ร้อยเล่ห์ แสนรัก
ดาดาริน...นางแบบสาวสุดฮอต วางแผนพิลึกพิลั่นเพื่อให้ ทองทิมหลงเสน่ห์ สาเหตุมาจากเธอเข้าใจว่าเขากำลังจะแย่งผู้หญิงจากผู้ชายที่เธอหลงปลื้ม

ด้วยแผนการเหล่านี้ ทำให้เกิดความสัมพันธ์อลหม่าน ระหว่างนางแบบสาวกับทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปรินเซสแล้วนะคะ จะลงแค่ 70% ที่เหลือช่วยอุดหนุนหนังสือกันด้วยนะ ><
Tags: รัก,โรแมนติกคอมมาดี้

ตอน: บทที่ 17

ผ้าม่านสีแดงที่กั้นส่วนเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว ถูกแง้มเปิดอย่างเงียบกริบ คนที่อยู่ภายในพยายามมองผ่านช่องว่างแคบๆ ไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจก รอยยิ้มอย่างยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนเดิมที่ ‘อุ้ม’ เธอมาส่งที่นี่ ยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม

ความจริงแล้วดาดารินไม่ได้ตั้งใจให้เกิดแผนการนี้เท่าไร แต่จังหวะที่เธอล้มคะมำไปกองกับพื้น เธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจริงๆ มันอับอายเสียจนอยากแทรกแผ่นดินหนี แม้ตอนที่ยาใจถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอคิดอะไรไม่ออกอยู่ดี จนกระทั่งชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยคำถามเดียวกัน ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในสมอง

ในฐานะที่เขากลั่นแกล้งเธอไว้มาก เขาก็ต้องรับกรรมที่ก่อไว้

นายทองเทียมยังรู้จักดาดารินน้อยไป

นางแบบสาวค่อยๆ (แกล้ง) กระย่องกระแย่งออกจากหลังม่าน หลังจากเปลี่ยนกลับมาเป็นเสื้อแขนพองสีกลีบกุหลาบเรียบร้อย ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ผุดลุกขึ้นไปประคองทันที

“คุณยังไม่กลับไปอีกหรอ” ดาดารินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่างเหิน กระเถิบตัวห่างจากสัมผัสของเขา เห็นแล้วยาใจที่นั่งอยู่ไม่ไกลอยากมอบตุ๊กตาทองให้เลยจริงๆ

“คุณเป็นยังไงบ้าง เดินไหวไหม”

“ไหว” เธอตอบอย่างหยิ่งยโส แต่เพียงไม่กี่ก้าวที่แสดงให้เขาดู ก็กลับเซถลาจนชายหนุ่มต้องรีบเข้ามาประคองไว้

“อย่าอวดเก่งเลย ให้ผมช่วยเถอะ” เขาว่า ท่ามกลางสายตาของทีมงานที่คอยจับจ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชายหนุ่มกางวงแขนออก ก่อนช้อนร่างเธอไว้แนบกายอีกครั้ง

“ว๊าย คุณทองทิม ปล่อยนะคะ” หญิงสาวอุทานเสียงหวาน ผิดกับตอนที่โวยวายใส่เขาเมื่ออยู่กันตามลำพังลิบลับ

เพราะรู้ดีว่า กำลังเป็นที่จับตามองของใครหลายคน ท่าทีจึงเปลี่ยนจากดิ้นแรงๆ เป็นสะบัดสะบิ้งพอน่าเอ็นดู ปรับสีหน้าโกรธเคืองให้เขินอายพอเป็นพิธี ดูอย่างไรก็เหมือนหญิงสาวแสนงอนกับแฟนหนุ่มที่ตามง้อคืนดี

“คุณทองทิมให้ฉันเดินเองเถอะค่ะ คนอื่นมองกันใหญ่แล้ว”

ทองทิมตระหนักดีว่า เขากำลังทำอะไร แต่เขาตอบไม่ได้ว่าความเก้อเขินที่ควรมีหายไปไหนหมด ยิ่งเมื่อได้สบตาที่อยู่ใกล้แค่คืบ ชายหนุ่มยิ่งกระชับวงแขนของตัวเองแน่นขึ้น

“ขอโทษด้วยนะครับที่ทำไม่สุภาพ แต่ว่าคุณดาดารินกำลังเจ็บข้อเท้ามาก ผมเลยต้องขออนุญาตพาเธอกลับไปแบบนี้ หวังว่าคงไม่มีใครเข้าใจพวกเราผิดนะครับ” ชายหนุ่มประกาศเสียงก้อง อย่างที่ดาดารินเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะทำ ทีมงานทุกคนได้แต่ทำหน้าเหวอ ไม่ต่างจากยาใจที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“คุณยา ใจ ผมขอไปส่งคุณดาดารินนะครับ” เขาหันมาขออนุญาตคนตัวเล็กที่ทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อเห็นท่าทางเพื่อนรักส่งสัญญาณพยักเพยิก ยาใจก็ได้แต่ถอนหายใจกับมารยาของเพื่อนรัก

“เชิญตามสบายค่ะ”

แน่นอนว่าดาดารินจะทำเหมือนไม่เต็มใจ แต่ตอนไหนที่ทองทิมไม่เห็น นางแบบสาวจะรีบยักคิ้วให้ ก่อนเปิดระบบสนทนาด้วยข้อความในใจให้เพื่อนรัก

‘เป็นไงแผนของฉัน เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ คราวนี้นายทองเสร็จฉันแน่’

