ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: เคลียร์


หลังจากที่เราจูบกันสัักพัก ฉันก็เบี่ยงหน้าออกจากริมฝีปากของเขา แล้วแสร้งพูดเรื่องอื่นกลบความอาย

“เมื่อเย็น…คุณไปไหนมาเหรอคะ”

แต่เขากลับใช้จมูกโด่งๆคลอเคลียไปทั่วใบหน้า ฉัน….เอ่อ…ฉันทำตัวไม่ถูกเลย

“อืม…ไปคุยกับคุณปริญญาน่ะ ไม่เอา…ไม่พูดเรื่องงาน ผมเหนื่อย” เขาพูดเสียงออดอ้อน

ฉันทำท่าจะลุกออกจากเตียง เพราะทนสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหว ใจมันเต้นแรง และสั่นไปทั้งตัว

“จะไปไหน” คุณนรินทร์กอดเอวฉันไว้แน่น และกระชับอ้อมแขนให้หนักกว่าเดิม

“เลิกดื้อเสียที ตามใจผมบ้าง” พูดเสร็จก็หอมฉันเบาๆ แล้วเอาหน้าซุกไซ้ที่ต้นคอ

ฉันดิ้น ต่อต้าน เพราะมันจั๊กจี้

“คุ…คุณ ทานข้าวยังคะ เดี๋ยวฉันไปเตรียมให้”

เขามองฉันอย่างรู้ทัน ให้ตายเถอะ!

“ทานแล้ว แต่อยากกินของหวาน”

ฮ้า! ยังพอทึ่มอยู่นิดหน่อย

ฉันยิ้มเอาใจ “เดี๋ยวลงไปหามาให้นะคะ….อุ๊บ” แต่ทันทีคุณนรินทร์ก็บดริมฝีปากจูบลงมาอย่างหนักหน่วงอีกครั้งแล้วครั้งเล่า

“ก็กินอยู่นี่ไง ขอร้องเถอะ ผมเป็นสุภาพบุรุษกับคุณในห้องนี้มานานพอแล้ว” ฉันไม่สามารถต่อต้านได้อีกแล้ว เมื่อเขากดริมฝีปากอุ่นๆจูบไปทั่วใบหน้าและซอกคอ
และก่อนที่ฉันจะหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด คุณนรินทร์ก็หยุดทุกอย่างลง ฉันถอนหายใจโล่งอกโดยแรง

นี่….พอเขาเลิกเป็นประธานบริษัทสุดโหด แล้วมาเป็นแบบนี้แทน…ฉันว่ามันก็น่ากลัวพอกัน

แต่เขายังคงกอดฉันไว้เช่นเดิมและมองฉันเหมือนจะสำรวจอะไรสักอย่าง

“คะ?” ฉันถามอย่างเจียมตัว กลัวเขารุกเร้าอีก

“เขินเหรอ เห็นตัวคุณแดงซ่านไปหมด แถมไม่ยอมสบตาผมอีก”

คนบ้า…ก็แน่ล่ะสิ “ฉันไม่เคยโดนใครทำแบบนี้นี่”

เขาหัวเราะพอใจ “ดี ผมชอบ”

“หึ แต่คุณคงช่ำชองมากสินะคะ”

แล้วปลายจมูกโด่งก็ลูบไล้ไปทั่วแก้ม

“นิดหน่อย นี่ผมยังไม่เอาจริงนะ แค่ทดลอง”

ฉันตกใจผลักใบหน้านั้นออก

“คุณ เคย เรื่องอย่างว่า เหรอคุณนรินทร์???”

เขามองฉันอย่างตลกขบขัน

“ตอนอยู่เมืองนอกมันก็ต้องมีบ้าง ผมเป็นผู้ชายนะ”

มันก็อาจจะจริง สังคมโลกพัฒนาไปมาก เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่คงคิดว่าเรื่องแบบนั้นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่….และโดยเฉพาะคุณนรินทร์ที่เคร่งขรึมและทำแต่งาน ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีประสบการณ์…แบบนั้น

“ทำไม…ไม่พอใจเหรอ” เขาคงเห็นฉันหน้าหงิก

“เปล่าค่ะ…แค่ไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะ…”

เขากดศีรษะฉันให้ซบอกอุ่นๆ

“ผมไม่ได้เป็นเหมือนคนทั่วไปหรอก ผมมีอะไรกับคนที่ผมรักเท่านั้น แล้วผู้หญิงฝรั่ง…ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ แต่ผมมีคนเดียวนะตอนอยู่ที่นั่น”

ฉันยิ้ม…พอใจกับคำตอบ

“อืม…ผมไปอาบน้ำดีกว่า เหนื่อยมาทั้งวัน”

พอเขาคลายอ้อมกอด ฉันก็รีบลุกออกจากเตียงทันที แต่ก็ถูกเขารั้งไว้จากด้านหลัง

“อะไรอีกคะ ไหนบอกเหนื่อย”

“ก็เหนื่อย แต่พอกอดคุณแล้วชื่นใจ อะนี่…ผมซื้อให้”

คุณนรินทร์ล้วงอะไรกุกกักออกจากกางเกง แล้วยื่นส่งมาจากด้านหลัง

กล่องขนาดกะทัดรัด ห่อสวยงาม พร้อมริบบิ้น นี่มัน….กล่องในกระเป๋าเป้เขานี่นา

ฉันรับมาด้วยความประหลาดใจ

“ผมกะจะให้คุณหลังจากเราทานไข่ยัดไส้ แล้วบอกคุณว่าผมรู้สึกยังไง…เปิดสิ”

