาสให้ข้าวใหม่ปลามันเขาได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง มากกว่าจะชวนเที่ยวเฮฮาเป็นโขยง

เพทายกำลังจะระบายอารมณ์เรื่องหมอชัดเจนกับเพื่อนสาวต่อ ทว่าเมื่อชะโงกหน้าไประหว่างคนขับ กับสาวหุ่นเพรียวที่นั่งข้างกัน เพทายก็ต้องระงับความตั้งใจไว้เพียงแค่นั้น เปี่ยมรักนั่งกอดกล่องของขวัญไว้แนบแน่น นัยน์ตากลมสวยเลื่อนลอย เหมือนร่างไร้วิญญาณ คุณหมอสาวคงไม่มีแก่ใจมาฟังความทุกข์ร้อนของหล่อน หรืออีกนัยหนึ่ง เพทายก็ไม่อยากให้รุ่นน้องต้องมารับทุกข์เพิ่มจากเรื่องของนายหมอผีคนนั้นอีก

“เอาน่า...ของขวัญนี่ค่อยให้ย้อนหลังก็ได้ เดี๋ยวเราก็ต้องเจอกับคุณเต้เขาอยู่ดี”
รุ่นพี่ผู้ใจดีถึงแม้จะปากร้ายเอื้อมมือไปแตะไหล่สาวหน้าจ๋อยอย่างจะปลอบใจ
“ให้วันนี้กับให้ย้อนหลัง ความรู้สึกมันต่างกัน..พี่เพไม่เข้าใจหรอก”
เพทายชะงัก เมื่อได้ฟังคำย้อนของคุณหมอจอมรั้น หล่อนเริ่มหัวเสียขึ้นมาอีก

“คุณเต้เขาเลือกคนไข้น่ะถูกแล้ว หรือเธอจะปล่อยให้เขาตายได้ลงคอ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเปี่ยมรัก หล่อนเบี่ยงหน้าไปมองนอกหน้าต่าง

รถญี่ปุ่นยังคงแล่นต่อไป ท่ามกลางความเงียบของคนทั้งสาม


วันนี้ชัดเจนออกตรวจคนไข้แต่เช้า ช่วงบ่ายก็รีบเคลียร์เคสผ่าตัดที่เตรียมไว้ให้เสร็จ เย็นนี้เขาไม่ได้อยู่เวร พอหมดเวลาราชการชายหนุ่มก็รีบตรงดิ่งกลับบ้านโดยไม่แวะที่ไหนเลย ผิดกับวันอื่นๆซึ่งเขามักจะขลุกตัวอยู่ในโรงพยาบาลรัฐ บ้างก็ไปรับจ๊อบตามโรงพยาบาลเอกชน หรือไม่ก็ประจำอยู่ที่คลินิก หากแต่วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับเขา

พ่อสัญญาว่าจะอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันที่บ้าน หลังจากแทบไม่ได้พบหน้ากันเลยตลอดหกเดือน สองวันก่อนผู้เป็นบิดาโทรสายตรงมาจากระยอง ชัดเจนดีใจจนพูดไม่ออก เมื่อรู้ว่าพ่อจำได้ เสียงพ่อฟังดูอบอุ่นที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา

“ศุกร์นี้เป็นวันเกิดแกใช่ไหม..พ่อจะกลับไปฉลองวันแก่ของแกที่บ้าน ปีนี้จะสามสิบแล้วนี่”

เขาจำได้ว่ารู้สึกยินดี และประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่ก็ตอบรับพ่อแค่เพียงสั้นๆ ตามความเคยชิน
“ครับพ่อ..แล้วผมจะคอย”

พ่อคงอึ้งไปเหมือนกัน คงคิดว่าเขาจะแสดงน้ำเสียงดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น และเอ่ยคำพรรณนาขอบคุณอีกมากมาย ตามประสาลูกชายคนเดียวที่กำลังจะได้รับโอกาสพิเศษแบบนานทีปีหนจะพึงมี แต่พอได้ยินเขาตอบกลับแค่นั้น พ่อก็ไม่พูด ไม่ถามอะไรอีก ก่อนจะวางสายไปเงียบๆ

