บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 13

ทักทาย
หายดีแล้วค่ะ !!
นอกจากผวายุงแล้วก็ไม่มีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อนค่ะ

คุณหมูอ้วน -- ขอบคุณค่ะ ครั้งที่แล้วจำสับสนว่าลงเรื่องอะไรยังไงหรือยังเลยออกมาช้าอย่างที่เห็น ถ้ายังไงช่วยลุ้นต่อไปด้วยนะคะ
คุณปอแก้ว -- ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ปลากัด -- หายดีแล้วจ้า ขอบคุณนะที่แวะมาทักทาย

--------------------------

ตอนที่ 13

ตรีประดับก้าวออกจากห้องประชุมที่กินเวลาจนถึงช่วงเย็น หญิงสาวกำแฟ้มงานในมือแน่น ในขณะที่ผู้ร่วมประชุมรายอื่นหยุดพักในห้องกาแฟเพื่อรอดูรายงานข่าวภาคค่ำที่เรตติ้งของสถานีถือว่าดีที่สุดทิ้งห่างข่าวของสถานีโทรทัศน์คู่แข่งไม่เห็นฝุ่น ร่างโปร่งระหงสวนผ่านความวุ่นวายยังแว่วได้ยินเสียงกระซิบคุยถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา ตรีประดับเหลือบตาดูนาฬิกา เวลาเริ่มออกอากาศอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า แต่ตัวผู้ประกาศเพิ่งถูกปล่อยออกมาจากห้องประชุม เรือนอรุณคงต้องรีบหน่อย เพราะในฐานะหญิงสาวที่ถือหุ้นส่วนอยู่เกือบครึ่งใช่ว่าจะมีเส้นสายคอยช่วยเหลืออย่างที่คิด ในเมื่อหุ้นส่วนร่วมเพิ่งออกกฎระเบียบใหม่ การเปลี่ยนแปลงมีแน่ แต่ทุกอย่างจะวัดจากผลงานที่ทำ ไม่ใช่ว่าใครเป็นญาติใครแล้วจะนั่งอยู่ติดเก้าอี้เดิมได้ตลอด และตรีประดับเพิ่งรู้อำนาจของเรือนอรุณกำลังถูกบั่นทอนตั้งแต่ผู้เป็นบิดาของหญิงสาวตายลงความสำคัญในฐานะหุ้นส่วนคนสำคัญก็มีอยู่แค่นั้นเหมือนตุ๊กตาที่ถูกจับวางในตู้กระจก

มิน่า...อีกฝ่ายถึงพยายามดิ้นรนสุดชีวิต ใช้ทั้งเส้นสาย ใช้ทั้งเนื้อตัวเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัยในสถานี

“โล่งแล้วนะคะคุณสอง ”

คำทักทายเย้าแหย่จากเพื่อนร่วมงานที่กินนัยลึกถึงใครอีกคน ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาได้ จากที่มีรายชื่อติดโผในกลุ่มโยกย้าย กลายเป็นว่าผลงานและความประพฤติส่วนตัวหล่อนดีมากเสียจนไม่มีใครกล้าแตะต้อง คนที่โดนหนักสุดแทบจะเป็นจำอวดในห้องประชุมตกไปที่เรือนอรุณ หญิงสาวที่ไม่สะทกสะท้านแม้จะรู้ว่าสถานะของตนแย่ลง ข่าวฉาวรายวัน การวางตัวที่ไม่เหมาะสม ทำเอาผู้ประกาศข่าวสาวภาคค่ำเหมือนจมอยู่ในน้ำ แม้แววตาที่มองทุกคนรอบห้องจะไม่สะทกสะท้าน ไม่มีคำแก้ตัวใดหลุดออกจากปาก แต่ตรีประดับเชื่อว่าอีกฝ่ายคงหวั่นใจไม่น้อย

มือบางผลักประตูห้องแต่งตัวให้เปิดออก หญิงสาววางแฟ้มงานในมือเพื่อเปิดโทรทัศน์รอเวลารายการข่าวภาคค่ำ ตั้งแต่มีเรื่องกัน เรือนอรุณก็แทบจะแยกตัวออกห่างหล่อน ถามคำตอบคำพูดเหมือนเสียไม่ได้ เรื่องแบบนี้ตรีประดับไม่เดือดร้อนแต่คนที่ทนไม่ได้คือละลินตา โปรดิวเซอร์สาวที่ตั้งตนเป็นเกราะกันภัยคอยปกป้องหล่อน คนเป็นเพื่อนที่เหมือนโตมาในสายอาชีพพร้อมอีกฝ่ายบ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงนิสัยที่เปลี่ยนไป ทำเอาตรีประดับต้องคอยแก้ตัวแทนคนที่ถูกยกให้เป็นคู่แข่ง แต่ผลกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามโปรดิวเซอร์สาวยิ่งโกรธ แถมยังพาลมายังหล่อนต่อว่าที่ ‘ ดีเกินไป ’ จนถูกเรือนอรุณรังแก กระนั้นตรีประดับก็ยังก้มหน้ารับคำต่อว่าของคนเป็นเพื่อนด้วยท่าทีสยบยอม

มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นกด รอจนปลายสายกดรับแล้วจึงวางลง เพื่อต่อสายใหม่ ทำอย่างนี้อยู่สองครั้ง ก็เก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋า ทอดสายตาดูเงาตัวเองในกระจก ดวงตาคู่สวยโดยไม่ได้ต่อขนตาให้ยาวงอนเป็นประกายวาวขึ้นก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อละลินตาเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะ

“ อยู่นี่เอง หาซะทั่ว ”

หญิงสาวยิ้มให้คนทัก มองร่างอวบอ้วนในชุดกระโปรงตัวใหญ่พิเศษปักลวดลายประจำรายการเล่าข่าวเช้าเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาใกล้ด้วยแววตาแปลกไปนิด ชุดคลุมท้องของละลินตาถูกสั่งตัดเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับเสื้อพนักงานของสถานี ผ้าที่ตัดทำจากผ้าเนื้อดีนุ่มลื่น ใส่สบาย ราคาต่อชุดเรียกได้ว่าแพงลิบลิ่วสมฐานะครอบครัวของอีกฝ่าย กระนั้นคนที่นับวันท้องยิ่งโตก็ยังเลือกสั่งมามากกว่าหนึ่งโหล โดยให้เหตุผลง่าย ๆ ว่าพอเบื่อสีไหนก็หยิบสีใหม่ขึ้นมาใส่ ลดอาการหงุดหงิดที่มักเกิดระหว่างตั้งครรภ์ลง

“ ฝั่งตรงข้ามมีตลาดนัด เราไปเดินดูไหมสอง ”

“ เอาสิ ”

ตรีประดับตอบรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนก้มมองเวลาผ่านนาฬิกาที่ข้อมือ ท่าทางกระวนกระวายของหล่อนคงแสดงออกชัดเพราะคนที่ช่วยเก็บข้าวของใส่กระเป๋าถึงกับเอ่ยปากถาม

“ นี่ ถ้าเธอมีนัดก็ไม่เป็นไรนะสอง ”