อย่างนั้นเหรอ…ฉันค่อยๆแกะกล่องออกอย่างทะนุถนอม แล้วฉันก็ได้เห็น…

“อะไรคะ” ฉันงง

“อ๋าว…ดูไม่ออกเหรอ ต่างหูไง” เสียงเขาเหมือนผิดหวัง

ฉันมองตัวอักษรสีใสแวววาว ขนาดจิ๋ว เป็นตัว N ตัวหนึ่ง กับ S ตัวหนึ่ง

“อะ…เหรอคะ…ตอนแรกฉันคิดว่าตัวอักษรเฉยๆ ก็งงว่าคุณให้มาทำอะไร”

เขาขำ “ม่ายช่าย…ต่างหูข้างนึงเป็นตัวแรกของชื่อผม อีกข้างก็ชื่อคุณอย่างไรล่ะ ผมต้องดูกำกับแทบทุกเย็นว่าถูกไซส์กับแบบที่ผมคิดหรือเปล่า”

“อ๋อ…ที่คุณบอกว่าไปธุระตอนเย็นบ่อยๆนั่นเหรอคะ แหม…คุณนี่ก็…โรแมนติกเหมือนกันนะ ฉันรับไม่ค่อยได้อะค่ะ ฮ่าๆๆๆ” ก็มันน่าขำจริงๆ คนขี้เก๊กอย่างเขาเนี่ยนะ

เขาทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ทำไม…มันน่าขำตรงไหน”

ฉันหันไปมองเขาที่ทำหน้าโกรธ แล้วเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“เปล่าค่ะ ฉันชอบ ขอบคุณมากนะคะ”

เขายังคงทำหน้าเข้มอยู่อย่างนั้น…อ่านะ…ก็ยังเรื่องมากเหมือนเดิม “ไม่เอาคำขอบคุณ เอาอย่างอื่น”

“อะไรล่ะคะ….” ฉันพูดเสียงอ่อนเพราะเริ่มกลัว

เขายื่นหน้ามากระซิบข้างหู “อาบน้ำกับผม”

ฉันขนลุก….แล้วก็ ป้าบ!!!!!!

“โอ๊ย!!!!! ทำอะไรน่ะ ผมเจ็บนะ….”

คุณนรินทร์ปล่อยวงแขนจากตัวฉัน แล้วเอามือกุมแก้มแดงๆของตัวเองที่พึ่งโดนฉันเอาฝ่ามือตบเข้าสองกระพุ้งแก้มอย่างแรง

ฉันลุกขึ้นหนีออกมา ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วล็อคประตู แล้วตะโกนออกมาดังๆ

“ไปอาบกับคุณรันไป๊ อีตาลามก!!!”




เมื่อคืนเราได้คุยกันในหลายๆเรื่อง หลังจากฉันห้ามเด็ดขาดไม่ให้เขาพูดอะไรทะลึ่งๆอีก เขาบอกฉันว่าวันที่เกิดเหตุเขากำลังจะรีบกลับมาทานไข่ยัดไส้ของฉันแล้ว แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน พอเขากลับมา จุ๋มกับดำ บอกว่าฉันออกมาเดินเล่นนานแล้ว วันนั้นเขามีเรื่องสำคัญจะบอกฉัน แต่อยู่ดีดี ถวิกาก็โผล่เข้ามาในบ้านพร้อมขู่จะกรีดข้อมือตัวเอง ช่วงเวลาเดียวกับที่คุณจิทัศน์โทรเข้ามือถือเขา แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นอย่างที่รู้ๆกันอยู่

นั่นล่ะเราเลยตื่นสาย เกือบไปทำงานไม่ทัน ฉันรีบแต่งตัว ขณะที่เขาก็กำลังใส่เชิร์ต ใส่สูท

“สิดี ผูกไทให้ผมหน่อยสิ”

ฉันรีบหวีผม แล้วเดินหาเขา ที่กำลังฉีดน้ำหอมและหวีผม

“เอ่อ…ขอฉันนึกแปปนะคะ ไม่ได้ ผูกนาน….อ่อ…” แล้วฉันก็ผูกให้อย่างชำนาญ

เขาโอบตัวฉันให้ชิดตัวเอง ก่อนจะมองฉันนิ่งๆ

“ผูกให้ผมทุกวันได้หรือเปล่า”

คือ…ฉันไม่ค่อยชินที่เขาพูดอะไรแบบนี้เลยแฮะ เลยอายจนต้องก้มหน้ามองพื้น

“อ๊อก….สิ…ดี…”

เสียงคุณนรินทร์เหมือนคนหายใจไม่ออก

“หวายตายแล้ว! โทษทีค่ะ” ฉันรีบรูดไทให้หลวมขึ้น เนื่องจากมันรัดคอของเขามากไป

“จะฆ่าผมให้ตายหรือไง…” เขาตัดพ้อ แล้วเราก็รีบไปทานอาหารเช้าที่มีคุณรันนั่งกระหยิ่มยิ้มย่อง คอยแซวนู่น แซวนี่ จนคุณนรินทร์ต้องปราม

“คุณแม่ครับ สงสัยรันมันอิจาผมที่มีคู่แล้ว คุณแม่หาให้มันสักคนสิครับ น้องสร้อยก็ดีออก….”

คุณรันเบะปาก ส่ายหน้า “หวา…ไม่เอา…ผมเจอแล้ว รายนั้นอย่างกับตู้เพชรเคลื่อนที่….”
คุณแม่ทำท่ากระตือรือร้น ขณะที่คุณพ่ออ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ได้ใส่ใจอะไร

“งั้นหนูธิดาดีไหมตารัน ไป…วันนี้ไปบ้านคุณหญิงทิพย์วดี กับแม่”

แล้วคุณพ่อที่เงียบมานานก็หัวเราะขึ้น “พ่อว่า…รายนี้เหมือน ลำโพงเคลื่อนที่แฮะ”

ทำเอาคุณรันกับคุณนรินทร์ขำไม่หยุด มีคุณแม่คนเดียวที่หน้าง้ำ

ฉันมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสบายใจ

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารแบบนี้ ฉันจะได้เห็นและมีส่วนร่วมตลอดไปสินะ….

