เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่๒๓ วิวาห์จำนน ๑/๒
“ไอ้ด่าง..ไอ้ด่าง อยู่ไหนนะ”
มะลิเริ่มใจเสีย หันรีหันขวางพบว่าสองข้างทางมีแต่ความมืดครึ้ม หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหลงทาง พื้นที่บริเวณนี้หล่อนไม่เคยย่างกรายผ่านเข้ามา เสียงหวีดหวิวประหลาด กับบรรยากาศเย็นเยียบยามค่ำคืน ทำให้หล่อนเริ่มหวาดระแวง พยายามตามหาเจ้าด่างให้พบโดยเร็วเพื่อจะได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ทว่าทำอย่างไรก็ไม่เห็นร่องรอยของสุนัขในความดูแล
หล่อนทำเสียงเป็นสัญญาณที่มันเคยคุ้นกี่ครั้งกี่หน ก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเห่าตอบรับอย่างเคย
“จะไปไหนล่ะครับ คุณหนูมะลิ..ดึกดื่นออกป่านนี้”
ชายร่างผอมเกร็งหน้าตาหมองคล้ำกระโดดออกมาจากหลังพุ่มไม้ริมทาง หล่อนไม่ทันสังเกตว่ามีใครอยู่ในที่แห่งนี้ และเฝ้าจับตาดูหล่อนมาครู่ใหญ่แล้ว จู่ๆโผล่มาให้เห็นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวเลยสะดุ้งสุดตัว ใจเต้นไม่เป็นส่ำ จานที่ถือติดมือมาด้วยหล่นลงไปคว่ำอยู่บนพื้นหญ้า
“โอ๊ะ โอ๋..ขวัญเอ๋ยขวัญมา กระผม พัลลภเอง คุณหนูจำมิได้ดอกหรือ”
พัลลภขยับเท้าเข้ามาใกล้ เขาก้มหน้าลงไปจนปลายจมูกเกือบสัมผัสผิวแก้มหล่อน มะลิเห็นรายละเอียดบนใบหน้าชายหนุ่มชัดเจนยิ่งขึ้น หล่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง แววตาไม่มีความตื่นกลัวเท่าวินาทีแรก ทว่ายังระแวงอยู่เล็กน้อย สัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากลที่กล้ำกรายเข้ามา
“พี่พัลลภนะเอง..มาทำอะไรที่นี่คะ”
เขาเหยียดยิ้มแทนคำตอบ นัยน์ตาเหี้ยมเกรียมกว่าทุกครั้งที่หล่อนเคยพบเมื่อครั้งติดตามมารดาไปเจรจาเรื่องหนี้สิน
ชายอีกคน รูปร่างสูงใหญ่กว่าหล่อนสองสามเท่าตัว ไว้หนวดเครารกเรื้อ ผมหนายาวประบ่า ดวงตากลมใหญ่เขม็งจ้องมายังหล่อน เขาออกมาจากที่กำบังเดียวกับพัลลภ เมื่อเดินมาเกือบประชิดตัวหล่อน รอยยิ้มประหลาดก็ผุดพรายขึ้น มะลิหัวใจหล่นวูบลงไปกองอยู่แทบเท้า เมื่อผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายฉุดข้อมือหล่อนขึ้นมากะทันหัน ออกแรงดึงจนหล่อนเซถลาเข้าไปปะทะแผงอกกว้าง พัลลภใช้วงแขนรัดรึงหล่อนติดแนบกับตัวเขา หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกคีมเหล็กโอบโดยรอบ หล่อนดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดไม่พึงประสงค์นั้น ได้ยินเสียงห้าวกระซิบลงข้างหู
“เดินเล่นคนเดียว น่ากลัวจะตาย พี่ขออยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนได้ไหม..รับรองว่าคุณหนูไม่เหงาแน่ขอรับ”
เสียงหัวเราะแหบห้าวดังก้องเข้ามาในโสตประสาท ความตระหนกพรั่นพรึงแผ่กระจายไปทั่วร่าง หล่อนได้ยินเขาเอ่ยกับชายร่างใหญ่หน้าตาเหมือนมหาโจรคนนั้นด้วยความคึกคะนอง
“จริงไหมวะไอ้ยักษ์ คืนนี้เราสองคนช่างโชคดีแท้หนอ มีนางสวรรค์มาโปรดถึงที่ ข้าขอลิ้มลองเนื้อหอมแม่กวางน้อยตัวนี้ก่อน หายเบื่อแล้วจะส่งต่อให้เอ็งทั้งคืน..ไม่ต้องห่วง”
