ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: ละลาย

ตอนที่ 37

“นี่ป้า ได้ข่าวใช่ไหมว่าคุณนายซอยนู้นน่ะ เขาไปดึงหน้ามาอีกแล้ว” ลูกอ๊อด หนึ่งในแม่ครัวพูดขึ้น

ป้าเนียรที่กำลังเด็ดใบโหระพาก็เลยเงยหน้าขึ้นมาเม้าอย่างสะใจ

“ต๊าย! พึ่งรู้หรือยะนังลูกอ๊อด เขาไปทำมาเกือบอาทิตย์แล้ว วันนั้นนะป้าไปหาแม่เอิบที่นั่น เดินเข้าบ้านปุ๊บเจอคุณนายปั๊บ ป้าแทบจะเป็นลมตกใจกองกับพื้น นึกว่าผีเจ้าที่”

แล้วบรรดาแม่ครัวที่แออัดทำกับข้าวก็หัวเราะงอหาย

คุณรันที่มาช่วยทำกับข้าวข้างๆฉันก็พลอยขำไปด้วย

“ทำไมละครับป้าเนียร เขาไปทำมา ก็น่าจะสาวขึ้นนี่”

“อู๊ย…คุณรันขา มันไม่ได้สวยเต่งตึงเหมือนสาวๆนี่คะ แต่คุณนายเขาไปดึงเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง หน้าเลยตึงเปรี๊ยะ ขยับปากมากก็ไม่ได้ น่ากลัวไปเลยล่ะค่า”

“เห็นว่าเพื่อเอาใจสามีที่ชอบไปหาบ้านเล็กบ้านน้อยบ่อยๆน่ะค่า” พี่จวญ ขานี้รู้ลึกรู้จริง ขอแทรกบ้าง

ฉันอมยิ้มเป็นนาน ขณะปลอกกระเทียม

“แหม นี่ขนาดอยู่ในครัวนะครับ ยังหูตากว้างไกลกันขนาดนี้ นี่ถ้าลาออกจากงานครัวบ้านผมไปเป็นนักข่าว สงสัยได้รางวัลพูลิตเซอร์”

คุณรันหยอกกลับ แต่ลูกกบ แม่ครัวอีกคนกลับงง

“อ๋าว…อุตส่าห์ชม แล้วทำไมตอนหลังมาบอกว่าพวกเราเซ่อล่ะคะคุณรัน”

แล้วฉันก็ขำกลิ้งออกมา พร้อมหยิบขนมกลีบลำดวนในโหลแก้วใสที่วางอยู่ตรงหน้า ฉันชอบห้องครัวที่นี่จริงๆ เฮ้อ…แต่คิดถึงแม่จัง ฉันกับแม่ก็ชอบนั่งคุยกันในห้องครัวนะ
“คุณสิดีนี่ ตลกรับประทานนะครับ ขำเสร็จก็กินเลย” คุณรันหันมาล้อฉัน

“แหะๆ ก็มันอร่อยนี่คะ คุณกินไหมล่ะ แล้วป้าเนียรไปซื้อมาจากไหนเหรอคะ”

ป้าเนียรยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดู “คุณสิดีนี่ทานเก่งพิลึกนะคะ เห็นตัวเล็กๆอย่างนี้ก็เถอะ ป้าไม่ได้ซื้อหรอกค่า…นังลูกน้ำมันซื้อ”

พี่ลูกน้ำที่กำลังสับหมูอยู่โป๊กๆก็ตอบลอดเขียงมา “คุณสิดีชอบเหรอคะ วันหลังลูกน้ำจะซื้อมาอีก ชอบขนมอะลัวไหมคะ นั่นก็อร้อย อร่อย ก็ยังมีขนมชั้น สาคู…เยอะแยะเลยค่า อยากทานอะไรบอกได้นะค้า ลูกน้ำสนิทกับร้านขายขนม สั่งได้โม้ด”

อ้อลืมบอก…พี่ลูกน้ำนี่เป็นคนชอบทานขนมมาก เลยได้รับหน้าที่ให้ซื้อขนมเข้าบ้านใส่โหลไว้เยอะแยะไปหมด เจ้าไหนอร่อยสุด เจ้าไหนขายแพง เจ้าไหนย้อมแมวขาย พี่ลูกน้ำช่ำชองทุกร้าน ขอให้บอก

คุณรันเดาะถั่วลิสงเข้าปาก ก่อนจะกลับมายียวนอีกรอบ “แหม เอาใจคุณสิดีกันจังนะฮะ มีใหม่แล้วลืมเก่ากันไปหมด”

ป้าเนียรทำตาโตตกใจ “ไม่จริงเลยค่า ป้าก็ยังรักคุณรันเหมือนเดิมน้า สุดหล่อของป้า…แต่ว่า…น่าจะตัดผมเสียหน่อย เริ่มยาวแล้ว” คุณรันหันไปกอดป้าเนียรอย่างเอาอกเอาใจ

