ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 8.2 ลิขิตพรหม (ตอนพิเศษราชนาวีที่รัก 1)

สำหรับเพื่อนนักอ่านที่ซื้อ ราชนาวีที่รัก แบบ บ็อกเซ็ท ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานชุด ภารกิจรัก ที่ผมทำงานร่วมกับ พี่ทองหลาง อักษรา และอัคนี คงจะอ่านตอนพิเศษสุด ๆ ในเล่มแถมกันแล้ว...ซึ่งฉากงานแต่งของพี่ต้นกล้าในเล่มแถมนั้นผมตั้งใจไว้ว่าจะนำมาลงใน ภาคสุดท้าย ของ นิยายชุดอย่างไม่เป็นทางการของผมที่ตั้งชื่อชุด
ไว้ว่า "ลิขิตพรหม" ไว้ด้วย เพื่อให้ชุดนี้มีความสมบูรณ์ที่สุด และเพื่อให้สมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้น ผมก็ได้รีไรท์ให้เข้ากับคุณหนูจรินนาและอาจารย์เดชาพงษ์อีกด้วยครับ ...อ่านซ้ำอีกครั้งก็ย่อมได้อารมณ์อย่างแน่นอน...ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่า ชีวิตพี่ชายพี่ต้นกล้ากับแพรวพรรณ เป็นอย่างไร ผมก็ฝาก สนับสนุนผลงานราชนาวีที่รักที่วางแผงไปแล้วด้วยนะครับ ส่วนเรื่องม่านพรหม ของน้องหนูนากับกฤษณะนั้น จะได้พิมพ์กับสนพ.ดอกหญ้าสองพันเช่นกัน คาดว่าจะเป็นรูปเล่มราว ๆ งานหนังสือในตุลาคมนี้แหละครับ และสำหรับใครที่ซื้อไปแล้ว ผมก็ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงเช่นกันครับ...

................................และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา.......ก็อ่านในสวนศิลป์กันต่อได้เลยครับ...............................


“ถึงไหนแล้ว..” มือซ้ายของเมขลาจับโทรศัพท์มือถือแนบหู มือขวาก็ป้องปากไว้ เพราะไม่อยากให้เสียงดนตรีดังเข้าเครื่องจนคนปลายสายไม่ได้ยินคำถามของเธอ..

“ถึงสิงห์บุรีแล้ว..รอ ไอ้วุธกับเมียมันนะซิ มัวโอ้เอ้” น้ำเสียงของเขาห้วน ๆ สั้น ๆ ไม่มีลงท้ายว่า “ครับ” หวาน ๆ เอาใจเมขลา แต่เมขลาสัมผัสได้ถึงแรงจริงใจที่เขามี..

“ขับรถดี ๆ ไม่ต้องรีบ..มาตามแผนที่ที่ให้ไว้นั่นแหละ..” เมื่อเขาไม่หวานจนเลี่ยนหรือสุภาพเสียจนขาดความเป็นกันเอง ..เมขลาจึงคุยกับเขาอย่างกันเอง ๆ เช่นกัน

“..แล้วงานเป็นอย่างไรบ้าง”

“ราบรื่นดี..คนเยอะมาก..”

“ทหารหล่อ ๆ เพียบเลย” วิจิตรศราตะโกนแทรกเข้าไป เมขลาถลึงตาให้เพื่อน ก่อนจะตัดบทกับคนปรายสายซึ่งบัดนี้เขากลายเป็นคู่รักของเธอ..วาดฝันอนาคตไว้ด้วยกัน และงานแต่งระหว่างเขากับเธอนั้น คงจะเป็นหลังจากที่ศึกษาดูใจกันไปสี่ห้าปี ซึ่งเขาก็โอดครวญเพราะอยากแต่งงานเต็มแก่ แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงไปว่า เป็นน้องสาวคนเล็ก หากพี่ชายทั้งสองคนไม่ออกเรือนไปก่อนมันก็จะกลายเป็นเรื่องน่าเกลียด..

เขาย้อนถามเธอว่า ถ้าพี่ชายไม่แต่งงาน เธอก็จะไม่ได้แต่งอย่างนั้นหรือ..

พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..

ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของเธอในอดีตที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขากับเนื้อคู่จะต้องลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน

เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ชายต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..เธอเป็นคนดูดวงให้น้องหมวย มัทนา แฟนของกฤษณะจนกระทั่งมัทนาไปกับฝรั่งชาวอิตาลี กฤษณะจึงเป็นโสดอย่างไม่ทันตั้งตัว และพอเขารู้ความจริงว่า คำทำนายของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มัทนาตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเขาก็โกรธเธอเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์มากมายร้อยให้เธอกับเขาหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันเสียได้...ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เธอจำต้องเชื่อว่าส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรานั้นต้องเดินไปตามลิขิตของพระพรหม...

“แล้วมีใครมองหนูนาหรือเปล่า”

“มีสิ สวยขนาดนี้” เมขลาแกล้งยั่วอารมณ์คนขี้หึง โดยสายตาที่บอกกับวิจิตรศราที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ว่า เพราะเธอคนเดียวมันถึงเป็นเรื่องอีกแล้ว..วิจิตรศราหัวเราะคิก ๆ ก่อนจะชะเง้อชะแง้มองหา ศุภนิมิตรที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำที่หลังบ้านของเจ้าสาว ซึ่งสร้างขึ้นมาใหม่ สำหรับงานจัดเลี้ยงฉลองมงคลสมรสบรรลือ
ทุ่งครั้งนี้ถึงสิบห้อง..

“หนูนาอย่ามองพวกมันตอบนะ”

“ไม่ต้องมาหึงหรอก..วางสายได้แล้ว ขับรถไม่ต้องเร็วมากนักไม่ต้องรีบ..” เพราะรีบ อุบัติเหตุจึงเกิด มันทำให้เขาสลบกลายเป็นเจ้าชายนิทราไป และช่วงนั้นเธอจึงได้รู้ว่า รักเขา..ขาดเขาไป ใจของเธอแทบขาดตามกันไป.. จนกระทั่งเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาเพราะปาฏิหาริย์ เธอจึงต้องรับกับเขาว่า หัวใจของเธอมีเขาเช่นกัน..

“ครับ..” เขารับคำง่าย ๆ แต่เมขลารู้ว่าเขาไม่ได้รับไปส่ง ๆ ดังนั้นเมขลาจึงต้องเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เขารู้ว่า ถึงมาช้า ที่นั่งข้าง ๆ เธอในงานเลี้ยงวันนี้..ก็ยังเป็นของเขา

“กันที่ไว้ให้แล้วนะ..คืนนี้ก็กลางมุ่งรอไว้แล้ว..”

เมขลายังคุยกับเขาอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายลงพร้อมกับอาการถอนหายใจเบา ๆ และเวลานั้นศุภนิมิตรก็เดินอุ้มหลานชายคนแรกของครอบครัวเข้ามาพอดี..

“พี่ญา ให้เอามา..” พี่ญา หรือหิรัญญา นั้นวุ่นวายอยู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่รอรับแขกอยู่ด้านหน้างาน ส่วนพ่อของศุภหิรัญก็แต่งชุดขาวปกติรอทำซุ้มกระบี่ให้เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวรอดตามทำเนียมอยู่กับเพื่อน ๆ นายทหาร ที่วันนี้ผู้การจิรวัติจัดมาถึง 20 คู่ 40 นาย เพื่อให้อลังการสมกับความต้องการของคุณนายวันเพ็ญแม่ของเจ้าสาว และหลังจากส่งตัวเข้าหอในคืนนี้ อีกสามวันถัดไป ผู้การจิรวัติก็จะพาเจ้าสาวซึ่งตั้งใจว่าจะยึดอาชีพนักเขียนเลี้ยงชีพไปอยู่ด้วยกันที่สัตหีบ ครองรักอยู่ในเรือนหอทรงปั้นหยาที่แพรวพรรณโปรดปรานเป็นอย่างมาก

วิจิตรศรารับหลานชายจากมือของศุภนิมิตมานั่งบนตักหลังจากที่เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ติดกัน.. เมขลามองเด็กชายที่ตื่นกับผู้คนหรือแขกผู้มีเกียรติที่ทางครอบครัวเจ้าสาวกับครอบครัวเจ้าบ่าวพร้อมใจกันเรียนเชิญมาเป็นสักขีพยานถึง 200 โต๊ะ เสียงเพลงบนเวทีขนาดใหญ่ และแสงไฟที่ติดอยู่ รอบ ๆ ลานตากข้าวหน้าโกดังขนาดใหญ่ แล้วยิ้มบาง ๆ ให้กับสักขีพยานรักของพี่หิรัญญากับพี่ศุภโชคก่อนจะหันไปมองที่หน้างานเพราะหวังว่าจะเห็นเงาของพี่ชายคนรอง..

เมขลาดึงโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบ..

“พี่กล้วย พี่อยู่ที่ไหน”

“อยู่บ้าน” เมื่อตอนเช้าหลังจากที่ช่วยแห่ขันหมากเข้ามาบ้านเจ้าสาว ตามประเพณีไทยแล้ว พี่ชายของเธอก็ขอตัวกลับเข้าเมืองไปทำงานที่กำลังเร่งรีบ โดยสัญญาว่าคืนนี้เขาจะกลับมางานกินเลี้ยง ร่วมเป็นสักขีพยานวันแห่งความสุขของพี่ชายคนโต..

“อ้าว..ไม่มางานเลยล่ะ อาหารเริ่มลงโต๊ะแล้วนะ”

“..เดี๋ยวไป..”

“รีบมาเร็ว ๆ เลยนะ”

“ถึงไม่ไป เขาก็แต่งกันจนได้..”

“ไม่ต้องพูดแบบนี้เลย..มานะคะ หนูนารออยู่ตรงปีกซ้ายของงาน เข้าซุ้มดอกไม้มาแล้ว เดินมาทางนี้แล้วกัน..”

หลังจากที่วางโทรศัพท์จากน้องสาว เดชาพงษ์ที่อยู่ในชุดกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อแขนยาวสีชมพูอ่อนพับแขนที่เมขลาเป็นคนเลือกซื้อให้ ก็เปิดประตูรถสี่ประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ..เขาถอนหายใจเบา ๆ ครุ่นคิดถึงแรงกดดันที่ได้รับจากน้องสาว ระหว่างที่แห่ขันหมากของพี่ต้นกล้าไปที่บ้านเจ้าสาวเมื่อตอนเช้าของวันนี้..

“พี่ต้นกล้าแต่งงานแล้ว..ต่อไปก็คิวของพี่กล้วย..”

“อ้าว..พี่มาเกี่ยวอะไรด้วย”

“เพราะถ้าพี่ไม่แต่ง หนูนาก็แต่งไม่ได้”

“ทำไมจะแต่งไม่ได้ล่ะ ให้กฤษณะมาสู่ขอ ทำพิธีตามประเพณี”

“ถ้าพี่ยังโสด หนูนาก็ยังไม่แต่ง..”

“ก็ตามใจ..”

“มีอะไรก็ปรึกษานะ...ช่วยกันได้ก็จะได้ช่วย”

“อย่ามาแก่แดด”

“นะ...แต่งเถอะนะ...” เขานิ่ง แต่เมขลาก็ยังร่ายยาวถึงความสุขจากการได้มีแฟน จนกระทั่งเขาต้องครุ่นคิดถึงดวงหน้าของจรินนาขึ้นมา แต่ว่าตั้งแต่วันนั้น เขาก็แทบไม่ได้เห็นหญิงสาวอีกเลย กระเป๋าใบนั้นเขาก็แสร้งที่จะลืมไปว่ามันเป็นของเธอ เธอเองก็คงจะลืมไปแล้วเช่นกันว่าเคยซื้อกระเป๋าแบบนั้นมาใช้...