มะลิตวาดขึ้นมาทั้งที่เสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบสองพวงแก้ม
“พี่พัลลภ..พี่ทำแบบนี้ทำไม เราเป็นพี่น้องกันมิใช่หรือ”
เสียงหัวเราะของพัลลภยังดังกลบสองหูอย่างไม่สนใจใยดี หนุ่มหน้าโจรผู้นั้นก็หัวเราะตามลูกพี่ของมันด้วยความสนุก
“เรามีพ่อคนเดียวกันนะคุณพี่ แล้วเราก็ไม่เคยบาดหมางกันด้วยเรื่องใด..ปล่อยฉันไปเถิด”
พัลลภสั่นศีรษะ จิกเล็บลงบนผิวละเอียดนุ่มของหล่อนด้วยความเคืองแค้น แววตาเขากร้าวแข็ง แดงก่ำ เหมือนสัตว์ร้ายผู้หมายขย้ำศัตรูให้แหลกลาญลงไม่มีชิ้นดี ไม่เหลือคราบพี่ชายคนเดิมที่หล่อนเคยนับถืออีกต่อไป
“แม่แกทำลายชีวิตฉัน..ทุกวันนี้แทบไม่มีที่ซุกหัวนอน ความเป็นอยู่แร้นแค้น ส่วนพ่อแกก็ไม่เคยมาดูดำดูดี นังเมียหลวงมันจะทำอะไร ผิดชอบชั่วดีเพียงไหน ก็ไม่เคยเข้ามาขวาง..อย่างนี้หรือ เรียกว่าไม่มีเรื่องบาดหมางกัน!”
มะลิเบิกตากว้าง หล่อนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่..ฉันไม่รู้จริงๆ”
พัลลภยิ้มเครียด ออกแรงรัดเอวหญิงสาวแน่นยิ่งกว่าเก่า
“ฉันไม่มีอารมณ์มาสาธยายให้แกฟัง แกไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งเดียวที่ฉันต้องการในเวลานี้คือ ทำลายชีวิตแก พรุ่งนี้อีทองทิพย์จะเหลือแต่ศพของลูกสาวมัน จะได้รู้เสียบ้าง ว่าความเจ็บปวดหน้าตาเป็นเช่นใด!”
ผ้าเนื้อบางถูกฉีกกระชากออกจนขาดวิ่น แลเห็นไหล่กลมกลึงและเนินอกอิ่มเพียงเสี้ยวหนึ่ง มะลิกรีดร้องเสียงดังก้องป่า พัลลภกำลังจะลงมือทำลายชิ้นส่วนเสื้อผ้าท่อนบนให้หมดจด ชายหนุ่มก็ต้องโอดครวญขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อข้อมือข้างที่กำลังจะฉีกแขนเสื้อของหญิงสาวกระเด็นออกด้วยแรงจากหลังเท้าของใครคนหนึ่ง ความเจ็บปวดแรกยังไม่ทันจางคลาย เสียงร้องของเขาก็ดังกลบเสียงของหล่อนอีกครั้ง เมื่อฝ่าเท้าของผู้มาใหม่ยันหน้าอกเขาออกจากหญิงสาวจนสูญเสียการทรงตัว หงายหลังลงไปกองกับพื้น โชคยังดีที่พื้นมีหญ้าอ่อนปกคลุม มิเช่นนั้นเขาคงมีสิทธิ์หลังหักได้โดยไม่ต้องสงสัย
“ไอ้ชั่ว..กล้าทำแบบนี้กับน้องสาวได้ยังไง มึงมันไม่ใช่คนแล้ว ไอ้พัลลภ!”
ปรัชเอ่ยเสียงแข็ง นัยน์ตาจ้องเขม็งมายังตัวการด้วยความโกรธแค้น ชายหนุ่มคว้าตัวหญิงสาวมากอดไว้ หล่อนสะอื้นไห้ ตัวสั่นระริกอย่างน่าเวทนาในอ้อมแขนของเขา
“มึงอีกแล้วหรือ..”
พัลลภชี้หน้าปรัชด้วยความขัดใจ และแค้นเคืองไม่แพ้กัน ทั้งที่มืออีกข้างยังคลำหลังตัวเองด้วยความเจ็บปวดไปถึงกระดูก
“มึงนี่เป็นมารขวางกูทุกเรื่อง ตั้งแต่เด็กยันโต”
เขาเอ่ยลอดไรฟัน ลูกน้องหน้าตามหาโจรรีบเข้ามาประกบอย่างคุมเชิง ตั้งท่าเตรียมพร้อมรุกผู้มาใหม่เต็มที่
“กูจะขวางมึงทุกเรื่องนั่นแหละ..โดยเฉพาะถ้ามึงมาทำร้ายมะลิ”
พัลลภสบถออกมาด้วยคำหยาบคำหนึ่ง ก่อนบอก
“มาว่ากูชั่ว..มึงนั่นแหละชั่วยิ่งกว่า ชั่วในคราบพ่อพระ ทำตัวเป็นพระยาเทครัว จะจับปลาสองมือทั้งพี่ทั้งน้องหรือไงวะ”
“มึงพูดเรื่องอะไร..”
