พระพรหมสีชมพู
เรื่องพระพรหมสีชมพู เรื่องล่าสุดที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ

จะมีประเทศที่ติ๊ต่างขึ้นมาเองนะคะ ผู้แต่งให้ชื่อว่าประเทศกรีนนา

...เป็นเรื่องของสาวน้อยคนไทยที่ไปตามหาพี่ชายต่างสายเลือดที่เธอรักและหวงแหนมาก พอพี่ชายจะไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเธอเลยยอมไม่ได้ ความบังเอิญจากอุบัติเหตุทำให้เธอเจอกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีแห่งกรีนนา ที่ถูกปฏิเสธการขอแต่งงาน เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งคู่หมั้นของหล่อนก็คือพี่ชายต่างสายเลือดของแม่สาวน้อยคนไทยนี่เอง

เธอถูกจับมาเป็นตัวประกันชั่วคราวของเขา และอะไรไม่ซวยเท่ากับการที่จู่ ๆ เธอก็เกิดสัมผัสพิเศษสามารถเห็นเหตุการณ์อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ได้ล่วงหน้าเหตุการณ์จริง 1 นาที จากแค่ตัวประกัน เลยกลับกลายเป็นต้องอยู่คอยคุ้มภัยเขาราวผูกตัวติดกันซะอย่างนั้น...

..."เมื่อพี่ชายของคุณเป็นคนทำให้ผมถูกปฏิเสธการขอแต่งงาน คนที่น่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ก็เห็นที่ว่าคงต้องเป็นคุณซะแล้วแหละ แม่หนูน้อยหมวกแดง"

..."ไม่เอา...ปล่อยฉันนะ อีตาเฒ่าทารก"

..."ภายในสองเดือน ถ้าคุณทำให้พี่ชายของคุณถอนหมั้นกับแจนได้ ผมจะปล่อยคุณไป"

Tags: น่ารัก+บู๊เล็ก ๆ

ตอน: ตอนที่ 6 พระพรหมสีชมพู

ตอนที่ 6

ระหว่างที่สองพี่น้องคิดว่ามุมที่แสดงความรักต่อกันพ้นจากสายตาคนอื่น ทว่ากลับมีตาคมกริบคู่หนึ่งจ้องเขม็งกร้าวผ่านกระจกรถยนต์ การิมกำหมัดกัดกรามแน่นคล้ายกับเขาไม่พอใจมากเอาการกับภาพที่เห็น

“มาร์คเห็นไอ้ล่ำพี่ชายยายเปี๊ยกนั่นใช่ไหม ?”

“ครับเห็น มีอะไรเหรอครับ” คนสนิทในตำแหน่งคนขับพยักหน้า มองอาการขมุกขมัวจากสีหน้าของเจ้านายผ่านกระจกส่องหลัง

“เราขอถามอะไรนายหน่อย” พูดขณะที่สายตาเข้มขึงมองไม่คลาดจากเนรัญและกันกริช และถามต่อแข็ง ๆ หากแฝงความไม่มั่นใจ “นายว่าเรากับไอ้หมอนั่นใครหล่อ ดูดีกว่ากัน”

มาร์คอึ้งกับคำถามของเจ้านายไปพักใหญ่ แปลกดีโดยปกติการิมเป็นคนมั่นใจในความหล่อรวยของตัวเองมาแต่ไหน แล้วด้วยเหตุใดวันนี้เขาถึงตั้งคำถามประกอบหน้าตาบึ้งตึงหนักใจเช่นนี้ขึ้นมาได้ คนสนิทลอบสังเกตสีหน้าท่าทางและแววตาของเจ้านายหลายรอบ และพบว่าเจ้านายของเขามองไปยังแม่สาวน้อยคนไทยกับพี่ชายของหล่อน ราวกับว่าทั้งสองกำลังทำในเรื่องที่ผิดมหันต์

“ให้ผมพูดตามตรงนะครับ คุณฌานหล่อกว่า ขาวกว่า ดูดีเนี้ยบแบบผู้ชายครบสูตรสำเร็จ...”

“ใช่เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบอกว่าเราขี้เหล่สักคน” การิมแทรกเสริมขึ้นแบบเข้าข้างตัวเองสุด ๆ หากก็คือความจริงทั้งหมด ก็เขาเกิดมาพร้อมทั้งรูปและทรัพย์ ไม่ว่าจะสมัยไหน เด็กหรือกระทั่งโตมาเป็นหนุ่มใหญ่ ก็มีแต่สาว ๆ เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง จนบางครั้งยังนึกรำคาญใจในความหล่อเหลาและร่ำรวยของตระกูล

“แต่ว่าผู้หญิงบางคนก็อาจจะชอบผู้ชายแบบพี่ชายคุณเน่ย์นะครับ” ลูกน้องกล่าวขึ้น ใช่ว่าอยากจะทำร้ายน้ำใจของเจ้านาย เพียงแค่พูดไปตามที่คิดว่าสมควรที่เจ้านายจะต้องรับรู้ไว้เท่านั้นเอง “พี่ชายของคุณเน่ย์ผิวเข้ม หน้าเข้ม อกล่ำ กล้ามใหญ่ แบบว่าผู้หญิงคนไหนได้อยู่ในอ้อมกอดแล้วคงจะอบอุ่นมากแทบละลาย”