‘ใครจะเสร็จใครกันแน่ ระวังให้ดีเถอะยัยดา เดี๋ยวก็โดนจับได้อีกหรอก’

‘ไม่มีทางๆ นี่มันระดับไหนแล้ว ปรมาจารย์ชั้นเซียนมาเองเลยนะ แค่กระพริบตาเดียวฉันก็จัดการเขาได้แล้ว’

‘ขอให้มันเป็นอย่างนั้น เถอะ กลัวแต่ว่าคนที่โดนจัดการจะไม่ใช่คุณทองทิมนะสิ’

‘ดูถูกเกินไปแล้วนะ ฉันจะทำให้เขาสำนึกผิดและขอโทษฉันให้ได้ คอยดูสิ”

ดาดารินสรุปก่อนสะบัดหน้าหนี เป็นจังหวะเดียวกับที่ทองทิมหมุนตัวพาร่างเธอออกไปทางประตูด้านหลัง นางแบบสาวแอบโบกมือลาเพื่อนรักด้วยสีหน้ากระหยิ่มใจ ไม่ได้สังเกตรอยยิ้มขำที่ปรากฏบนใบหน้าชายหนุ่มสักนิด

----------------------------------------------------------------------------

ถ้าเพียงแต่นางแบบสาวสนใจในคำเตือนของเพื่อนสักนิด เธอคงไม่ต้องมานั่งหน้าบูด บอกบุญไม่รับ ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของยาในที่เกือบจะกลิ้งตกโซฟา

“ไม่ตลก ไม่ขำ ห้ามหัวเราะ” ดาดารินดุเสียงเข้ม เธอเท้าเอวมองคนที่หัวเราะจนท้องแข็งอย่างไม่สบอารมณ์

ลำพังแค่เรื่องนายทองเทียม ที่ดัดหลังแผนการแก้แค้นของเธออย่างแยบยลที่สุด ดาดารินก็หงุดหงิดพออยู่แล้ว มาเจอคนที่นั่งรออยู่ที่ห้องหัวเราะเยาะกับมันอีก... นางแบบสาวชักทนไม่ไหว

เธอนึกภาพกลับไปตอนที่เธออยู่บนรถคันเดียวกับชายหนุ่ม ตอนแรกที่เขาไม่ใช้เส้นทางตรงกลับคอนโดมิเนียม เธอยังนึกกระหยิ่มใจว่าเขาจะพาเธอไปหาที่สงบๆ เพื่อกล่าวคำขอโทษ แต่ทองทิมกลับเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง

ทันทีแสงไฟสีเขียวจากป้ายตัวใหญ่ของโรงพยาบาลก็ทิ่มเข้าตา จนดาดารินรู้ตัวแล้วว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไร

‘คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม...’ ดาดารินจำได้ว่าตัวเองละล่ำละลักถามออกไปอย่างนั้น ตอนที่โดนอุ้มขึ้นรถเข็นที่บุรุษพยาบาลนำมาจอดรออยู่ข้างๆ

‘คุณก็ถามแปลก คุณกำลังเจ็บข้อเท่าอยู่นะครับ ถ้าผมไม่พาคุณมาตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาลเราจะรู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นอะไรกันแน่ ข้อเท้าแพลง หรือว่ากระดูกหัก เราจะได้รีบรักษาได้ถูกไงครับ’

ชายหนุ่มเอ่ยด้วย เสียงซื่อๆ แต่ประกายตาระยิบระยับด้วยความเจ้าเล่ห์ของเขาได้แม่น
นักโทษที่ถูกพาเข้าแดนประหารรู้สึกอย่างไร ดาดารินคิดว่าตัวเองเข้าใจมันถ่องแท้ตอนนั้นเอง หากหมอตรวจต้องรู้แน่ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร แล้วคำประณามหยามเหยียดจากเขาต้องถาโถมเข้ามาอย่างไม่ปราณีแน่ๆ ยิ่งถ้าเรื่องนี้หลุดรอดไปถึงนักข่าว ภาพลักษณ์ที่สู้อุตส่าห์รักษามานานนับปีต้องป่นปี้

ไม่นะ.... เธอไม่ยอม

‘ฉันไม่ตรวจ!!!’

เธอตะโกนลั่น จนบุรุษพยาบาลคนเดิมถึงกับชะงัก เธอคิดว่าจำไม่ผิด เธอได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะจากคนด้านหลังด้วย

‘ทำไมละครับคุณดาดาริน คุณเจ็บข้อเท้าไม่ใช่หรอ คุณควรจะให้หมอดูอาการสักหน่อยนะ จะได้รู้ว่าคุณเป็นอะไรไง’ เขาว่าด้วยเสียงอ่อนโยน ดาดารินรู้ซึ้งถึงคำว่าเสแสร้งก็นาทีนั้น ก่อนที่เขาจะหันไปเอ่ยกับบุรุษพยาบาลคนเดิมว่า

‘คุณดาดารินเขาเป็นโรคกลัวเข็มฉีดยานะครับ ร้องไห้งอแงใหญ่เลยกว่าจะยอมมาตรวจ ยังไงๆ ก็ฝากดูแลเธอด้วยนะครับ พาเธอไปห้องฉุกเฉินเลยก็ได้ ไม่รู้ว่ากระดูกข้อเท้าเธอหักหรือเปล่า จัดการเธอได้เต็มที่เลยนะครับ... คุณดาดาริน ผมนั่งรออยู่ตรงนี้นะ ถ้ามีอะไรคุณก็ร้องเรียกผมดังๆ ผมอาจจะเข้าไปช่วยคุณไม่ได้ แต่ผมจะให้กำลังใจคุณอยู่ตรงนี้ ขอให้คุณโชคดีนะครับ’