“ เปล่า ไปได้น่าลี่ เออนี่ วันนี้คุณเมฆมารับหรือเปล่า ”

“ อยากให้มาอยู่หรอก แต่คุณเมฆไม่ว่าง ไปต่างจังหวัด แล้วเธอล่ะวันนี้ก็ไม่มีสารถีเหรอ ”

ละลินตาสอดส่ายสายตาหา โปรดิวเซอร์สาวเคยเห็นชายหนุ่มมาดดี หน้าตาตามเทรนด์นิยมเทียวรับเทียวส่งตรีประดับอยู่หลายครั้งก่อนจะหายไป ทีแรกหญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่เมฆากลับเป็นคนเห็นภาพของคนทั้งคู่เข้า สามีหล่อนสนใจเรื่องนี้ถึงขนาดย้ำให้ผู้เป็นภรรยาบอกข่าวบ้างถ้าตรีประดับเอ่ยอะไรออกมา จะว่าไปแล้วละลินตาเองก็อยากรู้ แต่ในเมื่อคนเป็นเพื่อนไม่เล่า หล่อนเลยไม่กล้าเซ้าซี้ รอให้อีกฝ่ายพูดเองบอกเองน่าจะดีกว่า

“ ไม่มี ทั้งวันนี้และวันหน้า ”

ตรีประดับบอกเรียบ ๆ หล่อนรู้ว่าเทียนสรวงหายไปไหน ผู้ชายไวไฟกับผู้หญิงที่...เป็นน้องสาวหล่อน ป่านนี้คงจะไปกันได้ดีโดยที่หล่อนไม่ต้องเข้าไปยุ่มย่าม

“ อย่าบอกนะว่าอีกแล้ว ”

คนเพิ่งรู้เรื่องล่าสุดถามเสียงเนือย หญิงสาวที่เห็นว่าความรักของคนเป็นเพื่อนมักจบลงในระยะเวลาอันสั้นเพราะฝีมือมิ่งโมรีเป็นส่วนใหญ่เลิกตกใจไปนานแล้ว และถ้าบอกเรื่องนี้กับเมฆา สามีหล่อนคงมีอาการดีใจขึ้นมาวูบแล้วสลดลงวูบอีกเช่นเคย

“ อื้ม อีกแล้ว ” ตรีประดับตอบเสียงกลั้วหัวเราะ ท่าทางหล่อนสบายเสียจนละลินตาต้องตีเพื่อนไปแปะหนึ่งโทษฐานไม่ได้ดั่งใจ แถมท้ายด้วยการต่อว่าเหมือนเช่นเคย
“ ทำไมใจดีอย่างนี้สอง ร้ายมาร้ายตอบบ้างเป็นไหม ”

“ อยากเป็นนางเอกน่ะลี่ หรือถ้าจะต้องเป็นนางร้าย ก็อยากร้ายแบบที่ไม่ให้ใครจับได้ ”

เสียงหวานเอ่ยทีเล่นทีจริง ดวงตาวิบวาวอย่างล้อเลียน ละลินตาค้อนขวับเพื่อนไปที แล้วถอนหายใจอย่างเซ็งจัด

“ เธอเป็นไม่ได้หรอกสอง ภาพเธอมันไม่ให้ เป็นคนดีอย่างนี้ดีแล้ว อย่าพยายามคนเลวเลย ”

“ ทำไมจะไม่ได้ ตอนเด็ก ๆ ฉันขาดความอบอุ่นจากพ่อมาก โตขึ้นฉันอาจกลายเป็นพวกชอบแย่งของของคนอื่น ผู้ชายของฉันต้องเป็นของคนอื่นก่อนฉันถึงจะชอบได้ เรื่องงานก็เหมือนกัน ถ้าอยากได้ฉันต้องได้ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นต้องเป็นของฉันไม่ใช่ใครอื่น ฉันสร้างภาพเป็นคนดีแต่จริง ๆ แล้วเลว ส่วนคนที่เห็นว่าเลวจริงๆ แล้วแสนดี ”

“ เธอพูดถึงน้องสาวเธอกับอุ่นทำไม ” ละลินตาประชดเสียงเขียว ขณะที่ตรีประดับหัวเราะร่วนยักไหล่ปฏิเสธว่า

“ เปล่านะ ที่พูดน่ะตัวฉันเองแต่เธอไม่เชื่อต่างหาก ”

“ เธออยากให้ฉันออกลูกเป็นลิงเหรอตรีประดับ ! ” คนกำลังท้องอยู่แว้ดแหว ก้มหน้าเอ่ยกับท้องโต ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับคนเป็นเพื่อนไม่ได้อยู่ตรงนั้น “ ลูกแม่ แม่สอง...แม่ทูนหัวของหนูใจร้ายเกินไปแล้วนะ อยากให้หนูออกมาเป็นลิง ถึงกับเล่าเรื่องประหลาดให้แม่ฟัง อย่างนี้ต้องฟ้องพ่อเมฆให้ทำโทษใช่ไหมลูกรัก เธอเสร็จแน่ตรีประดับ ”

ละลินตาเงยหน้าขึ้นบอกอย่างมีชัย ตรีประดับมองร่างอุ้ยอ้ายที่จะลุกขึ้นยืนเดินแต่ละครั้งต้องคอยประคองท้องไว้ในอุ้งมือ สิบปีที่รู้จักละลินตา หล่อนไม่เคยเห็นใครจะมีชีวิตโรยกลีบกุหลาบได้เท่าคนเป็นเพื่อนอีกแล้ว หญิงสาวที่มาจากครอบครัวอบอุ่น เติบโตมาอย่างไม่รู้จักคำว่าลำบาก มีความรักมากมายห้อมล้อม ไม่ต้องมองหรือใส่ใจกับเรื่องยิบย่อยแบบที่ตรีประดับจำเป็นต้องสนใจ มีเงินทองจับจ่ายใช้สอยไม่ขาดมือ

ที่สำคัญ...อีกฝ่ายมีความรักที่ผลิบาน หล่อนมีสามีและกำลังมีลูกน้อยเป็นแก้วตาดวงใจ แถมยังมีความหวังรอคอยอยู่เสมอ ไม่เหมือนหล่อนทั้งที่พื้นฐานทางครอบครัวแทบไม่แตกต่างกัน แต่ตรีประดับกลับต้องไขว่คว้าทุกอย่างโดยใช้แรงกำลังทั้งหมดที่มี พ่อไม่รักหล่อน กับมารดาอย่างนวลอนงค์แม้จะรัก แต่ก็ยังมองหล่อนเป็นสินค้าชิ้นหนึ่งที่จับเสนอให้กับผู้ชายรวย ๆ เพื่อส่งเสริมฐานะตัวเองให้มั่งคั่ง ส่วนตรีนนท์ พี่ชายคนเดียว คงไม่เคยเห็นหล่อนเป็นน้อง เช่นเดียวกับมิ่งโมรีที่ไม่เคยเห็นหล่อนเป็นพี่ ละลินตารู้เรื่องเหล่านี้ดี แต่ยังพูดอีกว่าหล่อนมีชีวิตที่น่าอิจฉา ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่สมควรถูกอิจฉาน่าจะเป็นอีกฝ่ายมากกว่า ไม่ใช่หล่อน...ตรีประดับคนนี้