“นายคิดว่าอย่างนั้นเหรอ แต่ว่าเราก็อกกว้างกล้ามมีเหมือนกันนั่นแหละ เราเข้าฟิตเนสเกือบทุกวัน เพียงแต่ตัวดำสู้ไอ้นั่นไม่ได้ก็แค่นั้นเอง” ก้มสำรวจทั่วกายตนแวบหนึ่ง “ไม่เข้าใจทำไมผู้หญิงถึงได้พากันไปชอบผู้ชายเถื่อนถึก มากกว่าผู้ชายหุ่นนายแบบอย่างเรา” คำพูดทะแม่งหูของการิม คล้ายเขากำลังขาดความมั่นใจครั้งยิ่งใหญ่ และคนสนิทก็อ่านออกจากสายตาพร้อมอากัปกิริยาที่อีกฝ่ายเป็นอยู่

“คุณฌานคงหมายถึงคุณแจนใช่ไหมครับ อาการที่คุณฌานเป็นอยู่ตอนนี้รู้ไหมครับว่าเป็นอาการของคนกำลังน้อยใจแล้วก็หึง” มาร์คยิ้ม อันที่จริงเขาแกล้งพูดชื่อจารินรัตน์ขึ้นมาเพราะต้องการดูพฤติกรรมของเจ้านายว่าจะออกมาทางไหน และเหมือนการิมจะสะอึกกับคำพูดของเขาไปพัก

การิมยอมรับว่าแทบจะลืมไปเลยว่าเขามาที่บ้านหลังนี้ทำไม ด้วยเรื่องอะไร เขาไม่ได้นึกถึงจารินรัตน์เลยสักนิด หากที่นั่งหัวเสียสติแตกอยู่เพราะหมั่นไส้ภาพกอดรัดของสองพี่น้อง ซึ่งดูราวกับรักกันมากปานจะกลืนลงกระเพาะนั่นต่างหาก รับรองว่าเขาแค่หมั่นไส้แน่ ๆ ไม่ได้หึงหวงใครทั้งนั้น ทำไมคนอย่างเขาจะต้องไปหึงยายเด็กน้อยนั่นด้วย เขาไม่ได้มีใจให้เธอสักหน่อย...

“หึงเหรอ ? ไม่หรอก ถ้าเกิดแจนรักไอ้คู่หมั้นของเธอขึ้นมาจริง ๆ เราก็คงไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้”

“แสดงว่าคุณฌานถอดใจแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นคนตัวเล็กที่กำลังวิ่งมาขึ้นรถ ก็คงไม่จำเป็นที่คุณจะกักตัวเธอไว้แล้วซินะครับ” ลูกน้องบุ้ยใบ้ปากผ่านกระจกรถไปยังร่างบางที่เดินแกมวิ่งเร็ว ๆ ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มอิ่มใจใกล้เข้ามาหา

การิมมองคนตัวเล็กที่คนสนิทพูดถึง ปากก็รีบตอบคำถามกลับไปเร็ว ๆ ก่อนที่ประตูรถจะถูกเปิดเข้ามาว่า “ยัง เรายังไม่ถอดใจ เราจะรอดูฝีมือคนปากเก่งก่อนว่าจะทำได้อย่างปากว่าไหม และถ้าทำไม่ได้ยายเปี๊ยกนี่แหละจะต้องมาเป็นเจ้าสาวของเราแทน !”

เนรัญมาหยุดยืนรอมาร์คปลดล็อกประตูรถ และพอร่างบางเปิดเข้ามานั่งได้ ก็หันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่สดใสราวกับเธอกำลังมีความสุขมาเสียเต็มประดาให้ชายหนุ่มที่นั่งหน้ายุ่งยับกอดอกแน่น

“ฉันมีข่าวดีจะบอก” เธอกระตือรือร้นปนรอยยิ้มระรื่นอยากจะเล่าข่าวดีที่ว่า โดยไม่ทันสังเกตเห็นการิมเลยแต่น้อยว่าเขาไม่ได้สนใจอยากจะฟังข่าวดีของเธอ หากหญิงสาวก็ยังคงเจื้อยแจ้วพูดต่อ “ยายแจนแฟนคุณไม่ได้มีอะไรกับพี่ชายของฉัน ผู้หญิงคนที่เจอที่โรงแรมวันนั้นไม่ใช่ยายแจน คราวนี้คุณก็แต่งงานกับเธอได้โดยไม่ต้องมีอะไรติดค้างในใจอีก ดีใจใช่ไหมละ เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าเป็นข่าวดี”

