เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๒๓ วิวาห์จำนน ๒/๒

ในกระท่อมมุงหญ้าแฝกหลังนั้น ปรัชเอนกายพิงลงข้างฝาสังกะสีใบหน้าอิดโรย มือข้างหนึ่งกุมบาดแผลรอยเฉือนบริเวณต้นแขน ชายหนุ่มพยายามเก็บกลั้นมิให้ความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาทางสีหน้า เกรงว่าหญิงสาวจะเสียขวัญมากไปกว่านี้

“พี่ปรัช..เจ็บมากไหมคะ”

มะลิทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆเขา มือเรียวบางเอื้อมไปประสานบนมือหนาของชายหนุ่มที่กุมบาดแผลเอาไว้ ถึงอย่างไรก็มีคราบเลือดซึมออกมาเป็นหลักฐานบอกความเจ็บปวดทางอ้อม กลิ่นคาวของโลหิตยังติดจมูกหล่อนอยู่เลย

“แผลแค่นี้เอง..ไกลหัวใจ”
ปรัชฝืนยิ้ม ส่ายหน้าน้อยๆ

“หนูลิต่างหาก หายกลัวหรือยัง เจ็บตรงไหนหรือไม่”

นัยน์ตาสุกสกาวคู่นั้นทอดมองเขานิ่ง มีรอยวาววามคลอเต็มหน่วยตา ระยิบระยับชวนพิศเมื่อมีน้ำใสหล่อเลี้ยง

“เจ็บกายไม่มากเท่าใด..แต่เจ็บใจนี่สิ เหลือทน..พี่พัลลภไม่น่าทำกับน้องได้ลงคอ”
ปรัชยิ้มปลอบ เอื้อมมือข้างที่ไม่เปื้อนเลือดไปประคองแก้มหญิงสาว

“รู้เสียแต่วันนี้ก็ดีไปอย่าง จะได้ระวังตัว”

มะลิเอียงแก้มแนบกับฝ่ามืออุ่นของเขา หล่อนยึดข้อมือแข็งแรงไว้แน่น หลับตาพริ้ม แม้ลมหนาวผะผ่าวเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้เกือบทุกบานรอบกระท่อม เสียงหรีดหริ่งเรไร ร้องระงม คละเคล้ากับเสียงหวีดหวิวประหลาดน่าสะพรึงกลัวจากด้านนอก หญิงสาวกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้เขา แม้บรรยากาศรอบกายไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย หล่อนก็รู้สึกเป็นสุขอยู่ภายใน อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานเท่านาน

ปรัชเลื่อนมือมาแตะไหล่ซึ่งเปลือยจากการถูกฉีกกระชากชิ้นส่วนของเนื้อผ้า เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“หนาวหรือหนูลิ..ตัวสั่นเชียว?”

มะลิโอบรัดรอบกายของตนด้วยสองแขน ระงับความสั่นไหวของเรือนร่าง พยักหน้าบอกเขาอย่างจำนนต่ออาการ

“แย่จริง เสื้อพี่ก็ชุ่มเลือดเสียด้วย มิเช่นนั้นจะถอดให้คลุมตัวไปก่อน”
“ไม่เป็นไรดอกค่ะ ประเดี๋ยวก็หาย”

ปรัชส่ายหน้า แววตาเป็นกังวลหนักกว่าเก่า เมื่อเห็นหล่อนนั่งงอตัวกอดเข่า ไหล่บางกระเพื่อมไหว
“จะหายได้ยังไง อากาศเย็นขนาดนี้”

ชายหนุ่มพยายามเหลียวซ้ายแลขวา หาลู่ทางช่วยหญิงที่รัก สายตาก็ปะทะกับกองฟืนตรงสุดมุมกระท่อม รอยยิ้มผุดขึ้นน้อยๆ ก่อนจะลุกเดินไปหยิบวัสดุเหล่านั้นกลับมาสุมไว้บริเวณเดิมที่หล่อนกับเขานั่งอยู่ด้วยกัน

มะลิเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเริ่มอ่อนโรย ขณะที่ปรัชกำลังง่วนอยู่กับการเสียดสีฟืนสองท่อนให้เกิดประกายไฟ

“เราควรจะออกจากที่นี่เมื่อใดคะ?”

กองฟืนถูกจุดเป็นเปลวไฟขึ้นมาได้สำเร็จ ปรัชยิ้มมองผลงานของตนอย่างภาคภูมิใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยนัยน์ตาเป็นประกายขณะที่เดินกลับมานั่งลงข้างหล่อน

“หนูลิอยากไปจากพี่เร็วๆหรือไง..”