จรินนาที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีชมพูเข้ากับรองเท้าสีน้ำตาลและกระเป๋าถือสีเดียวยี่ห้อเดียวกันกับรองเท้าลงจากรถสปอร์ตของเอกรินทร์ หญิงสาวก็กวาดสายตาไปยังบริเวณสถานที่จัดงานเลี้ยง..แม้ว่ามันจะอยู่นอกเมืองแต่ว่า ลานตากข้าวขนาดใหญ่นี้ สามารถรองรับรถยนต์ได้อย่างเต็มที่ และโกดังสามสี่หลังที่เป็นฉากหลังนั้นบ่งบอกให้รู้ว่า เจ้าภาพนั้นมั่งคั่งเพียงใด แสงไฟหลากสีที่ติดอยู่รอบลานข้าว รวมถึงไฟโฟโล่ที่ยิงเข้าเวทีขนาดใหญ่ และฉากหลังบนเวทีก็ยังมีรูปของเจ้าบ่าวเจ้าสาวติดเรียกความน่าสนใจ และยิ่งดึงดูดสสายตาและอารมณ์คนดูยิ่ง ๆ ขึ้น เมื่อชุดของเจ้าบ่าวผู้มีหน้าตาคมคายนั้นเป็นชุดเครื่องแบบสีขาวของนายทหารเรือ เขาโอบกอดเจ้าสาวที่พยายามเมินหน้าหนีปลายจมูกของเขาอย่างมีจริต

และจรินนาก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ผู้การเรือสุดหล่อที่ได้แต่งงานกับแพรวพรรณเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมของเธอนั้น จะเป็นพี่ชายของครูสอนศิลปะเฉย ๆ เชย ๆ คนหนึ่งที่กำลังสร้างความปั่นป่วนหัวใจให้กับเธอ..แต่ว่ามันก็เป็นไปแล้ว..แม้หน้าตาของพี่กับน้องนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ว่าเสื้อผ้ารองเท้าและบุคลิกภาพนั้นดูจะตรงกันข้ามทีเดียว..แต่ว่าเดชาพงษ์ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวชวนให้คิดถึง...
หรือจะเรียกว่ามีเสน่ห์ซ้อนเร้นอย่างที่เอกรินทร์เคยบอกไว้ก็ได้

แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นเขาก็เงียบหายไป เธอแกล้งลืมกระเป๋าใบนั้นไว้เพื่อจะหยั่งเชิงดูว่าเขาจะใช้กระเป๋าเป็นสะพานหรือไม่ เขาก็เงียบไปเสียเฉย ๆ เธอเองก็ไม่มีธุระที่จะไปในโรงแรมที่กำลังเตรียมงานเก็บรายละเอียดกันเป็นโกลาหลจึงไม่ได้พบหน้าของเขาอีก

“งานใหญ่เว่อร์ไปไหม” เอกรินทร์ลงจากรถแล้วเปรยออกมา..จรินนาถอนลมหายใจอย่างแรง พยายามสลัดอารมณ์หงุดหงิดออกจากความรู้สึกและเมื่อคิดได้ว่าอาจจะต้องเจอเขาที่นี่จรินนาก็ไม่อยากเดินเข้าไปในงานเสียแล้ว

“จินอยากกลับบ้านแล้วสิ”

“อ้าว..ไม่ได้นะ มาจนถึงนี่แล้ว แล้วเป็นอะไร อิจฉาเจ้าสาวเขาละซิ”

“ไม่ได้อิจฉา..แค่..แค่..งั้นไปเหอะ..” ว่าแล้วจรินนาผู้มีความมั่นใจเต็มพิกัดตลอดมาก็เดินนำ เอกรินทร์ ชายร่างสูงไปยังบริเวณหน้างานที่มีซุ้มดอกไม้หลากชนิดหลากสีสันจนแทบจะเป็นเขาวงกต ซึ่งมีเจ้าบ่าวเจ้าสาวและญาติ ๆ ยืนรอรับแขกด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข


“หนึ่ง..เอกรินทร์” หิรัญญาสะกิดบอกนาทีที่ช่วยต้อนรับแขกตรงโต๊ะลงทะเบียนเมื่อเห็นเอกรินทร์ เดินมากับสาวสวยนางหนึ่ง..ซึ่งแม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกัน นาทีที่เงยหน้าไปมองก็มั่นใจว่า ทั้งคู่ไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะเอกรินทร์นั้น แลมามองเขา และในชั่วเสี้ยวนาทีนั้น นาทีก็รับรู้ความรู้สึกของเขา..