พัลลภยิ้มหยันเมื่อได้เห็นท่าทางร้อนรนของคู่อริ
“อย่านึกว่ากูไม่รู้ ว่ามึงแอบพลอดรักกับนังมะลิอยู่บ่อยๆ เมื่อลับตาคุณพุดซ้อน”
ชายหนุ่มยันตัวขึ้น จนสามารถลุกยืนทรงตัวได้เป็นปกติ เขาก้าวเข้ามาหมายจะชิงตัวมะลิไปไว้ครอบครอง ทว่าปรัชไวกว่าเบี่ยงตัวหลบมะลิได้ทัน พัลลภยิ้มเครียด กำมือแน่น กัดฟันจนสันกรามขึ้นนูน ไอ้ยักษ์ ผู้เป็นลูกน้อย รีบสาวเท้าตามหลัง ทำท่าเหมือนจะชักอะไรบางอย่างออกจากผ้าขาวม้าด้านหลัง
“รักกันมากใช่ไหม..ดี! กูจะสนองให้ ไปลงนรกด้วยกันทั้งคู่เลย”
พัลลภหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้อง พร้อมกันนั้นเอง เขาก็ชักมีดปลายแหลมออกมาจากด้านหลัง
ไม่ทันให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตรียมตั้งหลัก ชายหนุ่มก็ปราดเข้ามาประชิด ปลายมีดเกือบเสียบบริเวณลำคอคู่อริ ทว่าปรัชก้มตัวหลบทัน เขาดุนหลังมะลิให้ออกห่างจากบริเวณเดิมที่ยืนอยู่ พร้อมกับออกแรงตวัดปลายเท้าไปยังข้อมือพัลลภ มีดปลายแหลมด้ามนั้นกระเด็นหลุดจากการครอบครองทันที
เสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของมะลิดังขึ้นเป็นระยะ
ปรัชหันมาบอกให้หล่อนวิ่งหนีไป ทว่าหญิงสาวยังปักหลักนิ่งอยู่ที่เดิม
เขาปราดเข้าไปเหยียบหน้าอกพัลลภเอาไว้ไม่ให้ยันตัวขึ้นมาได้ ชายหนุ่มเล็งมีดเล่มนั้นที่วางรออยู่ไม่ห่าง กะระยะ และรอจังหวะเหมาะเจาะจะเข้าไปคว้ามาไว้เป็นตัวช่วย
ชายหนุ่มไม่ทันระวังลูกน้องอีกคนของพัลลภ เขาไม่ได้สังเกตว่ามันชักมีดเล่มยาวออกมาด้วย ความเคลื่อนไหวสวบสาบจากด้านหลัง รวดเร็วจนเขาทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้ถูกตำแหน่งสำคัญ ทว่าปลายมีดก็เฉือนเนื้อตรงต้นแขนเป็นทางยาว โลหิตแดงฉานไหลซึมแขนเสื้อแพรขาวออกมา
ปรัชยังไวพอที่จะใช้ขาอีกข้าง เสยคางคนร้าย เขาปล่อยหมัดเข้าบริเวณลิ้นปี่ของไอ้ยักษ์จนมันเซถอยไปก้าวหนึ่ง แต่ลูกน้องของพัลลภผู้นี้แข็งแกร่งเกินกว่าจะล้มลงไปกองเหมือนลูกพี่ มันยังทรงตัวอยู่ได้ มีสีหน้าแสดงความเจ็บปวดเพียงครู่เดียวเท่านั้น ในมือยังกำมีดแน่น
ปรัชหันไปบอกให้มะลิวิ่งหนีอีกครั้ง ทว่าไม่เป็นผล เขาหันกลับมาประเมินสถานการณ์ตรงหน้า เห็นพัลลภทำท่าจะยันตัวขึ้นยืนได้สำเร็จ ส่วนเจ้ายักษ์ยังยืนปักหลักรอท่ออยู่ เดาได้ว่าไม่กี่วินาทีมันจะปราดเข้ามาอีกพร้อมมีดเล่มนั้น
หากลำพังเขาคนเดียว คงพอเอาตัวรอดไปได้ด้วยวิชาหมัดมวยที่มีอยู่ ทว่าครั้งนี้มีหญิงผู้เป็นที่รักให้ต้องระวังระไว อีกทั้งคู่ต่อสู้ยังได้เปรียบ มีอาวุธติดมือถึงสองชิ้น เขาจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องพากันหนี แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน แล้วค่อยไปตั้งหลักสู้ใหม่ หากหนีไม่พ้นจริงๆ