การิมพ่นลมหายใจฟืดฟาดไม่ได้ปิติยินดีแต่อย่างใดกับคำลอยลมเข้าหู คิ้วหนาขมวดปมแน่นรู้สึกสับสนใจอย่างบอกไม่ถูก สำหรับเขาแล้วจารินรัตน์เป็นผู้หญิงที่เขาให้เกียรติมาโดยตลอด พร่ำบอกตัวเองเสมอว่าหล่อนคือว่าที่แม่ของลูกในอนาคต แม้ระหว่างที่ตามจีบหล่อน เขาจะมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นคนใด แต่ก็ยังเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองที่มีต่อหล่อนเสมอ และยามนี้ที่เห็นหล่อนอยู่กับคู่หมั้นหน้าเข้ม เขาก็ยังยอมรับว่าเสียใจไม่น้อย แต่บางอารมณ์ที่แทรกเดือดพล่านลุกร้อนทั่วร่างกายราวจะเป็นไฟ เหมือนจะไม่ใช่เพราะว่าจารินรัตน์เสียทีเดียว แต่เขากำลังโกรธกับภาพเมื่อครู่ ภาพยายลูกจ้างชั่วคราว ยายตัวประกันจำเป็นที่กอดกับผู้ชายคนอื่นต่างหาก

ชายหนุ่มชำเลืองมองแก้มใสที่เริ่มแดงเรื่อด้วยปรากฏผดผื่นตาขวาง “ที่กับไอ้ล่ำไม่เห็นจะหวงเนื้อหวงตัว ปล่อยมันหอมจนแก้มแดง”

เนรัญที่นั่งอมยิ้มกริ่มอารมณ์ดี ขมวดคิ้วเรียวงุนงง มองหน้าการิมที่จู่ ๆ ก็ค่อนแคะขึ้นมาลอยลม

“นี่คุณแอบดูฉันเหรอ”

“ไม่ได้แอบ และก็ไม่ได้อยากเห็น แต่คุณทำประเจิดประเจ้อเอง” เขาเค้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ เนรัญมองตรงไปยังที่เธอกับกันกริชคุยกันเมื่อครู่นี้ ถึงได้รู้ว่ามุมนั้นไม่ได้พ้นจากสายตาคนที่นั่งรออยู่ในรถเลย มิน่าไอ้ลุงบ้านี้ถึงได้กระแนะกระแหน

“ปกติเราสองคนพี่น้องก็ทำอย่างนี้กันบ่อย ๆ ประเจิดประเจ้อกว่านี้ด้วยซ้ำ” เธอยอกย้อนลอยหน้าลอยตา การิมกัดฟันกรอด หันไปสั่งลูกน้องเกือบจะกลายเป็นตะคอก

“มาร์คพาเรากลับบ้าน วันนี้เราไม่ไปทำงาน”

“อ้าว ! ทำไมละคุณ ไม่ได้นะคะยังไงวันนี้ก็ต้องไปโรงแรมนะ”

การิมตีหน้านิ่งขึง เลือกที่จะไม่สนใจอาการลุกลี้ลุกลนของเธอ แล้วออกคำสั่งกับมาร์คต่อว่า “โทรบอกเลขาฯ เราด้วยถ้ามีงานด่วน เอกสารสำคัญอะไรก็ส่งมาทางอีเมลหรือไม่ก็เอาเข้ามาให้ที่ตึกขาว”

หน้าสวยเหยเก ถ้าเขาไม่ไปที่โรงแรมวันนี้แล้วเธอจะมีโอกาสพบกับพี่ชายได้อย่างไรกัน “เป็นอะไรของคุณกันแน่ อยู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนใจไม่ไปทำงาน”

“ไม่มีอารมณ์ ไม่อยากทำ” ตอบเสียงกระด้างพลางตวัดตาคมกริบมองหน้าสวยสีซีดงอง้ำ “แต่ดูเหมือนว่าวันนี้คุณอยากจะไปโรงแรมมากกว่าทุกวันนะ มีอะไรไม่ทราบนัดใครไว้อย่างนั้นรึ”

หญิงสาวอ้ำอึ้งก่อนจะพยักหน้าเร็ว ๆ “เออ...นัด ฉันนัดพี่ตั้งเอาไว้ ฉันโกหกว่าพักอยู่ที่โรงแรมของคุณ แล้วถ้าคุณไม่พาฉันไป เวลาที่เขามาพบฉันแล้วไม่เจอก็ต้องสงสัยแน่ แล้วคุณนั้นแหละจะลำบากถ้าพี่ชายฉันลากฉันกลับเมืองไทย เรื่องของคุณกับยายแจนก็ไม่มีทางลงเอย” หาเหตุผลเอามาอ้าง ข้าง ๆ คู ๆ ขู่กลับไปบ้าง อันที่จริงถ้าบังเอิญว่ากันกริชจะยอมกลับเมืองไทยไปพร้อมกับเธอก็ดีนะซิ เธอก็ไม่ได้อยากจะอยู่ให้อีลุงบ้าอำนาจขู่ข่มข่มเหงอยู่แล้ว

“เราเปลี่ยนใจแล้ว” เนรัญคลี่ยิ้ม ดีใจกับคำว่าเปลี่ยนใจของการิมที่บอกคนสนิท หากความดีใจไม่ทันถึงวินาที เรียวปากยักโค้งขึ้นมีอันเม้มตรึง เพราะคำพูดของเขาต่อมาที่ว่า “เราลาพักร้อนอาทิตย์หนึ่ง ช่วงนี้เราตกอยู่ในอันตรายสมควรต้องเก็บตัวอยู่แต่บ้าน”

