ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 7.1“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นโรงเรียนสอนศิลปะ ที่เรียกว่าวิทยาลัยในวัง”

บทที่ 7

จรินนาดูใบหน้าตัวเองและหมุนอยู่หน้ากระจกรอบแล้วรอบเล่าจนกระทั่งรู้สึกว่ามั่นใจว่าสวยพอจะทำให้คนที่มองเห็นไม่ละสายตาไปไหนแน่ ๆ หญิงสาวก็ยิ้มกับตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องลงมาชั้นล่าง

ลงมาถึงแล้ว จรินนาก็พบว่าพ่อที่เพิ่งกลับมาจากวัด ซึ่งยังอยู่ในชุดเสื้อขาวกางเกงขาวนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พลางเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เหมือนเคย

“อรุณสวัสดิ์ค่ะป๊า” จรินนากรากเข้าไปหาแล้วจูบแก้มเบา ๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้าง ๆ

“ป๊าเอาบุญมาฝาก”

จรินนานิ่วหน้า...แล้วหญิงสาวก็บอกไปว่า “ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“หนูต้องบอกว่า อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ”

“ค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ” แม้จะไม่เข้าใจเรื่องบุญทานการกุศลเท่าไหร่นักแต่จรินนาก็จำต้องเอ่ยเอาใจผู้เป็นพ่อออกไป...

“แล้วนี่จะไปไหนแต่เช้า”

“ไปทำงานค่ะ”

คราวนี้ผู้เป็นพ่อนิ่วหน้าบ้าง

“งานจริง ๆ ค่ะไม่ใช่เที่ยวไหนหรอก จะไปเรียนรู้งานกับคุณดิเรกค่ะ” ใช่ตอนบ่าย ๆ เธอมีนัดกับคุณดิเรก จึงถือว่าไม่ได้โกหก

“งานเมื่อคืนเป็นอย่างบ้าง”

“ก็ดีค่ะ คนเยอะดี บ่าวสาวเหมาะสมกันดี โตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน แล้วก็กลับมาทำงานให้ครอบครัวเหมือนกันแล้วก็แต่งงานกัน”

“ตอนนี้บ้านเรามีปัญหาสมองไหลอยู่นะลูก รุ่นพ่อแม่สร้างฐานะสร้างเมืองกันมา พอถึงรุ่นลูกก็หันไปทำอย่างอื่นกันบ้าง ไปทำงานที่อื่นกันบ้าง กิจการเดิมไม่มีคนสานต่อ อีกหน่อยตลาดจะร้าง”

จรินนาอยากจะเถียงว่า ถึงวิถีชีวิตจะเปลี่ยนแต่ใช่ว่า สภาพของเมืองมันจะหายไป..แต่หญิงสาวที่กำลังอารมณ์ดีก็ได้แต่แสดงอาการรับฟังคำพูดของพ่อไว้

“ค่ะ รับทราบค่ะ”

“อ้อ ป๊าได้การ์ดจากอาเจ็กเพ้งมาอีกใบ จินก็ไปกินเลี้ยงตอนกลางคืนกับตาเอกแล้วกันนะ ป๊าจะไปงานในภาคเช้าเท่านั้น การ์ดอยู่ที่เดิม”

“ค่ะ”

“วันนี้ดูสดใส...มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรค่ะ”

“วิษณุจักรเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็ดีค่ะ คุยสนุกดี อารมณ์ดี หน้าตาดี นิสัยดี ฐานะหน้าที่การงานดี ดีไปหมดทุกอย่างเลยค่ะ ป๊า ถามทำไมคะ”

“ป๊ามีหนูคนเดียว ป๊าก็อยากจะฝากหนูไว้กับคนดี ๆ”

“ป๊าอยากให้จินแต่งงานกับพี่เค้าเหรอคะ”

“เปล่า...ป๊าอยากให้หนูแต่งงานกับคนที่รักหนู แล้วหนูก็รักเขา แล้วถ้าป๊าจะขอ ก็ขอให้หนูรักกับคนดีมีศีลธรรม รู้จักทำมาหากิน แค่นั้นเอง”

“แล้วคนดีมีศีลธรรมนี่เอาอะไรวัดค่ะ...” ถามไปแล้วใบหน้าของเดชาพงษ์ก็แว๊บเขามา คนดีมีศีลธรรมของป๊านี่ใช่คนที่ทำงานหากินอยู่กับวัดกับวาหรือเปล่าเหนอ

“ใช้เวลาเป็นตัววัด แล้วก็ใช้ช่วงที่อยู่ด้วยกันศึกษาดูใจกัน...”