ปรัชคว้าข้อมือหญิงสาวพร้อมทั้งตะโกนบอกหล่อนให้ออกแรงวิ่งอย่างสุดกำลัง ด้วยความไวของเขา และข้อมือแข็งแรง ทำให้กึ่งลากกึ่งจูงมะลิหนีมาได้ระยะห่างพอควร แต่ก็ยังเห็นร่างของผู้รุกรานทั้งสองเป็นเงาตะคุ่มตามมาจากเบื้องหลังไกลๆ
เสียงน้ำกระทบกันซู่ซ่าทำให้เขาหักมุมเลี้ยวเข้าหลังพงไม้ มุ่งตรงไปตามเสียงเห็นน้ำตกเล็กๆอยู่ไม่ไกล มะลิสะดุดก้อนหินล้มลงจนได้ การเดินทางจึงหยุดชั่วขณะ เขาแตะข้อเท้าหญิงสาวที่หมดแรงทรุดลงกับพื้น หล่อนเผลอร้องเสียงดังจนเขายกมืออุดปากแทบไม่ทัน กลัวว่าคู่อริจะได้ยินเสียง ทว่าก็สายเกินไปเสียแล้ว เสียงสวบสาบที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้ปรัชสำเหนียกได้ถึงหนทางที่เริ่มอับจน เขาเงยหน้ามองกระท่อมหลังคาหญ้าแฝกไม่ไกลจากตรงนั้น แล้วตัดสินใจอุ้มมะลิออกเดินไปยังที่หมาย เขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานที่แห่งนั้นเสี่ยงเกินไป สำหรับการที่อีกฝ่ายจะรู้เท่าทัน และตามตัวพบ ทว่าชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นในเวลานี้
“มันหายไปไหนแล้วครับพี่ลภ เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงนังนั่นอยู่เลย”
ยักษ์หันซ้ายหันขวา เห็นกระท่อมหลังหนึ่งใกล้น้ำตก เขารีบออกความเห็น
“หรือมันจะแอบอยู่ในนั้น..”
พัลลภสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
“ฉันรู้จักไอ้หมอนั่นดี..มันไม่โง่หลบในที่โจ่งแจ้งขนาดนั้นดอก”
ชายหนุ่มยืนตัดสินใจอยู่นาน ว่าจะเลือกเลี้ยวไปทางไหน ระหว่างมุ่งตรงไปตามเส้นทางของกระท่อม กับเลี้ยวซ้ายออกไปทางตรงข้าม
“ไปทางนี้ดีกว่าเอ็ง..ข้าว่ามันไม่โง่ไปทางกระท่อมนั่นดอก”
พัลลภกำลังจะหักเลี้ยวไปอีกเส้นทาง ทว่าลูกน้องรีบสะกิดให้ดูความผิดปกติบางอย่าง
“ดูนั่นสิครับลูกพี่ ผ้าอะไรหล่นอยู่ตรงนั้น”
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปตามทางที่ถูกชี้ชวน ผ้าเช็ดหน้าผืนบางลายลูกไม้นอนนิ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมหลังนั้นเอง
พัลลภก้มลงหยิบมันขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ รอยยิ้มเหยียดออกพร้อมความสมใจในแววตา
“มันอยู่ในนี้แน่..”
เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ ฟังดูเยียบเย็นจนเจ้ายักษ์ยังขนลุก
“บุกเลยไหมพี่?”
เขาสั่นศีรษะแทนคำตอบ ลูกน้องอ้าปากชะงักอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะพี่..ผมว่ามันอยู่ในนี้จริงๆ”
นัยน์ตาเหี้ยมเกรียมของพัลลภจุดเงาอะไรบางอย่างขึ้นมา เขาเอ่ยเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ
“เอ็งคอยดูเถิด..ถ้าอีทองทิพย์กับพ่อข้าได้มาเห็น..ว่าที่สามีคุณพุดซ้อน กับนังมะลิในสภาพแบบนี้..อะไรจะเกิดขึ้น!”