จากนั้นฉันกับคุณนรินทร์ก็ไปทำงานกันเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกของเราสองคนเปลี่ยนไป ต่อไปนี้…ม่านบางๆที่คอยกั้นเราสองคนไว้ จะไม่มีอีกแล้ว

“ทำไมคุณเชื่อใจจิทัศน์ล่ะ ทำไมกลับมากับมัน” เขาพูด เหมือนจะโมโหนิดๆ ขณะพาฉันมาทานอาหารกลางวันข้างนอก

“ปลานี่อร่อยจัง….คือ…คุณนรินทร์คะ เพื่อนคุณเป็นคนดีนะคะ”

เขาวางส้อมทันที และชักสีหน้าไม่พอใจ

“ถ้าเปรี้ยวกว่านี้ล่ะก็….เอ่อ…ฟังเหตุผลฉันก่อนนะคะ ที่สำคัญเขาบอกว่าเรื่องคุณถวิกา เขาหลงรักเธอจริง และกว่าจะรู้ตัวว่าได้ทำร้ายคุณมันก็สายไปแล้ว ที่สำคัญคุณถวิกาเข้าหาคุณจิทัศน์ก่อนนะคะ”

ฉันจ้องดูปฏิกิริยาตอบโต้จากเขา

“พูดต่อสิ”

“ค่ะ…เขาบอกกับฉันว่า เขาเข้าใจที่คุณโกรธเขา และยิ่งทั้งสองบริษัทต้องทำธุรกิจแข่งกันเช่นนี้ เขาเลยยิ่งเป็นศัตรูกับคุณเรื่อยๆ แต่คุณจิทัศน์บอกฉันเองค่ะว่า…เขายังคงคิดว่าคุณเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง แกงนี่เผ็ดไปหน่อยนะคะ…ซี้ด”

“ดื่มน้ำเสียสิ แล้วคุณก็เชื่อมัน ด้วยเหตุผลแค่นั้น? ถ้าจิทัศน์จริงใจจริง ช่วงเวลานั้น เขาต้องโทรมาหาผมบ้าง แต่เขาไม่เลย…เขาออกงานสังคม ควงให้ผมเห็นทุกวันตามหน้าหนังสือพิมพ์”

ฉันดื่มน้ำอึกใหญ่

“คุณนรินทร์คะ…คุณถวิกาสลัดเขาด้วยเหตุผลที่ว่าเธอยังรักคุณ คุณจิทัศน์ยอมปล่อยเธอและหวังว่าคุณจะคืนดีกับเธอ และตลอดเวลาที่เขาลงมาภูเก็ต เขาพยายามห้ามเธอไม่ให้ยุ่งกับเรา เขาพาฉันกลับกรุงเทพฯ โดยปลอดภัย และตลอดทางเขาพร่ำให้กำลังใจฉันว่า คุณไม่ได้รักถวิกาเลย คุณรักฉัน…เขาไม่เคยทำร้ายเราเลยนะคะ เขาปกป้องคุณตลอดเวลา”

คุณนรินทร์เงียบ เขี่ยกุ้งในจานแบบไม่ใส่ใจ

“….ทำไมยังไม่หายเผ็ดล่ะนี่…”

“จิทัศน์บอกเหรอ…ว่าเขายังคิดว่าผมเป็นเพื่อน”

อืม….เริ่มคิดได้บ้างแล้วสินะ แล้วฉันก็นึกอะไรบางอย่างออก

“ค่ะ…คุณนรินทร์คะ ฉันจำได้ว่า เคยเห็นรูปของคุณกับเขาสมัยเด็กตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานของคุณจิทัศน์”

เขาถอนหายใจยาว

“เราเป็นญาติห่างๆกัน ผมกับเขารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ”

ค่ะ ข้อนี้ฉันรู้แล้ว…น้องสาวคุณทวด อะไรสักอย่าง….

“เราสนิทกันมาก รู้จักนิสัยของกันดี เรามีชีวิตคล้ายๆกัน ชอบอะไรคล้ายๆกัน เรียนจบที่เดียวกัน…แต่ตระกูลสิทราไม่ได้เข้มงวดเหมือนนราธร จิทัศน์จะเรียนอะไรก็ได้ จริงๆเขาอยากเป็นทูต เขาไม่ต้องรับช่วงต่อของบริษัทก็ได้ถ้าเขาต้องการ แต่เขา…”

เหมือนคุณนรินทร์กำลังขมขื่น

“เขายอมเรียนวิศวะเป็นเพื่อนผม…เขาบอก…ไม่อยากให้ผมทนอยู่คนเดียว”

คุณนรินทร์คงอยากเก็บความทรงจำดีดีนั้นไว้ และไม่อยากให้เรื่องบาดหมางทำลายมัน เขาเสมอง ออกไปนอกร้าน เหมือนจะกลืนกินความรู้สึกทุกอย่างลงไป
“เพราะอย่างนี้….ผมถึงเสียใจมาก”

ฉันมองชายหนุ่มตรงหน้า เขาหยิ่งผยอง ถือทิฐิ และไม่ให้อภัยเพื่อนที่ดีที่สุดเพียงคนเดียวของเขา และการกระทำนั้นคงย้อนกลับมาทำร้ายคุณนรินทร์เสียเอง