ชัดเจนลงจากรถยุโรปที่เพิ่งจอดสนิทในโรงรถใต้หลังคาด้านข้าง เขาเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านเดี่ยวสองชั้น ด้วยความรู้สึกผิด เมื่อนึกย้อนไปแล้วคิดว่าควรจะพูดกับพ่อในโทรศัพท์ให้ดีกว่านั้น เขารู้ว่าพ่อคงเสียใจ ทว่ากำแพงบางอย่างที่เขาสร้างไว้ มันบังคับให้พูดออกไปได้เพียงแค่นั้นจริงๆ

ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เห็นไฟปิดสนิทหมดทุกดวง ไม่มีวี่แววของ..พ่อ ผู้กำลังรอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อ ชัดเจนนึกปลอบตัวเอง ว่าผู้เป็นบิดาคงยังมาไม่ถึง หรืออาจมีเซอร์ไพรส์ให้เขาประหลาดใจสมกับเป็นวันเกิดสุดพิเศษ เช่น มีเสียงเพลงแฮ็ปปี้เบิร์ดเดย์ดังตามมา เมื่อเขาเดินต่อไปอีกสามสี่ก้าว ท่ามกลางแสงเหลืองนวลของเปลวเทียนน้อยๆ ในจานเค้กก้อนใหญ่ โต๊ะอาหาร ที่มีเมนูหลากหลายเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว

เขาไม่ได้เผื่อใจเลยสักนิด ว่าตัวเองต้องผิดหวังอีกไม่รู้รอบที่เท่าไหร่..

เขาพบกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งแปะอยู่บนผนังตู้เย็น ชัดเจนเปิดไฟในครัวให้เห็นตัวอักษรในนั้นอย่างถนัด และเพื่อตอกย้ำว่าเขาไม่ได้ตาฝาด

เสียใจที่อยู่ฉลองวันเกิดแกไม่ได้..พรรณีป่วยหนัก พ่อต้องรีบกลับระยอง พาเขาเข้าโรงพยาบาลด่วนที่สุด

ชัดเจนค่อยๆถอนสายตาออกจากกระดาษแผ่นนั้น แผลเก่าถูกกรีดลงซ้ำที่เดิม เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ไม่มีแม้แต่น้ำตาจะไหล เขาขยำกระดาษจนอัดแน่นเป็นก้อนกลมเล็กนิดเดียว ก่อนจะปาลงบนพื้น ใช้ฝ่าเท้าบดขยี้ซ้ำไปซ้ำมาจนสาแก่ใจ

พรรณี คือชื่อ แม่เลี้ยงของเขา เธอเป็นสาวสะพรั่ง อายุอานามห่างจากบิดาของเขาเกือบยี่สิบปี เธอคนนี้เข้ามาแทนที่มารดาตัวจริง ผู้ที่เขาไม่เคยเห็นหน้า หนำซ้ำยังได้รับข่าวลือว่า ทิ้งลูกชายคนเดียวไปอยู่กับสามีใหม่ ตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้

ชัดเจนไม่เคยรู้ความเป็นไปของมารดา นอกจากข่าวลือ ไม่รู้กระทั่งว่า มารดายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่..

แต่สิ่งที่เขาจำได้ชัดเจนยิ่งกว่าชื่อของตัวเอง นั่นก็คือ พ่อ..เคยรักและดูแลเขายิ่งกว่าชีวิตของพ่อเอง เราสองคนพ่อลูกดิ้นรน และอยู่รอดมาได้อย่างสมควรแก่ฐานะ เมื่อครั้งเยาว์วัย เขาจำได้ว่ามีชีวิตอย่างเป็นสุข สะดวกสบาย พ่อไม่ได้ร่ำรวยอย่างมหาเศรษฐี แต่การงานก็มั่นคง มีหน้ามีตา พ่อเป็นนายช่างใหญ่ประจำบริษัทประกอบเครื่องจักรกล ซึ่งทำธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เรียนจบโดยตรงมาทางวิศวกรรม เกี่ยวกับเครื่องจักร พ่อเลี้ยงดูเขาให้มีกินมีใช้ ส่งเสียให้เรียนโรงเรียนดีๆ กระทั่งเขาอายุได้สิบขวบ พ่อก็ได้ พรรณี ผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้า ซึ่งไม่รู้ว่าไปเก็บมาจากสถานเริงรมย์แห่งหนตำบลไหน แต่พ่อกับรับเข้ามาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา เป็นสมาชิกคนสำคัญของตระกูล..สำคัญยิ่งกว่าเขา ผู้เคยเป็นลูกชายหัวแก้วเสียอีก