“คุณนี่ทำเป็นเด็กไปได้นะคะ ไม่เหมือนพี่ชายเลย เข๊มเข้ม” ฉันพูด

คุณรันมองฉันอย่างกรุ้มกริ่ม “แหม…ชมแฟนตัวเองใหญ่เลยนะ”

ฉันหน้าแดง “บ้า…ฉันยังไม่ได้ชมอะไรเลยนะ”

ป้าเนียรหัวเราะขณะยังกอดคุณหนูคนเล็กของเธอไว้ “ดูสิคะคุณรัน คุณรินมีภรรยาที่น่ารักขนาดนี้ ทำไมคุณไม่คิดมีบ้างล่ะฮึ”

คุณรันหอมแก้มป้าเนียรทีหนึ่ง “ผมมันจนนี่ฮะ เป็นศิลปินไส้แห้งเปิดแกลเลอรี่เล็กๆของตัวเอง ใครเขาจะสน นี่ก็ว่าจะเปิดรับสมัครแฟนอยู่”
สาวๆในครัวกรี๊ดกร๊าดพร้อมกัน “จริงเหรอคะคุณ ลูกอ๊อดขอสมัครเลยได้ไหมคะ”

“ลูกน้ำด้วยค่าคุณรัน”

“ฉันด้วยย่ะนังลูกอ๊อด…เอ่อ…ลูกกบก็ขอสมัครด้วยนะค้า”

คุณรันกับฉันหัวเราะงอหาย แต่ป้าเนียรทำหน้าไม่พอใจ

“ฮึ นังพวกนี้ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะย่ะ”

ไม่นานนักกับข้าวในครัวก็เสร็จครบทุกอย่าง ฉันเลยช่วยยกไปเสิร์ฟกับคุณรันพร้อมสาวๆในครัว นี่ก็ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว แต่คุณนรินทร์ยังไม่กลับมาจากตีเทนนิสเลย

“ไม่ต้องกังวลหรอกคร้าบ…เดี๋ยวเขาก็กลับ ห่วงกันจริงจริ๊ง ทีเมื่อก่อนก็เอาแต่ปิดบังความรู้สึกกันอยู่ได้ หึหึ” คุณรันยียวนฉันอีกละ คงเห็นว่าฉันชะเง้อคอมองออกไปหน้าบ้าน

ฉันเริ่มวางช้อนและส้อม

“แหม…คุณนี่นะ…ฉันยังไม่ได้แก้แค้นคืนเรื่องวันนั้นเลย โหดร้ายมากๆ” ฉันตีหน้ายักษ์ใส่

เขาขำ “จะได้ได้ผลเร็วไงครับ แต่ผมชัก…อยากมีแฟนอย่างพี่รินแล้วซิ เห็นคุณสองคนห่วงใยกันดี”

“พี่คุณบอกว่าคุณมีเยอะแยะไปหมดแต่ไม่จริงใจกับใครสักคน ก็เลิกกะล่อนสักทีสิคะ”

เขาทำตาโตยิ้มกว้าง “โฮ่…นี่หาว่าผมกะล่อนเรอะ”

ฉันเริ่มรินน้ำ “ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่า ฉันจะช่วยหาให้นะคะ แล้วแจ๊กกี้ล่ะคะ ล่าสุดที่คุยกันเห็นเขาบอกว่าอยากมีแจ๊กกี้ตัวน้อยๆ”

คราวนี้คุณรันขำไปกองกับพื้นจริงๆ เวลาเดียวกับที่เสียงรถคุณนรินทร์เลี้ยวเข้าบ้านมา

“คุณเชื่อมันเหรอฮะ…อย่างไอ้แจ๊กกี้…เอาเถอะๆ…รู้จักตัดเล็บตัวเองเสียก่อน แล้วผมจะหาให้มันเอง”

แล้วเราสองคนก็หัวเราะพร้อมกันอีกครั้ง

“ขำอะไรกันสองคน” คุณนรินทร์เดินเข้ามาพอดีในชุดตีเทนนิส พร้อมควงแร็กเก็ต

คุณรันตอบกลับเชิงหมั่นไส้ “อย่ามาทำหึงออกนอกหน้าไปเลยพี่ริน ผมไปตามคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า”

คุณนรินทร์เดินถือแร็กเก็ตเข้ามาหาฉัน

“มาค่ะ เดี๋ยวฉันเอาไปเก็บให้”

เขายื่นส่งมา

“แล้วเมื่อกี้ขำอะไรกัน” เขายังตีหน้าเข้ม เมื่อเอาตัวมาประชิดฉัน

“ขำเรื่องแจ๊กกี้ค่ะ ไม่มีอะไรเลย”

“ขอให้จริงเถอะ” แล้วเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

โป๊ก! อยู่ดีดีมือข้างที่ถือแร็กเก็ตของฉันก็ฟาดศีรษะเขากลางกระหม่อมเต็มๆ โดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ

“โอ๊ย! ทำไมต้องทำร้ายร่างกายกันด้วยเล่า”

ตายแล้ว…มันคงเป็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบไม่รู้ตัวของฉันน่ะซิ

“ฉะ…ฉันขอโทษนะคะ มัน…มันเกิดขึ้นเอง”