“ ไปตลาดนัดกันดีกว่า ”

“ ดูนะลูก พอแม่บอกว่าจะฟ้องพ่อเมฆแค่นี้แม่ทูนหัวของหนูก็กลัวจนตัวสั่น ต้องเปลี่ยนเรื่องคุยชวนแม่ไปเที่ยวเฉยเลย ”

คนพูดลูบท้องโต ๆ ขณะที่ตรีประดับคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายด้วยสีหน้ายิ้มละไม ภาพในจอโทรทัศน์เป็นรายงานข่าวสด ที่ทำให้ละลินตาต้องถอนหายใจซ้ำเมื่อเรือนอรุณสวัสดีผู้ชมผ่านหน้าจอ ตรีประดับเองก็หยุดมองอย่างตั้งใจ

“ เฮ้อ...คนแบบนี้มักได้ดีเสมอ ทีนี้คงจะได้กระวนกระวายแทนเธอบ้างล่ะว่าจะถูกเลื่อนลด ปลด ออก ”

ละลินตาก็เข้าร่วมประชุม ความซวนเซในสถานียามเปลี่ยนผู้บริหารทำให้ทุกอย่างกลายเป็นความไม่แน่นอน ดารา-ผู้ประกาศข่าว ผู้จัดละครหลายรายเริ่มหวั่นใจต่ออนาคตข้างหน้า เมื่องานที่เสนอไปแล้วถูกตีกลับมาไม่ผ่าน ก่อให้เกิดการต่อต้านลึก ๆในใจ บางคนเมื่อหมดสัญญาถึงกับรีบข้ามช่องเพื่อควานหาหลักยึดที่มั่นคง และมีบางคนที่ถูกดึงตัวให้ร่วมงานกับสถานีอื่นด้วยอำนาจเงินที่ยังใช้ได้ดีเสมอแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป

“ อุ่นมีความสามารถเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกปลด ”

“ มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก อย่าเป็นอะไรไปตอนนี้ละกัน ฉันเสนอชื่อเธอเสียบแน่ ”
“ ไม่ดีนะลี่ ทำอย่างนั้นไม่ดี ”

“ เพื่อนฉัน ! ” ละลินตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ อุ่นทั้งแย่งงาน ใส่ร้ายเธอลับหลังขนาดนั้น ยังมีใจเป็นแม่พระลงอีกเหรอ เธอจะดีจนน่ากลัวเกินไปแล้วนะสอง ”

แม้เรื่องราวจะผ่านมานานแล้ว แต่รอยบาดหมางระหว่างเรือนอรุณและตรีประดับเกี่ยวกับการแย่งช่วงเวลาอ่านข่าวภาคค่ำยังคงชัดเจนอยู่ในใจละลินตา หญิงสาวที่คิดเสมอว่าเรือนอรุณเติบโตด้วยความสามารถ ไม่คิดเลยว่าท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็ใช้เส้นสายให้ได้ผลงานที่ความจริงแล้วคนตรงหน้าควรได้ไปมากกว่า หญิงสาวที่มองว่าทุกชีวิตควรเท่าเทียมกันด้วยความสามารถเลยหมดศรัทธาและแอบสะใจลึก ๆ ที่ชื่อเสียงของเรือนอรุณหลังจากนั้นเป็นไปในแง่ลบมากขึ้นเพราะการกระทำตามแต่ใจของอีกฝ่ายเอง ผิดกับเพื่อนสนิทของหล่อน ตรีประดับยังคงขาวสะอาด สมกับการเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนภายนอกมองเห็น

“ ฉันพยายามคิดอย่างนี้ต่างหากลี่ คิดว่ามันเป็นบททดสอบ ” เสียงหวานหมองลง ละลินตาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ คนดีที่ตายเพราะความทุกข์ของคนอื่นไม่เห็นดีเลย อย่าทำให้อุ่นเป็นน้องสาวคนที่สองของเธอสิสอง มีเด็กมิ่งคนเดียวก็พอแล้วนะ จะเพิ่มมาอีกคนทำไม ”

“ มิ่งไม่ใช่คนไม่ดีนะลี่ เพียงแต่ว่าถูกคุณพ่อตามใจตั้งแต่เล็ก พี่หนึ่งเองก็รักมาก มากขนาดที่ว่า...ฉันเทียบไม่ได้ ”

ตรีประดับเล่าเสียงขมสีหน้าสลดลงจนละลินตาต้องแทรกขึ้นอย่างทนไม่ไหวว่า

“ ฉันรู้...ทุกคนบนโลกนี้สำหรับเธอดีหมด ยกเว้นตัวเธอเอง ”

“ บางทีนะลี่ ถ้าไม่มีฉันสักคน...”

ตรีประดับเอ่ยเสียงเบา ขอบตาแดงช้ำ ท่าทางกลั้นไม่ให้หยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาบวกกับคำพูดตัดพ้อเหมือนอยากหายไปจากโลกนี้ทำเอาคนเป็นเพื่อนโกระขึ้นมาบ้าง

“ สอง ! ทำไมพูดอย่างนี้ เธอมีค่านะไม่ใช่มีราคา ถ้ามีราคานั่นน้องสาวเธอ ”

พูดไม่พูดเปล่า ละลินตายังดึงร่างโปร่งของคนเป็นเพื่อนมากอดไว้ ตรีประดับซบหน้าลงกับไหล่บาง หล่อนไม่ได้สะอื้น แต่ตัวสั่นสะท้านจนละลินตาต้องลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยน

“ จำไว้นะ ต่อให้คนทั้งโลกยืนอยู่อีกฝั่ง แต่ฉันจะอยู่ข้างเธอ ” ละลินตากระชับวงแขนแน่น แม้จะมีอุปสรรคเรื่องท้องโต ๆ ของหล่อนแต่ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดไม่ตกหล่นเลยสักนิด “ อย่าให้ใครรังแกง่าย ๆ เห็นแก่ตัวบ้างอะไรบ้าง อีกอย่างถ้าตบไม่ได้ก็ต่อยสิ เจ็บกว่าเชื่อฉัน ลองทำดูนะสองนะ ”

“ โธ่...เปลี่ยนเป็นยกมือไหว้ขอโทษแทนได้ไหม แบบนั้นทำง่ายกว่า ไม่ต้องเจ็บตัว แถมคนโกรธยังหายโกรธด้วย ” ตรีประดับยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนเอ่ยจริงจัง “ สัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง จะเป็นที่รักของคนให้มาก ๆ ”

“ อย่างหลังไม่ต้องก็ได้ แค่นี้ก็มีแต่คนหลงรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ”

“ ใครล่ะ ”

“ ก็คุณเมฆไง ”