ฉันเลื่อนมือไปกุมมือของเขาไว้

“คุณ…ลืมเปิดโอกาสให้เขาได้ขอโทษหรือเปล่าคะ”

เขาหันมาตอบฉันด้วยแววตาเสียใจ

“ผม…ผมไม่ได้ลืม…แต่ผมไม่เคยเลยต่างหาก”

ตรูดดดดดดดด

เสียงมือถือคุณนรินทร์ดัง

“ครับ…” เขารับหน้าเครียด

“อย่างนั้นหรือครับ ขอบคุณมาก ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

เขาวางโทรศัพท์และหันมามองฉันด้วยความเจ็บปวด

“ไปกันเถอะ รู้ผลโรงแรมสิทราแล้ว”

อืม…ถึงเวลาที่เขาต้องตัดสินใจครั้งใหญ่แล้วสินะ

แล้วเราก็ออกมาจากร้านอาหาร แต่ฉันลืมถามอะไรอีกอย่าง…ไว้ค่อยเย็นนี้แล้วกัน

เรากลับมาที่บริษัทภายในเวลาไม่กี่นาที คุณนรินทร์ปิดห้องทำงาน ประชุมเครียดกับคุณปริญญาและกรรมการบริหารไม่กี่คน ระหว่างนั้นฉันก็นั่งทำงานตามปกติ

“สิดีจ๊า….” นลินเดินนวยนาดเข้ามา

ฉันละสายตาจากจอคอมหันไปทักทาย

“ไงนลิน วันนี้แต่งตัวสวยนะ”

เธออมยิ้ม “แหม จริงๆก็สวยทุกวัน นี่อ่าน ซ้อใหญ่ หรือยัง”

“อะไร? นิยายเหรอ ของอะไรล่ะ โกวเล้งหรือเปล่า” ฉันถามซื่อๆ

นลินหัวเราะลั่น พนักงานแถวนั้นที่ได้ยินก็ขำไปด้วย

“ซ้อใหญ่ คอลัมนิสต์ซุบซิบดาราและไฮโซอย่างดุเด็ดเผ็ดมันอย่างไรล่ะ ไม่รู้จักเหรอ เชยจริงๆ มานี่…”

แล้วนลิน ก็คว้าแป้มพิมพ์คอม ก่อนจะใส่ URL อะไรไม่รู้ ใน address bar แล้วหน้าเวปแห่งหนึ่งก็เปิดขึ้น

“อ่านซะ…เด็ดสะระตี่จริงๆ”

บังเอิญ บวรฝ่ายข่ายเดินผ่านมาพอดี เขาคงได้ยินว่าเราคุยอะไรกัน

“จริงครับคุณสิดี ขนาดผมเป็นผู้ชายยังชอบอ่านของซ้อเลย คราวนี้สุดยอดจริงๆครับ” ก่อนจะเดินจากไป

เอ่อ…ซ้อ อะไรเนี่ย…ดังขนาดนั้นเลยเหรอ

ฉันเลยกวาดสายตาอ่าน

“…วันนี้ ซ้ออยากแฉเรื่องของวงการขาอ่อนเสียหน่อย ยิ่งโดยเฉพาะรองนางสาวไทยคนนี้ ใครๆคงอยากรู้ว่าชีวิตของเธอเป็นอย่างไร จะหรูหราไฮโซ อย่างที่เธอตะเกียกตะกาย ใช้เต้าไต่คว้ามาหรือเปล่า…เพราะหลังจากรองนางสาวไทยที่ชื่อ อีกา คนนี้คว้าแฟนหนุ่มนักธุรกิจดังมาควงได้หลายปี ปรากฏว่าสันดานกระหายเงินมันออก พอหุ้นเขาตกหน่อย เลยสะบัดก้นเหี่ยวๆ หันไปเกาะเจ้าของอีกบริษัทที่หุ้นกำลังขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเพื่อนของแฟนเก่านั่นเอง งานนี้เลยทำให้เพื่อนรักสองคนต้องทะเลาะไม่พูดจากันอยู่นานจนถึงปัจจุบัน แต่พอความวัวยังไม่ทันหายความแ-ด เข้ามาแทรก หล่อนทิ้งแฟนใหม่หันมาจับแฟนเก่าอีกครั้ง งานนี้คนวงในแอบบอกมาว่า หล่อนวางแผน พยายามแล้วพยายามอีก จะกลับมาสูบเลือดสูบเนื้อคนเก่าให้ได้ แต่จนแล้วจนรอด เพราะนอมันขึ้นเด่นชัด แฟนเก่ารู้ทันเลยหนีปัญหาไปแต่งงานกับเลขาสาวหน้าห้องแทน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวความหน้าด้านของเธออีกเลยจนกระทั่งสองสามวันที่ผ่านมา ซ้อได้ข่าวมาว่า เธอไม่สบายอยู่โรงพยาบาล แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่า….แท็ดแถอย่างนี้ มีเสี่ยขายรถยนต์ชื่อดังเข้ามาช่วยหยอดข้าวต้มเป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงไว้นออยู่ดี ถึงแม้ไม่ได้เป็นสะใภ้ไฮโซเหมือนเพื่อนนางงามคนอื่น แต่ขอเป็นเมียน้อยเสี่ยเจ๊กเศรษฐีใหม่แล้วกัน…แต่ระวังนะ…อย่าให้เมียหลวงมือหนักของเขาจับได้…ไม่อย่างนั้น คงต้องจองห้องเข้าโรงพยาบาลล่วงหน้า……แล้วจะหาว่าซ้อไม่เตือน…”