นับตั้งแต่วันที่ผู้หญิงคนนี้ก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างพ่อกับเขา ...เวลา ความรัก ความเอาใจใส่ ที่พ่อเคยมีให้ ก็สูญหายไปจากชีวิตของเขาแทบหมดสิ้น ด้วยความที่บริษัทของพ่อ ได้แตกแขนงกิจการออกไปมากมาย ทำให้พ่อต้องเดินทางไปทำงาน ไปตรวจเครื่องตามโรงงาน ทั้งต่างจังหวัด และต่างประเทศ อีกทั้งยามว่างจากภาระหน้าที่ พ่อก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับภรรยาวัยละอ่อน จึงไม่มีเศษเสี้ยววินาทีกลับมาสนใจดูแลเขาเหมือนเก่า สิ่งที่พ่อให้ได้อย่างเดียว คือเงิน พ่อให้เขามากที่สุดเพื่อทดแทนส่วนที่ขาดหาย ซึ่งเขาอย่างจะบอกพ่อเต็มทนว่า มันแทนกันไม่ได้เลยสักนิด

ชัดเจนค่อยๆปิดประตูเมื่อเดินพาร่างและหัวใจอันสิ้นหวังมาถึงในห้องนอน พ่อผิดสัญญาอีกตามเคย ต่อไปนี้เขาควรจะย้ำเตือนตัวเองได้แล้ว ว่าไม่ควรจะหวังอะไรกับคำพูดของพ่ออีก..เสียเวลา เสียกำลังใจเปล่าๆ

ชายหนุ่มหยุดพักยืน ใช้ฝ่ามือยันไว้กับโต๊ะเขียนหนังสือ ประคองกายให้พอทรงตัวอยู่ได้ ก่อนที่จะทรุดลงไปเพราะกำลังใจแทบไม่มีเหลือ

รู้สึกสงสารตัวเองนักหนา..ถ้าเป็นละครน้ำเน่า เขาควรจะรักแม่สุดหัวใจ และเกลียดแม่เลี้ยงสุดชีวิต ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริง เขาเกลียดพรรณี ภรรยาใหม่ของพ่อ แต่กลับทำใจให้รักแม่ไม่ได้เลย ในเมื่อแม่แท้ๆ ไม่เคยแสดงความรัก ไม่เคยมาดูดำดูดีเขา อย่างคนเป็นแม่พึงกระทำ

เขาเคยเกลียดผู้หญิงเกือบทุกคนในโลก ยกเว้นย่าละไมของเขา ช่วงที่พ่อมีความสุขอยู่กับเมียใหม่ เขาก็มีย่าเพียงคนเดียว ที่รักและห่วงใยไม่เคยห่าง เมื่อพ่อเริ่มออกไปจากชีวิต ย่าละไมก็เปรียบเสมือนพ่อคนที่สอง แทนที่พ่อคนเก่า ย่าละไมทำให้เขารู้ว่า ผู้หญิงก็มีหัวใจ มีความเอื้ออาทรและรักเป็น

จนกระทั่งย่าละไมของเขา เสียชีวิต เวลานั้นเขาแทบเป็นบ้า ย่าละไมหมดสตินอนคว่ำหน้าอยู่ตรงราวตากผ้าหลังบ้าน ขณะที่เขาเพิ่งตื่นขึ้นมา หน้าตางัวเงียในเช้าวันนั้น เขารีบพาย่าส่งโรงพยาบาล พ่อรีบกลับจากต่างจังหวัด แล้วตามไปทีหลัง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว แพทย์เวรในห้องฉุกเฉินวันนั้นได้ทำการกระตุ้นหัวใจ กู้ชีพย่าละไมของเขาอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่ทำให้ย่าลืมตาตื่นขึ้นมาคุยกับเขาได้อีก แพทย์บอกเขาว่า สรุปสาเหตุการตายไม่ได้ เขาก็ข้องใจอย่างหนักว่าทำไมถึงไม่รู้ และทำไมช่วยไม่ได้ จุดนั้นเองที่ทำให้เขามีแรงบันดาลใจอยากจะเรียนหมอ เพื่อจะได้ช่วยผู้คนให้รอดตาย แต่พอได้เรียน และจบเป็นหมอจริงๆ ถึงได้รู้ว่าหลายๆเคส แพทย์ก็จนปัญญา มีขีดการรักษามากที่สุดได้เพียงระดับหนึ่ง ถึงเข้าใจแพทย์เวรในวันนั้น ว่าเขาต้องกดดันแค่ไหน ที่มีเด็กหนุ่มผู้ไม่ประสีประสาคนหนึ่ง ไปยืนด่าสาดเสียเทเสียกลางห้องฉุกเฉินให้อายผู้คนในวันนั้น