ละลินตาหัวเราะเบิกบาน มองดวงหน้าหวานของคนเป็นเพื่อนที่สดใสขึ้นด้วยแววตาพอใจ หากหล่อนยังไม่ทันเอ่ยต่อว่าเมฆาที่สนิทสนมกับตรีประดับมาก่อนเคยเอ่ยถึงเพื่อนสนิทว่าอะไรบ้าง ทีมงานที่ต้องอยู่ในส่วนเตรียมตัวออกอากาศก็วิ่งกระหืดกระหอบพรวดพราดเปิดประตูเข้ามา

“ โอ๊ย...โชคดีที่สุดเลย คุณสองคะ... คุณสองช่วยไปอ่านข่าวแทนคุณอุ่นทีสิคะ ”

“ อะไร เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมต้องให้พี่สองไปอ่านข่าวแทน ”

ละลินตาถามอย่างแปลกใจ หยิบรีโมตที่วางไว้ในตะกร้าพลาสติกทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้าขึ้นกดเพื่อดูรายการข่าวภาคค่ำ แต่ภาพที่เห็นคือการ์ตูนสำหรับเด็กคั่นเวลาก่อนช่วงข่าวออกอากาศ โปรดิวเซอร์สาวมองดูนาฬิกาเพื่อคำนวณเวลาที่ยังเหลือให้เตรียมตัว อีกครึ่งชั่วโมง เรือนอรุณยังสามารถก่อเรื่องได้ภายในครึ่งชั่วโมงที่เหลือ เก่งที่สุด !

“ คุณอุ่นหายไปค่ะ ”

“ เป็นไปได้ยังไง จะหายไปไหน หาทั่วหรือยังคะ ”

ตรีประดับถามร้อนรน มองประตูที่ถูกผลักเปิดอีกครั้งด้วยสีหน้าแปลกใจคนที่ตามเข้ามาเป็นขบวนใหญ่คือช่างแต่งหน้าที่ถูกตามเข้ามา ซึ่งตรงเข้าทำหน้าที่ของตนทันที รวมถึงทีมงานที่ตามติดเข้ามาคอยดูแลความพร้อม ตรีประดับถูกจับสวมชุดสูท ทุกอย่างดูวุ่นวาย ก่อนที่สคริปต์ข่าวคร่าว ๆ จะถูกยื่นส่งให้เพื่อจดจำ

“ หันมาทางนี้ค่ะน้องสอง พี่เติมแป้งให้ ” ช่างแต่งหน้าสาวรีบเติมแป้งขณะที่เรือนอรุณแบกท้องตัวเองออกไปดูเหตุการณ์ในห้องส่งทันที

“ หาอุ่นไม่เจอเลยเหรอคะ ”

“ กำลังช่วยกันดูอยู่ค่ะ แต่พี่ว่าเจ้าตัวคงตั้งใจป่วนเพราะเรื่องในที่ประชุมมากกว่า เค้าว่าน้องอุ่นจะถูกปลดจริงเหรอคะ ”

ตรีประดับพยักหน้า คนรอฟังเลยเอ่ยด้วยน้ำเสียจงลิงโลดแกมประจบว่า

“ พี่ก็ว่าแล้วเชียว ทำงานแล้วมีแต่ชื่อเสียแบบนี้ผู้บริหารใหม่คงไม่เอาไว้หรอกค่ะ นี่ก็ว่ากันว่าหุ้นที่น้องอุ่นถือแทนคุณวิทย์ ”

คนพูดเอ่ยถึงบิดาเรือนอรุณที่เสียไปด้วยความเกรงใจ

“ ก็ถูกซื้อไปเกือบครึ่ง ทีนี้ก็คงหัวเดียวกระเทียมลีบนั่นแหละค่ะ น้องสองต้องพยายามเข้านะคะ พี่กับคนทั้งสถานีรอเชียร์อยู่ ”

ตรีประดับไม่ตอบหญิงสาวเม้มริมฝีปากให้ช่างแต่งหน้าเติมสีสันให้

“ สองพร้อมหรือยัง อีกห้านาทีจะออกอากาศแล้ว ”

เรือนอรุณที่เข้ามาตามเอ่ยเสียงเครียด ทำเอาคนที่เหลือแทบจะอุ้มตรีประดับออกไปส่งให้ ร่างโปร่งระหงรีบลุกขึ้นยืน สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองผ่านกระจกอีกครั้ง

“ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ ”

“ ได้สิ เร็วเข้านะ เจอกันที่ห้องส่ง ”

ตรีประดับก้าวไปยังส่วนของห้องน้ำ ใกล้ทางเดินลงบันไดหนีไฟที่ถูกปิดไว้ ผู้ประกาศข่าวสาวเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ร่างของเรื่องอรุณนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ในมือยังกำโทรศัพท์ไว้แน่น ตรีประดับมองอย่างเฉยชา และเพียงอึดใจหญิงสาวก็เปล่งเสียงร้องอย่างคนที่อกสั่นขวัญแขวนไปกับภาพที่เห็น

“ ช่วยด้วยค่ะ ! ใครก็ได้ช่วยอุ่นที ! ”

ร่างโปร่งระหงสั่นเทา เสียงของหล่อนดังเรียกให้ประตูห้องเกือบทุกบานเปิดออก พร้อมเจ้าหน้าที่ และทีมงานที่กรูกันออกมาเพื่อดูว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ตรีประดับถูกดึงให้พ้นทางเมื่อร่างของผู้ประกาศข่าวสาวถูกอุ้มขึ้นมา หล่อนถูกสั่งให้กลับไปยังห้องส่งพร้อมท่าทางปลอบขวัญที่มาพร้อมคำปลอบใจอีกนับไม่ถ้วน

“ สอง ไม่เป็นอะไรแล้วนะสอง ”

ละลินตาตรงเข้ากอดปลอบเพื่อน พาออกจากเหตุการณ์ชุลมุนตรงหน้า ตรีประดับกลืนน้ำลายลงคอ พยายามบอก

“ ฉันไม่เป็นไรลี่ แต่...แต่อุ่นเค้า...”

“ อุ่นจะปลอดภัยสอง จะปลอดภัย แต่ว่าตอนนี้เธอมีหน้าที่ต้องทำ ไหวหรือเปล่า ? ”

ท้ายประโยคของโปรดิวเซอร์สาวคือคำถามที่มาพร้อมความไม่แน่ใจ ตรีประดับพยักหน้ารวดเร็ว พยายามฝืนยิ้มจนคนมองนึกสงสาร

“ ดีแล้ว ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จบงานแล้วเราจะไปเยี่ยมอุ่นกัน ”

ร่างโปร่งก้าวเข้าสู่ห้องส่งด้วยท่าทีไม่มั่นใจ ละลินตามองอย่างกังวล ก่อนรีบผละไปยังฉากหลังเพื่อประคับประคองการออกอากาศให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ตรีประดับนั่งลงยังเก้าอี้ผู้ประกาศข่าวที่หล่อนใฝ่ฝันมาตลอด ฟังคำปลอบจากเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง แล้วหันหน้าเข้ากล้อง ฟังเสียงนับเลขเพื่อเข้าสู่รายการ พร้อม ๆ กับที่ริมฝีปากบางเปิดรอยยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายวาวมั่นใจ ยามยกมือไหว้ผู้ชมทางบ้านผ่านกล้องโทรทัศน์ เทปที่ออกอากาศวันนี้และต่อ ๆ ไป หล่อนจะทำหน้าที่แทนเรือนอรุณให้ดีที่สุดเอง !