“สมน้ำหน้า” ยาใจว่าขณะกลั้นหัวเราะ หลังฟังเรื่องที่เพื่อนเล่าด้วยความโมโหจบลง

“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะยา ใจ แกยังจะมาซ้ำเดิมฉันอีกหรอ ฉันติดแหง็กอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบทั้งคืน เพราะโดนหมอจับเอกซเรย์ทั้งตัว แล้วตอนที่หมอบอกว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็คิดว่านายทองเทียมจะด่าเรื่องที่ฉันโกหกเขา แต่เขากลับร้ายกว่านั้น แกรู้ไหมว่าเขาขอให้หมอเช็คประสาทฉัน เผื่อว่าฉันจะมีอาการทางจิต ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลย ดีที่คุณหมอใจดีบอกว่าอาจเป็นเพราะฉันเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก ก็เลยให้วิตามินพวกนี้มา ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันคงโดนจับส่งโรงพยาบาลบ้าไปแล้ว”

ดาดารินโยนถุงยาที่เต็มไปด้วยซองวิตามินหลากสี หลายขนาดลงบนโซฟาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“ก็ฉันเตือนแกแล้วว่าให้ระวังคุณทองทิมไว้ แกก็มั่นใจในตัวเองอยู่นั่นแหละ แล้วเป็นไง... ไม่แค่โดนจับได้ แต่ยังโดนซ้อนแผนจนหน้าหงาย คุณทองทิมที่เก่งจริงๆ รู้ทันแกไปหมดทุกอย่าง เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อเข้าให้ แพ้ราบคาบเลยสินะ”

ดาดารินทำหน้าเหยเกเมื่อโดนจี้ใจดำ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงไม่ยอมรับความปราชัยที่ได้รับ

“แกอยู่ข้างใครกันแน่ยาใจ ทำไมถึงได้เชียร์นายทองเทียมออกหน้าออกตาอย่างนี้ นี่เพื่อนนะ เพื่อนสนิทเลยนะ รู้จักกันตั้งแต่ ป.4 แกยังเข้าข้างเขาอยู่ได้ คอยดูเถอะ คอยดูให้ดี เรื่องมันไม่จบง่ายๆ แค่นี้แน่ๆ วันนี้ฉันจะยอมเขาไปก่อน แต่นายทองเทียมจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันอย่างนี้”

ว่าแล้วนางแบบสาว ก็สะบัดหน้าหนีเข้าห้อง ทิ้งให้คนในชุดนอนมองตามด้วยสีหน้าหนักใจ

ยิ่งคิดเอาชนะก็มีแต่พ่ายแพ้ สิ่งที่ยาใจหวั่นกลัวที่สุด.... เธอกลัวเหลือเกินว่าเพื่อนจะแพ้ใจตัวเอง

----------------------------------------------------------

อีกแล้ว... แกเอาอีกแล้ว
นังดาดาริน นังตัวแสบ
กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับผู้ชายหน้าด้านๆ ทำสำออยให้เขาเข้ามาประคอง มารยาสาไถนักนะแก

หนังสือพิมพ์ที่มีภาพของทองทิม ขณะกำลังโอบอุ้มนางแบบสาวในมือถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใครคนหนึ่งกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นอย่างแสนสาหัส
นังดาดาริน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่

---------------------------------------------------------

หญิงสาวในชุดนอนเนื้อบางพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างกระสับกระส่าย เธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้แม้เวลาจะล่วงเข้าเช้าวันใหม่ แดดอ่อนๆ ที่ส่องลอดม่านหน้าต่างทำให้เธอยันกายขึ้น

แม้จะเฝ้าคิดหาทางเอาคืน ผู้ชาย ซึ่งเป็นเจ้าของห้องชั้นบนสุดตลอดทั้งคืน แต่ดาดารินก็มองไม่เห็นหนทางที่จะเล่นงานเขากลับได้ ชายหนุ่มมีเกราะคุ้มภัยที่แสนแข็งแกร่ง นั่นคือ...การที่เขาไม่เคยหลงกลเธอเลย

มันควรมีสักทางที่ทำให้เขา สำนึกกับสิ่งที่เขาได้ทำไว้ ดาดารินครุ่นคิดขณะลุกขึ้นอาบน้ำ ก่อนเลือกเสื้อแจ็กเก็ตแขนสั้นสีตองอ่อน กับกระโปรงเหนือเข่าสีส้มลายดอกไม้สีชมพู หวังว่าความสดใสของสีเสื้อจะเรียกความเบิกบานให้เธอได้บ้าง

หญิงสาวก้าวออกจากห้อง ตั้งใจจะลงไปหาอาหารเช้าง่ายๆ จากห้องอาหารด้านล่าง ทันใดนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นหลังไวๆ ของใครบางคนที่คุ้นตาที่เดินอยู่ ณ โถงทางเดินเดียวกัน

“ธีร์…” เธอตะโกนเรียกออกไป ก่อนจะสาวเท้าไปหาเขาโดยอัตโนมัติ

“ธีร์จริงๆ ด้วย ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ” เธอทักทายด้วยเสียงแจ่มใส ชายหนุ่มคือความเบิกบานเดียวในวันที่หม่นหมอง ธีร์หันกลับมาช้าๆ เขาพยายามฝืนยิ้มให้หญิงสาว
“อรุณสวัสดิ์ครับดา”