ฉันมองนลินทีหนึ่ง มองข้อความซ้อใหญ่อีกทีหนึ่ง

โอ้ว….ฉันดีใจนะ ที่ถวิกา ไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย แต่เธอ….เธอ…เธอโดนล้วงไส้ล้วงพุงหมดเลยแฮะ

“ซ้อ….ซ้อคนนี้เป็นใคร ทำไมเขารู้เรื่องทุกอย่างเลยล่ะ”

นลินยิ้มด้วยความศรัทธา

“ซ้อ…คือผู้ตามล่าหาความจริง….เปรียบเหมือนทหารผู้กล้า บุกป่าฝ่าดง ทำลายข้าศึก….ซ้อรู้ทุกเรื่องล่ะจ้ะ สมเพชถวิกาจริงๆ แล้วรู้อะไรไหม คนวงในที่ซ้อบอกน่ะ ไม่ใช่ใครเลยนะ”

แล้วนลินก็ขำอยู่คนเดียว

“ใครเหรอ”

นลินทำหน้าเยาะเย้ยสุดๆ “ยัยทับทิมอย่างไรล่ะ จะมีใครเสียอีก ก็หล่อนน่ะถูกยัยถวิกาโขกสับจนทนไม่ไหวน่ะซี่ ที่โดนไล่ออกก็เพราะถวิกาแท้ๆ”

ฉันอึ้งเล็กน้อย…จริงๆแล้ว…ตอนนี้ ถวิกาน่าสงสารมากกว่า

คุณนรินทร์ออกมาจากห้องทำงานหน้าเครียด แต่คนอื่นๆยิ้มแย้มอย่างเป็นสุข โดยเฉพาะคุณปริญญา

นลิน รีบหายตัวกลับไปทำงาน

“สวัสดีค่ะคุณปริญญา” ฉันทักทาย

“สวัสดีครับคุณสิดี แหม ได้ข่าวว่างอนที่คุณนรินทร์ไม่มีเวลาให้เลยกลับมาก่อนเหรอครับ ฮ่าๆๆๆ” แล้วชายร่างท้วมก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีขณะแบกเอกสารมากมายก่ายกอง

ฉันไม่เข้าใจ?? เลยหันไปมองคุณนรินทร์ เห็นเขาทำหน้ามีพิรุธแล้วรีบหลบตาฉัน

พอจะเข้าใจละ รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนดีกว่า

“ฉันอ่านงานของแม่แล้วนะคะ มันยอดเยี่ยมจริงๆเลยค่ะ”

คุณปริญญายิ้มตาหยี

“เห็นไหมครับ นี่แสดงว่าแม่คุณไม่ได้เล่าอะไรเลย กลับไปคุยกับเธอหรือยังครับ”

ฉันมองคุณนรินทร์ที่เดินตามออกมาส่งคุณปริญญา เขาทำปากบอกว่าเดี๋ยวให้ฉันเข้าไปในห้อง

ฉันพยักหน้าเข้าใจ แล้วคุยกับคุณปริญญาอีกสักพัก

“เดี๋ยวคงได้คุยกันค่ะ นี่…งานเสร็จแล้วเหรอคะ”

คุณปริญญาตบกองเอกสารอย่างพึงพอใจ

“ระดับผม และระดับคุณนรินทร์ เชื่อมือได้เลยครับ” เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

“อ้า…ผมต้องไปแล้ว หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับคุณสิดี”

“เดี๋ยวฉันจะรีบขอลายเซ็นแม่ให้นะคะ”

เขากล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ ก่อนจะพาร่างตุ้ยนุ้ยไปขึ้นลิฟท์ เบียดเสียดผู้คน

แล้วฉันก็เข้าไปหาคุณนรินทร์ในห้องทำงาน

“ผลออกมาแล้ว”

เขายื่นแฟ้มสีดำให้อ่าน ด้วยสีหน้ากังวล

และเมื่อฉันเปิดแฟ้มนั้น ฉันก็เข้าใจได้ว่า ตอนนี้…ไม่ใช่เรื่องของการทำธุรกิจอีกแล้ว

“ทางจังหวัดสั่งให้รื้อโรงแรมสิทราโดยเร็วที่สุด และให้คืนที่ดินพร้อมกรรมสิทธิ์กับชาวบ้านอย่างนั้นเหรอคะ แล้ว…แล้วเงินที่เขาจ่ายเป็นค่าที่ไปล่ะคะ”

คุณนรินทร์กุมมือประสานกัน

“ไม่ได้คืน ถือเป็นค่าขอโทษที่รุกล้ำ นั่นยังน้อยไปนะ ทางจังหวัดจะเอาเรื่องขึ้นศาล ฟ้องเอาค่าเสียหายที่รุกล้ำชายหาดและทำลายธรรมชาติอีกหลายร้อยล้าน”

แล้วเขาก็นิ่งเงียบไปอีกนาน

“ไม่น่า…คุณปริญญาและกรรมการบริหารพอใจกันมากทีเดียว”

เขาพูดเสียงเศร้า

“ผมผิดเอง ที่ไม่เตือนเขาก่อน แต่กลับปล่อยให้เขาทำไปแล้วไปลงโทษเขาแบบนี้ เพราะความบ้าโกรธในเรื่องอดีต ผมมันเลวมากใช่ไหม”

เขารู้ตัวแล้วสินะ…ว่าคุณจิทัศน์ยังเป็นเพื่อนของเขานั่นเอง
ฉันเดินเข้าไปใกล้คุณนรินทร์ที่นั่งอย่างเจ็บปวดบนเก้าอี้ แล้วจับบ่าเขาเบาๆ

“คุณทำในสิ่งที่ถูกในฐานะพลเมืองดี แต่สำหรับเพื่อน คุณต้องช่วยเขาแก้ปัญหาค่ะ”

อืม…ฉันไม่เคยเห็นเขาเศร้าขนาดนี้มาก่อน

“ผมจะช่วยเขายังไงได้ล่ะ ผมทำกับเขาขนาดนี้แล้ว เราคงไม่มีวันกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก”

“คุณนรินทร์คะ…แต่…ถึงคุณไม่ทำ สักวันคุณจิทัศน์ก็ต้องโดนค่ะ เพราะโรงแรมเขารุกล้ำจริง….”