***


เทียนสรวงดักรอมิ่งโมรีตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มที่ปักหลักรอคอยตั้งแต่เมื่อคืนวาน มองร่างเล็กผอมที่ก้าวออกจากบ้านอย่างรีบร้อนรีบดับบุหรี่ในมือลง มิ่งโมรีชะงักไปนิด ดวงหน้าค่อนข้างซีดฉายรอยตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าจะพบคนที่ปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระโดยไม่มีเงื่อนไข หญิงสาวพยายามเลี่ยงหนี แต่กลับถูกคนตัวสูงกว่าดักทางไว้ พอหล่อนขยับเพื่อหลบไปอีกทาง ข้อมือเล็กก็ถูกคว้า มิ่งโมรีสะดุ้งสุดตัวทำเอาเทียนสรวงแปลกใจ

“ เป็นอะไร มี...ใครทำอะไรหรือเปล่า ? ”

“ เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็...ไม่มีใครทำอะไรค่ะ ” หญิงสาวพยายามบิดข้อมือตัวเองออก ริมฝีปากเซียวเม้มแน่น เทียนสรวงขมวดคิ้วมุ่นแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ “ ฉันกำลังรีบ ช่วยปล่อยมือด้วยค่ะ ”

คนถูกขอทำท่าเหมือนโอนอ่อนตาม แต่แล้วกลับดึงร่างผอมเข้ามาใกล้ มิ่งโมรีหวีดร้อง เมื่อชายหนุ่มคว้าคอเสื้อหล่อนดึงลึกจนเห็นเนื้อเนียนเป็นรอยจ้ำแดงกดลึก หลายร่องรอยบอกให้รู้ถึงการลุกล้ำ

“ มิ่งโมรี ” เทียนสรวงคราง ใจหายอย่างลึกล้ำ ชายหนุ่มปล่อยให้มือผอมที่สั่นจนหยุดไม่ได้ หญิงสาวดึงเสื้อตัวเองกลับ ดวงหน้าแต้มสีสันจัดไร้สีเลือด

“ ฉัน...ไปได้แล้วใช่ไหมคะ ”

เสียงใสเอ่ยถามเยียบเย็น เทียนสรวงนิ่งงัน ชายหนุ่มถอยตัวไปด้านหลัง ปล่อยให้หญิงสาวเดินไปยังซอยด้านหน้า รอยจูบพวกนั้นไม่ใช่ฝีมือเขาแน่ ๆ แล้วฝีมือใคร...มีใครทำอะไรมิ่งโมรีอยู่ในกุลชาติ ไม่ใช่แค่นวลอนงค์ ไม่ใช่แค่ตรีประดับ หรือประณีต แต่ยังมีคนอื่น...

ร่างสูงก้าวขึ้นรถ รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบ เมื่อคิดถึงชายหนุ่มหนึ่งเดียวในบ้าน ร่างเล็กที่ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ราวกับหยุดหายใจทำเอาชายหนุ่มตัดสินใจได้ เทียนสรวงหักรถเข้าข้างทาง เทียบจอดตรงหน้ามิ่งโมรีที่ยืนอยู่ กดเลื่อนกระจกลงเพื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ ขึ้นรถสิ ผมจะไปส่ง ”

เสียงที่เบาเหมือนจะปลอบทำเอาดวงหน้าของมิ่งโมรีแข็งค้างเหมือนสวมหน้ากาก หญิงสาวนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะยอมก้าวขึ้นรถ เทียนสรวงถอนหายใจเฮือก โล่งอกอย่างประหลาดที่หญิงสาวไม่ได้ตั้งแง่ใส่เขาจนต้องง้องอน

“ ผมคิดว่าคุณจะขัดขืนเสียอีก แบบนางเอกละครไทยอะไรอย่างนี้ ”

“ ฉันไม่ใช่นางเอกค่ะ แล้วก็บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่า...กำลังรีบ ”

“ คุณจะไปไหน ”

หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างชั่งใจ ก่อนเอ่ยชื่อโรงพยาบาลที่เรือนอรุณพักรักษาตัวอยู่ ขณะที่เทียนสรวงชะงัก ถามซ้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชากว่าเดิมจนคนฟังต้องขมวดคิ้ว

“ เดี๋ยว... โรงพยาบาลอะไรนะ ”

มิ่งโมรีทวนชื่อโรงพยาบาลอีกครั้ง แปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีผิดปกติของชายหนุ่ม และเพราะคิดว่าอาจเป็นเรื่องที่หล่อนพอช่วยได้ หญิงสาวเลยถามอย่างห่วงใย

“ คุณเทียน เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ” คนถูกดึงออกจากความคิด ส่ายหน้า

“ ไม่มีอะไร ผมสบายดี ”

ชายหนุ่มยิ้มร่าเริง แต่ดวงตาเคร่งเครียดจนมิ่งโมรีจับได้ หญิงสาวเลยหยุดการซักถามทั้งหมดไว้แค่นั้น ดวงตากลมสีดำดุจนิลเหม่อมองรถราที่วิ่งขวักไขว่ข้างหน้าแล้วนิ่งไปอึดใจก่อนเอ่ย

“ ฉันยังปกตินะคะ ”

คนที่คอยแต่เหลียวมองด้วยความเป็นห่วงเพราะคนนั่งข้างไม่พูดอะไรเลย สำลักไอ มิ่งโมรีที่มองเห็นท่าทีทั้งหมดของเทียนสรวงผ่านกระจกหน้าต่างหันสบตาชายหนุ่ม แม้น้ำเสียงที่เอ่ยย้ำจะค่อนข้างสั่นแต่ถ้อยคำที่บอกให้ฟังมั่นคงจนรู้สึกได้ถึงความตั้งใจ

“ ฉันยังเป็นฉันอยู่ค่ะ ”

คนได้ฟังคำตอบเงียบไปอึดใจ ก่อนเอ่ยตามตรง “ คุณมิ่ง ที่คุณทำแบบนี้ รู้ไหม ? บางทีผมก็อยากรู้ บางทีผมก็ไม่อยากรู้ เหตุผลของคุณว่าทำแบบนี้ทำไม ผมพยายามคิดว่า มันไม่จำเป็นที่จะต้องรับฟังแต่ว่าหลาย ๆ ครั้ง ผมก็ทนไม่ได้ ”

“ เรื่องบางเรื่อง มันก็ยากเกินที่เราเข้าใจ ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้มันผ่านไปค่ะ ”

“ ผมเคยพยายามแล้ว แต่ไม่สบายใจ ”

เทียนสรวงสารภาพ ถอนหายใจคล้ายเบื่อที่ตัวเองเป็นแบบนี้เช่นกัน มิ่งโมรีหันมองดวงหน้าขาวที่ยังมีรอยช้ำปรากฏ เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ คุณเทียนเป็นคนดีนะคะ ”

ชายหนุ่มมองคนนั่งข้างอย่างประหลาดใจ ก่อนเบือนหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายจ้องกลับอย่างซื่อตรงจริงใจ ดวงตาสีดำสนิทที่ฉายรอยเชื่อมั่นแบบที่เทียนสรวงไม่คุ้นเคย ทำเอาคนมองเห็นนึกสบถในใจ ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว...