หกปีก่อน หลังจากย่าเสียชีวิต เขาเคยมีโอกาสพบรักแท้กับผู้หญิงคนหนึ่ง รักกันจนเกือบจะได้แต่งงานกัน เขาคิดว่าชาตินี้คงไม่รักใครอีกแล้ว นอกจาก ปางทิพย์.. พยาบาลสาว ผู้อ่อนหวาน อ่อนโยน นิสัยดี เขารู้จักหล่อนตอนทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยร่วมกัน ชะตากรรมเล่นตลกกับเขา เมื่อก่อนวันแต่งงานเพียงวันเดียว ปางทิพย์ ก็มาด่วนจากเขาไป..หล่อนถูกรถชนตาย ดับอนาถคาที่ ไม่ทันได้ส่งถึงมือหมอ

ชัดเจนวางกรอบรูปสีชมพูหวานสมกับภาพผู้หญิงชุดขาวผมยาวประบา ที่ยืนยิ้มอ่อนละมุน ลงเบาๆ เลื่อนมันไปไว้ตรงมุมสุดของโต๊ะ ความทรงจำแสนดีไม่เคยลบเลือนจากใจ..เมื่อผิดหวังจากปางทิพย์ ผู้หญิงคนแรกของเขา ชัดเจนก็ไม่คิดมีรักใหม่กับใครอีกเลย

แต่แล้ว สองปีถัดมา เขาก็มีรักครั้งใหม่เข้าจนได้ เธอเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับสุขภาพทางโทรทัศน์คนหนึ่ง รู้จักกัน เมื่อเขาถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ปัญหาสุขภาพ เปรมฤดี เป็นลูกผู้ดีเก่า ฐานะทางบ้านร่ำรวยเข้าขั้นมหาเศรษฐี เธอกับเขาเข้ากันได้ดี เปรมฤดีเป็นผู้หญิงฉลาดพูด ฉลาดคิด และมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม ทว่าเธอกลับทำให้ภาพพจน์ของตัวเองพลิกผัน เมื่อเธอกับเขาต้องเลิกรากันไป ด้วยเหตุผลที่ว่า พ่อแม่เลือกคู่ครองไว้ให้แล้ว เป็นคนที่มีหน้าตา ฐานะ และอยู่ในสังคมชั้นสูงระดับเดียวกับเธอ พ่อเธอห้ามไม่ให้ข้องเกี่ยวกับเขา ซึ่งเป็นชนชั้นกลาง ไม่ใช่ผู้ลากมากดีมีสกุลที่ไหน

ชัดเจนผิดหวังในตัวเปรมฤดีมาก ไม่คิดว่าเธอจะยอมให้พ่อแม่จับคลุมถุงชนง่ายๆ โดยที่เธอยังไม่ได้ปรึกษาเขา ร่วมหาทางออกด้วยกันแม้แต่ครั้งเดียว นับจากนั้นเธอจึงกลายเป็นผู้หญิงโง่คนหนึ่งในสายตาเขา

ชัดเจนวางกรอบรูปสีแดง ที่มีภาพหญิงสาวตาคมเฉี่ยว บุคลิกมาดมั่น ลงที่เดิม เขาเกือบจะลืมเธอได้แล้ว หากไม่มีกรอบรูปใบนี้วางสะกิดตาสะกิดใจเขาอีก ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา เตรียมเอาลงไปทิ้งในถังขยะเทศบาลหน้าหมู่บ้าน

เขาไม่ควรไปหวังอะไรกับพวกผู้หญิง ไม่ควรไปหวังอะไรกับความรัก ที่ไม่เคยมีอยู่จริง เลิกคิดถึงการสร้างครอบครัว สร้างอนาคตกับใครสักคน เสียที