ป่อ ปี๊ ป่อ….เสียงมือถือฉันดัง

“อ่า…แป๊ปนะคะคุณนรินทร์”

“หนูเล็ก” ฉันรับเสียงอ่อน….เดาออกว่าเธอโทรมาทำไม คุณนรินทร์มองฉันด้วยความอยากรู้

“สิดี…เธอรู้แล้วใช่ไหม…เรื่องคุณจิทัศน์…” เสียงหนูเล็กไม่ค่อยดีเอาเสียเลย

ฉันสูดหายใจเข้า “ใช่…แล้วเขา…เขาเป็นอย่างไรบ้าง…”

“ทำไมคุณนรินทร์ทำกับเขาขนาดนั้น…เธอช่วยพูดให้หน่อยสิ สิดี คุณจิทัศน์อุตส่าห์พาเธอกลับมานะ…ตอนนี้เขา….” เสียงหนูเล็กหายไป ก่อนจะพูดตอบกลับมาอีกครั้ง น้ำเสียงเครือ

“เขาเครียดมาก…เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว…ต้องชดใช้ทั้งหมด…เขาบอกฉันว่าอาจจะหมดตัว” แล้วหนูเล็กก็ร้องไห้

ฉันกลืนไม่เข้า คายไม่ออก แต่แล้วคุณนรินทร์เดินมายืนข้างหลังฉันตอนไหนก็ไม่รู้ ก่อนจะคว้ามือถือไป

“หนูเล็กครับ ผมเอง นรินทร์ ตอนนี้คุณอยู่กับจิทัศน์หรือเปล่า” เสียงเขาเครียดมาก

คุณนรินทร์มองฉันด้วยความไม่สบายใจ

“ใจเย็นๆครับ…ผมจะช่วยเขาเอง…ฟังนะครับ…เดี๋ยวครับ…”

เขานิ่งฟังหนูเล็กพูดสักพักอย่างตั้งใจ

“หนูเล็กครับ…บอกเขาด้วยว่าให้อยู่ตรงนั้นห้ามไปไหน” เขาปิดมือถือ ก่อนจะฉุดข้อมือฉัน

“ไปสิทรากับผม” แล้วเราก็ออกเดินทางด้วยความรวดเร็ว

ไม่นานนักหลังจากฝ่าการจราจรมหาโหดของกรุงเทพฯมหานคร ฉันก็มาถึงตึกสูงตระหง่านใจกลางย่านธุรกิจของสิทรา

เราเดินเข้าไปในออฟฟิศเย็นเฉียบ ก่อนจะขึ้นลิฟท์ที่มีผู้คนเบียดเสียด สงสัยหนึ่งในนั้นจะจำได้ว่าคุณนรินทร์เป็นใคร ทุกคนจึงซุบซิบกันก่อนจะมองเราสองคนเป็นตาเดียว

แล้วลิฟท์ก็มาหยุดที่ชั้นสูงสุด ทุกคนกรูกันออกไป แต่คุณนรินทร์จับมือฉันห้ามเอาไว้ จนเหลือเราสองคนรั้งท้าย

เขากุมมือฉันแน่น

“คุณ….ช่วยผมด้วยนะ…ช่วยให้ผมได้เพื่อนคืนมา”

ฉันบีบมือเขาตอบเป็นกำลังใจ “ค่ะ”

แล้วเราสองคนก็ไปหยุดยืนที่เลขาหน้าห้องคุณจิทัศน์

หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเราสองคน ก่อนจะกระพริบตาปริบๆเหมือนประหลาดใจ

“ผมมาพบคุณจิทัศน์เขาอยู่ใช่ไหม”

เลขาสาวพยักหน้า “ค่ะ แต่ท่านสั่งว่า…”

แต่คุณนรินทร์ไม่สนใจ เขาจูงมือฉันก่อนจะเปิดประตูผัวะ เข้าไปในห้องทำงาน ที่มีภาพ Wild Poppies ที่ฉันชอบเด่นหราอยู่บนผนัง

อ้า…ฉันเห็นแล้ว…หนูเล็กนั่งอยู่บนโซฟานั่น ด้วยความกังวล มีคุณจิทัศน์นั่งคุยโทรศัพท์เครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน

เขาวางโทรศัพท์ลงทันทีที่เห็นคุณนรินทร์ หนูเล็กลุกขึ้นมองเราสองคนด้วยความตกใจ

ห้องทำงานกว้างขวางตึงเครียดอยู่พักใหญ่ ประธานบริษัทสองคนจ้องหน้ากันเนิ่นนาน

“สะใจนายแล้วสิ” คุณจิทัศน์ชิงพูดก่อน น้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตาแข็งกร้าว

ฉันเห็นหนูเล็กจะร้องไห้อีกครั้ง เลยเดินเข้าไปหาเธอ

“ไม่ต้องห่วงหนูเล็ก…” ฉันปลอบเธอเบาๆ หนูเล็กพยักหน้า ก่อนจะมองชายหนุ่มสองคนด้วยความกังวล ฉันก็เช่นกัน

คุณนรินทร์ค่อยๆก้าวเข้าไปที่โต๊ะทำงาน

“ฉัน…ไม่ได้ให้โอกาสนายเลยใช่ไหม…จิทัศน์”

ฉันแทบหยุดหายใจ เขาสองคนจะเล่นสงครามเย็นไปถึงไหน
“โอกาสที่จะให้นายได้อธิบายและขอโทษ….”