“ ในห้องน้ำร้านอาหารญี่ปุ่น พี่สาวคุณ จู่ ๆ ก็ราดน้ำใส่ตัวเอง จะทำเพราะตั้งใจหลบออกจากผู้ชายคนนั้น หรือทำเพื่อให้เห็นว่าตัวเองถูกคุณรังแกก็ตาม ผมไม่สนใจ เพราะที่ผมรู้คือ แค่เดินออกมาคำพูดแรกที่คุณช่วยพี่สาวคุณคือไล่ให้เธอกลับบ้าน ตอนนั้นคุณไม่ไว้ใจผมถึงขนาดตั้งใจโทร.เช็ค ยังมีอีก วันที่ผมโดนซ้อม วันที่ผมพยายามตามไปหาคุณที่โรงแรม ผมถามจนแน่ใจว่าใครส่งมา คุณอยากรู้ไหมว่าใครส่งมา ”

“ ฉัน...ไม่อยากรู้ค่ะ ”

“ ความจริงนะคุณ ไม่อยากรู้เหรอ ” คนที่กุมความลับไว้ทำเสียงยั่วแหย่ แต่ดวงหน้าที่แต่มฉูดฉาดด้วยเครื่องสำอางไม่รู้ยี่ห้อยังเฉย

“ ถึงจะเป็นความจริงก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ”

“ นั่นยิ่งสมควรต้องรู้ ผมคิดว่าคุณจะกล้ากว่านี้นะมิ่งโมรี ” ชายหนุ่มทำเสียงเหมือนดูถูก ทำเอาคนที่นั่งนิ่งมาตลอดหันขวับมองอย่างอ่อนใจ

“ คุณเทียนคะ ”

“ ครับ ” คนตอบกลับทำสีหน้าล้อเลียน ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่วันนั้น ว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นกับคุณอีก ถ้าคุณพอจะเชื่อใจคนขับแท็กซี่แบบผม ”

“ ฉันไม่ได้วัดความดีของคนจากอาชีพที่เค้าทำนะคะ ”

“ คุณแตกต่างจากพี่สาวคุณนะมิ่งโมรี แตกต่างกันหลายอย่าง เพราะฉะนั้นผมจะย้ำอีกครั้ง ว่าพี่สาวคุณเค้าปกป้องตัวเองได้ คุณไม่จำเป็นต้องดูแลเค้า หรือทำอะไรเพื่อช่วยเหลือเค้า ”

รถยนต์จอดสนิทยังลานจอดรถของโรงพยาบาล มิ่งโมรีไม่ตอบคำถามชายหนุ่ม เทียนสรวงเลยบอกเสียเองว่า

“ ผมจะไม่ยกเลิกสัญญาจ้างของคุณนวลหรอกนะ ” ดวงหน้าขาวจัดปรากฏรอยยิ้มเย็น “ ทุกอย่างจะยังเป็นไปตามการจ้างวาน ยกเว้น...เรื่องของคุณ ”

มิ่งโมรีมองอีกฝ่าย อยากถามว่าเพราะอะไร แต่แววตาที่ทอดมองอย่างอ่อนโยนทำเอาหล่อนตื้นตันจนพูดไม่ออก

“ เรื่องของคุณสอง ” หญิงสาวที่พูดได้กระท่อนกระแท่น พยายามควบคุมน้ำเสียงให้ปกติ “ คุณจะทำยังไงคะ ”

“ ผมจะไม่ยุ่ง ไม่ใช่เพราะคุณขอร้อง แต่เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปยุ่งเข้าใจนะ ”

“ แล้วเรื่องของฉัน... เป็นเรื่องที่คุณจำเป็นต้องเข้ามายุ่งเหรอคะ ? ”

หญิงสาวถามอย่างสงสัย ดวงตาฉายรอยอยากรู้จริงจัง ทำเอาคนถูกถามเงียบไปเพราะคาดไม่ถึงว่าจะเจอการจู่โจมด้วยคำพูดที่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าคนฟังตีความเป็นอื่นไปแล้ว เทียนสรวงอึกอัก เสปลดล็อคให้อีกฝ่ายลงจากรถโดยไม่ตอบคำถามที่ถูกถาม
คนที่ถูกไล่ทางอ้อมให้ลงไปยืนอยู่บนพื้นถนนโดยอัตโนมัติไม่เข้าใจอะไรนัก แต่เห็นท่าทีเฉยหนักของเทียนสรวงแล้วเลยไม่กล้าถาม ได้แต่บอกลาเบา ๆ ก่อนเดินเข้าไปยังตัวตึกของโรงพยาบาลที่ตั้งตระหง่าน คนนั่งอยู่ในรถมองตาจนลับสายตา เทียนสรวงถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน

“ คนอะไรพิลึก ตอบคำถามด้วยคำถาม จะให้บอกยังไงล่ะ ”

ร่างสูงเอนตัวผิงพนักเบาะอย่างแรง ดวงตาสีน้ำตาลฉายรอยพอใจขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วจางหาย เทียนสรวงเอื้อมมือเตรียมตัวกลับรถ และชายหนุ่มคงขับออกสู่ถนนใหญ่ไปแล้ว ถ้าสายตาจะไม่เหลือบเห็นโทรศัพท์รุ่นเก่า หน้าจอมีทั้งรอยขีดข่วนและตัวกรอบบิ่นร้าวบอกถึงการใช้งานอันทรหดของผู้เป็นเจ้าของหล่อนอยู่ ชายหนุ่มถือวิสาสะคว้าขึ้นดู กดไล่เบอร์ติดต่อภายในแต่ภาพหน้าจอที่ปรากฏทำเอาเขาต้องชะงัก ภาพถ่ายของมิ่งโมรี เด็กหนุ่มและเด็กสาวโครงหน้าคมคายละม้ายกัน ทำเอาตรีนนท์เดาได้ทันทีว่าคงเป็นตรีนนท์และตรีประดับในวัยเยาว์ สองพี่น้องที่มิ่งโมรีทั้งรักและพร้อมจะให้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง และแม้จะไม่ใช่ภาพสีแต่รอยยิ้มของกลุ่มคนทั้งหมดกลับสดใสสว่าง มิ่งโมรีเองก็คงมีความสุขในช่วงเวลานั้นอย่างเต็มที่