“ส่งเสียงเอะอะอะไรกันจ๊ะ” คุณตุ๋มที่ควงแขนมาพร้อมลูกชายและสามีเดินมานั่งที่โต๊ะทานอาหารอย่างอารมณ์ดี

คุณนรินทร์เอามือลูบศีรษะตัวเองก่อนอีกมือจะฉุดแขนฉันไว้แน่น

“ไม่มีอะไรครับทานข้าวกันเถอะ” คุณนรินทร์แก้ตัว ขณะที่ฉันยิ้มแห้งๆ

แล้วฉันก็ได้เห็นว่าคุณรันมองเราสองคนอย่างรู้ทัน ฉันเลยก้มหน้าหลบสายตา

คุณนรินทร์กระซิบข้างหูเสียงโหด “คืนนี้คุณโดนเอาคืนแน่”




คืนนี้เราทั้งสามคน นั่นหมายถึง ฉัน คุณรัน และคุณนรินทร์ รอดตัวจากการเล่นหมากรุก เพราะคุณพ่อเกิดอยากนอนดูหนังแทน

“เลยได้เข้านอนเร็วเลยนะคะ” ฉันพูดขณะหาวหวอด

คุณนรินทร์เหวี่ยงแร็กเก็ตลงที่นอนข้างๆฉัน เป็นเชิงเตือนสติ

“คุณแน่ใจ๊” เขาทำหน้ากวนประสาท แล้วปลดกระดุมเสื้อ

ฉันกลัวขึ้นมาทันที

“ฉัน…ฉันอธิบายได้ค่ะ…คืองี้ค่ะ…มันไม่ชินมั้งคะ…เวลาคุณเข้าใกล้หรือทำอะไรทะลึ่งๆ ฉันมักจะกลัว เลยต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน…จะ…ใจเย็นๆค่ะ”

เหมือนเขาจะไม่ฟังเมื่อกอดฉันไว้

“ผมรู้แล้ว” เขาบอกเสียงนุ่มๆข้างหู แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างฉันซึ่งนั่งอยู่

“ก็แค่อยากแกล้งคุณน่ะ…เดี๋ยวคุณก็ชินเองแหละ แต่ผมคงระบมไปทั้งตัวเสียก่อน”

แล้วเราก็ขำด้วยกัน “เมื่อก่อนคุณไม่ได้เป็นอย่างนี้นี่คะ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน คุณก็เฉยๆใส่ฉัน”
“เอ่อ…ก็นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เราเข้าใจกันแล้ว…อีกอย่าง…ต่อหน้าคนอื่น…ผมไม่กล้าทำอะไรอย่างนี้หรอก…”

“ว้าย!” ฉันตกใจเมื่อเขาดึงให้ลงนอนข้างๆกัน

ก่อนจะรวบตัวฉันเข้าสู่อ้อมกอดที่อบอุ่น “มันเก็บกด…ก็เลยต้องระบายเวลาอยู่ด้วยกันสองคน…”

ฉันเบียดตัวซุกแผ่นอกแข็งแรงของเขา “คนขี้เก๊ก”

เขาหัวเราะ หึหึ แล้วสบตาฉัน

ฉันก็จ้องเขากลับ…ปกติคุณนรินทร์ก็ดูดีอยู่หรอก…แต่ฉันไม่เคยพินิจเขาอย่างละเอียดเลยสักครั้ง

ฉันเอามือลูบใบหน้าเนียนของเขา “คุณนรินทร์คะ…”

“ครับ” เขาตอบกลับเสียงนุ่ม และเริ่มเขินเมื่อฉันมองสำรวจทั่วใบหน้า

ฉันพึ่งสังเกตเห็นนะเนี่ยว่า… “ขนจมูกคุณแล่บน่ะค่ะ”






เย็นวันต่อมา หลังจากเลิกงานแล้ว คุณนรินทร์ก็ไปตีเทนนิสกับคุณจิทัศน์ตามเดิม ฉันกลับคิดถึงบ้าน คิดถึงช่วงเวลาที่อยู่กับแม่สองคน นี่ฉันไม่ได้คุยกับแม่เกือบเดือนแล้วสินะ วันนี้เป็นโอกาสอันดีแล้วที่เราจะได้ใช้เวลาร่วมกัน ว่าแล้วเลยรีบโทรบอกคุณตุ๋มว่าเย็นนี้ขอไปทานข้าวที่บ้านตัวเองเสียหน่อย

“ต๊าย! จริงเหรอจ๊ะ งั้นแม่ขอไปด้วยได้ไหม บังเอิญว่าวันนี้งานการกุศลเกิดยกเลิกขึ้นมาน่ะจ้ะ คุณนรินทร์ก็ไปออกรอบกับเพื่อนๆ….ไม่ได้คุยกับนิดหน่อยนานแล้วด้วย”

อ่านะ…ฉันจะปฏิเสธได้อย่างไร

“ค่ะคุณแม่ ถ้าอย่างนั้นไปเจอกันที่บ้านหนูเลยนะคะ”