มะลิเริ่มใจเสีย หันรีหันขวางพบว่าสองข้างทางมีแต่ความมืดครึ้ม หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหลงทาง พื้นที่บริเวณนี้หล่อนไม่เคยย่างกรายผ่านเข้ามา เสียงหวีดหวิวประหลาด กับบรรยากาศเย็นเยียบยามค่ำคืน ทำให้หล่อนเริ่มหวาดระแวง พยายามตามหาเจ้าด่างให้พบโดยเร็วเพื่อจะได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ทว่าทำอย่างไรก็ไม่เห็นร่องรอยของสุนัขในความดูแล
หล่อนทำเสียงเป็นสัญญาณที่มันเคยคุ้นกี่ครั้งกี่หน ก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเห่าตอบรับอย่างเคย
“จะไปไหนล่ะครับ คุณหนูมะลิ..ดึกดื่นออกป่านนี้”
ชายร่างผอมเกร็งหน้าตาหมองคล้ำกระโดดออกมาจากหลังพุ่มไม้ริมทาง หล่อนไม่ทันสังเกตว่ามีใครอยู่ในที่แห่งนี้ และเฝ้าจับตาดูหล่อนมาครู่ใหญ่แล้ว จู่ๆโผล่มาให้เห็นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หญิงสาวเลยสะดุ้งสุดตัว ใจเต้นไม่เป็นส่ำ จานที่ถือติดมือมาด้วยหล่นลงไปคว่ำอยู่บนพื้นหญ้า
“โอ๊ะ โอ๋..ขวัญเอ๋ยขวัญมา กระผม พัลลภเอง คุณหนูจำมิได้ดอกหรือ”
พัลลภขยับเท้าเข้ามาใกล้ เขาก้มหน้าลงไปจนปลายจมูกเกือบสัมผัสผิวแก้มหล่อน มะลิเห็นรายละเอียดบนใบหน้าชายหนุ่มชัดเจนยิ่งขึ้น หล่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง แววตาไม่มีความตื่นกลัวเท่าวินาทีแรก ทว่ายังระแวงอยู่เล็กน้อย สัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากลที่กล้ำกรายเข้ามา
“พี่พัลลภนะเอง..มาทำอะไรที่นี่คะ”
เขาเหยียดยิ้มแทนคำตอบ นัยน์ตาเหี้ยมเกรียมกว่าทุกครั้งที่หล่อนเคยพบเมื่อครั้งติดตามมารดาไปเจรจาเรื่องหนี้สิน
ชายอีกคน รูปร่างสูงใหญ่กว่าหล่อนสองสามเท่าตัว ไว้หนวดเครารกเรื้อ ผมหนายาวประบ่า ดวงตากลมใหญ่เขม็งจ้องมายังหล่อน เขาออกมาจากที่กำบังเดียวกับพัลลภ เมื่อเดินมาเกือบประชิดตัวหล่อน รอยยิ้มประหลาดก็ผุดพรายขึ้น มะลิหัวใจหล่นวูบลงไปกองอยู่แทบเท้า เมื่อผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายฉุดข้อมือหล่อนขึ้นมากะทันหัน ออกแรงดึงจนหล่อนเซถลาเข้าไปปะทะแผงอกกว้าง พัลลภใช้วงแขนรัดรึงหล่อนติดแนบกับตัวเขา หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกคีมเหล็กโอบโดยรอบ หล่อนดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดไม่พึงประสงค์นั้น ได้ยินเสียงห้าวกระซิบลงข้างหู
“เดินเล่นคนเดียว น่ากลัวจะตาย พี่ขออยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนได้ไหม..รับรองว่าคุณหนูไม่เหงาแน่ขอรับ”
เสียงหัวเราะแหบห้าวดังก้องเข้ามาในโสตประสาท ความตระหนกพรั่นพรึงแผ่กระจายไปทั่วร่าง หล่อนได้ยินเขาเอ่ยกับชายร่างใหญ่หน้าตาเหมือนมหาโจรคนนั้นด้วยความคึกคะนอง
“จริงไหมวะไอ้ยักษ์ คืนนี้เราสองคนช่างโชคดีแท้หนอ มีนางสวรรค์มาโปรดถึงที่ ข้าขอลิ้มลองเนื้อหอมแม่กวางน้อยตัวนี้ก่อน หายเบื่อแล้วจะส่งต่อให้เอ็งทั้งคืน..ไม่ต้องห่วง”