เทียนสรวงก้าวลงจากรถ ดวงหน้าขาวฉาบด้วยกระไอเย็นชายามป้ายหน้าโรงพยาบาลซ้ำอีกครั้ง มือถือเครื่องเล็กถูกกำจนแน่น ภาพในวัยเด็กผุดพรายขึ้นเหมือนฟองอากาศบนผิวน้ำ ความห่างเหินเย็นชาที่ถูกปฏิบัติจากผู้เป็นปู่ การถูกทิ้งให้ดิ้นรนมีชีวิตอยู่เพียงลำพังกับครอบครัวที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนไม่ซ้ำหน้าในต่างประเทศ คือรอยร้าวที่ทำให้เขาปฏิเสธการมีตัวตนอยู่ในโลกของ ธนาเกียรติ ก็จะเป็นไรไป... ถ้าจะใช้ชีวิตตามใจตัวเองไปตลอดชีวิต ผู้เป็นปู่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเขาอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่เทียนสรวงจะต้องกลับไปเพื่อรับรู้ว่าเขาคือใครในครอบครัวนั้น ก็แค่หัวโขนที่ถูกสวมทับร่างกาย จะมีหรือไม่มีแทบไม่ต่างกันเลย

“ เทียนสรวง ? เจ้าเทียน ? นั่นเจ้าเทียนใช่ไหม ? ”

ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า หยุดนิ่งมองคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ท่ามกลางผู้คนที่สวนผ่านไปมา ภาพของชายชรากลับชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ตาสบตา เทียนสรวงหันหลังกลับก้าวตรงไปยังลานจอดรถที่สร้างไว้โดยไม่เหลียวหลัง แม้จะได้ยินเสียงเรียกอย่างอ้อนวอนดังก้องแต่เขาไม่มีทางหันหลังกลับไป !

“ เจ้าสัวคะ เจ้าสัว ระวังค่ะ บุรุษพยาบาล ๆ ช่วยหน่อย เร็วเข้า ”

เจ้าสัวธนาที่ผวาเฮือกตะครุบคลานไปตามพื้นเพื่อไขว่คว้าหาคนที่จากไป ทำเอาพยาบาลสาวที่คอยดูแลได้สติ หญิงสาวประคองร่างของชายชราที่ถลาล้มไปข้างหน้า พยุงให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลเมื่อคนสูงวัยกว่าพยายายามขัดขืน ดิ้นรน

“ หลานฉัน หลานชายฉัน คุณพยาบาล เจ้าเทียน ! หลานฉัน ! ”

เจ้าสัวธนาตะโกนก้อง หัวใจเจ็บหนึบจนต้องทรุดตัวงออยู่กับรถเข็น สุดท้าย ชายชราได้แต่มองความว่างเปล่าตรงหน้า ด้วยสายตาพร่าเลือน

“ ฉัน...อยากเจอหลานชายฉัน อยากเจอ...อยากเจอหลานชาย ”

ดวงหน้าขาว มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่พยายามฝืนไว้ นางพยาบาลสาวที่คอยดูแลอยู่ใกล้ต้องก้มตัวปลอบล่อหลอกด้วยการนำอีกฝ่ายออกไปยังสวนที่ถูกจัดไว้ในโรงพยาบาล

“ เจ้าเทียนมันคงโกรธฉันมาก ชาตินี้มันคงไม่ยอมให้อภัยฉัน ”

ดวงตาคมทอดมองไปไกล ร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนเพราะไม่ได้เจ็บป่วยแทนที่จะสูงสง่าเช่นเดิมกลับเต็มไปด้วยร่องรอยอ่อนล้า ความหวังที่เคยมีดับแสงลงไปแล้ว คนคอยดูแลถอนหายใจยาว ได้แต่ยืนเงียบ ๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้

“ แต่ว่า...ถึงจะถูกเกลียด ฉันจะต้องเอาหลานชายฉันกลับมาให้ได้ ! ”


***


“ มิ่ง... ”

คนนอนอยู่บนเตียงมีสายน้ำเกลือพันที่ข้อแขน ที่ศรีษะพันด้วยผ้าก๊อซผืนยาวขยับตัวลุกทันทีที่เห็นว่าใครมาเยี่ยม เรือนอรุณร้องไห้กระซิก กอดร่างผอมที่ก้าวมาถึงเตียงรวดเร็วไว้แน่น เรือนตะวันที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมน้ำและขนมในมือทีหลังเลยได้แต่ส่ายหน้ามองภาพการออดอ้อนขอความรักของน้องสาวอย่างอ่อนใจ

“ กับคุณอบไม่ร้องเลยนะ พอมิ่งมาปล่อยโฮเชียว ”

คนเข้ามาทีหลังฟ้องยิ้ม ๆ คนป่วยที่พอมีแรงบ้างแล้ว แต่ยังเจ็บแผลที่ศีรษะนิดหน่อยเลยค้อนขวับ หมั่นไส้พี่ชายตัวดีที่วางท่าเป็นสุภาพบุรุษเต็มที่

“ คุณอุ่นเป็นยังไงบ้างคะ ”

มิ่งโมรีแตะมือไปตามแขนกลมกลึง มองดวงหน้าซีดเซียวของเรือนอรุณอย่างไม่สบายใจ มือเล็กบางแม้เย็นชื้น ทำเอาคนถูกห่วงยิ้มชื่น

“ เจ็บหัวนิดเดียวเอง ไม่เป็นไร คุณอุ่นทนได้ ว่าแต่มิ่งไม่โกรธใช่ไหมที่คุณอุ่นไม่ได้บอก...เป็นคนแรก ”

“ ไม่ค่ะ มิ่งรู้ว่าคุณอุ่นห่วงมิ่งไม่อยากให้ตกใจ แล้วนี่หมอว่ายังไงบ้างคะ ” คนที่รู้ข่าวเป็นรายสุดท้ายถามเสียงห่วง มองเนื้อตัวที่มีรอยแต้มอย่างกังวล

“ ผลเอ๊กซเรย์ออกมาแล้ว สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร ไม่มีเลือดคั่งและความจำยังปกติดี อ้อ ! ”

เรือนตะวันเคาะมือไปที่ขมับตัวเองก่อนจะเอ่ยต่อว่า

“ มีรอยแผลต้องเย็บ 13 เข็ม เหนือขมับ แต่ไม่ต้องตกใจกับจำนวนเข็มนะมิ่ง แผลเล้กนิดเดียวแต่ที่ต้องเย็บหลายเข็มเพราะคุณหมอศัลยกรรมที่นี่อยากให้ออกมาเนี้ยบที่สุดไม่เป็นรอยแผลเป็น ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ก็อาจจะมีเบลอ ๆ จำอะไรไม่ได้บ้างแต่ก็แค่ในระยะแรก ๆ ส่วนร่างกายส่วนอื่นก็... ”

“ แค่ฟกช้ำดำเขียว กับขาแพลง ” เรือนอรุณแทรกขึ้น ชูข้อศอกและเปิดผ้าห่มที่คลุมข้อเท้าซึ่งพันผ้าไว้อย่างดีให้คนอ่อนวัยกว่าดู

“ แล้วคุณอุ่นตกบันไดลงมาได้ยังไงคะ ” มิ่งโมรีถามเสียงเบา มองดูข้อเท้าที่ยังพันผ้าไว้อย่างไม่สบายใจ

“ ก็... ”

“ เดินไม่ระวังน่ะ ”