“ดูใจกัน”

“ดูว่าเขาเป็นคนอย่างไรบ้าง เบื้องต้น ก็คือ ศีลห้า”

“พี่จักรดริ้งเก่งมาก”

“เมื่อก่อนป๊าก็ดื่ม”

“แล้วทำไมป๊าเลิกดื่มแล้วละคะ แล้วทำไมป๊าเข้าวัด ทำไมต้องไปนอนวัดในวันพระ ทำไมไม่นอนที่บ้าน” พอได้จังหวะจรินนาก็รีบถามเรื่องที่ยังสงสัยในทันที

“ไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ป๊าก็อยากเตรียมตัวกลับบ้านเก่าของป๊า”

“ไม่เอาค่ะ ไม่พูดเรื่องนี้ ป๊ายังแข็งแรงอยู่นะคะ”

“แข็งแรงอยู่ ก็ป่วยได้ โรคปัจจุบันนี้มันมาเร็ว ตายกันง่าย ๆ”

“ไม่เอาค่ะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”

“งั้นเอาเรื่องคนดีของป๊าแล้วกันนะ”

“ค่ะ”

“คนดีของป๊านี่ไม่จำเป็นต้องรวยหรอกนะ ป๊าขอให้รักลูกของป๊าจริง ลูกป๊ารักเขาจริง ดูแลลูกแทนป๊าได้ ปราบพยศลูกได้บ้าง ป๊าก็พอใจแล้ว”

“ป๊าอ่ะ ป๊าพูดแบบนี้แสดงว่าป๊าเห็นว่าจินดื้อด้านใช่ไหมคะ...”


ขณะที่ขับรถข้ามสะพานเดชาติวงศ์ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกนับจากต้นกำเนิดของแม่น้ำ จรินนาก็ครุ่นคิดขึ้นมาว่า ทำไมชื่อของเดชาพงษ์ต้องมีคำว่า ‘เดชา’ ติดอยู่ด้วย...และเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอไปคิดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเขาอีกแล้ว จรินนาก็สลัดหัวเบา ๆ ถอนหายใจอย่างแรง แล้วก็คิดว่า ใจของตัวเองทำไมถึงต้องไพล่แต่จะไปคิดถึงเรื่องของเขา ทั้งที่คนที่ควรคิดถึงนั้น คือวิษณุจักรผู้ชายสมบูรณ์แบบ ซึ่งการพบกันเมื่อวาน รวมถึงเมื่อคืนนี้ จรินนาก็รู้สึกว่าเธอกับเขาคุยกันรู้เรื่อง เขาเองก็ไม่ได้เข้ามาอย่างหวังพิชิตใจจนน่าเกลียด มันมีระยะของคำว่าพี่น้อง พอให้ไม่อึดอัดและที่สำคัญหน้าตา ฐานะ นิสัยใจคอของเขาถือว่า ใช้ได้ทีเดียว...แต่ว่าใจของเธอกลับรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“เปิดเพลง ๆ” จรินนาแก้ไขปัญหาเรื่องความคิดฟุ้งซ่านของตนด้วยการฟังเพลง แต่ด้วยเพิ่งกลับมาในอยู่เมืองไทย เธอจึงยังไม่รู้ว่า ตอนนี้มีศิลปินคนใดมีชื่อเสียง มีผลงานถูกใจพอให้สนับสนุนผลงาน ดังนั้นในรถจึงยังไม่มีแผ่นวีซีดีเพลงของใครทั้งสิ้น...และเมื่อกดปุ่มกดเปิดรับสัญญาณวิทยุ..ท่อนหนึ่งของเพลงแพ้ใจ ขับร้องโดย ใหม่ เจริญปุระ ที่จรินนาคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็ดังผ่านลำโพงออกมา และเพลงนี้ก็ทำให้ จรินนารู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เพลงนี้เธอก็เคยฟังมาแล้ว