“คุณจงใจแกล้งฉันใช่ไหม” หญิงสาวกระชากเสียงถามกลับรัวเร็ว โมโหจนใจเต้นเร่า

“แกล้งเรื่องอะไร ทำไมต้องแกล้งคุณด้วยมิทราบ” ประกายตาแข็งขึง พอเห็นปากเล็กเผยอคล้ายจะตวาดเสียงแหลมอีก มือใหญ่ว่องไวจึงปิดปากเธอไว้แน่น “หุบปากแล้วนั่งเงียบ ๆ ถ้าปริปากทำเสียงดังน่ารำคาญอีกแค่นิดเดียว ผมจะปิดปากคุณด้วยลิ้นแทนมือ อยากจะโดนไหม !”



อีกยี่สิบนาทีต่อมามาร์คก็ขับรถพาเจ้านายและเนรัญกลับมายังตึกขาว พอขึ้นลิฟต์ถึงชั้นสามได้ การิมก็ไล่หญิงสาวให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดทันที แถมตะคอกไล่หลังบางหลายรอบให้ล้างหน้าล้างตาเอาไอ้ผื่นแพ้แดง ๆ บนใบหน้าของเธอออกไปให้หมด ก่อนจะย้ำบอกให้เธอกลับออกมานั่งที่ห้องรับแขกหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาจะรอทานอาหารว่าง

คนเสมือนตัวประกันและลูกจ้างไม่มีสิทธิ์บอกปัด เธอกลับออกมาจากห้องนอนอีกครั้งด้วยชุดลำลองอยู่บ้าน เสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนขาสั้น หากด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำ โลชั่นหรือไม่ก็แป้งเด็กที่ติดตัวหญิงสาวหอมกรุ่น ส่งผลให้การิมที่นั่งหน้าบูดกอดอกนิ่งคิดอะไรอยู่ลำพังเงยหน้ามองช้า ๆ ตาคมไล่สายตาไปตามทั่วเรือนร่างอรชร ไม่อยากจะเชื่อว่าเขารู้สึกสะทกสะท้านต่อสายตากลมงอน หัวใจดวงใหญ่กำลังกระตุกแรงเพียงแค่ได้สบตาและเห็นดวงหน้าสวย

“นั่งตรงนี้” เขาตบมือลงกับโซฟาตัวยาว เนรัญทอดถอนลมหายใจยาวก่อนยวบตัวลงนั่งห่าง ๆ “กินอาหารว่างซะ เสร็จแล้วผมมีอะไรจะพูดด้วย” เสียงคงแข็งกระด้าง เสมองสำรวจรอบห้องนั่งเล่นและคงไม่พบใครแม้แต่ลูกน้องคนสนิท ก็แน่ละเขาไล่ทุกคนให้ออกไปทำธุระยังมุมอื่นของบ้านกันหมด เขาต้องการจะคุยเรื่องส่วนตัวกับเนรัญเพียงลำพังสองคน

“มีอะไรก็พูดมาเถอะ” คนหน้าเง้าพูดโดยเลือกจะไม่หันไปมองหน้า ขุ่นเคืองใจไม่น้อยที่เขาลากเธอกลับบ้านแทนการไปโรงแรม ไม่อยากจะเห็นหน้ายาว ๆ ของอีลุงบ้านี่แม้ปลายหางตาเลย

“พร้อมจะฟังก็ดี งั้นก็ตั้งใจฟัง” การิมหันขวับจ้องเสี้ยวหน้าแดงใส และหญิงสาวก็ยังเบือนหนีอยู่เช่นนั้น “ต่อไปห้ามกอดกับไอ้ล่ำนั่นอีก ห้ามหอมแก้มห้ามถูกเนื้อต้องตัว ห้ามอยู่ใกล้มันเกินสามฟุต”

เธอกระแทกลมหายใจออกแรง ๆ ค้อนขวับตาเขียวปัด อยากจะกรีดร้องโวยวายให้ดัง ๆ นักเชียว “คุณเป็นบ้าอะไร มีสิทธิ์อะไรถึงได้มาห้ามฉันทำนั่นทำนี่”

“สิทธิ์ในความเป็นเจ้านายไง คุณเป็นลูกจ้างแล้วก็ตัวประกันของผม ผมไม่ชอบให้คนที่ผมทำงานด้วยไปยุ่งกับใครทั้งนั้น” เขาเค้นเสียงแข็ง ถลึงตาโหด ประสานต่อสู้กับเนรัญที่ตวัดตาจ้องโกรธอย่างไม่ยอมความเช่นกัน เธอโกรธจนอยากกระโจนตัวเข้าไปบีบคออีตาลุงประสาทให้ตายคามือ

“แต่ไอ้งานที่ฉันทำอยู่ก็เป็นงานที่คุณอยากให้ทำตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ ฉันกำลังจะแยกพี่ชายออกจากยายว่าที่เจ้าสาวของคุณไง” ตวาดเสียงแหลม คราวนี้ไม่หลบไม่กลัว เพราะเกินอารมณ์จะข่มไหวอีกแล้ว เนรัญพูดในสิ่งที่อยากพูดออกมาอีกจนหมดเปลือก “แล้วไอ้ตำแหน่งงานพวกนี้ฉันไม่ได้อยากจะได้จากคุณเลยสักนิด คุณนั่นแหละยัดเยียดให้ฉันเอง ฉันจะมาตามหาพี่ชาย ไม่ได้อยากจะมาเป็นนักโทษของใคร !”