“ธีร์เป็น อะไรหรือเปล่าคะ หน้าตาซีดเซียวเชียว ไม่สบายหรือเปล่า” หญิงสาวถามอย่างห่วงใย แต่ธีร์กลับส่ายหน้า

“เปล่าครับ ผมไม่เป็นไร” เขาตอบอย่างที่ควรจะตอบ แม้ว่าความจริงจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม

“ไม่ เป็นไรแน่หรอคะ ท่าทางธีร์ไม่ค่อยดีเลย แล้วนี่ธีร์จะไปไหน ให้ดาไปส่งไหมคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับดา ผมแค่จะลงไปทานข้าวชั้นล่างเอง”

“จริงหรอคะ ดาก็กำลังจะไปเหมือนกัน เราใจตรงกันอีกแล้วนะคะ ดีจังเลย ดาจะได้มีเพื่อนทานข้าวด้วย จะเรียกยัยใจ จนป่านนี้มันก็ยังไม่ยอมตื่น โชคดีจริงๆ ที่ได้เจอธีร์” ดาดารินยังคงคุยต่อไปไม่หยุด ซึ่งก็เป็นผลดีสำหรับชายหนุ่มที่ไม่ต้องการพูดอะไร เขาทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี จนทั้งคู่มาหยุดอยู่หน้าห้องอาหารประจำคอนโดมิเนียม

“นั่งตรงริม หน้าต่างดีไหมคะ จะได้รับแสงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าด้วย มีคนเคยบอกว่าแดดก่อน 8 โมงมีวิตามินดีสำหรับผิวพรรณ แต่ดาไม่เคยตื่นมาทันรับแดดช่วงนั้นเลย เจอที่ไรก็มีแต่รังสี UV”

เสียงเจื้อยแจ้วของนางแบบสาว ทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวในใจของเขาตกตะกอนลงไปได้บ้าง ธีร์เดินนำสาวร่างบางมายังโต๊ะข้างกระจกใสตามที่เธอแนะนำ ก่อนเลื่อนเก้าอี้ให้ดาดารินด้วยความสุภาพ ทำเอาหญิงสาวปลาบปลื้มไม่น้อย ธีร์ช่างน่ารักกับเธอเหลือเกิน

“วันนี้ถือเป็นวันที่ดาโชคดีมากๆ ที่ได้ทานข้าวเช้าร่วมกับธีร์ ดาดีใจจริงๆ ค่ะ เราอยู่ห้องตรงข้ามกันจะเกือบปี เพิ่งจะมีโอกาสอย่างนี้ครั้งแรกนี่แหละ” ดาดารินเอ่ยอย่างยินดี รอยยิ้มแสนหวานของหญิงสาวยิ่งทำให้ชายหนุ่มสับสน

ธีร์เบือนหน้าออกไปนอกกระจกใส แลเห็นภาพฝั่งตรงข้ามของถนน ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินเข้าไปในร้านกาแฟด้วยท่าทีสนิทสนม อาการนิ่งงันของเขา ทำให้หญิงสาวตรงหน้าสงสัย

เธอหันไปตามสายตาของชายหนุ่ม ทำให้เห็นภาพที่ทองทิมกำลังช่วยแพรฝันเปิดประตูร้านกาแฟพอดิบพอดี ความไม่พอใจแล่นเข้าเกาะกุมความรู้สึก หญิงสาวกำมือตัวเองแน่น

ธีร์หันกลับมา เขาได้เห็นสายตาคู่สวย ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกคู่นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง เป็นอย่างที่เขาคิด ผู้ชายคนนั้น... มีความสำคัญกับดาดารินจริงๆ

ตอนแรกนางแบบสาวก็มัวแต่จมอยู่กับความโกรธเคืองของตัวเอง จนได้เหลือบมาเห็นสีหน้าและอาการของคนตรงหน้า ภาพความทรงจำก็ปะติดปะต่อกันจนแจ่มชัด
ทองทิม แพรฝัน และธีร์ของเธอ

“ธีร์รู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหมคะ”หญิงสาวถาม หมายถึงเรื่องที่ทองทิมหาญกล้าเอาแพรฝัน มาอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้ด้วย เขาต้องรู้แล้วสิ... ไม่อย่างนั้นจะทำหน้าเศร้าสร้อยเช่นนี้หรือ

“รู้!?! เรื่องอะไรครับ”

“ก็...ก็เรื่องคุณทองทิม” เธอไม่กล้าพูดต่อ กลัวกระทบกระเทือนจิตใจเขา หญิงสาวบุ้ยใบ้ไปที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม ในขณะที่ธีร์เข้าใจไปอีกทาง

ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ถึงเวลาแล้วสินะที่ความจริงจะต้องเปิดเผย

“ธีร์โอเคใช่ไหมคะ หมายถึง ธีร์ไม่เป็นไรใช่ไหม”

ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ความนิ่งเงียบทำให้ดาดารินคิดว่าเขาคงโศกเศร้าจนพูดไม่ออก ได้แต่สงสารเขาจับใจ

“ดาขอโทษนะคะ” เธอเอ่ยเสียงเศร้า เธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เธอช่วยเขาไม่ได้

“ดาขอโทษทำไมครับ มันไม่ใช่ความผิดของดาเลยนะ” ชายหนุ่มพยายามปลอบ อย่างน้อยดาดารินก็พยายามอย่างที่สุดที่จะถนอมน้ำใจเขาไว้

“แต่ว่า...แต่ว่าดา...”