‘เก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจอย่างเธอ เมื่อไหร่ที่เผลอ ยังนึกว่าเธออยู่ในฝัน ยังมีอีกหรือ รักแท้ที่เคยเสาะหามานาน วันนี้เป็นไงเป็นกันจะรักเธอ เมื่อเธอรู้ว่าฉันรัก ก็อย่าทำให้ฉันหลง บอกมาเลยตามตรง นี่เรื่องจริงหรือฉันเพ้อ ตอนนี้ยังพอทำใจ ถ้าสิ่งที่ได้เจอ คือฝันคือละเมอและไม่จริงฯ’

เมื่อจอดตรงหน้าร้านจำหน่าผลิตภัณฑ์ฯ แล้วจรินนาก็สูดลมหายใจเข้าปอด...หญิงสาวลงจากรถก้าวเดินไปยังร้านตรงหน้า ผลักประตูเข้าไปในร้านซึ่งเด็กสาวคนหนึ่งทำหน้าที่ดูแลอยู่ รอยยิ้มของเด็กสาวทำให้จรินนาต้องยิ้มตอบ ก่อนจะเสมองของในร้านซึ่งเป็นงานศิลปหัตถกรรมหลากหลายชนิด...

“สวัสดีค่ะ เลือกชมสินค้าได้ตามสะดวกเลยค่ะ” เจ้าหน้าที่ประจำร้านเอ่ยทักทาย จรินนาเดินไปหยุดดูหัวโขนในตู้ตรงกลางร้านเพราะสนใจในความละเอียดประณีต...และเมื่อเห็นราคาติดอยู่จรินนาก็เอ่ยปากถาม “ทำที่นี่ด้วยเหรอคะ”

“เปล่าหรอกค่ะ เป็นสินค้าฝากขายค่ะ แต่เป็นของนักเรียนโรงเรียนช่างสิบหมู่เหมือนกันค่ะ แต่ที่นี่ไม่ได้เปิดสอน”

“แล้วของที่นี่มีอะไรบ้าง”

“ก็นี่คะ กระเป๋าผ้าต่อ เปิดเป็นคอร์สสั้น ๆ ค่ะ สำหรับผู้หญิง แล้วก็ภาพวาดที่อยู่ห้องข้าง ๆ กับงานวาดบนเนื้อไม้นี่ค่ะ”

จรินนามองกราดไปทั่วแล้วก็หันมาหยุดที่กระเป๋าผ้าต่อ ดูสนนราคาแล้วเห็นว่าใบหนึ่งไม่ใช่ถูก ๆ เหมือนกัน ใจหนึ่งนั้นคิดว่าแพงเพราะไม่ใช่แบบที่ตนถูกใจนัก แต่ใจที่นึกอยากจะช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ก็ทำให้จรินนาเลือกกระเป๋าได้มาหนึ่งใบ

...และระหว่างที่รอเงินทอนจรินนาก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาอาจารย์ เดชาพงษ์เพื่อจะหยั่งดูสีหน้าของน้องพนักงานคนสวยที่น่าจะสนิทสนมกับเขา และเมื่อเขารับสายจรินนาก็เอ่ยออกมาพอให้น้องพนักงานได้ยินว่า “อาจารย์เดชาพงษ์คะ จินมาถึงแล้วค่ะอยู่ที่ร้านข้างหน้านี่ค่ะ สะดวกให้จินเข้าไปข้างในหรือยัง”
ระหว่างที่คุยกับเขา จรินนาก็ลอบสังเกตสีหน้าคนที่ถือเงินมาทอน เมื่อไม่เห็นว่าพิรุธในดวงตาคู่สวย จรินนาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างประหลาด



ทางเข้าโรงเรียนนั้น เข้าได้ทั้งทางปั๊ม ปตท. และเข้าทางหลังปั๊มเชลล์ที่อยู่ถึงก่อน เดชาพงษ์นั้นเข้ามาตรงด้านหลัง เขายังไม่ทันจะลงจากรถก็ได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาว ดังนั้นเขาจึงต้องรีบขนของลงจากรถรวมถึงถุงสบู่ที่ซื้อมาจากเมขลามาวางไว้บนโต๊ะกลางอาคารเรียน ใจหนึ่งนั้นอยากจะเดินกลับไปยังบ้านพัก
เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากับยกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คออกมา แต่ว่าในเวลานี้เขาควรที่จะเดินออกไปรับเจ้าหล่อนที่หน้าร้านเสียมากกว่า...