มะลิส่งสายตาค้อนขวับให้เขา ทั้งที่สีเลือดฉีดขึ้นสองแก้ม หล่อนคลายมือจากการโอบรัดตัวเอง เมื่อไออุ่นจากกองฟืนตรงหน้าค่อยๆแผ่กระจายเข้ามาแทนที่ไอหนาว

“จะตายกันอยู่รอมร่อ ยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอีกนะคะ”

เสียงหัวเราะในลำคอกระทบโสตประสาทที่เริ่มเลือนรางของหญิงสาว มะลิได้ยินปรัชเอ่ยแทบเป็นเสียงกระซิบ ขณะที่ประคองศีรษะหล่อนให้แนบลงกับไหล่หนาของเขา อ้อมแขนอบอุ่นอีกข้างตระกองกอดหล่อนไว้อย่างทะนุถนอม ไอร้อนจากเรือนกายคนทั้งสองบวกกับเปลวไฟในกองฟืน ช่วยบรรเทาความหนาวจากภายนอกได้มากพอควร มะลิค่อยๆปิดเปลือกตาลงเมื่อเสียงสุดท้ายของเขาผ่านเข้ามาในความรับรู้

“หลับให้สบายเถิดหนูลิ..รุ่งสางเราค่อยกลับบ้านกัน”


เสียงประตูสังกะสีถูกผลักออกโดยแรง ตามติดมาด้วยเสียงน้ำตกใกล้ๆดังซู่ซ่ากระทบโสต ปรัชขยับกายขึ้นมาอย่างยากเย็น เขารู้สึกว่าหนังตาหนักอึ้ง ตัวเริ่มรุมร้อนเหมือนจะเป็นไข้ ภาพขมุกขมัวตรงปากทางเริ่มกระจ้างแจ้งเมื่อแสงทองอร่ามของดวงตะวันทอสาดเข้ามาเป็นลำ และภาพการปรากฏตัวของผู้ใหญ่ที่เขานับถืออย่างยิ่งทั้งสองคน ถึงกับทำให้ชายหนุ่มตาสว่าง คุณพุดซ้อนเดินออกมาจากเบื้องหลังมารดา ดวงหน้าซีดเผือด

ทีแรกปรัชนึกดีใจ คิดว่าคุณหลวงไผท กับคุณนายทองทิพย์ ออกตามหาเขาและมะลิ เพื่อมาช่วยเหลือ และรับกลับบ้าน ทว่าชายหนุ่มคิดผิดถนัดเมื่อได้ยินว่าที่แม่ยายตวาดเสียงดังลั่น มองหน้าเขาด้วยสายตาขุ่นมัว

“งามหน้านักนะพ่อปรัช..เสียแรงที่แม่เคยไว้ใจ!”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเครียด ลุกขึ้นยืนพร้อมคำถาม มะลิเริ่มขยับตัวตื่น หล่อนมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง

“คุณแม่พูดเรื่องอะไรครับ?”

เสียงคุณหลวงไผทเยียบเย็นยิ่งกว่า เขาไม่ได้ตะเบ็งเสียงลั่นเหมือนภรรยา แต่ใบหน้าเรียบนิ่ง กับนัยน์ตาแข็งกร้าว ทำให้ปรัชหนาวเยือกไปถึงสันหลัง

“ยังมีหน้ามาถาม... แกโหดร้ายมากนะปรัช ทำลูกสาวฉันเจ็บคราวเดียวถึงสองคน”

สายตาคุณหลวงที่ทอดมองลูกสาวคนเล็กด้วยความเวทนา ทำให้ปรัชเริ่มจะเข้าใจความหมายขึ้นมาบ้างแล้ว สภาพขาดวิ่นของเสื้อผ้ามะลิ กับความสะบักสะบอมของเขาในเวลานี้..ยากที่คนภายนอกจะคิดเป็นอื่น

“คุณพ่อกำลังเข้าใจผิดนะครับ มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด”
เขาขยับปากจะไขความกระจ่าง ทว่าคุณหลวงขัดขึ้นเสียงแข็ง

“หยุดพูดเสียเถิด..ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับแก”

เวลานั้นมะลิเพิ่งได้สติเต็มที่ หล่อนรีบยันตัวขึ้นจากพื้น วิ่งตรงมายังพี่สาวก่อนอันดับแรก หล่อนคว้าข้อมือพุดซ้อนมากุมไว้ รีบยืนยันทั้งน้ำตา

“คุณพี่อย่าเพิ่งเข้าใจน้องผิดนะคะ..น้องถูกทำร้าย พี่ปรัชเขามาช่วย ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น”

คุณพุดซ้อนกลอกตามองน้องสาวด้วยแววเยือกเย็น เนินอกขาวผ่องกับไหล่กลมกลึงเปิดเปลือยชัดแจ้งเต็มสองตา หลอ่นไม่พูดอะไรตอบสักคำเดียว หยาดน้ำใสร่วงรินลงมาตามพวงแก้ม หล่อนปลิดมือน้องสาวออกช้าๆ มะลิสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของฝ่ามือพี่สาว หัวใจหล่นวูบลงไปกองกับพื้นในวินาทีนั้น

คุณพุดซ้อนเดินหายออกไปจากกระท่อมหลังนั้นท่ามกลางความห่วงใยของผู้ให้กำเนิดทั้งสอง ปรัชไม่ทันได้อธิบายอะไรกับหล่อนเลยจนคำเดียว สีหน้าและแววตาร้อนรนของเขา สร้างความสมใจให้กับพัลลภที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่นานแล้ว สายตาปรัชปะทะกับรอยยิ้มเหยียดหยันนั้นโดยบังเอิญ เขารู้ทันทีว่าต้นเหตุความเข้าใจผิดทั้งหมดมาจากใคร

“เราจะทำยังไงกันดีคะคุณพี่..ดิฉันจนปัญญา ชาวบ้านคงไปลือกันหนาหูแล้วป่านนี้”

คุณนายทองทิพย์ทำท่าเหมือนจะเป็นลมล้มพับลงไปตรงนั้น ผู้เป็นสามีต้องรีบประคองร่างเอาไว้ให้ทรงอยู่ได้ คุณหลวงไผทผ่อนลมหายใจยาว แววตาเครียดเมื่อทอดมองไปยังลูกสาวคนเล็ก..

