ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 7.2 “แล้วภาพพวกนี้ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ”

จรินนาปิดฝาขวดโทนเนอร์แล้วเก็บใส่ถุง ก่อนจะเดินไปมองบอร์ดที่แปะรูปถ่ายของนักเรียนแต่ละรุ่น “รูปลูกศิษย์แต่ละรุ่นเหรอคะ” หญิงสาวชวนเขาคุยสร้างความคุ้นเคยกัน

“ครับ”

“ทำไมน้อยจัง”

“หาคนที่มีใจรักทางด้านนี้ก็ยากครับ แล้วอีกอย่างการประชาสัมพันธ์ของเรามันก็น้อยด้วย...ก่อนหน้านั้นที่นี่เปิดสอนให้กับเด็กจากสถานพินิจที่สนใจงานพวกนี้ แต่ว่ามันไม่ค่อยสะดวกตอนหลังก็เลยต้องปรับมารับบุคคลภายนอกเข้ามาเรียน แล้วก็ได้มาเท่าที่เห็นนี่แหละครับ”

“แล้วตัวอาจารย์อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกเลยหรือคะ”

“ก็สี่ห้าปีแล้วครับ เมื่อก่อนผมอยู่ที่ศาลายา”

“ที่ไหนคะ”

“นครปฐมโน่นครับเป็นศูนย์ใหญ่”

จรินนาพยักหน้ารับทราบ ส่วนเขาก็อธิบายพลางเปิดกระเป๋าดึงคอมพิวเตอร์ออกมาวาง เสียบปลั๊กเปิดเครื่อง และพอเห็นจรินนาจ้องมองมือของเขาที่สัมผัสอยู่กับคอมฯ เขาก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะบอกว่า

“เก่าหน่อย ซื้อมานานแล้ว ยังใช้ได้ดี ก็เลยไม่ได้เปลี่ยน”

“ค่ะ”

“คุณจินรีบไปไหนหรือเปล่าครับ”

“ทำไมคะ”

“ผมจะได้รีบอธิบายให้” ที่รีบให้เพราะตอนนี้พอแดดแผดแสงหนักขึ้น เขาก็รู้สึกว่า เปลือกตาของเขานั้นมันก็พลอยหนักอึ้งขึ้นมาด้วย และเมื่อเช้าเขาก็ดันไม่ได้กินกาแฟเพื่อช่วยถ่างตาเสียอีก

“ก็ ไม่รีบค่ะ”

“งั้น..เชิญครับ” เขาหมายถึงให้หญิงสาวเดินกลับมานั่งที่เดิม ซึ่งเป็นเก้าอี้ตัวหัวโต๊ะแล้วเขาก็จะนั่งอยู่ด้านข้างโต๊ะตัวยาว จรินนาเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่ง เขาเลื่อนกระดาษแผ่นนั้นไปหาแบบสุดมือ จรินนาจึงต้องเป็นฝ่ายบอกเขาว่า “ขยับเข้ามาใกล้ ๆ ก็ได้ค่ะ”

พอจรินนาพูดอย่างนั้นเขาก็ขยับเก้าอี้มาอีกสองคืบ..โดยที่สายตานั้นยังจับจ้องกระดาษที่หันหน้าเข้าหาจรินนา หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าเขาสำรวมสายตาตัวเอง ดังนั้นเธอจึงต้องเรียกร้องความสนใจจากเขาเสียหน่อย คิดได้ดังนั้นแล้วจรินนาก็ยกมือข้างซ้ายของตนมาจับที่อกเสื้อก่อนจะขยับขึ้นขยับลง..แล้วก็บอก
ว่า “ร้อนเนอะ”

ได้ผล สายตาของเขามองที่มือของเธอแล้วก็แลเหลือบไปมองใบหน้าสวยแต่ว่าจรินนาก็หลบสายตาดูกระดาษในมือได้ทัน

“ครับ ร้อน..เอาพัดลมไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ พอไหว แต่ถ้าเป็นการคุยกันในห้างแอร์เย็น ๆ มันก็คงจะดีกว่านี้”

“ในร้านกาแฟไหมครับ ในปั้มมีร้านกาแฟติดแอร์ บางทีผมก็ไปนั่งที่นั่นเหมือนกัน” ใจจริงเขาอยากไปกินกาแฟด้วยนั่นเอง แต่ว่าจรินนาก็ปฏิเสธเสีย

“อย่าดีกว่าค่ะ ว่ามาเลยค่ะ...” บอกเขาแล้วจรินนาก็ผินกระดาษให้เขาได้เห็นด้วย...