ธีร์ฝืนยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่เหือดแห้งเสียเหลือเกิน

“เรื่องของความรู้สึก...มันห้ามกันไม่ได้ไม่ใช่หรอครับ คุณทองทิมก็เป็นผู้ชายที่ดี ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะเลือกเขา”

“ไม่จริงค่ะ” ดาดารินสวนกลับทันควันจนธีร์สะดุ้ง “มีผู้หญิงอย่างดาคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่มีวันเลือกผู้ชายแบบนั้นเด็ดขาด ผู้ชายที่ดีแต่กลั่นแกล้งรังแกผู้หญิง ไม่เห็นน่ารักเลยนะคะ สู้ธีร์ก็ไม่ได้”

ธีร์ขมวดคิ้วด้วยความฉงน ขณะที่ดาดารินเอ่ยต่อ

“ธีร์ไม่ต้องเศร้าไปหรอกนะคะ เรื่องที่นายทองเทียมพาเจ้าของร้านกาแฟคนนั้นมาอยู่ข้างๆ ห้องเรา เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไป สักวันเขาก็ต้องแพ้ภัยตัวเอง”
คราวนี้ความสงสัยเพิ่มมากกว่าเดิม คิ้วเข้มพันจนเป็นปมยุ่ง ดาดารินกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน

“ดาขอโทษจริงๆ ที่ช่วยอะไรธีร์ไม่ได้เลย นายนั่นพาคุณป้ากาแฟมาโดยที่ดาไม่ทันตั้งตัว ดารู้ว่าเรื่องนี้มันทำให้ธีร์ไม่สบายใจ แล้วก็รู้สึกแย่มากๆ แต่ไม่เป็นไรนะคะ เพราะดาจะอยู่เคียงข้าง คอยเป็นกำลังใจให้ธีร์เอง”

หญิงสาวว่า ก่อนเอื้อมมือไปกุมมือชายหนุ่มไว้เพื่อปลอบประโลม ธีร์ยังอยู่ในภาวะสับสนเกินกว่าจะปฏิเสธอะไรได้

ภาพที่เห็นจึงเป็น ดาดารินจับมือของช่างภาพหนุ่มอย่างหวานชื่น คนที่ ‘บังเอิญ’ ผ่านมาเห็น เลยหงุดหงิดจนบอกไม่ถูก

ทองทิมที่กลับขึ้นมาหลังจากเดินไปส่งแพรฝัน เกือบแล่นเข้าไป ‘ขัดจังหวะ’ คู่สร้างคู่สมให้สาแก่ใจ ถ้าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงจะไม่ดังขึ้นเสียก่อน

เบอร์ของพ่อที่แสดงอยู่หน้าจอทำให้ชายหนุ่มต้องกดรับ ก่อนหมุนตัวกลับขึ้นห้องโดยไม่ได้ทำอะไรอย่างใจคิด

“ถ้าธีร์ไม่สบายใจ วันนี้เราไป...ทำบุญกันไหมคะ ปล่อยนก ปล่อยปลา เผื่อว่าจิตใจจะได้แจ่มใส วันนี้ดาว่างตลอดบ่ายเลย มีงานอีกทีก็ตอนเย็น เราไปทำบุญกันนะคะ”

เป็นครั้งแรกที่ดาดารินเอ่ยชวนผู้ชายเข้าวัดเข้าวา ไม่รู้ว่าวิญญาณมัคทายกตนใดเข้าสิง แต่นาทีนี้เธอต้องการสถานที่สงบๆ สำหรับบรรเทาความปวดร้าวของธีร์

“ครับ” เขาตอบรับด้วยรอยยิ้ม แม้อะไรๆ ยังไม่กระจ่าง แต่ท้องฟ้าวันนี้ก็ไม่มืดครึ้มเหมือนเดิมอีกแล้ว

----------------------------------------------------------

“ฉันไม่เข้าใจแกจริงๆ แกจะลากฉันมาด้วยทำไม” ยาใจบ่นเสียงเบาอย่างไม่สบอารมณ์กับดาดาริน ตอนที่ตากล้องผิวเข้ม กำลังง่วนอยู่กับการขนถังสังฆทานหลังรถสปอร์ตคันหรูของนางแบบสาว

“อยากจะทำบุญร่วมชาติกับนายถ่านก็ทำกันไปสองคนสิวะ จะให้ฉันมาเป็นก.ข.ค.ทำไมเนี่ย”

“อย่าบ่นนักเลยน่า นี่เราอยู่ในวัดนะ ทำจิตใจให้แจ่มใสหน่อยสิ” ดาดารินกระเซ้าด้วยความเบิกบาน ขณะที่ยาใจส่ายหน้าดิก

“ฉันคงจะแจ่มใสกว่านี้ ถ้าไม่ถูกแกลาก..ลงจากเตียง” สาวร่างเล็กเน้นคำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พอดีกับที่ธีร์หิ้วถังสีเหลืองสามใบตามมาสมทบ นางแบบสาวจึงหมดความสนใจเพื่อนหน้าบูดที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ให้ดาช่วยถือนะคะธีร์” ดาดารินถามเสียงหวาน จนคนที่เพิ่งตื่นนอนอดหมั่นไส้ไม่ได้

“ไม่เป็นไรครับ”

ยาใจไม่พูดอะไร เธอทำปากขมุบขมิบล้อเลียนความหวานเลี่ยน ที่ชายหญิงคู่นี้ส่งผ่านให้กัน ก่อนสาวเท้านำหน้าเข้าไปในโบสถ์