คราวนี้คุณจิทัศน์ลุกขึ้นบ้าง แล้วทั้งสองก็เผชิญหน้ากันอย่างสงบนิ่ง แต่น่ากลัว

“ริน…นาย…นายทำธุรกิจฉันพัง…แก้แค้นกับที่ฉันเคยทำลายชีวิตนายงั้นเหรอ” คุณจิทัศน์พูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว

แล้วมันก็เกิดขึ้น ฉันกับหนูเล็กร้องห้ามกันยกใหญ่ เมื่อคุณนรินทร์กระชากคอเสื้อคุณจิทัศน์แล้วลากตัวเขาออกมาจากโต๊ะทำงาน ก่อนจะชกหน้าหล่อๆเข้าไปเต็มแรง

“คุณนรินทร์คะหยุด!!!” เราสองสาวตะโกนประสานเสียง

แล้วการตะลุมบอนก็เกิดขึ้น คุณจิทัศน์ต่อยเขาบ้าง แล้วทั้งสองก็ชกกันไป กลิ้งกันไปที่พื้น

เราสองคนไม่สามารถเข้าไปห้ามได้อีก

แล้วในที่สุดคุณนรินทร์ก็คร่อมตัวคุณจิทัศน์เอาไว้ ใบหน้าปูดไปหมด ทั้งสูทและเชิ้ต หลุดลุ่ย

“นายอย่าทำผิดพลาดอย่างฉัน!!! นายต้องให้โอกาสฉันอธิบายและขอโทษ” เขาพูดขณะหอบโดยแรง คุณจิทัศน์นอนหมดแรงมองเพื่อนรักด้วยความไม่กระจ่าง

“ฉันจะให้โอกาสนายขอโทษครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ไม่อย่างนั้นนายก็ไม่ต้องมาร่วมหุ้นกับสาขาใหม่ของนราธรที่ภูเก็ต!!!”

หนูเล็กบีบแขนฉันโดยแรง ฉันโอบเธอไว้ แล้วกระซิบว่าปล่อยให้พวกผู้ชายเขาเคลียร์กันเอง

คุณจิทัศน์ยังคงจ้องมองคุณนรินทร์ด้วยความประหลาดใจ ด้วยสภาพไม่ต่างกัน

“พูดเซ่!!!” คุณนรินทร์ตะโกนเสียงดัง แล้วกระชากคอเพื่อนขึ้นมา

ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน

คุณจิทัศน์กระชากคอคุณนรินทร์กลับบ้างแล้วพลิกตัวคร่อมคุณนรินทร์ไว้กับพื้น ก่อนจะชกเต็มแรงอีกที

ฉันกับหนูเล็กปิดตาไม่ยอมมองภาพนั้น…ทำไมพวกผู้ชายเคลียร์กันแรงจริงๆ

“ริน…ฉัน…ขอโทษ…ฉันขอโทษจริงๆว่ะ”

เขาพูดเสียงหนักแน่นแล้วกระชากร่างสูงๆนั้นให้ลุกขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มที่มีเรื่องค้างคาใจกันมานาน จะกอดกันอย่างลูกผู้ชาย

ฉันกับหนูเล็ก มองกันแล้วยิ้มทั้งน้ำตา

คุณนรินทร์ตบหลังเพื่อนรักเบาๆ “ฉัน…ก็ขอโทษว่ะ”

แล้วเรื่องทั้งหมดก็จบลงด้วยดี ประธานบริษัทลูกพี่ลูกน้อง เคีลยร์ปัญหาที่คาใจกันมานาน ก่อนคุณนรินทร์จะให้คุณจิทัศน์มาร่วมหุ้นกับนราธรสาขาใหม่ที่ภูเก็ต โดยยังไม่ต้องออกเงินสักก้อน แค่ออกแรงบริหารแทนเขาแล้วได้กำไรมาค่อยแบ่งกัน

ส่วนเรื่องรุกล้ำชายหาด คุณนรินทร์บอกว่า

“นายสมควรจ่าย….และฉันก็สมควรช่วยบางส่วน”

จากนั้นฉันและหนูเล็กก็พาสองหนุ่มไปใส่ยาทำแผล

“ดูไม่จืดเลยนะคะ ทำไมพวกคุณเคลียร์กันด้วยคำพูดไม่ได้เหรอ” หนูเล็กบ่นขณะใส่เบตาดีนที่คิ้วคุณจิทัศน์

“คุณนรินทร์ล่ะก็…ทำเอาคุณทัศน์เกือบหมดหล่อ”

“โอ๊ย! เบาๆหน่อยสิครับ” คุณจิทัศน์ร้อง

คุณนรินทร์หัวเราะ หึหึ ก่อนจะจับแขนฉันห้ามแตะแผลของเขา
“ผมอยากไปทำที่บ้าน”

ฉันหน้าแดง เมื่อเห็นอีกคู่กำลังจ้องเราสองคนอย่างกรุ้มกริ่ม

“เฮ้อ…หนูเล็กครับ…ผมก็ชักอยากอยู่กันสองคน” ประธานสิทราพูดบ่นๆ ก่อนจะมองคุณนรินทร์อย่างกรุ้มกริ่ม

ประธานนราธรมองตอบอย่างรู้ทัน “รู้แล้วน่า ไปกันเถอะสิดี” แล้วเขาก็ลุกขึ้น ก่อนชายหนุ่มหน้าเละทั้งสองคนจะจับมือกันอย่างเป็นมิตร