“คุณจินมองดูภาพสเก็ตแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ คิดว่าพอไหวไหม”

“สวยดีค่ะ”

“คอนเซ็ปของภาพที่ได้นำเสนอไปแล้วนั่นคือ ภาพป่าหิมพานต์ เคยได้ยินเรื่องป่าหิมพานต์ไหมครับ”

“นิดหน่อยค่ะ อธิบายเลยค่ะ”

จรินนาอนุญาตให้เขาพูดแล้วแต่เขารู้สึกว่าเปลือกตาของเขาหนักอึ้งขึ้นมาเรื่อย ๆ เสียแล้ว...และวิธีการแก้ง่วงอันดับแรกก็คือ ดื่มน้ำ เขารินน้ำที่ถือมาลงแก้ว แล้วยกขึ้นดื่มจนหมด..จรินนาเผลอมองลูกกระเดือกใหญ่ของเขาที่มีไรขนเขียวครึ้มวิ่งขึ้นวิ่งลงมีเม็ดเหงื่อซึมบรรเทาความร้อนของอากาศรอบ ๆ อย่างเพลินแล้วเขาก็วางแก้วน้ำลงที่ถาด...

“คุณจินจะดื่มน้ำไหม”

“ได้ก็ดีค่ะ”

เขารินน้ำลงแก้วอีกใบแล้วก็เลื่อนไปหาหญิงสาว จรินนารีบรับแก้วจากมือของเขาไปวางไว้ด้านข้าง พอวางลงแล้ว หญิงสาวจึงได้มองใบหน้าเขาเต็ม ๆ ตาอีกครั้ง และครั้งนี้จรินนาเห็นว่าตาของเขานั้นปรือเหมือนจะหลับ ตาขาวก็แดงระเรื่อ...“ตาแดง ๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

เขายิ้มแหย ๆ ก่อนจะบอกตรง ๆว่า “ง่วงนอนครับ”

“อ้าว”

“เมื่อคืนผมไม่ได้นอนทั้งคืนเลยครับ มัวลุยภาพสเก็ตนี่”

“แล้วทำไมรีบโทรไปนัดฉันละคะ....”

เจอถามจี้ใจดำเข้าไปเขาจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่มีคำตอบ...เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าตอบไปตรง ๆ เธอก็จะรู้ว่า อารมณ์คิดถึงที่มันแล่นขึ้นมาเอง ทำให้เขานึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมาจนกระทั่งยับยั้งความรู้สึกอยากได้ยินเสียงไว้ไม่ไหว

“แล้วจะไหวไหม”

“ไหวครับ...ผมอธิบายต่อแล้วนะ”

จรินนากวาดตามองไปยังกระดาษขาวที่มีลายดินสออีกรอบ

“ภาพมันใหญ่รายละเอียดมันเยอะครับ แต่ภาพรวมแล้วเป็นอย่างนี้แหละครับ...มีต้นไม้ มีสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีสระน้ำ มีก้อนเมฆ มีอะไรต่อมิอะไรค่อย ๆ พันกันไป แล้วผลงาน ผมก่อนหน้านั้นก็อยู่ในคอมฯ ลองดูก่อนแล้วกันว่าสีและลายเส้นของผมเป็นอย่างไร...”

เขารีบสรุปก่อนจะเลื่อนคอมพิวเตอร์ไปหาหญิงสาว และด้วยนั่งกันคนละมุมมันจึงไม่ถนัดที่จะคลิ๊กภาพให้หญิงสาวดู...เมื่อเห็นดังนั้นจรินนาจึงเป็นฝ่ายลุกยืนขึ้นแล้วขยับมายืนมองผลงานในจอโดยที่มือของเขาก็คลิ๊กเม้าท์เลื่อนภาพให้ดูไปเรื่อย ๆ และด้วยจอขนาดสิบสี่นิ้วมีแสงสว่างสาดเข้ามาทางด้านหลังภาพในจอจึงลางเลือน เมื่อเป็นดังนั้นจรินนาจึงต้องก้มหน้าลงเพื่อที่จะได้เห็นสีสันลายเส้นที่เขาให้กับภาพได้ถนัดตา แต่ว่ากลิ่นกายของสาวนั้นกลับทำให้อาจารย์หนุ่มรู้สึกปั่นป่วนใจขึ้นมา...และเจตนาที่ขยับตัวจนมาประชิดกับแขนข้างขวาของเขานั้น มันมีคำถามว่า คุณหนูจรินนาทำอย่างนี้ทำไม...เธอมีใจให้เขาเหมือนกันอย่างนั้นหรือ? เธอเป็นฝ่ายยอมทอดสะพานเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ก่อนหน้าอย่างนั้นหรือ...

“ประมาณนี้แหละครับ..แต่ภาพบนผนังจะใหญ่กว่านี้คือ เราต้องการให้คนหยุดยืนดูนาน ๆ นะครับไม่ได้เน้นไปที่ภาพพุทธประวัติในแบบที่คนคุ้นเคยกันมาบ้างแล้ว บ้านเราเป็นเมืองนครสวรรค์ ผมก็เลยคิดว่าจะใส่เรื่องของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เข้าไป มีพระจุฬามณีเจดีย์อยู่ด้านบนสุด มีวิมานมีเทวดา ดอกไม้ สิงสาราสัตว์ไล่ ๆ ขึ้นไป” เขาอธิบายพลางคลิ๊กภาพผลงานเก่า ๆ ไปเรื่อย ๆ

“แล้วภาพพวกนี้ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ”

“ขายไปหมดแล้วครับ แต่ว่าก่อนขาย ก็ได้ถ่ายรูปเก็บไว้”