ฉันวางสายแล้วเตรียมเก็บของออกจากที่ทำงาน

“สิดีจ๊า…” นลินเรียกขึ้น

ฉันเลิกคิ้ว “ว่าไงจ๊ะ มีข่าวซ้อใหญ่อีกแล้วเหรอ”

นลินส่ายหน้า “ยังหรอก เขาอัพเดททุกวันจันทร์น่ะ”

แน่ะ…รู้ดีจริงๆ

“ที่เคยบอกไง ว่าอยากไปทานข้าวเย็นกับเธอ ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย อีกอย่าง…ฉันพึ่งเลิกกับแฟน เลยเบื่อๆน่ะ ไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนฉันได้ไหม” แววตานลินดูเศร้า

โอ้ว…ฉันพึ่งรู้นะเนี่ย ว่าเธอกำลังมีปัญหา

แล้วฉันจะปฏิเสธได้เหรอ…

ฉันลูบมือเธอเบาๆ “ได้จ้ะ ไปทานบ้านฉันไหมล่ะ วันนี้มีแขกผู้หญิงเต็มบ้าน เธอคงสนุก”

นลินตาโตดีใจ ก่อนจะขอบคุณฉันแล้วขอตัวไปเก็บของ

อ่านะ…แผนที่ฉันวางไว้…หมดกัน

ป่อ ปี๊ ป่อ…

ฉันมองมือถือ เข้าใจทันที

“ฮ่า…ไงหนูเล็ก เธอไม่มีคนไปทานข้าวเย็นด้วยล่ะซี่ มาเลยๆ มาทานบ้านฉัน ถ้าเธอไม่มาฉันจะโกรธ”

มาเลย มากันให้เต็มบ้านเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ…ให้มันได้อย่างนี้สิ!!!!!

“หา??? คือ…ฉันไม่ได้โทรมาเรื่องนี้ แต่ก็ดีแฮะ งั้นขอฝากท้องด้วยนะ”

อ้าว กรรม

“แล้วเธอโทรมาด้วยเรื่องอะไรล่ะ” ฉันถาม

หนูเล็กทำเสียงสดใสจนน่าหมั่นไส้

“แฟชันโชว์ของฉันที่งานบางกอกแฟชันวีคน่ะสิ ตอนนี้เป็นที่กล่าวขวัญมากเลยล่ะ ฉันอาจได้รับเชิญให้เข้าร่วมที่ ปารีสแฟชันวีค ปีหน้าก็ได้”

โอว….จะโกอินเตอร์แล้วเพื่อนฉัน

“อู…สุดยอดเลยหนูเล็ก! งานออกแบบของเธอก็ดูสากลอยู่แล้ว…เอ่อ…แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้ต่อที่บ้านฉันดีกว่านะ”

ฉันวางสาย ก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก…

“แม่คะ…” ฉันยกมือถืออีกครั้ง มีนลินทำหน้าดี๊ด๊ารออยู่ที่ลิฟท์

“เตรียมอาหารสำหรับห้าคนด้วยค่ะ”



ความจริง…มันกลายเป็นงานปาร์ตี้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยซ้ำ ตอนนี้ทุกคนกำลังสนุกในการช่วยกันทำกับข้าว จัดโต๊ะ และสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงแบบผู้หญิง

ว่าแต่…เราจะฉลองกันเรื่องอะไรล่ะ???

“สาวๆจ๊ะจัดโต๊ะได้เลย อาหารพร้อมแล้ว” แม่ฉันส่งเสียงออกมาจากครัว

“น่าจะทานข้าวใต้แสงเทียนกันนะ โรแมนติกดี” คุณตุ๋มเสนอไอเดีย

นลินกำลังวางแก้วประจะตำแหน่งของทุกคน

“เปิดเพลงแจ๊ซ คลอด้วยดีไหมคะ”

ไม่นานนักผู้หญิงทั้งสี่ก็มานั่งล้อมวงในโต๊ะอาหาร น่าแปลกที่หนูเล็ก นลิน คุณตุ๋ม และแม่ เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แม่ยกแก้วน้ำขึ้นเป็นเชิงเปิดงาน

“ขอให้…” แม่มองฉันประมาณว่าคิดไม่ออก

ฉันยิ้ม ยกแก้วตอบ “ผู้หญิงจงเจริญ”

ทุกคนหัวเราะพอใจ แล้วเริ่มลงมือทานอาหาร

“คุณแม่คะ หนูมีข่าวดีมาบอกค่ะ” หนูเล็กทำเสียงตื่นเต้นใส่แม่

“หนูอาจจะได้ไปปารีสแฟชันวีคน่ะค่ะ!”