มะลิตวาดขึ้นมาทั้งที่เสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบสองพวงแก้ม
“พี่พัลลภ..พี่ทำแบบนี้ทำไม เราเป็นพี่น้องกันมิใช่หรือ”
เสียงหัวเราะของพัลลภยังดังกลบสองหูอย่างไม่สนใจใยดี หนุ่มหน้าโจรผู้นั้นก็หัวเราะตามลูกพี่ของมันด้วยความสนุก
“เรามีพ่อคนเดียวกันนะคุณพี่ แล้วเราก็ไม่เคยบาดหมางกันด้วยเรื่องใด..ปล่อยฉันไปเถิด”
พัลลภสั่นศีรษะ จิกเล็บลงบนผิวละเอียดนุ่มของหล่อนด้วยความเคืองแค้น แววตาเขากร้าวแข็ง แดงก่ำ เหมือนสัตว์ร้ายผู้หมายขย้ำศัตรูให้แหลกลาญลงไม่มีชิ้นดี ไม่เหลือคราบพี่ชายคนเดิมที่หล่อนเคยนับถืออีกต่อไป
“แม่แกทำลายชีวิตฉัน..ทุกวันนี้แทบไม่มีที่ซุกหัวนอน ความเป็นอยู่แร้นแค้น ส่วนพ่อแกก็ไม่เคยมาดูดำดูดี นังเมียหลวงมันจะทำอะไร ผิดชอบชั่วดีเพียงไหน ก็ไม่เคยเข้ามาขวาง..อย่างนี้หรือ เรียกว่าไม่มีเรื่องบาดหมางกัน!”
มะลิเบิกตากว้าง หล่อนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่..ฉันไม่รู้จริงๆ”
พัลลภยิ้มเครียด ออกแรงรัดเอวหญิงสาวแน่นยิ่งกว่าเก่า
“ฉันไม่มีอารมณ์มาสาธยายให้แกฟัง แกไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งเดียวที่ฉันต้องการในเวลานี้คือ ทำลายชีวิตแก พรุ่งนี้อีทองทิพย์จะเหลือแต่ศพของลูกสาวมัน จะได้รู้เสียบ้าง ว่าความเจ็บปวดหน้าตาเป็นเช่นใด!”
ผ้าเนื้อบางถูกฉีกกระชากออกจนขาดวิ่น แลเห็นไหล่กลมกลึงและเนินอกอิ่มเพียงเสี้ยวหนึ่ง มะลิกรีดร้องเสียงดังก้องป่า พัลลภกำลังจะลงมือทำลายชิ้นส่วนเสื้อผ้าท่อนบนให้หมดจด ชายหนุ่มก็ต้องโอดครวญขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อข้อมือข้างที่กำลังจะฉีกแขนเสื้อของหญิงสาวกระเด็นออกด้วยแรงจากหลังเท้าของใครคนหนึ่ง ความเจ็บปวดแรกยังไม่ทันจางคลาย เสียงร้องของเขาก็ดังกลบเสียงของหล่อนอีกครั้ง เมื่อฝ่าเท้าของผู้มาใหม่ยันหน้าอกเขาออกจากหญิงสาวจนสูญเสียการทรงตัว หงายหลังลงไปกองกับพื้น โชคยังดีที่พื้นมีหญ้าอ่อนปกคลุม มิเช่นนั้นเขาคงมีสิทธิ์หลังหักได้โดยไม่ต้องสงสัย
“ไอ้ชั่ว..กล้าทำแบบนี้กับน้องสาวได้ยังไง มึงมันไม่ใช่คนแล้ว ไอ้พัลลภ!”
ปรัชเอ่ยเสียงแข็ง นัยน์ตาจ้องเขม็งมายังตัวการด้วยความโกรธแค้น ชายหนุ่มคว้าตัวหญิงสาวมากอดไว้ หล่อนสะอื้นไห้ ตัวสั่นระริกอย่างน่าเวทนาในอ้อมแขนของเขา
“มึงอีกแล้วหรือ..”
พัลลภชี้หน้าปรัชด้วยความขัดใจ และแค้นเคืองไม่แพ้กัน ทั้งที่มืออีกข้างยังคลำหลังตัวเองด้วยความเจ็บปวดไปถึงกระดูก
“มึงนี่เป็นมารขวางกูทุกเรื่อง ตั้งแต่เด็กยันโต”
เขาเอ่ยลอดไรฟัน ลูกน้องหน้าตามหาโจรรีบเข้ามาประกบอย่างคุมเชิง ตั้งท่าเตรียมพร้อมรุกผู้มาใหม่เต็มที่
“กูจะขวางมึงทุกเรื่องนั่นแหละ..โดยเฉพาะถ้ามึงมาทำร้ายมะลิ”
พัลลภสบถออกมาด้วยคำหยาบคำหนึ่ง ก่อนบอก
“มาว่ากูชั่ว..มึงนั่นแหละชั่วยิ่งกว่า ชั่วในคราบพ่อพระ ทำตัวเป็นพระยาเทครัว จะจับปลาสองมือทั้งพี่ทั้งน้องหรือไงวะ”
“มึงพูดเรื่องอะไร..”