“อุ๊ย...นั่นน้องดาใช่ไหมคะ” เสียงร้องเรียกทัก ทำเอาทั้งยาใจที่เดินนำอยู่ด้านหน้า รวมถึงดาดารินชะงัก

ผู้จัดการสาวรีบหันขวับด้วยเพราะจดจำเสียงของคนที่ทักได้

“พี่เจี๊ยบ!!!” สองสาวอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน พี่เจี๊ยบ...เหยี่ยวสาวตัวจริงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงเนิ่นนาน เพียงแค่พิรุธนิดเดียวก็กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งครึกโครมได้พริบตา

“น้องดามาทำบุญหรอคะ มากับใครเอ่ย เอ๊ะ หน้าคุ้นๆ นะเนี่ย...” เจี๊ยบทักด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ขณะชี้ไปยังชายหนุ่มผิวเข้มที่ยืนอยู่ใกล้นางแบบสาว ด้วยสายตาจับผิด

“มากับใจเองค่ะ” ยาใจรีบปราดเข้ามาอย่างรู้คิว รู้ดีว่าขืนปล่อยให้สาวใหญ่อย่างพี่เจี๊ยบ เห็นดาดารินกับธีร์เพียงลำพัง คงต้องเตรียมรับมือกับข่าวใหญ่ที่จะตามมา

“อ้าว... น้องยาใจ มาเหมือนกันหรือเนี่ย” เจี๊ยบเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

“ค่ะ พี่เจี๊ยบก็มาทำบุญเหมือนกันหรอคะ” ยาใจชวนคุยเพื่อเปลี่ยนเรื่อง มือด้านซ้ายข้างเธอไขว้ไปด้านหลัง ก่อนจะทำสัญญาณให้ดาดารินรีบหาทางหลบไปก่อน

“เปล่าหรอก พี่มาเก็บภาพกองถ่ายละครทางด้านนู้นน่ะ” นักข่าวรุ่นใหญ่ตอบ ขณะที่ยังจับจ้องไปยังผู้ชายตัวสูงด้วยสายตาพิจารณา

“อ๋อ!!! พี่นึกออกแล้ว คุณธีร์..... คุณธีร์ที่เป็นช่างภาพนี่นา ทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะเนี่ย”

ยาใจอยากจะบ้าตาย พี่เจี๊ยบสมควรได้รับสมญานามว่า ‘เหยี่ยวข่าว’ ตัวจริง เพราะนอกจากหูไว ตาไว้แล้ว กรงเล็บก็พร้อมง้างออกเพื่อตะครุบเหยื่อได้ทุกเมื่อ

ก่อนที่ดาดารินจะตอบอะไรที่จุดประเด็นสงสัย ยาใจรีบชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน

“ใจ ชวนเขามาเองค่ะ…”

“น้องยาใจชวนคุณธีร์มา แสดงว่าสองคนนี้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว รวมถึงน้องดาด้วยหรือเปล่าคะ”

“ใช่แล้วคะ ดาต้องรู้จักด้วยสิคะ เพราะว่าธีร์กับใจกำลังคบกันอยู่

ตอบเองก็ อยากจะเตะปากตัวเอง เธอคิดหาข้ออ้างนี้ได้อย่างไร ทั้งไม่เข้าท่าแล้วก็ปัญญาอ่อนสิ้นดี แต่ทำอย่างไรได้ มันเป็นความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัว

แม้จะสิ้นคิดอย่างไร ก็ต้องใช้ไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของดาดาริน

“ดาแค่มาส่งเราสองคนน่ะค่ะ ขอบใจมานะยัยดา แกกลับไปก่อนก็ได้ ไปสิ”

ดาดารินได้แต่อ้าปากค้าง ยาใจชอบหาว่าเธอเชี่ยวชาญเรื่องโกหก แล้วดูสิ่งที่ผู้จัดการสาวทำตอนนี้สิ เธอมองเพื่อนอย่างตำหนิ แต่ต่อหน้าสายตาคมกริบของนักข่าวขาใหญ่ นางแบบสาวก็ได้แต่เล่นไปตามน้ำเท่านั้น

“อืม...” เธอรับคำอย่างสะกดกลั้น รู้ดีว่ายาใจทำไปเพราะหวังดี แต่มันควรมีทางออกที่สวยงามกว่านี้

‘ขอโทษนะดา แต่ฉันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ’
‘ยาใจ แกนี่มัน......’
‘เอาน่าๆ อย่าเพิ่งด่าอะไรตอนนี้เลย รีบหลบไปก่อนไป แล้วเดี๋ยวฉันจะให้แกบ่นสามวันเจ็ดวันเลย’
‘เออๆ แล้วถ้าแกหลุดจากพี่เจี๊ยบได้เมื่อไรรีบโทรมาละกัน’

“พี่เจี๊ยบคะ งั้นดาขอตัวกลับก่อนเลยนะคะ” ดาดารินยกมือไหว้อย่างสวยงาม เธอพยายามทำทุกอย่างให้แนบเนียน โดยพยายามสะกดสายตาอาลัยอาวรณ์ของตัวเอง ขณะเหลือบมองคนตัวสูงข้างตัว เธออยากจะขอโทษเขาเหลือเกิน แต่สถานการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย

นางแบบสาวหมุนตัวจากไปโดยไม่เหลียวกลับมามอง เจี๊ยบมองตามอย่างครุ่นคิด

“น้องดานี่เป็นเพื่อน ที่ดีจริงๆ เลยนะคะ อุตส่าห์ขับรถมาส่ง ‘ผู้จัดการส่วนตัว’ ทำธุระส่วนตัวด้วย”