แทนที่แม่ฉันจะเป็นคนพูดต่อ แต่คุณตุ๋มก็แทรกเข้ามาแทน “ว้าว!!! อย่างนั้นเหรอจ๊ะ หนูนี่เก่งจัง แฟนพ่อทัศน์ใช่ไหม”

หนูเล็กพยักหน้าตอบอย่างอายๆ

นลินวางส้อมดังแกร๊ง! ด้วยความตกใจ

“คุณ…เป็นแฟนคุณจิทัศน์…ประธานบริษัทสิทราเหรอคะ”

หนูเล็กยังคงอายม้วนต่อไป….จะอะไรนักหนา…คบกันตั้งนานแล้วไม่ใช่เรอะ

“แหม…หนุ่มสาวนี่น่ารักดีนะจ๊ะตุ๋ม” แม่ฉันพูดหยอกล้อ

นลินเริ่มเบะปากเหมือนจะร้องไห้…

แย่แล้วสิ….เธอ…พึ่งอกหักนี่นา

“คุณพ่อไปออกรอบกับใครบ้างล่ะคะ” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกับคุณตุ๋ม ไม่อยากพูดเรื่องความรักให้เธอเศร้าไปกว่านี้

“กับกลุ่มเพื่อนสมัยมหา’ลัยน่ะจ้ะ ตอนแรกเขาชวนแม่ไปด้วย แต่พอดีติดงานการกุศล”

คุณตุ๋มตอบ

“แหม…ปูนนี้แล้วยังรักกันดีนะจ๊ะตุ๋ม…ฉันก็คิดถึงพ่อของสิดีสมัยเขายังหนุ่มยังแน่นเหมือนกัน….”

แม่ฉันเอาบ้าง

หวาย!!!!...แม่คะ…อย่าค่ะ…

“ใช่เลยค่ะ คุณแม่คะ…หนูเล็กอ่านหนังสือคุณแม่แล้วนะคะ ช่างเป็นความรักที่น่าประทับใจจริงๆ”

ตาย….แย่แล้วสิ…

“อะ….ฮือ….ฮึกๆๆ…ฮือ…” ในที่สุดนลินก็สุดจะกลั้น เธอร่ำไห้ออกมาจนทุกคนมองด้วยความตกใจ

แม่รีบส่งทิชชู่ให้ “ปะ…เป็นอะไรจ๊ะหนู”

ฉันรีบโอบบ่านลินด้วยความเข้าใจ

“คะ…คือ…หนู…หนู…พึ่ง…ละ…เลิกกับแฟน ฮือออออออออออออ” เธอพูดด้วยความตะกุกตะกัก

คุณตุ๋มเอามือทาบอกด้วยความตกใจ หนูเล็กหยุดกินทันที

“เดี๋ยว…มันก็ดีขึ้นเองล่ะนะ” ฉันไม่รู้จะปลอบอย่างไรจริงๆ

คุณตุ๋ม หยิบทิชชู่ส่งให้เธอบ้าง

“แม่เข้าใจนะ…แม่เคยอกหักมาก่อน…แต่หนูจ๊ะ…ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบละมุด…”

“พุทราค่ะ” หนูเล็กแก้

“นั่นล่ะ คนนี้อาจจะไม่ใช่คนดี ฟ้าเขาเลยลิขิตให้ต้องจากกันอย่างไรล่ะจ๊ะ”

โฮ่…คุณตุ๋มนี่ปลอบดีเหมือนกันแฮะ

จู่ๆ หนูเล็กก็เริ่มทำจมูกฟุดฟิด เหมือนจะร้องไห้ไปด้วย “ก่อนหน้านี้ ฉันก็อกหักบ่อยเหมือนกันค่ะ…แต่สักวัน…ผู้หญิงดีดีอย่างเรา ก็จะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาหาเองล่ะค่ะคุณนลิน”

จากนั้นทุกคนก็เอาแต่ปลอบใจนลินกันยกใหญ่ ทั้งลูบเนื้อลูบตัว กอดแล้วกอดอีก ใช้คำพูดดีดีประโลมใจอันบอบช้ำของเธอ

เฮ้อ….ฉันเข้าใจดีค่ะ ฉันก็พึ่งเจอมาสดๆร้อนๆ แต่…

“ถ้าเราเข้มแข็งมันก็จะดีเอง เชื่อฉันสิจ๊ะ” ฉันบอกเธอไปอย่างนั้น

นลินเริ่มอาการดีขึ้น เมื่อแม่ฉันเอาข้าวเหนียวมะม่วงมาให้ทานกัน เธอพูดด้วยเสียงอู้อี้

“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ…ถ้าฉันไม่ได้มาทานอาหารที่นี่…ฉันคงไม่รู้สึกดีได้ขนาดนี้”

แล้วนลินก็กอดฉัน ฉันกอดเธอตอบ “ขอบใจเธอมากนะสิดี”

คุณตุ๋มแกว่งแก้วที่ใส่โค้กอยู่เต็ม แล้วชูขึ้น “แด่นลิน…ผู้เข้มแข็ง”

พวกเรายกตาม “แด่นลินผู้เข้มแข็ง”

นลินหัวเราะทั้งน้ำตา

อืม…ความรักก็ยังทำให้คนเจ็บช้ำอยู่นั่นเอง…หรือนั่น…เพราะว่าไม่ใช่ความรักที่แท้จริง…ความรักที่แท้จริงต้องสวยงามเหมือนที่แจ๊กกี้บอกหรือเปล่า….