พัลลภยิ้มหยันเมื่อได้เห็นท่าทางร้อนรนของคู่อริ
“อย่านึกว่ากูไม่รู้ ว่ามึงแอบพลอดรักกับนังมะลิอยู่บ่อยๆ เมื่อลับตาคุณพุดซ้อน”
ชายหนุ่มยันตัวขึ้น จนสามารถลุกยืนทรงตัวได้เป็นปกติ เขาก้าวเข้ามาหมายจะชิงตัวมะลิไปไว้ครอบครอง ทว่าปรัชไวกว่าเบี่ยงตัวหลบมะลิได้ทัน พัลลภยิ้มเครียด กำมือแน่น กัดฟันจนสันกรามขึ้นนูน ไอ้ยักษ์ ผู้เป็นลูกน้อย รีบสาวเท้าตามหลัง ทำท่าเหมือนจะชักอะไรบางอย่างออกจากผ้าขาวม้าด้านหลัง
“รักกันมากใช่ไหม..ดี! กูจะสนองให้ ไปลงนรกด้วยกันทั้งคู่เลย”
พัลลภหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้อง พร้อมกันนั้นเอง เขาก็ชักมีดปลายแหลมออกมาจากด้านหลัง
ไม่ทันให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตรียมตั้งหลัก ชายหนุ่มก็ปราดเข้ามาประชิด ปลายมีดเกือบเสียบบริเวณลำคอคู่อริ ทว่าปรัชก้มตัวหลบทัน เขาดุนหลังมะลิให้ออกห่างจากบริเวณเดิมที่ยืนอยู่ พร้อมกับออกแรงตวัดปลายเท้าไปยังข้อมือพัลลภ มีดปลายแหลมด้ามนั้นกระเด็นหลุดจากการครอบครองทันที
เสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของมะลิดังขึ้นเป็นระยะ
ปรัชหันมาบอกให้หล่อนวิ่งหนีไป ทว่าหญิงสาวยังปักหลักนิ่งอยู่ที่เดิม
เขาปราดเข้าไปเหยียบหน้าอกพัลลภเอาไว้ไม่ให้ยันตัวขึ้นมาได้ ชายหนุ่มเล็งมีดเล่มนั้นที่วางรออยู่ไม่ห่าง กะระยะ และรอจังหวะเหมาะเจาะจะเข้าไปคว้ามาไว้เป็นตัวช่วย
ชายหนุ่มไม่ทันระวังลูกน้องอีกคนของพัลลภ เขาไม่ได้สังเกตว่ามันชักมีดเล่มยาวออกมาด้วย ความเคลื่อนไหวสวบสาบจากด้านหลัง รวดเร็วจนเขาทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบไม่ให้ถูกตำแหน่งสำคัญ ทว่าปลายมีดก็เฉือนเนื้อตรงต้นแขนเป็นทางยาว โลหิตแดงฉานไหลซึมแขนเสื้อแพรขาวออกมา
ปรัชยังไวพอที่จะใช้ขาอีกข้าง เสยคางคนร้าย เขาปล่อยหมัดเข้าบริเวณลิ้นปี่ของไอ้ยักษ์จนมันเซถอยไปก้าวหนึ่ง แต่ลูกน้องของพัลลภผู้นี้แข็งแกร่งเกินกว่าจะล้มลงไปกองเหมือนลูกพี่ มันยังทรงตัวอยู่ได้ มีสีหน้าแสดงความเจ็บปวดเพียงครู่เดียวเท่านั้น ในมือยังกำมีดแน่น
ปรัชหันไปบอกให้มะลิวิ่งหนีอีกครั้ง ทว่าไม่เป็นผล เขาหันกลับมาประเมินสถานการณ์ตรงหน้า เห็นพัลลภทำท่าจะยันตัวขึ้นยืนได้สำเร็จ ส่วนเจ้ายักษ์ยังยืนปักหลักรอท่ออยู่ เดาได้ว่าไม่กี่วินาทีมันจะปราดเข้ามาอีกพร้อมมีดเล่มนั้น
หากลำพังเขาคนเดียว คงพอเอาตัวรอดไปได้ด้วยวิชาหมัดมวยที่มีอยู่ ทว่าครั้งนี้มีหญิงผู้เป็นที่รักให้ต้องระวังระไว อีกทั้งคู่ต่อสู้ยังได้เปรียบ มีอาวุธติดมือถึงสองชิ้น เขาจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องพากันหนี แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน แล้วค่อยไปตั้งหลักสู้ใหม่ หากหนีไม่พ้นจริงๆ
ปรัชคว้าข้อมือหญิงสาวพร้อมทั้งตะโกนบอกหล่อนให้ออกแรงวิ่งอย่างสุดกำลัง ด้วยความไวของเขา และข้อมือแข็งแรง ทำให้กึ่งลากกึ่งจูงมะลิหนีมาได้ระยะห่างพอควร แต่ก็ยังเห็นร่างของผู้รุกรานทั้งสองเป็นเงาตะคุ่มตามมาจากเบื้องหลังไกลๆ