“สวัสดีค่ะ” จรินนาที่อยู่ในชุดแสคแขนกุดยาวคลุมเข่าสีม่วงอ่อน ถือกระเป๋าผ้าต่อใบใหม่ที่ใส่กระเป๋าเงินของตัวเองไปแล้วเอ่ยทักเขาด้วยรอยยิ้มนิด ๆ แต่ถึงกระนั้นเดชาพงษ์ที่อยู่ในชุดผ้าโสร่งสีดำเสื้อยืดสีขาวคอกลมรองเท้าแตะก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มของคนไว้ตัว..

“สวัสดีครับ โทษทีนะครับ แต่งตัวไม่เรียบร้อย...”

“ไม่เป็นไรค่ะ” ปากบอกว่าไม่เป็นไรแต่ใจของจรินนานั้นคิดไปว่า การแต่งกายของเขานั้นแปลกตาดีแท้...เก๋ และอาร์ต ชวนมอง แต่จรินนาก็เบือนสายตาไปตัวอาคารและบริเวณต้นไม้รอบ ๆ นั้นเสีย

“เรียนเชิญที่ข้างในครับ” ว่าแล้วเขาก็เดินนำไปยังอาคารเรียนที่เปิดโล่ง พอไปถึงเขาก็เดินไปคว้าผ้าขี้ริ้วที่อยู่ด้านหลังมาเช็ดโต๊ะเก้าอี้ที่วางอยู่เหมือนกันว่าเขาปล่อยที่รับแขกตรงนี้ไว้ไม่ได้ใช้งานเสียหลายวัน เวลานั้นจรินนาก็แสร้งมองซ้ายมองขวาไปไม่สนใจทีท่าคล่องกับงานแบบนี้ของเขา และเมื่อเก้าอี้ตัวที่จะให้เธอนั่งปราศจากฝุ่นแล้ว เขาบอกว่า

“เชิญนั่งก่อนครับ รกหน่อยนะครับ อาคารมันเปิดโล่ง ใกล้ถนนด้วยฝุ่นก็เลยเยอะ”

“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นโรงเรียนสอนศิลปะ ที่เรียกว่าวิทยาลัยในวัง”

“แต่มันก็เป็นไปแล้วครับ ที่นี่เป็นสาขาครับ ไม่ใช่ศูนย์ใหญ่ มีผมเป็นครูอยู่คนเดียว”

“แล้วไม่เห็นมีนักเรียนมาเรียนกัน หรือว่ามันเป็นวันเสาร์”

“เปล่าหรอกครับ ปีหนึ่งเราจะเรียนแค่คอร์สเดียวครับ เริ่มต้นตั้งแต่มกราคมถึงสิงหาคม แปดร้อยชั่วโมง เฉลี่ยเดือนละร้อยชั่วโมง ตอนนี้ก็เลยไม่มีนักเรียนครับ”

“นึกว่าสอนกันทั้งปี”

“แค่แปดเดือนครับ”

อธิบายไปเช็ดนั่นเช็ดนี่ไปเหมือนคนกำลังเขิน แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อมีแขกมาก็ควรจะมาน้ำมาต้อนรับ เขาจึงบอกว่า...

“คุณจินนั่งรอผมสักครู่นะครับ ผมขอไปเอาน้ำดื่มมาให้ก่อน”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ”

“ผมต้องไปเอาคอมพิวเตอร์มาด้วยครับ”

หญิงสาวพยักหน้า เขาจึงเดินไปทางบ้านพักและพอเขาคล้อยหลังไป จรินนาก็เริ่มดึงเอกสารที่เป็นกระดาษมีไม้ทับอยู่มาดู เห็นเป็นภาพว่านางฟ้า เทวดา ต้นไม้ใบไม้ สัตว์ต่าง ๆ ด้วยลายเส้นอันอ่อนช้อยแต่ว่าเป็นแบบร่าง ๆ แล้วก็อมยิ้มที่งานนี้สามารถทำให้วุ่นวายขึ้นมาได้แต่เมื่อเห็นว่าเขาตั้งใจทำงานชิ้นนี้เป็นอย่างมาก ความรู้สึกผิดก็แล่นมาจับความรู้สึกของตนเช่นกัน...แต่ใจที่คิดเอาประโยชน์ของตัวเองมันก็บอกว่าได้เห็นแบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อยว่าภาพที่แต่งแต้มลงบนผนังของโรงแรมที่เธอจะต้องบริหารจัดการนั้นเป็นภาพที่เธอยินยอมพร้อมใจ พึงพอใจที่จะเห็นในทุกเมื่อเชื่อวัน..