มันเป็นความปรารถนาจากส่วนลึกที่ซ่อนไว้ เขาเองเคยเห็นเอกรินทร์จากรูปถ่าย แต่พอเห็นตัวจริงของเขาในวันนี้ เขาดูดีกว่าในรูป ด้วยร่างของเขาสูงโปร่ง หน้าแหลม และจุดเด่นของเขาก็คือจมูกที่โด่งเป็นสันและแววตากรุ้มกริ่มนั้น มันทำให้นาทีใจเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างยากระงับ

“ลงทะเบียน เขียนคำอวยพร ด้านนี้ค่ะ” หิรัญญาร้องบอกด้วยรอยยิ้ม จรินนากับเอกรินทร์เดินมาหยุดหน้าโต๊ะ เอกรินทร์เป็นฝ่ายดึงซองจากเสื้อนอกสีชมพูอ่อนใส่กล่องตามธรรมเนียม ส่วนจรินนานั้นถือว่ามากับเอกรินทร์กับส่วนหนึ่งเมื่อเช้าตอนทำพิธีสงฆ์ พ่อของเธอก็ใส่ซองช่วยงานไปแล้ว เธอจึงขอไม่ใส่ซองซ้ำอีก





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ค. 2555, 08:58:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ค. 2555, 19:51:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 3010





<< 8.1 “เมื่อกี้ผมเดินไปรับ ผมก็ต้องเดินไปส่ง เรียนเชิญครับ”    9.1 ตอนพิเศษราชนาวีที่รัก 2 >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 13 ก.ค. 2555, 09:00:45 น.
ตอนนี้เอาของเก่ามารีไรท์...ก็เลยมาได้เร็วครับ....ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจอีกครั้งนะครับ....ผมจะมีอารมณ์และเวลาทำงานอีกแค่สัปดาห์เดียวนะครับ อย่างไรเสียก็ขอกำลังกระทุ้ง ๆ ด้วยนะครับ เพราะว่า อีกสัปดาห์ผมจะหายเข้ากรีบเมฆไปเที่ยวอีกแล้วและพอกลับมา ดีไม่ดีอารมณ์หายไปอีกก็จะกันนานน้านนานอย่างที่เคยเป็นนะครับ พลีสสสสสสสสสสสสสสส


แว่นใส 13 ก.ค. 2555, 09:40:22 น.
เพิ่มมาอีกคู่ละ


imsoul 13 ก.ค. 2555, 09:43:15 น.
มาอีกแล้ว น่ารักมากกก รอซื้อหนูนาอยู่คะ


wagawagamina 13 ก.ค. 2555, 11:35:49 น.


คิมหันตุ์ 13 ก.ค. 2555, 11:56:51 น.
555 ชอบ ๆ ว่าแล้วทำไมถึงชื่อ ว่าสวน คู่รักมาเป็นสวนจริงๆ คิคิ


overtime 13 ก.ค. 2555, 14:43:07 น.
พี่เฟื่องเย็นๆขออีก ตอนซิคะ อยากอ่านๆ


anOO 13 ก.ค. 2555, 15:40:00 น.
อาจารย์กล้วยรีบมาเลยนะ จะได้ครบคู่


nutcha 13 ก.ค. 2555, 18:01:51 น.
มาช่วยเติมพลังให้คุณเฟื่องเผื่อดึก ๆ จะมาลงให้อ่านกันก่อนนอนอีกซักตอน


konhin 13 ก.ค. 2555, 18:48:30 น.
อาจารย์กล้วย อย่าเล่นตัวดิ เดี๋ยวสาวก็ชักสะพานกลับหรอก


goldensun 13 ก.ค. 2555, 20:17:36 น.
ต่างฝ่ายต่างรอ ขนาดทิ้งกระเป๋า หนุ่มกล้วยยังไม่ยอมฉวยโอกาส


Orathai 13 ก.ค. 2555, 21:22:10 น.
นาทีกับเอกรินทร์สบตากับแล้วไงต่อเนี่ย


Zephyr 16 ก.ค. 2555, 21:31:57 น.
เหมือนจะอ่านไปแล้วรอบนึง แต่ก็อ่านอีก ฮ่าๆๆ


lookAme 20 ก.ค. 2555, 18:08:21 น.
มองตาไปมา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account