เสียงน้ำกระทบกันซู่ซ่าทำให้เขาหักมุมเลี้ยวเข้าหลังพงไม้ มุ่งตรงไปตามเสียงเห็นน้ำตกเล็กๆอยู่ไม่ไกล มะลิสะดุดก้อนหินล้มลงจนได้ การเดินทางจึงหยุดชั่วขณะ เขาแตะข้อเท้าหญิงสาวที่หมดแรงทรุดลงกับพื้น หล่อนเผลอร้องเสียงดังจนเขายกมืออุดปากแทบไม่ทัน กลัวว่าคู่อริจะได้ยินเสียง ทว่าก็สายเกินไปเสียแล้ว เสียงสวบสาบที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้ปรัชสำเหนียกได้ถึงหนทางที่เริ่มอับจน เขาเงยหน้ามองกระท่อมหลังคาหญ้าแฝกไม่ไกลจากตรงนั้น แล้วตัดสินใจอุ้มมะลิออกเดินไปยังที่หมาย เขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานที่แห่งนั้นเสี่ยงเกินไป สำหรับการที่อีกฝ่ายจะรู้เท่าทัน และตามตัวพบ ทว่าชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นในเวลานี้
“มันหายไปไหนแล้วครับพี่ลภ เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงนังนั่นอยู่เลย”
ยักษ์หันซ้ายหันขวา เห็นกระท่อมหลังหนึ่งใกล้น้ำตก เขารีบออกความเห็น
“หรือมันจะแอบอยู่ในนั้น..”
พัลลภสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
“ฉันรู้จักไอ้หมอนั่นดี..มันไม่โง่หลบในที่โจ่งแจ้งขนาดนั้นดอก”
ชายหนุ่มยืนตัดสินใจอยู่นาน ว่าจะเลือกเลี้ยวไปทางไหน ระหว่างมุ่งตรงไปตามเส้นทางของกระท่อม กับเลี้ยวซ้ายออกไปทางตรงข้าม
“ไปทางนี้ดีกว่าเอ็ง..ข้าว่ามันไม่โง่ไปทางกระท่อมนั่นดอก”
พัลลภกำลังจะหักเลี้ยวไปอีกเส้นทาง ทว่าลูกน้องรีบสะกิดให้ดูความผิดปกติบางอย่าง
“ดูนั่นสิครับลูกพี่ ผ้าอะไรหล่นอยู่ตรงนั้น”
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปตามทางที่ถูกชี้ชวน ผ้าเช็ดหน้าผืนบางลายลูกไม้นอนนิ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมหลังนั้นเอง
พัลลภก้มลงหยิบมันขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆ รอยยิ้มเหยียดออกพร้อมความสมใจในแววตา
“มันอยู่ในนี้แน่..”
เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ ฟังดูเยียบเย็นจนเจ้ายักษ์ยังขนลุก
“บุกเลยไหมพี่?”
เขาสั่นศีรษะแทนคำตอบ ลูกน้องอ้าปากชะงักอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะพี่..ผมว่ามันอยู่ในนี้จริงๆ”
นัยน์ตาเหี้ยมเกรียมของพัลลภจุดเงาอะไรบางอย่างขึ้นมา เขาเอ่ยเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ
“เอ็งคอยดูเถิด..ถ้าอีทองทิพย์กับพ่อข้าได้มาเห็น..ว่าที่สามีคุณพุดซ้อน กับนังมะลิในสภาพแบบนี้..อะไรจะเกิดขึ้น!”
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2555, 23:25:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2555, 23:25:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 1743
<< บทที่๒๒ บทเรียนราคาแพง ๒/๒ | บทที่๒๓ วิวาห์จำนน ๒/๒ >> |