“ขอโทษนะคะ..ภาพหนึ่งนี่แพงไหม”

“ขึ้นอยู่กับขนาดครับ”

“ใช้เวลานานไหม”

“ก็แล้วแต่อารมณ์ บางภาพก็สัปดาห์เดียว ทำหามรุ่งหามค่ำ มีอารมณ์อยากวาด นอนไม่หลับ”

อธิบายไปแล้วก็เผลอตัวหาวขึ้นมาอย่างเสียมารยาท..จรินนาเองพอเห็นภาพผลงานของเขาแล้วหญิงสาวก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนมีฝีมือคนหนึ่ง และก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อถึงอยากให้มีภาพจิตรกรรมไทยบนผนังของโรงแรม เพราะเพียงเธอดูเพียงภาพละนิดละหน่อย จิตใจของเธอก็สงบลงได้ ในหัวนั้นครุ่นคิดว่า มันเป็นภาพเกี่ยวกับอะไร เพื่ออะไร ซึ่งจุดหมายนั้นก็คือการทำดีเพื่อที่จะได้ไปสวรรค์นั่นเอง จะเรียกว่าเป็นสะพานไปสู่จิตที่ดีขึ้นก็ได้..แต่จรินนาก็ไม่ได้สรุปความคิดตัวเองให้เขาได้รับรู้..

และด้วยไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของเขา จรินนาก็คิดว่าจะขอตัวกลับ แต่ว่า โทรศัพท์เจ้ากรรมในกระเป๋าก็ร้องเรียกให้เธอต้องรีบดึงกระเป๋าผ้าต่อลายใบใหม่มาล้วงหากระเป๋าใบเล็กของเธอที่ใส่โทรศัพท์ไว้ และพอเห็นว่าเป็นเบอร์จากวิษณุจักร จรินนาจึงปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น

...กระทั่งเขาต้องถามด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ ว่า “ทำไมไม่รับสายละครับ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2555, 11:57:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2555, 12:05:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2189





<< 7.1“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นโรงเรียนสอนศิลปะ ที่เรียกว่าวิทยาลัยในวัง”   8.1 “เมื่อกี้ผมเดินไปรับ ผมก็ต้องเดินไปส่ง เรียนเชิญครับ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 12 ก.ค. 2555, 11:59:24 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ...จะพยายามเอามาลงวันละนิดละหน่อย ในช่วงที่มีอารมณ์และเวลาทำงานครับ...อาจจะมีหายแว๊บไปบ้างสักสัปดาห์ก็อย่าสงสัยนะครับ (ไปเที่ยว)...ตอนนี้ขอกำลังตอนต่อตอนไปก่อนแล้วกัน จุ๊บ ๆ


wagawagamina 12 ก.ค. 2555, 12:25:39 น.
กรี้ด ขอบคุณค่ะ


wagawagamina 12 ก.ค. 2555, 12:26:18 น.
รออยู่เชียว รีเฟรชไปเรื่อยๆ อิอิ


anOO 12 ก.ค. 2555, 13:11:33 น.
คุณหนูจินเค้าไม่ได้ถอดสะพานนะ จารย์กล้วย
เค้าแค่ลองเชิงดูเฉยๆๆ


imsoul 12 ก.ค. 2555, 13:42:44 น.
คู่นี้น่ารักคะ มาต่ออีกนะคะ จะรอร๊อรอ


คิมหันตุ์ 12 ก.ค. 2555, 13:50:02 น.
เอ้า ลงชื่อให้กำลังใจจ่ะ สุดยอดเลย มาติดๆกันเนี่ย ช๊อบชอบ


nutcha 12 ก.ค. 2555, 14:20:19 น.
แกล้งเค้าแล้วตัวเองก็มานั่งง่วงซะงั้น จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดีเนี่ย


Orathai 12 ก.ค. 2555, 15:00:24 น.
มองเชิงกันไปมองเชิงกันมา...นี่เขาเรียกว่าจีบกันไหมเนี่ย...ลุ้นๆอาจารย์กล้วย


รอให้เป็นเล่ม 12 ก.ค. 2555, 19:51:42 น.
ถึงจะงานยุ่งแค่ไหน แต่ก็ยังติดตามอ่านเรื่องนี้อยู่นะคะ


loveleklek 12 ก.ค. 2555, 20:31:44 น.
ขอให้มีอารมณ์ทำงานเยอะๆ น้า


konhin 12 ก.ค. 2555, 20:46:00 น.
น่ารักทั้งคู่เลยยย


wii 12 ก.ค. 2555, 21:54:09 น.
เสียดายไม่ใด้อยู่เมืองไทยเนาะ ไม่งั้นจะขอให้คุณเฟื่องพาท่องเมืองไทยซะหน่อย


nunoi 12 ก.ค. 2555, 22:23:34 น.


แว่นใส 13 ก.ค. 2555, 08:16:25 น.
น่าติดตามนะ


Zephyr 16 ก.ค. 2555, 21:20:01 น.
ยังหยอดๆกันอยู่นะคู่นี้


lookAme 20 ก.ค. 2555, 18:06:41 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account