นลินอาการดีขึ้นมากเมื่อคุณตุ๋มและหนูเล็กชวนเธอเล่นไพ่สลาฟ ตอนแรกฉันก็ร่วมวงด้วย แต่ชักเบื่อ เนื่องจากเป็นคิงแล้วโดนล้มเป็นทาสเลย อีกทั้งไม่เคยได้โงหัวขึ้นระดับราชวงศ์สักที เลยขอตัวมาช่วยแม่ล้างจานดีกว่า

“หนูอ่านงานของแม่แล้วนะคะ” ฉันบอกเรียบๆขณะล้างถ้วย

แม่ทำเสียงประชด “พึ่งอ่านเรอะ!” ฉันตกใจ

“ฮ่าๆๆๆ แม่ล้อเล่นหรอก ลูกโกรธหรือเปล่าที่แม่ไม่เคยเล่า”

“โกรธค่ะ” ฉันทำเสียงเข้ม แม่ตกใจบ้าง

“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นเหมือนกันค่ะ แต่ว่าแม่คะ…มันช่างยิ่งใหญ่จริงๆ…ทั้งพ่อละแม่ ต่างก็อดทนและซื่อสัตย์ต่อความรักของตัวเองมากๆ”

แม่อมยิ้ม…ไม่ว่าแม่จะแก่ขึ้นยังไง…แต่แม่ก็ยังคงเป็นแม่ที่สวยและแสนดีของฉันอยู่วันยังค่ำ

“พ่อของลูกเป็นคนดีมาก และแม่ดีใจ…ที่ได้มีโอกาสรักเขา”

ฉันนึกถึงตัวเอง…หนูก็ดีใจค่ะ…ที่ยอมเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง…และไม่ต้องโกหกแม่อีกแล้ว

แต่ฉันก็ยังคงมีคำถามค้างอยู่
“ความรัก…คือสิ่งงดงามจริงเหรอคะ…” ฉันอยากจะรู้ว่าแม่จะลบล้างสิ่งที่แจ๊กกี้บอกหรือเปล่า

แม่ยังคงง่วนกับการเก็บครัว “ลูกเห็นนลินแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ” ฉันตอบ

“ลูกคิดว่าอย่างไรล่ะ” แม่ถามกลับบ้าง

“ถ้า…ความรักสวยงาม แล้วทำไมถึงทำให้หลายๆคนร้องไห้ล่ะค่ะ”

“อืม…ลูกรู้ไหม” แม่เอ่ยด้วยเสียงครุ่นคิด

“…นั่นล่ะคือสิ่งสวยงาม…ความรัก…ทำให้เราเป็นคนโดยสมบูรณ์ ทำให้ชีวิตเรา มีสุข มีทุกข์ มีรอยยิ้มและคราบน้ำตา เราไม่ได้แข็งทื่อและไร้ความรู้สึก…”

คราวนี้แม่หันมายิ้มให้ฉัน “แต่เรา…มีจิตวิญญาณ”

แล้วฉันก็ฉีกยิ้มโดยไม่รู้ตัว…ฉันเข้าใจกระจ่างแล้ว…ฉัน…เข้าใจจริงๆ…

ถึงเราจะเสียใจเพราะความรัก…แต่ก็ดีกว่าที่เราจากโลกนี้ไปโดยไม่เคยสัมผัสเลย…ว่าตัวตนของความรัก เป็นอย่างไร…

ฉันเข้าไปกอดแม่… และเอาหน้าซุกตัวอุ่นๆของแม่เนิ่นนาน…

แม่ลูบผมฉันเบาๆ “ลูกกับคุณนรินทร์รักกันดีนะจ๊ะ”

ฉันยิ้ม…ถ้าเป็นเมื่อก่อน…ฉันคงตอบแบบขอไปที แต่ตอนนี้…

“ที่สุดเลยค่ะ” ฉันตอบกลับไปอย่างนั้น

เสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้านฉัน ฉันกับแม่ออกไปดู ก็เห็นว่าเป็นรถของคุณจิทัศน์

หนูเล็กยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน แล้วล่ำลาฉันกับนลิน

“ไว้เจอกันนะ ฉันดีใจด้วยที่งานออกแบบของเธอได้โกอินเตอร์แล้ว…เหมือนหนูหิ่นเลย” ฉันแกล้งแซว

หนูเล็กหัวเราะร่า “ขอบใจ แล้วเธอกับคุณนรินทร์ ดีกันแล้วใช่ไหม”

ฉันพยักหน้าตอบ แล้วหันไปหาคุณจิทัศน์ที่เข้ามาไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง มีคุณนลินตาวาวมองเขาอย่างพิจารณา จนหนูเล็กต้องกระแอม

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณจิทัศน์”

ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงมีรอยฟกช้ำจากการต่อยหลงเหลือ “ผมบอกแล้วว่าเขารักคุณ” เขาตอบฉันเบาๆ แล้วพาหนูเล็กจากไป