... จรินนานั่งดูภาพไปด้วยใจที่เบิกบานเหมือนดอกไม้มีหยาดน้ำค้างแต่งแต้มในยามเช้า..กระทั่งรู้สึกตัวอีกทีว่ามีกลิ่นหอมแปลก ๆ ลอยมาเตะจมูก จรินนาจึงต้องหันไปมองหาที่มาของกลิ่นและพอรู้ว่าอยู่ในถุงสีขาวที่วางอยู่ไม่ห่างมือนัก หญิงสาวก็เอื้อมมือถือวิสาสะไปลากถุงมาดู

...จังหวะนั้นเดชาพงษ์เดินกลับมาพอดี เขาจึงมีเรื่องที่จะได้คุยกับหญิงสาวแก้ความเก้อเขินที่จู่ ๆ ก็วิ่งเข้ามาหาเขาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นการเจรจาพาทีกับใคร ไม่ว่าหญิงหรือชายเขาก็จะคุยได้อย่างกันเองธรรมดา หัวใจไม่เคยเต้นระรัวถึงเพียงนี้ แต่ว่ากับจรินนาคนนี้ คนที่ใจมันปักเชื่อไปตามแรงทำนายของน้องสาวไปแล้วว่าคือ “เนื้อคู่” ที่จะต้องมีเหตุให้มาเกี่ยวข้องกันในวันหนึ่งข้างหน้า ความรู้สึกเก้อเขินแล่นจับหัวใจจนเขารู้สึกประหม่า...แต่อีกใจเขาก็บอกกับตัวเองว่า เขาไม่มีวันจีบหญิงสาวคนนี้ก่อนอย่างแน่นอน!

“สบู่ครับ น้องสาวผมขาย”

“หอมดีนะคะ สวยด้วย” ดึงสบู่มาจากถุงแล้วจรินนาก็พลิกสบู่ที่มีรูปก้อนเป็นลวดลายกุหลาบดูพลางยกมาดอมดมแก้ขัดเขินเช่นกัน

“ใช้ดีด้วยครับ แบ่งไปใช้ซิครับ มาทีขนมาให้เสียเยอะเลย” คำว่า “ให้” นั้น ดูดีกว่าคำว่า “บังคับให้ซื้อ” ทีเดียว

“ก้อนละเท่าไหร่”

“ไม่แพงหรอกครับ ชอบสีไหนกลิ่นไหนก็เลือกไปได้เลยครับ”

“กลิ่นกุหลาบหอมดีค่ะ จินชอบกุหลาบ แล้วทำเป็นดอกกุหลาบแบบนี้ไม่เคยเห็นสักที”

“ผมชอบสีเขียว สบู่ย่านางสดชื่นดีครับ ใช้แล้วช่วยดับความร้อนได้ด้วย”

“เหรอ..”

“เมืองไทยเมืองร้อน แล้วที่นี่ก็ไม่มีแอร์ด้วย...ต้องใช้ตัวนี้ช่วย”

“งั้น ขอกุหลาบกับย่านางไปลองใช้อย่างละก้อนแล้วกันนะคะ ถ้าใช้ดีแล้วจะซื้อได้ที่ไหน”

“ได้ครับ เชิญเลย...ถ้าชอบ ผมจะสั่งให้หนูนาถือติดมาให้อีกก็ได้...แต่ก้อนหนึ่งก็ใช้ได้เป็นเดือน ๆ แหละครับ...ทนมาก” นอกจากจะได้ของฟรีใส่ลงไปในกระเป๋าใบใหม่แล้วจรินนาก็คลายใจว่าผู้หญิงที่เกาะแขนของเขาออกจากร้านสุกี้เมื่อวานนี้ คงจะเป็นน้องหนูนาที่เขาเอ่ยถึงแน่ ๆ...แต่เธอจะไม่เอาเรื่องที่เขาเห็นเธอมากับวิษณุจักรมาพูดถึงอีก...ดังนั้นหัวข้อสนทนาจึงเป็นเจ้าขวดกลม ๆ ที่อยู่ในถุงเช่นกัน

“แล้วในขวดนี้อะไรคะ”

“โทนเนอร์ครับ หลังล้างหน้า พ่น ๆ ใส่หน้า ผิวจะดี เจ้าของเขาว่าอย่างนั้น”
ด้วยอยากแสดงความกันเองกับเขาจรินนาจึงเปิดฝาขวดแล้วลองพ่นสเปรย์ใส่หลังมือ ตัวเอง...แต่พอได้กลิ่น หญิงสาวก็ย่นจมูก...