“ค่ะ ดามันเป็นคนดีอย่างนี้แหละ พี่เจี๊ยบไม่รีบกลับไปที่กองถ่ายหรอคะ” รีบกลับไปสิคะ จะมายืนจับผิดอยู่ตรงนี้ทำไมกัน ยาใจคิดต่อในใจ

“เดี๋ยวก่อนก็ได้ ยังไงพี่ก็ต้องอยู่ที่นี่ทั้งวัน ไปทำบุญกับน้องยาใจแล้วก็คุณธีร์สักแปปคงไม่เป็นไรหรอก ใช่ไหม...” คำท้ายเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิงอะไรบางอย่าง ยาใจเสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว

“ได้ เลยค่ะ มาทำบุญร่วมกัน ชาติหน้าจะได้เกิดมาร่วมกันอีก มาค่ะคุณธีร์ เดี๋ยวใจช่วยคุณถือนะคะ” ยาใจทำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เหตุผลแรกคือเพื่อสวมบทบาทของคู่ใจให้แนบเนียนที่สุด

แต่เหตุผลอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน คือเพื่อไถ่โทษ ที่ดึงเขามามีส่วนเกี่ยวข้องกับมหกรรมการแหกตาครั้งนี้

ในขณะที่ธีร์เข้าใจสถานการณ์อย่างง่ายดาย เขาจึงไม่โต้แย้งถึงความสัมพันธ์จอมปลอม ปล่อยให้ยาใจเดินเกมไปอย่างที่เธอต้องการ

--------------------------------------------------------------------

“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ขอโทษมากๆเลย”

ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่ปกติเอาแต่ กำหมัดคอยหาเรื่อง วันนี้เปลี่ยนมาเป็นยกมือไหว้ปรกๆ ด้วยสีหน้าสำนึกผิด เธอเอ่ยคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนักข่าวสาวใหญ่คนนั้นจากไปไกลแล้ว

คำว่า ‘ไม่เป็นไร’ เกือบหลุดจากริมฝีปาก เขาสามารถเอ่ยคำนี้ได้ง่ายๆ เพราะเข้าใจความจำเป็นทั้งหมดดี แต่เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอน บวกกับท่าทางโอนอ่อนอย่างที่เธอไม่เคยแสดงกับเขา ชายหนุ่มกลับทำในสิ่งที่ตนเองไม่คาดคิดมาก่อน

เขาเงียบ เสมองไปทางอื่น แต่หูเงี่ยฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมาอีกบ้าง

“ฉัน ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณต้องตกกระไดพลอยโจนเล่นบทเป็นคนรักของฉัน แต่ว่ามันจำเป็นจริงๆ พี่เจี๊ยบเป็นนักข่าวที่ตาไวมาก ขืนเขารู้ว่าคุณมากับดา เรื่องนี้ได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ แล้วคุณก็อยู่ในวงการนี้ น่าจะเข้าใจใช่ไหมว่ามันจะมีอะไรตามมาอีกบ้าง ดามันเพิ่งเป็นข่าวอยู่กับคุณทองทิม จะให้มันมีข่าวกับคุณอีกมันก็ไม่ดี เออ... ฉันไม่ได้ว่าคุณว่าไม่ดีนะ แต่ฉันหมายถึง...” ยิ่งพูด ก็ยิ่งแย่ ยาใจพยายามคิดหาคำที่เหมาะสมมาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“ฉันขอโทษ” เธอเอ่ยอีกครั้งอย่างจนใจ ท่าทางนายถ่านจะโกรธจัด ถึงไม่ยอมพูด ไม่ยอมมองหน้า เขาผิดหวังมากนักหรือที่ต้องมาอุปโลกน์เป็นคนรักของเธอ

“เขายังอยู่...”

“คะ!!!”

“ผู้หญิงคนนั้น...พี่เจี๊ยบน่ะ เขายังอยู่แถวนี้” ธีร์ว่าเสียงราวกับกระซิบ ยาใจทำหน้าเลิกลัก พยายามจะหันไปหาคนที่กำลังถูกพูดถึง แต่ชายหนุ่มก็รั้งไว้ก่อน

“คุณอย่าหันไป” เขาว่าเสียงเบา

“แล้วเราจะทำยังไงกันดี” ยาใจว่าเหมือนปรึกษา อยู่ๆ ปัญหานี้ก็กลายเป็น ‘เรา’ ที่ต้องร่วมกันแก้ไข ธีร์มองคนตัวเล็กที่เคลื่อนที่มาใกล้ด้วยท่าทางเกร็งๆ มันทำให้เขาเกิดรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“หลบไปทางท่าน้ำดีไหม” เขาบุ้ยใบ้ไปศาลาริมคลองสายเล็กๆ ห่างจากตัวโบสถ์ไม่ไกลนัก ยาใจพยักหน้าทันทีก่อน เดินเบียดชายหนุ่มไปยังที่หมาย พร้อมกับเพียรกระซิบถาม

“พี่เจี๊ยบเดินตามเรามาไหม” หรือไม่ก็ “เธอหายไปหรือยัง”

ธีร์ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะไม่มีใครตามมาตั้งแต่ต้น ชายหนุ่มก้มมองคนใกล้ตัวที่ยืนแข็งทื่อ ไม่เหลือเค้าความอวดเก่ง จนชายหนุ่มอดหัวเราะไม่ได้

“คุณหัวเราะทำไม เดี๋ยวพี่เจี๊ยบก็สงสัยหรอก หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยนะ คุณ...บอกให้หยุดไง” เธอเอ็ดเสียงเข้ม พยายามให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่ยิ่งทำให้ชายหนุ่มผิวเข้มข้างกายยิ้มกว้างกว่าเดิม

“เดี๋ยวก็โดน จับได้หรอก พี่เจี๊ยบอยู่แถวนี้ไม่ใช่หรอ....” เธอว่าพลางเอะใจ เธอรีบหันไปกวาดตามองหา

ไม่มี!!!