คุณตุ๋มอาสาพานลินไปส่งที่บ้าน เพราะเป็นทางผ่าน ตอนนี้เหลือผู้หญิงสี่คนนั่งเล่นกันอยู่ที่หน้าบ้าน ไม่นานนักรถจากบ้านนราธรก็มารับ

ฉันล่ำลาแม่ คุณตุ๋มกอดเพื่อนรัก นลินขอบคุณแม่ฉัน แล้วเราทั้งสามก็จากมา

กว่าฉันและคุณตุ๋มจะได้กลับเข้าห้องนอนตัวเองก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม เล่นเอาฉันแทบอยากจะนอนไปทั้งๆที่ไม่ได้อาบน้ำ

“กลับดึกจัง” คุณนรินทร์เก๊กหน้านิ่งอ่านชินจังที่คุณจิทัศน์ซื้อให้ในวันเกิด

พึ่งอ่านเล่ม 13 เองเรอะ…อ่อนหัดจริงๆ…โอ๊ะ!

“คุณรอฉันจนไม่เป็นอันทำอะไรเลยเหรอคะ” ฉันถามน้ำเสียงขำๆ

เขายังคงเก๊กหน้าเครียดต่อไป…อ่านะ…คนขี้เก๊ก ยังไง้มันก็แก้ไม่หาย นี่ขนาดอ่านการ์ตูนตลก นะเนี่ย ยังแสร้งทำหน้าจริงจังได้อีก

“ใครบอกคุณ ผมก็อ่านหนังสือของผมไปเรื่อย”

ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “คุณอ่านรู้เรื่องเหรอคะ หนังสือกลับหัวแน่ะ”

คุณนรินทร์หันปกหลังมามองอย่างตื่นๆ ก่อนจะเหวี่ยงชินจังไว้ข้างๆเตียง แล้วทำสีหน้าจริงจังต่อไป

“ผะ…ผมเปล่ารอ…แค่…มีเรื่องจะถาม”

“คะ?”

เขาโบกมือไล่ “คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ เรื่องนี้ต้องคุยกันยาว”

ฉันหยิบผ้าขนหนู “ขอให้มันจริงนะคะคุณนรินทร์” กลัวเขาจะมาเล่นตุกติกน่ะซี่

หลังจากฉันอาบน้ำเสร็จ เขาก็เร่งให้ฉันมานอนใกล้ๆกัน

“เร็วผมอยากคุยเรื่องนี้มันสำคัญมาก”

ฉันแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม แต่เว้นระยะห่างจากเขา

เขาทำสีหน้าจริงจัง “พรุ่งนี้ผมมีนัดคุยกับบริษัทต่างชาติที่จะมาร่วมหุ้นขยายสาขาของเครือโรงแรมในต่างประเทศ”

ฉันทำหน้าจริงจังบ้าง “แล้ว…มีอะไรให้ฉันช่วยคะ หรือว่าเป็นพวกญี่ปุ่น ฉันจะได้ไปเล่นจำอวดอีก”

เขายังตีหน้านิ่ง “ไม่เอา ไม่เอาอย่างนั้น ผมแค่อยากให้แน่ใจว่า….ผม…เอ่อ…ดูดีพอ…”

ฉันเหวอ….

“พวกนั้นเป็นเกย์เหรอคะ!!!” ฉันตะโกนลั่
คุณนรินทร์จุปาก “บ้าเหรอ…แล้วเกี่ยวอะไรกับเกย์”

“อ้าว…นึกว่าคุณอยากหล่อให้เกย์ประทับใจ”

คุณนรินทร์หลุดขำออกมานิดหนึ่ง แล้วเครียดต่อ

“เปล่า…ผมแค่อยากให้คุณตรวจให้แน่ใจหน่อยว่า…” แล้วเขาก็ยื่นหน้ามาใกล้ฉัน มากขึ้นๆ

ยิ่งตอนนี้…ไม่มีหมอนข้างกั้นกลางอีกแล้ว…

“อ๊าก!!!” คุณนรินทร์ร้องลั่น….โถ่เอ๊ย! ยัยทรัพย์! ลืมตัวอีกแล้วล่ะสิเวลาเขาเข้าใกล้น่ะ ฉันตกใจเลยเอาสองนิ้วจิ้มรูจมูกเขาน่ะสิ!!!!

ฉันรีบเอามืออกเมื่อรู้ตัว คุณนรินทร์เอามือจับจมูกแล้วซุกหน้ากับผ้าห่ม

เขาโวยวายเสียงดัง “ผมแค่อยากให้คุณดูว่าขนจมูกผมหายแล่บหรือยังแค่นั้นเอง!”

พับผ่าสิ!