“หน้าที่ของคุณถึงจะไม่เต็มใจรับแต่คุณก็ต้องรับและทำหน้าที่ต่อไป แต่ไอ้ที่ผมห้ามคุณก็ต้องเชื่อฟังด้วย เพราะถ้าไม่เช่นนั้นผมจะยัดเยียดพี่ชายคุณเข้าตารางในฐานะรับจ้างฆ่าผม”

“คุณจะโกรธพี่ชายฉันเพราะเรื่องยายแจนก็ได้ แต่คุณจะมาข่มขู่คนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ” เนรัญตะเบ่งเสียงจนเจ็บคอไปหมด โทสะของคนที่อดทนมานานคล้ายได้ระเบิดออก เขาถือดียังไงลากเธอมากักขังแถมซ้ำยังข่มขู่สารพัด “พี่ชายฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุณถูกตามฆ่า คุณจะใช้อำนาจบ้าบอ มักง่ายของตัวเองทำตามใจไม่ได้ อย่าคิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของคุณแล้วยอมทำตามทุกอย่าง ฉันจะไม่มีทางทำตามใจคุณอีกแล้ว ฉันจะไปหาพี่ตั้ง จะไปกอดไปจูบกันยังไงมันก็ตัวฉัน !”

การิมหน้าร้อนหน้าแดงด้วยความโมโห รู้สึกเหมือนร่างกายเดือดปุด ๆ ราวน้ำร้อนในหม้อตั้งไฟได้ที่ เขากัดฟันแน่นก่อนฝืนกระตุกยิ้มเย็น

“โอเค เรื่องพี่ชายคุณถือว่าผมแค่ขู่ แต่เรื่องที่ห้ามคุณกอดกับไอ้ล่ำนั่นผมพูดจริง” ฉวยข้อมือคนตัวเล็กที่เบียดตัวเองกับโซฟายาวอีกด้านจนชิดไว้แน่นแล้วดึงพรวดเร็วเต็มแรงกักขังไว้ในอ้อมแขนใหญ่ทั้งสอง ตาคู่สีเทาวาวโรจน์จ้องสบกับดวงตากริ่งเกรง พลางกล่าวเสียงเฉียบลอดไรฟัน ชนิดที่คนฟังหน้าร้อนผะผ่าว “ถ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่คำขู่ก็ลองดู ต่อไปนี้ผมเห็นไอ้ล่ำมันกอดคุณที่ไหนผมจะจูบคุณโชว์มันที่นั่น แล้วถ้ามันหอมแก้มคุณ ผมจะจับคุณแก้ผ้าปล้ำโชว์ต่อหน้ามันให้ดู !”

กรี๊ดดด...! อีตาบ้ากาม นายเป็นสามีฉันหรือไง

“ปล่อยฉัน ปล่อย...คุณนี่มันน่ารังเกียจที่สุด” เนรัญฟาดฝ่ามือรัวเป็นชุดลงกับไหล่กว้างและหน้าอกแกร่ง หากคนตัวใหญ่แข็งแรงกว่าไม่ล่าถอย การิมรวบมือเล็กสองข้างไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว ขณะที่ก็รั้งร่างบางไว้ในอ้อมแขนอีกข้างแน่น กดริมฝีปากหนาประพรมจูบไปทั่วหน้าของเธอหนัก ๆ

ร่างกายของเนรัญแข็งเครียดและหวาดหวั่นเป็นที่สุด สะกดกลั้นความวามหวิวที่ปากร้อนประทับไปเกือบทั่วกาย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอถูกปลดเปลื้องออกตอนไหน รู้อีกทีตอนที่มือใหญ่กำลังลุกลานวนเวียนอยู่กับความนุ่มนิ่มเต็มตึงของหน้าอกทั้งสองข้าง พร้อมกันนั้นก็รู้สึกถึงความเย็นวาบมากกว่าเดิมเมื่อบราทรงเรียบถูกเขากระชากออกจากร่างกาย

“นี่คือการสั่งสอนให้รู้ว่าผมพูดจริง” ชายหนุ่มกระซิบพร่า ก่อนค่อย ๆ เงยหน้ามองผิวพรรณเอิบอิ่มเปล่งปลั่งขาวกระจ่างอยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นความงามของทรวงอกที่เขาเคยดูถูกเต็มตา และความงดงามนี้ก็กระตุ้นอารมณ์ของเขามากมายเหลือเกิน การิมแตะริมฝีปากลงกับหน้าอกที่สั่นไหวหลบหลีกจากปากร้อน เขาไม่ทราบว่าความปรารถนาในตัวเธอผุดเข้ามาในความรู้สึกตั้งแต่ยามใด รู้แต่ว่าไฟพิศวาสสาดซ่านทั่วกายชาย และอยากจะหลอมละลายไปกับเธอเหลือเกิน