เรือนตะวันตอบแทนน้องสาว ขึงตาใส่คนนอนอยู่บนเตียงไม่ให้พูดอะไรให้คนอ่อนวัยกว่าไม่สบายใจไปมากกว่านี้ มิ่งโมรีมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างสงสัย เรือนอรุณต้องกระแอมกระไอ โยนเรื่องให้พี่ชายเป็นฝ่ายรับไว้

“ พี่อบ ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกับมิ่ง ”

เรือนตะวันสำลักไอ ไม่คิดว่าน้องสาวจะมาไม้นี้ คนนอนอยู่บนเตียงยักไหล่ ทีใครทีมัน อยากไม่ให้หล่อนพูดดีนัก ตัวเองก็หาเรื่องพูดเองละกัน

“ คุณอบมีอะไรจะคุยกับมิ่งเหรอคะ ”

“ มีเยอะ เอาสิ อุ่นเปิดโอกาสให้แล้วนะ วันนี้งดแย่งมิ่งวันหนึ่ง เชิญพี่อบตามสบาย ” เรือนอรุณพยักพเยิดขับไล่ไสส่งคนทั้งคู่ออกจากห้องหน้าชื่นตาบาน ทำเอาเรือนตะวันต้องเรียกน้องสาวเสียดัง ทำเอาคนฟังคอย่น

“ อะไร อยู่ใกล้แค่นี้ทำไม่ต้องเรียกซะดัง ไปเถอะไป๊ อุ่นเพลียแล้ว ง่วงด้วยเพิ่งกินยาเข้าไป ขอนอนพักหน่อย ”

พูดไม่พูดเปล่า เรือนอรุณยังโบกมือลาพร้อม มิ่งโมรีเลยหันมาปรับระดับเตียงให้เอนราบตามเดิม ท่าทีเอาใจของหญิงสาวทำเอาคนป่วยมองด้วยสายตาละห้อย แต่ต้องตัดใจ

“ มิ่ง...ขอโทษนะ แต่คุณอุ่นง่วงมากเลย แต่วันหลังมาอีกนะ สัญญานะว่าจะมา คุณอุ่นจะนอนโรงพยาบาลรอ ”

“ อย่าถึงกับนอนโรงพยาบาลรอเลยค่ะ ” คนต้องมาเยี่ยมอีกแน่ ๆ หัวเราะเบา ๆ “ เอาเป็นว่าหายเร็ว ๆ นะคะ แล้วมิ่งจะไปเยี่ยมอีก วันนี้รีบ ไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ”

“แค่มาก็ดีใจแล้ว ขอบใจแล้วก็ขอโทษด้วยนะอยากคุยเยอะ ๆ แต่ไม่อยากแย่งพี่อบ ”

“ ยัยอุ่น ! ”

เรือนอรุณมองมือผอมที่เอื้อมจับไว้อย่างอาวรณ์ เรือนตะวันเห็นแล้วชักขวางเลยแกล้งดึงมือมิ่งโมรีออกจากน้องสาว คนที่ถูกพรากไปต่อหน้าต่อตาแยกเขี้ยวทันที แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากขอให้คนอ่อนวัยกว่าออกจากห้องไป ที่พอลับสายตา หญิงสาวก็ต่อโทรศัพท์ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุมตัวเด็กหนุ่มซึ่งเรือนอรุณให้รายละเอียดไว้เพื่อถามความคืบหน้า แต่กลับไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนอกจากอีกฝ่ายปลอมตัวเป็นพนักงานส่งอาหารเพื่อให้ได้ขึ้นไปยังชั้นออกอากาศของสถานี เรือนอรุณวางสายลงด้วยอาการเหมือนคนมืดแปดด้าน เด็กหนุ่มคนนั้นเรือนอรุณไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เพราะอีกฝ่ายทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงบันไดหนีไฟ หล่อนที่กำลังเข้าห้องน้ำนึกสงสัยเลยตามไปเตือนเพราะชั้นบนของสถานีถือเป็นสถานที่ต้องห้ามที่ใครจะขึ้นมาไม่ได้ง่าย ๆ

“ อ้าว...อยู่คนเดียวเหรอ ” คนผลักประตูเข้ามาถามอย่างแปลกใจ เรือนอรุณตกใจ ก่อนชักสีหน้าใส่ทันทีเมื่อเห็นตรีประดับก้าวตามหลังละลินตาเข้ามา

“ ก็เจ็บคนเดียวก็ต้องอยู่คนเดียว หรือคิดว่าจะเจอใคร ” เจอคำประชดเข้าไปคนตั้งใจมาเยี่ยมเลยชักฉุน กระแทกกลับไปเช่นกันว่า

“ เธอน่าจะล้มปากแตกนะอุ่น จะได้พูดอะไรที่มันแย่ ๆ ออกมาไม่ได้ ”

“ ลี่ สัญญาแล้วไงว่าจะมาเยี่ยมไม่ได้มาทะเลาะ ” ตรีประดับปรามเพื่อนหลบสายตาเรือนอรุณที่มองตามไม่วางตา

“ ก็มันน่าไหมล่ะ ดีแล้วที่ไมได้ขนอะไรมาเยี่ยม เสียดายมือแย่ ”

“ น้ำหมดแล้ว ลี่ช่วยไปขอคุณพยาบาลให้ทีได้ไหม ” คนถูกยัดเยียดเหยือกน้ำให้มองคนบนเตียงสลับกับเพื่อนสนิทอย่างขัดใจ “ ช่วยหน่อยนะลี่ ”

“ มีอะไรก็ร้องดัง ๆ ล่ะ ”

ละลินตาสำทับ ไม่ไว้หน้าคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง ตรีประดับรอจนประตูปิดสนิทถึงได้นั่งลงข้างเตียงมองหญิงสาวที่ตั้งตนเป็นคู่แข่งเสมอมา

“ มาทำไม ”

“ มาดูคนเจ็บไงล่ะ เจ็บมากไหมอุ่น ”

“ จะถามทำไม ฉันก็เจ็บเท่าที่เธออยากให้เจ็บนั่นแหละ ”

“ ถ้าอย่างนั้น... ” ตรีประดับคลี่ยิ้ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาคนฟังต้องตัวสั่นด้วยความโกรธว่า “ เธอก็ควรจะเจ็บไปอีกนาน ๆ นะลี่ ”


***

โปรดติดตามตอนต่อไป...



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2555, 03:53:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2555, 03:53:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1484





<< บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 12   บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 14 >>
หมูอ้วน 17 ก.ค. 2555, 14:06:02 น.
หนูตรีประดับ เป็นคนบงการหรือป่าวค่ะเนี่ย


คุณแม่ลูกสอง 25 ก.ค. 2555, 05:03:05 น.
มาอัพต่อเร็วๆนะคะ. เมื่อก่อนยอมรับว่าอ่านแบบผ่านๆ เร็วๆ เอาแต่เนื้อหา. พอมาถ็งตอนนี้ ทำให้ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่แรกอีกครั้ง "โดยละเอียด ทุกตัวอักษร" ชอบมากค่ะ ^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account