ไร้วี่แววของคนที่ชายหนุ่ม พูดถึง ไม่มีพี่เจี๊ยบ ไม่มีใครเดินตามมาทั้งนั้น

“คุณโกหกฉันนี่”

รอยยิ้มพราวปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึม ผู้ชายมาดนิ่งบทจะเจ้าเล่ห์ขึ้นมาก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยาใจโกรธจนตัวสั่น โกรธทั้งเขาที่ทำให้เธอหัวปั่น แล้วก็โกรธตัวเอง...ที่ดันหลงกลเขาเข้าให้

“คุณไม่ชอบคนโกหกหรอครับ”

“นี่ จะบ้าหรอ มีใครชอบคนโกหกบ้าง ถามอะไรไม่รู้เรื่อง” เธอขึ้นเสียงใส่อย่างหมดความอดทน

“คุณไม่ชอบคนโกหก แต่คุณกลับโกหกคนอื่นหรอครับ” เขาว่าเสียงราบเรียบ ไม่มีวี่แววประชดประชันหรือจิกกัดให้เจ็บแสบ แต่มันเป็นความนิ่งที่รุนแรงจนยาใจหน้าหงาย

“ถือว่าเราหายกันนะครับ” เขาว่าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อกี้ผมเห็นเขาขายขนมปังตรงหน้าศาลาด้วย เราไปซื้อมาให้อาหารปลากันนะ”

ขณะที่ยาใจมัวแต่ยืนอึ้ง ชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมขนมปังสองถุงใหญ่ในมือแล้ว เขาทำเหมือนว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนยื่นอาหารปลาถุงโตมาให้ พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

ทั้งคู่เดียวเคียงกันไปที่ท่าน้ำ แสงอาทิตย์ยามสายทอประกายเป็นเงาสะท้อนอยู่เหนือคลองสายเล็กๆ

“คุณเป็นคนยังไงกันแน่” เธอถามออกไปตรงๆ ธีร์เหมือนมนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารคนละภาษากับเธอ ต่อให้เธอพยายามเท่าไร ก็ไม่มีวันเข้าใจเขาได้

ในขณะที่ชายหนุ่มหันมายิ้มแทนคำตอบ แม้แต่ตัวเขาเอง ก็ต้องการรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนเช่นไร

“แล้วคุณมองว่าผมเป็นคนยังไงละครับ”

“ประหลาด” ยาใจตอบตามที่คิดอย่างไม่ลังเล

“คุณเป็นคนที่ประหลาด เข้าถึงยาก เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ซ่อนอะไรหลายอย่างเอาไว้ คุณไม่พูด แต่คุณคิด... แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าคุณคิดอะไร เพราะคุณไม่เคยแสดงออก เอ๊ะ.. นี่ฉันเป็นคนถามคุณนะ ไม่ได้ให้คุณมาย้อนถามฉันอย่างนี้”

ธีร์มองดู หญิงสาวที่ตั้งท่าเอาเรื่องเขาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มละไม ชายหนุ่มรู้สึก ‘เอ็นดู’ คนตัวเล็ก เหมือนเธอเป็นน้องชายของเขา

“ยิ้มอะไร” ยาใจถามเสียงห้วน ไม่ชอบเอาเสียเลยเมื่อได้สบตาชายหนุ่ม

มันไม่ใช่สายตาเดียวกับที่เขาใช้มองดาดารินหรือผู้หญิงคนอื่น แต่มันแฝงไปด้วยกระแสความอ่อนโยน ที่ทำให้เธอปั่นป่วนในช่องท้อง เหมือนเลือดลมเดินผิดปกติ

“คุณพูดถูก ความจริงแล้ว ผมมีบางอย่างปิดบังคุณ” เขาว่า สายตาจับจ้องไปยังฝูงปลาที่รุมกัดกินก้อนขนมปังด้วยความหิวโหย ยาใจหันไปมองด้วยความสงสัย

“ขอให้ผมกล้ากว่านี้...ผมจะบอกคุณเป็นคนแรก”




*********************************
มาต่อแล้วนะจ๊ะ ขอให้มีความสุขกับการอ่าน ขอบคุณสำหรับการติดตามค้า



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2555, 14:08:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2555, 14:08:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 2033





<< บทที่ 16   บทที่ 18 >>
kungkingsun 11 ก.ค. 2555, 20:18:03 น.
คู่ดากับทองเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ระวังธีร์กับใจจะแซงหน้า


pattisa 11 ก.ค. 2555, 21:10:53 น.
บางอย่างที่ปิดบังนี่คือที่ธีร์เเอบชอบดาดารินมานานเเล้ขใช่ไม๊? สงสารยาใจ


nunoi 11 ก.ค. 2555, 22:10:44 น.
ธีร์ต้องแอบชอบดาแน่ๆเลย


issbel 11 ก.ค. 2555, 23:46:09 น.
ยาใจคู่ธีร์ไดมั้ยคะน่ารักดี:)


Pat 12 ก.ค. 2555, 19:00:53 น.
ท่าจะได้อีกคู่หนึ่งล่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account