เนรัญกระตุกเฮือก เมื่อสัมผัสและจุมพิตเร่าร้อนแตะแต้มและเร้าเร่งความตื่นเต้นระคนหวั่นกลัวอยู่ไม่ห่างจากจุดอ่อนไหวตรงยอดอกเล็ก ไม่นานร่างบางก็เกร็งเยือกก่อนสั่นระริกตามแรงครอบครองขบเม้มติ่งตูมจนชูชัน ความเสียวซ่านแล่นปราดทั่วกายบอบบาง เธอสะกดกลั้นเสียงครางจนอื้ออึงสับสนในสมองและในที่สุดความสะท้านกับประสบการณ์ครั้งใหม่ก็ทำให้เธอไม่สามารถกลั้นเสียงพร่าลึกในลำคอได้อีก

“อื้อ...หยุด ๆ เถอะ อย่า...”

ชายหนุ่มถอนปากจากยอดอกสวย เลื่อนขึ้นมาจดจูบเร็ว ๆ กับกลีบปากบาง ครองเสียงกระซิบอยู่แทบปากของเธอ

“ทำไมกลัวผมอดใจไม่ไหวจนทำมากกว่านี้ หรือว่าคุณจะทนไม่ไหว” เสียงนั้นแม้ฟังเย้ยหยันหากเย็นลงมาก ราวกับว่าการได้จูบได้กอดเธอทำให้อารมณ์โกรธาของเขาคล้ายลงเกือบจะปลิดทิ้ง ซึ่งเจ้าตัวก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

ด้วยเสียงดังทะเลาะกันเมื่อครู่ ทำให้มาร์คได้ยินและเดินเข้ามาดู ภาพนัวเนียที่เจ้านายกำลังปลุกปล้ำแม่สาวน้อยคนไทย กับทั้งเสื้อและบราของหล่อนที่ตกกองอยู่บนพรมข้างโซฟาทำให้คนสนิทหน้าเหวอ มาร์คอุทานเรียกเจ้านายเร็ว ๆ พร้อมเบือนหน้าหนี

“คุณฌานครับทำอะไร !”

“มาร์ค นายเข้ามาทำไม” การิมหันมาเร็ว ๆ ด้วยความตกใจเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าลูกน้องเดินเข้ามานานแค่ไหนแล้ว แต่สิ่งเดียวที่เขาหวงแหนราวกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของตอนนี้ กำลังถูกปกป้องด้วยอ้อมกอดของเขาแน่น การิมรวบร่างเนรัญปิดปกภาพเปลือยโชว์เรือนร่างช่วงบนไว้มิดเท่าที่ร่างใหญ่จะปกปิดได้ พร้อมทั้งตวาดกร้าวให้ลูกน้องว่า “นายหันหลังกลับไปเลยนะ ห้ามหันมาเด็ดขาด อย่าให้เราเห็นนะว่านายแอบมองหน้าอกยายเปี๊ยก ไม่งั้นเราจะควักลูกกะตานายออกมาซะ”

“ผมไม่เห็นอะไรหรอกครับ คุณฌานวางใจได้” คนที่หันหลังยืนพูดกลับเสียงสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่กลัวเจ้านายขู่ แต่ไม่คิดว่าการิมจะกล้าทำอะไรโฉ่งฉ่างได้ขนาดนี้ “ทำไมถึงได้มาทำอะไรกันในห้องนั่งเล่นแบบนี้ละครับ ไม่กลัวแม่บ้านจะเข้ามาเจอหรือไงกันครับ”

“แม่บ้านเป็นผู้หญิงเราไม่กลัวหรอก แต่นายน่ะเป็นผู้ชายเราไม่อยากให้นายเข้ามาเห็น” การิมกล่าวเสียงเข้มขึง ก้มเก็บเสื้อเชิ้ตของหญิงสาวขึ้นมาจับสวมกลับให้เธอเร็ว ๆ ส่วนบราที่ใส่ให้ไม่ทันเขาก็ยัดใส่มือเนรัญพลางผลักไหล่เธอเบา ๆ แล้วไล่ด้วยสายตาพร้อมวาจา “เข้าไปในห้องนอน”

ร่างเล็กที่สั่นสะท้านทั้งกายรีบวิ่งหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งถึงแม้การิมจะไม่สั่งให้เธอเข้าไป เธอก็คงไม่กล้ายืนเชิดหน้าอยู่ต่อแม้อีกวินาทีเดียวหรอก เพราะมันน่าอับอายจนไม่อยากจะสู้หน้าใครอีกแล้ว

การิมมองตามหญิงสาวและมั่นใจว่าเธอเข้าไปด้านในห้องเพราะเสียงปิดประตูลงเงียบสนิทแล้ว จึงหันมาบอกลูกน้องที่ยืนเหยียดหลังตรงตัวเกร็ง

“เอ้า...หันมาได้แล้ว มีอะไรทำไมนายถึงบุ่มบ่ามเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรืออย่างนี้”