“งั้นพรุ่งนี้…เหมือนเดิมนะโว้ย” คุณจิทัศน์พูด อีกคนยักคิ้วตอบ

ส่วนฉันยิ้มให้หนูเล็ก เธอก็มองตอบด้วยความอาย แล้วฉันกับคุณนรินทร์ก็เดินออกมา

เราไม่ได้สนใจหรอกว่าพนักงานคนอื่นๆจะสงสัยว่าทำไม คุณนรินทร์ถึงคิ้วแตก หน้าบวม เชิ้ตหลุด เน็กไทเป๋

แต่เราสนใจแค่ว่า…ตอนนี้…ไม่มีเรื่องของการไม่เข้าใจกันอีกแล้ว




“ตายแล้ว ตารินไปมีเรื่องกับใครมาลูก” คุณตุ๋ม วี้ดว้ายกระตู้วู้ เมื่อเราสองคนกลับไป

“คุณรินของป้า หมดหล่อกันพอดี มาค่ะ เดี๋ยวป้าใส่ยาให้” ป้าเนียรโวยวายบ้าง

คุณพ่อที่ขัดไม่ตีกอล์ฟก็พูดขึ้น “ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาล่ะ”

ไม่เห็นคุณรัน สงสัยไปดูแกลเลอรี่ของตัวเอง

คุณนรินทร์โบกมือห้ามเสียงของทุกคน

“ผมไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวให้สิดีใส่ยาให้” แล้วฉันก็พยุงเขาขึ้นข้างบน

เขานอนแผ่หราบนเตียง

ฉันเปิดตู้หยิบยาและสำลี “ฉันไม่เข้าใจ คุณจะชกเขาทำไมน่ะ ไม่เห็นเป็นเรื่อง”

เขาหัวเราะ “นั่นสิ…ผมก็ไม่รู้ แต่ว่า…มันสบายใจขึ้นนะ พอได้ใช้กำลัง โอย…เบามือหน่อยคร้าบบบ”

ฉันชะงัก เมื่อเขาเจ็บ

“สม…เฮ้อ คุณนี่น้า อยู่นิ่งๆสิคะ ยุกยิกไปได้”

เขาจับข้อมือฉันไว้เป็นเชิงห้าม “ผมว่า ผมฟกช้ำภายในด้วยนะ”

“จริงเหรอคะ ไปหาหมอไหม”

เขาทำสายตาแพรวพราว

“ไม่ต้อง…คุณก็รักษาได้” แล้วเขาก็รวบตัวฉันมากอด แล้วหอมฟอดใหญ่

“…กว่าผมจะมีวันนี้ มันทรมานจริงๆ” เขากระซิบข้างหู ฉันตัวแข็งทื่อไปหมด

“แล้ว…ที่คุณจิทัศน์บอกว่า พรุ่งนี้เหมือนเดิมนี่อะไรเหรอคะ”

“อ๋อ…ไปตีเทนนิสน่ะ ปกติถ้าว่างเราตีด้วยกันตลอด”

“ดีจังนะคะ เข้าใจกันเสียที”

เขากอดฉันแน่นเหมือนเดิม แล้วเปิดทีวีดู Prison Break
“อืม…เพราะคุณนั่นแหละ ทำให้ผมตาสว่าง ว่าจริงๆแล้ว เรายังไม่เคยคุยกันให้เข้าใจเลย”

“เหรอคะ…หมดเรื่องกันสักทีเนอะ พวกคุณก็กลับมาเป็นเพื่อนรักกันอย่างเดิม หวาว!!! ไมเคิล สกอฟิลด์หล่อจังเลย”

คุณนรินทร์เอาหน้าซุกไซ้ที่แก้มของฉัน “หล่อกว่าผมเหรอ”

“ชะ…ช่าย”

“หึ…ตอบอีกทีซิ ไม่อย่างนั้น…”

ฉันตัวแข็งแล้วผลักหน้าเขาออกห่าง “ไม่อย่างนั้นอะไร”

แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “คุณอยากมีลูกกี่คน”

ฉันคิด คนเดียวคงเหงา สองคนกำลังดี สามคนมากไป

“สองคนค่ะ”

เขาหอมแก้มฉันเบาๆ “ดี งั้นเริ่มคืนนี้เลย”

แล้วฉันก็ร้องกรี๊ดๆต่อต้านเขาในอ้อมกอดอยู่อย่างนั้น









ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2555, 01:06:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2555, 01:06:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1960





<< ดื้อ   ละลาย >>
น้ำแอปเปิ้ล 9 ก.ค. 2555, 01:30:52 น.
ฮะ...ฮ่า น่ารักดีค่ะ


pattisa 9 ก.ค. 2555, 09:19:09 น.
Happy ending :)


goldensun 9 ก.ค. 2555, 11:53:55 น.
เลยไม่ต้องเสียเพื่อนดีๆ ไปเลย ความดีของสิดีนะนี่


konhin 9 ก.ค. 2555, 12:38:54 น.
โหยยยยยย น่ารัก


agentaja 9 ก.ค. 2555, 13:24:42 น.
วี้ดวิ้ว สิดีเจ๋งไปเลย แต่ว่าเมื่อไหร่จะรู้เดียงสาซะทีเนี่ย


ling 9 ก.ค. 2555, 15:11:06 น.
อิอิ น่ารัก เข้าใจกันซะที


ใบบัวน่ารัก 10 ก.ค. 2555, 21:38:11 น.
น่ารัก
3คนน่าจะดีนะ เลือกชีวิต ตัวเองได้นะดีออก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account