"ไม่แล่บแล้วล่ะค่ะ ฉันขอโทษนะ เจ็บมากไหม" ฉันเริ่มรู้สึกผิดเลยพูดเสียงอ่อนหวานแล้วเข้าไปจับตัวเขา แต่แล้วก็เหมือนตกหลุมพราง คุณนริทร์รวบตัวฉันไว้แล้วกดฉันลงกับที่นอน เขายื่นจมูกโ่ด่งๆมาใกล้แล้วคลอเคลียทั่วใบหน้า ทำเอาฉันตัวแข็งทื่อ

"ร้ายจริงนะเรา" เขาตัดพ้อ ก่อนจะเคลื่อนจมูกตัวเองลงที่ซอกคอของฉันแล้วเริ่มซุกไซร้ ฉันตัวสั่น หลับตาปี๋ รู้สึกร่างกายมันอ่อนยวบไปหมด

"คุณ...คะ" ฉันพูดเสียงสั่น มือสองข้างดันหน้าอกเขาเบาๆ

แต่คุณนรินทร์กลับรุกเร้ามากขึ้น เขาพูดเบาๆข้างหูฉัน "อะไรกัน ยังกลัวผมอยู่เหรอ"

เปล่าหรอก ฉันไม่ได้กลัว ฉันรู็สึกดีด้วยซ้ำที่เราใกล้ชิดกันอย่างนี้ แต่มันก็อดรู้สึกหนาวๆร้อนๆไม่ได้ และเหมือนเขาจะรับรู้ได้ว่า ฉันยังคงไม่ชินกับเหตุการณ์แบบนี้ คุณนรินทร์จึงหันมามองฉัน แล้วเชยคางฉันเบาๆ ก่อนจะสบตากัน นั่นทำเอาฉันเขินอายเข้าไปใหญ่ แววตาฉันสั่นไหวระริก

"สิดี..."เขาเอ่ย เสียงอ่อนหวาน ในแบบที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน "ผม...รักคุณ แล้วก็ต้องการคุณมากกว่าอะไรทั้งหมด" อะไรของเขากัน พูดอย่างนี้ ฉันยิ่งตัวอ่อนระทวย รู้สึกจะเป็นลม ฉันจึงหลบสายตาหันไปมองทางอื่น

เขาก้มลงแล้วบรรจงจุมพิตที่กระหม่อมฉันทีหนึ่ง ฉันเลยหลับตาพริ้ม นี่ฉันไม่ได้ฝันไปหรอกนะ เขารักฉัน รักฉันจริงๆ

"ไม่มีอะไรต้องกลัวหรือกังวลอีกแล้ว หัวใจผมเป็นของคุณ เปิดรับมันหน่อยนะ" ว่าแล้วเขาก็จรดริมฝีปากอุ่นๆ จูบฉันอย่างอ่อนโยน

นั่นสิ ฉันยังกลัวหรือกังวลอะไรหรือ ในเมื่อตอนนี้ ใจของเราทั้งสองเป็นของกันและกัน เมื่อสมองเริ่มประมวลผลได้ ฉันจึงจูบตอบกลับเขามากขึ้น สองมื้อโอบรอบต้นคอเขาไว้ เขาคงรับรู้ได้แล้วล่ะว่าฉันก็รักเขาเพียงใด คุณนรินทร์จึงกระชอบอ้อมกอดแน่นขึ้น เขาโอบฉันไว้ทั้งตัวแล้วพรมจูบทั่วใบหน้า

ฉันพยายามพูดกลับ แม้น้ำเสียงจะสั่นเครือ "นรินทร์ขา ฉันรักคุณ"



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2555, 00:15:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2555, 00:15:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2163





<< เคลียร์   ปอคอ >>
คิมหันตุ์ 11 ก.ค. 2555, 01:47:52 น.
โอ๊ะ เย...


kaze 11 ก.ค. 2555, 04:21:16 น.
อ๊ายยย ไม่ได้เข้ามานาน ตกใจเลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้จังค่ะ จำได้ว่าฮาจนน้ำตาเล็ดเลย


ใบบัวน่ารัก 11 ก.ค. 2555, 07:20:54 น.
โก๊ะ ..แปลกๆนะ คู่นี้
ขอลูก3คนนะ


wii 11 ก.ค. 2555, 07:40:12 น.
เฮ้ออ่านเรื่องนี้เเล้วเเทบลมจับเพราะหัวเราะซะจนหายใจไม่ทัน เรียกว่าหัวเราะจนหน้ามืดไปเลย


ลายเส้น 11 ก.ค. 2555, 09:49:31 น.
45555


ling 11 ก.ค. 2555, 11:34:20 น.
งัยหล่ะ ไม่พ้นแว้ว อิอิ


goldensun 11 ก.ค. 2555, 12:18:34 น.
แม่ตัว แม่สามี แล้วก็สิดีเองมุขเยอะจัง อ่านแล้วหัวเราะเลย ขนาดนลินเศร้านะ
สิดีมือยังกระตุกไม่หายอีกนะ ขนาดรักกันดีแล้ว


agentaja 11 ก.ค. 2555, 21:14:12 น.
เรื่องนี้อ่านแล้วขำแม้กระทั่งตอนสวีทวี้ดวิ้ว


Kapoh 11 ก.ค. 2555, 22:16:14 น.
สิดีน่ารักอ่ะ 555


ลูกกวาดสีส้ม 12 ก.ค. 2555, 23:01:43 น.
อุ้ย...มดกัด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account