มาร์คเดินมานั่งเก้าอี้นวมข้างเจ้านายที่ตีสีหน้านิ่ง ทว่าเขามองเห็นแววตายิ้มในดวงตาคู่สีเทาชัดเจน

“ผมต่างหากครับต้องถามคุณฌาน ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ละครับ” พูดน้ำเสียงจริงจังเคร่งเครียด “คุณไม่ควรรังแกเธอนะครับ คุณเน่ย์ยังเด็กอยู่ดูก็รู้ว่าไม่ประสีประสาเรื่องอย่างว่าหรอกครับ” เจ้านายตวัดตาดุมองลูกน้อง ที่ยังคงร่ายยาวต่อไม่จบ “ที่สำคัญคุณฌานไม่ได้ชอบเธอไม่ใช่เหรอครับ ฉะนั้นก็ไม่ควรมีความสัมพันธ์ทางกายลึกซึ้งเกินไป เพราะผู้หญิงไม่มีใครอยากจะเสียสิ่งมีค่าที่สุดให้กับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักได้ชอบ...”

“สั่งสอนเราจบรึยัง” การิมถามเสียงกระด้าง เด้งตัวลุกจากโซฟาพรวด “ทำยังกับเราเป็นลูกน้องนายอยู่ได้ เราก็แค่หยอกยายเปี๊ยกเล่น ๆ เท่านั้นแหละ นายทำเป็นซีเรียส”

“แน่ใจเหรอครับว่าแค่หยอก” คนสนิทหยั่งเชิง จับผิดจากสีหน้าและแววตาของคนเป็นนายก็พอแสดงออกให้รู้ว่าความร้อนจากโทสะได้คลายลงมากแล้ว แถมยังมีรอยเปื้อนยิ้มกริ่มซ่อนอยู่แต่ปิดบังไม่ได้เสียทีเดียว “ขอโทษนะครับคุณฌาน จะว่าผมก้าวก่ายเรื่องของเจ้านายก็ได้ แต่เมื่อกี้ไอ้ที่คุณปกป้องเธอขนาดขู่จะควักลูกกะตาของผม มันดูจริงจังมากกว่าจะล้อเล่นซะอีกนะครับ” มาร์คลอบยิ้ม “คุณลองถามความรู้สึกตัวเองดูดี ๆ นะครับ และถ้าบังเอิญว่าคำตอบคือคุณชอบหนูน้อยที่พึ่งเจอกันไม่นาน ผมขอแนะนำให้คุณทำดีกับเธอมากกว่านี้ ผู้หญิงเกือบทั้งโลกชอบสุภาพบุรุษ เอาอกเอาใจเก่งครับ ไม่ใช่ผู้ชายชอบใช้กำลัง”

การิมเม้มปากนิ่วหน้าครุ่นคิด หากก็ยังปฏิเสธตามนิสัย “พูดอะไรของนาย เราก็แค่เล่นสนุก ๆ ไม่ได้นึกชอบยายเด็กนั่นหรอกน่า เธอมีประโยชน์แค่เป็นเงา คุ้มภัยจากกระสุนปืนให้เราแค่นั้นแหละ” ตอบพลางเบือนหน้าหนีจากสายตาจับผิดที่จ้องเอาจ้องเอาราวกับว่าเขาเป็นนักโทษ และก็ให้นึกโมโหตัวเองเหมือนกัน ที่รู้สึกหวั่นไหวสับสนตามคำพูดของคนสนิท

++++++++++++++++++++

การิมนั่งมองมื้ออาหารค่ำของวันนี้ ที่ถูกตั้งเรียงรายยาวตามโต๊ะอาหาร มันเป็นมื้อพิเศษกว่าทุกวันที่การิมสั่งให้แม่บ้านจัดหาไว้สำหรับแม่เอวบางอกหวานของเขา ที่ยังขังตัวเองอยู่ในห้องนอนตั้งแต่สายของวันจวบจวนเย็นย่ำ หวังให้เธอได้ออกมาเจอบรรยากาศบนโต๊ะกับหน้าตาอาหารหน้าทานหลากหลายแล้วคงจะอารมณ์ดีขึ้น ทว่าการที่การิมส่งตัวแทนอย่างแม่บ้านให้ไปตามหญิงสาวมาทานข้าวด้วยเหมือนจะไม่เป็นผล เนรัญปฏิเสธและไม่ยอมออกมาจากห้องนอน คนที่ตั้งใจทำดีลบล้างความผิดและยังพยายามปั้นหน้าสดชื่นต้อนรับเธออยู่ เลยรู้สึกหงุดหงิดหัวเสียขึ้น แต่พอนึกถึงคำพูดของคนสนิท ที่สอนให้เขาควรจะเป็นสุภาพบุรุษกว่านี้ การิมจึงข่มอารมณ์ฉุนเฉียวที่ถูกขัดใจลงอย่างยากเย็น รู้ว่าเนรัญคงโกรธหรือไม่ก็อายมากที่เขาจาบจ้วงล่วงเกินเธอ ใจหนึ่งเขาก็อยากจะขอโทษขอโพยอยู่หรอกนะแต่อีกใจกลับบอกตัวเองว่าช่างเถอะเขาไม่ได้แคร์ความรู้สึกของเธออยู่แล้ว