“เป็นผลไม้ดอกไม้รวมครับ กลิ่นไม่โสภาเท่าไหร่”

“แล้วพ่นใส่หน้าไม่เหม็นแย่เหรอคะ”

“ผมชอบนะ ไม่เหม็น ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวหน้านุ่ม” พอเขาพูดถึงผิวหน้านุ่ม สายตาของจรินนาก็ต้องเหลือบไปดูใบหน้าของเขา แต่ปัญหาที่เธอได้รับก็คือ ลูกนัยน์ตากลมสีดำขลับของเขานั้นทำให้เธอไม่กล้ามองดูว่าผิวหน้าเขาดีขนาดไหน แต่ที่รู้ ๆ ในขณะนี้ ทรงผมทรงใหม่ของเขาทำให้ใบหน้าของเขาชวนมองกว่าวันที่ได้เห็นครั้งแรกทีเดียว...



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2555, 13:24:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2555, 13:42:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 2266





<< 6.2 “ถ้าไม่จีบเขา แล้วเขาจะรักเราไหมละพี่”   7.2 “แล้วภาพพวกนี้ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 ก.ค. 2555, 13:30:22 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำัลังใจเหมือนเคยนะครับ...//เป็นเรื่องแรกทีเดียวที่เีขียนไปโพสต์ไป...ลองทำงานแบบนี้ดู ก็ดีไปอีกแบบนะเนี่ย...(เหมือนเล่นกับอารมณ์คนอ่าน)...เหมือนจะเขียนตามใจคนอ่านอย่างไงก็ไม่รู้..


หนอนฮับ 11 ก.ค. 2555, 13:38:14 น.
อิอิ...ให้พี่ยักษ์จัดเก็บค่าโฆษณาด่วนๆ อิอิ


จุฬามณีเฟื่องนคร 11 ก.ค. 2555, 13:40:09 น.
ว๊ายยยยยยยยย....ไม่นะ...


saralun 11 ก.ค. 2555, 14:06:03 น.
แอบเขิน...อิอิ


sai 11 ก.ค. 2555, 14:16:11 น.
คุณหนอนชี้ทางให้คุณยักษ์เลยะนะเนี่ย

เขินกันทั้งคู่เลย อิอิ


imsoul 11 ก.ค. 2555, 14:31:02 น.
น่ารักอ่ะ


anOO 11 ก.ค. 2555, 14:34:34 น.
เริ่มมีใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว


โซดา 11 ก.ค. 2555, 15:40:24 น.
โย่วววว


nunoi 11 ก.ค. 2555, 16:00:50 น.


nutcha 11 ก.ค. 2555, 16:08:15 น.
จินอาการหนัก ยังไม่เป็นแฟนกันยังเคืองพี่ต้นกล้วบทุกทีที่เห็นอยู่กับสาวอื่น


Orathai 11 ก.ค. 2555, 16:09:06 น.
ช่ายๆ..ได้ทีเชียวนะคะ..แต่มันก็เข้ากันดีนะ...อาจารย์ยิ่งพูดไม่เก่งอยู่ด้วยมีหัวข้อเลยสบายไป


Zephyr 11 ก.ค. 2555, 19:39:08 น.
อืม เข้าใจใช้มุกจันทร์เจ้าฉายจีบสาวนี่เอ่อ....
ข้อดีของสบู่อีกข้อ คือ ใช้จีบสาวได้ ฮ่าๆ


แว่นใส 12 ก.ค. 2555, 08:08:18 น.
อะ อะ น่ารักน่าสนใจอะดิ


wii 12 ก.ค. 2555, 09:37:09 น.
น่าจะให้คุณหนูไฮโซจินตามจีบเดชาพงศ์ซะให้หายหยิ่งไปเลย ส่วนเดชาพงศ์ก็น่าจะเเย็บนิดๆหน่อยๆให้จินตามล่าจีบ


lookAme 20 ก.ค. 2555, 18:06:25 น.
หึงอีกแล้ว 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account