ชัดเจนกำลังจะถือกรอบรูปของเปรมฤดีลงไปทิ้งอย่างที่ตั้งใจ แต่ก็เดินสะดุดอัลบั้มภาพถ่ายที่เผอิญหล่นลงมาจากชั้นวางหนังสือพอดี อัลบั้มเล่มเล็กถูกลมพัดให้เปิดออก ชายหนุ่มเห็นภาพผู้หญิงที่มีพร้อม ทั้งหน้าตา รูปร่าง อันทรงเสน่ห์ มีพลังดึงดูดเพศตรงข้ามยิ่งกว่าเปรมฤดี แถมยังมีหน้าที่การงาน เท่าเทียมกับเขา ชัดเจนเหยียดยิ้ม นัยน์ตามีประกายบางอย่างผิดแปลกไป เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมา เอ่ยด้วยเสียงเหยียดหยันราวกับกำลังพูดต่อหน้าตัวจริง

“เพลงฟ้า..คุณเป็นผู้หญิงที่ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน!”

เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น ดึงเขาออกมาจากห้วงภวังค์ ศิระเอ่ยทักเข้ามาทันทีที่เขากดรับ

“แฮปปี้วันแก่นะเว้ยเพื่อน เย็นนี้ฉลองกับใครรึเปล่าวะ”

ชัดเจนน้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว...ยังมีคนสนใจเขา..ยังมีคนจำวันเกิดเขาได้
“เฮ้ย..เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่ตอบ”

ศิระเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น ถามอย่างเป็นห่วง ชัดเจนถึงกับต้องเบี่ยงหูออกจากโทรศัพท์
“ตะโกนทำไมวะ หูแทบแตก..เออ อย่างฉันเนี่ยนะจะมีใครฉลองด้วย..”
“ถ้างั้นฉันขอจองตัวเลยละกัน..วันนี้เต็มที่ เลี้ยงเอง จ่ายไม่อั้นเว้ยเพื่อน”

ชัดเจนเงียบไปอีก เพื่อเก็บกลั้นอารมณ์บางอย่าง

“เฮ้ย อย่าเล่นตัวนักซีวะ..จะไปไม่ไปรีบบอกมา”
ศิระเริ่มหมั่นไส้เพื่อนสนิท ทว่าชัดเจนกลับตอบเสียงจริงจัง ไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย

“ขอบใจนะเต้..แกเป็นคนแรกที่ชวนฉัน”













ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ค. 2555, 22:11:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ค. 2555, 23:13:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1753





<< บทที่๒ หมอผี ๒/๒   บทที่ ๓ ความหลังของศัลยแพทย์ ๒/๒ >>
sai 25 ก.ค. 2555, 22:37:20 น.
น่าสงสารจริงๆคุณหมอ


ศิลาริน 25 ก.ค. 2555, 22:40:17 น.
ดีใจที่มีคนสงสารคุณหมอเขาบ้าง นึกว่าจะมีแต่คนเกลียด ^^


sai 25 ก.ค. 2555, 22:49:29 น.
จริงๆก็เกลียดปากแกอยู่แหละค่ะ ปากคุณท่านจัดซะขนาด แต่ปมชีวิตก็น่าเศร้าซะ


mhengjhy 25 ก.ค. 2555, 22:54:42 น.
สงสารคุณหมอด้วยคนค่ะ คนเรายืนกันอยู่คนละมุมจริงๆ


ศิลาริน 25 ก.ค. 2555, 23:15:13 น.
^___^


ศิลาริน 25 ก.ค. 2555, 23:15:52 น.
ปล.หมอศัลย์บางคนปากจัดกว่านี้อีกค่ะ แค่นี้ยังถือว่าเด็กๆ 55


หมีสีชมพู 25 ก.ค. 2555, 23:58:34 น.
ปมชีวิตน่าสงสาร

แต่เวลาอ้าปากพูดมานี่น่าตบจริงๆ


wane 26 ก.ค. 2555, 02:58:57 น.
555+ เห็นด้วยกับคุณหมีสีชมพู


ศิลาริน 28 ก.ค. 2555, 04:24:15 น.
555 รู้สึกจะมีแต่เคนเกลียดขี้ปากนายชัดเจน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account