ชายหนุ่มตักอาหารจานใกล้ตัวสุดมาลิ้มลองรสชาติที่เขามั่นใจนักว่าคงต้องเอร็ดอร่อยมากเป็นแน่ แต่การที่ต้องนั่งทานคนเดียวมันทำให้รสชาติอาหารหรูจืดชืดกร่อยไปถนัดตา และสุดท้ายก็เกินอดทนทานต่อไหว การิมขว้างช้อนในมือลงกับโต๊ะอาหารแรง ๆ ก่อนเรียกให้แม่บ้านมากวาดเก็บอาหารบนโต๊ะนับสิบอย่างไปเททิ้ง ลุกออกจากห้องอาหาร สาวเท้ายาวไปหยุดอยู่หน้าบานประตูห้องนอนของเนรัญ ยืนมองนิ่งราวกับชั่งใจว่าจะกดออกเรียกคนในห้องดีไหม ขณะที่นิ้วชี้เกือบจะถึงออดประตูหน้าห้องนอนอยู่แล้ว เขาก็ต้องชะงักขมวดคิ้วเครียดแล้วดึงมือกลับมาล้วงเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงเร็ว ๆ

“เอาเถอะคิดจะประท้วงอดข้าวอดน้ำก็เชิญ อยากจะรู้นักว่าจะอดได้ซักกี่น้ำกัน จะข้ามคืนให้มันรู้ไป !” สบถดังอยู่กับประตูห้องนอน ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ไปเปิดและปิดประตูห้องนอนของตัวเองที่อยู่ห้องถัดไปดังโครม

ตลอดทั้งคืนการิมเงี่ยหูฟังคนข้างห้อง ไม่มีเสียงใดที่ทำให้เขารู้เลยว่าเธอออกมาจากห้อง ทั้งที่คิดว่าเนรัญคงอดทนกับความหิวไม่ไหว และต้องออกมาหาอะไรทานแน่ แต่สุดท้ายเขาก็เฝ้ารอแล้วรอเล่าจนกลายเป็นความห่วง ตัดสินใจเดินออกมาวนเวียนอยู่หน้าห้องสาวเจ้าอยู่หลายรอบ หากยังคงไม่กล้ากดออดเรียกเพราะกลัวว่าจะทำให้เธอเคืองขุ่นใจไปกันใหญ่

เขากำลังแคร์ความรู้สึกยายเด็กนั่นเหรอไม่จริงหรอกน่า...

ชายหนุ่มส่ายหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน เขายักไหล่ทำเหมือนว่าไม่ได้แคร์สรรพสิ่งในโลกอันใด ก่อนจะบังคับแข่งขาตัวเองให้เดินกลับเข้าห้องไปนอนซะ

แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านผ้าม่านในเช้าของวันต่อมา การิมเด้งตัวลุกจากเตียงกว้าง เมื่อคืนเขาผล็อยหลับไปยามไหนก็ไม่ทราบได้ นึกถึงคนตัวเล็กที่คงอดทนกับความหิวเพื่อประท้วงเขาทั้งคืนก็ใจหาย ชายหนุ่มรีบลุกออกไปดูเธอทันทีทันใดโดยไม่แม้จะคิดล้างหน้าแปรงฟันก่อนด้วยซ้ำ ด้วยประตูห้องนอนของเนรัญที่เปิดแง้มทิ้งไว้ทำให้เจ้าของบ้านไม่ต้องแหกปากหรือกดออดเรียก เขารีบผลักประตูจ้ำเท้าเข้าไปสำรวจห้องนอนหญิงสาวโดยเร็ว และพบแค่ความว่างเปล่า การิมหน้าเสียหากก็บอกตัวเองว่าบางทีเนรัญอาจจะตื่นเช้าเพราะหิวมาก แล้วตอนนี้เธอก็คงกำลังอยู่ในห้องอาหาร แต่ด้วยสิ่งใดไม่รู้ที่ดลจิตดลใจให้เขาเกิดความหวั่นกลัวบางอย่างขึ้นเฉียบพลัน การิมจึงเดินไปยังห้องแต่งตัวที่เชื่อมติดอยู่กับห้องน้ำ กวาดตามองทั่วและเห็นว่าทั้งที่ตู้เสื้อผ้า ทั้งโต๊ะเครื่องแป้งไม่มีของใช้ของเนรัญเหลือสักชิ้น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบจุกเจ็บในอกคล้ายจะเป็นความกลัวแห่งการสูญเสีย แต่ในอีกมุมของความนึกคิดบอกว่า...ไม่ใช่ เขากำลังโมโหและโกรธจัดที่ตัวประกันกำลังจะหนีไปต่างหาก

“ยายเปี๊ยกนึกว่าจะหนีพ้นเหรอ จับได้จะล่ามโซ่ไว้เลยคอยดู !”





กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2555, 20:10:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2555, 20:10:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1336





<< ตอนที่ 5 พระพรหมสีชมพู   ตอนที่ 7 พระพรหมสีชมพู >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account