“คงต้องเลยตามเลย..เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่”

การตัดสินใจของคุณหลวงในประโยคถัดมา ทำให้พัลลภที่ยืนยิ้มร่าอยู่ตรงนั้นแทบล้มทั้งยืน เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวจะพลิกผันแทบเป็นขั้วตรงข้าม!


เสียงแห่แหนดังแว่วมาแต่ไกล หญิงสาวพยายามเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นดังใกล้เข้ามา มันเป็นเสียงประโคมดนตรีพื้นบ้านร้องเล่นกันสนุกสนาน หล่อนพยายามเพ่งมอง มีขบวนถือขันหมาก หนุ่มสาวแต่งกายด้วยชุดไทยพื้นบ้าน ฝ่ายหญิงก็ร่ายรำหน้าตาเบิกบาน ฝ่ายชายก็พากันส่งเสียงร้องโห่ฮิ้ว มุกดาเดาได้ลางๆว่านี่คงเป็นขบวนแห่ขันหมาก และชายหนุ่มเสี้ยวหน้าคมสันรูปร่างผึ่งผายที่หล่อนเห็นเพียงด้านข้างก็คงจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าว ของลูกสาวบ้านนี้

เสี้ยวหน้าของชายหนุ่มในชุดไทยสีขาวหันมามองหล่อน เห็นใบหน้าทั้งหมดอย่างเต็มตา..ปรัชนั่นเอง

ไม่ทันคาดคิด...เจ้าบ่าวผู้เคยคุ้นก็ยิ้มให้หล่อนอย่างหยดย้อย มุกดาแทบไม่รู้สึกตัวว่าสีเลือดสูบฉีดขึ้นบนพวงแก้มตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมหล่อนต้องเขินอายเขาด้วย

ยืนหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่ไม่นาน ภาพตรงหน้าก็หายวับเหมือนใครเอาฉากสีดำมากั้นกลาง ก่อนที่แสงสว่างต่อมาจะฉายภาพหญิงสาวผิวขาวผุดผาด ใบหน้าพริ้มเพราคนหนึ่งผลักบานหน้าต่างเยี่ยมหน้าออกไปมองขบวนขันหมาก หล่อนอยู่ในชุดสไบพาดเฉียงปักเลื่อมลายงดงามบนผ้าเนื้อดีสีเขียวใบเตยทิ้งชายยาวจรดพื้น มุกดายืนมองเหมือนคนอยู่นอกฉาก ไม่รู้ว่าเงาตัวเองอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าเมื่อหญิงสาวคนนั้นหันกลับเข้ามาข้างใน หล่อนแทบผงะหงาย...ใบหน้าพริ้มเพราและเรือนร่างแบบบางนั่นมันพิมพ์เดียวกับหล่อนทุกกระเบียดนิ้ว!

มะลิได้กลายมาเป็นเจ้าสาวของปรัช..แทนที่คุณพุดซ้อนเสียแล้ว

กระพริบตาอีกทีฉากเดิมก็มลายหายไป สลับเปลี่ยนเป็นฉากใหม่..บนเตียงนอนที่มีกลีบดอกมะลิสีขาวบริสุทธิ์จัดเรียงเป็นรูปหัวใจ และคู่บ่าวสาวที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้าหอนั่งเคียงกันอยู่บนนั้น

“พี่จะรักมะลิคนเดียว..น้องคือดวงใจของพี่”

เจ้าบ่าวที่หน้าตาละม้าย “พี่วิน” พรมจูบลงบนหน้าผากมนของผู้หญิงที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับหล่อน มุกดารู้สึกทั้งดีใจและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน

แล้วคุณพุดซ้อนเล่า..ไปอยู่ที่ไหน
พี่ปรัชเอาหัวใจภักดีดวงนั้นไปโยนทิ้งไว้ ณ ที่แห่งใด
สาวสวยหน้าละม้ายพี่แพรของหล่อนจักเจ็บปวด..ระทมทุกข์สักกี่มากน้อย!










ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ค. 2555, 11:55:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ค. 2555, 11:55:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1756





<< บทที่๒๓ วิวาห์จำนน ๑/๒   บทที่๒๔ จุดจบของอารมณ์ชั่ววูบ ๑/๒ >>
เดิมเดิม 14 ก.ค. 2555, 12:14:50 น.
รอค่ะ


sirynth 15 ก.ค. 2555, 12:49:22 น.
so sad...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account